คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : สังคม : เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ ม.2
เครื่องมือประเภทอุปกรณ์ทางภูมิศาสตร์
อุปกรณ์ทางภูมิศาสตร์ หมายถึง อุปกรณ์ที่ใช้วัดหรือเก็บข้อมูลทางภูมิศาสตร์ในด้านต่างๆ เช่น ทิศ ระยะทาง ความสูง ตำแหน่งที่ตั้ง
อุณหภูมิของอากาศ และปริมาณน้ำฝน เป็นต้น แบ่งเป็นสองประเภท
1.เครื่องมือที่ให้ข้อมูลทางภูมิศาสตร์
1.2 ลูกโลก หุ่นจำลองของโลก เพื่อช่วยในการศึกษาภูมิศาสตร์ ลูกโลกช่วยให้เห็นภาพรวมของโลก ต่างจากแผนที่เพราะแผนที่ให้ข้อมูลเชิง
พื้นราบ ลูกโลกแบ่งเป็น 1. ลูกโลกแสดงส่วนที่เป็นพื้นผิวโลก แสดงพื้นที่แบบกายภาพ
2.แบบแสดงโครงสร้างแกนภายในเปลือกโลก
1.2 ข้อมูลสถิติ ข้อมูลสถิติ เป็นข้อเท็จจริงสำหรับใช้เป็นหลักฐานในการอ้างอิง ข้อมูลที่รวบรวมไว้มีทั้งที่เป็นข้อความและตัวเลข ในทาง
ภูมิศาสตร์นิยมแสดงข้อมูลสถิติไว้ 2 รูปแบบ ได้แก่
1) ตารางสถิติ คือ แผนภูมิที่แสดงข้อมูลทางภูมิศาสตร์ไว้ในรูปของตาราง เช่น สถิติเนื้อที่ของทวีปหรือประเทศ สถิติประชากร สถิติ
อุณหภูมิหรือปริมาณน้ำฝนของบริเวณใดบริเวณหนึ่ง
2) กราฟและแผนภูมิ เขียนขึ้นเพื่อแสดงการเปลี่ยนค่าของตัวแปรหนึ่งเปรียบเทียบกับค่าของตัวแปรอื่น เป็นเครื่องมือสำคัญอย่างหนึ่ง
ในการศึกษาภูมิศาสตร์ เพราะจะช่วยให้การวิเคราะห์ความแตกต่างของข้อมูลที่นำมาใช้มีความรวดเร็ว การเปรียบเทียบอัตราส่วนข้อมูลทำได้
สะดวก และเข้าใจได้ง่าย มีหลายแบบ เช่น กราฟเส้น กราฟรูปแท่ง แผนภูมิรูปภาพ แผนภูมิรูปทรงกลม
1.3 แผนที่ เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อแสดงลักษณะและที่ตั้งของสิ่งต่างๆที่ปรากฏอยู่บนผิวโลก โดยการย่อส่วนกับใช้สัญลักษณ์แทนสิ่ง
ต่างๆ นั้นลงในวัสดุพื้นแบนราบ
1.) แผนที่ภูมิประเทศ (Topographic Map) เป็นแผนที่ที่แสดงลักษณะความสูงต่ำของพื้นผิวโลก โดยใช้เส้นชั้นความสูง บอกค่าความสูงจาก
ระดับน้ำทะเลปานกลาง แผนที่ชนิดนี้ถือเป็นแผนที่มูลฐานที่จะนำไปทำข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวกับแผนที่
อาณาเขต แผนที่แสดงอุณหภูมิของอากาศ แผนที่แสดงปริมาณน้ำฝน แผนที่ประวัติสาสตร์ เป็นต้น
ไว้ในเล่มเดียวกัน
2.กลุ่มที่ใช้หาข้อมูลทางภูมิศาสตร์
2.1 เข็มทิศ เป็นเครื่องมือบอกทิศอย่างง่ายๆ โดยจะทำปฏิกิริยากับแม่เหล็กโลก และแสดงค่าค่าของมุมบนหน้าปัด วิธีใช้เข็มทิศ คือ วางเข็ม
ทิศในแนวระนาบ ปรับหมุนหน้าปัดให้ทิศบอกค่าบนหน้าปัดอยู่ในตำแหน่งที่หันไปทางทิศเหนือแม่เหล็กโลก
2.2 เครื่องมือวัดระยะทางในแผนที่ เป็นเครื่องมือที่เหมาะสำหรับวัดระยะทางคดเคี้ยวไปมา และทำให้ค่าความคาดเคลื่อนน้อย
2.3 เครื่องมือวัดพื้นที่ เครื่องมือวัดพื้นที่เป็นอุปกรณ์สำหรับหาพื้นที่ของรูปบนพื้นที่ระนาบ ซึ่งมีเส้นรอบรูปเป็นเส้นตรงหรือเส้นโค้ง
2.4 กล้องสามมิติ เป็นเครื่องมือสำหรับมองภาพสามมิติ กล่าวคือ สามารถมองความสูง-ต่ำของภูมิประเทศในลักษณะสามมิติ
2.5 บารอมิเตอร์ เป็นเครื่องมือวัดความกดอากาศที่ใช้มากมี 3 ชนิด คือ
1) บารอมิเตอร์แบบปรอท เป็นบารอมิเตอร์มาตรฐานที่ใช้กันอยู่ทั่วไป
2) บารอมิเตอร์แบบตลับ หรือแบบแอนิรอยด์
3) บารอกราฟ
