ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มรกตแทนใจ(คือ)ความห่วงใยที่ฉัน...มีให้เธอ

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ย. 48


    บทที่ 1



        

    ฉันมองสายฝนที่พร่างพรูจากฟากฟ้าไหลตามบานกระจกใสบานใหญ่



    ของร้านกาแฟเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง

        

    สายฝนยามบ่ายทำให้ฉันรู้สึกถึงความเศร้าสร้อยในตัวฉัน  แน่ล่ะ…



    ก็ฉันเพิ่งเสียคุณป้าของฉันไป เมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่

        

    ในช่วงนั้นฉันไม่ได้ไปทำงานเลย  เพราะฉันได้แต่ร้องไห้ เสียใจกับการจากไปของป้า  



    และเหนื่อยจากการจัดงานศพให้ท่าน

        

    “ คุณกรรณนิการ์เจ้าขา  จะเศร้าโศกเสียใจกันไปถึงไหนกันคะ  กลับมาทำงานได้แล้ว  



    วันเวลามันไม่เคยรอใครนะ “ คำพูดของ ‘ ดวงกมล ‘ เพื่อนสนิทของฉันที่โทรศัพท์ตาม



    ฉันมาทำงานเมื่อเช้านี้ยังดังวนเวียนอยู่ในหัว

        

    ฉันจึงเข้าไปรับงานใหม่จากบก.ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของฉันเช่นกันตั้งแต่เช้า

        

    ‘ มีหลายคนถามฉันว่า  เดินทางไปหลาย ๆ ที่แบบนี้ไม่เหนื่อยบ้างเหรอ



    นั่นสิ ไม่เหนื่อยบ้างหรือไง (หัวเราะ) ต้องขอบอกค่ะ ว่าถึงจะเหนื่อยแต่คุ้มจริง ๆ



    การไปเที่ยวในแต่ละครั้งของฉัน จะได้ทั้งความรู้และประสบการณ์ใหม่มาเสมอ ‘

        

    ฉันเริ่มพิมพ์บทความลงในโน้ตบุ๊กของฉันเอง  ในบริษัทฉันมีหน้าที่พิมพ์คอลัมน์ชวนเที่ยวของ



    นิตยสารเล่มนี้



        

    ช่วงพักผ่อนของฉัน คือการเดินทางไปไหว้คุณป้าที่สุสานแถวชานเมือง



    ด้วยความที่พ่อและแม่ของฉันมีเชื้อสายจีน  ฉ้นจึงพลอยได้เชื้อจีนมาด้วย  



    เพื่อนมักจะเรียกฉันว่า ‘ หมวยยุคใหม่ ‘ ( ไม่รู้เหมือนกันว่า หน้าฉันบอกยี่ห้อขนาดนั้นเชียวเหรอ )

        

    “ ป้าคะ หนูเหงาจังเลย “ ฉันพูดกับท่านต่อหน้าสุสาน “ ตั้งแต่ป้าไม่อยู่  หนูไม่รู้จะพึ่งใครได้เลย “



    จี้มรกตส่องแสงแวววาวในมือฉัน  ฉันอมยิ้มให้สิ่งนั้น  “ ป้าเคยบอกหนูเสมอ ว่า เจ้าสร้อยคอ



    เส้นนี้จะคอยปกป้องหนูอยู่เสมอ  จนป่านนี้หนูก็ยังไม่ลืมคำพูดนั้น  ฉันยิ้มบางให้ท่าน



    หลังจากที่ฉันปลดปล่อยความรู้สึกต่าง ๆ ให้ท่านได้รับรู้  ฉันจึงตัดสินใจเดินเล่นอยู่แถวนั้นชั่วครู่  

        



    ใบไม้พลิ้วไหวไปตามแรงลมที่พัดมา  ฉันรู้สึกสบายใจ เมื่อได้อยู่ในที่แบบนี้

        

    แต่แล้ว….ฉันสะดุดตาเข้ากับรถหรูคันหนึ่งที่ขับผ่านหน้าฉันไป  ผู้ชายร่างสูงโปร่ง



    มาดนักธุรกิจก้าวยาวลงจากรถคันนั้น  เขามองมาที่ฉันพลางยิ้มให้อย่างสุภาพ  ฉันยิ้มกว้างให้เขาเช่นกัน

