คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 4 [100%]
บทที่ 4
แม้จะพยายามเอื้อมมือไปให้ถึงทางออก…
แม้จะพยายามไขว่คว้าหาทางออก...
แม้จะล้มลุกคลุกคลานแต่ก็ยังเลือกที่จะหาทางออก…
ทว่ามันก็ไร้ค่าอยู่ดี...
ผ่านไปเป็นอาทิตย์ที่คนตัวใหญ่พยายามใช้สมองวิเคราะห์หาตัวคนร้ายที่ทำให้บริษัทเขาเสียชื่อเสียง เรียกว่าแทบจะไม่มีเวลาแตะหนังสือเล่มที่ตนกำลังให้ความสนใจอยู่ ยิ่งหลังจากที่ประชุมจบเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วแล้วยังไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันมากนัก เขาก็กลับมาที่ห้องทำงานพลางครุ่นคิดไม่หยุด
มายาเองก็หายหน้าไป หลังจากสอบถามก็พบว่าเธอขอลาป่วยไปเป็นอาทิตย์แล้ว การที่เธอไม่มาหานั้นทำให้เขารู้สึกดีและรู้สึกเจ็บแปลกๆในเวลาเดียวกัน ทว่าเขาก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้มากนัก
“วายุขา” เสียงออดอ่อนของลลิสาดังขึ้น ใบหน้าสวยหวานดูเป็นห่วงเขาอย่างเห็นได้ชัด “คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ดูคุณเครียดๆนะที่รัก”
นัยน์ตาสีรัตติกาลจ้องใบหน้าผู้หญิงที่นั่งอ้อนเขาแนบอกแกร่ง หญิงสาวแสนดีที่มักให้กำลังใจเขาเสมอ ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้มพลางเอ่ยออกมา
“ผมเครียดๆน่ะ ขอโทษทีนะลิซ่า”
“วายุมีลิซ่าเสมอนะ ว่าแต่วันนี้มีเรื่องอะไรเอ่ย วายุคนเก่งถึงได้นั่งปั้นหน้าเป็นยักษ์ขนาดนี้”
เธอพูดติดตลกหวังให้คนตัวใหญ่หายเครียด ชายหนุ่มทั้งรักและหวงแหนเธอราวกับของมีค่าสูงสุดในชีวิต วายุคบกับลลิสามาได้สามปี เป็นช่วงจังหวะก่อนที่มายาจะเข้ามาในชีวิตของเขาไม่กี่วัน ทั้งที่รู้ว่าเขามีคนรักอยู่แล้ว
“ภาพร่างต้นแบบเครื่องประดับคอลเล็คชั่นล่าสุดของบริษัทถูกขโมยไปขายต่อ ยังจับมือใครดมไม่ได้ ผมเลยเครียดๆ ขอโทษนะเลยทำคุณเครียดไปด้วยเลย”
ลลิสาเบิกตากว้าง ก่อนมือเล็กจะยกขึ้นมาทาบอก “ตายจริง! ใครกันนะที่กล้าทำแบบนี้” พูดพลันเอื้อมไปจับแก้มเขาราวกับต้องการปลอบประโลม ใบหน้าสวยหวานยกยิ้มอย่างเห็นใจ “วายุอย่าคิดมากเลยนะ วายุเก่งจะตาย แป๊บเดียวคงคิดใหม่ได้นะคะ”
“ครับ ตอนนี้คนที่ผมเชื่อได้คงมีเพียงคุณ กับรินลดาเท่านั้น”
เขาพูดถึงน้องสาวเพียงคนเดียวที่หากไม่ใช่เรื่องงาน เขากับเธอก็คงไม่ได้คุยกัน นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ทำให้วายุนึกแปลกใจ ตั้งแต่เขาจำความได้ เขามักจะมีความรู้สึกต่อต้านบิดามารดาและน้องสาวผู้นี้อยู่ลึกๆในใจเสมอ
