ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ...รวมบทความธรรมะดีๆ...

    ลำดับตอนที่ #14 : ในตัวเรามีคนอยู่สามคน

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.22K
      9
      1 พ.ย. 52



    ณ วัดบ้านไร่แห่งหนึ่ง

    หลวงตาเพิ่งกลับจากการบิณฑบาตเห็นลูกศิษย์วัดนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น

    จึงเข้าไปถามไถ่ว่าเป็นอะไร ลูกศิษย์ตอบกลับมาว่า

    ผมถูกใส่ร้าย ผมไม่ได้ขโมยเงินในหอพระ

    แต่ผมเข้าไปปัดกวาดเช็ดถูบ่อย ๆ ทุกคนก็หาว่าผมเป็นขโมย

    ไม่มีใครเชื่อผมเลย ฮือ ฮือ '

    หลวงตานั่งลงข้าง ๆ พยักหน้าเข้าใจแล้วสอนลูกศิษย์ว่า

    ' เจ้ารู้ไหม ในตัวเรามีคนอยู่สามคน

    คนแรกคือ คนที่เราอยากจะเป็น

    คนที่สองคือ คนที่คนอื่นคิดว่าเราเป็น

    คนที่สามคือ ตัวเราที่เป็นเราจริง ๆ '

    ลูกศิษย์หยุดร้องไห้ นิ่งฟังหลวงตา

    ' คนเราล้วนมีความฝัน ความทะยานอยาก ตามประสาปุถุชนทั่วไป

    ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย บางครั้งความฝันก็เป็นสิ่งสวยงาม

    เป็นพลังที่ทำให้เราก้าวเดิน เช่น บางคนอยากเป็นนักร้อง

    เป็นนักมวย เป็นดารา ถ้าถึงจุดหมายเราก็จะรู้สึกว่า

    โลกนี้ช่างสว่างไสวสวยงาม ดังนั้นเราควรมีความฝันไว้ประดับตน

    เพื่อเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงหัวใจ '

    ' มาถึงไอ้ตัวที่สอง จะเป็นเราแบบที่คนอื่นยัดเยียดให้เป็น

    บางครั้งก็ยัดเยียดว่าเราดีเลิศ จนเราอาย

    เพราะจิตสำนึกเรารู้ดีว่ามันไม่จริงหรอก

    แต่เราก็ยิ้มรับ แต่บางครั้งไอ้ตัวที่สองนี้ก็มหาอัปลักษณ์

    จนไม่อยากจะนึกถึง ซ้ำร้ายยังเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

    เพราะมันเป็นโลกในมือคนอื่น มันเป็นสิ่งแปลกปลอมที่คนอื่นยื่นให้ '

    ' อย่างคนขับสิบล้อจอดรถอยู่ข้างทางเฉย ๆ เช้ามาพบศพใต้ท้องรถ

    ก็ต้องขับรถหนี ทั้งที่ศพนั้น ถูกรถชนตายอีกฝั่งแล้วดันถลามาใต้ท้องรถ

    แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนขับสิบล้อ บางคนก็ตัดสินไปแล้วว่าเขาเป็นฆาตกร '

    ' สมัยที่หลวงตายงไม่ได้บวชเคยไปส่งเพื่อนผู้หญิงที่มีผัวแล้ว

    เพราะเห็นว่าบ้านเป็นซอยเปลี่ยว ส่งได้สองครั้งก็เป็นเรื่อง

    ชาวบ้านซุบซิบนินทา หาว่าเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน

    คนที่เห็นนั้นมองคนอื่นด้วยใจที่หยาบช้า ไร้วิจารณญาณ ใจแคบ

    มองคนอื่นผ่านกระจกสีดำแห่งใจตัวเอง คนเหล่านี้มีอยู่ทั่วไปในสังคม

    เจ้าต้องจำไว้นะ ทุกครั้งที่เราว่าคนอื่นเลว คนอื่นไม่ดี

    ก็เท่ากับเราประจานความมืดดำในใจตัวเองออกมา

    เห็นสิ่งไม่ดีของใครจงเตือนตัวเองว่าอย่าทำ อย่าเลียนแบบ

    นั่นแหละวิถีของนักปราชญ์ ถ้าเอาไปว่าร้ายนินทาเรียกว่าวิถีของคนพาล '

    ' แล้วเราต้องทำตัวอย่างไรละครับในเมื่อเราต้องเจอคนเหล่านั้นเรื่อย ๆ '

    ลูกศิษย์หยุดร้องไห้แล้วเริ่มสนทนาโต้ตอบหลวงตา

    ' เจ้าต้องทำความเข้าใจ จิตใจมนุษย์ เรียนรู้ว่าความเข้าใจผิดเกิดขึ้นได้

    เราห้ามใจใครไม่ได้ สิ่งใดที่เราไม่ได้ทำ ไม่ได้คิด ไม่ได้เป็น

    แต่คนอื่นคอยยัดเยียดให้เรา เราก็ไม่ควรให้ความสำคัญ

    เพราะเราสัมผัสได้ว่าสิ่งนั้นไม่มีอยู่จริง ใจเราควรสงบนิ่ง

    ยังไม่ต้องชำระ ใจคนอื่นต่างหากที่ควรซักฟอกให้ขาวสะอาด

    กว่าที่เป็นอยู่ เขาเหล่านั้น เป็นบุคคลที่น่าสงสารมีเวลามองคนอื่น

    แต่ไม่มีเวลามองตัวเอง จงแผ่เมตตาให้เขาไป เข้าใจใช่ไหม '


    ' เข้าใจครับหลวงตา ' เด็กน้อยยิ้มมีความสุขอีกครั้ง



    สว่างตา ด้วยแสงไฟ สว่างใจ ด้วยแสงธรรม


    พุทธัง สรณัง คัจฉามิ

    ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ

    สังฆัง สรณัง คัจฉามิ

    สรณะอื่น ไม่มี ชีวิตนี้เพื่อพระรัตนตรัย 



    บทความจาก :  http://www.tamdee.net/main/read.php?tid-383.html
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×