ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FICTION TWST : Odinary girl in WONDERLAND [ OC/ปิดฟิครีไรท์ ]

    ลำดับตอนที่ #2 : บทปฐมก่อนเปิดม่าน : Once upon time (1)

    • อัปเดตล่าสุด 1 ส.ค. 63




    " ตัวผม พวกเขา เธอ

    เวลาได้หมดลงแล้ว

    ไม่ว่าอย่างไรก็มิอาจหนีมือคู่นี้พ้น "

     

    ???

    “กาลครั้งหนึ่ง”

     

    ***

     

    มารี

     

    ใคร ใครกำลังเรียกเธอหรือ?

     

    ลืมตาตื่นขึ้นสิ เช้าแล้วนะ

     

    อ่า…ใช่ เธอรู้แล้ว ก็อยากจะบอกแบบนั้นอยู่หรอก

     

    เธอลืมตาขึ้น

     

    “เปลือกตา…ไม่หนัก?”

     

    มารีรู้สึกร่างกายแจ่มใส สภาวะอารมณ์ของเธอตอนนี้อยู่ในภาวะปกติไม่เหมือนกับเมื่อกะดึกตอนนั้น---อ่า ทำไมเมื่อวานเธอถึงทำเรื่องบ้าๆอย่างเช่นเอื้อมมือไปแตะกระจกแล้วก็วูบลงไปเลยนะ? แต่เมื่อคืนเธอคงจะทำงานหนักเกินไป และพอมามีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยสติก็คงจะเลอะเลือนไปเสียกระมั้ง

     

    เธอหวังว่าผู้จัดการจะไม่ดุเธอนะ แล้วก็…โบนัส

     

    แต่ว่า ทำไมมันถึงมืดขนาดนี้กันนะ? เธอก็ลองเช็คที่ตาแล้วปรากฏว่าตาเปิดแจ่มแจ้งไม่หลับแน่ แล้วทำไมรอบข้างมันถึงมืดขนาดนี้…หรือว่าจะโดนลักพาตัวหรือ?

     

    ไม่สิ เป็นไปได้น้อยจะตายก็ในเมื่อเธอยังอยู่ในห้องน้ำร้านสะดวกซื้ออยู่เลย

     

    หรือจะไม่ได้ล็อคห้องน้ำ?

     

    “แย่แล้ว คนกำลังเริ่มเข้ามากันแล้ว ต้องรีบใส่ชุดก่อน”

     

    เสียงหรือ หรือว่าจะมีคนลักพาตัวเธอมาจริงๆน่ะ?

     

    เธอเหลียวมองซ้ายขวา แขนทั้งสองข้างยังอยู่เป็นปกติไม่ได้ถูกมัดแต่อย่างใด แม้กระทั่งปากก็ไม่ได้ถูกปิดด้วยเทป…หากนี่เป็นการลักพาตัวเจ้าคนร้ายผู้นั้นก็คงจะหละหลวมเป็นแน่แท้

     

    มารีขมวดคิ้ว

     

    เอาล่ะ ถึงจะไม่ได้มั่นใจว่าจะมีคนลักพาตัวมาจริงๆ...แต่ตอนนี้ถ้าออกไปได้คงต้องรีบชิ่งก่อน

     

    เอาล่ะ รีบเปิดออกมาสิ!

     

    “ฮึยย! ฝาโลงหนักชะมัดด อาวุธลับนี้…ถึงเวลาออกโรงแล้ว ฮึบบบ ฮึบ---นี่แหน่ะ!”

     

    ในที่สุดแสงสว่างก็เข้าปรากฏแก่สายตา ดวงตาสีซีดของเด็กสาวชะงักยามเมื่อเห็นเปลวไฟสีฟ้าผิดธรรมชาติที่แทบจะล้อมรอบอยู่รอบๆตัวเธอที่อยู่ในโลงศพอย่างผิดแปลก เสียงกรีดร้องหายเข้าไปภายในลำคอเมื่อเธอเจอกับสถานการณ์ที่เหนือความคาดหมายมากนัก

     

    เธอจดจ้องไปยังเปลวไฟสีน้ำเงิน ดวงตาสีขาวซีดเหลียวซ้ายเหลียวขวาด้วยความงุนงง ก่อนจะเลื่อนสายตาเข้ามาสบตากับดวงตาสีน้ำโตกลมโตตรงหน้าที่มองเธอ ใบหน้าที่ดูภาคภูมิใจนั่นค่อยๆไล่เปลี่ยนไปตกใจยามเมื่อเห็นเธอที่ขยับมีชีวิต

     

    “เอาล่ะ ทีนี้ก็---ทะ…ทำไมแกถึงตื่นขึ้นมาได้ล่ะ!?”

