ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1
บทที่ 1
                รีสอร์ทบนเนินเขายามเช้า  ตะวันทอแสงต้อนรับวันใหม่  ผ้าม่านปลิวไสว
ไปตามแรงลงที่ปะทะผ่านเข้ามาในห้องนอนของธิดา
                “ ลูก ! ตื่นได้แล้วจ้ะ ”  วดีเคาะประตูห้องเพื่อปลุกลูกสาวของเธอ
                ธิดานอนบิดกายอยู่บนเตียงนุ่ม  “ นี่ยังเช้าอยู่เลยนะคะ  จะรีบตื่นทำไมกัน ”
                “ อ้าว ! ก็ลูกบอกแม่เองไม่ใช่เหรอว่าวันนี้เพื่อนลูกจะมาน่ะ \"
                “ ตายแล้ว ! ” เธอเด้งตัวออกจากเตียงนอนอัตโนมัติ  “วันนี้ปรางมานี่นา  ลืมสนิทเลย \"
                                                                **************************
              ผู้คนเดินขวักไขว่ไปมาในสนามบิน  รวมทั้งทนานันท์  ซึ่งขับรถมารับมะปรางตามคำ
ขอของน้องสาวตัวดีของเขา
              “ ยัยทิพย์นะ  ดูซิ  พี่ยังไม่รู้จักคนที่ชื่อมะปรางอะไรนี่เลย  วันนี้จะหาเจอมั้ยเนี่ย ”
เขาบ่นพึมพำกับตัวเองต่อหน้ารูปของหญิงสาวผู้นั้นในมือ
              ในขณะเดียวกัน  มะปรางกำลังกวาดสายตามองหาชายหนุ่มร่างสูงที่เพื่อนสาวบอกว่า
เป็นพี่ชายของเธอจะมารับเธอที่สนามบินในวันนี้
                “ คนไหนกันนะ ”  เธอบ่นพึมพำกับตัวเองเช่นกัน  แต่แล้วสายตาของเธอสะดุดเข้ากับมือ
ใหญ่ของชายคนหนึ่งโบกไหวไปมา
                เธอไม่ค่อยแน่ใจนักว่าเป็นเขาหรือเปล่า  แต่จิตใต้สำนึกของเธอสั่งให้เธอ ก้าวเดินไปหาเขาอย่างช้าๆ
ใบหน้าคม เข้ม ของเขาทำให้เธอรู้สึกคุ้นตา
    ชายหนุ่มพิจารณาใบหน้านวลของหญิงสาวเล็กน้อยเพื่อความมั่นใจ
    “ คุณชื่อ มะปราง ใช่มั้ย ”
    หญิงสาวยิ้มรับ  “ ใช่ค่ะ  แล้วคุณคือ \"
    “ ผมเป็นพี่ชายของทิพย์เอง  ชื่อ ทนานันท์ “ เขารีบแนะนำตัวสับเสร็จ
    ลักษณะการพูดของเขายิ่งทำให้เธอมั่นใจว่า เขาคือคนที่เดินชนเธอในมหา’ลัยครั้งนั้น
    ชายหนุ่มขมวดคิ้ว  เมื่อเห็นสีหน้าฉงนของหญิงสาว  “ คุณเป็นอะไรรึเปล่า \"
    คำทักของเขา ทำให้เธอรู้สึกตัว  “ เออ เปล่าค่ะ \"
    “ ไม่เป็นไรก็ดีแล้วล่ะ  งั้น เราไปกันเถอะ “  ชายหนุ่มพูดพลางมองหาสัมภาระของหญิงสาว 
แต่แล้วเขาก็พบแค่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เพียงใบเดียว  “คุณมีของแค่นี้เองเหรอ “
    ตอนนี้  เพราะความรู้สึกเกร็งของหญิงสาวทำให้เธอทำได้แค่พยักหน้ารับเท่านั้น
   
                                                                        *********************
    “ ปราง ! “  ธิดาโผกอดเพื่อนสาวทันทีที่เดินลงจากรถโดยมีทนานันท์เดินตาม
หลังมาติดๆ  “ ฉันคิดถึงเธอจังเลย ”
    “ ฉันก็คิดถึงเธอเหมือนกันจ้ะ “
    ระหว่างที่ทั้งสองทักทายกันอยู่นานสองนาน กลับมีเสียงกระแอมจากชายหนุ่มดังมา
ทางด้านหลังของทั้งสองเพื่อเรียกร้องความสนใจ 
    ธิดาเป็นคนแรกที่หันกลับมาสนใจพี่ชายของเธอ  “ แหม พี่ทนานะ  คนเราไม่ได้เจอ
เพื่อนกันมาตั้งนาน  จะทักทายกันให้หายคิดถึงหน่อยก็ไม่ได้ “
    “ เปล่าหรอก  พี่ไม่สนใจหรอกนะว่าใครจะคิดถึงใครมากแค่ไหน เพียงแต่ทิพย์น่า
จะรู้ดีนะว่า  ต้องบอกอะไรพี่ “
    ธิดาแกล้งตีหน้าซื่อ  “ บอกอะไรหรือคะ “
    ทนานันท์ยิ้ม  เขารู้นิสัยน้องสาวดี  “ ก็เป็นอย่างนี้ทุกทีแหละเรา  วันหลังอย่ามาขอให้พี่ช่วยละกัน \"
เขาทำท่าจะเดินหายไปในวินาทีนั้น 
                ธิดากลัวพี่ชายงอนจึงรีบพูดดักคอ  “ ขอบคุณค่ะพี่ทนา “
                ชายหนุ่มหันมายิ้มอย่างรู้ทันให้เธอ
