ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : TEIL 1 ❥ da bist du
TEIL 1 ❥ DA BIST DU
“พระจันทร์... ผมชอบพระจันทร์เต็มดวง”
11 มิถุนายน 2014
“ภาษาเยอรมันของคุณดีขึ้นทุกครั้งเลยนะไค”
“ขอบคุณมากครับ”
ผมยิ้มขณะรับงานที่มีสัญลักษณ์เกรดตัวสวยกำกับมาจากอาจารย์ที่ปรึกษาคนสนิท-มิสเตอร์บาสเตียน พูดได้เลยว่าหากไม่มีท่านผมคงเอาชีวิตรอดในมหา’ลัยที่นี่ได้จนถึงทุกวันนี้ ตั้งแต่วันแรกที่ผมเหยียบเท้าที่วิทยาเขตก็ได้รับคำปรึกษาและความช่วยเหลืออย่างเต็มใจจากชายคนนี้เสมอ เขาเป็นเหมือนพ่ออีกคนของผมเลยทีเดียว
“เอ้อ คือผมมีเรื่องจะรบกวนคุณหน่อยจะได้ไหมถ้ามันไม่เป็นการรบกวนคุณเกินไปน่ะนะ”
“อาจารย์บอกมาเถอะครับ ถ้าอาจารย์วานถึงลำบากผมก็จะพยายามเต็มที่อยู่แล้ว”
“ผมจำได้ว่าคุณเคยบอกไว้ว่ารูมเมทของคุณย้ายออกไปฝึกงาน แล้วถึงตอนนี้ห้องคุณยังพอจะว่างอยู่ไหมไค คือเพื่อนผมเขาจะส่งลูกชายให้ล่วงหน้ามาอยู่ที่นี่ก่อน ส่วนเขากับภรรยาจะตามมา สองสัปดาห์หลังจากนั้นแล้วถึงจะรับน้องไปอยู่ด้วย ระหว่างนั้นถ้าผมจะรบกวนให้เด็กคนนั้นไปอยู่กับคุณก่อนจะเป็นอะไรหรือเปล่า”
ชายผมบลอนด์ทิ้งแผ่นหลังลงกับพนักเก้าอี้ตัวใหญ่ นัยน์ตาสีฟ้าใสที่ดูสงบนิ่งทอดมองมายังผมด้วยสายตาเอ็นดูเหมือนทุกครั้ง ผมตอบรับคำขอโดยไม่เสียเวลาคิด กว่ายูเลียนเมทของผมจะกลับมาก็อีกห้าหกเดือนโน่น หมอนั่นไม่มายด์หรอกถ้าเพียงอ้างว่ามันเป็นคำขอของมิสเตอร์บาสเตียนที่จะให้มีคนมายืมเตียงนอนแค่ไม่กี่วัน
“ขอบคุณมาก อีกสามวันผมจะนัดเจอคุณอีกทีพร้อมเด็กคนนั้น เขาอายุน้อยกว่าคุณหนึ่งปี เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องกังวลว่าจะต้องเป็นเบบี้ซิทเทอร์ดูแลเด็กเบบี๋หรืออะไรพรรค์นั้นหรอก”
“ฮ่ะ ๆ ครับ สงสัยผมต้องรีบกลับไปเก็บห้องแล้ว อีกสามวันอาจารย์ติดต่อมาอีกทีแล้วกันนะครับ”
“ไปเถอะ เก็บให้เรียบร้อยล่ะ บรงบราของสาว ๆ นายที่ทิ้งไว้ก็เก็บให้หมด” คุณพ่อคนที่สองของผมขยิบตาให้ทีหนึ่งก่อนจะโยนกระป๋องเบียร์ที่เพิ่งหยิบออกมาจากลิ้นชักส่งให้เหมือนอย่างเคย ผมจึงยักคิ้วคืนกลับไป
