ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1
บทที่ 1
   
ฉันมองสายฝนที่พร่างพรูจากฟากฟ้าไหลตามบานกระจกใสบานใหญ่
ของร้านกาแฟเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง
   
สายฝนยามบ่ายทำให้ฉันรู้สึกถึงความเศร้าสร้อยในตัวฉัน  แน่ล่ะ
ก็ฉันเพิ่งเสียคุณป้าของฉันไป เมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่
   
ในช่วงนั้นฉันไม่ได้ไปทำงานเลย  เพราะฉันได้แต่ร้องไห้ เสียใจกับการจากไปของป้า 
และเหนื่อยจากการจัดงานศพให้ท่าน
   
“ คุณกรรณนิการ์เจ้าขา  จะเศร้าโศกเสียใจกันไปถึงไหนกันคะ  กลับมาทำงานได้แล้ว 
วันเวลามันไม่เคยรอใครนะ “ คำพูดของ ‘ ดวงกมล ‘ เพื่อนสนิทของฉันที่โทรศัพท์ตาม
ฉันมาทำงานเมื่อเช้านี้ยังดังวนเวียนอยู่ในหัว
   
ฉันจึงเข้าไปรับงานใหม่จากบก.ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของฉันเช่นกันตั้งแต่เช้า
   
‘ มีหลายคนถามฉันว่า  เดินทางไปหลาย ๆ ที่แบบนี้ไม่เหนื่อยบ้างเหรอ
นั่นสิ ไม่เหนื่อยบ้างหรือไง (หัวเราะ) ต้องขอบอกค่ะ ว่าถึงจะเหนื่อยแต่คุ้มจริง ๆ
การไปเที่ยวในแต่ละครั้งของฉัน จะได้ทั้งความรู้และประสบการณ์ใหม่มาเสมอ ‘
   
ฉันเริ่มพิมพ์บทความลงในโน้ตบุ๊กของฉันเอง  ในบริษัทฉันมีหน้าที่พิมพ์คอลัมน์ชวนเที่ยวของ
นิตยสารเล่มนี้
   
ช่วงพักผ่อนของฉัน คือการเดินทางไปไหว้คุณป้าที่สุสานแถวชานเมือง
ด้วยความที่พ่อและแม่ของฉันมีเชื้อสายจีน  ฉ้นจึงพลอยได้เชื้อจีนมาด้วย 
เพื่อนมักจะเรียกฉันว่า ‘ หมวยยุคใหม่ ‘ ( ไม่รู้เหมือนกันว่า หน้าฉันบอกยี่ห้อขนาดนั้นเชียวเหรอ )
   
“ ป้าคะ หนูเหงาจังเลย “ ฉันพูดกับท่านต่อหน้าสุสาน “ ตั้งแต่ป้าไม่อยู่  หนูไม่รู้จะพึ่งใครได้เลย “
จี้มรกตส่องแสงแวววาวในมือฉัน  ฉันอมยิ้มให้สิ่งนั้น  “ ป้าเคยบอกหนูเสมอ ว่า เจ้าสร้อยคอ
เส้นนี้จะคอยปกป้องหนูอยู่เสมอ  จนป่านนี้หนูก็ยังไม่ลืมคำพูดนั้น  ฉันยิ้มบางให้ท่าน
หลังจากที่ฉันปลดปล่อยความรู้สึกต่าง ๆ ให้ท่านได้รับรู้  ฉันจึงตัดสินใจเดินเล่นอยู่แถวนั้นชั่วครู่ 
   
ใบไม้พลิ้วไหวไปตามแรงลมที่พัดมา  ฉันรู้สึกสบายใจ เมื่อได้อยู่ในที่แบบนี้
   
แต่แล้ว .ฉันสะดุดตาเข้ากับรถหรูคันหนึ่งที่ขับผ่านหน้าฉันไป  ผู้ชายร่างสูงโปร่ง
มาดนักธุรกิจก้าวยาวลงจากรถคันนั้น  เขามองมาที่ฉันพลางยิ้มให้อย่างสุภาพ  ฉันยิ้มกว้างให้เขาเช่นกัน
   