                แต่น้องสาวตัวดีกลับเหนือกว่า  เธอรีบพูดฝากฝังเพื่อนสาวไว้กับเขา “ แต่พี่ต้องพา
ปรางไปเดินชมรีสอร์ทพรุ่งนี้ด้วยนะ \" 
                รอยยิ้มบนใบหน้าหุบลงทันที  เขาได้แต่เดินเจ็บใจจากไป
                มะปรางหัวเราะในความร้ายกาจของเพื่อนสาว  “ นี่  เธอจะบังคับพี่ชายไปถึงไหนกัน 
แค่นี่เขาก็ดูเหมือนถูกบังคับให้กินยาขมจะแย่อยู่แล้ว \"
              “ เอาเถอะน่ะ  ว่าแต่เธอเถอะ  คิดว่าพี่ชายฉันเป็นยังไงบ้าง \"
                มะปรางมีสีหน้าฉงน  “ ถามฉันทำไม “
              “ ไม่มีอะไรหรอกแค่อยากรู้เฉย ๆ “
            ด้วยความที่หญิงสาวเชื่อใจ  เธอจึงไม่ติดใจกับคำถามนั้น 
            “ เขาก็ดู .มาดดี เก่ง ฉลาด .แต่เสียอย่างเดียว “
            “ อะไรเหรอ “
            มะปรางยิ้ม  “ ขี้เก๊กไปหน่อย  ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ เลย  ทำไมผู้ชายต้องวางท่าให้ดูดี
อยู่ตลอดเวลา  แถมยังดูแข็ง ๆ ยังไงก็ไม่รู้  บอกไม่ถูก ”
                “ นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันหนักใจอยู่  แต่พี่จะเก๊กท่าเฉพาะเวลาอยู่กับคนที่เขาไม่ค่อย
สนิทนะ  ถ้าเวลาเขาอยู่กับคนงาน  หรือญาติ ๆ ก็ไม่เห็นจะเป็นเลย “
                มะปรางพยักหน้ารับฟังคำวิจารณ์ของเพื่อนสาว
                “ แต่ฉันรู้วิธีแก้นะ  ฉันคิดว่า ผู้หญิงนี่แหละที่จะทำให้เขาหายเก๊กได้ “
              “ จะบ้าเหรอ ! เธอนี่ท่าทางจะเพี้ยน “
                “อ้าว ! ไม่รู้อะไรเสียแล้ว  คอยดูเถอะสักวันฉันจะพิสูจน์ให้เธอเห็น “  พูดจบ 
ธิดาก็มองเพื่อนสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า  “ ไหนลองหมุนตัวซิปราง “
                    หญิงสาวทำตามคำบอกของเพื่อนแต่โดยดี
 
                  มะปรางจัดเป็นหญิงสาวที่มีความน่ารักในตัวเอง  แต่การที่เธอค่อนข้างเรียบง่าย
มากเกินไป  ทำให้ไม่ค่อยสะดุดตาผู้ชายส่วนใหญ่มากนัก  และนั่น เป็นสิ่งที่ธิดาคิดว่า 
จะสามารถมัดใจพี่ชายของเธอได้ไม่มากก็น้อย
                    “ พอจ้ะ  ฉันว่า ฉันเจอผู้หญิงคนนั้นแล้วล่ะ “
                    คำพูดของเพื่อนสาวทำให้เธอหยุดหมุนทันที  “ หมายความว่าไง ”
                    ธิดาแกล้งตีหน้าซื่อ  “ เปล่า  เออ ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเธอมานานแล้ว  งั้น .ฉันพาเธอไปพบพ่อ แม่ก่อนดีกว่า “
                                                                    *************************
                    ตกเย็น  ทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตากันที่โต๊ะรับประทานอาหาร  แต่ละคนต่างเล่าเรื่องของตัว
เองเพื่อเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
                    “ เวลาว่างหนูปรางชอบทำอะไรจ๊ะ “  วดีถามหญิงสาวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
                  “ส่วนมากชอบฟังเพลงค่ะ  แต่ถ้ามีเวลาว่างจริง ๆ ก็จะอ่านหนังสือนิยายบ้าง  สารคดี
บ้างตามอารมณ์ในตอนนั้น “
                  “ อืม ท่าทางหนูจะอารมณ์ศิลป์นะจ๊ะ เหมือนเจ้าทนาเลย “
                    ส่วนธิดาได้แต่มองพี่ชายของเธอที่ได้แต่ก้มหน้าก้มตาทานอาหารตรงหน้า  ไม่สนใจใครทั้งสิ้น
                  “ ใช่แล้วค่ะแม่  แล้วปรางเนี่ยเป็นคนน่ารักนะคะ  ชอบช่วยเหลือเพื่อนเสมอเลย  “
                    คำชมของเพื่อนสาวทำให้เธอเขินอยู่บ้าง
                    “ แต่เสียอย่างเดียว ซุ่มซ่ามไปหน่อย “