2.6 เทอร์โมมิเตอร์ วัดลักษณะอากาศ
2.7 ไซโครมิเตอร์ เป็นเครื่องมือสำหรับใช้วัดความชื้นสัมพัทธ์และจุดน้ำค้างในอากาศ
2.8 ไฮโกรมิเตอร์ เป็นเครื่องมือวัดความชื้นอากาศแบบต่อเนื่องที่นิยมใช้กันมาก อุปกรณ์ที่สำคัญคือ เส้นผม ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงตามปริมาณ
ความชื้นในอากาศ ถ้าความชื้นน้อยจะทำให้เส้นผมหดตัวสั้นลง ความชื้นมากเส้นผลจะขยายตัวยาวขึ้น
2.9 แอโรเวน (Aerovane) เป็นอุปกรณ์สำหรับวัดทิศทางและวัดความเร็วของลม แยกตามลักษณะการใช้งานได้ 2 ชนิด ดังนี้
1) แอนนิโมมิเตอร์ ใช้วัดความเร็วของลม
2) วินเวน ใช้วัดทิศทางของลม มีลักษณะเป็นรูปไก่ หรือ ลูกศร
2.10 เครื่องวัดฝน เครื่องวัดฝนเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการวัดปริมาณน้ำฝน โดยใช้อุปกร์ที่มีลักษณะเป็นรูปทรงกระบอก มีกรวยต่อภาชนะ
รองรับ ภายในปากภาชนะรองรับมีขนาดแคบและพอดีกับกรวยเพื่อลดการสูญเสียเนื่องจากการระเหย
ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์
ความหมาย ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์(GIS) เป็นศาสตร์เชิงพื้นที่ เปรียบเป็นเครื่องมือที่ใช้จำลองสภาพพื้นที่ในโลกแห่งความเป็นจริงมา
เป็นชั้นข้อมูลในโลกดิจิทัลอย่างเป็นระบบ โดยอาศัยเทคโนโลยีการสำรวจระยะไกลและระบบค้นหาตำแหน่งบนพื้นโลกเข้าช่วยด้วย
เทคโนโลยีทางภูมิศาสตร์ การนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการศึกษาเกี่ยวกับพื้นที่ สิ่งแวดล้อม
การนำมาใช้ทำแผนที่ 1.นำข้อมูลเข้าสู่คอมพิวเตอร์ แปลงข้อมูลเป็นตัวเลข
2. จัดการข้อมูล และออกแบบรูปแบบแผนที่
3. แสดงผล นำมาวิเคราะห์และนำเสนอในรูปแบบของแผนที่
ความแตกต่างของ แผนที่ และ สารสนเทศภูมิศาสตร์
-แผนที่หมายถึง เครื่องมือรวบรวมเสนอข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่บนพื้นที่ราบ
-ข้อแตกต่าง แผนที่ใช้นำเสนอข้อมูลบนพื้นผิวราบ แต่ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ สามารถนำเสนอได้ทั้งทางพื้นราบ ตัวเลข
ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีต่างๆดังนี้
การรับรู้ระยะไกล (Remote sensing)
ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในการสังเกต ค้นหา วิเคราะห์ข้อมูล ของเป้าหมายที่สนใจ โดยไม่ต้องเข้าไปสัมผัสของจริง
-หลักการทำงาน ใช้สมบัติของการสะท้อนคลื่น และการปลดปล่อยพลังงานมาประยุกต์ใช้ เริ่มตั้งแต่มีพลังงานคลื่นแม่เหล็กจากแหล่งกำเนิด
พลังงานเช่น ดวงอาทิตย์ สะท้อนมาโดนสิ่งของบนโลกและเดินทางไปยังเครื่องมือที่ติดตั้งไว้ที่ยานสำรวจ ที่โคจรรอบโลก แปลเป็นสัญญาณ
อิเล็กทรอนิกส์ และส่งมายังสถานนีรับสัญญาณภาคพื้นดิน
-แหล่งที่ทำให้เกิดพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า 1. Passive remote sensing เป็นระบบที่ใช้กันกว้างขวางตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงปัจจุบัน โดยมี
แหล่ง พลังงานที่เกิดตามธรรมชาติ คือ ดวงอาทิตย์เป็นแหล่งกำเนิดพลังงาน ระบบนี้จะรับและบันทึกข้อมูลได้ ส่วนใหญ่ในเวลากลางวัน
และมีข้อจำกัดด้านภาวะอากาศ ไม่สามารถรับข้อมูลได้ในฤดูฝน หรือเมื่อมีเมฆ หมอก ฝน