“ไม่มีพลาดหรอกฮะอาจารย์ ไปล่ะครับ” พูดจบแล้วโค้งลาตามมารยาทเกาหลีอย่างเคยตัวแม้จะอยู่ที่นี่มานาน มิสเตอร์บาสเตียนโบกมือลาด้วยข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างเปิดกระป๋องเบียร์ของตัวเองดื่ม
/
“ตรงนั้นเป็นห้องครัวนะ หยิบจับอะไรใช้ได้ตามสบาย อ้อ... บนตู้โน่นมีรามยอนกับสาหร่ายด้วยนะ ส่งมาจากเกาหลีเลย เอาลงมากินแก้โฮมซิคไปพลาง ๆ ได้”
หนุ่มเจ้าของห้องไล่นิ้ว ชี้ไปที่แต่ละส่วนของห้องและตู้เตียงต่าง ๆ ที่วางอยู่ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกภูมิใจในฝีมือการจัดห้องของตนเองเพื่อต้อนรับสมาชิกใหม่โดยเฉพาะ ห้องของจงอินก็เหมือนหอพักนักศึกษาธรรมดาหนึ่งห้องนอน หนึ่งห้องน้ำ หนึ่งห้องครัวและหนึ่งห้องนั่งเล่นพร้อมทีวีอีกหลังสำหรับดูบอลที่ยูเลียนเมทของเขาหอบมาจากบ้าน แต่พิเศษตรงที่อยู่มุมสุดเลยมีระเบียงแถมมาให้ด้วย
หลังจากนัดเจออาจารย์ที่ปรึกษาที่ร้านขนมปังใต้หอเมื่อบ่ายแก่วันนี้ เขาก็ได้รู้จักเด็กตัวขาว ตัวผอม ผิวขาวจัดและหน้าตาที่ติดจะค่อนไปทางน่ารักมากกว่าหล่อแต่ส่วนสูงกลับมากพอ ๆ กับตัวจงอินเอง ที่สำคัญยังถือสัญชาติและพาสปอร์ตเหมือนกับจงอินเป๊ะอีก แต่ที่หน้าอายคือ เมื่อเจอจงอินก็เอาแต่จ้องน้องจนโดนมิสเตอร์บาสเตียนแซวเข้าเลยทีเดียว ก็นอกจากรูปลักษณ์ที่เตะตาแม้สำหรับผู้ชายอย่างเขาแล้ว จงอินยังรู้สึกคุ้นหน้าคนคนนี้อย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็คิดว่ามันคงเป็นความรู้สึกของการถูกชะตากับใครซักคน
‘พะ-พี่ชื่อคิม จงอิน หรือจะเรียกไคอย่างที่อาจารย์เรียกก็ได้’
‘ครับ พี่จงอิน... ผมชื่อเซฮุน โอ เซฮุน ยินดีที่ได้รู้จัก...ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะฮะ’
กิริยาท่าทางและทุก ๆ อย่างของคนตรงหน้าทำให้จงอินนึกถึงกระต่าย กระต่ายที่น่าทะนุถนอมและน่าเอ็นดู อะไรบางอย่างบอกเขาว่าการตอบตกลงมิสเตอร์บาสเตียนไปในวันนั้นมันคุ้มค่าสุด ๆ
“หาอะไรไม่เจอหรือสงสัยอะไรก็ถามแล้วกันนะ”
จงอินทิ้งตัวลงบนเตียงเดี่ยวของตัวเองหลังจากพาน้องเดินวนจนคิดว่าน่าจะครบทุกซอกทุกมุมแล้ว จึงมาหยุดที่ห้องสุดท้ายคือห้องนอนทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้าง ๆ ที่ถูกแบ่งเป็นสองฝั่งเท่า ๆ กันโดยมีชั้นวางหนังสือรูปคล้ายรังผึ้งสูงประมาณเกือบติดเพดานเป็นเส้นแบ่งเขต สองมือทิ้งไปข้างหลังยันตัวเองเอาไว้มองเซฮุนที่พยักหน้ารับคำพร้อมรอยยิ้มจนเส้นผมสีบลอนด์ซีดสะบัดไม่เป็นทรง ขาเรียวพาร่างบาง ๆ นั่นเดินไปมองตรงนั้นทีตรงนี้ทีเหมือนกระต่ายที่เพิ่งได้บ้านใหม่และกำลังกระโดดสำรวจไปรอบ ๆ อย่างตื่นเต้น