                    มะปรางถึงกับช้อนหลุดมือ  เมื่อได้ยินประโยคท้ายสุดของธิดา
                    “ เห็นมั้ยคะ  พูดยังไม่ทันขาดคำ “
                      สาทรรีบปรามลูกสาว  “ พอแล้วลูก “
                    ในขณะที่ทุกคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน  มีเพียงทนานันท์ที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาทานต่อไป
                    วดีอดห่วงลูกชายคนเดียวของเธอไม่ได้  จึงเอ่ยถาม  “ วันนี้ลูกเป็นอะไรรึเปล่า 
ไม่เห็นลูกพูดอะไรเลย “
                    ทนานันท์รวบช้อน ส้อม  “ ผมคงหิวน่ะครับ  แต่ตอนนี้อิ่มแล้ว  ผมขอตัวไปดูคนงานก่อนนะครับ “
                  ทุกคนมองชายหนุ่มที่กำลังเดินจากไปด้วยความงุนงง
                    ภายในกระท่อมหลังไร่  กลุ่มคนงานกำลังครื้นเครงอยู่ในวงเหล้า  และเสียงดนตรี
                      ทนานันท์เข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย
                  “ ว่าไง  ทำอะไรอยู่เอ่ย “
                  ‘ ไก่ ‘ ซึ่งเป็นคนงานสนิทของทนานันท์รีบเขยิบมานั่งข้าง ๆ “ อ้าว ! เจ้านายมาทำอะไรที่นี่ล่ะ 
ไม่ไปอยู่ต้อนรับเพื่อนคุณทิพย์ที่บ้านใหญ่เหรอ “
                    ทนานันท์ถอนหายใจ  “ .ไม่รู้จะตื่นเต้นอะไรกัน  ออกจะคุณหนูขนาดนั้น 
เชื่อสิอยู่ที่นี่ได้ไม่นานหรอก  เดี๋ยวก็ต้องรีบเผ่นกลับแทบไม่ทัน “
                      ไก่หัวเราะ “ เจ้านายอย่าเพิ่งด่วนตัดสินคนแต่ภายนอกสิ  ไม่แน่เธออาจจะนิสัยดี 
น่ารักตรงสเป๊กเจ้านายก็ได้นะ “
                      “นี่ แกไม่เข้าข้างฉันแล้วยังมาชื่นชมเธออีกนะ  เดี๋ยวก็โดนเสียหรอก “  ชายหนุ่ม
ทำท่าจะยกเท้าขึ้น ‘ ถีบ ‘ เขา 
                      แต่เป้าหมายกลับหลบทัน  เพราะเขารู้นิสัยเจ้านายคนนี้ดี  “ เจ้านายเป็นแบบนี้ทุกทีเลย 
มา ๆ ดื่มเหล้ากันดีกว่า “
                      บรรดาผู้ชายทั้งหลายชนแก้วกันอย่างครึกครื้น  แตกต่างจากฝ่ายหญิงที่ต้องคอย
ปรนนิบัติ  คอยเสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์  และกับแกล้มต่าง ๆ อยู่ตลอดทั้งคืน
                                                                ***************************
                      “ ปราง ! เธออยู่ไหน ! “ ธิดาตะโกนเรียกเพื่อนสาวของเธอ
                      ตั้งแต่เช้ามะปรางก็หายตัวไป  มองหาในห้องนอน  ห้องนั่งเล่น  ห้องรับแขก 
หรือแม้กระทั่งห้องครัว  ก็ไม่เห็นจะมีวี่แววของเพื่อนสาวเลยแม้แต่น้อย
                      เธอตัดสินใจเคาะประตูห้องนอนซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้องนอนของมะปราง  “ พี่ทนา ! พี่ทนา ! “
                        “ อะไร ! “ ทนานันท์ในคราบชุดนอนเปิดประตูต้อนรับน้องสาวอย่างหงุดหงิด
                      “ อ้าว ! พี่ยังอยู่ในห้องอีกเหรอ  ทิพย์นึกว่า พี่พาปรางไปเดินชมรีสอร์ทแล้วเสียอีก “
                      “ เปล่า  เมื่อคืนพี่นอนดึกไปหน่อย  เลยตื่นสาย “
                      หญิงสาวเท้าสะเอว  “ รู้ตัวก็ดีแล้ว  แสดงว่าเมื่อคืนพี่ไปดื่มเหล้ากับคนงานอีกแล้วใช่มั้ย “
                        คำทักของน้องสาวทำให้เขาก้มมองดูสภาพตัวเอง  ที่จริงชุดที่เขาสวมอยู่จะเรียกว่าชุดนอน
ก็คงจะไม่ถูกเสียทีเดียว  เพราะมันเป็นเสื้อเชิ้ตตัวเมื่อวานที่เขาใส่ไปในไร่ครั้งสุดท้าย  และธิดาก็คงจำมันได้ดี
                      “ ทิพย์ไม่ว่าอะไรพี่หรอกนะ  แต่ตอนนี้พี่ต้องไปอาบน้ำ  เปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้ 
