ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FICTION TWST : Odinary girl in WONDERLAND [ OC/ปิดฟิครีไรท์ ]

    ลำดับตอนที่ #5 : บทนำเพื่อเปิดม่าน : Person from Anonymous (2)

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.ย. 63




    " ข้าน่ะไม่เหมือนมนุษย์ไร้เวทย์แบบเจ้าหรอก
    เพื่อจอมเวทย์ที่ยิ่งใหญ่แบบข้าจะได้ฉายแสงให้ทุกคนต้องชื่นชม
    ตัวข้าจะไม่มีทางยอมแพ้กะอีแค่โดนเจ้ากระจกไร้ตานั่นไม่ได้เลือกข้าหรอกนะจะบอกให้! "

    -กริมม์

    "ผู้มาจากนิรนาม"

    ***


    "เอาล่ะ ก่อนอื่นผมขอเริ่มจากให้คุณทำความสะอาดที่หอแรมแชตเกิลก่อนแล้วกันครับ"

    เบื้องหน้าของเด็กสาวที่บัดนี้ย้ายจากหอสมุดมาสู่อาคารขนาดกว้างราวกับคฤหาสน์พร้อมกับร่างของอาจารย์ใหญ่คราวลี่ย์ ดวงตาสีน้ำข้าวของเด็กสาวจ้องมองบรรยากาศรอบข้างที่ดูทะมึนหม่นหมองกับสีของคฤหาสน์ที่กลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมรอบข้าง มารีเงียบลง ศีรษะของหล่อนก้มลงจนดูผิดสังเกต

    หรือว่าจะมากไปรึเปล่า? ความคิดของคราวลี่ย์ดังขึ้นมาภายในหัวหลังจากเห็นท่าทีดังกล่าว แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไรออกมาเสียงของมารีก็ดังขึ้นมา

    "อาจารย์ใหญ่คะ แค่ที่นี่ใช่ไหมคะ"

    "ใช่ครับมารีคุง แต่ว่าถ้าเธอมีปัญหาอะไรล่ะก็..."

    เด็กสาวส่ายหน้าดุ๊กดิ๊ก เรือนผมสีขาวสะบัดไปมาเล็กน้อยตามแรงส่ายที่เจ้าตัวแสดงท่าทีของตนเองให้คราวลี่ย์เห็นว่ามันไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรนัก

    "ไม่เป็นไรค่ะ ฉันแค่ตกใจในความหรูหราเฉยๆเท่านั้นเอง" ดวงแสงสีอำพันจ้องมองเด็กสาวที่เอ่ยออกมาด้วยความประหลาดใจ...ตะกี้เธอบอกว่าหรูหราหรือ? "ข้างในน่ะคงจะมีอุปกรณ์ทำความสะอาดอยู่ใช่ไหมคะ? ถ้างั้นก็ไปกันเถอะ!"

    "เธอนี่บทจะร่าเริงก็ร่าเริงได้ผิดคาดสุดๆเลยนะครับ" 

    เด็กสาวไม่ได้เอ่ยตอบเพียงแค่หันหลังแล้วเดินเข้าไปภายในตัวอาคารที่ดูเก่าแก่จนเกินคำว่าหรูหราไปพอสมควร คราวลี่ย์มองแผ่นหลังของเด็กสาวชุดพิธีการที่เร่งฝีเท้านำหน้าเขาไปหลายก้าวก่อนจะเปิดประตูเข้าไปภายในด้วยความรวดเร็ว เผยให้เห็นสภาพข้างในที่เลานจ์ค่อนข้างกว้างขวาง แต่กระนั้นเฟอร์นิเจอร์บางส่วนก็ล้มระเนระนาดและมียักใยเกาะอยู่ตามจุดอยู่พอสมควร ขณะที่ฝุ่นยังคงล่องลอยไปทั่วอากาศและยิ่งกระจายตัวกว่าเดิมเมื่อเด็กสาวและหนึ่งอมนุษย์เดินทางเข้ามาที่นี่

    "...ใหญ่ สุดยอด!" เสียงของมารีดังขึ้นมา ดวงตาสีน้ำข้าวของเธอเปล่งประกายราวกับเด็กได้ของเล่นชิ้นใหม่ การกระทำที่แสนแปลกประหลาดของเจ้าหล่อนทำให้คราวลี่ย์ยังคงอยู่ในสภาวะงุนงงเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางของเด็กสาวที่ผิดแปลกไปจากคนอื่นโดยสิ้นเชิง

    บางทีแล้วเขาก็ชักจะอยากรู้ขึ้นมาจริงๆแล้วล่ะว่าเด็กคนนี้โตมาในสภาพแวดล้อมแบบไหนกันแน่?

    "ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไรสินะครับ" เสียงของคราวลี่ย์เรียกร้องความสนใจจากเด็กสาวที่ดวงตายังวิบวับ "ถ้างั้นผมจะขอกลับไปค้นคว้าอะไรซักครู่ แล้วผมจะกลับมาใหม่ ทำความสะอาดให้เรียบร้อยด้วยนะครับ"

    "เข้าใจแล้วค่ะ" เด็กสาวพยักหน้า โบกมือลาเบาๆให้กับอาจารย์ใหญ่ที่เดินออกไปจากหอแรมแชตเกิล จากนั้นเธอก็หันกลับมามองรอบๆข้าง---เด็กสาวอยากจะตามหาหนังยางรัดผมเหลือเกินถ้าไม่ติดที่ว่าในหอนี้คงจะไม่มีของยิบย่อยอะไรแบบนั้นแน่ๆ

    มือของเธอถกแขนเสื้อชุดพิธีการเลยถึงข้อศอกเผยให้เห็นชุดพนักงานร้านสะดวกซื้อแขนยาวที่อยู่ข้างใน เมื่อถกเสื้อขึ้นครบสองข้างเด็กสาวก็ตัดสินใจเดินตามหาอุปกรณ์ทำความสะอาดที่ยังคงหลงเหลืออยู่ภายในคฤหาสน์แห่งนี้...ไม่สิ ต้องเรียกว่ารอแรมแชตเกิลแห่งนี้เสียมากกว่าล่ะนะ

    เอาล่ะ...เรื่องทำความสะอาดน่ะหมูๆอยู่แล้ว เธอคิด เพื่อเบนจามินที่รออยู่...พี่สาวคนนี้จะกลับไปหาให้ได้เลย!


    ***



    ครืน...

