ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FICTION TWST : Odinary girl in WONDERLAND [ OC ]

    ลำดับตอนที่ #35 : ม่านละครที่สอง : Ominous creep (1)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.26K
      153
      22 ต.ค. 63



    "บล็อตถูกบันทึกเอาไว้ตั้งแต่สมัยยุคประวัติศาสตร์รุ่งโรจน์แล้ว
    ยังมีปริศนามากมายที่ยังไม่ถูกไขกระจ่างแม้จนบัดนี้ แม้แต่เรื่องผลข้างเคียงนั่นก็เช่นกันครับมารีคุง"

    -เดียร์ คราวลี่ย์


    "ลางร้ายคืบคลาน"

    ***


    ห้องอาจารย์ใหญ่ - เวลายามเที่ยงสดใส


    "อาจารย์ใหญ่ ขออนุญาตนะครับ"

    "ขออนุญาตครับ"

    เสียงของดิวซ์เอ่ยดังขึ้นเป็นคนแรกยามเมื่อมือหนาของเขาเป็นคนเปิดประตูเข้ามาภายในห้องทำงานของอาจารย์ที่ถูกประดับล้อมไปด้วยเหล่ารูปภาพของตัวร้ายทั้งเจ็ด หรือหากจะให้พูดก็คงจะเป็นเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ทั้งเจ็ดสำหรับโลกใบนี้เสียมากกว่า

    คราวลี่ย์นั่งอยู่ที่ตรงเก้าอี้ตัวสูงเหล่านั้น เครื่องแต่งกายหรูหราทำให้ร่างของอีกฝ่ายดูลึกลับมาสง่าราศีขัดกับบุคคลิกภายในนัก

    มารีผงกศีรษะของหล่อนทำความเคารพแก่อาจารย์ใหญ่เบาๆ

    "ทุกคนมาที่นี่กันครับแล้วสินะครับ" น้ำเสียงท่าทางเป็นการเป็นงานเอ่ย "ถ้าอย่างงั้นผมขอเข้าเรื่องเลยแล้วกัน---ผมได้ตัดสินใจแล้วว่าจะต้องบอกเรื่องหนึ่งให้กับพวกเธอเพราะเป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับทุกคนที่ต้องการจะเป็นนักเวทย์"

    "เรื่องโอเวอร์บล็อตอย่างงั้นเหรอครับ?" ดิวซ์เอ่ยถาม

    "ครับ ใช่แล้ว"

    คราวลี่ย์พยักหน้า

    "ฉันเคยได้ยินพี่ชายพูดอยู่เหมือนกัน---ถ้าเกิดว่ามีบล็อตมากเกินไปจะทำให้นักเวทย์กลายเป็นอะไรสักอย่างไป" เสียงดังมาจากฟากของเอซ ชายหนุ่มเรือนผมสีแสดแดงกอดอกขณะที่เอ่ยอธิบายให้ฟัง "เหมือนเข้าสู่ห้วงแห่งความมืดอะไรแบบนี้"

    "ฉันเองก็ได้ยินที่รุ่นพี่ลิเลียเขาพูด" ครานี้เด็กสาวเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น ตัดสินใจจะเอ่ยแค่เรื่องราวเท็จจริงยกเว้นตำนานออกไป "พอใช้เวทย์มากๆเข้าเห็นว่าจะเกิดอาการโอเวอร์บล็อตขึ้นมาแล้วก็คลั่งไปเลย"

    "แล้วสรุปเจ้าบล็อตนี่มันคืออะไรกันล่ะ?" เสียงของกริมม์เอ่ยถามด้วยความงุนงง มันพยายามจะทำความเข้าใจในสสิ่งที่แต่ละคนนั้นอธิบายมาแล้วทว่าก็ดูไม่ได้ผลเท่าที่ควรนัก สีหน้าสงสัยของมันบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่างงเกี่ยวกับสิ่งที่ได้ยินออกมาจากปากของแต่ละคน

    "คงจะต้องอธิบายให้กริมม์คุงเข้าใจก่อนสินะ หน้าที่อธิบายไว้ใจผมได้เลย---เพราะผมน่ะเป็นคนใจดีอย่างไรล่ะ" รอยยิ้มกว้างถูกขยับขึ้นบนใบหน้าของคราวลี่ย์ที่ฉีกยิ้มราวกับเป็นผู้มาโปรด ก่อนที่เสียงกระแอมจะดังขึ้น "อะแฮ่ม- บล็อตคือขยะประเภทหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นหลังจากใช้เวทมนตร์ เปรียบได้กับยานพาหนะที่สร้างมลพิษจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง ดังนั้นแล้วการร่ายเวทมนตร์ก็เหมือนกับการสร้างมลพิษขึ้นมานั่นแหละครับ"

    เด็กสาวลูบคาง...จะว่าไปแล้วหนังสือที่เธอนั้นซื้อมาจากร้านของแซมเองก็มีกล่าวถึงเอาไว้อยู่เช่นกัน ทว่าข้อมูลที่ถูกเขียนเอาไว้นั้นก็น้อยเหลือเกิน

    "แล้วเรื่องที่ว่าหลังจากบล็อตก็จะเกิดอาการสูญเสียพลังเวทย์ไปล่ะครับ?" เด็กสาวเอ่ยคำถามของตนเองออกไป ใบหน้าของกริมม์ ดิวซ์และเอซมองตรงมาที่อาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนไนท์เรเวนคอลเลจ "ผมเห็นว่ารุ่นพี่ริดเดิ้ลมีอาการนี้เลยสงสัยนิดหน่อยน่ะ"