และรีบออกตามหาตัวปรางด่วนเลย  ไม่รู้ป่านนี้ไปหลงทางที่ไหนรึเปล่า “
                          “ เออ  เดี๋ยวพี่ลงไป “
                          ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะปิดประตู  หญิงสาวกลับคว้าประตูบานนั้นไว้เสียก่อน 
“แต่ทิพย์ไม่ขอไปหาปรางในไร่นะ  ไม่ชอบ  เดี๋ยวทิพย์หาปรางแถวนี้เอง  พี่ลงไปหาปรางที่ไร่แทนแล้วกัน “
                            “ อยู่แล้วล่ะ “ ชายหนุ่มรับปากแต่โดยดี  เขารู้นิสัยน้องสาวคนนี้ดีว่า
ไร่กับเธอไม่ค่อยจะถูกกันสักเท่าไหร่  และการที่น้องสาวของเขาเป็นแบบนี้  จึงทำให้เขาคิดว่า 
มะปรางจะเป็นแบบเดียวกับเธอด้วย
                                                            ******************************
                “ ฮืม ฮืม “ มะปรางเดินฮัมจังหวะเพลงไปตามทางเดินในไร่องุ่นของรีสอร์ท 
แต่แล้ว . “ ว้าย ! “  ขาของเธอสะดุดเข้ากับกิ่งไม้ข้างทาง
 
    เสียงหัวเราะของใครบางคนดังไล่หลังเธอมา  หญิงสาวหันไปทางต้นเสียงนั้น  “ พี่ทนา ! “
    ผู้ชายตรงหน้ากำลังยืนหัวเราะเธออยู๋ไม่ห่าง  “ คุณนี้ซุ่มซ่ามอย่างที่ยัยทิพย์บอกไว้จริง ๆ ด้วย “
    หญิงสาวรีบลุกขึ้นยืน  เธอไม่ต่อว่าเขา  แต่กลับเดินหนีเขาแทน
    ชายหนุ่มวิ่งมาดักเธอไว้  “ ทำไมคุณหลบมาอยู่นี่คนเดียว  โดยที่ไม่รอผม  คุณก็รู้อยู่แล้วว่าผม
ต้องเป็นคนพาคุณมา “
    หญิงสาวกอดอก พลางถอนหายใจ  “แต่ฉันรู้ว่าคุณไม่อยากพาฉันมาหรอก  ฉันก็เลยขอมา
เดินดูคนเดียวดีกว่า “
    “ แต่ตอนนี้ทั้งบ้านหาคุณให้วุ่น “
    “ ตาย ! ฉันขอโทษค่ะ  ที่จริงฉันก็คิดไว้ว่าจะบอกตั้งแต่ก่อนออกมา  แต่เห็นว่ายังเช้าอยู่ 
คงยังไม่มีใครตื่นก็เลยไม่ได้บอก “
    ชายหนุ่มยิ้ม  “ ช่างมันเถอะ  ยังไงผมก็เจอคุณแล้ว  คุณนี่ตื่นเร็วดีนะ  ตอนแรก ผมนึกว่า ” 
ชายหนุ่มชะงักคำพูดไว้ทัน
    แต่กลับทำให้หญิงสาวสงสัย  “ นึกว่าอะไรคะ “
    “ เปล่า ผมนึกว่า คุณไม่อยากรู้เหรอว่า เราปลูกองุ่นกันยังไงถึงได้ออกมาเต็มต้นขนาดนี้”
    หญิงสาวยิ้ม  “ อยากรู้สิคะ  ฉันสังเกตเห็นมาหลายต้นแล้ว ทุกต้นต้องมีองุ่นติดอยู่ไม่ต่ำกว่าสองพวงได้มั้งคะ “
    “ มันก็ไม่อยากเลยนะ  แค่คุณตัดกิ่งองุ่น  โดยที่ไม่ให้เหลือใบเลยนะ  พอหลังจากนั้นกิ่งองุ่นก็
จะเริ่มแตกตาใหม่  และมีใบอ่อนงอกขึ้นมา  ตามด้วยช่อดอกมากมาย  และ ”
    หญิงสาวตั้งใจฟังชายหนุ่มอธิบาย  แววตาของเธอดูมีความสุขเมื่อได้เรียนรู้สิ่งเหล่านั้น
    ไม่นานทั้งสองลัดเลาะมาถึงกระท่อมหลังไร่  ซึ่งคนงานบางส่วนกำลังพักผ่อนตามอัธยาศัย 
รวมทั้ง ไก่ คนงานคนสนิทของเขาด้วย
                “ เจ้านายครับ  วันนี้ลุยมาถึงหลังสวนตั้งแต่เช้าเลยนะครับ “ ไก่ทัก
                  ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มให้  เขาต้องวาดมาดให้ดูดีอยู่เสมอเวลาอยู่ต่อหน้าผู้หญิง 
โดยเฉพาะเพื่อนของน้องสาวตัวเอง
                    ไก่สังเกตได้ถึงอาการผิดปกติของเขา  และการที่มีหญิงสาวยืนอยู่ข้างกายชายหนุ่มในตอนนี้คือคำตอบ
                  “ แหม วันนี้ควงสาวมาด้วย  ไม่คิดจะแนะนำให้รู้จักกันบ้างหรือครับ “ ไก่กระซิบที่ข้างหูทนานันท์
                  คำเอ่ยแซวของคนงานทำให้เขาเกิดอาการประหม่า  “ เออ นี่ คุณมะปราง เป็นเพื่อนของคุณทิพย์ “
    หญิงสาวยิ้มหวาน “ เรียกปรางเฉย ๆ ก็ได้ค่ะ  ดูสนิทมากกว่า “  ด้วยความที่หญิงสาวไม่เป็น
คนถือตัวจึงได้พูดออกไปเช่นนั้น 
                  แต่คำพูดของเธอได้ทำให้ใครบางคนได้รู้ว่า  เขามองคนผิดไปจริง ๆ
