ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เบญจมาศลวงรัก

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 [100%]

    • อัปเดตล่าสุด 30 พ.ค. 58


    บทที่  2

              นับจากวันที่อภิญญาได้ทำการฝากให้เขาสอนงานให้แก่น้องใหม่เวลาก็ผ่านมาร่วมๆสองอาทิตย์ ซึ่งบัดนี้ ศริดา หรือ ตองเองก็ทำงานคล่องขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหากเทียบกับวันแรก

              ณัฐวุฒิรู้สึกเหมือนได้น้องสาว ศริดาเป็นคนน่ารัก เธอเป็นคนขาว ดวงตาชั้นเดียวและยังตี่จนเห็นได้ชัดว่าเป็นอาหมวย ที่สำคัญเธอยังเป็นคนอารมณ์ดี ขี้เล่น และยังพูดเก่งพอๆกับปภัสราอีกด้วย เรียกได้ว่า คุยกันปุ๊บ สนิทกันปั๊บ

              และหากไปบอกใครๆว่าทั้งคู่เป็นพี่น้องกัน ทุกคนคงพยักหน้ายอมรับแน่ๆ เพราะนิสัยแทบจะเหมือนกันไปหมดเสียขนาดนี้

              พี่ภัสๆ วันนี้ไปกินข้าวด้วยกันนะ พี่นัทด้วยล่ะ ตองจองตัวไว้แล้วนะ

              เสียงเจื้อยแจ้วของศริดาดังขึ้นปลุกคนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ ในขณะที่ปภัสราเองก็ตะโกนตอบออกมาเพียงแค่ โอเคเท่านั้น

              ศริดามักชวนเขาและยัยเพื่อนตัวแสบของเขาไปกินข้าวด้วยกัน ซึ่งชายหนุ่มเองก็ไม่ได้รังเกียจอะไร กลับนึกว่าดีเสียอีกด้วยซ้ำไป

              สาวร่างสูงถอดถุงมือ ผ้ากันเปื้อน ผ้าปิดปากและหมวกออกหลังจากได้ยินเสียงสัญญาณให้ไปพัก ขาเรียวก้าวออกจากห้องครัวโดยไวก่อนจะไปหยุดที่หน้าร้าน รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าทันทีที่พบว่าคนในกลุ่มทั้งสองยังคงรออยู่

              ไปกันพี่ภัสศริดาเรียกพลางวิ่งไปควงแขนชายหนุ่มข้างๆทันที รีบไปเร็ว เดี๋ยวที่นั่งก็เต็มกันพอดี หิวแล้วนะเนี่ย

              ความรู้สึกวูบโหวงแปลกๆบังเกิดขึ้นกับตัวของปภัสรา เธอรู้สึกแย่พิลึกเมื่อเห็นว่าเพื่อนรักของตนยอมให้หญิงสาวแตะเนื้อต้องตัวแต่โดยดี แม้เขาจะมีท่าทีตกใจเล็กน้อยเพราะจู่ๆศริดาก็เข้ามาประชิด แต่ชายหนุ่มก็ไม่มีท่าทีรังเกียจแต่อย่างใด กลับยอมให้เกาะแต่โดยดีเสียอีก

              ณัฐวุฒิลูบหัวศริดาอย่างเอ็นดู รอยยิ้มอ่อนโยนเผยบนใบหน้า อาจเพราะเขาเองก็อยากจะมีน้องสาวมานาน การที่มีใครมาอ้อนแบบนี้ก็ทำให้เขารู้สึกดีไม่ใช่น้อย

              ปภัสาเบือนหน้าหนี ปากบางค่อยๆพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเหมือนปรกติ ทั้งที่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกเจ็บแปล๊บที่หัวใจ

              ไปกันก่อนเลย พี่ว่าจะไปธุระก่อนน่ะ

              สิ้นเสียงเธอก็เดินออกไปพร้อมแสร้งฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี โดยทำเป็นไม่ได้ยินเสียงของชายหนุ่มที่พยายามเรียกเธอหลายต่อหลายครั้ง