    "จริงด้วยอาจารย์ใหญ่ นั่นก็เป็นผลข้างเคียงจากอาการโอเวอร์บล็อตหรือครับ?" เสียงของดิวซ์เอ่ย

    นิ้วของคราวลี่ย์แตะที่ปลายคาง ชั่วขณะหนึ่งที่ดวงแสงสีอำพันหรี่ตาลงราวกับกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องบางอย่าง ไม่นานนักใบหน้าของเขาก็หันกลับมาสบดวงแสงกับนัยน์ตาของพวกเธออีกครั้งพลางส่งส่ายหน้าราวจนใจ

    "เรื่องนี้ผมเองก็ไม่ทราบเช่นกันครับ ต้องขอโทษด้วย" คราวลี่ย์เอ่ยขณะที่ทำท่าทางราวกับจนปัญญา "แม้ว่าบล็อตจะถูกบันทึกภายในยุคสมัยที่ประวัติศาสตร์นั้นรุ่งโรจน์ ทว่าก็ยังมีปริศนามากมายที่ยังไม่ถูกไขกระจ่างดีนัก...เรื่องของผลข้างเคียงนั่นก็เช่นกันครับมารีคุง มันถูกบันทึกเอาไว้ที่หน้าประวัติศาสตร์น้อยมากเลยล่ะ"

    บันทึกเอาไว้น้อยมากๆสินะ เด็กสาวหรี่ตาครุ่นคิด ดวงตาสีน้ำข้าวกรอกตาไปมาเล็กน้อย ถ้าอย่างงั้นนี่ก็เป็นอาการหายากหรอกหรือ...แสดงว่าสิ่งที่เรากังวลไปเป็นแค่ความคิดมากของเราใช่ไหม?

    ดีแล้วล่ะ

    "บล็อตนั้นเปรียบเสมือนพิษ หากมีมากเกินไปก็จะส่งผลเสียแก่ร่างกายเลยล่ะ" เสียงของคราวลี่ย์ดังก้องเข้ามาภายในหัว

    "แบบนี้นี่เอง" เสียงพึมพำของเอซดังแว่วเข้ามาขณะที่เขายังอยู่ใกล้ๆเธอ "คุณย่าเองก็เคยบอกเหมือนกันว่าถ้าไม่อยากบล็อตก็อย่าร่ายเวทย์พร่ำเพรื่อ พูดประมาณนี้เลย"

    "พลังที่แข็งแกร่งมักมาพร้อมกับความเสี่ยง" เสียงของคราวลี่ย์ดังขึ้นมา ชั่วขณะนั้นดวงแสงสีอำพันของเขาหยุดมองมาที่เธอจนมารีเบือนตามองไปทางอื่นเงียบๆ "ไม่ว่านักเวทย์จะแข็งแกร่งแค่ไหนแต่ก็ไม่สามารถใช้พลังจนถึงขีดจำกัดได้"

    "หรือก็คือถ้ายิ่งใช้เวทย์ก็ยิ่งไม่ดีต่อร่างกายเหรอ!?" เสียงร้องตกใจดังออกมาจากปากของกริมม์ที่ทำหน้าเหวอ

    มือของคราวลี่ย์ลูบคาง

    "ไม่ใช่ทั้งหมดหรอกครับ" เขากล่าวขณะที่นำมือออกจากบริเวณคางของตน ไม่นานนักมือทั้งสองข้างของคราวลี่ย์ก็ตรบมือเกิดเสียงดังก้องไปทั่วห้องกว้างใหญ่ที่เงียบสงัด "แสดงให้เห็นเลยคงจะเข้าใจได้ง่ายกว่า"

    สิ้นสุดเสียงตรบมือที่ดังก้องไปทั่วห้อง---พลันเหล่าวิญญาณตนต่างๆก็พลันผุดขึ้นลอยเหนือเข้ามาสู่ห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่---มาีมองด้วยสายตาที่แปลกใจขณะที่เพื่อนๆของเธออีกสามคนที่เหลือต่างมีสีหน้าตกตะลึงปนตกใจเพราะการปรากฏตัวของเหล่าวิญญาณที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน

    "วิญญาณทุกท่านครับ ถึงเวลาทำงานแล้ว!" เสียงของคราวลี่ย์เอ่ยขึ้นราวกับสนุกสนานยามเมื่อเห็นวิญญาณกำลังทักทายเขาด้วยความเป็นมิตร พลันหันมามองหล่อนแล้วกวักมือเรียกเข้ามา "มารีคุงเองก็ถอยมาทางนี้ได้เลยนะครับ"

    "อ่า...หะ?" เด็กสาวก้าวเข้ามาอยู่ฝั่งของคราวลี่ย์

    กริมม์หันหน้ามอง

    "เดี๋ยวสิ แล้วพวกข้าล่ะ!?"

    "เอ๋...อะไรเนี่ย?" เสียงร้องดังออกมาจากปากของเอซที่ตกตะลึงอยู่

    "ก่อนอื่นเลยก็ขอยืมแรงช่วยแสดงให้หนุ่มๆพวกนี้ได้เห็นเป็นขวัญตาด้วยนะครับ" คราวลี่ย์ยิ้มตาปิด

    ร่างของบุคคล(และตน)ทั้งสามเบิกตากว้าง

    เสียงของดิวซ์เปล่งออกมาจากริมฝีปากด้วยความตกใจ

    "เอ๋!!?"

