ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทนำเพื่อเปิดม่าน : The whisper of chaos (1)
"คนไร้เวทมนตร์ที่ได้กลายเป็นภารโรงกับเจ้าปีศาจก่อความวุ่นวายในงานพิธีปฐมนิเทศที่จะได้กลายเป็นนักเรียนเนี่ยนะ?
อะไรกันล่ะนั่น เห่ยสุดๆไปเลยไม่ใช่รึไง"
-เอซ แทรปโพล่า
'ตบกันซักป้าบไหมคะ... ว่าไปนั่น'
-มารี เอเกอร์
"เสียงกระซิบของความโกลาหล"
***
"ไม่นะออโรร่า ถ้าเกิดว่าเอานิ้วไปตรงนั้นล่ะก็---!"
"เบนจามินคะ เธอคนนั้นน่ะโดนคำสาปจากมาลิฟิเซนต์ล่อลวงอยู่นะ" เสียงเด็กๆของเด็กสาววัยสิบห้าปีเอ่ยขึ้นภายในห้องพักคับแคบที่มีเพียงแสงไฟจากหน้าจอโทรทัศน์ที่สะท้อนภาพฉายของอนิเมชั่นนามเจ้าหญิงนิทราอยู่ภายในขณะนี้ "เพราะเป็นแบบนั้นสุดท้ายแล้วออโรร่าจึงทำได้แค่รอเจ้าชายฟีลิปคนนั้นเข้ามาช่วยยังไงล่ะ"
น้องชายของเธอทำหน้าน้ำตาคลอราวกับไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูดเลยซักนิด ใบหน้าของเด็กชายยู่ยี่จนดูน่าเอ็นดูพิลึก เบนจามินปาดน้ำตาที่คลอบนใบหน้าของตนเองก่อนที่จะเอ่ยขึ้น
"ถ้างั้นเวลาพี่เป็นอะไรไปผมจะไปช่วยพี่เองนะ!"
"ช่วย? ฮะฮะฮะ---เธอยังเด็กอยู่เลยนะเบนจามิน" เสียงหัวเราะคิกคักดังออกมาจากริมฝีปากของเด็กสาวร่างเล็กเรือนผมสีขาวและดวงตาสีน้ำข้าว "งั้นเอางี้นะ ถ้าสมมุติว่าพี่เป็นอะไรไปขึ้นมาจริงๆแค่ออกตามหาพี่ก็พอแล้ว"
เด็กน้อยมองเธอด้วยสีหน้างุนงง
"ตามหา...แค่นั้นเองเหรอพี่?"
"ใช่ แค่ตามหาพี่ก็พอแล้ว" เด็กสาววัยสิบห้าปีเอ่ย ใบหน้าของเธอยิ้มหยี "เพราะว่าเธอน่ะคือคนสำคัญ อย่างน้อยถ้ามีคนสำคัญออกตามหาพี่แค่เพียงซักคนล่ะก็---พี่น่ะ..."
"จะดีใจมากเลยล่ะเบนจามิน"
"...ฝัน?"
ขอบตาร้อนผ่าวเป็นการต้อนรับวันใหม่ที่ประดังเข้ามา แสงสว่างสาดส่องลอดผ่านผ้าม่านภายในห้องที่เธอได้ทำความสะอาดเอาไว้เพื่อใช้นอนกับกริมม์ เด็กสาวที่พึ่งตื่นจากการหลับฝันจ้องมองเจ้าแมวสีดำที่นอนน้ำไหลยืดอยู่ไม่ห่างกายก่อนที่เธอจะค่อยๆลุกออกจากเตียงไปเปิดผ้าม่าน---เหมือนกับว่ารุ่งเช้าจะยังไม่มาถึงที่นี่เต็มที่ดีนักเมื่อแสงตะวันยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้าโดยสมบูรณ์
"ยังเช้าอยู่เลยแฮะ ค่อยปลุกกริมม์ทีหลังเอาก็ได้" ตอนนี้น่าจะซักตีห้านิดๆ...เธอลองคำนวณดูแล้วล่ะนะ "ถ้างั้นก่อนอื่นรีบไปอาบน้ำก่อนดีกว่า..."
เธอคว้าเสื้อผ้าตัวใหม่ที่คราวลี่ย์นำมาให้เธอกับหลังจากที่เหตุการณ์เมื่อคืนก่อนจบลงไป ร่างของเด็กสาวเดินไปยังห้องน้ำส่วนตัวที่อยู่ไม่ไกลจากห้องนอนของเธอเท่าใดนัก เธอเองก็ไม่ค่อยมั่นใจเหมือนกันว่าห้องของหัวหน้าหอมีอภิสิทธิ์อะไรบ้าง แต่ก็คิดว่าแม้แต่ห้องน้ำส่วนตัวที่ไม่ใช่ห้องน้ำรวมน่าจะรวมอยู่ในนี้ด้วย
คงเพราะว่าที่นี่เป็นหอเก่าด้วยล่ะมั้ง... เด็กสาวคิดขณะที่เริ่มเปิดฝักบัว น้ำมากมายไหลลงไปยังอ่างอาบน้ำสีขาวที่เธอไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะได้ลงไปอาบแบบนี้เลยซักครั้ง
ดวงตาสีน้ำข้าวมองภาพสะท้อนของตนเองระหว่างที่รอให้น้ำที่อ่างเพิ่มขึ้น ในวันนี้เองก็ยังเป็นเหมือนเดิม เรือนผมสีขาวสนิทกับดวงตาสีน้ำข้าว ภาพร่างที่พระเจ้ายังวาดไม่เสร็จแต่ก็ถูกเขียนใส่ลงไปเพื่อให้มีตัวตนบนโลกใบนี้โดยยังไม่ทันแต่งแต้มสีใดๆ
รอยยิ้มถูกคลี่ขึ้นอีกครั้งแทนที่ใบหน้าเดิมของเธอ สีสันเพียงหนึ่งเดียวที่ทำให้รู้สึกถึงการมีชีวิตชีวา
ในวันนี้มารี เอเกอร์ ก็ยังคงต้องใช้ชีวิตอยู่ต่อไป
***
"ฮิๆๆ ดูเจ้าแมวที่ยังไม่ตื่นนี่สิ ไม่ใช่ว่าวันนี้มีทำความสะอาดกันหรอกรึ"
"ก็ใช่นะคะ" เสียงของเด็กสาวดังขึ้นขณะที่เขย่าร่างของเจ้าแมวดำที่ยังคงนอนอุดอู้อยู่บนเตียง "กริมม์ ตื่นได้แล้วนะคะ ใกล้จะได้เวลาทำงานแล้วนะ"
"อืม...งื้มๆ...ขออีกห้านาที"
"ขี้เกียจแบบนี้ระวังจะไม่ตื่นอีกหรอกนะ"
"อย่างพวกเราไง!"
