ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : นางสีดา : รามเกียรติ์ (100%)
���� นางสีดา ที่เรารู้จักกันดีในวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ มีประวัติที่มาอย่างไร เป็นลูกเต้าเหล่าใคร ไรเตอร์จะอธิบายให้รู้กันค่ะ^^
���� นางสีดา...เป็นธิดาของพญายักษ์ทศกัณฐ์ กับนางมณโฑผู้เป็นมเหสีรอง (ไม่ผิดค่ะ เป็นลูกทศกัณฐ์จริงๆ!�- -*) ความจริงเเล้วก่อนจะมาเกิดเป็นนางสีดา นางคือ�"พระลักษมี" เทพชายาแห่ง "พระนารายณ์" ผู้ปกครองเกษียณสมุทร (ทะเลน้ำนม) เมื่อพระนารายณ์ต้องแบ่งภาคมากำเนิดบนโลกมนุษย์เพื่อปราบพญายักษ์ทศกัณฐ์ พระลักษมีเทพชายาจึงขอแบ่งภาคตามมาเกิดด้วย...
�����เมื่อแรกเกิด นางได้ร้องออกมาว่า "ผลาญยักษ์" สามครั้ง พิเภก (น้องชายทศกัณฐ์) ทำนายว่านางเป็นตัวกาลกิณี�ในอนาคตจะทำให้กรุงลงกาวอดวาย�ทศกัณฐ์และนางมณโฑจึงจำใจยอมให้พิเภกนำทารกน้อยไปทิ้งที่แม่น้ำ...
���� น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ที่เมื่อทารกน้อยนี้สัมผัสน้ำ ก็พลันมีดอกบัวขึ้นมารองรับนางไว้ ดอกบัวลอยไปจนถึงอาศรมของฤาษีชนก หรือท้าวชนกผู้ครองเมืองมิถิลา ผู้เบื่อหน่ายกับชีวิตทางโลกจึงออกมาบำเพ็ญพรตแทน...
�����ฤาษีชนกเห็นทารกน้อยก็เก็บมาเลี้ยง โดยนำทารกใส่ผอบ (อ่านว่า ผะ-อบ หมายถึงภาชนะใส่ของชนิดหนึ่งค่ะ^^) แล้วฝากเทวดานางฟ้าไว้ พร้อมขุดหลุมฝังผอบ...
����� หลายสิบปีต่อมา...ฤาษีชนกก็ยังไม่สำเร็จญาณเสียที จึงคิดจะกลับไปครองเมืองดั่งเดิม พลันก็คิดถึงทารกเพศหญิงที่ตนฝากเทวดานางฟ้าดูแลไว้ จึงสั่งให้คนรับใช้ขุดหลุมหาจนทั่วอาศรม�แต่ก็ไม่เจออะไรเลย...
�����
����� คราวนี้ ฤาษีชนกจึงเป็นผู้หาเอง โดยเอาคันไถมาขุดลากหา และอธิฐานให้เจอผอบที่ฝังไว้ ในที่สุดก็พบผอบนั้นจนได้
�
���� ฤาษีชนกเปิดผอบก็พบกับหญิงสาวโฉมงามดั่งนางฟ้า จึงรับหญิงสาวเป็นธิดาบุญธรรมและให้นามนางว่า "สีดา" แปลว่า "รอยคันไถ" เพราะต้องไถจนดินเป็นรอยคันไถกว่าจะเจอผอบที่นางอยู่
�
���� ฤาษีชนกกลับเมืองมิถิลา พระมเหสีดีใจมากที่ได้ธิดางามเลิศ เนื่องจากท้าวชนกและมเหสีไม่เคยมีบุตร...
���� เวลาผ่านล่วงเลยไป...สีดาเติบโตเป็นสาวรุ่น งดงามเป็นยิ่งนัก ท้าวชนกจึงคิดหาคู่ครองให้ โดยมีพิธียกธนูโมลี ธนูศักดิ์สิทธิ์ขึ้น ใครยกธนูนี้ได้จะได้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงสีดา
���� ความงามของนางสีดาเป็นที่ลื่อเลื่องอยู่แล้ว เมื่อถึงวันพิธีจึงมีชายหนุ่มมากมายมาร่วมพิธี ไม่มีใครยกธนูโมลีได้ซักคน ยกเว้น... "องค์ชายราม" โอรสแห่งกษัตริย์เมืองอโยธยาเท่านั้น...