    "...หวา" เด็กสาวส่งเสียงอุทาน "แบบนี้ก็แย่น่ะสิ ฝนดันมาตกซะได้"

    เสียงฟ้าร้องดังลั่นขณะที่พายุฝนเข้าถาโถมใส่หอแรมแชตเกิลที่มีสภาพซอมซ่อ(แต่ก็ยังหรูอยู่ดี) เด็กสาวเฝ้ามองพื้นไม้ที่เธอบรรจงขัดเช็ดถูจนบริเวณเลานจ์และบริเวณชั้นล่างสะอาดหมดจดไร้คราบฝุ่น ในส่วนของเฟอร์นิเจอร์เธอก็จัดการเช็ดถูใหม่หมดและจัดเรียงจนไม่เหลือสภาพเละเทะดั่งเมื่อก่อนแล้ว

    แต่ถ้าเรื่องเดียวที่เป็นปัญหา ก็คือเรื่องน้ำรั่วนี่แหละ

    "ยี้! ฝนตกเหรอเนี่ย!?"

    หืม...เจ้าแมวดำตัวน้อยรอบก่อนนิ?

    เสียงของฟ้าร้องดังลงมาดังสนั่นพร้อมกับร่างของเจ้าแมวสีดำนามกริมม์ที่ปรากฏออกมาสู่สายตาของเธอ สภาพของมันยังดูเรียบร้อยดีแม้ว่าบางส่วนจะมีรอยเปื้อนของฝุ่นดินและเศษใบไม้ ราวกับว่ามันลักลอบเข้ามาที่นี่อีกรอบเสียอย่างงั้น 

    "ดูหน้าเจ้าสิ หน้ายังกับพวกแมงมุมตอนโดนฉีดน้ำใส่แน่ะ!"
     
    แต่ดูท่าก็คงจะลักลอบเข้ามาอีกจริงๆนั่นแหละ

    "ตัวข้าคนนี้แอบย่องกลับเข้ามาที่โรงเรียนเลยนะ เป็นไงๆ" ถูกเผงตามที่เธอคิดเปี๊ยบ "ถ้าคิดว่าจะกำจัดข้าไปได้แล้วล่ะก็ยอมแพ้แล้วกลับบ้านไปได้เลย!"

    "ก็ไม่ได้กำจัดเสียหน่อย" มารีเอ่ย มองดูเจ้ากริมม์ที่ท่าทางอวดดีอย่างนั้นด้วยสายตาไม่ยินดียินร้ายอะไร "มีแต่เธอเท่านั้นแหละที่เข้ามาเพราะรับไม่ได้ที่เจ้ากระจกนั่นไม่เลือกเธอไม่ใช่หรือไง?"

    "ที่เจ้ากระจกนั่นไม่เลือกตัวข้าผู้นี้เพราะว่ามันไม่มีตาต่างหาก!" เสียงตะโกนของเจ้าแมวดำตัวน้อยดังขึ้น ดูท่ามันจะหงุดหงิดเหลือเกินที่เธอพูดออกมาแบบนั้น "ตัวข้าน่ะไม่เหมือนกับมนุษย์ไร้เวทย์แบบเจ้าหรอกนะ! เพื่อที่จะเฉิดฉายเป็นจอมเวทย์ที่ยิ่งใหญ่ที่มีแต่คนชื่นชม แค่ไม่ได้ถูกกระจกไร้ตานั่นเลือกก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องยอมแพ้เสียหน่อย!"

    "จ้าจ้า" คุยกับเจ้าแมวนี่แล้วรู้สึกเหนื่อยหน่ายยังไงชอบกลก็ไม่รู้... "แต่ช่วยขยับหน่อยได้ไหม ตรงจุดนั้นน้ำมันหยด"

    ติ๋ง---ติ๋ง

    "ฟุน๊า!?"

    นั่นไง... มารีคิดขณะส่ายศีรษะ พูดยังไม่ทันขาดคำก็โดนเข้าจนได้ สองหยดเต็มๆ

    เจ้าหยดน้ำหยดลงกระเด็นใส่หัวของกริมม์จนเจ้าแมวน้อยสะดุ้ง ท่าทางของมันที่ดูไม่ถูกกับน้ำแลทำให้มารีคล้ายทำสีหน้าเหนื่อยหน่ายใส่เจ้าแมวตรงหน้า จนสุดท้ายก็ตัดสินใจใช้ดึงแขนเสื้อลงแล้วใช้มันเช็ดศีรษะของมันให้แห้ง

    "นี่เจ้าทำอะไรเนี่ย!?"

    "ก็เช็ดขนของเธอให้แห้งไง" เด็กสาวเอ่ยขณะที่ลงมือเช็ดโดยพยายามเบามือกับเจ้าแมวตรงหน้า "ไม่งั้นจากจอมเวทย์สุดเก่งในอนาคตจะได้กลายเป็นแมวป่วยไปซะก่อน"

    "ตัวข้าไม่ใช่สัตว์เลี้ยงนะ!"

    "จะสัตว์เลี้ยงหรือเปล่าก็ป่วยได้ทั้งนั้นแหละ" เด็กสาวยักไหล่ขณะที่ตรวจสอบเจ้าแมวที่พยายามจะดิ้นหลุดจากการเช็ดขน "เสร็จละ แห้งสนิท"

    เธอปล่อยร่างของกริมม์ให้กลายเป็นอิสระ เจ้าแมวตัวน้อยที่สภาพดูหมดฤทธิ์ถอยห่างออกมาจากเธอราวไม่ชินที่ถูกสัมผัสแบบนั้น หางของมันดูตั้งขึ้นราวกับกำลังระแวงเธอจนมารีเผลอส่งเสียงหัวเราะออกมาจนได้

    "คิก...คิกคิก ฮะ-ฮ่าๆๆ!" เด็กสาวหัวเราะ

    "หะ-หัวเราะอะไรฮะ เจ้ามนุษย์!" 

    "มะ-ไม่มี...ฮ่า--ไม่มีจริงๆนะ!" มารีกุมท้องตัวเอง รู้สึกเหมือนจะหัวเราะได้อีกหลายครั้งยามเห็นท่าทางของเจ้าแมวสีดำนี่ "ฮะๆ...ฉัน---ฉันไปหาถังรองน้ำฝนก่อนนะ!"

    "กลับมาให้ข้าเผาเดี๋ยวนี้เลยนะเจ้ามนุษย์!"