"ฟุเนี๊ยนน!!? เจ้าพวกผีอีกแล้วเหรอ!" ร่างของเจ้าแมวน้อยสะดุ้งเด้งออกมาจากเตียงสีขาวที่ยังไม่ถูกเก็บดีนัก ดวงตาสีฟ้านั้นเบิกโพล่งหลุดออกจากอาการสะลึมสะลืออย่างสิ้นเชิง สีหน้าของมันดูตกอกตกใจมากกว่าเดิมเมื่อมองเห็นว่าเด็กสาวก็อยู่ในฝั่งเดียวกับเหล่าวิญญาณด้วย
"จะ-เจ้ามนุษย์ นี่อย่าบอกนะว่าเจ้ากลายเป็นผีไปแล้วน่ะ!?"
"ช่วยเรียกฉันว่ามารีแทนเจ้ามนุษย์สักทีเถอะนะ" เด็กสาวเอ่ยก่อนที่จะส่ายหน้าไปมา "อีกอย่างฉันไม่ได้กลายเป็นวิญญาณไปหรอกค่ะ วิญญาณที่เหลือแค่มาช่วยปลุกเธออีกแรงน่ะ"
"เดี๋ยว แล้วทำไมเจ้าถึงเป็นมิตรกับพวกวิญญาณไปได้ล่ะ?" มันขมวดคิ้วถามเธอ หลังจากนั้นเสียงหัวเราะน่าขนลุกก็ดังขึ้นมาจากวิญญาณนามสมมุติเอ
"เพราะว่ายายหนูมารีโชว์อะไรน่าสนใจให้พวกเราดูยังไงล่ะ คิกๆๆ"
"ยายหนูคนนี้ขยันเอาเรื่อง ตอนที่แกยังไม่ตื่นยัยหนูนี่ก็ทำความสะอาดหอนี้ไปได้ครึ่งหอเลยนา!" เสียงของวิญญาณนามสมมุติซีดังขึ้น "พวกฉันก็เลยมาช่วยปลุกแกด้วยอีกแรงยังไงล่ะ เจ้าหนูกริมม์!"
เจ้าหนูกริมม์... มารีคิด สายตาเลื่อนมองร่างของอีกฝ่ายก่อนจะเริ่มยิ้มขำ ก็เหมาะกับเจ้านี่ดีนี่น่า
"เจ้าหนูกริมม์ เหมาะดีนี่ ฮึๆๆ" เสียงหัวเราะเสริมของวิญญาณนามสมมุติว่าบีดังขึ้น
"ฟุน๊า! ตัวข้าผู้นี้ไม่ได้ชื่อเจ้าหนูกริมม์นะ!" มันร้องโวยวาย "แล้วเจ้า มารี ตัวข้ารู้นะว่าเจ้าหัวเราะอยู่น่ะ!"
มารี...นี่เจ้านี่ยอมเรียกเราด้วยชื่อง่ายขนาดนี้เลยเหรอ?
"ฉันไม่ได้หัวเราะสักหน่อย กริมม์คิดไปเองต่างหากล่ะคะ" เสียงของเธอร้องเอ่ยขณะที่พยายามทำน้ำเสียงให้เป็นปกติ แต่ไม่ว่ายังไงก็ดูไม่แนบเนียนเลยซักนิด "ไม่ขำแล้วก็ได้ค่ะ ตอนนี้รีบลงไปทานอาหารเช้าแล้วไป---"
"ฉันไม่ได้หัวเราะสักหน่อย กริมม์คิดไปเองต่างหากล่ะคะ" เสียงของเธอร้องเอ่ยขณะที่พยายามทำน้ำเสียงให้เป็นปกติ แต่ไม่ว่ายังไงก็ดูไม่แนบเนียนเลยซักนิด "ไม่ขำแล้วก็ได้ค่ะ ตอนนี้รีบลงไปทานอาหารเช้าแล้วไป---"
"อรุณสวัสดิ์ครับทั้งสองคน หลับสบายดีไหมครับ?"
"!!!"
"จะ-เจ้ามาจากไหนน่ะ!?"