��
���� นางสีดามีใจให้พระรามอยู่แล้ว...ทั้งสองจึงได้อภิเษกสมรสกัน (พระรามคือพระนารายณ์เทพสวามีของพระลักษมีที่แบ่งภาคลงมาเกิด)
��� นางสีดาตามพระรามกลับเมืองอโยธยา ไปเป็นมเหสีพระรามที่นั่น ทั้งสองครองรักกันอย่างมีความสุข จนพระรามมีเหตุจำเป็นที่ต้องออกบวชเป็นเวลาสิบสี่ปี โดยมี "พระลักษมณ์" น้องชายต่างมารดาของพระรามติดตามมาด้วย โดยนางสีดาก็ติดตามไปดูแลพระรามไปในป่า���
����ระหว่างที่บวชอยู่นั่นเอง...ที่ทศกัณฐ์มาแอบหลงรักนางสีดา เนื่องจากต่างฝ่ายต่างไม่รู้ว่าเป็นพ่อลูกกัน ทศกัณฐ์จึงวางแผนชิงตัวนางสีดาไปอยู่ด้วยที่เมืองลงกา พระรามก็ตามมา จึงเกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้น
��� ตลอดเวลาที่สีดาอยู่ที่เมืองลงกา นางก็เฝ้าจงรักภักดีกับพระรามเสมอมา ไม่ใจอ่อนให้ทศกัณฐ์เลยแม้แต่น้อย...
��� สุดท้ายทศกัณฐ์ก็ถูกพระรามสังหารได้สำเร็จ นางสีดาได้กลับมาอยู่กับพระรามดั่งเดิม แต่ก่อนหน้านั้นนางได้ขอทำพิธีลุยไฟ เพื่อเเสดงให้เห็นว่านางมีพระรามแค่คนเดียว ก่อนลุยไฟนางกล่าวว่า
��� "ข้าของตั้งสัจจะวาจาว่า หากข้าประพฤติชอบ มีสวามีเพียงหนึ่ง ขอให้ไฟนี้อย่าได้กล้ำกราย แต่หากข้าไม่เป็นเช่นนั้นขอให้ไฟนี้มอดไหม้ข้าให้สิ้นไป..."
��� และแล้วระหว่างที่นางลุยไฟ ก็มีดอกบัวมาห่อหุ้มพระบาท (เท้า) เอาไว้ ไม่ให้ไฟมาทำอันตรายได้...
��� พระรามพาสีดากลับเมือง ครองเมืองอโยธยาแทนท้าวทศรถผู้เป็นบิดาที่เสียชีวิตไปแล้ว โดยแต่งตั้งนางสีดาให้เป็นมเหสี...
���� แต่เรื่องราวยังไม่จบเพียงเท่านี้ เมื่อ "นางอาดูร" หลานสาวของทศกัณฐ์ที่มีความแค้นเคืองสีดามาแปลงกายเป็นนางกำนัลในตำหนัก ขอร้องให้สีดาวาดรูปทศกัณฐ์ให้ดู แล้วเข้าสิงรูปนั้น ทำให้ไม่สามารถลบออกได้ พระรามรู้เข้าก็โกรธ หาว่านางสีดายังมีใจคิดถึงทศกัณฐ์ ไม่ฟังคำนางสีดาเลย ทั้งยังสั่งประหารนางสีดาอีกด้วย ทั้งๆที่ตอนนั้น...นางสีดากำลังมีครรภ์อ่อนๆ (ทำลงเนอะ T^T)
�
��� แต่โชคดีที่นางสีดารอดมาได้ จากการช่วยเหลือของพระลักษมณ์ นางไปอาศัยอยู่ที่อาศรมของฤาษีตนหนึ่ง และคลอดโอรส นามว่า "พระมงกุฎ" และฤาษีก็เสกโอรสที่หน้าตาเหมือนกันแต่ผมสีแดง (เนื่องจากกำเนิดจากไฟ) ให้นามว่า "พระลบ"
�� ต่อมาพระรามรู้ความจริงและออกตามหานางสีดา แต่นางสีดาโกรธไม่ยอมคืนดีด้วย จึงมอบพระมงกุฎและพระลบให้ แต่ตัวนางเองไม่ได้คืนสู่อโยธยาแต่อย่างใด...
��� ร้อนถึงพระอิศวร (พระศิวะ) ต้องมาช่วยไกล่เกลี่ยให้ทั้งสองคืนดีกัน หลังจากนั้น...ทั้งสองก็ครองรักกันอย่างมีความสุข...