    เสียงตะโกนของกริมม์ดังขึ้นขณะที่ฝีเท้าของมารีรีบก้าวไวกว่าเดิมเพื่อขึ้นไปหาถังรองน้ำฝน(รวมถึงหนีกริมม์ด้วย ใช่!) เด็กสาวเริ่มชะลอฝีเท้าลงยามเมื่อขึ้นบันไดจนมาถึงชั้นข้างบนของหอแรมแชตเกิล สภาพทางเดินที่เต็มไปด้วยห้องมากมายพร้อมกับฝุ่นที่ตลบอบอวลคลุ้งไปทั่วห้องทำให้เด็กสาวไอออกมาพร้อมกับส่ายไปส่ายมาคล้ายปัดฝุ่นตามร่างของเธอ

    บรรยากาศข้างในเย็นยะเยือกพิลึก มารีหันซ้ายหันขวาขณะที่ได้ยินเสียงดังขึ้นไล่หลังตามมา

    "เจ้ามนุษย์ จนมุมแล้วสินะ!" เสียงของกริมม์ดังลั่นท่ามกลางบรรยากาศเย็นยะเยือกพิกล "ตัวข้าผู้นี้จะทำให้เจ้ารู้ซึ้งเองวะ--อุ๊บบ"

    "เงียบก่อนสิเจ้าแมวน้อย" มารีเอ่ยกำชับ มือของเธอเอื้อมมาปิดปากเจ้าแมวดำเอาไว้ "บรรยากาศที่นี่แปลกจะตาย...เย็นแบบแปลกๆ ไม่คิดงั้นเหรอ?"

    "อุ๊ฟ--ห้ะ ห๋า? นี่เจ้าคิดจะทำให้ตัวข้ากลัวอย่างงั้นรึไง!"

    "...คิกคิกคิก"

    เสียงหัวเราะดังขึ้น กริมม์เงียบ มารีเองก็เงียบ

    "กริมม์...เมื่อกี้เธอหัวเราะเหรอ?" มารีค่อยๆเอ่ยถาม

    "เปล่านะ...สาบานได้ว่าเสียงหัวเราะตัวข้าไพเราะกว่านี้" กริมม์ตอบคำถามของเธอ เสียงของมันดูเบาลงนิดหน่อย

    "ไม่ได้มีแขกมาแบบนี้นานมากแล้วนะ..."

    โอเค---คราวนี้มารีมั่นใจ กริมม์ก็มั่นใจ ไม่ใช่เสียงของเขาหรือเธออย่างแน่นอน 

    แต่ว่า...พวกเธอทั้งสองคนอยู่กันแค่นี้นะ จะไปมีใครพูดได้อีกกันล่ะ...

    "รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวไปหมดแล้ว...ฮิฮิฮิฮิฮิ"

    -ใช่ไหม?

    " "กรี๊ดดดดดดดดด!!!?" "

    เบนจามิน! เบนจามิน! ช่วยพี่ด้วย ผะ ผะ-ผี!!

    เสียงกรีดร้องดังประสานเสียงกันขึ้นยามเมื่อหนึ่งมนุษย์หนึ่งปีศาจพากันกอดตัวกลมมองวิญญาณทั้งสามตนที่ผุดขึ้นมาจากอากาศ พวกเขาสวมใส่เสื้อผ้าราวในยุคศตวรรษที่70-80s  สวมสีดำทรงสูงนั้นดูมีสไตล์เหมือนๆกัน ขณะที่พวกเขาก็สวมเสื้อคลุมที่ดูราวกับถอดแบบกันมา แต่มีสิ่งหนึ่งที่แตกต่างกันก็คือลักษณะร่างกายของพวกเขานี่แหละ

    โปร่งใสจนไม่น่าใช่ร่างเนื้อ ไหนจะเสียงหัวเราะที่น่าขนลุกราวกับกำลังจะหลอกหลอนพวกเธออีก เจ้าพวกนี้นี่มันผีแน่ๆ ผีร้อยเปอร์เซ็นต์!!

    "คนอยู่ที่นี่กลัวพวกเราด้วยล่ะ" ผีตัวที่..ตัวที่ไหนไม่รู้ล่ะ แต่เธอขอเรียกผีบีไปก่อนแล้วกัน!

    "อยากมีเพื่อนซักคนอยู่พอดี พวกแกเอาไง?" ผีซีอย่าตอบอย่างงั้นสิเฮ้ย เห็นใจพวกเธอหน่อยสิ!?

    "ยะ-หยึ๊ย...ท่านกริมม์ที่เป็นนักเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ไม่กลัวผีหรอกนะ!!"

    พรึ่บ

    เสียงเปลวเพลิงลุกโชนดังขึ้นพร้อมกับเปลวเพลิงสีฟ้าที่ถูกปล่อยออกมาจากปากของกริมม์ บริเวณรอบข้างลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงสีฟ้าที่กระจายไปทั่วหอแรมแชตเกิล อุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างฉับพลันทำให้มารีรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา---แต่นั่นก็ไม่เท่าไหร่หรอก หากจะให้พูดว่าไฟสีฟ้าที่กริมม์สาดมานั้นน่ะ...

    "กริมม์...ผีมันอยู่ด้านขวา"

    ไหงมันไปซ้ายสุดอย่างงั้นล่ะเฮ้ย!?

    เธอมองกริมม์ด้วยสายตาเอือมระอาปนสิ้นหวังกับเจ้าแมวสีดำตัวน้อยตัวนี้ พลังไฟสีฟ้านั่นแต่ให้จะทรงพลังแค่ไหนแต่ถ้าสาดไม่โดนศัตรูมันจะไปมีความหมายอะไรตรงไหนกัน ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งไม่ค่อยเข้าใจเท่าใดนัก

    "เล็งไปตรงไหนของนายน่ะ" ผี...ผีเอ ผีเอเอ่ยขึ้น---จะว่าไปหมอนี่ไม่ใช่ผีซีใช่ไหม เผื่อเธอดันจำผิด

    "ตรงนี้ต่างหากล่ะ ฮิๆๆ" เสียงของผีซีดังขึ้น ขอร้องล่ะ...ช่วยหยุดทำตัววาร์ปไปวาร์ปมาซักทีเถอะ มันมึนหัวนะ!

    "บ้าเอ้ย หยุดหายตัวซักที!" เจ้าแมวนี่ก็อีกตัว หยุดพ่นไฟไปมั่วๆเถอะ!