ร่างของเด็กสาวสะดุ้งเมื่อพลันสัมผัสได้ถึงการปรากฎตัวของร่างอมนุษย์จากด้านหลังของหล่อน เงาดำพาดทับขณะที่เจ้าปีศาจขนสีดำอีกาอย่างกริมม์ร้องเอ่ยด้วยความตกใจไม่แพ้กับสีหน้าของเธอที่ดวงตาเบิกโพล่งยามหันไปมองคราวลี่ย์ แต่ซักพักสีหน้านั้นก็ดูผ่อนคลายลงเมื่อเห็นว่าเป็นคน(พึ่ง)รู้จัก
"หลับสบายดีอยู่นะคะอาจารย์ใหญ่" เธอเอ่ยพลางคลี่ยิ้ม แม้ว่าตามจริงแล้วมันจะไม่ใช่แบบนั้นก็ตามที "แล้วอาจารย์ใหญ่เป็นยังไงบ้างคะ หลับสบายดีไหม?"
"แหม่ ก็ต้องหลับสบายอยู่แล้วสิครับ---โอ๊ะ คำพูดของคุณทำให้ผมเกือบลืมสิ่งที่จะพูดไปเลย อะแฮ่ม-" คราวลี่ย์ทำท่ากระแอม ท่าทางในวันนี้เขาคงจะมาแจกแจงงานให้พวกเธอแน่ "ในวันนี้ผมมาที่นี่เพื่อจะมาบอกรายละเอียดงานของพวกเธอทั้งคู่ครับ มารีคุง กริมม์"
"เนื่องจากว่ามารีคุงไม่มีเวทมนตร์ ดังนั้นผมจึงขอให้คุณทำความสะอาดทั่วทางเดินไปจนถึงหอสมุดเลยแล้วกันนะครับ" เด็กสาวพยักหน้า จดจำคำพูดของคราวลี่ย์ไปด้วย "เมื่อเสร็จงานแล้วสามารถไปที่หอสมุดเพื่อหาข้อมูลได้ ส่วนเรื่องอาหารไม่ต้องกังวลนะครับ ผมอนุญาตให้พวกเธอเลือกทานโดยไม่ต้องเสียเงินได้"
"เข้าใจแล้วค่ะอาจารย์ใหญ่"
"ชิ...จะยอมทำความสะอาดก็ได้" เสียงของกริมม์ดูราวกับจะเอ่ยพึมพำ "แต่ยังไงข้าก็อยากจะเข้าเรียนแล้วก็ปัง!ตู้มๆๆ ร่ายเวทย์อะไรแบบนี้มากกว่า"
"แบบนั้นเดี๋ยวก็ได้โดนอาจารย์เขาหักคะแนนหรอกนะคะ" เด็กสาวเอ่ย ท่าทางของเธอดูราวกับจะส่ายหน้าอย่างไรชอบกล "แต่เรื่องเรียนไว้ค่อยไปเรียนที่หอสมุดก็ได้นะกริมม์ รีบทำให้สะอาดจะได้ไปเรียนไวๆ คิดว่าไงคะ?"
"ชิ เอาแบบนั้นก็ได้" มันเอ่ย ท่าทางดูอย่างไรก็ไม่ได้เต็มใจทำนักหรอก "ถ้างั้นข้าล่วงหน้าไปก่อนล่ะ!"
"เดี๋ยวสิ!?" เสียงของเด็กสาวเอ่ยร้อง แต่ร่างของกริมม์ก็ดูเหมือนจะล่วงหน้าไปก่อนจริงๆเสียแล้ว "ต้องรีบตามไป...ถ้างั้นฉันไปก่อนนะคะอาจารย์ใหญ่"
"เดี๋ยวก่อนครับมารีคุง ผมขอคุยอะไรกับคุณซักแปปก่อนได้ไหมครับ?"
"คะ?"
เด็กสาวหันหน้ามาสบตากับอีกฝ่ายขณะที่ท่าทางของเธอจับลูกบิดประตูห้องนอนของหอแรมแชตเกิลค้างเอาไว้ ดวงตาสีน้ำข้าวฉายแววสงสัยว่าอีกฝ่ายอยากจะพูดอะไรกับตนกันแน่ แล้วทำไมกริมม์ถึงอยู่ฟังด้วยไม่ได้กัน?
"อย่างแรกผมอยากให้คุณปลอมตัวเป็นผู้ชายน่ะครับ" อาจารย์ใหญ่คราวลี่ย์ร้องเอ่ย "เนื่องจากว่าที่นี่เป็นโรงเรียนชายล้วน เพื่อป้องกันไม่ให้คุณถูกทำอะไรมิดีมิร้ายเลยอยากให้เปลี่ยนคำเรียกตัวเองได้ไหมครับ?"
"ได้ค่ะ" เธอพยักหน้า
"แล้วก็อย่างที่สอง ผมไม่อยากให้เธอใช้พลังโจ่งแจ้งมากเกินไปยกเว้นสถานการณ์ฉุกเฉินครับ" คราวนี้น้ำเสียงของคราวลี่ย์ดูกังวลไม่น้อย ท่าทางที่กอดอกทำให้เขาดูจริงจังมากขึ้นพอๆกับน้ำเสียงที่ถูกเปล่งออกมาจากปาก "เพราะพลังของเธอผมไม่สามารถหาทฤษฎีหรือหลักการมารับรองได้ ถ้าเกิดว่ามีนักเรียนคนใดคนหนึ่งรู้คงเป็นเรื่องใหญ่น่าดูครับ"
"อันนี้ถึงคุณไม่ต้องบอกฉันก็จะทำอยู่แล้วค่ะ"
"แล้วก็อย่างสุดท้าย..." เขากระแอม "ไม่สนใจที่จะมาเป็น---"
เธอมองเขานิ่ง มือหมุนลูกบิดประตูแล้วเปิดออกในทันใด
"ไม่ค่ะ ถ้างั้นฉันไปก่อนนะคะอาจารย์ใหญ่"
ปัง
ประตูห้องนอนถูกปิดเงียบลง เหนือเพียงแค่ร่างของอาจารย์ใหญ่ที่ส่ายศีรษะด้วยความเสียดายต่อคำปฏิเสธของเด็กสาวที่เอ่ยตัดจบโดยไม่ได้ไตร่ตรองเลยซักนิด ทั้งที่งานที่เขามอบหมายให้ก็เป็นงานที่สะดวกสบายไม่จำเป็นต้องออกไปลงแรงกายอะไรแท้ๆ แค่ใช้สมองและสายตาตรวจดูให้ถี่ถ้วนเท่านั้นแท้ๆ
"มารีคุงเนี่ยทำให้ผมประหลาดบ่อยครั้งจังเลยนะ" เสียงพึมพำลอดดังออกมาจากริมฝีปาก "เป็นคนที่แปลกจริงๆเลย ให้ตายสิ"
ทั้งรู้สึกเป็นห่วงในน้ำเสียงตรงไปตรงมากับอารมณ์ที่พยายามจะร่าเริงแบบนั้น ทั้งรู้สึกแปลกๆในทัศนคติและกับการกระทำแปลกๆของเด็กคนนั้น
ดวงแสงสีอำพันหรี่ตาลง
ก่อนที่จะมาโลกนี้เด็กคนนั้นไปเจออะไรมากันนะ?