บอกแล้วว่าเดี๋ยวไรเตอร์มาอัพเร็ว ดีป่ะ???
���� นางสีดา...เป็นธิดาของพญายักษ์ทศกัณฐ์ กับนางมณโฑผู้เป็นมเหสีรอง (ไม่ผิดค่ะ เป็นลูกทศกัณฐ์จริงๆ!�- -*) ความจริงเเล้วก่อนจะมาเกิดเป็นนางสีดา นางคือ�"พระลักษมี" เทพชายาแห่ง "พระนารายณ์" ผู้ปกครองเกษียณสมุทร (ทะเลน้ำนม) เมื่อพระนารายณ์ต้องแบ่งภาคมากำเนิดบนโลกมนุษย์เพื่อปราบพญายักษ์ทศกัณฐ์ พระลักษมีเทพชายาจึงขอแบ่งภาคตามมาเกิดด้วย...
�����เมื่อแรกเกิด นางได้ร้องออกมาว่า "ผลาญยักษ์" สามครั้ง พิเภก (น้องชายทศกัณฐ์) ทำนายว่านางเป็นตัวกาลกิณี�ในอนาคตจะทำให้กรุงลงกาวอดวาย�ทศกัณฐ์และนางมณโฑจึงจำใจยอมให้พิเภกนำทารกน้อยไปทิ้งที่แม่น้ำ...
���� น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ที่เมื่อทารกน้อยนี้สัมผัสน้ำ ก็พลันมีดอกบัวขึ้นมารองรับนางไว้ ดอกบัวลอยไปจนถึงอาศรมของฤาษีชนก หรือท้าวชนกผู้ครองเมืองมิถิลา ผู้เบื่อหน่ายกับชีวิตทางโลกจึงออกมาบำเพ็ญพรตแทน...
�����ฤาษีชนกเห็นทารกน้อยก็เก็บมาเลี้ยง โดยนำทารกใส่ผอบ (อ่านว่า ผะ-อบ หมายถึงภาชนะใส่ของชนิดหนึ่งค่ะ^^) แล้วฝากเทวดานางฟ้าไว้ พร้อมขุดหลุมฝังผอบ...
����� หลายสิบปีต่อมา...ฤาษีชนกก็ยังไม่สำเร็จญาณเสียที จึงคิดจะกลับไปครองเมืองดั่งเดิม พลันก็คิดถึงทารกเพศหญิงที่ตนฝากเทวดานางฟ้าดูแลไว้ จึงสั่งให้คนรับใช้ขุดหลุมหาจนทั่วอาศรม�แต่ก็ไม่เจออะไรเลย...
�����
����� คราวนี้ ฤาษีชนกจึงเป็นผู้หาเอง โดยเอาคันไถมาขุดลากหา และอธิฐานให้เจอผอบที่ฝังไว้ ในที่สุดก็พบผอบนั้นจนได้
�
���� ฤาษีชนกเปิดผอบก็พบกับหญิงสาวโฉมงามดั่งนางฟ้า จึงรับหญิงสาวเป็นธิดาบุญธรรมและให้นามนางว่า "สีดา" แปลว่า "รอยคันไถ" เพราะต้องไถจนดินเป็นรอยคันไถกว่าจะเจอผอบที่นางอยู่
�
���� ฤาษีชนกกลับเมืองมิถิลา พระมเหสีดีใจมากที่ได้ธิดางามเลิศ เนื่องจากท้าวชนกและมเหสีไม่เคยมีบุตร...
���� เวลาผ่านล่วงเลยไป...สีดาเติบโตเป็นสาวรุ่น งดงามเป็นยิ่งนัก ท้าวชนกจึงคิดหาคู่ครองให้ โดยมีพิธียกธนูโมลี ธนูศักดิ์สิทธิ์ขึ้น ใครยกธนูนี้ได้จะได้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงสีดา
���� ความงามของนางสีดาเป็นที่ลื่อเลื่องอยู่แล้ว เมื่อถึงวันพิธีจึงมีชายหนุ่มมากมายมาร่วมพิธี ไม่มีใครยกธนูโมลีได้ซักคน ยกเว้น... "องค์ชายราม" โอรสแห่งกษัตริย์เมืองอโยธยาเท่านั้น...