“ค่ะ ลิซ่าดีใจนะคะที่คุณยอมเล่าให้ลิซ่าฟัง ให้ฉันได้แบ่งเบาความทุกข์คุณบ้าง”
“ผมก็ดีใจที่มีคุณอยู่เคียงข้าง ลิซ่า”
ลลิสายิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน พลันนัยน์ตาสีฟ้าที่มาจากคอนแทคเลนส์บิ๊กอายเบิกกว้าง เสียงใสอุทานออกมาเบาๆราวกับเพิ่งนึกอะไรบางอย่างออก
“จะว่าไป ลิซ่าเห็นมายาเข้ามาห้องรวมภาพออกแบบตอนคุณเข้าประชุมนะคะ แต่คงไม่ใช่เธอหรอกมั้งคะ ก็เธอออกจะหลงคุณขนาดนั้นจะกล้าทำร้ายคุณได้ยังไงกัน แถมเป็นพนักงานออกแบบของทางนี้ด้วยนี่ คงแค่เอางานมาส่งมั้งคะ”
หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอด วายุกดจมูกไปที่แก้มนุ่มแรงๆอย่างรักใคร่ “นั่นมันเรื่องของเธอ แต่ตอนนี้ผมรักคุณ แล้วก็หลงคุณเท่านั้น”
แต่แล้วเขาก็นึกอะไรได้บางอย่าง ก่อนจะเอ่ยถามสาวน้อยในอ้อมกอดอีกครั้ง “คุณเห็นเธอเมื่อไหร่”
“ลิซ่าจำไม่ได้ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะวายุ”
ดวงตาสีรัตติกาลเข้มขึ้นอย่างบนดาลโทสะ ในเมื่อช่วงนี้เขาไม่ได้สั่งให้ทีมงานของมายาออกแบบคอลเล็คชั่นใดๆเลย อีกทั้งก่อนหน้าเธอเป็นคนโทรมาลาป่วยเอง แล้วจะเข้ามาที่ห้องรวมภาพออกแบบไปเพื่ออะไร
หากไม่ใช่เธอแล้วมันจะเป็นใครไปได้!!!
“ขอบคุณนะครับ แต่เรื่องนี้ผมจะจัดการเอง”
*****************************************************************************************
ห้องทำงานขนาดใหญ่ไร้เสียงใดๆนอกจากลมหายใจของคนตัวโต หลังจากส่งคนรักแล้วเขาก็กลับมาทำงานอีกครั้ง พลันสมองครุ่นคิดถึงเรื่องที่ได้รับรู้เมื่อยามบ่าย
วายุคิดตามที่น้องสาวและคนรักของตนพูด งานออกแบบเครื่องประดับชุดล่าสุดถูกขโมยไปขายต่อให้บริษัทคู่แข่งโดยไม่มีใครรู้ สมองที่ชาญฉลาดคิดวิเคราะห์อะไรหลายๆอย่างพร้อมกันจนความปวดหัวจู่โจมเข้าหา มือหนายกขึ้นนวดคลายความอ่อนล้า พลันหวนคิดถึงคำพูดที่ยังคงดังก้องอยู่ในหู
น่าจะเป็นคนที่เราคาดไม่ถึง
ฉันเห็นมายาเข้าห้องออกแบบตอนคุณไปประชุมแน่ะค่ะ
นัยน์ตาสีรัตติกาลปรากฏแววเย็นชาทันทีเมื่อนึกถึงเธอขึ้นมา ต้องเป็น ‘มายา’ แน่ๆ ผู้หญิงแพศยาที่พยายามอ่อยเขาอย่างสุดชีวิตเพื่อหวังรวยทางลัด เธอคงจะขุ่นเคืองที่ไม่ว่าจะทำอย่างไรตนก็ไม่สนใจ เลยเปลี่ยนจากทอดสะพานมาเป็นหัวขโมยแทน
ใบหน้าคมเข้มยกยิ้มเหี้ยม ก่อนจะเดินออกจากประตูห้องทำงานพลางปิดประตูดังลั่นด้วยอารมณ์คุกรุ่น หมายมั่นจะไปหาหญิงสาวหัวขโมยถึงบ้าน และแน่นอนว่าหล่อนคงจะดีใจจนเนื้อเต้นที่เขาน่าดูชมเลยแหละ