‘ ทำไมเขาถึงยิ้มให้ฉันนะ ‘ ฉันคิด
   
แต่ฉันไม่ได้สนใจเขาอีก  ยังไงเสียใครที่มาในที่แบบนี้ก็ต้องมาไหว้ญาติผู้ใหญ่ของพวกเขาอยู่แล้ว
                                                                                ****************
   
ระหว่างทางกลับบ้าน  รถคันโปรดของฉันกลับทรยศฉันจนได้
   
“ ติดสิลูก “ ฉันเริ่มหน้าซีด
   
หลังจากที่ฉันลองสตาร์ทเครื่องอยู่สอง สามครั้ง  ฉันก็ถอดใจเลือกโทรศัพท์หาอู่ซ่อมรถแทน 
โชคดีนะที่มีคนใจดีมากมายช่วยฉันเข็นรถชิดขอบถนน
   
เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยฉันจึงมองหารถแท็กซี่สักคันเพื่อพาฉันกลับบ้าน  แท็กซี่คัน
หนึ่งกำลังจะขับผ่านฉันไป  ฉันโบกมือไวเรียกเขา แต่ สายไปเสียแล้ว  เขาขับรถผ่านหน้าฉันไปอย่างเฉยเมย
   
มิหนำซ้ำรถหรูคันหนึ่งยังขับรถเร็วผ่านหน้าฉันพร้อมกับสาดน้ำที่เอ่อนองบนถนนใส่ฉันเต็มเปา
   
ฉันอุทาน “ ไอ้บ้า ! ขับรถประสาอะไรเนี่ย “
   
สภาพของฉันในตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากลูกหมาตกน้ำดี ๆ นี่เอง
   
ผิดคาด  เขาคนนั้นถอยรถกลับมาหาฉัน  เขาลงจากรถเพื่อมาหาฉันโดยเฉพาะ “ ผมขอโทษนะครับ  ผมไม่ได้ตั้งใจ “
   
ฉันเกิดอาการงงเล็กน้อย  ไม่นึกไม่ฝันว่า จะเจอผู้ชายหน้าลูกครึ่งไทย ฝรั่ง คนนั้นอีกครั้ง 
เขาเป็นคนเดียวกับที่ฉันเจอที่สุสานเมื่อกี้
   
ฉันไม่ตอบอะไร นอกจากยิ้มเฝื่อนให้เขา
   
“ ให้ผมไปส่งคุณที่บ้านเป็นการไถ่โทษได้มั้ยครับ “
   
คำพูดของเขายิ่งทำให้ฉันอึ้ง  ฉันมองจี้มรกตของฉัน ‘ หรือเขาคือคนที่เจ้าส่งมาช่วยฉัน
แต่ ฉันคงไว้ใจเขาไม่ได้หรอกนะ ‘ ฉันคิด
                                                                      ********************
   
หลายชั่วโมงกว่าฉันจะเดินทางกลับถึงบ้านพร้อมโน้ตบุ๊กคู่หูของฉัน  ในที่สุดฉันก็ได้แท็กซี่ที่พาฉันกลับบ้าน
   
บรรยากาศที่เงียบเหงาภายในบ้านของฉัน  ภาพความทรงจำเก่า ๆระหว่างฉันกับป้าปรากฏ
ขึ้นทุกที่ที่ฉันมองไป  ฉันผูกพันกับป้ามาก มากเกินกว่าที่ทุกคนจะเข้าใจ  อาจจะเป็นเพราะว่า
ท่านเลี้ยงฉันมาตั้งแต่เด็ก ๆ หลังจากที่ พ่อ และแม่ของฉันประสบอุบัติเหตุรถชนเมื่อหลายปีก่อน
   
น้ำตาใสไหลอาบแก้มฉัน  น้ำตาหยดหนึ่งหยดลงบนจี้มรกตของฉัน  ที่ตอนนี้มันถูก
ฉันถือไว้ในมือแล้ว แทนที่จะใส่ไว้ที่คอเหมือนเคย
   
ฉันสัมผัสถึงแสงแวววาว ระยิบตาจากมัน  มันต้องการบอกอะไรบางอย่างแก่ฉัน .
   