                รีสอร์ทบนเนินเขายามเช้า  ตะวันทอแสงต้อนรับวันใหม่  ผ้าม่านปลิวไสว
ไปตามแรงลงที่ปะทะผ่านเข้ามาในห้องนอนของธิดา
                “ ลูก ! ตื่นได้แล้วจ้ะ ”  วดีเคาะประตูห้องเพื่อปลุกลูกสาวของเธอ
                ธิดานอนบิดกายอยู่บนเตียงนุ่ม  “ นี่ยังเช้าอยู่เลยนะคะ  จะรีบตื่นทำไมกัน ”
                “ อ้าว ! ก็ลูกบอกแม่เองไม่ใช่เหรอว่าวันนี้เพื่อนลูกจะมาน่ะ \"
                “ ตายแล้ว ! ” เธอเด้งตัวออกจากเตียงนอนอัตโนมัติ  “วันนี้ปรางมานี่นา  ลืมสนิทเลย \"
                                                                **************************
              ผู้คนเดินขวักไขว่ไปมาในสนามบิน  รวมทั้งทนานันท์  ซึ่งขับรถมารับมะปรางตามคำ
ขอของน้องสาวตัวดีของเขา
              “ ยัยทิพย์นะ  ดูซิ  พี่ยังไม่รู้จักคนที่ชื่อมะปรางอะไรนี่เลย  วันนี้จะหาเจอมั้ยเนี่ย ”
เขาบ่นพึมพำกับตัวเองต่อหน้ารูปของหญิงสาวผู้นั้นในมือ
              ในขณะเดียวกัน  มะปรางกำลังกวาดสายตามองหาชายหนุ่มร่างสูงที่เพื่อนสาวบอกว่า
เป็นพี่ชายของเธอจะมารับเธอที่สนามบินในวันนี้
                “ คนไหนกันนะ ”  เธอบ่นพึมพำกับตัวเองเช่นกัน  แต่แล้วสายตาของเธอสะดุดเข้ากับมือ
ใหญ่ของชายคนหนึ่งโบกไหวไปมา
                เธอไม่ค่อยแน่ใจนักว่าเป็นเขาหรือเปล่า  แต่จิตใต้สำนึกของเธอสั่งให้เธอ ก้าวเดินไปหาเขาอย่างช้าๆ
ใบหน้าคม เข้ม ของเขาทำให้เธอรู้สึกคุ้นตา
    ชายหนุ่มพิจารณาใบหน้านวลของหญิงสาวเล็กน้อยเพื่อความมั่นใจ
    “ คุณชื่อ มะปราง ใช่มั้ย ”
    หญิงสาวยิ้มรับ  “ ใช่ค่ะ  แล้วคุณคือ \"
    “ ผมเป็นพี่ชายของทิพย์เอง  ชื่อ ทนานันท์ “ เขารีบแนะนำตัวสับเสร็จ
    ลักษณะการพูดของเขายิ่งทำให้เธอมั่นใจว่า เขาคือคนที่เดินชนเธอในมหา’ลัยครั้งนั้น
    ชายหนุ่มขมวดคิ้ว  เมื่อเห็นสีหน้าฉงนของหญิงสาว  “ คุณเป็นอะไรรึเปล่า \"
    คำทักของเขา ทำให้เธอรู้สึกตัว  “ เออ เปล่าค่ะ \"
    “ ไม่เป็นไรก็ดีแล้วล่ะ  งั้น เราไปกันเถอะ “  ชายหนุ่มพูดพลางมองหาสัมภาระของหญิงสาว 
แต่แล้วเขาก็พบแค่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เพียงใบเดียว  “คุณมีของแค่นี้เองเหรอ “
    ตอนนี้  เพราะความรู้สึกเกร็งของหญิงสาวทำให้เธอทำได้แค่พยักหน้ารับเท่านั้น
   
                                                                        *********************
    “ ปราง ! “  ธิดาโผกอดเพื่อนสาวทันทีที่เดินลงจากรถโดยมีทนานันท์เดินตาม
หลังมาติดๆ  “ ฉันคิดถึงเธอจังเลย ”
    “ ฉันก็คิดถึงเธอเหมือนกันจ้ะ “
    ระหว่างที่ทั้งสองทักทายกันอยู่นานสองนาน กลับมีเสียงกระแอมจากชายหนุ่มดังมา
ทางด้านหลังของทั้งสองเพื่อเรียกร้องความสนใจ 
    ธิดาเป็นคนแรกที่หันกลับมาสนใจพี่ชายของเธอ  “ แหม พี่ทนานะ  คนเราไม่ได้เจอ
เพื่อนกันมาตั้งนาน  จะทักทายกันให้หายคิดถึงหน่อยก็ไม่ได้ “
    “ เปล่าหรอก  พี่ไม่สนใจหรอกนะว่าใครจะคิดถึงใครมากแค่ไหน เพียงแต่ทิพย์น่า
จะรู้ดีนะว่า  ต้องบอกอะไรพี่ “
    ธิดาแกล้งตีหน้าซื่อ  “ บอกอะไรหรือคะ “
    ทนานันท์ยิ้ม  เขารู้นิสัยน้องสาวดี  “ ก็เป็นอย่างนี้ทุกทีแหละเรา  วันหลังอย่ามาขอให้พี่ช่วยละกัน \"
เขาทำท่าจะเดินหายไปในวินาทีนั้น 
                ธิดากลัวพี่ชายงอนจึงรีบพูดดักคอ  “ ขอบคุณค่ะพี่ทนา “
                ชายหนุ่มหันมายิ้มอย่างรู้ทันให้เธอ
                แต่น้องสาวตัวดีกลับเหนือกว่า  เธอรีบพูดฝากฝังเพื่อนสาวไว้กับเขา “ แต่พี่ต้องพา