*****************************************************************************************
ต้นลีลาวดีรอบๆตัวบ้านไม้ขนาดใหญ่ผลิดอกมากมาย กลิ่นหอมแผ่กระจายไปทั่วบริเวณพื้นที่ แกมสลับกับไม้ดอกที่ผลิบานออกราวกับเล่นไล่สี สายอมเอื่อยๆพัดมาไม่หยุด ในขณะเดียวกับร่างระหงที่บัดนี้เดินลงบันไดมาจากชั้นบนมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสดชื่นหลังจากได้พักผ่อนกายา
มายาเดินฮัมเพลงเข้าไปในครัวอย่างอารมณ์ดี หลังจากที่เธอเริ่มพอจะลุกออกจากเตียงไหวด้วยอาการก่อนหน้าที่ทรุดลงไป สิ่งแรกที่นึกถึงคือการทำของโปรดของชายที่ตนรัก ส่วนเขาจะกินหรือไม่ เวลานี้เธอก็หาได้สนใจอีกแล้ว
รถยนต์ราคาแพงจอดลงที่หน้าบ้านหลังใหญ่ ประตูรถถูกเปิดออกและปิดลงอย่างไม่เบามือนัก ในขณะที่คนตัวใหญ่ตีสีหน้าถมึงทึงเดินเข้าไปในตัวบ้านอย่างไร้มารยาทโดยไม่คิดจะถอดรองเท้าแต่อย่างใด
กลิ่นอาหารที่โชยออกมาทำให้วายุรับรู้ว่าเจ้าของบ้านอยู่ที่ไหน เขาเดินมุ่งตรงไปยังห้องครัวทันที ดวงตาสีรัตติกาลอ่อนแสงลงเล็กน้อยที่เห็นเธอทำอาหารอยู่ด้วยความสุข
หญิงสาวปิดเตาแก๊สเมื่อเห็นว่าอาหารที่ทำนั้นได้ที่แล้ว มายาหมุนตัวกลับหวังจะหยิบถุงมือกันความร้อนที่วางไว้บนโต๊ะอาหาร หากแต่เจอกับชายหนุ่มที่ยืนจ้องมองอยู่เสียก่อน
รอยยิ้มร่าปรากฏบนใบหน้าสวยหวาน ภาพเบื้องหน้าทำให้วายุถึงกับตาพร่าไปชั่วขณะ ทว่าไม่นานนักเขาก็ดึงสติตนกลับมาได้
“วายุ ทำไมวันนี้ถึงได้มาที่นี่ล่ะ ฉันเพิ่งทำของบำรุงสุขภาพของคุณเสร็จ กำลังว่าจะเอาไปให้ พอดีเลย...งั้นวันนี้คุณอยู่ทานที่นี่เลยสิคะ..”
น้ำเสียงของเธอดูเริงร่าขึ้นมาทันตา ดวงตาสีมรกตอ่อนๆเปล่งประกายแลดูงามงด เธอรีบกระวีกระวาดหันไปตักซุปไก่ใส่ชามหวังจะให้เขาได้กินมัน พลันหมุนตัวมาเตรียมนำไปวางบนโต๊ะ ทว่าชายหนุ่มกลับปัดมันทิ้งอย่างไม่ใยดี
เพล้ง!!
ถ้วยแก้วแตกกระจัดกระจายบนพื้น ส่งผลให้คนที่ตั้งใจทำสุดฝีมือถึงกับน้ำตาคลอ ดวงตาสีเขียวหม่นแสงลงอย่างเห็นได้ชัด
“วายุ.. ทำไมล่ะ..”
“อย่ามาตีหน้าซื่อใส่ฉัน!!”
เขาพูดพลางเดินเข้าหาเธอโดยไม่สนใจเศษแก้วและอาหารที่ตกอยู่กับพื้น ภาพเบื้องหน้าทำให้มายาถึงกับจุก เจ็บที่หน้าอกข้างซ้ายอย่างเหลือคณา หากแต่ก็ยังเลือกที่จะเป็นห่วงเขาก่อนอยู่ดี
“วายุ อย่าเพิ่งเดินเข้ามาต่อเลย เดี๋ยวเศษแก้วจะบาดเอ.. โอ๊ย!”