    "โย้ชช ลุยกันเถอะ!!" เสียงร้องยินดีดังออกมาจากปากของเหล่าวิญญาณประจำโรงเรียน "จะวนไปรอบๆแล้วนะ!"

    "เตรียมปากกากันให้พร้อมด้วยนะครับ!" ใบหน้าของคราวลี่ย์เอ่ยด้วยรอยยิ้มกว้าง "ชั่วโมงเรียนพิเศษกับอาจารย์ใหญ่อย่างผมยังไม่จบหรอกนะ"

    "มารี ช่วยพูดอะไรสักอย่างให้กับเจ้านั่นที!!" เสียงกรีดร้องของกริมม์ดังขึ้นเมื่อเห็นว่าเหล่าวิญญาณเริ่มเคลื่อนกายไปรอบๆ

    เด็กสาวเผยยิ้มอ่อนออกมายามเมื่อเห็นแววตาคาดหวังจากคนทั้งสามว่าหล่อนจะสามารถช่วยพวกตนออกจากสถานการณ์นี้ได้

    มือของมารียกมือโบกเบาๆ

    "โชคดีนะทั้งสามคน"

    เรื่องนี้ฉันช่วยพูดอะไรไม่ได้หรอกนะ เอาเป็นว่าจะคอยให้กำลังใจอยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน!






    - เวลาผ่านไป -


    เสียงหอบหายใจดังไปทั่วบริเวณห้องทำงานของคราวลี่ย์ยามเมื่อเหล่าวิญญาณทั้งหลายหายตัวออกไปจากห้องเมื่อเสร็จสิ้น[ คาบเรียนพิเศษ ] ที่คราวลี่ย์ได้พูดถึงเอาไว้

    มารีมองอาจารย์ที่เพียงดีดนิ้วห้องทำงานกว้างใหญ่ที่เคยยับเยินเล็กๆน้อยๆก็กลับมาคงสภาพปัจจุบันดั่งเดิม ดวงตาสีน้ำข้าวมองเวทมนตร์ที่อาจารย์ใหญ่ได้ร่ายขึ้นโดยที่นัยน์ตาแสดงความสนใจอย่างเห็นได้ชัด ไม่นานนักใบหน้าของอีกฝ่ายก็หันมามองตน---ริมฝีปากรวมถึงรูปตาบนหน้ากากแสดงให้เห็นถึงสีหน้ายิ้มตาปิดของเขาได้ชัดเจน

    "สนใจหรือครับมารีคุง?"

    "อ่า...นิดหน่อยครับ" หล่อนเอ่ยตอบ อดไม่ได้จริงๆที่จะไม่พยายามสนใจเจ้าเวทมนตร์นั่น "เวทมนตร์เนี่ยจะดูกี่ครั้งก็ดูมหัศจรรย์มากจริงๆนั่นแหละ"

    ดวงแสงสีอำพันหรี่ตาลง

    "แต่ผมเองก็คิดว่ามารีคุงก็มหัศจรรย์เหมือนกันนะครับ" เขากล่าว รอยยิ้มที่ดูลึกลับถูกวาดลงบนใบหน้า "แถมช่วงนี้ยังดูเปล่งประกายขึ้นจนน่าตกใจเลยล่ะ"

    ใบหน้าของมารีเลิกคิ้ว

    "หือ...?"

    "โอ่ยอาจารย์ใหญ่!" เสียงเรียกจากกริมม์ที่พึ่งหายหอบดังขึ้นมาโวยวาย "นอกจากคุยเรื่องบล็อตแล้วก็สู้กับผีที่เหลือก็ไม่ได้ทำอะไรเลยไม่ใช่รึไง!?"

    ใบหน้ายิ้มระรื่นของอาจารย์ใหญ่ยังคงดำเนินต่อไป

    "กริมม์คุงลองสังเกตุที่คริสตัลดูสิครับ"

    ศีรษะของเจ้าปีศาจตัวน้อยก้มมองที่ปลอกคอของตน ไม่นานนักดวงตาของมันก็พลันเบิกตากว้างขึ้นยามเมื่อเห็นรอยขุ่นหมองจุดเล็กๆประดับอยู่ที่คริสตัลสีอ่อนของตัวเอง ดวงตาของกริมม์เบิกตากว้างขึ้นยามเมื่อมันพบเห็นความผิดปกติภายในคริสตัลของมัน ซ้ำไม่ว่าจะปัดกวาดอุ้งเท้านุ่มๆของตนเพื่อหวังจะเช็ดมันเท่าใดก็กลับเช็ดไม่ออกเสียที

    ใบหน้าของมันฉายแววตกใจออกมา

    "ฟุน๊า!? คริสตัลของข้ามันมีรอยแปลกๆอยู่ด้วย!" กล่าวขณะที่อุ้งเท้านุ่มนิ่มพยายามจะเช็ดมันออกไป "แถมใช้อุ้งเท้าเช็ดเท่าไหร่ก็ไม่ออกเลย!" 