    "แน่ใจนะว่าแบบนี้จะเป็นจอมเวทย์ที่ยิ่งใหญ่ได้จริงๆน่ะ..." เด็กสาวนำมือของตนทาบหน้าผากด้วยแววตาเหนื่อยใจพลางพึมพำเสียงเบา ดวงตาสีน้ำข้าวของหล่อนมองท่าทีของเจ้าแมวที่ยิ่งลนก็ยิ่งจะใช้ไฟมากขึ้นจนเผลอๆมันอาจจะเผาที่นี่ได้ภายในไม่กี่นาที แม้ว่าไฟเหล่านี้จะไม่มีควันพวยพุ่งออกมา---แต่อุณหภูมิที่ร้อนสูงกับสภาพอากาศที่ปิดอับ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าออกซิเจนคงจะถูกเผาผลาญไปอย่างสิ้นเปลืองเป็นแน่

    หรือว่า... เธอปรายตามองกริมม์

    "กริมม์ ไฟของนายจำเป็นต้องใช้ออกซิเจนเป็นเชื้อเพลิงรึเปล่า?"

    "ห๋า นี่พูดอะไรของเจ้าเนี่ยเจ้ามนุษย์!" กริมม์หยุดพ่นไฟสีฟ้า มันหันมามองเธอด้วยแววตางุนงงปนหงุดหงิด "ตัวข้าผู้นี้ไม่รู้หรอกนะว่าออกซิเจนคืออะไร แต่ข้าใช้พลังเวทย์อันยิ่งใหญ่ของตัวเองต่างหาก!"

    อ่า...แบบนี้นี่เอง สะดวกสะบายสุดๆไปเลยไม่ใช่รึไงกันนะ? ถ้าเป็นแบบนี้ต่อให้ไม่มีตัวแปรใหญ่มาขัดขาก็น่าจะทำได้ง่ายแน่ๆ

    "ฉันมีคำแนะนำดีๆอย่างหนึ่ง มั่นใจเลยว่าช่วยกริมม์ได้แน่" พูดโม้ไปก่อนเท่านั้นแหละ...ถ้าไม่ได้ผลก็แค่ต้องรับผลกรรมอย่างเดียว "ลองหลับตาดูแล้วตั้งสมาธิจดจ่อไปที่พลังของนาย แบบนั้นน่าจะช่วยให้คุมได้ดีขึ้นนะ?" 

    "อย่ามาสั่งตัวข้านะ คำแนะนำของมนุษย์ไร้เวทมนตร์แบบเจ้ามันจะไปมีประโยชน์อะไรกัน!"

    อ๋า...เจ้าแมวทิฐิสูงนี่ ต่างจากเบนจามินลิบลับ!

    เด็กสาวสูดลมหายใจเข้าลึกๆคล้ายพยายามทำใจของเจ้าหล่อนให้สงบลง มือที่เผลอกำหมัดขึ้นค่อยๆคลายตัวอย่างช้าๆ---ดวงตาสีน้ำข้าวเริ่มมองไปยังร่างของเจ้าแมวสีดำที่ยังดูเตลิดและดูค่อนข้างลนในสถานการณ์เช่นนี้

    "แต่จะลองดูก็ไม่เสียหายมิใช่หรือ?" เธอเริ่มโน้มน้าวในเจ้าเหมียวที่ยังพ่นไฟสีฟ้ามาไม่หยุด "คิดดูสิ ถ้าเกิดว่ามันได้ผลจริงๆเธออาจจะนำเรื่องนี้ไปบอกอาจารย์ใหญ่แล้วขอให้เขารับเธอเป็นนักเรียนของที่นี่ได้ด้วยนะ"

    "อีกอย่าง ฉันเองก็จะพูดโน้มน้าวใจให้อีกแรง...ว่ายังไงล่ะ"

    "ตัวข้า...ตัวข้าเป็นอัจฉริยะ ของแค่นี้ไม่จำเป็นต้องได้รับคำแนะนำหรอกนะ--"

    "เดี๋ยวจะซื้อของที่อยากทานให้ ว่ายังไงล่ะทีนี้?"

    "...กะ ก็ได้! ตัวข้าจะลองทำตามคำแนะนำไร้สาระของเจ้าดูก็ได้!" เธอมองเห็นเจ้าเหมียวสีดำที่เริ่มหลับตาลง ใบหน้าดูเริ่มจะเข้าสู่สมาธิเข้าจริงๆแล้ว "แล้วทีนี้จะมองเห็นได้ยังไงกันล่ะ!?"

    มารีฉีกยิ้ม

    "ไม่เป็นไรหรอกน่ากริมม์ ฉันจะเป็นตาของเธอให้เอง...เพราะฉะนั้นพ่นไฟหันตามทิศที่ฉันบอกก็พอ ไม่จำเป็นต้องกังวลไป" เด็กสาวเอ่ยขณะที่มองไปยังเหล่าวิญญาณสีขาวที่ยังทำตัวมาๆหายๆเพื่อหลอกหลอนพวกเธอด้วยเสียงหัวเราะที่น่าหวาดกลัว ดวงตาสีน้ำข้าวชำเลืองมองไปยังร่างของกริมม์ "ด้วยเปลวไฟที่ทรงพลังของเธอพวกเราจะไล่พวกมันออกไปได้แน่"

    "เรื่องนั้นต้องแน่นอนอยู่แล้ว!" มันเอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นใจ ท่าทางนั้นยังดูโอ้อวดเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่ตอนที่ได้เจอกันในคราแรกเลยซักนิด

    แต่ว่า...ก็เริ่มจะดูเป็นมิตรขึ้นมานิดหน่อยแล้วใช่ไหมนะ?

    "เข้าใจแล้ว! ถ้างั้น---ทางซ้ายมือ!"

    เสียงของเปลวไฟสีครามที่ถูกจุดขึ้นนั้นลุกโชนราวกับทะเลเพลิงสีนภา ดวงตาสีฟ้าของกริมม์นั้นยังคงปิดสนิท ทว่าเปลวเพลิงของมันกลับไม่ได้ดูลนลานหรือกระทั่งล่อกแล่กดั่งเช่นที่ยามที่ตานั้นเปิดอยู่ เปลวเพลิงสีฟ้าที่คล้ายกับจะทรงอานุภาพขึ้นนั้นกระจายไปรอบๆขณะที่เสียงกรีดร้องของเหล่าวิญญาณทั้งสามตนนั้นดังลั่น

    "อ๊ากกก ร้อนๆๆๆ นี่มันอะไรกันเนี่ย!?"

    "ไฟมันกำลังเผาก้นข้าอยู่ ช่วยด้วย!"

    "แว้กกกก!!?"

