ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FICTION TWST : Odinary girl in WONDERLAND [ OC ]

    ลำดับตอนที่ #40 : ม่านละครที่สอง : The missing clue (2) [ Complete 100% ]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.51K
      215
      28 พ.ย. 63



    "เจ้ามันฝรั่ง ออกมาจากมุมเสาตรงนั้นเดี๋ยวนี้
    แล้วมาให้ฉันดูใบหน้าของเธอซะดีๆ"

    -วิล เชนไฮน์

    "เบาะแสที่หายไป"

    ***


    "ค้างที่นี่?"

    "ฟุน๊า ค้างที่นี่เรอะ!?"

    "ก็ตอนนี้มันดึกแล้วไงล่ะ จะกลับไปตอนนี้ก็ดูอันตรายออกนี่น่า" เคเตอร์ขยิบตาขณะที่กล่าวด้วยน้ำเสียงร่าเริง "แถมฉันกับริดเดิ้ลจังมีอะไรบางอย่างอยากจะถามพวกเธอทั้งสองคนเพิ่มเติมด้วย น่าสนใจใช่ไหมล่ะ?"

    กริมม์กอดอกมองด้วยสีหน้าเอือมระอา

    "ถามข้าไม่น่าได้ประโยชน์นะ ถามมารีแทนยังจะดีกว่า"

    "เดี๋ยวสิ---นี่นายจะปัดมาให้อย่างงี้เลยเรอะ?" มารีหันขวับมองกริมม์ สุดท้ายเมื่อเห็นท่าทีของเจ้าแมวตรงหน้าก็ตัดสินใจเอ่ยกระแอมแล้วหันมาพูดกับทุกคนแทน "งั้นก็ได้--เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังเอง"

    มารีเริ่มเอ่ยถึงเรื่องราวที่อาจารย์ใหญ่ได้นำมาเล่าให้เธอกับกริมม์ฟัง(แน่นอนว่าได้ยกเครดิตให้คุณคราวลี่ย์ด้วย) เธอเริ่มไล่จากเรื่องช่วงต้นไปจนถึงสิ่งที่น่าจะพอคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดอะไรต่อจากนี้บ้าง

    เสียงส้อมวางลงบนจาน เคเตอร์ที่ทานคัพเค้กพร่องจนเกือบหมด(เพราะรสชาติของมันที่สัมผัสรสได้ไม่มีแม้แต่ความหวานเลยสักนิด) ก็ตัดสินใจพยักหน้า ใบหน้านั้นดูฉายแววจริงจังขึ้นมาบ้างแม้จะมีท่าทางทีจริงทีเล่นอยู่ก็ตาม

    สุรเสียงของริดเดิ้ลที่นั่งฟังเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบเอ่ยขึ้น

    "อย่างงี้นี่เอง อาจารย์ใหญ่คิดแบบนั้นเองเหรอ?" เขาหลับตาด้วยสีหน้าครุ่นคิดต่อจากนั้น "จะว่าไปแล้วผมเองในตอนที่ตกลงจากบันไดก็รู้สึกเหมือนร่างกายขยับไปเองเลยล่ะ"

    "แบบนั้นเอง" กริมม์เอ่ย ใบหน้าขมวดคิ้วมุ่น "แต่ท่าทางของเจ้าก็ดูไม่ใช่คนซุ่มซ่ามนะ"

    "ถ้างั้นเดี๋ยวพวกเราจะไปหาหลักฐานเพิ่มเติมภายในวันพรุ่งนี้ก็ได้ ตอนนี้มันกระทันหันไปหน่อย" มารีกล่าว มือของหล่อนประสานกัน---สำหรับภายในตอนนี้มีแค่หลักฐานของรุ่นพี่เท่านั้นที่ชัดเจน นอกเหนือจากนั้นที่ได้ยินมาทั้งสิ้นคือคำบอกเล่าของอาจารย์ใหญ่กับเรื่องข่าวลือที่เชเนียนเคยเล่าให้ฟัง แน่นอนว่าชวนน่าขัดเคืองใจเสียจริง "ฮึ่ม..."

    "ยังไงก็ตาม ผมว่ามันก็มีโอกาสอยู่ที่เรื่องพวกนี้จะมีคนอยู่เบื้องหลัง" ดวงตาสีเงินเข้มของริดเดิ้ลฉายแววใคร่ครวญ "ใช่ว่าปีก่อนๆจะไม่เคยเกิดเหตุการณ์ลอบทำร้ายกันแบบนี้หรอก เพียงแค่ปีนี้มันผิดปกติมากเกินไปจนเกินกว่าอุบัติเหตุปกติ ยิ่งนี่คือการแข่งขันที่จะถูกถ่ายทอดสดไปทั่วโลกด้วย---คนที่มีความสามารถก็มีแววที่จะกลายเป็นนักแข่งได้ ไม่แปลกเลยที่จะมีคนเล่นสกปรกแบบนี้"

    "อืม...แต่ว่ายังไงนี่ก็ดูแปลกไม่ใช่เหรอ-" ใบหน้าของเคเตอร์เลิกคิ้วขึ้น "ตอนนั้นไม่รู้สึกเลยเหรอว่ามีเวทมนตร์ลมพัดมาจากด้านหลังของนายน่ะ?"

    ริดเดิ้ลพยักหน้า

    "อื้ม ไม่รู้สึกถึงแรงโจมตีเลย"

    ไม่รู้สึกถึงแรงโจมตีหรือ- แวบหนึ่งที่ความคิดผุดขึ้นมาภายในหัวของหล่อน ดวงตาสีน้ำข้าวของมารีหรี่ตาลงเล็กน้อย ถ้างั้นอาจจะเป็นเวทย์ควบคุมก็ได้นะ?

    ภาพของใครสักคนที่เคยเจอภายในโรงอาหารปรากฏขึ้นมาภายในหัวหลังจากนั้น

    หล่อนรีบส่ายหน้าควับเบาๆ ไม่ อะไรแค่นี้มันยังใช้ตัดสินว่าเป็นคนทำจริงๆไม่ได้หรอก

    เธอจำเป็นจะต้องหาเบาะแสให้มากกว่านี้

    "มีคนบาดเจ็บระหว่างคาบแบบนี้ แล้วพวกเราจะทำยังไงต่อล่ะ?" เคเตอร์เอ่ยถาม มารีก้มมองคัพเค้กที่ถูกจัดการทานจนหมดแล้วโดยฝีมือของเขา 

    "เราต้องหาตัวคนร้ายก่อนที่มันจะบานปลายมากกว่านี้" ริดเดิ้ลกอดอกขณะที่มองไปยังมารีด้วยสีหน้าจริงจัง "เพราะงั้นพวกผมจะช่วยพวกเธอสืบเรื่องนี้อย่างแน่นอน"

    สีหน้าของกริมม์ฉายแววตกใจปนระคนสงสัยออกมาถึงคำพูดเช่นนั้นยามได้ยินริดเดิ้ลเอ่ย

    "พวกเจ้านี่นะจะช่วยพวกข้า? เกิดอะไรขึ้นมากันน่ะ? โดยเฉพาะเจ้าเลยเคเตอร์!"