ปรางไปเดินชมรีสอร์ทพรุ่งนี้ด้วยนะ \" 
                รอยยิ้มบนใบหน้าหุบลงทันที  เขาได้แต่เดินเจ็บใจจากไป
                มะปรางหัวเราะในความร้ายกาจของเพื่อนสาว  “ นี่  เธอจะบังคับพี่ชายไปถึงไหนกัน 
แค่นี่เขาก็ดูเหมือนถูกบังคับให้กินยาขมจะแย่อยู่แล้ว \"
              “ เอาเถอะน่ะ  ว่าแต่เธอเถอะ  คิดว่าพี่ชายฉันเป็นยังไงบ้าง \"
                มะปรางมีสีหน้าฉงน  “ ถามฉันทำไม “
              “ ไม่มีอะไรหรอกแค่อยากรู้เฉย ๆ “
            ด้วยความที่หญิงสาวเชื่อใจ  เธอจึงไม่ติดใจกับคำถามนั้น 
            “ เขาก็ดู .มาดดี เก่ง ฉลาด .แต่เสียอย่างเดียว “
            “ อะไรเหรอ “
            มะปรางยิ้ม  “ ขี้เก๊กไปหน่อย  ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ เลย  ทำไมผู้ชายต้องวางท่าให้ดูดี
อยู่ตลอดเวลา  แถมยังดูแข็ง ๆ ยังไงก็ไม่รู้  บอกไม่ถูก ”
                “ นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันหนักใจอยู่  แต่พี่จะเก๊กท่าเฉพาะเวลาอยู่กับคนที่เขาไม่ค่อย
สนิทนะ  ถ้าเวลาเขาอยู่กับคนงาน  หรือญาติ ๆ ก็ไม่เห็นจะเป็นเลย “
                มะปรางพยักหน้ารับฟังคำวิจารณ์ของเพื่อนสาว
                “ แต่ฉันรู้วิธีแก้นะ  ฉันคิดว่า ผู้หญิงนี่แหละที่จะทำให้เขาหายเก๊กได้ “
              “ จะบ้าเหรอ ! เธอนี่ท่าทางจะเพี้ยน “
                “อ้าว ! ไม่รู้อะไรเสียแล้ว  คอยดูเถอะสักวันฉันจะพิสูจน์ให้เธอเห็น “  พูดจบ 
ธิดาก็มองเพื่อนสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า  “ ไหนลองหมุนตัวซิปราง “
                    หญิงสาวทำตามคำบอกของเพื่อนแต่โดยดี
 
                  มะปรางจัดเป็นหญิงสาวที่มีความน่ารักในตัวเอง  แต่การที่เธอค่อนข้างเรียบง่าย
มากเกินไป  ทำให้ไม่ค่อยสะดุดตาผู้ชายส่วนใหญ่มากนัก  และนั่น เป็นสิ่งที่ธิดาคิดว่า 
จะสามารถมัดใจพี่ชายของเธอได้ไม่มากก็น้อย
                    “ พอจ้ะ  ฉันว่า ฉันเจอผู้หญิงคนนั้นแล้วล่ะ “
                    คำพูดของเพื่อนสาวทำให้เธอหยุดหมุนทันที  “ หมายความว่าไง ”
                    ธิดาแกล้งตีหน้าซื่อ  “ เปล่า  เออ ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเธอมานานแล้ว  งั้น .ฉันพาเธอไปพบพ่อ แม่ก่อนดีกว่า “
                                                                    *************************
                    ตกเย็น  ทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตากันที่โต๊ะรับประทานอาหาร  แต่ละคนต่างเล่าเรื่องของตัว
เองเพื่อเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
                    “ เวลาว่างหนูปรางชอบทำอะไรจ๊ะ “  วดีถามหญิงสาวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
                  “ส่วนมากชอบฟังเพลงค่ะ  แต่ถ้ามีเวลาว่างจริง ๆ ก็จะอ่านหนังสือนิยายบ้าง  สารคดี
บ้างตามอารมณ์ในตอนนั้น “
                  “ อืม ท่าทางหนูจะอารมณ์ศิลป์นะจ๊ะ เหมือนเจ้าทนาเลย “
                    ส่วนธิดาได้แต่มองพี่ชายของเธอที่ได้แต่ก้มหน้าก้มตาทานอาหารตรงหน้า  ไม่สนใจใครทั้งสิ้น
                  “ ใช่แล้วค่ะแม่  แล้วปรางเนี่ยเป็นคนน่ารักนะคะ  ชอบช่วยเหลือเพื่อนเสมอเลย  “
                    คำชมของเพื่อนสาวทำให้เธอเขินอยู่บ้าง
                    “ แต่เสียอย่างเดียว ซุ่มซ่ามไปหน่อย “
                    มะปรางถึงกับช้อนหลุดมือ  เมื่อได้ยินประโยคท้ายสุดของธิดา