    กะแล้วเชียว...เวทมนตร์มีผลต่อกายหยาบกับสิ่งที่ไม่มีกายหยาบด้วยสินะ?

    "อย่าพึ่งลืมตาขึ้นเชียวนะกริมม์" เด็กสาวเอ่ยร้องเตือนยามเห็นอีกฝ่ายกำลังจะเปิดเปลือกตาขึ้น ดูทรงคงอยากจะดูสีหน้าที่ทุกข์ทรมานของเจ้าวิญญาณพวกนี้เป็นแน่ "เรายังต้องไล่ต้อนพวกมันจนกว่าจะยอมแพ้อยู่อีกรอบ เอาจนกว่าจะตายไปข้างหนึ่งเลย"

    เปลวเพลิงสีฟ้าแผ่กระจาย เด็กสาวเหยียดยิ้มบนใบหน้า และแน่นอนว่าเป็นรอยยิ้มที่แสนมั่นใจ

    ทีนี้แหละก็ได้เวลาโต้กลับของพวกเธออย่างเต็มรูปแบบเสียที!


    ***

    " " "ฝะ ฝากไว้ก่อนเถอะ!" " "

    เสียงประโยคสุดท้ายจากวิญญาณสามสหายดังขึ้นก่อนที่ร่างของพวกเขาจะหายไปจากที่ๆเคยอยู่ ขณะเดียวกันเองเปลวเพลิงสีฟ้าของกริมม์ก็ค่อยๆสลายมอดไปยามเมื่อเสร็จสิ้นหน้าที่ของมันอย่างสมบูรณ์

    "สำเร็จแล้ว...กลัว...เอ้ย ของแค่นี้น่ะทำอะไรท่านกริมม์อย่างตัวข้าไม่ได้หรอกนะ!"

    "เห็นแล้วใช่ไหม บอกแล้วว่าคำแนะนำของฉันได้ผล" มารีกอดอก รอยยิ้มปรากฎอยู่บนใบหน้าขณะที่คำถามปรากฎอยู่ภายในใจของเธอ

    ไม่นึกเลยว่าวิธีนี้จะใช้กับคนที่มีเวทมนตร์ได้ด้วย... เด็กสาวคิด ใบหน้าหลับตาลงครู่หนึ่งยามที่เจ้าแมวสีดำนั้นยังคงฉายแววดีใจอยู่ ถ้างั้นแม้แต่เวทมนตร์ก็...-

    "สายันสวัสดิ์ครับ ผมผู้แสนใจดีเอาอาหารมาให้แล้วนะ---"

    "นั่นไงกริมม์ อาจารย์ใหญ่มาแล้วแน่ะ"

    "เจ้าปีศาจที่สร้างปัญหาเมื่อตอนพิธีปฐมนิเทศนิ!?" นิ้วชี้ไปทางเจ้าแมวสีดำอย่างไม่ลังเล มารีที่หลุดออกจากห้วงความคิดของตนบัดนี้มองกริมม์ที่หันมาสบตากับอาจารย์ใหญ่ที่โผล่เข้ามาพร้อมถุงที่เหมือนกับจะบรรจุอาหารเอาไว้ "ทำไมเจ้านี่ถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะครับมารีคุง!?"

    "กริมม์แค่กลับเข้ามาที่นี่ใหม่น่ะค่ะ" หล่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สำนึกผิดหรือตกใจแต่อย่างใด มีเพียงใบหน้าที่ยังประดับยิ้ม---เป็นยิ้มที่ชวนรู้สึกไม่น่าไว้ใจชอบกล "แต่คราวนี้มาดีนะ ใช่ไหมกริมม์?"

    "ใช่! ข้าอุตส่าห์กำจัดเจ้าพวกผีร้ายให้ออกไปจากที่นี่เลยนะ อย่าลืมขอบคุณซะล่ะ"

    "หืม? หมายความว่ายังไง..." เสียงของคราวลี่ย์แผ่วเบาลงไป มือนั้นถูกยกขึ้นมาลูบคางของตัวเองราวกับพึ่งนึกถึงเรื่องๆหนึ่งออก "จะว่าไปแล้วมีพวกวิญญาณที่ชอบแกล้งนักเรียนอยู่นี่น่า พวกเด็กนักเรียนเลยย้ายออกไปจากนี้หอกัน มิน่าทำไมหอนี้ถึงได้ว่าง---เกือบลืมไปเสียสนิทเลย อืม..."

    "พวกเธอทั้งสองคนช่วยไล่มันออกไปด้วยกันสินะครับ?"

    "ไม่ได้ช่วยเต็มที่เลยเสียหน่อย ตัวข้าทำอยู่แค่คนเดียวส่วนเจ้านี้ก็แค่บอกทิศทางให้ข้าเอง" เสียงของกริมม์เอ่ยดังขึ้น เนื่องจากเธออยู่ใกล้เลยได้ยินเสียงพึมพำของมันเบาๆ'แต่ก็ได้ผลเกินคาด...ทั้งที่แค่หลับตาแท้ๆ'

    "โถ่ แต่คำแนะนำนั่นก็ทำให้พวกเราไล่พวกมันไปได้สำเร็จไม่ใช่เหรอ?" เสียงของมารีเอ่ยขณะที่หัวเราะภายในลำคอ กริมม์สะบัดหน้าคล้ายไม่อยากจะยอมรับอยู่เสียเท่าไหร่นักเมื่อคำพูดและคำแนะนำจากผู้ไร้เวทมนตร์เฉกเช่นเธอกลับใช้ได้ผลดีเกินที่มันคาดการณ์เอาไว้มาก ซ้ำยังแปลกเกินไปที่มนุษย์ไร้เวทย์จะรู้อะไรดีๆแบบนี้

    ท่าทางของหนึ่งปีศาจแมวดำและหนึ่งมนุษย์ที่มีพลังประหลาดสะท้อนอยู่ภายในสายตาของอาจารย์ใหญ่นามคราวลี่ย์ ดวงแสงสีอำพันมองภาพตรงหน้าด้วยแววตาที่ไม่อาจเข้าใจได้ ชั่วแวบหนึ่งที่อมนุษย์ผู้ยืนอยู่ตรงหน้าของหนึ่งปีศาจกับเด็กสาวก็เผยรอยยิ้มออกมา ท่าทางราวกับว่าอยากจะทดสอบอะไรชอบกล

    มารีละสายตาจากกริมม์ ดวงตาสีน้ำข้าวของเธอสบสายตากับชายผู้ชื่อได้ว่าเป็นอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนเวทมนตร์ ไม่รู้ว่าทำไมแต่พอได้เห็นดวงแสงสีอำพันที่มองสลับไปมาระหว่างเธอกับกริมม์(ที่เหมือนจะทำหน้าพึ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้ทูน่า)มารีก็เริ่มรู้สึกว่ามันจะต้องมีอะไรซักอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ

    "เดี๋ยว---แล้วทูน่ากระป๋องของตัวข้าล่ะ!?"