เธอยังพูดไม่ทันจบประโยคก็ต้องร้องออกมาเมื่อถูกมือหนาตะปบลงที่ไหล่มน ใบหน้าของวายุถมึงทึงจนมายานึกกลัว
“เธอกล้ามากนะที่ขโมยงานออกแบบของบริษัทฉันไปขายต่อน่ะ!!” เขาพูดพลางเขย่าร่างเธออย่างรุนแรง
“พูดอะไรน่ะวายุ หยุดที ฉันเจ็บ” เสียงสั่นเครือเอ่ยออกมาทั้งน้ำตา ไม่เข้าใจว่าเขาต้องการจะบอกอะไรกันแน่
“อย่ามาทำเสแสร้ง ถ้าไม่ใช่เธอแล้วจะเป็นใคร! ไหนจะยังมีคนเห็นเธอเข้าห้องรวมภาพออกแบบทั้งที่เธอขอลาป่วยแท้ๆนั่นอีก แถมยังเลือกตอนที่ฉันไม่อยู่เสียด้วย ไม่ใช่เธอแล้วมันจะใครกันฮ้า!”
คำพูดของเขาทำให้เธอจุกหนักกว่าเดิม ก้อนเนื้อที่อกข้างซ้ายเจ็บราวกับมีเข็มนับร้อยนับพันทิ่มแทง เขายัดเยียดข้อหาขโมยให้แก่เธอโดยไม่คิดจะไถ่ถามหาความจริงเลยสักนิด
“ไม่ใช่ฉัน ฉันไม่ได้ทำ!”
เธอแผดเสียงออกมาดังลั่น มือซ้ายกุมไปที่หน้าอก เจ็บปวดกับคำพูดของเขา ทั้งยังรู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นมากะทันหัน ใจสั่นและลมหายใจติดขัดราวกับหายใจไม่ทัน ก่อนจะล้มลงไปกองกับพื้นที่เต็มไปด้วยเศษแก้วมากมาย
ทว่าชายหนุ่มกลับคิดว่าเธอสำออย หวังเรียกคะแนนสงสาร แม้มือและขาเล็กจะเริ่มมีเลือดซึมออกมาเพราะโดนบาดจนเขาตกใจและเริ่มจะสงสาร ทว่าอีกใจกลับแย้งออกมา สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะคิดว่าเธอกำลังเล่นละครอยู่ดี
เสียงตวาดดังลั่นทำให้มารุตเดินลงมาดู ดวงตาสีหมอกเบิกกว้างเมื่อเห็นภาพเบื้องหน้า มายาของเขาโรคหัวใจกำเริบ ทว่าผู้ชายเบื้องหน้ากลับไม่คิดจะช่วยอะไรทั้งนั้น
“หยุดเล่นละครได้แล้วมายา!”
“ไสหัวไป” เสียงคำรามของเสือหนุ่มดังขึ้น ขาเรียวกำยำรีบปรี่ตรงมาหาหญิงสาวที่นั่งหอบหายใจ น้ำหูน้ำตาไหลไม่หยุดจนมารุตนึกชิงชังคนตรงหน้าหนักขึ้น “บ้านหลังนี้ไม่ต้อนรับแก”
วายุจ้องมองคนตรงหน้าอย่างไม่หลบสายตา เวลานี้โกรธทั้งเรื่องที่เธอขโมยของ ทั้งยั้งโมโหหนักขึ้นอย่างไร้สาเหตุหลังจากเห็นผู้ชายลงมาจากชั้นบนของตัวบ้าน
“ใครอีกล่ะ! อ้อ! ผู้ชายคนใหม่ที่เธอจับมาได้งั้นสิ ก็ดีนี่ เธอจะได้ไปให้พ้นหูพ้นตาฉันเสียที!!!”
แม้จะพูดออกมาด้วยความโกรธ ทว่าในน้ำเสียงกลับมีความน้อยใจแอบแฝง ระคนกับความหงุดหงิดที่เห็นร่างบางอยู่ในอ้อมแขนของผู้ชายคนใหม่
คำพูดของเขาทำให้เธอเจ็บแสบหนักกว่าเดิม น้ำตาไหลออกมาเป็นทางไม่หยุด ลมหายใจค่อยๆติดขัด ก่อนร่างบางจะกระตุกอย่างรุนแรง ฉับพลันหญิงสาวก็หมดสติไป
“มายา!” เสียงของมารุตเรียกคนที่ตนประคอง ก่อนดวงตาจะตวัดกลับไปมองวายร้ายที่ยืนจ้องมองมายาอย่างงุนงง “มองอะไร สาแก่ใจแล้วไม่ใช่รึไงที่ทำร้ายเธอได้ ไสหัวกลับไปซะ รึต้องให้เธอตายก่อนถึงจะสมใจ!!!”