    "เอ๋ นี่พวกรุ่นพี่จะช่วยเหรอครับ!?" ใบหน้าของเด็กสาวฉายแววตกใขจไม่ต่างจากกริมม์ ดูเหมือนมารีเองก็คาดไม่ถึงว่าจะมีคนที่ยอมเชื่อทั้งที่ยังไม่มีหลักฐานอะไรแน่ชัดแบบนั้นด้วย "แต่ว่าพวกเรายังหาหลักฐานกันได้ไม่แน่ชัดเลย..."

    เคเตอร์ขยิบตา

    "เรื่องนั้นมารีจังไม่ต้องกังวลหรอก ก่อนหน้านี้ฉันไปหาข้อมูลกับถามคนอื่นๆมาแล้วล่ะ" กล่าวขณะที่ยังคงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเริงร่า มือนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา "อีกอย่างฉันเองก็ไม่อยากให้เพื่อนร่วมหอของพวกเราถูกเล็งแบบนี้ด้วย ก็ต้องทำอะไรสักอย่างสิ"

    มารีมองไปยังบรรยากาศรอบๆ โดยเฉพาะเอซกับดิวซ์มีสีหน้าบางอย่างแปลกๆยามเมื่อๆได้ฟังเรื่องราวและข้อมูลบางส่วน รวมไปถึงจุดมุ่งหมายที่ตัดสินใจว่าจะจัดคนร้ายกันด้วย

    ขณะที่หล่อนกำลังเลิกคิ้ว ไม่นานนักน้ำเสียงที่ฟังดูจริงจังก็ดังออกมาจากปากของเอซ

    "ถ้าพูดอย่างงั้นฉันเองก็ขอช่วยหาคนร้ายด้วย!" เอซเอ่ย แววตาของเขาฉายประกายแววบางอย่าง...ถ้าให้คิดแล้วล่ะก็คงไม่ใช่เรื่องที่อยากจะช่วยคนอื่นแบบบริสุทธิ์ใจเป็นแน่

    "พวกเราต้องเอาคืนรุ่นพี่โคลเวอร์ให้ได้ครับ!" ดิวซ์เองก็เหมือนกัน เธอเห็นชัดเลยว่าแววตานั่นก็ดูมีอะไรแอบแฝงอยู่แน่ๆ

    "พวกเธอนี่มีไฟกันจังนะ" ริดเดิ้ลกอดอกมอง สายตานั้นจ้องมองราวพิจารณาถึงเจตนาของพวกเขา

    เคเตอร์ฉีกยิ้มอย่างมีเลศนัยราวกับรู้จุดประสงค์ที่ซ่อนอยู่

    "อ่ะ เข้าใจล่ะ---พวกเธออยากเข้าร่วมทีมสินะ?"

    "ฮ่าๆ โดนจับได้ซะแล้วสิ" เอซนำมือไปไว้ที่หลังศีรษะ ท่าทางแลดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรกับการที่ตนโดนยจับได้ผิดกับดิวซ์ที่ใบหน้านั้นฉายแววตื่นตระหนกขึ้นราวกับกระต่ายตื่นตูมไม่มีผิด

    "ปะ เปล่านะครับ!" เด็กหนุ่มเรือนผมสีน้ำเงินเข้มพยายามเอ่ยแก้ตัว ทว่ายิ่งท่าทางลนลานมากเท่าไหร่พวกเขาก็ยิ่งดูออกง่ายขึ้นเท่านั้น "ไม่ใช่หรอกนะ พวกผมแค่พยายามตามหาความจริงเท่านั้นเอง-"

    ไม่สิ พอดูดีๆแล้วก็ไม่ต่างอะไรจากเด็กน้อยที่แอบเก็บลูกอมของตนไว้กินหลังแปรงฟันยามดึกเลยสักนิด พอโดนจับได้จึงมีสภาพที่แสดงชัดออกมาเสียขนาดนี้

    "ให้ตายสิ" ริดเดิ้ลส่ายหน้าราวจนใจกับท่าทางของเอซและดิวซ์ที่ดูออกตัวขนาดนั้นเสียไม่ได้ "ถ้าตามหาคนร้ายได้เดี๋ยวผมจะพิจารณาให้แล้วกัน"

    เสียงของเอซและดิวซ์กำมือแน่นขึ้นราวกับดีใจเนื้อเต้น ใบหน้าของพวกเขาฉีกยิ้มกว้างออกมาอย่างมีความสุข

    " " สำเร็จ! " "

    "กลับมาที่เรื่องนี้ก่อน" ริดเดิ้ลเอ่ยเรียกความสนใจของทุกๆคนมาอีกครั้ง "ถ้าจะจับคนร้ายเราก็ต้องคาดการณ์ก่อนว่าจะทำอะไรต่อไป"

    คาดการณ์เหรอ?

    เด็กสาวเลิกคิ้วด้วยความงุนงง

    "คาดการณ์นี่ยังไงล่ะ?" กริมม์เอ่ยถาม ท่าทางเองก็ดูสงสัยไม่ต่างจากเธอนัก

    "ก็อย่างเช่นคุ้มกันนักเรียนที่จะกลายเป็นเป้าหมายคนต่อไป" ริดเดิ้ลกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังไม่เปลี่ยน สองมือประสานกันที่บริเวณช่วงตัวของร่างกาย "อย่างน้อยเมื่อเกิดอะไรขึ้นเราจะได้ทำการป้องกันนักเรียนคนนั้นอย่างรวดเร็วแล้วจับคนร้ายได้ทันที"

    "ใช้แผนซุ่มดูสินะครับ" เด็กสาวนำนิ้วลูบคางของตนเบาๆ แผนการแบบนี้เธอเองก็เห็นด้วย---เพียงแต่การตามสตอล์กเกอร์อีกฝ่ายที่เป็นเป้าหมายถ้าจับได้คงมีแต่ที่พวกเธอจะจบเห่เป็นแน่ เผลอๆคงโดนโยนบทคนร้ายให้เสียด้วย

    เอาเถอะ ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้...จริงไหมล่ะ?