    "ช่วยแสดงตอนไล่วิญญาณพวกนั้นให้ผมดูหน่อยได้ไหม?"

    หวา...เปลี่ยนเรื่องไวมากเลยอ่ะ

    เสียงของอาจารย์ใหญ่ดังขึ้นมาทันควันหลังจากจบคำพูดของกริมม์ที่สวนขึ้นเมื่อพึ่งจะนึกได้ขึ้นมา สีหน้าบัดนี้ของกริมม์คล้ายจะเอือมระอาก็ปรากฎออกมา เธอเองก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของมันอยู่บ้าง ในเมื่อพึ่งต้องต่อสู้มาหมาดๆพอคิดว่าจะได้พักก็ต้องกลับมาโดนใช้งานต่อนี่มันก็ค่อนข้างจะไม่ค่อยจะดีเหมือนกัน

    แย่จังเลยนะ

    แต่คิดว่าเธอจะช่วยพูดเรื่องนี้ให้อาจารย์ใหญ่ฟังไหม? แน่นอนว่าก็ไม่

    มารีตัดสินใจปล่อยเบลอ เธอไม่พูด ปล่อยไว้แบบนี้แหละดีแล้ว และอีกอย่างต่อให้เธอพูดอะไรไปก็ไม่เปลี่ยนให้ทุกอย่างดีไปตามที่ต้องการนักหรอก

    "แต่ว่าเราไล่ผีกันไปแล้วนะ!" เสียงของกริมม์เอ่ยดังขึ้น "ก่อนอื่นเลย ทู---น่า---กระ---ป๋อง!"

    "เดี๋ยวผมจะเป็นวิญญาณให้เอง ถ้าชนะได้เดี๋ยวจะให้ทูน่ากระป๋องเอง เพราะผมเป็นคนใจดียังไงล่ะ!" เธอมองเห็นคราวลี่ย์ดึงอะไรบางอย่างออกมาจากเสื้อ มันเป็นขวดน้ำยาสีที่ดูพิลึกที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมา "น้ำยาเปลี่ยนร่าง!"

    ไม่มีเสียง ไม่มีเอฟเฟ็คใดๆเหมือนในภาพยนตร์หรือการ์ตูน แต่ถึงกระนั้นร่างของคราวลี่ย์ก็เริ่มค่อยๆแปรสภาพเป็นเหมือนเหล่าวิญญาณที่พวกเธอเคยเจอมาไม่มีผิด แต่มีสิ่งหนึ่งที่พอจะเป็นเอกลักษณ์ที่สุดก็คือหมวกและหน้ากากที่ยังคาอยู่บนใบหน้าเหมือนเดิมไม่มีผิด

    "เอ๋...ไม่เอาอ่ะ น่ารำคาญจะตาย" ดวงตาสีฟ้าของกริมม์มองมาที่เธอ เด็กสาวเองก็หันมามองเจ้าแมวดำเหมือนกัน "นี่ต้องร่วมมือกับเจ้านี่อีกแล้วเหรอ?"

    "ถ้าจบไวๆอาจจะได้ทูน่ากระป๋องจริงๆก็ได้นะ?" ถ้าอาจารย์ใหญ่เขาคิดจะให้จริง...เธอคิด ไหล่ยักเบาๆ "แต่ตอนนี้คงต้องฝากมือนายอีกครั้งแล้วแล้วล่ะ"

    "ชิ แต่รอบนี้ต้องให้ทูน่ากระป๋องจริงๆนะ!" สุรเสียงของกริมม์ดังขึ้นยามเมื่อเด็กสาวยกยิ้มให้

    "ถ้างั้นจะให้ฉันเป็นตาให้เธออีกรอบไหมคราวนี้?"

    "ขอปฏิเสธ คราวนี้ตัวข้าจะมองเอง!" มันเอ่ย "แค่บอกข้าก็พอแล้วว่าจะมาจากทางไหนก็พอ!"

    เด็กสาวพยักหน้า รอยยิ้มของหล่อนดูคล้ายจะยิ้มอ่อนอย่างไรเสียชอบกล

    ก็ดูไม่ต่างจากเดิมไม่ใช่หรือ

    ***

    -หลายนาทีผ่านไป

    "เป็น...ไง...ล่ะ!"

    เสียงหอบดังขึ้นผสานกับเสียงคำพูดหลังจากที่จบการขับไล่วิญญาณเก๊อย่างอาจารย์ใหญ่คราวลี่ย์ลง เด็กสาวที่ไม่ค่อยได้ทำหน้าที่อะไรนอกจากบอกทิศบอกทางมีสภาพที่ค่อนข้างดีกว่ากริมม์ไปมากโข 

    อาจารย์ใหญ่มองเด็กสาวด้วยสายตาพิจารณา

    "ไม่นึกเลยนะครับว่ามารีคุงจะมีพรสวรรค์สองอย่างแบบนี้" อาจารย์ใหญ่เปรย "ถึงจริงๆแล้วสัญชาตญาณของผมมันจะบอกได้ก็เถอะว่าเธอเองก็มีความสามารถนี้แฝงอยู่ด้วย แต่ไม่นึกเลยว่ามันจะมีประสิทธิภาพขนาดนี้...อืม..."

    "แต่ว่า..." เสียงพึมพำที่เธอไม่อาจได้ยินยังคงดำเนินต่อ

    มารีมองอาจารย์ใหญ่นิ่งก่อนที่เบือนสายตาสลับมามองที่กริมม์ที่ยังหอบหายใจหนักอยู่ ท่าทางของมันดูจะล้ากว่าแต่ก่อนมากจนดูน่าอนาถ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ไม่เห็นว่าแววตาของมันจะมีความขี้เกียจเลยซักนิด เธอหันกลับมามองตัวเองพลาง เหมือนเฉยเสียงพึมพำยาวเหยียดของอาจารย์ใหญ่ไปอย่างไม่ใส่ใจ

    ริมฝีปากของเธอค่อยๆเปิดออก เอ่ยถามคำถามแก่เจ้าแมวสีดำที่ลอยอยู่ไม่ไกลจากเธอ

    "นี่กริมม์...ไม่คิดจะยอมแพ้จริงๆงั้นเหรอ?" 