ฉันมองสายฝนที่พร่างพรูจากฟากฟ้าไหลตามบานกระจกใสบานใหญ่
ของร้านกาแฟเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง
   
สายฝนยามบ่ายทำให้ฉันรู้สึกถึงความเศร้าสร้อยในตัวฉัน  แน่ล่ะ
ก็ฉันเพิ่งเสียคุณป้าของฉันไป เมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่
   
ในช่วงนั้นฉันไม่ได้ไปทำงานเลย  เพราะฉันได้แต่ร้องไห้ เสียใจกับการจากไปของป้า 
และเหนื่อยจากการจัดงานศพให้ท่าน
   
“ คุณกรรณนิการ์เจ้าขา  จะเศร้าโศกเสียใจกันไปถึงไหนกันคะ  กลับมาทำงานได้แล้ว 
วันเวลามันไม่เคยรอใครนะ “ คำพูดของ ‘ ดวงกมล ‘ เพื่อนสนิทของฉันที่โทรศัพท์ตาม
ฉันมาทำงานเมื่อเช้านี้ยังดังวนเวียนอยู่ในหัว
   
ฉันจึงเข้าไปรับงานใหม่จากบก.ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของฉันเช่นกันตั้งแต่เช้า
   
‘ มีหลายคนถามฉันว่า  เดินทางไปหลาย ๆ ที่แบบนี้ไม่เหนื่อยบ้างเหรอ
นั่นสิ ไม่เหนื่อยบ้างหรือไง (หัวเราะ) ต้องขอบอกค่ะ ว่าถึงจะเหนื่อยแต่คุ้มจริง ๆ
การไปเที่ยวในแต่ละครั้งของฉัน จะได้ทั้งความรู้และประสบการณ์ใหม่มาเสมอ ‘
   
ฉันเริ่มพิมพ์บทความลงในโน้ตบุ๊กของฉันเอง  ในบริษัทฉันมีหน้าที่พิมพ์คอลัมน์ชวนเที่ยวของ
นิตยสารเล่มนี้
   
ช่วงพักผ่อนของฉัน คือการเดินทางไปไหว้คุณป้าที่สุสานแถวชานเมือง
ด้วยความที่พ่อและแม่ของฉันมีเชื้อสายจีน  ฉ้นจึงพลอยได้เชื้อจีนมาด้วย 
เพื่อนมักจะเรียกฉันว่า ‘ หมวยยุคใหม่ ‘ ( ไม่รู้เหมือนกันว่า หน้าฉันบอกยี่ห้อขนาดนั้นเชียวเหรอ )
   
“ ป้าคะ หนูเหงาจังเลย “ ฉันพูดกับท่านต่อหน้าสุสาน “ ตั้งแต่ป้าไม่อยู่  หนูไม่รู้จะพึ่งใครได้เลย “
จี้มรกตส่องแสงแวววาวในมือฉัน  ฉันอมยิ้มให้สิ่งนั้น  “ ป้าเคยบอกหนูเสมอ ว่า เจ้าสร้อยคอ
เส้นนี้จะคอยปกป้องหนูอยู่เสมอ  จนป่านนี้หนูก็ยังไม่ลืมคำพูดนั้น  ฉันยิ้มบางให้ท่าน
หลังจากที่ฉันปลดปล่อยความรู้สึกต่าง ๆ ให้ท่านได้รับรู้  ฉันจึงตัดสินใจเดินเล่นอยู่แถวนั้นชั่วครู่ 
   
ใบไม้พลิ้วไหวไปตามแรงลมที่พัดมา  ฉันรู้สึกสบายใจ เมื่อได้อยู่ในที่แบบนี้
   
แต่แล้ว .ฉันสะดุดตาเข้ากับรถหรูคันหนึ่งที่ขับผ่านหน้าฉันไป  ผู้ชายร่างสูงโปร่ง
มาดนักธุรกิจก้าวยาวลงจากรถคันนั้น  เขามองมาที่ฉันพลางยิ้มให้อย่างสุภาพ  ฉันยิ้มกว้างให้เขาเช่นกัน
   