                    “ เห็นมั้ยคะ  พูดยังไม่ทันขาดคำ “
                      สาทรรีบปรามลูกสาว  “ พอแล้วลูก “
                    ในขณะที่ทุกคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน  มีเพียงทนานันท์ที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาทานต่อไป
                    วดีอดห่วงลูกชายคนเดียวของเธอไม่ได้  จึงเอ่ยถาม  “ วันนี้ลูกเป็นอะไรรึเปล่า 
ไม่เห็นลูกพูดอะไรเลย “
                    ทนานันท์รวบช้อน ส้อม  “ ผมคงหิวน่ะครับ  แต่ตอนนี้อิ่มแล้ว  ผมขอตัวไปดูคนงานก่อนนะครับ “
                  ทุกคนมองชายหนุ่มที่กำลังเดินจากไปด้วยความงุนงง
                    ภายในกระท่อมหลังไร่  กลุ่มคนงานกำลังครื้นเครงอยู่ในวงเหล้า  และเสียงดนตรี
                      ทนานันท์เข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย
                  “ ว่าไง  ทำอะไรอยู่เอ่ย “
                  ‘ ไก่ ‘ ซึ่งเป็นคนงานสนิทของทนานันท์รีบเขยิบมานั่งข้าง ๆ “ อ้าว ! เจ้านายมาทำอะไรที่นี่ล่ะ 
ไม่ไปอยู่ต้อนรับเพื่อนคุณทิพย์ที่บ้านใหญ่เหรอ “
                    ทนานันท์ถอนหายใจ  “ .ไม่รู้จะตื่นเต้นอะไรกัน  ออกจะคุณหนูขนาดนั้น 
เชื่อสิอยู่ที่นี่ได้ไม่นานหรอก  เดี๋ยวก็ต้องรีบเผ่นกลับแทบไม่ทัน “
                      ไก่หัวเราะ “ เจ้านายอย่าเพิ่งด่วนตัดสินคนแต่ภายนอกสิ  ไม่แน่เธออาจจะนิสัยดี 
น่ารักตรงสเป๊กเจ้านายก็ได้นะ “
                      “นี่ แกไม่เข้าข้างฉันแล้วยังมาชื่นชมเธออีกนะ  เดี๋ยวก็โดนเสียหรอก “  ชายหนุ่ม
ทำท่าจะยกเท้าขึ้น ‘ ถีบ ‘ เขา 
                      แต่เป้าหมายกลับหลบทัน  เพราะเขารู้นิสัยเจ้านายคนนี้ดี  “ เจ้านายเป็นแบบนี้ทุกทีเลย 
มา ๆ ดื่มเหล้ากันดีกว่า “
                      บรรดาผู้ชายทั้งหลายชนแก้วกันอย่างครึกครื้น  แตกต่างจากฝ่ายหญิงที่ต้องคอย
ปรนนิบัติ  คอยเสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์  และกับแกล้มต่าง ๆ อยู่ตลอดทั้งคืน
                                                                ***************************
                      “ ปราง ! เธออยู่ไหน ! “ ธิดาตะโกนเรียกเพื่อนสาวของเธอ
                      ตั้งแต่เช้ามะปรางก็หายตัวไป  มองหาในห้องนอน  ห้องนั่งเล่น  ห้องรับแขก 
หรือแม้กระทั่งห้องครัว  ก็ไม่เห็นจะมีวี่แววของเพื่อนสาวเลยแม้แต่น้อย
                      เธอตัดสินใจเคาะประตูห้องนอนซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้องนอนของมะปราง  “ พี่ทนา ! พี่ทนา ! “
                        “ อะไร ! “ ทนานันท์ในคราบชุดนอนเปิดประตูต้อนรับน้องสาวอย่างหงุดหงิด
                      “ อ้าว ! พี่ยังอยู่ในห้องอีกเหรอ  ทิพย์นึกว่า พี่พาปรางไปเดินชมรีสอร์ทแล้วเสียอีก “
                      “ เปล่า  เมื่อคืนพี่นอนดึกไปหน่อย  เลยตื่นสาย “
                      หญิงสาวเท้าสะเอว  “ รู้ตัวก็ดีแล้ว  แสดงว่าเมื่อคืนพี่ไปดื่มเหล้ากับคนงานอีกแล้วใช่มั้ย “
                        คำทักของน้องสาวทำให้เขาก้มมองดูสภาพตัวเอง  ที่จริงชุดที่เขาสวมอยู่จะเรียกว่าชุดนอน
ก็คงจะไม่ถูกเสียทีเดียว  เพราะมันเป็นเสื้อเชิ้ตตัวเมื่อวานที่เขาใส่ไปในไร่ครั้งสุดท้าย  และธิดาก็คงจำมันได้ดี
                      “ ทิพย์ไม่ว่าอะไรพี่หรอกนะ  แต่ตอนนี้พี่ต้องไปอาบน้ำ  เปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้ 
และรีบออกตามหาตัวปรางด่วนเลย  ไม่รู้ป่านนี้ไปหลงทางที่ไหนรึเปล่า “