    "ใช่แล้วมารีจัง แล้วมาเริ่มจากการจับตาดูผู้เข้าแข่งขันว่าใครจะเป็นคนถัดไป" ชายหนุ่มเรือนผมสีส้มเหลืองกล่าวขณะที่นิ้วของเขากดสร้างกลุ่มภายในแแอพมาจิคาเมะ "ฉันสร้างกลุ่มภายในมาจิคาเมะให้ส่งข้อความกันแล้ว อย่าลืมไปดูรูปภาพกันด้วยนะ"

    เด็กสาวกดเปิดโทรศัพท์ขึ้น นิ้วกดลงไปที่แแอพมาจิคาเมะก่อนที่จะทำหน้าราวกับพึ่งนึกอะไรบางอย่างออก

    "จริงสิ ผมยังไม่ได้กดติดตามรุ่นพี่เคเตอร์เลยนี่น่า"

    "เอ๊ะ จริงด้วย ฉันเองก็ยังไม่ได้กดติดตามมารีจังเหมือนกันอ่ะ! ถ้างั้นเดี๋ยวขอแอคเค้าท์หน่อยนะ" เคเตอร์เอ่ยหลังจากที่แผงะไปครู่หนึ่งราวกับพึ่งนึกออก มารีพยักหน้าก่อนที่จะยื่นส่งโทรศัพท์ให้อีกฝ่ายดูแอคเค้าท์มาจิคาเมะของตนเอง---นิ้วของเคเตอร์พิมพ์ชื่อแอคเค้าท์ของหล่อนลงไปก่อนจะกดติดตามพร้อมเชิญเข้ากลุ่ม "เอาล่ะ เรียบร้อย!"

    เด็กสาวกดเข้ากลุ่ม ไล่สายตากวาดมองภาพนับสิบที่ส่งเข้ามาพร้อมกับกริมม์

    "โห รุ่นพี่ไดมอนด์ส่งรูปมาเยอะมากเลยนะครับ" ดิวซ์ร้องขึ้นระหว่างที่นิ้วไล่เช็คภาพแต่ละภาพที่รุ่นพี่หนุ่มเป็นคนจัดการส่งลงกลุ่ม

    เคเตอร์เผยสีหน้าของตนที่ดูดีใจกับคำชมที่ได้รับ

    "ก็น้---า แต่ตอนนี้คงต้องพักผ่อนก่อนแล้วค่อยมาเริ่มออกปฏิบัติการณ์วันพรุ่งนี้เช้าแล้วล่ะ!" ชายหนุ่มผู้เป็นรุ่นพี่ขยิบตา "กริมม์จังกับมารีจังก็มาค้างที่นี่เถอะน้า!"

    "เดี๋ยวสิ พวกข้ายังไม่ได้บอกเสียหน่อยว่าจะค้างที่นี่น่ะ!?" กริมม์ขมวดคิ้ว

    เคเตอร์ฉีกยิ้มมีเลศนัย

    "ถ้างั้นฉันจะตอบแทนเป็นทูน่ากระป๋องให้ ว่ายังไงล่ะ?"

    "น่ะ นี่เจ้า!" 

    "น่าเสียดายแย่เลยน้า" น้ำเสียงของเคเตอร์ที่ราวกับดูเสียดายจริงๆทั้งๆที่ยังปั้นหน้าแสร้งทำยังคงดำเนินต่อไป มารีมองใบหน้าที่แลดูโอเวอร์เสียจับใจ "ทั้งๆที่ฉันกะจะซื้อทูน่ากระป๋องให้กริมม์จังแท้ๆ กระซิกๆ"

    มารีมองด้วยสีหน้าเรียบนิ่งราวกับเอือมระอาไปเสียแล้ว

    มุกแบบนี้เนี่ยนะจะหลอกกริมม์ได้ เอาจริงดิ?

    ทว่าคำตอบที่ดังออกมาจากปากของกริมม์ทำให้เด็กสาวหันมองขวับ

    "ข้าตกลงก็ได้!" มันเอ่ยขึ้นมาชวนให้มารีประหลาดใจ "แต่เจ้าต้องเอาทูน่ากระป๋องมาให้ข้าจริงๆนะเคเตอร์!"

    "แน่นอนสิ!"

    "นี่คิดจะทำอะไรกันแน่ครับรุ่นพี่เคเตอร์?" หล่อนหรี่ตามองอีกฝ่าย

    "ฉันก็แค่อยากชิมฝีมือการทำอาหารของมารีจังเท่านั้นเอง พอดีได้ยินมาจากเอซกับดิวซ์ล่ะน้า" หมายถึงเค้กเค็มตอนนั้นที่เธอทำให้พวกเขาน่ะหรือ? เดี๋ยว---แล้วเรื่องที่อยากจะถามที่พูดไปเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมามันหายไปไหนแล้วน่ะ!? "อีกอย่างมีเพื่อนใหม่ทั้งทีก็อยากให้มาค้างที่นี่ใช่ไหมล่ะ!"

    เดาจุดประสงค์ของชายคนนี้ไม่ได้เลยจริงๆ มารีคิด แต่เอาเถอะ...คงไม่ใช่เรื่องไม่ดีล่ะนะ

    "แล้วเรื่องเสื้อผ้าล่ะครับ?" หล่อนเลิกคิ้วมอง

    "เดี๋ยวฉันให้ยืมก็ได้นะ!" เคเตอร์เอ่ย "ถ้ามารีจังกับกริมม์จังมานอนค้างที่ห้องฉันฉันยินดีให้บริการเต็มที่เลย!"

    มารีกระพริบตาปริบเมื่อเห็นท่าทางแบบนั้น

    "อะ เอ่อ...?" เสื้อผ้านี่จะให้ยืมจริงเหรอ?

    "ไม่ เคเตอร์" น้ำเสียงของหัวหน้าหอแห่งฮาร์ทสลาบิวท์ดังขึ้นมาท่ามกลางความงุนงงของมารี "ถ้ามารีจะมาค้างที่นี่ก็มาค้างที่ห้องของผมดีกว่า"

    อะไรนะ???

    "หัวหน้าหอก็เอากับเขาด้วยเหรอครับ!?" ดิวซ์ร้องลั่น

    "ริดเดิ้ลจัง!?" ดวงตาของเคเตอร์เบิกกว้าง ท่าทางดูคาดไม่ถึงว่าหัวหน้าหอของตนจะเอากับเขาด้วย

    "เคเตอร์---นายเอากริมม์ไป ส่วนผมจะเอามารีไปเอง" เดี๋ยวนะ นี่พวกเขาคิดว่าเธอตกลงจะนอนค้างที่นี่แล้วอย่างงั้นเหรอ!? "เข้าใจแล้วใช่ไหม?"

    ใบหน้าของริดเดิ้ลคลี่ยิ้มขณะกอดอก แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไรนี่ก็เป็นคำสั่งไม่ใช่คำขออย่างแน่แท้

    เคเตอร์กลืนน้ำลายก่อนจะฉีกยิ้มออกมาด้วยใบหน้าเหงื่อตก

    "โดนริดเดิ้ลจังเล่นเข้าซะแล้วสิ" น้ำเสียงที่ดังออกมาจากริมฝีปากนั่นดังด้วยความเสียดาย "งั้นตกลงตามนี้ กริมม์จังไปนอนที่ห้องของฉันแล้วกันเนอะ"

    "ได้เลย ข้าไม่ได้อยากจะนอนกับริดเดิ้ลหรอก" มันตกลงทันควัน "แต่ว่าต้องให้ทูน่ากระป๋องกับข้าจริงๆนะ!"