    "รอยด่างบนคริสตัลมันก็คล้ายกับหยดน้ำหมึก" อาจารย์ใหญ่เอ่ยอธิบายขณะที่มารีหรี่ตามองรอยด่างสีดำ ไม่ว่าจะมองยังไงมันก็ทำให้เธอนึกถึงรอยหยดหมึกสีดำภายในบ้านคนแคระแและรอยหมึกของริดเดิ้ลในตอนที่โอเวอร์บล็อตไม่มีผิด "โดยบล็อตพวกนี้นั้นก็มาจากการใช้เวทมนตร์ของพวกเรานั่นเอง"

    มือของเอซและดิวซ์หยิบปากกาเวทมนตร์ขึ้นมาสำรวจโดยละเอียด

    "อ่ะ! พอมองใกล้ๆแล้วก็เหมือนจะมีรอยดำบนปากกาคริสตัลของผมจริงด้วย!?" ดวงตาสีน้ำเงินเหลือบมรกตเบิกตากว้างด้วยสีหน้าตกใจปนเป็นกังวลเล็กน้อย มารีเห็นเช่นนั้นก็คงคิดว่าเด็กหนุ่มเองก็คงจะพึ่งรู้เรื่องอะไรเป็นครั้งแรกแบบนี้เสียละกระมั้ง?

    "เอ๋! นี่มันดูสมปรกสุดๆไปเลยไม่ใช่รึไง!?" เสียงของกริมม์เอ่ยดัง

    เด็กสาวเอื้อมมือขึ้นลูบคางของตนเองเบาๆ

    "อืม...แล้ววิธีที่จะรักษาผลข้างเคียงพวกนี้ล่ะอาจารย์ใหญ่?" หล่อนเอ่ยถามคราวลี่ย์ ใบหน้านั้นขมวดคิ้วเล็กน้อย "ผมเองไม่ได้อยากจะต้องมาเรียกสติเพื่อนของผมทีละคนทีละคนให้หายหรอกนะ แบบนั้นมันจะแย่เอา"

    ใบหน้าของแต่ละคนนั้นดูฉายสีหน้าตื่นตระหนกขึ้นยามเมื่อจินตนาการถึงท่าทางตอนโอเวอร์บล็อต มารีมองแล้วก็อดทำให้แวบหนึ่งรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาไม่ได้

    คราวลี่ย์พยักหน้า

    "มีสิครับ" 

    "เฮ้อ โล่งอกไปที!" อุ้งเท้าของเจ้าแมวทาบบริเวณอกของตน

    "แค่พักเสียหน่อยบล็อตนั้นก็จะหายไปตามกาลเวลาเองครับ" อาจารย์ใหญ่กล่าว สายตาจ้องไปยังคริสตัลวิเศษของแต่ละคน "นอกจากนี้คริสตัลวิเศษไม่เพียงแค่เพิ่มศักยภาพในการร่ายเวทย์ แต่ยังช่วยป้องกันบล็อตที่เกิดจากการสะสมของผู้คนด้วย...ช่างเป็นสิ่งวิเศษที่ช่วยแบ่งเบาภาระได้ดีเยี่ยมจริงๆ"

    "อย่างงี้นี่เองสินะครับ" ดิวซ์เอ่ยขณะที่พยักหน้าอย่างเข้าใจ "หรือก็คือถ้าคริสตัลวิเศษเริ่มกลายเป็นสีดำเมื่อไหร่ก็ต้องพักผ่อนให้เพียงพอสินะ?"

    "ตามนั้นครับ กินให้อิ่ม นอนหลับให้เพียงพอแล้วบล็อตจะหายไปตามปกติของมันเอง" คราวลี่ย์อธิบาย

    "อะไรกัน!" กริมม์กอดอกของมันเมื่อโล่งใจว่าบล็อตนั้นจะสามารถหายไปได้ตามปกติ "ถ้างั้นพอข้าเป็นนักเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่แล้วก็ยังใช้ไฟ ปังๆ! ได้เหมือนเดิมล่ะสินะ! ---เพราะยังไงก็กินอิ่มนอนหลับตลอดเวลาอยู่แล้ว"

    "มานาของแต่ละคนจะแตกต่างกันไป" มารีมองคราวลี่ย์ที่เหมือนจะยังอธิบายไม่จบ "แต่จะมีกรณีหนึ่งที่ความแตกต่างนั้นจะไม่ส่งผลต่อขีดกำจัดบล็อตที่คนๆนั้นรับไหวได้"

    "หืม?" หล่อนเลิกคิ้ว

    "หมายความว่ายังไงน่ะ?"

    "เช่นโรสฮาร์ทคุงที่มีมานาเยอะมาก" ชายอมนุษย์ร่างสูงกล่าว คำว่ามานาทำให้เธอนึกถึงศัพท์ในเกมประเภทแนวRPGไม่มีผิด "จึงต้องระวังไม่ให้บล็อตคอยสะสมไปเรื่อยๆนั่นเอง"

    มารีพยักหน้า

    เข้าใจล่ะ... หล่อนคิดในใจ เหมือนกับในกรณีที่ใช้พลังแล้วไม่รู้สึกอะไร แต่พอหยุดใช้ผลข้างเคียงจะถาโถมเข้ามาสินะ?

    "ถ้าเราใช้เวทย์แบบไม่สนใจอะไรบล็อตมันก็จะเข้าครอบงำนั่นแหละ" เอซเอ่ย

    "ถ้าควบคุมมานาได้ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ" คราวลี่ย์เอ่ยด้วยใบหน้าจริงจัง มือสองข้างยกขึ้นกอดอก "เข้าใจนะครับ!"