เอาล่ะ ไม้กวาด พร้อม ที่ตักขยะ พร้อม ที่คีบใบไม้ พร้อม ถังขยะ พร้อม
ฝีเท้าของเด็กสาวหยุดลงใกล้กับทางเดินหลัก
แล้วกริมม์ไปอยู่ไหนกันนะ? โอ๊ะ...ตรงนั้นไง เจอแล้ว
"กริมม์" เธอเดินเข้ามาพร้อมกับอุปกรณ์ทำความสะอาด ดวงตาสีน้ำข้าวมองเห็นร่างของแมวดำที่คล้ายกับว่ากำลังคุยอยู่กับนักเรียนชายคนหนึ่งภายในไนท์เรเวนคอลเลจ "มาอยู่ตรงนี้เองเหรอ แล้วคนตรงนั้น..."
ดวงตาสีน้ำข้าวเลื่อนขึ้นมาจากกริมม์ มองไปยังเด็กหนุ่มคนนั้นที่ยังทำสีหน้าสดใสร่าเริงให้อยู่
"พอดีว่าเจ้านี่เป็นคนอธิบายรูปปั้นพวกนี้ให้ข้าน่ะ!" เสียงของกริมม์ดังขึ้น "แต่ว่าเจ้ามาสายมากเลยนะ คนเขาแนะนำตัวกันไปไหนต่อไหนแล้ว!"
เด็กสาวขมวดคิ้ว
แนะนำตัว? กับนักเรียนเนี่ยนะ มีประโยชน์ตรงไหนเนี่ย?
"นายคือมารีที่กริมม์พูดถึงใช่ไหม ฉันเอซ นักเรียนปีหนึ่ง ฝากตัวด้วยนา"
"อื้ม ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน"
เธอพยักหน้าให้อย่างไม่ใส่ใจกับร่างของเด็กหนุ่มเรือนผมสีแสดสะดุดตากับดวงตาสีร้อนแรง บริเวณตาที่ตาข้างซ้ายมือของเขามีเพ้นท์รูปหัวใจสีแดงเอาไว้อยู่เด่นชัด สวมใส่เสื้อกั๊กสีแดงสดและผูกตราหอไว้ที่แขนข้างซ้ายมือของเด็กหนุ่ม ส่วนท่าทางเองก็ดูร่าเริงอย่างเห็นได้ชัด ดูแจ่มใสร่าเริงไม่มีอะไรผิดปกติดี
เธอเบนสายตากลับมามองกริมม์ อยู่กับเด็กคนนี้ที่มาอธิบายข้อมูลอะไรซักอย่างให้ตัวเองฟังก็คงจะไม่เป็นไรหรอกกระมั้ง พอคิดแบบนั้นเข้าแล้วเธอก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาไม่มากก็น้อย เธอรับมือและทำอะไรมามากพอสมควร...บางทีถ้าปล่อยกริมม์ไว้กับคนๆนี้คงไม่เป็นไรหรอกกระมั้ง
"กริมม์ ถ้าคุยกันเสร็จแล้วก็มาทำความสะอาดด้วยนะ ฉันไปทำก่อนล่ะ"
"เข้าใจแล้วน่า!" เธอเดินไปยังสุดทางเพื่อเริ่มทำความสะอาดจากข้างในมาข้างนอก เสียงของกริมม์ที่เหมือนกับว่าจะคะยั้นคะยอเด็กหนุ่มด้วยความอยากรู้อยากเห็นก็ดังขึ้นมาอีกครา แต่น่าเสียดายที่มันเบาลงจนเธอเองก็ไม่ได้ยินเสียงบทสนทนาของทั้งสองเท่าไหร่นัก
ตรงนี้ใบไม้เยอะดีแฮะ... เธอจับที่คีบพร้อมเพรียง เอนตัวก้มลงเก็บใบไม้ใส่ถุงขยะสีดำด้วยความเชี่ยวชาญ เมื่อเก็บบริเวณรอบๆรูปปั้นสองตัวด้านในสุดเสร็จเด็กสาวก็พร้อมจะย้ายที่ขยับเข้าไปใกล้บริเวณทางเดินที่พวกกริมม์และเอซอยู่ มันคงจะเป็นอย่างงั้นถ้าเกิดว่าเธอไม่สะดุดตากับรูปปั้นจนต้องมองขึ้นไป
...มาลิฟิเซ้นต์? ราชินีหัวใจ?