    "ได้เลยจ้า♦"

    มารีอยากจะถอนหายใจออกมาเสียเหลือเกิน วันนี้ทำไมทุกอย่างถึงได้ดูวุ่นวายขนาดนี้กันนะ? นี่มันวุ่นวายเสียจนเธอตั้งตัวแทบไม่ทันกับอะไรเหล่านี้เลยด้วยซ้ำ

    "สรุปแล้วผมต้องนอนค้างที่นี่จริงๆสินะ" หล่อนเอ่ยขณะที่ฉีกยิ้มบางขึ้นมาด้วยใจที่ว้าวุ่น แต่ได้ค้างที่นี่ก็คงดีอยู่เหมือนกันเพราะเธอก็ขี้เกียจกลับหอเต็มทนในสภาพแบบนี้แล้ว "ขอฝากเนื้อฝากตัวชั่วคราวด้วยนะครับรุ่นพี่โรสฮาร์ท"

    "เรียกรุ่นพี่ริดเดิ้ลสิ" ริดเดิ้ลเอ่ยด้วยใบหน้าเชิงไม่พอใจเล็กๆขณะที่แก้มของเขาพองขึ้น ส่วนมือทั้งสองข้างของเขาก็กอดอก "ผมเองก็อยากให้เธอเรียกชื่อจริงของผมเหมือนกันนะ"

    เด็กสาวฉีกยิ้มค้างขณะที่รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะขึ้นมา

    ดูท่าว่ามารีคงจะต้องเรียกเขาว่าริดเดิ้ลตามคำพูดของหัวหน้าหอฮาร์ทสลาบิวท์คนนี้เสียแล้วล่ะ

    แน่นอนว่าเพื่อความสนิทสนมที่มากขึ้น ไม่ใช่เพราะว่าอีกฝ่ายน่ารักเหมือนน้องชายของเธอหรอกนะจะบอกให้!

    ***

    ห้องนอนของริดเดิ้ล - เวลายามค่ำคืน


    "ผมอาบน้ำเสร็จแล้วนะครับรุ่นพี่ริดเดิ้ล"

    "เข้าใจล่ะ แล้วเสื้อเป็นยังไงบ้าง?" ริดเดิ้ลเอ่ยถามขณะที่มองฝ่ายของรุ่นน้องปีหนึ่งของตนที่เดินออกมาจากห้องน้ำภายในสภาพชุดนอนลายทางปกติ "พอดีอยู่ใช่ไหมมารี?"

    มารี เอเกอร์ที่พึ่งอาบน้ำเสร็จพยักหน้าหงึกหงัก

    "ครับ พอดีมากเลยล่ะ---" หล่อนกล่าวด้วยรอยยิ้มอิ่มเอมใจ "เวทมนตร์เนี่ยสะดวกสบายจริงๆนะครับ"

    แถมยังน่าเชื่อเหลือสุดๆไปเลยด้วย มารีคิดเช่นนั้นขณะที่หล่อนเหงื่อตก นึกไม่ถึงเลยว่าจะเสกชุดนอนออกมาได้

    หลังจากที่หล่อนได้โดนส่งตัวมาค้างคืนกับริดเดิ้ล โรสฮาร์ท หรือรุ่นพี่หัวหน้าหอฮาร์ทสลาบิวท์ที่แสนเอาจริงเอาจังคนนั้น เขาก็ได้มอบเสื้อผ้าที่เสกมาให้กับเธอโดยใช้เวทมนตร์ที่ค่อนข้างกินพลังงาน(แต่เจ้าเสื้อผ้านี่อยู่ได้เพียงแค่วันสองวันเท่านั้น) ซึ่งนับว่ามันเป็นสิ่งๆหนึ่งที่ทำให้แววตาของมารีนั้นเปล่งประกายราวกับตอนที่นางฟ้าแม่ทูนหัวเสกชุดให้ซินเดอเรลล่าออกมาไม่มีผิด

    "ไม่ขนาดนั้นหรอก ขอเพียงแค่เธอมีความเข้าใจในเวทมนตร์เพียงพอก็สามารถทำได้แบบผมแล้ว" ริดเดิ้ลเอ่ยด้วยสสีหน้าจริงจังแม้ว่าจะอยู่ภายในสภาพชุดนอน(เพราะอาบน้ำก่อนเธอ)เฉกเช่นเดียวกันกับเธอ "ของแบบนี้ต้องใช้เวลาในการฝึกฝนกันทั้งนั้น"

    "นั่นสินะครับ" เด็กสาวเรือนผมสีขาวสยายฉีกยิ้มบาง "แต่รุ่นพี่ริดเดิ้ลเนี่ยก็สุดยอดมาก ทั้งเรื่องค้างคืนเองก็ให้มานอนห้องของรุ่นพี่ แล้วก็เรื่องชุดเนี่ยก็เสกให้ด้วย---ใจดีกว่าที่คิดจริงๆนะ"

    ใช่แล้ว ใจดีจริงๆนั่นแหละ

    เป็นความใจดีเหมือนกับที่เอซ ดิวซ์และกริมม์มีให้กับเธอ เป็นความใจดีที่เธอพึ่งได้มาสัมผัสหลังจากที่หลงมาอยู่บนโลกใบนี้

    หลังจากที่ความใจดีนั้นได้จางหายไปนานแสนนาน...

    ดวงตาสีเงินของริดเดิ้ลสบสายตากับเธอ

    "...ถ้าผมบอกเธอว่าผมแค่เห็นแก่ตัวเธอจะเชื่อหรือเปล่า?"

    "เห็นแก่ตัว?" มารีเลิกคิ้ว

    "ออกจะแปลกไปหน่อยที่ต้องพูดอะไรไม่คุ้นเคยแบบนี้" เธอมองริดเดิ้ลที่ดูอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก "แต่ว่า---พอได้เห็นเธอ ผมน่ะ...คิดว่าเหมือนกับพี่สาวเลยล่ะ"

    ดวงตาของเด็กสาวเรือนผมสีขาวเบิกตากว้าง

    "พี่...สาว?" 

    เดี๋ยว...นี่เขารู้เพศที่แท้จริงของฉันแล้วหรือ?