    "อย่างกับว่าสนุกมากเลยนะครับท่าทางแบบนั้นน่ะ!" เอซขมวดคิ้ว

    "ถ้าใช้เวทมนตร์มากเกินไป คริสตัลก็จะกลายเป็นสีดำ..." กริมม์ทำท่าทางใคร่ครวญ "แล้วตัวข้าผู้นี้จะตกไปอยู่ภายในห้วงแห่งความมืดไหม? ปีศาจยักษ์ที่โผล่ออกมาแบบนั้นดูน่ากลัวมากเลย..."

    "จำนวนบล็อตที่สะสมขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจของแต่ละคนด้วยครับ" น้ำเสียงดังออกมาจากริมฝีปากของคราวลี่ย์ เนื่องจากดวงแสงสีอำพันมิใช้ตาจริงๆของเขาเลยทำให้เด็กสาวไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังเอ่ยด้วยแววตาแบบไหนอยู่ "ความโกรธ ความเศร้า ความกลัวและความสับสน...จะกลายเป็นพลังด้านลบที่ทำให้บล็อตปรากฏขึ้นมาได้ง่าย และจะทำให้การโอเวอร์บล็อตเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าปกติด้วย"

    "พลังงานด้านลบ..." ดิวซ์เอ่ยเสียงแผ่วเบา

    "เงายักษ์ด้านหลังของโรสฮาร์ทคุงที่ปรากฏอยู่ด้านหลังคือพลังงานด้านลบที่เกิดจากไอเสียของบล็อต ในส่วนของรายละเอียดยังไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่" มารียังคงยืนนิ่งฟังคำกล่าวของคราวลี่ย์ "ยังไม่มีใครรู้เกี่ยวกับบล็อตอีกเยอะ เพราะกรณีนี้จะเกิดขึ้นน้อยมาก"

    "ใครมันจะอยากให้เกิดขึ้นกันเล่า" ใบหน้าจริงจังของเอซปรากฏขึ้นมา เขากอดอกขณะขมวดคิ้ว "ไม่มีใครอยากจะให้เกิดขึ้นหรอก"

    "โชคดีที่สติของโรสฮาร์ทคุงยังกลับมาได้ ไม่อย่างงั้นล่ะก็--" คราวลี่ย์เอ่ย ไม่นานนักเขาก็เปล่งเสียงออกมาราวกับจะกรีดร้อง มือทั้งสองข้างขยับไปมาราวกับเป็นกังวล "อ้ากกก ผมไม่อยากจะคิดถึงมันเลย!"

    "หวา ไม่ต้องตะโกนก็ได้มั้ง" กริมม์สะดุ้งตัวโหยงกับเสียงตะโกนก่อนจะเอ่ยขึ้นมา "ตกใจหมดเลยเนี่ย!"

    คราวลี่ย์กระแอม

    "แฮ่ม ขออภัยครับ พอดีว่าเผลอไปเสียหน่อย" เอ่ยเช่นนั้นขณะที่เปลี่ยนสีหน้าลนลานมากลายเป็นจริงจัง มือทั้งสองข้างของเขากอดอก "นี่ก็พูดมายาวแล้ว หวังว่าจะเข้าใจเรื่องเวทมนตร์กันนะ ทุกคนเองก็อย่าลืมซะล่ะนะครับ"

    พวกเธอทั้งหมดขานรับ

    " " ครับ " " 

    "ก็อย่างที่ว่าไป ชั่วโมงเรียนพิเศษกับอาจารย์ใหญ่ผู้แสนใจดีได้จบลงแล้วครับ!" คราวลี่ย์อ้าแขนกว้างออกราวโอบอ้อมอารี "เอาล่ะ ขอเชิญทุกคนกลับไปที่ห้องเรียนได้แล้วครับ"

    "เดี๋ยวก่อนสิครับ"

    เสียงเรียกของเด็กสาวดังขึ้นหลังจากที่คราวลี่ย์เอ่ยจบไปได้ไม่นานนัก คราวลี่ย์มองมาที่เธอราวกับสงสัยว่าเด็กสาวผู้มาจากต่างมิติยังคงหลงเหลือความสงสัยอะไรเอาไว้อยู่

    ทุกอย่างเงียบลงไปชั่วขณะหนึ่ง และไม่นานนักเด็กสาวก็เอ่ยถาม

    "คือว่าเรื่องนั้นน่ะ" หล่อนเอ่ยเรื่องวิธีกลับโลกเดิม สบสายตากับอาจารย์ใหญ่อย่างมีเลศนัย "คุณไปค้นหามาแล้วรึยังครับ?"

    "เรื่องนั้น?" ดิวซ์งุนงง 

    ท่ามกลางความสงสัยของเหล่าผู้คนที่กำลังงุนงงว่าเด็กสาวพูดเรื่องอะไรออกมา มีเพียงแค่คราวลี่ย์เท่านั้นที่รู้ว่าเรื่องนั้นคืออะไร สีหน้าเลิกลั่กของเขาปรากฏออกมาพร้อมกับหยาดเหงื่อที่ไหลผุดลู่ลงคาง

    "อ่ะ อ่าา....เรื่องนั้นสินะครับ แน่นอนว่าผมกำลังค้นหาอย่างสุดความสามารถเลยล่ะ! เพียงแค่ช่วงนี้มันจะยุ่งๆหน่อย" คราวลี่ย์เอ่ย แต่ทว่าหน้าตาดูจะโกหกไม่ค่อยเนียนเสียเท่าไหร่เมื่อเด็กสาวหรี่ตาจ้องเขม็งมองมาจนอีกาหนุ่มต้องเอ่ยปากแก้ตัว "เอ่อ...ไม่ได้โกหกด้วยนะครับ เพราะตอนนี้ผมกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันเมจิกเคิลชิฟระหว่างหอที่จัดในเดือนตุลาคมอยู่ งานเลยล้นมือไปหมดแล้ว"

    คิ้วของเด็กสาวเลิกขึ้น

    "เมจิกเคิลชิฟ?"