        

    ‘ ทำไมเขาถึงยิ้มให้ฉันนะ ‘ ฉันคิด

        

    แต่ฉันไม่ได้สนใจเขาอีก  ยังไงเสียใครที่มาในที่แบบนี้ก็ต้องมาไหว้ญาติผู้ใหญ่ของพวกเขาอยู่แล้ว



                                                                                    ****************

        

    ระหว่างทางกลับบ้าน  รถคันโปรดของฉันกลับทรยศฉันจนได้

        

    “ ติดสิลูก “ ฉันเริ่มหน้าซีด

        

    หลังจากที่ฉันลองสตาร์ทเครื่องอยู่สอง สามครั้ง  ฉันก็ถอดใจเลือกโทรศัพท์หาอู่ซ่อมรถแทน  



    โชคดีนะที่มีคนใจดีมากมายช่วยฉันเข็นรถชิดขอบถนน

        

    เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยฉันจึงมองหารถแท็กซี่สักคันเพื่อพาฉันกลับบ้าน  แท็กซี่คัน



    หนึ่งกำลังจะขับผ่านฉันไป  ฉันโบกมือไวเรียกเขา แต่…สายไปเสียแล้ว  เขาขับรถผ่านหน้าฉันไปอย่างเฉยเมย

        

    มิหนำซ้ำรถหรูคันหนึ่งยังขับรถเร็วผ่านหน้าฉันพร้อมกับสาดน้ำที่เอ่อนองบนถนนใส่ฉันเต็มเปา

        

    ฉันอุทาน “ ไอ้บ้า ! ขับรถประสาอะไรเนี่ย “

        

    สภาพของฉันในตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากลูกหมาตกน้ำดี ๆ นี่เอง

        

    ผิดคาด  เขาคนนั้นถอยรถกลับมาหาฉัน  เขาลงจากรถเพื่อมาหาฉันโดยเฉพาะ “ ผมขอโทษนะครับ  ผมไม่ได้ตั้งใจ “

        

    ฉันเกิดอาการงงเล็กน้อย  ไม่นึกไม่ฝันว่า จะเจอผู้ชายหน้าลูกครึ่งไทย – ฝรั่ง คนนั้นอีกครั้ง  



    เขาเป็นคนเดียวกับที่ฉันเจอที่สุสานเมื่อกี้

        

    ฉันไม่ตอบอะไร นอกจากยิ้มเฝื่อนให้เขา

        

    “ ให้ผมไปส่งคุณที่บ้านเป็นการไถ่โทษได้มั้ยครับ “

        

    คำพูดของเขายิ่งทำให้ฉันอึ้ง  ฉันมองจี้มรกตของฉัน ‘ หรือเขาคือคนที่เจ้าส่งมาช่วยฉัน



    แต่…ฉันคงไว้ใจเขาไม่ได้หรอกนะ ‘ ฉันคิด



                                                                           ********************



        

    หลายชั่วโมงกว่าฉันจะเดินทางกลับถึงบ้านพร้อมโน้ตบุ๊กคู่หูของฉัน  ในที่สุดฉันก็ได้แท็กซี่ที่พาฉันกลับบ้าน

        

    บรรยากาศที่เงียบเหงาภายในบ้านของฉัน  ภาพความทรงจำเก่า ๆระหว่างฉันกับป้าปรากฏ



    ขึ้นทุกที่ที่ฉันมองไป  ฉันผูกพันกับป้ามาก มากเกินกว่าที่ทุกคนจะเข้าใจ  อาจจะเป็นเพราะว่า



    ท่านเลี้ยงฉันมาตั้งแต่เด็ก ๆ หลังจากที่ พ่อ และแม่ของฉันประสบอุบัติเหตุรถชนเมื่อหลายปีก่อน

        

    น้ำตาใสไหลอาบแก้มฉัน  น้ำตาหยดหนึ่งหยดลงบนจี้มรกตของฉัน  ที่ตอนนี้มันถูก



    ฉันถือไว้ในมือแล้ว แทนที่จะใส่ไว้ที่คอเหมือนเคย

        

    ฉันสัมผัสถึงแสงแวววาว ระยิบตาจากมัน  มันต้องการบอกอะไรบางอย่างแก่ฉัน….





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×