ดวงตาสีน้ำข้าวที่ราวพึ่งสังเกตอะไรบางอย่างได้จับจ้องมองไปที่รูปปั้นที่เหลือโดยพลัน
เด็กเผลอสาวขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ
ตรงนั้นมีสการ์ ราชินีใจร้าย เออซูล่า จาฟาร์ ฮาเดส...เดี๋ยวสิ นี่มันอะไรกัน? ไม่ใช่ว่าทั้งหมดนี่ต่างเป็นตัวร้ายในอนิเมชั่นของดิสนี่ย์หรือ?
แล้วทำไมถึงต้องสร้างรูปปั้นเหมือนกับเอาไว้สรรเสิรญด้วย โลกใบนี้นี่มันอะไรกันแน่เนี่ย?
แปลกจัง...แปลกสุดๆไปเลย แต่ว่ายังไงก็ต้องมีสมาธิกับงานก่อน
เด็กสาวตัดสินใจรวบรวมสมาธิใหม่ เริ่มจัดการเก็บกวาดใบไม้ใส่ถุงดำอย่างรวดเร็วขณะที่จัดการทางเดินให้สะอาดตา ฝีเท้าของเด็กสาวเดินไปทำความสะอาดจุดต่างๆ ขณะเดียวกันที่เธอก็ได้ยินเสียงบทสนทนาชัดขึ้นเรื่อยๆ
"นั่นคือราชาที่คุมกฎสัตว์ร้ายแห่งสะวันนา" เสียงของเอซดังขึ้นขณะที่เธอขะมักเขม้นกับการทำความสะอาดและฟังเงียบๆไปด้วย "ความจริงแล้วก็ไม่ได้เกิดมาเป็นราชาหรอก แต่อาศัยจากการวางแผนที่จะยึดครองราชบังลังค์ได้อย่างแยบยลต่างหากล่ะ"
"หลังจากเป็นราชาก็อนุญาตให้พาไฮยีน่าที่ใครๆต่างก็รังเกียจเข้ามาอาศัยอยู่ในอาณาจักรด้วย"
เด็กสาวเกือบทำที่คีบใบไม้หล่น...อะไรนะ? สการ์เป็นราชาแทนที่ซิมบ้าน่ะเหรอ ไม่น่าเชื่อไปหน่อยหรือไง?
หรือว่าเพราะเป็นต่างโลกกันนะ เธอล่ะไม่เห็นจะเข้าใจตรงไหนเลย
เด็กสาวตัดสินใจที่จะเงียบไป เธอตั้งสมาธิอยู่กับงานกึ่งหยุดทำความสะอาดเพื่อมาฟังเป็นบางจังหวะโดยพยายามไม่ให้ผิดสังเกตจนเกินไปนัก(เพราะว่าเธอไม่เคยรู้สึกอยากจะฟังเรื่องอะไรแบบนี้จริงจังมาก่อนเท่านี้เลยนะ!) จะทั้งเรื่องของจาฟาร์ที่ครอบครองตะเกียงวิเศษและได้เป็นสุลต่าน หรือจะเป็นเรื่องราวของแม่มดแห่งท้องทะเลผู้เมตตาที่ช่วยทำให้ความรักของแอเรียลสำเร็จ ฮาเดสก็ดี ประวัติและเรื่องราวที่พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือแบบนี้บอกตามตรงว่าคนที่เคยเช่าอนิเมชั่นเรื่องนี้มาดูแบบเธอไม่ชินอย่างแรง
เห็นทีที่ปกติที่สุดคงมีราชินีใจร้ายกับมาลิฟิเซ้นต์ ถ้าเบนจามินที่ชอบอะไรแบบนี้ได้มาฟังคงตื่นเต้นและขอให้เอซเล่าเพิ่มแน่ เด็กสาวเก็บกวาดใบไม้กลุ่มสุดท้ายของทางเดินใหญ่ ขอแค่เก็บกวาดอีกนิดหน่อยตรงที่เธอทำงานอยู่ก็จะเคลียร์แล้ว
พอได้ฟังเรื่องราวพวกนี้เธอก็รู้สึกคิดถึงเบนจามินขึ้นมา เด็กคนนั้นจะยังร่าเริงอยู่รึเปล่านะ เธอเองก็...ไม่สิ ก็เห็นตลอดนั่นแหละว่าเขายิ้ม โดยเฉพาะตอนที่ได้ดูออโรร่าด้วยกัน
แต่ตอนนั้นก็นานมาแล้วนินะ
"แล้วก็ยังสามารถแปลงร่างเป็นมังกรขนาดมหึมาได้ด้วยล่ะ!"
"โห! มังกรเหรอ! ปีศาจทุกคนต้องดูเป็นแบบอย่างแล้ว!"
เหมือนว่าทางนั้นจะคุยกันใกล้จะจบแล้วล่ะมั้ง แถมนักเรียนเท่านี้ก็หายไปแล้วบางส่วนด้วย เธอคิดหลังจากที่สอดส่องมองไปรอบๆเมื่อเห็นว่านักเรียนบางส่วนเริ่มทยอยออกจากบริเวณสวนและทางเดิน กริมม์เองก็คุยซะยาว อย่างน้อยก็ช่วยมาทำความสะอาดหน่อยก็ยังดี
ไม่ใช่ว่าเธอไม่เข้าใจความรู้สึกหรอกนะ เรื่องที่อยากจะเรียนแต่สุดท้ายก็ไม่ได้เรียนน่ะ
แต่ว่ายังไงตอนนี้มันก็-
"นี่ กะ-"
โอกาสพูดของเธอถูกเด็กหนุ่มช่วงชิงไปในวินาทีต่อมา
ใบหน้าของเด็กหนุ่มนามเอซแสยะยิ้มมองไปยังเจ้าแมวสีดำตรงหน้าของเขา
"เท่ไปเลยน้า---...ไม่เหมือนทานุกิแถวนี้หรอก"
เด็กสาวเลิกคิ้วขึ้น ขณะที่กริมม์เองก็มีสีหน้าที่แผงะไป
เอ๊ะ?