��
���� นางสีดามีใจให้พระรามอยู่แล้ว...ทั้งสองจึงได้อภิเษกสมรสกัน (พระรามคือพระนารายณ์เทพสวามีของพระลักษมีที่แบ่งภาคลงมาเกิด)
��� นางสีดาตามพระรามกลับเมืองอโยธยา ไปเป็นมเหสีพระรามที่นั่น ทั้งสองครองรักกันอย่างมีความสุข จนพระรามมีเหตุจำเป็นที่ต้องออกบวชเป็นเวลาสิบสี่ปี โดยมี "พระลักษมณ์" น้องชายต่างมารดาของพระรามติดตามมาด้วย โดยนางสีดาก็ติดตามไปดูแลพระรามไปในป่า���
����ระหว่างที่บวชอยู่นั่นเอง...ที่ทศกัณฐ์มาแอบหลงรักนางสีดา เนื่องจากต่างฝ่ายต่างไม่รู้ว่าเป็นพ่อลูกกัน ทศกัณฐ์จึงวางแผนชิงตัวนางสีดาไปอยู่ด้วยที่เมืองลงกา พระรามก็ตามมา จึงเกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้น
��� ตลอดเวลาที่สีดาอยู่ที่เมืองลงกา นางก็เฝ้าจงรักภักดีกับพระรามเสมอมา ไม่ใจอ่อนให้ทศกัณฐ์เลยแม้แต่น้อย...
��� สุดท้ายทศกัณฐ์ก็ถูกพระรามสังหารได้สำเร็จ นางสีดาได้กลับมาอยู่กับพระรามดั่งเดิม แต่ก่อนหน้านั้นนางได้ขอทำพิธีลุยไฟ เพื่อเเสดงให้เห็นว่านางมีพระรามแค่คนเดียว ก่อนลุยไฟนางกล่าวว่า
��� "ข้าของตั้งสัจจะวาจาว่า หากข้าประพฤติชอบ มีสวามีเพียงหนึ่ง ขอให้ไฟนี้อย่าได้กล้ำกราย แต่หากข้าไม่เป็นเช่นนั้นขอให้ไฟนี้มอดไหม้ข้าให้สิ้นไป..."
��� และแล้วระหว่างที่นางลุยไฟ ก็มีดอกบัวมาห่อหุ้มพระบาท (เท้า) เอาไว้ ไม่ให้ไฟมาทำอันตรายได้...
��� พระรามพาสีดากลับเมือง ครองเมืองอโยธยาแทนท้าวทศรถผู้เป็นบิดาที่เสียชีวิตไปแล้ว โดยแต่งตั้งนางสีดาให้เป็นมเหสี...
���� แต่เรื่องราวยังไม่จบเพียงเท่านี้ เมื่อ "นางอาดูร" หลานสาวของทศกัณฐ์ที่มีความแค้นเคืองสีดามาแปลงกายเป็นนางกำนัลในตำหนัก ขอร้องให้สีดาวาดรูปทศกัณฐ์ให้ดู แล้วเข้าสิงรูปนั้น ทำให้ไม่สามารถลบออกได้ พระรามรู้เข้าก็โกรธ หาว่านางสีดายังมีใจคิดถึงทศกัณฐ์ ไม่ฟังคำนางสีดาเลย ทั้งยังสั่งประหารนางสีดาอีกด้วย ทั้งๆที่ตอนนั้น...นางสีดากำลังมีครรภ์อ่อนๆ (ทำลงเนอะ T^T)
�
��� แต่โชคดีที่นางสีดารอดมาได้ จากการช่วยเหลือของพระลักษมณ์ นางไปอาศัยอยู่ที่อาศรมของฤาษีตนหนึ่ง และคลอดโอรส นามว่า "พระมงกุฎ" และฤาษีก็เสกโอรสที่หน้าตาเหมือนกันแต่ผมสีแดง (เนื่องจากกำเนิดจากไฟ) ให้นามว่า "พระลบ"
�� ต่อมาพระรามรู้ความจริงและออกตามหานางสีดา แต่นางสีดาโกรธไม่ยอมคืนดีด้วย จึงมอบพระมงกุฎและพระลบให้ แต่ตัวนางเองไม่ได้คืนสู่อโยธยาแต่อย่างใด...
��� ร้อนถึงพระอิศวร (พระศิวะ) ต้องมาช่วยไกล่เกลี่ยให้ทั้งสองคืนดีกัน หลังจากนั้น...ทั้งสองก็ครองรักกันอย่างมีความสุข...
****************************
บอกแล้วว่าเดี๋ยวไรเตอร์มาอัพเร็ว ดีป่ะ???
ก็เดี๋ยวช่วยเม้นท์ด้วยนะ เผื่อวันนี้มาอัพสองคนเลย^^
JJ♕
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น