คำพูดของมารุตทำให้วายุสะอึก หัวใจวูบโหวงตกไปอยู่ที่เท้าเป็นครั้งแรก เจ็บราวกับมีใครควักหัวใจเขาไปบีบขยี้เล่นเมื่อได้ยินว่าเธอจะตาย คราแรกคิดว่าเธอแค่ต้องการจะเล่นละครหวังเรียกร้องความสนใจ ทว่าดวงตาและน้ำเสียงที่ร้อนรนของชายหนุ่มอีกคนทำให้เขาเริ่มตระหนักได้
“มายา... เป็นอะไร” เสียงของวายุอ่อนลงทันที
“เธอเป็นโรคหัวใจ!! ได้ยินมั้ย! ถ้าแกมาเพื่อทำร้ายจิตใจเธอแล้วล่ะก็ ไสหัวกลับไปซะ! ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหวแล้วควักหัวใจของแกออกมา!”
เสียงคำรามดังก้อง ดวงตาสีม่านหมอกทอประกายเคียดแค้น คำพูดของมารุตทำให้วายุถึงกับตกตะลึง นึกใจเสียขึ้นมาเมื่อคิดว่าจะไม่ได้พบกับมายาอีกทั้งที่ก่อนหน้าเขาเอาแต่ไล่เธอ ยิ่งเห็นใบหน้าสวยหวานขาวซีด แก้มเปรอะเปื้อนคราบน้ำตายิ่งทำให้เขารู้สึกเจ็บมากขึ้นกว่าเดิม
ทั้งที่ก่อนหน้าไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับเธอแท้ๆ...
วายุจับจ้องไปยังร่างบางที่หลับใหลทั้งคราบหน้าตา ความรู้สึกผิดบาปก่อเกิดขึ้นภายในใจมากกว่าเก่าเมื่อนึกขึ้นได้ว่าที่มายาช็อกไปเพราะรับกับคำพูดและการกระทำของตนไม่ไหว
“มายาเป็นอะไรมากรึเปล่า..”
“ไม่ต้องมาทำตัวเป็นพ่อพระเอาเวลานี้ ไสหัวไปให้พ้น!”
คำพูดของชายหนุ่มเบื้องหน้าทำเขาสะอึก อาจจะจริงอย่างที่ว่า ตลอดเวลาสามปีเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่ามายาป่วยเป็นอะไร เทียบกับผู้ชายคนนี้ที่เขาเห็นเมื่ออาทิตย์แล้ว เพียงเวลาเจ็ดวันกลับรู้แล้วว่าเธอเป็นโรคหัวใจ วายุคิดเพียงแค่เธอต้องการเรียกร้องความสนใจ เขานึกถึงอดีตที่เธออดทนทนรับฟังคำต่อว่าด่าทอจากเขาต่างๆนาๆได้ถึงสามปีทั้งที่มันเป็นผลเสียต่อจิตใจและร่างกายของเธอเองแท้ๆ แต่เธอก็ยังคงทำดีกับเขาต่อไป
“ฉันจะพามายาไปโรงพยาบาล”
เขาพูดพลางเอื้อมมือไปแตะร่างบางที่นอนสงบนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มอีกคน แขนขาเรียวบางที่เคยมีบาดแผลเวลานี้กลับไร้บาดแผลใดๆจนเขาอดนึกอึ้งไม่ได้ ทว่ายังไม่ทันจะได้เอ่ยถามอะไรออกมา เสียงตวาดของมารุตก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ไม่จำเป็น! อย่ามาแตะต้องตัวเธอ ไอ้มนุษย์ชั้นต่ำ!”