***
"อึก..." เสียงของกริมม์ดังขึ้นภายในลำคอ ท่าทางแล้วมันเองก็คงไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยคำพูดออกมาเช่นนี้แน่
จริงๆแล้วเธอเองก็คงจะมองโลกในแง่ดีไปหน่อย นั่นสินะ ต่อให้เป็นคนในโลกนี้ก็คงไม่มีใครมาแนะนำอะไรให้ฟรีๆโดยไม่มีค่าตอบแทนง่ายๆหรอก ไม่สิ ถึงจะมาแนะนำให้ แต่ว่ามันก็คง...
"อุ๊บ...อะฮ่าๆ กลั้นขำไม่ไหวแล้ว! ฮ่ะฮ่าๆๆ!"
มากวนประสาทเล่นเหมือนพวกเด็กที่ไม่รู้จักมารยาทแน่ๆ
นั่นไง...เด็กสาวคิด อยากจะเผยสีหน้าเอือมระอาออกมาให้รู้แล้วรู้รอด เด็กที่นิสัยไม่ดี ชอบไปวอนหาเรื่องชาวบ้านปรากฏออกมาแล้วสินะ
"พวกนายใช่คนที่เข้ามาป่วนพิธีปฐมนิเทศเมื่อวานรึเปล่า?" เสียงของเด็กหนุ่มคนนั้นเอ่ย เป็นเสียงที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ใช่เอาไว้พูดตอนทำตัวมีมารยาทแน่ๆ "คนที่กระจกแห่งความมืดเรียกตัวมาแต่กลับใช้เวทมนตร์ไม่ได้ กับนายเจ้าปีศาจที่บุกรุกเข้ามา"
"ย๊า เป็นพิธีปฐมนิเทศที่ตลกมากเลยนะรู้ไหม?"
...แล้วใครเขาอยากจะมากันล่ะ เธอคิด ใบหน้านั้นฉาบไปด้วยความนิ่งเฉยราวไม่รู้สึกอะไรกับคำเย้ยหยัน ไม่ตอบโต้อะไรออกไปนอกจากคิดในใจเอาไว้เงียบๆ
ก็ดีเหมือนกัน ได้มานั่งฟังอีโก้คนที่คิดว่าตัวเองเหนือกว่าและอยากจะเยาะเย้ยคนที่อยู่ล่างกว่า เธอคิดระหว่างที่ฟังคำพูดของอีกฝ่ายแล้วมัดถุงขยะไปอย่างไม่ใส่ใจ
ได้หมดไปหนึ่งถุงใหญ่ บางทีฉันน่าจะไปขอถุงดำอาจารย์ใหญ่เพิ่มแฮะ
"ฮึ๊ยย หมอนี่เสียงมารยาทชะมัดเลย!" เสียงกริมม์ดังขึ้น นี่เธอต้องไปเตือนเจ้าแมวสีดำนี่รึเปล่านะว่าให้ใจเย็นๆลงก่อน แต่ว่าอาจารย์ใหญ่ก็เคยบอกไปแล้วนี่น่าว่าถ้าสร้างปัญหาอีกจะไล่ออก ยังจำได้อยู่รึเปล่านะ?
"นี่กริมม์ ใจเย็นลงก่อนสิ" เธอจับร่างของเจ้าแมวสีดำเอาไว้ แม้ว่าจะแอบคิดว่าอีกฝ่ายคงจำคำสัญญานั้นเอาไว้ได้ แต่อาการน่าเป็นห่วงจริงๆนั่นแหละ "ถ้านายสร้างเรื่องขึ้นมาเดี๋ยวอาจารย์ใหญ่ก็ไม่เลื่อนขั้นให้นายเป็นนักเรียนหรอกนะ"
"ฮึ๊ยยย แต่ว่าเจ้าหมอนั่น--!"
เสียงกลั้นขำดังขึ้น เธอเบนสายตาไปมองเอซที่คล้ายเจอเรื่องที่ตลกที่สุดในชีวิต
"อุ๊บ-เจ้าปีศาจนั่นเหรอจะกลายเป็นนักเรียนได้น่ะ? ไม่มีทางหรอกมั้ง ฮ่ะฮ่าๆ!" เสียงหัวเราะยังคล้ายไม่มีทีท่าจะหยุด "คนไร้เวทมนตร์ที่ได้กลายเป็นภารโรงกับเจ้าปีศาจก่อความวุ่นวายในงานพิธีปฐมนิเทศที่จะได้กลายเป็นนักเรียนเนี่ยนะ? อะไรกันล่ะนั่น เห่ยสุดๆไปเลยไม่ใช่รึไง?"
"ขนาดผู้ยิ่งใหญ่ทั้งเจ็ด(เกรทเซเว่น)ยังไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ ไปเรียนชั้นอนุบาลใหม่ก่อนเถอะ ฮ่าๆๆ!"
...
ตบกันซักป้าบไหมคะ?
...ว่าไปนั่น
ใครเขาจะไปทำอย่างงั้นกันล่ะ ถ้าเธอยังอยู่ในสถานะแบบนี้ล่ะนะ
เด็กสาวเตรียมตัดสินใจถอยหนีอีกฝ่ายที่เป็นแค่เด็กขี้โวยวายเรียกร้องความสนใจ เธอคิดว่าคงไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อจากนี้แล้วเพราะคำพูดของอีกฝ่ายที่มีแต่พาลจะทำให้สร้างความว้าวุ่นภายในใจกันเสียเปล่า(และนั่นรวมถึงกริมม์ด้วย) ในส่วนของทางเดินหลักเธอจะย้อนกลับมาทำความสะอาดส่วนที่เหลือเอง เพียงแค่ตอนนี้หากยังเถียงกันเช่นนี้ต่อไปจะมีแต่เสียเวลาทำงานเปล่าๆ
"เจ้าหมอนี่ คิดจะยั่วโมโหข้าอย่างงั้นเหรอ!"