     

    “มะ-แมวพูดได้เนี่ยนะ!?” เธอสาวเอ่ยสวน ท่าทางร้อนรนยามเห็นท่าทางของเจ้าแมวที่พูดได้ เธอไม่ได้ตาฝาด---และนี่ก็มีแต่ห้องที่เต็มไปด้วยโลงศพอีกต่างหาก นี่เธอถูกพาตัวมาที่พิธีบูชายัญของเหล่าลัทธิลวงโลกหรืออย่างไร ความคิดสุดแสนล้าสมัยเช่นนี้ไม่ใช่ว่ามันควรจะหายไปแล้วหรอกหรือ!?

     

    อีกทั้ง…อีกทั้ง…เจ้าแมวพูดได้นี่ก็ด้วย!

     

    “ข้าไม่ใช่แแมวนะ!! ตัวข้าผู้นี้น่ะคือท่านกริมม์ผู้ยิ่งใหญ่ต่างหาก!”

     

    เจ้าแมวนั่นเอ่ยเถียงเธอกลับ ก่อนที่ไม่นานนักมันก็เอ่ยราวกับจะขู่ถึงสิ่งที่มันต้องการจากเธอท่ามกลางห้องที่ล้อมรอบไปด้วยเปลวไฟสีฟ้า

     

    “ช่างเถอะ เจ้าน่ะรีบส่งเสื้อมาให้ตัวข้าผู้นี้ซะ ไม่งั้นเดี๋ยวก็ย่างเสียหรอก!”

     

    เสื้อ? เสื้ออะไร หมอนี่จะยืมเสื้อพนักงานร้านสะดวกซื้อไปใส่เหรอ?

     

    จะเสื้ออะไรก็เถอะ แต่ฉันไม่ยกให้แน่!

     

    ความคิดของมารีดังก้อง เธอไม่ได้ก้มมองตัวของเธอด้วยซ้ำ---มีแต่ความว้าวุ่นที่เห็นภาพของเปลวไฟสีฟ้าที่ทำให้เธอสติแตกยิ่งกว่าเดิมจนขาของเด็กสาวสับฝีเท้าวิ่งฝ่าวงล้อมไฟออกไปด้วยความรวดเร็วยามเมื่อสบโอกาสที่เจ้าแมวที่ชื่อว่ากริมม์อะไรซักอย่างนั่นเผลอ

     

    “กลับมานี่นะเจ้ามนุษย์!!?”

     

    เสียงของมันไล่หลัง แต่เด็กสาวไม่สนใจอะไรอีกแล้ว

     

     

    ***

     

    บางทีนี่อาจจะเป็นความฝันก็ได้

     

    เธออาจจะเผลอทำงานที่ร้านสะดวกซื้อหนักเกินไปจนวูบหลับ

     

    มารีคิด ไม่สิ…หากบอกว่าพยายามภาวนาให้เป็นเช่นนั้นก็คงจะตรงกับสถานการณ์และความว้าวุ่นของเธอในตอนนี้มากกว่าสิ่งอื่นใด

     

    เด็กสาวที่สับฝีเท้าไม่คิดชีวิตและไม่แม้แต่จะมองทาง มีทางไหนก็เลี้ยวไป ทางไหนตรงก็เร่งฝีเท้ายามเมื่อได้ยินเสียงอะไรบางอย่างกำลังไล่หลังมา ซึ่งสิ่งที่เธอคิดคงไม่พ้นเจ้าแมวสีดำนามกริมม์แน่

     

    น่ารำคาญชะมัด เมื่อไหร่จะสลัดหลุดกัน!