    ใบหน้าของริดเดิ้ลกลายเป็นสีแดงก่ำด้วยความเขินอาย

    "ก็...หน้าของเธอออกจะเหมือนผู้หญิงนี่น่า แถมยัง...ใจดีเหมือนเทรย์ด้วย-" มารีมองใบหน้าของริดเดิ้ลที่เห่อร้อนขึ้นเรื่อยๆขณะที่สุรเสียงยังปรากฏออกมาจากริมฝีปาก ก่อนที่หงอนทั้งสองอันบนศีรษะของเขาจะตั้งขึ้นแล้วกระแอมราวกับแก้เขิน "แฮ่ม---ลืมเรื่องเมื่อกี้ที่ผมพูดไปเถอะ ขอโทษที่พูดอะไรแปลกๆออกมานะมารี"

    ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่รู้สินะว่าเธอเป็นผู้หญิงจริงๆ

    มารีหลุดขำพรืดใหญ่

    "ฮะๆ จริงๆแล้วจะเรียกแบบนั้นก็ไม่เป็นไรหรอกนะ กับรุ่นพี่ริดเดิ้ลแล้วจะยอมให้คิดแบบนั้นก็ได้" กล่าวออกมาขณะที่ใบหน้าของเด็กสาวยิ้มกว้างเมื่อเห็นใบหน้าของรุ่นพี่หนุ่มในนามที่ยิ่งจะมีแต่หน้าเห่อร้อนเข้าไปใหญ่ "อีกอย่างที่จริงแล้วผมอายุสิบเจ็ดสิบแปดแล้วน่ะ"

    "เอ๋!?" ดวงตาของรุ่นพี่หัวหน้าหอฮาร์ทสลาบิวท์เบิกตากว้าง หงอนทั้งสองเด้งขึ้นราวกับตกใจ

    "เรื่องจริงนะ ไม่ได้โม้เลย" หล่อนกอดอก "ก็ผมน่ะเกิดปีค.ศสองพันเจ็ดสิบแปดนี่น่า อายุต้องมากกว่าอยู่แล้วสิ"

    "เดี๋ยวนะ---สองพันเจ็ดสิบแปดเหรอ นี่เธอล้อผมเล่นอยู่หรือเปล่าน่ะ?" ใบหน้าของริดเดิ้ลขมวดคิ้ว

    "ก็ต้องล้อเล่นอยู่แล้วสิ" มารียิ้มพลางหยักไหล่ "ถ้าเกิดค.ศแบบนั้นผมคงมาจากยุคที่เทคโนโลยีเวทมนตร์เจริญรุ่งเรืองกว่านี้แล้วล่ะครับ"

    "แล้วถ้าแบบนั้นเรื่องอายุล่ะ?" เด็กหนุ่มเรือนผมสีกุหลาบถามย้ำอีกครั้ง

    คราวนี้มารีพยักหน้าด้วยแววตาจริงจังไม่โกหก

    "ก็สิบเจ็ดสิบแปดนั่นแหละครับ แต่จริงๆก็สิบแปดแล้วล่ะ" ที่อายุดูไม่มั่นคงแบบนี้คงเพราะว่าก่อนที่เธอจะหลงมายังโลกใบนี้มันเป็นวันที่ยี่สิบสามเมษายนแล้วนี่น่า พอตื่นขึ้นมาภายในโลกทวิสเตดวันเดอร์แลนด์ก็ไม่แน่ใจว่าจะนับอายุได้ไหมเพราะเวลา(ทั้งปีและเดือน)ของโลกใบนี้กับโลกฝั่งของเธอไม่เท่ากันเลยสักนิด---แต่ก็พอปัดอายุขึ้นได้อยู่เสียล่ะมั้ง?

    "ผมก็พอเชื่ออยู่หรอกนะ ในเมื่อเธอดูเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในหมู่สามคนนั้นแล้ว" ริดเดิ้ลหลับตาด้วยสีหน้าจริงจัง "แต่ว่าไม่ว่ายังไงก็ตามก็ต้องเรียกผมว่ารุ่นพี่ริดเดิ้ลอยู่ดีนะ เข้าใจใช่ไหม?"

    "ก็ต้องเรียกแบบนั้นอยู่สิครับ" มารียิ้มกว้าง "ก็รุ่นพี่ริดเดิ้ลเป็นคนที่พึ่งพาได้นี่น่า"

    ใบหน้าของเด็กหนุ่มขึ้นสี

    "งั้นเหรอ" มารีเกือบหลุดยิ้มขำแล้วเมื่อเห็นเด็กหนุ่มพยายามคงสีหน้านิ่งจริงจังไว้เต็มที่ "ถ้างั้นพวกเราไปนอนกันเถอะ ขืนนอนดึกสุขภาพของเธอจะเสียเอานะ"

    มือของเขาคว้ามือของเธอเอาไว้ก่อนจะพาเด็กสาวไปยังเตียงตัวใหญ่

    พยายามทำตัวให้ดูพึ่งพาได้อยู่สินะ มารีฉีกยิ้มอ่อนโยนออกมา นัยน์ตาสีน้ำข้าวหลุบตาลง ทั้งๆที่ฉันแค่ชมไปงั้นๆเท่านั้นเอง

    ไม่อยากจะให้ความรู้สึกที่พึ่งพูดออกไปกลายเป็นคำโกหกแบบนี้เลยแฮะ

    "เธอนอนฝั่งนี้นะ เดี๋ยวผมจะนอนฝั่งทางด้านซ้ายเอง" เขากล่าวขณะที่เดินไปขึ้นเตียงที่อีกฝากฝั่งตรงข้ามกับเธอ ไฟภายในห้องปิดลงยามเมื่อทั้งเขาและเธออยู่บนเตียงด้วยกันสองคน

    "ราตรีสวัสดิ์นะ" สุรเสียงของริดเดิ้ลดังขึ้น

    "ราตรีสวัสดิ์ครับ" มารีเอ่ยตอบ

    เสียงพูดคุยภายในห้องจบลง เหลือทิ้งไว้เพียงร่างของเด็กสาวที่นัยน์ตาสีน้ำข้าวยังคงแหงนหน้ามองเตียงไซต์ใหญ่---ความมืดมิดมาพร้อมกับความเงีนยบสงัดและเสียงหายใจเต้นเป็นจังหวะของริดเดิ้ลที่คล้ายกับในที่สุดจะจมลงสู่ห้วงนิทราไปเสียแล้ว

    มารีพลิกตัวมามองร่างของริดเดิ้ลที่นอนหันมาทางด้านฝั่งขวามือของเธอ เปลือกตาปิดสนิท หายใจสม่ำเสมออย่างมีชีวิตชีวา

    พอหลับแบบนี้ดูเป็นเด็กน้อยไปเลย หล่อนคิดเช่นนั้นขณะที่จ้องมองเขาไม่วางตา มือนั้นกำผ้าห่มเล็กน้อย ทั้งที่ปกติวางตัวเป็นผู้ใหญ่ต่อหน้าของทุกคนได้แท้ๆ

    "...ท่านแม่"

    เสียงแผ่วเบาของเขาดังขึ้น ดวงตาของเด็กสาวเบิกตากว้างเล็กน้อย

    "ผม..." คล้ายกับเสียงละเมอที่ปรากฏออกมาจากปากของริดเดิ้ลจะยังคงก้องกังวานต่อไปภายในห้องนอนที่เงียบสงัด "....อยากลองเล่น...กับเพื่อนๆดูบ้าง..."