                          “ เออ  เดี๋ยวพี่ลงไป “
                          ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะปิดประตู  หญิงสาวกลับคว้าประตูบานนั้นไว้เสียก่อน 
“แต่ทิพย์ไม่ขอไปหาปรางในไร่นะ  ไม่ชอบ  เดี๋ยวทิพย์หาปรางแถวนี้เอง  พี่ลงไปหาปรางที่ไร่แทนแล้วกัน “
                            “ อยู่แล้วล่ะ “ ชายหนุ่มรับปากแต่โดยดี  เขารู้นิสัยน้องสาวคนนี้ดีว่า
ไร่กับเธอไม่ค่อยจะถูกกันสักเท่าไหร่  และการที่น้องสาวของเขาเป็นแบบนี้  จึงทำให้เขาคิดว่า 
มะปรางจะเป็นแบบเดียวกับเธอด้วย
                                                            ******************************
                “ ฮืม ฮืม “ มะปรางเดินฮัมจังหวะเพลงไปตามทางเดินในไร่องุ่นของรีสอร์ท 
แต่แล้ว . “ ว้าย ! “  ขาของเธอสะดุดเข้ากับกิ่งไม้ข้างทาง
 
    เสียงหัวเราะของใครบางคนดังไล่หลังเธอมา  หญิงสาวหันไปทางต้นเสียงนั้น  “ พี่ทนา ! “
    ผู้ชายตรงหน้ากำลังยืนหัวเราะเธออยู๋ไม่ห่าง  “ คุณนี้ซุ่มซ่ามอย่างที่ยัยทิพย์บอกไว้จริง ๆ ด้วย “
    หญิงสาวรีบลุกขึ้นยืน  เธอไม่ต่อว่าเขา  แต่กลับเดินหนีเขาแทน
    ชายหนุ่มวิ่งมาดักเธอไว้  “ ทำไมคุณหลบมาอยู่นี่คนเดียว  โดยที่ไม่รอผม  คุณก็รู้อยู่แล้วว่าผม
ต้องเป็นคนพาคุณมา “
    หญิงสาวกอดอก พลางถอนหายใจ  “แต่ฉันรู้ว่าคุณไม่อยากพาฉันมาหรอก  ฉันก็เลยขอมา
เดินดูคนเดียวดีกว่า “
    “ แต่ตอนนี้ทั้งบ้านหาคุณให้วุ่น “
    “ ตาย ! ฉันขอโทษค่ะ  ที่จริงฉันก็คิดไว้ว่าจะบอกตั้งแต่ก่อนออกมา  แต่เห็นว่ายังเช้าอยู่ 
คงยังไม่มีใครตื่นก็เลยไม่ได้บอก “
    ชายหนุ่มยิ้ม  “ ช่างมันเถอะ  ยังไงผมก็เจอคุณแล้ว  คุณนี่ตื่นเร็วดีนะ  ตอนแรก ผมนึกว่า ” 
ชายหนุ่มชะงักคำพูดไว้ทัน
    แต่กลับทำให้หญิงสาวสงสัย  “ นึกว่าอะไรคะ “
    “ เปล่า ผมนึกว่า คุณไม่อยากรู้เหรอว่า เราปลูกองุ่นกันยังไงถึงได้ออกมาเต็มต้นขนาดนี้”
    หญิงสาวยิ้ม  “ อยากรู้สิคะ  ฉันสังเกตเห็นมาหลายต้นแล้ว ทุกต้นต้องมีองุ่นติดอยู่ไม่ต่ำกว่าสองพวงได้มั้งคะ “
    “ มันก็ไม่อยากเลยนะ  แค่คุณตัดกิ่งองุ่น  โดยที่ไม่ให้เหลือใบเลยนะ  พอหลังจากนั้นกิ่งองุ่นก็
จะเริ่มแตกตาใหม่  และมีใบอ่อนงอกขึ้นมา  ตามด้วยช่อดอกมากมาย  และ ”
    หญิงสาวตั้งใจฟังชายหนุ่มอธิบาย  แววตาของเธอดูมีความสุขเมื่อได้เรียนรู้สิ่งเหล่านั้น
    ไม่นานทั้งสองลัดเลาะมาถึงกระท่อมหลังไร่  ซึ่งคนงานบางส่วนกำลังพักผ่อนตามอัธยาศัย 
รวมทั้ง ไก่ คนงานคนสนิทของเขาด้วย
                “ เจ้านายครับ  วันนี้ลุยมาถึงหลังสวนตั้งแต่เช้าเลยนะครับ “ ไก่ทัก
                  ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มให้  เขาต้องวาดมาดให้ดูดีอยู่เสมอเวลาอยู่ต่อหน้าผู้หญิง 
โดยเฉพาะเพื่อนของน้องสาวตัวเอง
                    ไก่สังเกตได้ถึงอาการผิดปกติของเขา  และการที่มีหญิงสาวยืนอยู่ข้างกายชายหนุ่มในตอนนี้คือคำตอบ
                  “ แหม วันนี้ควงสาวมาด้วย  ไม่คิดจะแนะนำให้รู้จักกันบ้างหรือครับ “ ไก่กระซิบที่ข้างหูทนานันท์
                  คำเอ่ยแซวของคนงานทำให้เขาเกิดอาการประหม่า  “ เออ นี่ คุณมะปราง เป็นเพื่อนของคุณทิพย์ “
    หญิงสาวยิ้มหวาน “ เรียกปรางเฉย ๆ ก็ได้ค่ะ  ดูสนิทมากกว่า “  ด้วยความที่หญิงสาวไม่เป็น
คนถือตัวจึงได้พูดออกไปเช่นนั้น 
                  แต่คำพูดของเธอได้ทำให้ใครบางคนได้รู้ว่า  เขามองคนผิดไปจริง ๆ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น