ตราบสิ้นนิรันดร - นิยาย ตราบสิ้นนิรันดร : Dek-D.com - Writer
×

    ตราบสิ้นนิรันดร

    ชีวิตโยงใยข้าม กาลเวลา และเชื่อมถึงกันด้วย โชคชะตา

    ผู้เข้าชมรวม

    120

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    120

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    2
    จำนวนตอน :  1 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  11 เม.ย. 58 / 05:39 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ราบสิ้นนิรันดร

    ชีวิตโยงใยข้าม “กาลเวลา” และเชื่อมถึงกันด้วย “โชคชะตา”

     

     

    โชคชะตาของมนุษย์มักจะถูกกำหนดให้ต้องพาไปตามสิ่งที่มันควรจะเป็น เฉกเช่นเดียวกันกับโชคชะตาของเด็กหญิงและชายหนุ่มคู่หนึ่งที่ต่างถูกถักทอให้มาบรรจบกัน ก่อนที่ในวันใดวันหนึ่งเชือกแห่งโชคชะตาที่ร้อยรัดคนทั้งคู่จะถูกตัดให้ขาดสะบั้นลง เพราะสุดท้ายแล้วชะตาก็คือชะตา และเขาทั้งสองก็จะเข้าใจมันอย่างถ่องแท้ ไม่ในวันใดก็วันหนึ่ง ที่มันมาถึงในไม่ช้า

     

    อยากขอมองเธอ ให้นานแสนนาน

    อยากซบอิง พิงกายกัน จดจำตรึงตรา

    ใช้ทุกทุกนาที ก่อนที่สองเราจะร่ำลา

    ใช้เวลา ที่ยังเหลืออยู่

     

    ขอไว้แค่คืนเดียว ที่จะฝังตรึงในหัวใจ

     

    เพราะเป็นคืนสุดท้าย ของเรา

     

     แรกพบ

     การพบเจอกันครั้งแรกของ “อรุณประไพ” และ “พันตะวัน” ดูเป็นการพบเจอกันแบบไม่ค่อยจะปกตินัก เนื่องจากม้าที่เด็กสาวขี่ระหว่างประพาสชายป่าเกิดพยศวิ่งหลงเข้าไปในป่าสนก่อนอรุณประไพจะตกจากหลังม้าที่หุบเขาหลังป่า โชคดีที่ได้ชายหนุ่มเป็นคนช่วยชีวิตเอาไว้ พันตะวันประคองอรุณประไพที่บาดเจ็บจากการตกม้ามานั่ง

     "เป็นเด็กตัวกระเปี๊ยก ริอาจบังคับม้าตัวใหญ่"  

      อรุณประไพรีบสวนกลับไปทันที 

     "เราไม่ใช่เด็กแล้ว แล้วเราก็ทรง เอ่อ..เรา...เราขี่ม้าใหญ่ได้มานานแล้วด้วย!"   

     "อวดเก่ง" พันตะวันเดินหงุดหงิดไปที่ต้นไม้ใหญ่เเล้วฉีกเสื้อคลุมของตัวเองที่พาดไว้มาพันขาที่บาดเจ็บให้อรุณประไพ ก่อนจะกลับไปผูกม้าของเธอที่ตอนนี้สยบลงแล้ว

    ด้วยเพราะพันตะวันเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูงมาตั้งแต่เด็ก เขาอาศัยอยู่ในหุบเขากับแม่แต่เพียงลำพัง การมีผู้มาเยือนหุบเขาที่เขาทึกทักว่าเป็นของตัวเองนั้น ทำให้ชายหนุ่มอารมณ์เสียอยู่พอสมควร แถมบุคคลนั้นยังเป็นเด็กผู้หญิงอีกต่างหาก เด็กผู้หญิงที่ดูยังไงก็ซนและแก่นเกินหญิง ไม่น่าจะใจกล้าบังคับม้ามาได้ไกลถึงขนาดนี้

    แต่ตรงกันข้ามกับอรุณประไพที่ในเวลานี้ดูจะสนใจในตัวพันตะวันเป็นพิเศษ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มไม่ได้ปฏิบัติต่อเธอเฉกเช่นคนอื่นๆที่เธอพบ บัดนี้โลกของเธอได้ถูกเปิดออกแล้ว โลกที่เธอถวินหามาโดยตลอด โลกที่เธอคือ อรุณประไพ มิใช่ เจ้าฟ้าหญิงอรุณรัศมี อย่างที่คนทั้งแคว้นเอ่ยนาม

    พันตะวันหันไปเด็ดใบไม้ขึ้นมาเป่าเป็นทำนองเพลงแสนหวาน ราวกับอรุณประไพไม่ได้มีตัวตนอยู่ตรงนั้นเลย อรุณประไพต้องมนต์กับทำนองที่ไพเราะ ก่อนจะพยุงตัวเองให้เดินไปนั่งฟังใกล้ๆ

    “เพราะจัง  อ่ะเราให้” อรุณประไพยื่นสร้อยที่เธอนำติดตัวมาให้พันตะวันเป็นของตอบแทน

     “ไม่ ข้าไม่รับ” พันตะวันปฏิเสธ

    รับไปสิ เราไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใคร

    “ข้าก็ไม่อยากให้เจ้ามาเป็นหนี้บุญคุณข้า”

     อรุณประไพมองค้อน ก่อนจะแกะผ้าที่พันขาออก “งั้นถ้าไม่รับ ก็เอาผ้าที่พันมานี้คืนไปเถอะ”

     พันตะวันเห็นอรุณประไพแกะผ้าที่พันขาไว้จริง จึงรับสร้อยมาคล้องไว้ที่คออย่างไม่สบอารมณ์นัก โดยที่ผู้สวมไม่รู้เลยว่าในกาลต่อมาสร้อยเส้นนี้มันจะผูกติดกับตัวเข้าไปจนวันตาย

    “เด็กอะไรเอาแต่ใจ!!” 