เสียงที่แผดออกมาดังลั่นจนแทบจะเรียกว่าคำราม วายุถึงกับผงะเมื่อเห็นดวงตาและน้ำเสียงราวกับสัตว์ป่าจ้องมาที่ตน ทว่าเขาก็เลือกที่จะทำใจกล้าต่อ
เป็นครั้งแรกที่เขาอยากจะสัมผัสร่างกายเธอ โกรธและหงุดหงิดที่มีคนอื่นได้แตะต้องร่างบาง ทั้งที่ตนมีคนรักอยู่แล้วแท้ๆ แต่กลับห้ามความรู้สึกบ้าๆนี้ไม่ได้เสียที
“ได้! วันนี้ฉันจะกลับก่อน แต่ยังไงฉันต้องมาที่นี่อีกแน่”
“ไม่จำเป็น! แกอย่าโผล่หัวมาให้ฉันเห็นหน้าอีก มายาไม่เคยคิดจะทำร้ายแก มีแต่แกเท่านั้นที่เอาแต่ทำร้ายเธอ ตั้งแต่มายาเจอแกอาการก็ทรุดลงเรื่อยๆ ไอ้ตัวซวย!” มารุตยังคงแผดเสียงดังลั่น ในขณะที่คนใจร้ายผงะกับคำที่ได้ยิน “ฉันจะให้มายาลาออก ไม่สิ แกเองก็สงสัยมายาว่าเป็นคนร้ายขโมยไอ้ของเฮงซวยอะไรนั่นอยู่แล้วนี่ งั้นก็ไล่เธอออกเลย! ไปซะ! ฉันจะไม่ให้มายาไปทำงานกับแกอีกแล้ว”
หัวใจที่เคยด้านชาเจ็บวาบขึ้นมาอย่างประหลาด เพียงเพราะได้ยินว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะให้หญิงสาวลาออก นั่นหมายถึงเขาจะไม่ได้เจอเธออีกไม่ใช่หรือ ทั้งที่ก่อนหน้าตนหาวิธีแทบตายที่จะไม่ต้องได้เจอกับเธอตรงๆแท้ ทว่าพอมีคนเสนอทางออกมาให้แล้ว เขาถึงเจ็บแปลบขึ้นมาได้ขนาดนี้
“ไม่ได้!” ปากหยักสวยปฏิเสธขึ้นมาเสียงดังลั่น ไม่เข้าใจว่าทำไมตนต้องรู้สึกร้อนรน สับสน และเจ็บปวดเพียงนี้ “มายาเป็นพนักงานบริษัทฉัน ถ้าอยากออกนักก็ต้องมาลาออกเอง อีกอย่างเธอเป็นผู้ต้องสงสัยว่าจะขโมย! คิดหรอว่าฉันจะปล่อยหัวขโมยให้ออกง่ายๆน่ะ”
“เฮอะ! แกน่าจะรู้อยู่แกใจนะ ว่ามายาจะกล้าทำร้ายแกหรอ” มารุตแค่นเสียง มองอย่างเหยียดหยัน “แต่แล้วไงล่ะ! แกเองก็เกลียดเธออยู่แล้วนี่ การที่แกไม่เห็นหน้ามายาอีกก็น่าจะเป็นผลดีกับแกแล้วไม่ใช่รึไง จะยังไงก็แล้วแต่ ฉันจะไม่ให้มายาไปทำงานอีกต่อไป แล้วแกก็อย่ามายุ่งกับพวกเราอีก เจอกันก็ไม่ต้องทัก และ หากครั้งหน้าแกยังโผล่มาที่นี่อีก ถึงมายาไม่อนุญาต ฉันก็จะควักหัวใจของแกออกมาเอง!!!”
สิ้นคำขู่ เสือหนุ่มก็อุ้มร่างอรชรขึ้นสู่ชั้นสองของตัวบ้าน เสียงปิดประตูดังโครมเรียกสติของวายุอีกครั้ง ครั้งนี้เขาอาจจะเป็นคนผิดจริงๆก็ได้ที่ไม่คิดสืบสวนเสียก่อน แต่กลับเอาอารมณ์แรงๆมาลงที่เธอจนกระทั่งมายาเกิดช็อกหมดสติไป
นัยน์ตาสีรัตติกาลจับจ้องไปยังห้องนอนของเธอ ในใจวูบโหวงตกไปอยู่ที่ปลายเท้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ยิ่งเห็นชายหนุ่มที่ไม่ใช่เขาเป็นคนแตะต้องผู้หญิงที่เอาแต่ตามตื้อเขามาตลอดสามปียิ่งรู้สึกเหมือนมีของแหลมคมมากรีดหัวใจ ทั้งที่กับลลิตานั้น ไม่เคยรู้สึกเช่นนี้เลยด้วยซ้ำไป
“มายา.. เธอทำอะไรกับฉันกันแน่”
*****************************************************************************************
ความคิดเห็น