    "ห๋า? นี่เจ้าพูดบ้าอะไร" กริมม์มองเธอ แววตานั่นดูตรงไปตรงมา "ไม่ว่ายังไงตัวข้าคนนี้ยังไงก็ต้องเข้าโรงเรียนนี้ให้ได้เท่านั้นแหละ!"

    "หรอ...อืม-" เสียงของเธอกลืนหายเข้าไปภายในลำคอ ดวงตาสีน้ำข้าวหลุบตาต่ำลงราวกับกำลังจะคิดอะไรบางอย่างและสุดท้ายก็เอ่ยออกมา "นี่อาจารย์ใหญ่ ขอให้กริมม์เข้าเรียนที่นี่ได้ไหม?"

    อาจารย์ใหญ่สบตากับเธอ น่าเสียดายนักที่เธอไม่เห็นแววตาของเขาภายในหน้ากาก---ไม่เช่นนั้นคงจะเดาสีหน้าออกได้อย่างแน่นอนว่าคิดเรื่องอะไรอยู่

    "ทำไมล่ะครับ เจ้านี่น่ะเป็นปีศาจเลยนะมารีคุง?"

    "ก็ที่นี่เป็นโรงเรียนเวทมนตร์ และกริมม์เองก็มีเวทมนตร์ไม่ใช่หรือคะ?" เธอเอ่ย ดวงตาสีน้ำข้าวฉายแววครุ่นคิดขณะที่ริมฝีปากของเธอค่อยๆพูดออกมา "เวทมนตร์ที่หมอนี่มีเองก็ใช่ย่อยนี่น่า"

    "นี่เจ้า..." 

    ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นก็ได้... เด็กสาวคิด เธอก็แค่ทำตามคำสัญญาเท่านั้นว่าจะช่วยพูดโน้มน้าวใจให้ มันอยู่ภายในข้อตกลงที่เธอเคยพูดเอาไว้กับกริมม์ตอนที่ช่วยไล่เจ้าพวกวิญญาณออกไปเท่านั้น

    ใช่ มันก็แค่เท่านั้นเอง

    เธอไม่มีทางทำดีกับคนอื่นมากมายเท่ากับที่ทำสิ่งดีๆให้กับเบนจามินได้หรอก

    "อีกอย่าง...คุณคืออาจารย์ใหญ่ผู้แสนใจดีไม่ใช่หรือคะ?" เธอเอ่ยต่อ ยังไงซะการเจรจานี้จะขอจบลงที่ความเอาแต่ใจของเธอเท่านั้น "แล้วก็ กริมม์น่ะยังมีประโยชน์อยู่ด้วยล่ะนะ ถ้ามีหน้าที่ที่ตรงกับความสามารถของกริมม์ จะต้องทำอย่างอื่นได้เก่งพอๆกับไล่ผีเก่งด้วย"

    "แววตาของเธอนี่ทำให้ผมนึกถึงอาเชนกรอตโต้คุงเลยนะครับรู้ไหม" อาเชนกรอตโต้...ใครน่ะ คนที่มีชื่อเสียงของโรงเรียนนี้เหรอ? เธอคิดว่าเธอไม่รู้จักเขาแฮะ "ดูมีแววนี่ครับ ไม่สนใจจะเปลี่ยนมาทำงานอย่างอื่นให้ผมจริงๆเหรอ? ไม่คิดว่าตำแหน่งภารโรงจะลำบากไปหน่อยหรือครับ?"

    พูดแบบนี้แสดงว่ายังไม่ยอมแพ้อีกเหรอ? ถ้างั้นเธอผ่านบททดสอบการเป็นภารโรงแล้วใช่ไหม...คงใช่แหละ ดูจากสภาพแล้ว

    "ฉันคำนวณคณิตศาสตร์ได้แค่นิดๆหน่อยๆเองค่ะ เรื่องสัญญาหรือเอกสารเองก็ไม่ค่อยจะมีความรู้เท่าใครเขาซักเท่าไหร่ด้วย" เธอเอ่ย "แล้วก็...เรื่องของกริมม์ล่ะคะ ตอบมาภายในตอนนี้ด้วยค่ะอาจารย์ใหญ่"

    "แหม่ ผมนี่ลืมไปเสียสนิทเลยครับ" เธอรู้นะว่าเขาจงใจเมินคำโน้มน้าวของเธอ "แต่ผมคงไม่สามารถให้เขาเป็นนักเรียนได้หรอกครับจากวีรกรรมที่ผ่านๆมา แต่หากเป็นตำแหน่งภารโรงควบคู่กับคุณในตอนนี้ล่ะก็ผมก็ยังมอบให้ได้อยู่นะครับ"

    "นี่คุณ..."

    ดวงตาสีน้ำข้าวหรี่ตามองใบหน้าของอาจารย์ใหญ่ที่ยังคงฉีกยิ้มโอบอ้อมอารี เธอลืมไป...นึกไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะใช้วิธีนี้ในการทำให้กริมม์ไม่ได้ตำแหน่งนักเรียนภายในโรงเรียนไนท์เรเวนคอลเลจ

    อ่า...บ้าจริง ถึงจะพยายามพูดให้ครอบคลุมมากที่สุด แต่สุดท้ายแล้วฉันก็ยังสะเพร่าเหมือนเมื่อก่อนอยู่ดี

    ไม่สิ ยังมีอีกวิธีนี่น่า

    "เอ๋!? แบบนั้นตัวข้าไม่---อู้ เอ้าอาอุ๊ดด!!?(เจ้ามนุษย์!!?)" มือของเด็กสาวเลื่อนขึ้นมาปิดปากเจ้าแมวดำที่กำลังจะอ้าปากเถียงกลับ เธอพอเดาได้ว่าอีกฝ่ายยังไงก็คงอยากจะเป็นนักเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ให้ได้ แต่ถ้าขืนพูดออกไปทั้งๆแบบนี้จะไม่มีทางให้ได้ดิ้นรนขึ้นไปสู่ตำแหน่งนักเรียนต่อได้แน่

    "ถ้างั้นฉันขอสิทธิ์ให้เขาด้วยค่ะ"

    "สิทธิ์เหรอครับ?"