“เอ่อ คือฮุนจะไปอาบน้ำ พี่จงอินจะอาบก่อนหรือเปล่าฮะ”
เสียงหวานเอ่ยถามพลางพยักเพยิดไปทางห้องน้ำที่อยู่ทางขวาข้องห้องตรงฝั่งที่นอนของจงอิน
“ไม่เป็นไรเราไปอาบเถอะ คงเหนื่อยล่ะสิท่า นั่งเครื่องบินนานน่าดู ตามสบายนะ ที่นอนพี่ก็ปูไว้ให้แล้วล่ะ”
ร่างสูงผุดลุกขึ้นยืน ยัดมือลงในกระเป๋าข้างหนึ่งและสาวเท้าเข้าไปใกล้คนอายุน้อยกว่า เมื่อได้เห็นรอยยิ้มขอบคุณจากเซฮุนใกล้ ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปขยี้กลุ่มผมลื่นมือพลางกัดริมฝีปากล่างตัวเองอย่างมันเขี้ยว พอน้องเริ่มหดคอหนีจึงละมือทั้งที่ยังเสียดายและเดินออกจากห้องไปยังระเบียงเล็ก ๆ มุมที่จงอินชอบที่สุด
ปกติแล้วในหน้าร้อนแบบนี้ฟ้าข้างนอกจะยังไม่มืดลงแม้เข็มนาฬิกาจะตีเลขเก้าแล้วก็ตาม แต่วันนี้ต่างไปเพราะเมฆฝนที่ปกคลุมท้องฟ้าดูคล้ายผ้าห่มสีครึ้มผืนใหญ่ เพียงครู่แสงสว่างวาบจากสายฟ้าก็เริ่มมีให้เห็น ไม่บอกก็รู้ว่าสักพักเสียงคำรามของมันคงตามมา
ชายหนุ่มควานหากล่องกระดาษขนาดเล็กและซิปโป้สีเงินวับจากในกระเป๋ากางเกงยีนส์ของตน เส้นยาสูบถูกเผาไหม้แปรเปลี่ยนเป็นเพลิงสีส้มแดงและมวลควันที่ปล่อยออกมาจากริมฝีปากได้รูป จงอินยืนพิงระเบียงและซึมซับปัจจุบันอย่างช้า ๆ ซักพักกลิ่นหอมที่ไม่ได้มาจากควันบุหรี่ก็ลอยมาพร้อมกับผู้มาใหม่ที่ปรากฏกายข้างตัวเขา เซฮุนที่เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จเท้าคางกับระเบียงมองจงอินสูบบุหรี่ คนเป็นพี่เชิดหน้าขึ้นปล่อยควันเพื่อไม่ให้ลมพัดมันมารบกวนร่างบางด้วยเกรงว่าอีกฝ่ายอาจไม่ชอบ แล้วถึงค่อยหันมาสบนนัยน์ตาสีอ่อนของคนที่อมยิ้มแอบมอง
“มองทำไมน่ะเรา จะว่าพี่เรื่องบุหรี่หรือไง”
“เปล่าฮะ ผมก็สูบ” จงอินเลิกคิ้วให้กับคำตอบนั้น เขาคาบบุหรี่ที่สูบอยู่ไว้บนริมฝีปากและเคาะบุหรี่มวนใหม่จากกล่องให้เซฮุนแต่กลับถูกปฏิเสธ
“พี่สูบเถอะ เดี๋ยวนี่จะเข้าไปแล้ว บรรยากาศแบบนี้มันไม่น่าสูบ...”