     

    “นี่คิดจริงๆหรือว่าจะหนีพ้นจากตัวข้าได้น่ะ เจ้ามนุษย์!”

     

    โถ่วเว้ย นี่เธอมาอยู่ที่ไหนกันแล้วเนี่ย…ห้องสมุดหรือ!?

     

    ฝีเท้าหยุดลงขณะที่เด็กสาวพึ่งจะรู้สึกตัวเมื่อสายตาบรรจบกับชั้นหนังสือที่อัดแน่นไปด้วยตำรามากมาย ในตอนนี้ร่างของเธอมาถึงทางตันภายในห้องสมุดขนาดใหญ่ ร่างของเด็กสาวหันหน้าเข้าเผชิญกับเจ้าแมวดำด้วยหัวใจที่เต้นตุ่มๆต่อมๆเต็มไปด้วยความกลัวยามเห็นวีรกรรมของมันที่พ่นไฟออกมาได้

     

    มันเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้เธอ เอ่ยเสียงที่ดูอวดดีของมันออกมา

     

    “ทางตันแล้วสินะ เจ้ามนุษย์!”

     

    เด็กสาวเม้มริมฝีปาก เหงื่อผุดขึ้นบนใบหน้าขณะดวงตาสีซีดก้มมองพื้นข้างล่างไม่สบตากับเจ้าแมวที่ยังเอ่ยต่อ

     

    “เอาล่ะถ้าไม่อยากถูกย่างล่ะก็ จงให้ควา---แอ้ก! เจ็บ…สายอะไรเนี่ย?”

     

    “ไม่ใช่สายอะไรทั้งนั้นแหละครับ แส้แห่งความรักต่างหาก”

     

    หืม?

     

    เด็กสาวละสายตาออกจากพื้นขณะที่เลื่อนขึ้นไปสบตากับเจ้าของเสียงผู้ปรากฎตัวขึ้นเพื่อช่วยเธอให้รอดพ้นจากเจ้าแมวดำนามกริมม์ ร่างที่ปรากฎแก่สายตาของเธอคือร่างของผู้ชายรูปร่างสูงผมสีเข้มในสภาพหน้ากากอีกาและหูแหลมราวอมนุษย์ การแต่งกายเองก็แปลกประหลาดจนชวนให้ความรู้สึกไม่น่าเชื่อว่าคนแต่งจะใส่ไปงานคอสเพลย์หรอกหรือเปล่า

     

    ไหนจะดวงตาสีเหลืองแวววับเหมือนเรืองแสงออกมาได้นั่น แปลกชะมัดเลย...เครื่องประดับที่ติดไฟหรือไง?

     

    ถ้าเบนจามินอยู่ที่นี่ด้วยละก็…

     

    “นักเรียนใหม่ ยังฟังอยู่ใช่ไหมครับ?”

     

    เสียงเรียกของชายตรงหน้าทำให้ร่างของมารีสะดุ้ง ก่อนที่ไม่นานนักเธอจะส่ายหน้าเบาๆ ปากของเธอคล้ายสั่นอยู่เล็กน้อยจนเสียงพูดลนลานของเธอไม่ได้เอ่ยคำลงท้ายออกมา

     

    “ช่วย…ช่วยทวนอีกครั้งได้ไหม?”

     

    “ให้ตายสิครับ นี่เพราะว่าผมเป็นคนใจดีล่ะนะ” ใจดีหรือ? เธอมองเขาที่คล้ายกอดอกถอนหายใจ “ผมจะมองข้ามเรื่องที่พวกเธอสองคนทำไปก่อน ตอนนี้พิธีปฐมนิเทศกำลังจะเริ่มแล้ว ไปที่หอกระจกกันเถอะครับ”

     

    “แล้ว…เจ้าแมวนี่ล่ะ?” เธอชี้ มองกริมม์ที่อยู่ในสภาพโดนหิ้วปีกจากชายปริศนาโดยสมบูรณ์จนคล้ายแมวสิ้นฤทธิ์ทำได้เพียงสส่งเสียงร้องน่านำคาญชวนน่าขบขัน “มันจะไม่ก่อเรื่องอะไรอีกแล้วใช่ไหม? แล้วพิธีปฐมนิเทศคืออะไร ทำไมฉันถึง---”

     

    “ถามมาเสียขนาดนี้ผมก็ตอบไม่ทันซินักเรียนใหม่ แต่ผมจะอธิบายให้ไปในระหว่างทางแล้วกันครับ เพราะว่าผมนั้นเป็นคนใจดีอย่างไรล่ะ แต่ก่อนอื่น-” แสงสีอำพันนั้นจ้องมองมาทางเธอ “ไม่ใช่ว่าเธอนั้นเป็นคู่หูกับเจ้าแมวนี่หรอกรึ?”