    "ก็คุณเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอคะว่าจะให้เป็นภารโรงตอนนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะให้เป็นภารโรงถาวรนี่คะ?" เสียงกลืนน้ำลายเบาๆพอยังได้ยินมาจากอมนุษย์ตรงหน้า "ฉะนั้นฉันอยากจะขอว่าถ้าพวกเราทำผลประโยชน์อะไรซักอย่างให้คุณได้จริงๆล่ะก็ กริมม์จะมีสิทธิ์ได้เลื่อนขั้นจากภารโรงเป็นนักเรียนจนกว่าจะจบชั้นปีการศึกษาของโรงเรียนไนท์เรเวนคอลเลจอย่างถูกต้องค่ะ"

    "ถ้าแบบนั้นขออะไรแลกเปลี่ยนมาได้ไหมครับ?" เขาเอ่ย เสียงนั้นดูจริงจังขึ้นมาภายในระดับหนึ่ง "อย่างเช่น...จุดบอดของเธ---"

    "ฉันทำอะไรพวกผีไม่ได้เพราะพวกเขาไม่มีร่างเนื้อค่ะ แม้ต่อให้จะต้องเอาจริงก็เถอะ"

    "นี่บอกจริงๆอย่างงั้นเหรอครับ? ไม่ได้โกหกใช่ไหม?"

    "การเจรจาตกลงควรทำอย่างซื่อสัตย์ค่ะ ไม่มีเหตุผลที่จำเป็นต้องโกหกคุณอยู่แล้วด้วย" เด็กสาวเอ่ยเสียงเรียบ มองอาจารย์ใหญ่ที่จ้องเธอนิ่งจนสุดท้ายก็กอดอกแล้วถอนหายใจดังเฮือกใหญ่ แต่ถึงกระนั้นคำพูดที่เธอเอ่ยไปก็ไม่ได้ไร้ความหมายเมื่อสุดท้ายแล้วอาจารย์ใหญ่ก็มีทีท่าว่าจะยอมตกลงกับเธอจนได้

    "เธอนี่มันบ้าจริงๆนะครับมารีคุงที่ยอมถึงขนาดนี้ แต่ว่าถ้าหากเป็นข้อเสนอนี้ผมจะขอรับไว้ด้วยความยินดีครับ" เสียงของเขาเอ่ยดังขึ้นมา สีหน้าของเจ้าแมวสีดำนั่นดูมีความหวังอยู่ภายในแววตา "แต่ว่าต้องทำประโยชน์ให้ผมจริงๆนะครับ ขืนสร้างเรื่องอีกล่ะก็จะต้องถูกไล่ออกแน่ๆนะครับ!"

    "เขาว่ามาแบบนั้นนะกริมม์" เธอหันมองเจ้าแมวสีดำที่เธอนำมือออกจากปากของมันแล้ว

    "ตัวข้าฟังไม่รู้เรื่องซักนิดว่าพวกเจ้าคุยอะไรกัน" มันเอ่ย ท่าทางดูงุนงงไม่น้อยเลยทีเดียว "แต่ถ้าข้าทำประโยชน์อะไรซักอย่างให้จะได้กลายเป็นนักเรียนสินะ ฟุฮะฮะฮะ ไว้ใจท่านกริมม์ได้เลย!"

    อยากถอนหายใจดังๆอีกซักรอบ... เด็กสาวมองปฏิกิริยาของเจ้าแมวสีดำตรงหน้าที่มากทิฐิซึ่งยังอยู่ไม่ได้ไกลจากเธอนัก เจ้าแมวนี่จะไหวอยู่ใช่ไหม ขืนถูกไล่ออกขึ้นมาจริงๆฉันคงจะช่วยอะไรไม่ได้แล้วด้วย...

    ถึงแบบนั้นก็เถอะ

    "ดีมาก ถ้าอย่างงั้นทั้งสองคนก็เริ่มงานวันพรุ่งนี้นะ" เสียงของอาจารย์ใหญ่แห่งไนท์เรเวนคอลเลจเอ่ย "พยายามเป็นภารโรงแห่งไนท์เรเวนคอลเลจที่ดีที่สุดให้ได้ล่ะ!"

    ฉันน่ะ...

    เสียงของพวกเธอสองคนดังออกมาพร้อมกัน

    "ไว้ใจได้เลยค่ะ!" "คอยดูเถอะ ตัวข้าจะทำให้เจ้าต้องเลื่อนขั้นให้ตัวข้าผู้นี้เป็นนักเรียนภายในพรุ่งนี้ให้ได้เลย!"

    ไม่คิดว่าการที่ลงแรงฟรีๆไปถึงขนาดนี้จะเสียเปล่าเท่าไหร่หรอกนะ


    ***

    สาส์นจากไรท์ :

         สวัสดีค่ะ ไรท์กลับมาพร้อมกับบทห้าที่เนื้อหาก็ยังยาวเหมือนเดิมเลย(หัวเราะแห้ง)เนื่องจากว่าหาที่ตัดฉากไม่ได้ซักที แต่คิดว่าในอนาคตคงได้มีการตัดฉากเพิ่มแล้วใส่ฉากเข้าไปใหม่ค่ะ ต่อจากนี้นางเอกของเราต้องรับภาระเพิ่มขึ้นอีกเยอะแน่ๆเลย (โดยเฉพาะกับอาเชนกรอตโต้คุง ต้องสนุกมากแน่ๆ!)

    ต่อจากนี้(บทที่หกขึ้นไป) ก็จะเริ่มเข้าสู่เนื้อเรื่องจริงๆจังๆแล้วล่ะค่ะ พอคิดว่าจะได้แต่งเนื้อเรื่องที่ต้องตบตีกับเจ้าคนแคระนั่นแล้วก็คิดว่าต้องได้แก้ไม่ก็เกลาบทซักสามสี่รอบแน่นอนเลยค่ะ แล้วก็คงจะให้ผ่านยากขึ้นกว่าเดิ...หยอกๆนะคะ  (' w ') แต่ก่อนอื่นคงจะต้องไปหาเพื่อนร่วมชะตากรรม ไม่สิ เพื่อนแท้มาเข้าแก็งค์ซะแล้วล่ะค่ะ!

    ปล. บทเอซไรท์พร้อมแกงมาก(?) เพื่อนรักตลอดกาลของตัวเอกนี่ดีสุดยอด(ในหลายๆความหมาย)ไปเลยค่ะ

    ปล. สอง จริงๆไม่ค่อยอยากจะบอก(แต่จะบอกเพราะไรท์ชอบสปอยนิดๆหน่อยๆ) แต่บทนำคิดว่าจะเอาบทหัวหน้าหอซักคนออกค่ะ แต่คนไหนก็รอดูกันยาวๆไปเลยนะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×