แต่เหมือนว่าจะมีอีกตนที่ทนไม่ไหวเสียแล้วสิ
เปลวไฟสีฟ้าถูกพ่นออกมาจากปากของเจ้าปีศาจสีดำที่ไม่สามารถทนคำพูดดูถูกของเด็กหนุ่มเรือนผมสีแสดได้ มันเฉี่ยวร่างของเอซไปเพียงไม่กี่เซนจนเกือบจะเผาเรือนผมสีแสดที่แสนงดงามได้อยู่แล้ว แต่ในขณะเดียวกันที่มันก็ส่งผลกระทบกับเธอที่เกือบจะหลบไม่ทันเช่นเดียวกัน
"เฮ้ย เกือบไปแล้ว! นี่นายทำอะไรฮะ!?" เสียงของเด็กหนุ่มตะโกนขึ้น ท่าทางดูคล้ายตกใจและขุ่นเคืองต่อสิ่งที่กริมม์กระทำ
มารีหันกลับมามองปลายผมของตัวเองที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นควันคล้ายโดนเผาไหม้ มันมาจากปลายผมสีขาวนวลของเธอที่อยู่ใกล้ระยะเปลวเพลิงสีครามของกริมม์มากที่สุด
ปลายผม...ไหม้ไปนิดนึงเลย เด็กสาวคิดขณะที่จับบริเวณปลายที่ถูกเผาก่อนจะมองไปยังเด็กหนุ่มที่แล้วแอบขมวดคิ้ว เธอตกอยู่ภายในห้วงความคิดของตนชั่วขณะ แต่คุณเอซอยู่ใกล้ไฟพอๆกับเราทำไมผมถึงยังไม่ไหม้กันนะ หรือเพราะว่าโดนไม่ใกล้แบบเราขนาดนั้น?
แปลกจัง...รู้สึกเหมือนว่าพวกเขามีอะไรบางอย่างที่เราไม่มี
"ข้าก็แค่อยากจะหาอะไรทำสนุกๆสักหน่อย" เสียงของกริมม์เอ่ยด้วยท่าทางแสยะยิ้มไม่ต่างไปจากเอซเมื่อตอนยั่วโมโหเสียเท่าใดนัก "แค่จุดไฟบนหัวแกเท่านั้นเอง"
"เอ๋---คิดจะหาเรื่องกันรึไง?" มือของเด็กหนุ่มสอดเข้าไปที่กระเป๋าเสื้อพร้อมชักปากกาเวทมนตร์สีแดงส้มขึ้นมา "เดี๋ยวทางนี้จะเปลี่ยนแกเป็นตุ๊กตาพุดเดิ้ลเอง!"
"ฟุน่า!?"
สายลมและแสงสีขาวแวววับปรากฏออกมาจากปลายปากกา มันพัดปลิวไฟสีครามของกริมม์ให้เบนทิศทางไปอีกทิศ แต่ราวกับคราวนี้เจ้าแมวน้อยจะยังไม่ยอมแพ้ มันหลับตาแน่น สูดลมหายใจในเสี้ยววินาทีเหมือนกับที่เคยทำในหอซอมซ่อ---และปลดปล่อยเปลวเพลิงสีฟ้าครามขนาดใหญ่กว่าเท่าตัวของมันออกมา
พรึ่บ...!
"เหวอ!?"
สายลมคลอนแคลงพร้อมกับเสียงร้องตะโกนของเด็กหนุ่มที่ดังขึ้นมาพร้อมปากกาเวทมนตร์ที่เผลอปล่อยลงพื้น ครานี้มันทำให้เด็กสาวที่กำลังสงสัยในสิ่งที่ผิดปกติเงยหน้าขึ้นมา เปลวไฟสีครามพวกนั้นเริ่มกระจัดกระจายไปตามแรงที่ลมที่ขาดการควบคุมโดยสิ้นเชิง ด้วยความรวดเร็วที่ดวงตาสีน้ำข้าวของเธอตวัดขึ้นมองไปยังบนท้องนภาท่ามกลางเสียงเชียร์ของเหล่านักเรียนที่ไม่มีทีท่าว่าจะไปตามอาจารย์ให้แก้ไขปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นเลยซักนิด ในที่สุดลมหอบใหญ่ผิดปกติก็เกิดขึ้น---กลืนกินและพาเปลวไฟสีครามที่กระจัดกระจายคล้ายจะเผาร่างของเด็กหนุ่มเรือนผมสีแสดไปพร้อมกับรูปปั้นของเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ทั้งเจ็ดกระจัดกระจายหายไปในบันดล
เปลวไฟสีครามสลายขึ้นไปบนอากาศราวกับเวทมนตร์ ไม่มีใครรู้ว่าเธอทำ แม้แต่เด็กหนุ่มคนนั้นที่ก้มมองปากกาเวทมนตร์ของตัวเองด้วยสายตาอึ้งๆ สีหน้าของเขาราวกับสับสมและไม่มั่นใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันคืออะไร เวทมนตร์ลมที่ทรงพลังขนาดนั้นเขามั่นใจอย่างเด่นชัดว่าไม่มีทางเป็นของตนเองอย่างแน่แท้
เด็กสาวก้าวปรากฏมาตรงหน้าของเด็กหนุ่ม ร่างของเธอก้มเก็บปากกาเวทมนตร์ให้กับเขา
"นี่ของคุณครับ คุณเอซ" เธอเอ่ย เปลี่ยนสรรพนามลงท้ายให้ดูสุภาพนุ่มนวลขึ้น ดวงตาสีน้ำข้าวมองเด็กหนุ่มด้วยแววตานิ่งเฉย...นั่นสินะ ไม่ว่าอย่างไรเด็กหนุ่มคนนี้ก็ยังเป็นแค่เด็กหนุ่มที่พึ่งจะโตได้ไม่นาน
"ขะ...ขอบใจ" เขาเอ่ย ท่าทางที่ยังคงดูตกใจนั่นรับปากกามาด้วยสีหน้างุนงง
ท่าทางอวดดีนั่นหายไปหมดเลยแฮะ
"ไม่เป็นไร" เธอเอ่ยเสียงเรียบ จะว่าไปอาจารย์ใหญ่ตามหาตรวจจุดที่พวกเธอต้องทำความสะอาดด้วยรึเปล่านะ? "ยังไงตอนนี้นายก็รีบไป---"
"มารีคุงครับ พอจะอธิบายได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับรูปปั้นของท่านมาลิฟิเซ้นต์?"