     

    “ไม่เคยพบ ไม่เคยรู้จักมาก่อนเลยล่ะ”

     

    “เจ้านี่น่ะก็แค่เครื่องมือสู่ความสำเร็จของข้าเท่านั้นแหละ!”

     

    “ผู้คนก็มักจะพูดเช่นนี้ แต่สำหรับตอนนี้ช่วยกรุณาเงียบซักครู่นะครับ”

     

    “อื้อ อื้มมม!!!?”

     

    ปากเหมือนจะโดนปิดยังกับรูดซิบเลยแฮะ…

     

    เธอมองผู้ชายปริศนาคนนั้นที่เหมือนจะใช้ทักษะอะไรซักอย่างปิดปากของกริมม์ได้ชั่วพริบตาจนเด็กสาวหลุดขำออกมาอย่างอดไม่ได้ ในเมื่อบัดนี้เจ้าแมวที่ดูสิ้นฤทธิ์ก็คล้ายกับจะโดนกำราบอยู่หมัดต่างจากตอนแรกที่เหิมเกริมเสียแบบนั้น

     

    แต่แบบนี้ก็ดี… เธอคิด

     

    “เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้นผมจะขอเริ่มอธิบายนะครับ” เสียงของเขาดูนุ่มทุ้มน่าฟังในยามที่ฝีเท้าของเธอกำลังก้าวตามเขาไปติดๆระหว่างออกจากห้องสมุด “อะแฮ่ม…ที่นี่คือโรงเรียนไนท์เรเวนคอลเลจ ที่ที่เต็มไปด้วยเหล่านักเวทย์ที่มากความสามารถจากทั่วทุกมุมโลก เป็นโรงเรียนเวทมนตร์ที่มีเกียรติมากที่สุดในทวิสเตดวันเดอร์แลนด์ครับ และผมเองก็เป็นอาจารย์ใหญ่ที่ถูกแต่งตั้งให้ดูแลโรงเรียนแห่งนี้ เดียร์ คลาวลีย์”

     

    “วะ…เวทมนตร์เหรอ?”

     

    ชั่วขณะหนึ่งที่รู้สึกเหมือนทุกอย่างกำลังประดังประดาเข้ามาภายในสมองจนรู้สึกประสาทด้านชา ร่างของเด็กสาวคล้ายหยุดก้าวขาไปชั่วขณะเมื่อได้ฟังสิ่งที่ไม่น่าจะมีอยู่จริงในโลกของเธอด้วยซ้ำไป

     

    เวทมนตร์เนี่ยนะ? ของแบบนั้นมันไม่มีอยู่จริงหรอก

     

    ไหนจะไนท์เรเวนคอลเลจ? ทวิสเตด…วันเดอร์แลนด์?

     

    อะไรกัน ชายคนนี้พูดเรื่องอะไรอยู่…ถึงจะไม่น่าเชื่อแต่มันก็---

     

    “มีเพียงนักเวทย์แห่งกระจกความมืดเท่านั้นที่เห็นค่าจึงจะสามารถเข้ามาเรียนยังที่แห่งนี้ได้ และผู้คนจากทั่วโลกก็จะถูกเรียกและใช้ประตูเพื่อมายังที่แห่งนี้”

     

    สุรเสียงของคราวลีย์เอ่ยอธิบายต่ออย่างเจื้อยแจ้วราวกับนก(ซึ่งก็เหมือนจริงๆหากรวมหน้ากากอีกาดำนั่นเข้าไปด้วย) เขากล่าวถึงวิธีที่จะนำพาทุกคนมายังที่แห่งนี้โดยใช้รถม้าสีดำขนโลงศพซึ่งบรรจุร่างของพวกเขาเข้ามายังไนท์เรเวนคอลเลจ เพื่อมาสู่ประตู สถานที่ที่พวกเขานั้นจะได้พบกัน