‘ ทำไมเขาถึงยิ้มให้ฉันนะ ‘ ฉันคิด
   
แต่ฉันไม่ได้สนใจเขาอีก  ยังไงเสียใครที่มาในที่แบบนี้ก็ต้องมาไหว้ญาติผู้ใหญ่ของพวกเขาอยู่แล้ว
                                                                                ****************
   
ระหว่างทางกลับบ้าน  รถคันโปรดของฉันกลับทรยศฉันจนได้
   
“ ติดสิลูก “ ฉันเริ่มหน้าซีด
   
หลังจากที่ฉันลองสตาร์ทเครื่องอยู่สอง สามครั้ง  ฉันก็ถอดใจเลือกโทรศัพท์หาอู่ซ่อมรถแทน 
โชคดีนะที่มีคนใจดีมากมายช่วยฉันเข็นรถชิดขอบถนน
   
เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยฉันจึงมองหารถแท็กซี่สักคันเพื่อพาฉันกลับบ้าน  แท็กซี่คัน
หนึ่งกำลังจะขับผ่านฉันไป  ฉันโบกมือไวเรียกเขา แต่ สายไปเสียแล้ว  เขาขับรถผ่านหน้าฉันไปอย่างเฉยเมย
   
มิหนำซ้ำรถหรูคันหนึ่งยังขับรถเร็วผ่านหน้าฉันพร้อมกับสาดน้ำที่เอ่อนองบนถนนใส่ฉันเต็มเปา
   
ฉันอุทาน “ ไอ้บ้า ! ขับรถประสาอะไรเนี่ย “
   
สภาพของฉันในตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากลูกหมาตกน้ำดี ๆ นี่เอง
   
ผิดคาด  เขาคนนั้นถอยรถกลับมาหาฉัน  เขาลงจากรถเพื่อมาหาฉันโดยเฉพาะ “ ผมขอโทษนะครับ  ผมไม่ได้ตั้งใจ “
   
ฉันเกิดอาการงงเล็กน้อย  ไม่นึกไม่ฝันว่า จะเจอผู้ชายหน้าลูกครึ่งไทย ฝรั่ง คนนั้นอีกครั้ง 
เขาเป็นคนเดียวกับที่ฉันเจอที่สุสานเมื่อกี้
   
ฉันไม่ตอบอะไร นอกจากยิ้มเฝื่อนให้เขา
   
“ ให้ผมไปส่งคุณที่บ้านเป็นการไถ่โทษได้มั้ยครับ “
   
คำพูดของเขายิ่งทำให้ฉันอึ้ง  ฉันมองจี้มรกตของฉัน ‘ หรือเขาคือคนที่เจ้าส่งมาช่วยฉัน
แต่ ฉันคงไว้ใจเขาไม่ได้หรอกนะ ‘ ฉันคิด
                                                                      ********************
   
หลายชั่วโมงกว่าฉันจะเดินทางกลับถึงบ้านพร้อมโน้ตบุ๊กคู่หูของฉัน  ในที่สุดฉันก็ได้แท็กซี่ที่พาฉันกลับบ้าน
   
บรรยากาศที่เงียบเหงาภายในบ้านของฉัน  ภาพความทรงจำเก่า ๆระหว่างฉันกับป้าปรากฏ
ขึ้นทุกที่ที่ฉันมองไป  ฉันผูกพันกับป้ามาก มากเกินกว่าที่ทุกคนจะเข้าใจ  อาจจะเป็นเพราะว่า
ท่านเลี้ยงฉันมาตั้งแต่เด็ก ๆ หลังจากที่ พ่อ และแม่ของฉันประสบอุบัติเหตุรถชนเมื่อหลายปีก่อน
   
น้ำตาใสไหลอาบแก้มฉัน  น้ำตาหยดหนึ่งหยดลงบนจี้มรกตของฉัน  ที่ตอนนี้มันถูก
ฉันถือไว้ในมือแล้ว แทนที่จะใส่ไว้ที่คอเหมือนเคย
   
ฉันสัมผัสถึงแสงแวววาว ระยิบตาจากมัน  มันต้องการบอกอะไรบางอย่างแก่ฉัน .
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น