    "วันเกิด...อยากจะลอง...ทานทาร์ต...สตอว์เบอร์รี่-"

    ราวกับกำลังพูดกับท่านแม่

    "ถ้าทำ...แบบนั้น...ท่านแม่...จะยังรักผม...อยู่ไหมครับ?"

    หยาดน้ำตาร่วงหล่นลงมาเช่นนั้น คำพูดจบลงเหลือเพียงแค่เสียงสะอื้นที่ลบอดแผ่วออกมาราวโศกเศร้า

    มารีมองไปที่มือของริดเดิ้ล เป็นครั้งแรกที่รู้สึกราวกับว่ามือของเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากภาพภายในวัยเยาว์เลยสักนิด---มันทำให้เธอนึกถึงภาพตอนที่เบนจามินฝันร้าย ภาพที่เขาร้องไห้แล้วบอกว่าพ่อแม่ของพวกเธอได้ทอดทิ้งเขาและตัวเธอไป

    เด็กสาวเริ่มร้องเพลงกล่อมเด็กขณะที่กุมมือของเขาเอาไว้ 

    "The other night dear, as I lay sleeping"

    ท่วงทำนองจากเพลงกล่อมเด็กที่เธอเคยร้องเริ่มขึ้น

    "I dreamed I held you in my arms"

    "But when I awoke, dear, I was mistaken" น้ำเสียงที่ร้องขับขานอย่างแผ่วเบาดำเนินกลายเป็นท่วงทำนอง ฝ่ามือทั้งสองของมารีกอบกุมมือของริดเดิ้ลเอาไว้ "So I hung my head and I cried"

    กลั่นกรองสุรเสียงออกมาให้กลายเป็นห่วงทำนอง เช่นนั้นท่วงทำนองเพลงบทนี้จึงได้บรรเลง

    "You are my sunshine, my only sunshine"

    จะกุมสองมือของเขาเอาไว้จนกว่าเด็กหนุ่มผู้นี้จะคลายความเศร้าลงไป

    "You make me happy when skies are gray"

    "You'll never know dear, how much I love you"

    เหมือนกับที่เคยทำกับเบนจามินเมื่อนานแสนนานมาแล้ว

    สิ่งสำคัญที่อยากจะปกป้องจนแม้แต่ชีวิตก็ยอมแลกให้ได้

    "Please don't take my sunshine away"

    เสียงร้องท่อนสุดท้ายที่แสนแผ่วเบาและลากยาวได้เริ่มจบลงเมื่อเสียงของเด็กสาวได้เงียบไป นัยน์ตาสีขาวเฝ้ามองเด็กหนุ่มที่บัดนี้ไร้ซึ่งเสียงสะอื้นแห่งความเสียใจ หลงเหลือเพียงคราบน้ำตาเล็กๆบนใบหน้าที่สงบลง

    ดูท่าว่าเพลงกล่อมที่หล่อนร้องจะทำให้ความเศร้าหมองจางหายลงไปได้

    มือของมารีเริ่มปล่อยมือของริดเดิ้ลลงเมื่อคิดว่าไม่น่ามีอะไรอีกแล้ว ทว่าสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดก็เกิดขึ้น---มือของริดเดิ้ลเอื้อมมือมาจับมือของเด็กสาวราวกับจะรั้งเอาไว้ ไม่มีสุรเสียงขอร้อง ไม่มีใบหน้าที่ลืมตาตื่น มีเพียงแค่การกระทำของเขาที่จับมือของเธอเอาไว้

    นัยน์ตาสีน้ำข้าวของมารีหลุบตามา

    "จริงๆเลยนะ..." กล่าวออกมาเช่นนั้นด้วยน้ำเสียงกระซิบ ความมืดมิดของห้องบดบังลงจนไม่อาจเห็นแววตาของเด็กสาวเรือนผมสีขาวได้เลย "แม้ว่าฉันจะโอบกอดเธอเอาไว้...แต่สุดท้ายอดีตก็ไม่เคยหายไปอยู่ดีสินะ?" 

    ทั้งอดีต ปัจจุบัน ไม่ว่าเมื่อไหร่เด็กคนนี้ก็สง่างามสมเป็นหัวหน้าหอฮาร์ทสลาบิวท์เสมอ

    แต่เสี้ยววินาทีที่มือของเขาจับมือของเธอเอาไว้---ราวกับว่าความเข้มแข็งนั้นแท้จริงแล้วก็มีความบอบบางที่ซ่อนเอาไว้อยู่ เป็นความบอบบางที่อยากจะกุมมือใครสักคนให้อยู่ข้างกายเอาไว้อย่างเอาแต่ใจ

    ถ้าเป็นแบบนั้นแล้ว...

    มือของมารีกุมมือของริดเดิ้ลกลับ

    ฝ่ามือที่มีอุณหภูมิ สัญญาณชีพจรของหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะราวกับมีชีวิตชีวา อีกครั้งและอีกครั้ง เสียงหัวใจและความอบอุ่นจากเส้นเลือดที่ไหลเวียนไปทั่วร่างกายส่งผ่านมาถึงมือของเด็กสาว

    มารีหลับตาลง เฝ้าฟังเสียงหัวใจของเขาขณะที่เธอรู้สึกเหมือนเสียงหัวใจของตัวเองนั้นแผ่วเบากว่าเขาเป็นร้อยๆเท่า 

    ถ้าแค่ค่ำคืนนี้ค่ำคืนเดียวแล้วล่ะก็-

    จะยอมปลอบโลมเด็กหนุ่มคนนี้ให้เหมือนเบนจามินเสียหน่อยก็ได้

    ***


    ห้องนั่งเล่นหอพอมฟิโอเร่ - ช่วงเวลาฟ้าแจ่มใส


    "เอาล่ะ มาครบกันแล้วเนอะ" เสียงเรียกของเคเตอร์ดังขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใสก่อนที่ใบหน้านั้นจะเลิกคิ้ว "แต่ว่าทำไมหน้าของริดเดิ้ลจังถึงได้แดงขนาดนั้นกันล่ะมารีจัง?"

    เด็กสาวภายในชุดเครื่องแบบนักเรียนชายส่ายหัวของตนอย่างจนใจ ขณะที่พวกเธอทั้งสี่คนมารวมตัวกันเพื่อลอบซุ่มจับตาดูว่าใครจะเป็นเป้าหมายคนต่อไปภายในหอพอมฟิโอเร่แห่งนี้

    "ไม่รู้เหมือนกันครับ" ถึงจริงๆจะรู้ก็เถอะว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น

    หลังจากที่เรื่องราวภายในค่ำคืนนั้นจบลงไป วันต่อมาเธอก็มองเห็นริดเดิ้ลที่ตื่นขึ้นมาก่อนเธอด้วยปฏิกิริยาที่แปลกประหลาด จะว่าดูเขินอายก็ไม่ใช่หรือว่าจะไม่พอใจก็ไม่เชิงนัก แต่ท่าทางนั้นออกจะดูกึ่งเขินกึ่งกระวนกระวายเสียมากกว่า


    "ขอโทษที่ผมเผลอนอนจับมือของเธอไปนะ" เขาเอ่ยขึ้นภายในห้องขณะที่มารีเปียผมสีขาวยาวของตน "แต่ว่าช่วยอย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครทีได้ไหม?"