     

    “เรื่องรถม้าสีดำที่ใช้รับนักเรียนใหม่เข้ามานั้น พวกมันเป็นรถม้าที่เฝ้ารักษาประตูอยู่” เธอรู้สึกเหมือนปลายทางของพวกเขาจะอยู่อีกไม่ไกลยาวเมื่อคราวลี่ย์ก้าวฝีเท้าช้าลงนิดหน่อย “ส่วนตลาดก็ตัดสินใจเอาไว้แล้วว่าจะนำมารับใช้นักเรียนในวันพิเศษ”

     

    “…”

     

    “ท่าทางดูไม่ตื่นเต้นเลยนะครับ”

     

    เธอมองเห็นใบหน้าของคราวลี่ย์ที่คล้ายจะดูแปลกใจ เด็กสาวในชุดแปลกตาเงียบไปเกินคำว่าปกติ---เธอเมินเสียงร้องของกริมม์ที่ถูกรูดซิปปากอยู่ขณะที่เดินไปพร้อมๆกับคราวลี่ย์

     

    “เปล่า ฉันก็แค่…” เธอเงียบไปชั่วครู่ สุดท้ายก็ส่ายหน้าแล้วยกยิ้ม “ช่างเถอะ อย่างไรเสียเมื่อคืนก็มีแต่เรื่องน่าประหลาดใจอยู่แล้ว”

     

    อย่างไรที่นี่ก็คงเป็นเพียงแค่ความฝัน ฝันที่เกินกว่าจะจินตนาการได้

     

    “เช่นนั้นเองหรือ” เสียงของคลาวลี่ย์เอ่ย จุดแสงสีอำพันเปลี่ยนรูปเป็นทรงจันทร์เสี้ยว ริมฝีปากนั้นยกยิ้มราวสนุก “งั้นก็ไปปฐมนิเทศน์กันเถอะครับ”

     

    ฝีเท้าที่ดังขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน และในที่สุดพวกเขาก็หยุดมาอยู่ที่หอกระจก…สถานที่ที่เธอหนีออกมาจากโลงศพประหลาด สู่พิธีปฐมนิเทศน์ในค่ำคืนความฝันนี้


    ***

    : สาส์นจากไรท์

    หลังจากที่คิดอยู่พอสมควรว่าจะเปิดฟิคนี้ออกมาไหม แต่สุดท้ายก็เปิดออกมาด้วยแรงกิเลสของตัวเองล้วนๆเลยค่ะ(ฮ่า) ฟิคนี้จะพยายามแต่งให้สนุกที่สุดเท่าที่จะทำได้นะคะ ส่วนเรื่องคาร์แรคเตอร์ของตัวละครนั้นหากมีการOOCมากเกินไปต้องขออภัยล่วงหน้ามา ณ ที่นี้ด้วยจริงๆค่ะ(โค้ง)

    ในส่วนของการอัพ จะพยายามมาอัพให้ถี่บ่อยนะคะ แต่ช่วงเดือนนี้อาจจะไม่สะดวกเนื่องจากรายชื่ออีเว้นท์ของทั้งเดือนช่างแสนสาหัสจริงๆค่ะ(ทั้งอีเว้นท์ดิวซ์กลางเดือน หรือจะบทห้าที่กำลังจะโผล่ในปลายเดือนนี้) ส่วนวันนี้เราจะอัพอีกตอนในอีกไม่นานหลังจากปล่อยตอนนี้ไป หลังจากนี้คงจะปล่อยมาทีละหนึ่งตอนเพราะไม่เหลือไว้ในสต็อคแล้ว

    ในส่วนของเรื่องนี้ไม่มีฮาเร็มนะคะ แต่มีพระเอกแน่นอน(มั่นใจมากๆ) และจะเน้นที่ความสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆที่ไม่ใช่ความรักระหว่างตัวเอกกับหนุ่มคนอื่นๆค่ะ ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ


     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×