"มารี ช่วยตัวข้าด้วย เจ้าเอซนั่นมันเป็นฝ่ายมายั่วโมโหข้าก่อนเองนะ!" เสียงร้องของกริมม์ดังตามมา
เอ๊ะ...
เด็กสาวหันหลังไปมองเมื่อเงาสีดำทอดยาวทาบทับเงาของเธอจนมิด เด็กสาวค่อยๆหันหลังไปมองร่างของกริมม์ที่ดิ้นขลุกๆอยู่ในอ้อมแขนของอาจารย์ใหญ่ที่จ้องมองเธอกับเด็กหนุ่มด้วยสายตาขึงขัง
เธอหันมองกลับไป เหมือนว่าสิ่งที่เธอทำจะช่วยรูปปั้นทั้งหกกับเด็กหนุ่มอีกคนได้ก็จริง แต่บริเวณเขามาลิฟิเซ้นต์นั้นกลับไหม้เป็นสีดำสนิทราวกับถ่าน ยังดีที่ว่าเฟลวไฟสีครามของกริมม์ไม่ได้ทำให้มันไหม้จนเป็นเถ้าถุลี
"อ่า...คือว่า..." เธอเอ่ยลากเสียงยาว ท่าทางนั้นนิ่งไปแลดูตะลึง
เหงื่อเย็นเยียบผุดขึ้นมาจากใบหน้าของหล่อน
รูปปั้นรอดไม่ครบเหรอเนี่ย?
***
:สาส์นจากไรท์
เรื่องออโรร่าเนี่ยเป็นนิทานที่ไรท์รู้สึกชอบมากพอสมควรเลยถ้าให้เทียบจากเรื่องที่ไรท์เคยดูในดิสนี่ย์(โดยเฉพาะออโรร่าฉบับหนังภาค1) ดังนั้นจึงตัดสินใจแกงขุ่นแม่มาลีซักนิดหน่อยให้พองามค่ะ
ในส่วนของเอซ เป็นความรู้สึกที่ว่าถ้าเจ้าหมอนี่มากวนมายั่วโมโหคงจะปากร้ายพอควรเลยเขียนออกมาได้เป็นแบบนี้ และใช่ค่ะ มารีอคติกับเจ้าหมอนี่ไปนิดๆหน่อยๆแล้ว(ด้วยสาเหตุจากหนึ่งในประโยคที่นางพูดมา) ส่วนชะตากรรม...ไม่พ้นตามท้องเรื่องบทปฐมของเกมแน่นอน แต่จะวายป่วงขนาดไหนต้องรอดูกันต่อไปนะคะ
ในส่วนหน้าบทของดิวซ์เองก็คงจะออกแล้ว และกว่าเราจะกลับมาอัพของสัปดาห์หน้าเพราะไม่สู้ประจำเดือนมา(+ไรท์ว่าไรท์จะกลับไปอ่านเนื้อเรื่องใหม่ดีๆด้วย เพราะที่ผ่านมานั่งอ่านบทแปลเกมแล้วจินตนาการสีหน้าตัวละครที่พอจำได้เขียนไปในตัว)
ปล. นี่แค่จุดเริ่มต้นการแกงเอซเท่านั้น มันยังไม่จบเพียงเท่านี้ค่ะ (ไรท์พร้อมมาก) เนื่องจากเอซยังต้องอยู่ด้วยกันอีกยาว
ปล.สอง ถ้าคาแรคเตอร์ในฟิคOOCเกินไปสามารถติได้นะคะ ไรท์กลัวว่าตัวเองจะไม่สามารถแม่นคาร์แรคเตอร์หลังๆของเกมได้เท่าไหร่ (อาทิ ฟลอยด์ ยากมาก เจดก็ยาก อิเดียไรท์ไม่มั่นใจ เซเบคกับเอเปลด้วยค่ะ) โดยเฉพาะเอเปล...คือไรท์กลัวตัวเองเขียนภาษาถิ่นไม่ค่อยไหวเท่าไหร่ อุแง
ปล.สาม บทหน้าบทคั่นฉลองครบ 30+ ยอดผู้ติดตามนะคะ จะเป็นข้อมูลส่วนตัวโดยละเอียดของมารีกับบทพิเศษสั้นๆ What if ค่ะ (อ่านรวดเดียวกันได้เลยนะ ไรท์ปล่อยพร้อมกันสองตอนนี่แหละ)
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น