    มารีพยักหน้าหงึกหงักตอบรับไป


    "ผมไม่ได้เป็นอะไรเคเตอร์" ริดเดิ้ลเอ่ยย้ำแม้ว่าจะยังมีท่าทางที่คิดเรื่องเมื่อคืนไม่หาย "ผมสบายดี ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น"

    "แน่ใจเร้อ" เอซลากเสียงยาว ท่าทางดูไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่ริดเดิ้ลพูดเสียเท่าไหร่

    "เงียบหน่อยสิพวกเจ้า" กริมม์เอ่ย ท่าทางเหมือนว่ามันจะจับสังเกตได้ว่ามีคนอยู่ภายในที่แห่งนี้

    ไม่นานนักพวกเขาก็มองเห็นร่างของคนทั้งสามคนที่ปรากฏออกมา เป็นร่างของชายหนุ่มเรือนผมสีเหลืองบ็อบสั้น นัยน์ตาสีเขียวมรกตเปล่งประกาย ขณะที่ร่างของเด็กหนุ่มตัวเล็กเรือนผมสีม่วงอ่อนแกมน้ำเงินพาสเทลกำลังนั่งอยู่บนโซฟาสีน้ำเงินเข้มภายในห้องนั่งเล่นของหอพอมฟิโอเร่ ขณะที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากพวกเธอมีแผ่นหลังของชายเรือนผมสีบลอนด์แกมปลายม่วงอยู่

    แน่ล่ะว่าชายหนุ่มเรือนผมสีเหลืองและชายหนุ่มเรือนผมสีบลอนด์นั้นเธอรู้จัก แต่กับเด็กหนุ่มร่างเล็กที่เธอเคยเห็นผ่านๆภายในโรงอาหารไม่เคยได้ทำความรู้จักกันมาก่อนเลย

    "ก่อนอื่นเลยต้องเป็นที่นี่" เสียงของเคเตอร์ที่อยู่ใกล้ๆพวกเธอดังขึ้น นัยน์ตาสีมรกตมองไปยังชายหนุ่มเรือนผมสีเหลือง "จากเคเตอร์เช็คแล้ว คนนั้นคือรูค ฮันท์ ปีสามล่ะนะ คนที่ไว้ผมสีบลอนด์สั้นกับสวมหมวก"

    "ปีที่แล้วรุ่นพี่ฮันท์เองก็เป็นผู้เล่นที่โดดเด่นเหมือนกัน" ริดเดิ้ลเอ่ยขึ้นหลังจากที่กลับมาเป็นปกติไม่เขินอายแล้ว

    "โอ๊ะ ใช่คนที่นั่งอยู่ตรงนั้นรึเปล่า?" ดิวซ์เอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย

    มารีเหงื่อตกเมื่อเห็นนัยน์ตาสีเขียวมรกตของรูคที่หันมาสบสายตากับตนที่กำลังซ่อนตัวอยู่ ก่อนที่ไม่นานนักเขาจะเบนสายตากลับไปมองที่เด็กหนุ่มร่างเล็กและวิลตามเดิม

    เด็กสาวเลิกลั่ก

    ดูท่าว่ารอบนี้มีหวังอยู่ที่หอนี้อีกนานแน่ๆ

    "อ๊ากกก เหมือนมีแสงวิ้งๆออกมาเลย" เอซปิดตาของตัวเองราวกับตาบอดจากแสงแห่งความสง่างามที่จ้าออกมา

    "โนๆ เอเปลคุง ตอนที่ดื่มชาอย่าเอานิ้วเรียวสวยจับเช่นนั้นสิ" สุรเสียงของรูคยังคงเอ่ยออกมายามสอนเอเปลที่กำลังนั่งข้างๆ หล่อนมองท่าทางของเด็กหนุ่มที่ชื่อว่าเอเปลที่กำลังอดทนอยู่ 

    เอเปลคนนั้นตอบกลับเสียงแผ่ว

    "เอ่อ...อ่า---ครับ ขอโทษด้วย"

    "เฮ้อ...ไม่รู้เลยว่าตอนแข่งจะแต่งหน้ายังไงดี" สุรเสียงของวิลดังขึ้น "แป้งรองพื้นของFelicite Cosmeticตัวใหม่ขจะเป็นแบบไหนกันนะ?"

    ขนาดตอนแข่งยังแต่งหน้าอยู่อีกเหรอคะ... มารีเหงื่อตกขณะที่หลบมุมอย่างสุดความสามารถเพื่อไม่ให้ที่หันหลังเห็นตนได้ ถ้ารูคไม่บอกวิลคงไม่รู้หรอกว่าเธอแอบฟังอยู่ที่นี่

    "ฮ่าๆ Rois de Poison(ราชาแห่งพิษ) วิลที่รัก" รูคขยับหมวกขณะที่เอเปลเปลี่ยนท่าจับถ้วยชา "แสงของเธอไม่ค่อยจะส่องสว่างเท่าใดเลย คงต้องใช้เครื่องสำอางค์แทนไปก่อนนะ"

    น้ำเสียงของวิลที่จริงจังดังขึ้นมา

    "เรื่องนั้นรู้อยู่แล้วล่ะนะ ถ้าอยากคว้าแรงค์ที่สูงกว่านี้คงถอยกลับไม่ได้แล้ว แต่ว่า...-" ชายหนุ่มผู้งดงามกล่าวเช่นนั้น และแล้วสายตาก็ปรายมองไปยังมุมเสาที่พวกเขาใช้หลบกันอยู่ "นี่ เจ้ามันฝรั่งออกมาจากมุมเสาได้แล้ว เอาใบหน้าของเธอมาให้ดูซะดีๆ ซ่อนไปก็เปล่าประโหยชน์"

    "มันฝรั่ง หมายถึงพวกเราเหรอ!?" ดิวซ์แผงะ

    มารีกลืนน้ำลายเมื่อรู้ว่าหมายถึงตนเอง

    "โดนจับได้ซะแล้วสิ" เคเตอร์เกาศีรษะอย่างจนใจ "ดูท่าว่าพวกเราคงต้องออกไปกันแล้วล่ะ"