2. Active remote sensing เป็นระบบที่แหล่งพลังงานเกิดจากการสร้างขึ้นในตัวของเครื่องมือสำรวจ เช่น ช่วงคลื่นไมโครเวฟที่สร้างใน
ระบบเรดาห์ แล้วส่งพลังงานนั้นไปยังพื้นที่เป้าหมาย ระบบนี้ สามารถทำการรับและบันทึกข้อมูล ได้โดยไม่มีข้อจำกัดด้านเวลา หรือ ด้าน
สภาวะภูมิอากาศ คือสามารถรับส่งสัญญาณได้ทั้งกลางวันและกลางคืน อีกทั้งยังสามารถทะลุผ่านกลุ่มเมฆ หมอก ฝนได้ในทุกฤดูกาล
GPS ระบบกำหนดตำแหน่งบนพื้นโลก
การทำงานอาศัยดาวเทียม คลื่นวิทยุนำร่อง และรหัสจากดาวเทียม NAVSTAR จำนวน 24 ดวง โคจรรอบโลกวันละสองรอบ อยู่เหนือพื้น
โลก 20200 กิโลเมตร
องค์ประกอบหลัก 1. ส่วนอวกาศ 2. ส่วนสถานีควบคุม 3.ส่วนผู้ใช้
ภาพถ่ายดาวเทียม
ภาพถ่ายจากดาวเทียม หมายถึง ภาพที่ได้จากการส่งดาวเทียมที่มีการติดตั้งเครื่องถ่ายภาพที่สามารถยายและจำแนกความแตกต่างของสิ่ง
ต่างๆ ทีปรากฏบนผิวโลก โดยอาศัยการสะท้อนรังสีความร้อนของสิ่งต่างๆ บนผิวโลก
ข้อมูลจากดาวเทียม เป็นสัญญาณตัวเลขที่ได้รับ ณ สถานีรับสัญญาณดาวเทียมภาคพื้นดินซึ่งกระจายอยู่ในบางประเทศทั่วโลก เมื่อ
สถานีรับสัญญาณภาคพื้นดินได้รับข้อมูลตัวเลขที่ส่งมาแล้ว จึงแปลงตัวเลขออกเป็นภาพอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเรียกว่าภาพจากดาวเทียม ที่นำไป
แปลความหมายต่อไปได้ ในระบบคอมพิวเตอร์สามารถจะนำข้อมูลตัวเลขมาวิเคราะห์เชิงสถิติเพื่อจัดกลุ่มข้อมูลใหม่
-ประโยชน์ ใช้ในการสำรวจทรัพยากร ใช้ในการบอกตำแหน่งที่ตั้งและขอบเขต เพราะภาพที่ได้ทำให้เห็นลักษณะภูมิประเทศที่ชัดเจน ใช้
ติดตามปรากฏการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นบนผิวโลก เพราะดาวเทียมทำการบันทึกตลอดเวลา ใช้ในการแก้ปัญหาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนผิวโลก เช่น
ภัยพิบัติต่างๆ และนำมาใช้ทำแผนที่เฉพาะแบบ เช่น แผนที่แหล่งน้ำ แผนที่ธรณีวิทยา ข้อมูลจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาทำให้มีความทัน
สมัยที่สุด
ภาพถ่ายทางอากาศ
หมายถึง ภาพของภูมิประเทศที่ได้จากการถ่ายรูปทางอากาศด้วยวิธีนำกล้องถ่ายรูปติดกับอากาศยานที่บินไปเหนือภูมิประเทศที่จะทำการ
ถ่ายรูป แล้วทำการถ่ายรูปตามตำแหน่งทิศทางและความสูงของการบินที่ได้วางแผนไว้ก่อนแล้ว หลังจากนั้นนำฟิล์มไปล้างและอัดภาพ ก็จะได้
รูปที่มีรายละเอียดภูมิประเทศในบริเวณที่ต้องการถ่ายปรากฏอยู่ ภาพถ่ายทางอากาศแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ภาพถ่ายแนวดิ่งและภาพถ่ายแนว
เอียง
-ประโยชน์ ทำให้ทราบการเปลี่ยนแปลงในลักษณะทางกายภาพของพื้นที่ต่างๆ โดยนำไปเปรียบเทียบกับรูปถ่ายก่อนๆ เช่นการขยายตัวของ
ตัวเมือง (จัดทำโดย กรมแผนที่ทหาร กระทรวงกลาโหม) วางแผนการใช้ดิน เพื่อจำแนกการใช้ดินในแต่ละพื้นที่ของประเทศ กำหนดโซน
พื้นที่ที่ใช้ทำประโยชน์ในด้านต่างๆ เช่น เขตที่อยู่อาศัย เขตเกษตรกรรม เขตอุตสาหกรรม ใช้สำรวจสภาพแวดล้อมของโลก (ใช้เทคโนโลยี
การถ่ายภาพ+โทรคมนาคม) ใช้วางแผนการอนุรักษ์พื้นที่ป่า ทำให้ทราบถึงความอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่ป่า เพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนาฟื้นฟู
ป่าไม้ และการจัดสรรทรัพยากรของประเทศต่อไป
ความคิดเห็น