    "เมจิกเคิลชิฟ?" กริมม์เองก็เอ่ยทวนไม่ต่างจากเธอ ใบหน้าของมันงุนงง ศีรษะเอียงเล็กน้อยเมื่อไม่สามารถเข้าใจความหมายของมันได้ มารีเองก็เช่นกัน สภาพใบหน้าของเธอตอนนี้ราวกับคนที่สมองประมวลผลไม่ค่อยทันนัก

    ครานี้ทั้งเอซและดิวซ์เผยสีหน้าตกใจออกมา แม้แต่คราวลี่ย์เองก็ไม่ต่างกัน

    และมหกรรมการอธิบายก็เริ่มขึ้น




    โถงทางเดินไนท์เรเวนคอลเลจ  -​ เวลาฟ้าครึ้ม


    "เมจิกเคิลชิฟ...ทำไมกันนะ" เสียงร้องโอดโอยของกริมม์ดังขึ้นมาระหว่างที่ร่างของมันกำลังเดินกลับหอแรมแชตเกิลไปพร้อมกับมารี "ทั้งๆที่มันคือโอกาสที่นักเวทย์อัจฉริยะอย่างตัวข้าจะได้เวลาเฉิดฉายแล้วแท้ๆ...!"

    "อะไรกันกริมม์" เด็กสาวเอ่ย จังหวะก้าวเดินของหล่อนเร็วขึ้นเล็กน้อย "เสียใจขนาดนั้นเลยเหรอ?"

    "ก็ใช่น่ะสิ!!" มันทำสีหน้าราวกับจะขาดใจ

    มารีส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้

    หลังจากที่พวกหล่อนนั้นได้รับการอธิบายว่าการแข่งขันเมจิกเคิลชิฟคืออะไร เด็กสาวก็ไม่แม้แต่จะแปลกใจเลยสักนิดที่กริมม์จะร้องโอดโอยออกมาเช่นนี้ด้วยความเสียดาย

    เอซ ดิวซ์ และคราวลี่ย์อธิบายให้พวกเธอทั้งสองที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรว่าการแข่งขันเมจิกเคิลชิฟคือกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดภายในโลกทวิสเตด วันเดอร์แลนด์( ค*ิดดิช มองยังไงก็ค*ิดดิชชัดๆ เด็กสาวคิด ) โดยกฏกติกาก็คือการเลี้ยงแผ่นดิสโก้ด้วยเวทมนตร์แล้วทำให้มันเข้าประตู ในส่วนของทีมต้องมีจำนวนเจ็ดคน(และใช่ คนในหอเธอมีแค่สองคน...ไม่สิ มีคนเดียวนี่นะ) และเพราะเนื่องจากมันคือกีฬายอดนิยม การแข่งขันควิด...เอ้ย เมจิกเคิลชิฟของโรงเรียนไนท์เรเวนคอลเลจที่จะมาถึงเร็วๆนี้จึงได้รับความสนใจจากสื่อข่าว และจะมีรายการถ่ายทอดสดออกไปยังทั่วโลก

    นั่นแหละคือเหตุผลที่กริมม์กำลังทำตัวเช่นนี้อยู่ แม้ว่านี่มันจะเป็นเวลาเลิกเรียนแล้วก็ตาม

    "ฟุน๊า..." กริมม์ส่งเสียงร้อง

    มารีมองไปที่เจ้าแมวสีดำแล้วก็อดสงสารไม่ได้ มองไปมองมาไม่นานนักจู่ๆเด็กสาวก็ปิ๊งไอเดียอะไรบางอย่างขึ้นมาได้เมื่อมองไปยังขนสีดำของมัน---เด็กสาวลอบคลี่ยิ้มเมื่อคิดแผนการอะไรดีๆออก

    "กริมม์ ลองไปทำอะไรเปลี่ยนบรรยากาศกันไหม" หล่อนเอ่ยเช่นนั้นขณะที่เจ้าปีศาจหันมามองด้วยความสงสัยทั้งที่ยังซึมอยู่ "อย่างเช่นไปที่หอเดียซอมเนีย?"

    ดวงตาสีฟ้าของมันเบิกตากว้าง

    "หอเดียซอมเนียรึ" ดูท่าว่าหล่อนจะเบี่ยงเบนความสนใจของมันจากเมจิกเคิลชิฟได้บ้างแล้วเมื่อกริมม์หันมองด้วยสายตาใคร่รู้ "เจ้าจะไปที่หอนั้นทำไมกัน?"

    "เอาร่มไปคืนรุ่นพี่ลิเลียเขาน่ะสิ" เด็กสาวตอบ

    "เจ้าหมายถึงเจ้าคนเตี้ยๆเหมือนเด็กน่ะเหรอ?" มันเอ่ย เด็กสาวพยักหน้า---ไม่นานนักมันก็ฉีกยิ้ม "เอาสิ ข้าไปด้วย ข้าอยากไปดูหอเดียซอมเนีย!"