    มารีเป็นคนแรกที่ก้าวออกมาจากมุมเสา เรือนผมสีขาวของตนถักเปียเป็นอย่างดีเปล่งประกายสวยงามในสายตาของวิลกับรูค ขณะที่คนอื่นๆค่อยๆทยอยออกมากันเรื่อยๆด้วยใบหน้าเหงื่อตก(โดยที่สีหน้าของรูคกับวิลนิ่งราวกับรู้อยู่แล้ว ส่วนเอเปลแผงะไปชั่วขณะ)

    ริดเดิ้ลเตรียมจะเอ่ยคำขอโทษออกมา ทว่าเด็กสาวกลับยกมือเชิงห้ามเอาไว้ก่อน

    "แฮะๆ สวัสดีครับรุ่นพี่เชนไฮน์ รุ่นพี่ฮันท์" มารีพยายามยกยิ้มอย่างเป็นมิตรที่สุด "ขอโทษด้วยนะครับที่พวกเราพากันมาแอบดูพวกคุณแบบนี้นะ"

    "ฉันก็อยากจะเอาเรื่องพวกเธออยู่หรอกนะ" วิลกอดอก ใบหน้าจ้องเขม็งมองทีละคน "แต่ถ้ามีมันฝรั่งที่งดงามอย่างเธอมาเกี่ยวแบบนี้ด้วยคงช่วยไม่ได้ จะยอมปล่อยผ่านไปก่อนแล้วนะ"

    มือขวาของชายหนุ่มจับผมเปียสีขาวราวกับหิมะที่ถูกเปียอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยขณะที่มือซ้ายของวิล เชนไฮน์คว้ามือของเด็กสาวขึ้นจับ นิ้วโป้งถูไถลงบนฝ่ามือของหล่อนเบาๆ นัยน์ตาสีม่วงอ่อนมองเส้นผมเงางาม ใบหน้าและริมฝีปากที่ดูชุ่มชื้นมีเนื้อหนังมากขึ้น แม้แต่ผิวก็ดูสุขภาพดีอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่มือเองก็ไม่ได้แห้งอาการหนักเหมือนคราที่เจอกันอีกต่อไป

    ทันใดนั้นความคิดบางอย่างก็ปรากฏเข้ามาภายในหัวของโมเดลระดับโลก

    มารีเหงื่อตกเมื่อเห็นวิลฉีกยิ้ม

    "ดูเหมือนพวกเธอจะต้องการข้อมูลบางอย่างจากหอของฉันสินะถึงได้ตามเป็นปาปารัสซี่แบบนี้" รอยยิ้มนั้นแสยะขึ้น นัยน์ตาสีม่วงสง่างามของวิลหรี่ลงอย่างเจ้าเล่ห์ขณะที่เขาสบสายตากับเธอโดยไม่แม้จะมีทีท่าละสายตาไป "เอาแบบนี้ไหมล่ะเจ้ามันฝรั่งผู้งดงาม เอาใบหน้าของเธอมาแลกแล้วฉันจะยอมบอกให้ก็ได้นะ"

    เอซปิดปาก ใบหน้าตกตะลึงเมื่อภาพที่เห็นบัดนี้ราวกับฉากสวีทในละครโรแมนติกสักเรื่อง(แต่มันคือละครระทึกขวัญสำหรับมารี)

    ดิวซ์และกริมม์อ้าปากค้าง

    เคเตอร์เหงื่อตก

    ริดเดิ้ลถอนหายใจออกมา

    ส่วนคนที่โดนรั้งตัวเอาไว้หน้าซีดลง

    "ขอความกรุณาด้วยนะครับ..." มารีเอ่ยเสียงเบา นัยน์ตาสีน้ำข้าวที่ฉายแววเลิ่กลั่กสบตากับวิลที่แสยะยิ้ม

    ดูท่าว่ารอบนี้เธอน่าจะโดนเหมือนวันนั้นที่เข้ามาภายในหอพอมฟิโอเร่อีกแน่ๆ มารีสัมผัสได้!

    ***


    สาส์นจากไรท์ 

    : สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นเลยต้องขออภัยที่ออกมาแค่25%นะคะ เนื่องจากว่าไรท์อยากจะมาบอกว่าต่อจากนี้อาจจะไม่ได้อัพดีเพราะอาทิตย์หน้ามีสอบแล้วล่ะค่ะ(โค้ง) อาจจะทำให้การอัพเดตล่าช้าไปพักใหญ่ๆ แถมไรท์ก็กลัวว่าถ้าหายไปนานเดี๋ยวทุกคนลืมเนื้อเรื่องไปก่อน เพราะงั้นแแล้วเลยออก25%มาให้ยังไงล่ะคะ(?)

    ในส่วนของการอัพเดตครั้งต่อไปอาจจะเป็น100%แล้วล่ะค่ะ แต่คิดว่ากลับมาอัพได้เต็มที่คงเป็นช่วงปิดเทอมนู่นเลย เพราะงั้นไรท์จะขอเปิดโหมดกระดึ๊บๆไปก่อนนะคะ ขออภัยด้วยจริงๆนะรีดเดอร์ทุกท่าน(กราบเบญจาคประดิษฐ์)

    ปล. ใครที่กำลังสอบช่วงนี้ขอให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีนะคะ ไรท์ขอเป็นกำลังใจให้นะ เพราะเดี๋ยวอาทิตย์หน้าไรท์ก็จะต้องไปเดา...เอ้ย กาข้อสอบแล้วล่ะ!

    ***

    สาส์นจากไรท์

    : สวัสดีค่ะ ในที่สุดเราก็ได้กลับมาพบกันสักทีหลังจากที่ไรท์ลงตอนไม่สมบูรณ์ออกไป แน่นอนว่าไม่ได้มีอะไรมากเป็นพิเศษนอกจากความกาวที่เพิ่มเข้ามาอย่างแน่นอนค่ะ(?)

    สำหรับตอนนี้...อยากบอกว่าเหมือนโมเม้นท์จะมีเยอะพอสมควรเลย แต่ไม่ต้องห่วงค่ะเพราะตอนต่อไปที่เป็นเนื้อเรื่องหลักก็จะมีเหมือนกัน(?) แต่ว่าตอนหน้าจะลงบทเสริมพิเศษของมาเลอุสก่อน ดังนั้นตอนหน้าอาจจะต้องรอสัปดาห์หน้าเลยนะคะ! สำหรับใครที่สอบเสร็จหมดแล้วขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ ส่วนไรท์ก็สวดมนตร์ภาวนาต่อไป(?)

    ปล. ไม่ต้องห่วงนะเลโอน่า ถึงบทนายจะน้อยแต่จะออกมาให้เชยชมแน่นอน ไม่ต้องห่วง(?)

    ปล.2 สำหรับเพลงที่มารีร้อง คือเพลง You are my sunshine เพลงกล่อมนอนที่มีออกมานานมากแล้วนะคะ ลองไปฟังเนื้อหาตัวเต็มของมันกันได้นะ มีคนร้องหลายคนเลย!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×