    “บอกแล้วไง ว่าเราไม่ใช่เด็ก!! อีกไม่กี่ปีเราก็..” อรุณประไพนึกขึ้นได้ว่าไม่ควรพูดมากไปกว่านี้ จึงรีบตัดบท ทิ้งให้อีกฝ่ายยืนงง

    “เจ้าชื่ออะไร”

    “จะอยากรู้ไปทำไม เป็นแม่มดเหรอ ข้าไม่บอกหรอก เดี๋ยวเจ้ารู้แล้วเจ้าเกิดสาปข้าขึ้นมาทำไง”

    “นี่เจ้า!!

    พันตะวันดีใจที่ทำให้เด็กสาวหัวเสีย ก่อนจะชี้ไปที่ท้องฟ้าเหนือหุบเขา

    “พันตะวัน” เขาขานชื่อตัวเองอย่างภูมิใจ เพราะพ่อมักจะบอกอย่างนั้นเสมอ

    ที่พ่อตั้งชื่อเจ้าว่าพันตะวัน เพราะลูกของพ่อจะเป็นเจ้าแห่งท้องนภาที่ยิ่งใหญ่กว่าผู้ใด ในยามที่ลูกต้องสู้ ขอเจ้าจงแข็งแกร่งให้เท่าดวงตะวัน และยามที่ต้องทำประโยชน์ให้กับคนอื่นก็ขอให้เจ้าแผ่ความอบอุ่นให้ได้เช่นกัน แต่จำไว้.. อย่าใช้แสงตัวเองแผดเผาใคร เพราะนั้นจะทำให้เจ้าไม่เหลือใครเลย

    พันตะวันเหม่อไกลออกไป อรุณประไพพอจะรับรู้ได้ จึงเอ่ยขึ้น

    “คนที่ตั้งให้ คงมีความหมายกับเจ้ามากสินะ”

    “สุดชีวิตเลยล่ะ ว่าแต่เจ้าล่ะชื่ออะไร”

    “อรุณประไพ เราชื่ออรุณประไพ" เด็กสาวบอกอย่างภูมิใจเช่นกัน

    "ท่านพ่อ เอ่อ..คือ พ่อเป็นคนตั้งชื่อนี้ให้เรา แต่ตอนนี้ท่านพ่อเราอยู่ที่เดียวกับพ่อเจ้าแล้ว” 

    อรุณประไพ รุ่งอรุณที่งดงาม..” ชายหนุ่มหันมามองเด็กสาว ถ้าพิจาณากันตามจริง ตอนนี้เขาอายุ เกือบจะ20 เเล้ว ส่วนเด็กที่อยู่ตรงหน้าเขานี้ก็น่าจะ 15 หากเเต่ใบหน้าที่ขาวนวลตัดกับผมลอนใหญ่สีน้ำตาล หลับทำให้เธอดูโตกว่าวัย

    อรุณประไพชี้ไปที่ปลายฟ้าไกล ก่อนจะหันมายิ้มให้พันตะวัน หากแต่อรุณประไพไม่รู้เลยว่าสายตาและรอยยิ้มนั้นมันกำลังเปลี่ยนหัวใจใครบางคนไปตลอดกาล พันตะวันมองเด็กหญิงตัวน้อยตรงหน้า เด็กสาวแสนซนคนนี้ อยู่กับแม่เพียงแค่สองหรือนี่ แล้วสองแม่ลูกจะลำบากแค่ไหนกันนะในวันที่ต้องเผชิญหน้ากับอันตราย ความคิดของพันตะวันที่เกิดขึ้นมา ทำให้เขาอยากจะเป็นผู้ที่ปกป้องเพื่อนผู้หญิงคนนี้ของเขา

     “บ้านเจ้าอยู่ไหนล่ะ เราจะไปส่ง

    อรุณประไพรู้ดีว่าถ้าพันตะวันรู้ความจริงว่าเธอเป็นใคร เพื่อนใหม่ที่เธอได้พบในวันนี้และเป็นเพื่อนเพียงผู้เดียวของเธอ อาจจะไม่มีเลยก็ได้

     “บ้านเราเลยเขาไปทางนู้น แต่ถ้าวันไหนเรามาแถวนี้อีก เราจะเป่าใบไม้เเบบที่เจ้าเป่า ว่าเเต่.. เจ้าสอนเราเป่าหน่อยสิ”  

    พันตะวันยิ้ม ก่อนจะเด็ดใบไม้ขึ้นมาเป่าเป็นทำนองเพลงพื้นเมืองที่แสนอบอุ่น

     เราชอบเพลงนี้

    อรุณประไพมองพันตะวัน และร้องประสานไปกับเสียงเป่าใบไม้ของพันตะวัน เสียงร้องที่ไพเราะของอรุณประไพดังก้องไปทั่วหุบเขา

     

    และนี่เองคือจุดเริ่มต้นของรุ่งอรุณ ระหว่างอรุณประไพและพันตะวันที่กำลังถูกถักทอด้วยสายใยแห่งโชคชะตา...

    ********************************************************************************************

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น