    เธอมองใบหน้าที่ร่าเริงของกริมม์ที่กลับมาอีกครั้ง แม้ว่าจะรู้ว่าพอเรื่องที่ไปหอเดียซอมเนียต้องจบลงกริมม์ก็คงจะกลับมาบ่นถึงเรื่องที่ตนไม่ได้เข้าร่วมเมจิกเคิลชิฟเหมือนเดิม แต่ขอแค่ให้เจ้าปีศาจตนนี้ได้มีความสุขภายในช่วงเวลาสั้นๆก่อนก็คงจะเป็นเรื่องดี

    แถมดูท่าแผนการจะได้ผลด้วยแฮะ

    "งั้นเดี๋ยวกลับไปที่หอแรมแชตเกิลกันก่อนนะ ต้องไปเอาร่มน่ะ" หล่อนเอ่ย "เสร็จแล้วพวกเราก็ไปที่โถงกระจกกันนะ"

    "แน่นอน รีบไปกันเร็วเข้ามารี!" น้ำเสียงที่ดูดีใจนั่นปรากฏออกมาจากปากของกริมม์ขณะที่มันเร่งรุดนำหน้าเธอ "ถ้าขืนช้าข้าจะล่วงหน้าไปก่อนแล้วนะ!"

    "เดี๋ยวสิ!"

    หล่อนรีบสาวเท้าตามเจ้าแมวที่วิ่งออกไปโดยพลัน แต่แล้วฝีเท้าก็มีขยับช้าลงยามเมื่อเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ดังขึ้น---ปรากฏเป็นข้อความที่เด้งขึ้นมาจากหน้าจอโทรศัพท์ของหล่อน เด็กสาวเปิดโทรศัพท์ก่อนจะกดเปิดแอพมาจิคาเมะเมื่อพบว่าคนที่ส่งข้อความนั้นเป็นคนที่หล่อนคุ้นเคยเพราะรู้จักกันมาสักพักหนึ่งแล้ว

    Che'nya : เนี๊ยน ช่วงนี้เหมือนที่ไนท์เรเวนคอลเลจจะจัดเมจิกเคิลชิฟเหมือนรอยัลซอร์ดอะคาเดมี่สินะ!

    Che'nya : ตอนนี้ทางนี้วุ่นวายพอตัวเลยล่ะเนี๊ยน เธอเองก็อย่าลืมดูแลตัวเองด้วย ฝากดูแลเทรย์กับริดเดิ้ลให้ทีน้า 

    Che'nya : พอถึงช่วงนี้ก็มักจะมีข่าวเล็ดรอดนิดๆหน่อยๆออกมาว่ามีการทำร้ายนักกีฬาทางนั้น แต่ความจริงจะเป็นยังไงก็ดูน่าสงสัยใช่ไหมล่ะ? ทั้งจะเป็นเรื่องจริง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องจริง จะเป็นแบบไหนกันนะ?

    Che'nya : ถ้าเรื่องทั้งหมดคลี่คลายแล้วไว้จะไปหานะเนี๊ยน

    "ถ้าเรื่องทั้งหมดคลี่คลาย...หมายความว่ายังไงกันเนี่ย---แถมเรื่องทำร้ายนักกีฬาอีก" เด็กสาวพึมพำเสียงเบา ไม่อาจจะเข้าใจความหมายในข้อความทั้งหมดได้ร้อยเปอร์เซ็นต์นัก แต่มือก็ยังพิมพ์ส่งข้อความตอบกลับไป

    ติ๊ง!

    MaRIEA. : ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่จะพยายามนะครับคุณเชเนียน

    เด็กสาวกดปิดโทรศัพท์ลงเมื่อเสร็จสิ้นการพิมพ์ข้อความ ฝีเท้าของหล่อนเร่งรุดตามกริมม์ที่เริ่มจะวิ่งไปไกลแล้วให้ทันท่วงทีโดยที่ภายในใจยังคงเต็มไปด้วยความสงสัยที่มีต่อรูปประโยคของเชเนียน เพราะตั้งแต่ที่อีกฝ่ายส่งเศษกระดาษที่มีแอคมาจิคาเมะมาข้อความแต่ละข้อความที่ได้สนทนากันส่วนมักก็ดูจะมีแต่อันที่ดูงงๆทั้งสิ้น

    จะพยายามบอกอะไรที่เป็นลางร้ายให้เราหรือเปล่านะ? แต่เขาจะรู้ได้ยังไงกัน? มารีเหงื่อตกขณะที่วิ่งตามกริม์ไป ไว้เอาร่มไปคืนค่อยกลับมาคิดก็คงทันอยู่ล่ะมั้ง?

    เด็กสาวเร่งฝีเท้าวิ่งออกจากโถงอาคารเรียนไป

    ชั่วขณะนั้น ไม่ได้รับรู้เลยสักนิดว่าแสงสว่างที่แขนขวากำลังทอประกายแสงกลายเป็นรูปทรงของอะไรบางอย่าง


    ***


    มันกำลังแฝงตัวอยู่ภายในเงามืด

    ตามทางที่เงียบสงัดยังทางออกของโถงกระจก สายตาของมันจ้องมองไปยังร่างที่เงียบเชียบของราชสีห์ตนหนึ่งที่หลงเหลืออยู่ภายในโถงกระจกเป็นคนสุดท้ายหลังจากที่การประชุมเสร็จสิ้น ดวงตาสีเขียวมรกตที่จ้องตรงไปด้วยสายตาที่มุ่งมั่นนั้นมองอย่างไรก็ช่างน่าเหยียบย่ำทำลายให้จมดินลงไปเสีย