/ครืน/ เสียงฟ้าดังกลบจนเซฮุนไม่สามารถพูดต่อได้ จงอินไม่สะทกสะท้าน ตรงข้ามกับกระต่ายน้อยที่สะดุ้งเฮือกจนไหล่โยน ตาเรียวหยีลงและมือสองข้างถูกยกขึ้นปิดหู
‘กระต่ายขี้ตกใจ’ จงอินคิด... ชายหนุ่มเผลอหลุดยิ้มในขณะที่เซฮุนทำหน้าปานจะร้องไห้ มือใหญ่จึงขยี้บุหรี่ในมือทิ้งเสีย และเขยิบเข้าใกล้เซฮุน จงอินวาดแขนข้างหนึ่งโอบไหล่บอบบางที่สั่นเทา ดึงร่างทั้งร่างของเซฮุนเข้ามาในอ้อมกอด ใช้มืออีกข้างปิดหูเซฮุนไว้และรั้งให้ศีรษะของน้องซบลงกับคอของตน ท้องฟ้าสีเทายังคงคำรามซ้ำ ๆ และทุกครั้งเซฮุนก็จะสะดุ้งตาม
“เข้าไปในห้องดีกว่า” เสียงทุ้มก้มกระซิบกับใบหู ไม่รู้เหมือนกันว่าเซฮุนจะได้ยินไหมเพราะมัวใช้มืออุดหูเสียแน่นหนา แต่พอเริ่มก้าวเท้านำคนในอ้อมกอดก็ก้าวตาม
เมื่อมาถึงในห้อง เสียงฟ้าร้องเหล่านั้นก็เบาลงเพราะกำแพงหนา ทั้งเซฮุนและจงอินนั่งลงบนเตียงฝั่งซ้าย ที่เซฮุนจะใช้เอนหนุนนอนตลอดเวลาสองสัปดาห์ ถึงตอนนี้คนพี่โอบน้องไว้ด้วยแขนเพียงข้างเดียวพร้อมยกมือขึ้นลูบเส้นผมลื่นมืออย่างอ่อนโยนส่วนเซฮุนก็ทำตัวน่ารักด้วยการนั่งนิ่ง ๆ เอนหัวซบบ่ากว้าง
“กลัวเสียงฟ้าเหรอ ไม่ชอบท้องฟ้าเหรอ?”
“เปล่านะ แค่ไม่ชอบฟ้าร้องอย่างเดียว...”
“งั้นเหรอ แล้วชอบอะไรมากที่สุดล่ะ”
“พระจันทร์... ผมชอบพระจันทร์เต็มดวง” ในตอนนั้นที่พูดถึง...เซฮุนก็คลี่ยิ้มจางก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของบ่าที่ตนซบ จงอินยิ้มตอบกลับมาเช่นกันและมองเขาด้วยสายตาที่เซฮุนก็ไม่รู้จะนิยามมันว่าอย่างไรนอกเหนือไปจากคำว่า 'สายตาเจ้าชู้' พร้อมทั้งไล้ก้านนิ้วไปจับเส้นผมที่ปรกหน้าขึ้นทัดที่หลังใบหูให้
“งั้นถ้าวันไหนพระจันทร์เต็มดวง เราจะออกไปกินข้าวข้างนอกกัน” คิ้วได้รูปเลิกขึ้นแทนคำถาม จงอินจึงยักคิ้วกลับแทนคำยืนยัน นัยน์ตาสีเฮเซลเลยกลอกเป็นวงกลมให้กับคำพูดและท่าทางเอาอกเอาใจจากเจ้าของห้องตั้งแต่แรกที่พบกัน เซฮุนยันตัวขึ้นนั่งตรง ๆ แล้วเอ่ยปากไล่คนบางคนไปอาบน้ำอ้อม ๆ
“หายกลัวแล้วเหรอ”
“อื้ม เสียงเบาลงมากแล้ว นี่มันแทบไม่มีแล้ว ไม่เป็นไรหรอกฮะ” ได้ยินแบบนั้นไหล่ของเซฮุนจึงเป็นอิสระ จงอินผุดลุกแล้วบิดขี้เกียจสองสามทีก่อนข้ามไปฝั่งตัวเองและหยิบจับของเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ
พอเดินออกมาอีกทีรูมเมทคนใหม่ของเขาก็ฟุบหลับลงไปเรียบร้อยแล้ว จงอินแย้มรอยยิ้มมุมปากแล้วเดินไปจัดแจงจับผ้าห่มขึ้นคลุมร่างบาง ๆ ที่นอนขดบนเตียงให้จนถึงต้นคอ เผลอมือไปลูบศีรษะกระต่ายน้อยอีกครั้งจนเปลือกตาสีมุกปรือตื่นขึ้นมามอง จงอินจึงทิ้งตัวนั่งยอง ๆ ข้างเตียง ลูบผมเซฮุนไปเรื่อย ๆ พร้อมทำเสียงชู่ยาว ๆ เหมือนเวลาผู้ใหญ่กำลังปลอบหรือกล่อมเด็ก อย่าคิดจะถามเพราะเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องทำขนาดนี้ ทำไมถึงเอ็นดูเซฮุนขนาดนี้ทั้ง ๆ ที่เพิ่งเจอกันและอยู่ด้วยกันได้ไม่กี่ชั่วโมง จงอินคิดว่าเขาอาจจะได้คำตอบหลังจากเวลาสองสัปดาห์ผ่านไป แต่ก็ไม่มั่นใจนัก
ในที่สุดเซฮุนก็หลับตาลงอีกครั้งโดยไม่ได้พูดอะไร นอกจากมุมปากที่ยกยิ้มอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นมาอีกรอบแล้วเจอจงอิน เจ้าของห้องจึงกระซิบราตรีสวัสดิ์เขาเบา ๆ แล้วเดินกลับไปทิ้งตัวลงบนเตียงนอนของตัวเองแต่ก็มิวายตะแคงหันมามองอีกฝั่งผ่านช่องว่างของชั้นหนังสือ ภาพสุดท้ายคือเซฮุนที่หลับสนิทก่อนตนจะผล็อยหลับตามไปบ้าง
และคืนนั้น จงอินฝัน ในมโนภาพภายหน้าเขานั้นมีขนนกสีขาวสว่างร่วงลงมาจากนภาสีน้ำเงินเข้ม ขนนกเหล่านั้นตกลงสู่พื้นดินแล้วค่อย ๆ รวมกันก่อขึ้นเป็นรูปทรงของกระต่ายสีขาวขนปุยช้า ๆ จงอินเฝ้ามองปรากฏการณ์นั้นไม่คลาดสายตา กระต่ายตัวนั้นเรืองแสงสีขาวจ้าในตอนแรกแต่สักพักแสงแสบตานั้นก็ค่อยหายไป เหลือไว้เพียงสัตว์สี่เท้าตัวเล็กที่มีนัยน์ตาสีน้ำเงินที่สวยราวไพลินน้ำดีทั้งยังสุกสกาว กลมโตและใสจนเห็นลูกตาสีดำที่ซ้อนอยู่ด้านใน มันมองมาทางจงอิน และชายหนุ่มก็ลดตัวลงนั่งต่อหน้า แบมือไปข้างหน้าหมายจะเชิญชวนให้กระต่ายน้อยเข้ามาใกล้ เจ้าตัวขนปุยมองจงอินเงียบ ๆ ดวงตาของมันสบกับเนตรตาของจงอิน สายตานั้นปนความปีติและโศกเศร้าในเวลาเดียวกัน มันค่อย ๆ กระโดดเข้าใกล้จงอินแล้วซุกหัวกลม ๆ ลงกับฝ่ามือใหญ่ ใช้จมูกดุนอ้อนและแลบลิ้นเล็ก ๆ เลียจนจงอินรู้สึกจั๊กจี้ จงอินจึงลูบหัวมัน เมื่อเห็นว่าเป็นมิตรแน่แล้วจึงอุ้มขึ้น แตะจมูกโด่งของตนไปมากับจมูกสีชมพูอ่อนอย่างเอ็นดู แต่ไม่ทันไรร่างของเจ้ากระต่ายก็ปรากฏแสงอีกครั้ง ตัวของมันเบาลงเรื่อย ๆ ก่อนจะหายไปและเกิดเป็นขนนกสีขาวเหมือนในตอนแรกแทน กระต่ายตัวนั้นหายไป เหลือเพียงดวงตาคู่นั้นที่ตรึงในความทรงจำของจงอินแม้ยามลืมตาตื่น
t o b e c o n t i n u e d . . .
‘pyoylli.♡ - ฝากติดตาม #ต่ายหายไคฮุน ด้วยนะคะ !
ปล. รูปมิสเตอร์บาสเตียนกระกอบการจิ้น
พระเอกไม่ใช่จงอินหรอกค่ะ คนนี้ตะหาก lol ย้อเย่น :P
*edit. แยกอินโทรกับตอนแรกค่ะ ถ้างงอยู่ต้องบอกนะตัวว
*edit. แยกอินโทรกับตอนแรกค่ะ ถ้างงอยู่ต้องบอกนะตัวว
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น