    "ปีนี้ที่หมอนั่นจะต้องพ่ายแพ้" สายตาสีมรกตคมกริบจ้องมองไปยังที่ไหนสักที่หนึ่ง มือนั้นกำหมัดแน่น "คราวนี้ฉันจะต้องชนะให้ได้"

    เงาสีดำของเลโอน่า คิงสกอล่าร์เชื่อมเข้ากับเงาทอดยาวภายในโถงกระจกขณะที่ใบหน้าของราชสีห์แสยะยิ้ม

    ร่างสีดำเรียวเล็กแทรกผ่านเข้าไปภายในเงาของเขา

    "ความพยายามของฉันต้องไม่สูญเปล่า" กล่าวขณะที่ฝีเท้าของตนเริ่มก้าวเข้าไปภายในกระจกประจำหอสะวันน่าห์คลอว์ที่เริ่มสว่างจ้าโดยไม่ได้รับรู้ถึงตัวตนอีกตัวตนที่แฝงเข้ามาเลยสักนิด เสียงหัวเราะดังออกมาเบาๆภายในลำคอสีแทน "แค่นึกถึงสีหน้าที่เจ็บใจของหมอนั่นต่อหน้าคนทั้งโลกก็อยากจะหัวเราะดังๆออกมาแล้ว"

    ความพยายามครั้งนี้ของเขาจะต้องไม่สูญเปล่า แม้ว่ามันจะถือเป็นแผนที่สกปรกสำหรับคนที่ไม่ได้รับรู้อะไรเลยก็ตาม-

    ฝีเท้าของเลโอน่าก้าวเข้าไปภายในกระจกที่จะนำพาไปถึงหอสะวันน่าห์คลอว์

    แม้ว่าจะต้องมีคนประนามเรื่องที่เขาทำลงไป แต่ถ้าหากมันนำพามาซึ่งชัยชนะของเขาได้ ไม่ว่าอย่างไรก็จะทำ

    ชั่วขณะนั้นที่ใบหน้าของเลโอน่าฉีกยิ้มกว้าง

    ชัยชนะที่หอมหวานอันซึ่งไม่เคยได้สัมผัส ในที่สุดก็จะได้เวลาลิ้มลองแล้ว
















    เจ้าหยาดหมึกสีดำแสยะยิ้มในยามสัมผัสได้ถึงเจตนาของชายผู้นี้

    ริมฝีปากของมันอ้าออก ก่อเกิดเป็นเสียงที่มีเพียงมันและเธอที่จะได้ยิน

    กร้วม

    ***

    สาส์นจากไรท์

    : สวัสดีค่ะนักอ่านทุกท่าน ช่วงนี้เป็นยังไงบ้างคะ สบายดีไหม? สามวันนี้ยังไงก็พักผ่อนกันด้วยนะคะ

    สำหรับเรื่องการอัพเดตที่ไรท์มาอัพล่าช้าเนื่องจากเมื่อวานต้องเตรียมสอบย่อยเลยต้องทุ่มกับการจำหนังสือ จนสุดท้ายก็ไม่ได้เลยสักนิด(ปาดนั้มตา) แต่วันนี้มาอัพให้ตามปกติแล้วนะคะ

    สำหรับตอนนี้...อืม? พึ่งจะเริ่มไรท์เลยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรมากเป็นพิเศษนอกจากบทของเชเนียนที่ไรท์กะว่าจะเก็บไว้ไม่หายยาวแบบในเรื่อง เพราะบทของเด็กๆRSAนั้นค่อนข้างน่าสนใจพอตัว ยังไงก็อยากจะเป็นคนจากอีกอะคาเดมี่ที่อยากจะให้อยู่ไปด้วยกันแม้บทอาจจะไม่ค่อยออกก็ตาม(?)

    แล้วก็ ตอนหน้านี้ก็จะได้ไปเยือนที่หอเดียซอมเนียแล้ว ในที่สุดหลังจากที่ค่าตัวของหอนี้แพงมาตั้งนานไรท์ก็จะได้เอาพวกเขาออกแล้วล่ะค่ะ บอกเลยว่าตอนหน้ามีบันเทิงแน่ๆ แต่ไรท์คงต้องขอเวลาไล่อ่านคาร์แรคเตอร์ของคนภายในหอสักพักเลยล่ะค่ะ

    สำหรับประกาศคนที่ชนะโหวตจะมีขึ้นภายในวันพรุ่งนี้ ซึ่งไรท์คงจะต้องสปอยยับๆ(?) ยังไงก็ตามขอขอบคุณรีดเดอร์ทุกๆท่านที่เข้ามาโหวตกันจริงๆนะคะ!

    แล้วก็ๆๆ ตอนพิเศษของคุณรูคจะมาหลังจากที่ไรท์นั้นอัพบทเนื้อเรื่องหลักบทต่อไป จากนั้นจะตามมมาด้วยบทเสริมพิเศษของคนที่ชนะโหวตนะคะ เพราะงั้นแล้วไรท์จะพยายามรักษามาตราฐานในการอัพของตัวเองแล้วไปให้ถึงบทเสริมฯกับตอนพิเศษให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้นะ!

    เอาล่ะ หมดเรื่องที่จะประกาศแล้ว ไว้เจอกันใหม่ภายในตอนหน้านะคะ สวัสดีค่า!

    ปล. ต่อจากนี้คาดว่าน่าจะเดือดพอสมควร แต่ช่วงต้นเรื่องคงคิดว่าน่าจะมีแต่ความกาวไปก่อน(?)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×