              เป็นอะไรของเขาวะ จู่ๆนึกจะไปก็ไป

              ณัฐวุฒิเกาศีรษะอย่างงุนงง สายตาจ้องมองไปยังสาวร่างสูงที่เดินจนหายลับตาไป ก่อนจะตัดสินใจพาศริดาไปทานข้าวยังร้านอาหารประจำของพวกตน แม้ใจจะยังนึกสงสัยอยู่ก็ตาม

              **********************************************************

     

              เดินออกมาดื้อๆแบบนี้ แล้วจะไปไหนกันละเนี่ย โอ๊ย!ตายๆ แล้วแกเป็นอะไรของแกวะไอ้ภัส จู่ๆก็ไปไม่พอใจน้องตองเนี่ย!”

              ปภัสราเดินบ่นพึมพำพลางขยี้หัวตนอย่างรุนแรงเพราะไม่เข้าใจกับอารมณ์ในเวลานี้ เธอรู้สึกแย่ที่มีคนมาแตะตัวณัฐวุฒิ และรู้สึกหวงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

              เธอก้าวยาวๆไปยังโต๊ะสีขาวที่มีเก้าอี้รายล้อมอยู่  มือบางขยับเก้าอี้และสอดตัวเข้าไปนั่งพลางยกมือขึ้นมาเท้าคาง นัยน์ตาสีนิลทอดมองไปยังด้านข้างภัตตาคารอาหารสไตล์ยุโรปที่ตนทำงานอยู่ด้วยอย่างเหม่อลอย

              ภัตตาคารอาหารที่ปภัสราทำงานอยู่มีขนาดไม่ใหญ่มากภายในร้านเน้นการตกแต่งสไตล์เมดิเตอเรเนียน ซึ่งราคาอาหารไม่ได้แพงแต่อย่างใด ส่วนอาหารและวัตถุดิบที่นำมาใช้นั้นเป็นของชั้นดี รวมไปถึงการบริการที่ยอดเยี่ยมและเป็นกันเองของเจ้าของร้านจึงทำให้ร้านนี้มีชื่อเสียงโด่งดังพอสมควร

              สายลมอ่อนๆพัดผ่านไป ความเงียบสงบและการได้อยู่กับตัวเอง ทำให้หญิงสาวเริ่มสงบนิ่ง เธอค่อยๆนึกทีละนิดว่ามันเกิดอะไรขึ้น เหตุใดตนจึงทำตัวเช่นนี้

              ความสงบหายไปเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น มือเล็กหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาดูก่อนจะยิ้มร่า เมื่อพบว่าใครเป็นคนโทรมา

              ฮัลโหล

              “ภัสหรอลูก เมื่อไหร่จะกลับบ้านบ้าง พ่อคิดถึง

              ปภัสราอมยิ้ม ทว่าก่อนจะได้พูดตอบ ก็มีแขกคนใหม่มายังโต๊ะที่เธอนั่งอยู่

              อภิญญา หัวหน้างาน หรือ เจ้าของร้านนั้นเอง เธอมองปภัสราด้วยรอยยิ้ม ปากขยับถามผู้มาก่อด้วยน้ำเสียงแสนเบา

              นั่งด้วยนะ

              ปภัสราพยักหน้า ก่อนจะรีบตอบปลายสายกลับทันทีเช่นกัน

              ภัสก็คิดถึงพ่อนะ เอาไว้ถึงเทศกาลเบญจมาศเมื่อไหร่จะกลับไปเยี่ยมทันทีเลย

              “ให้มันจริงเถอะ

              เสียงชายวัยกลางคนพูดออกมาอย่างอารมณ์ดี ไม่นานนักก็วางสายไป

              ไง มานั่งเล่น MV อะไรตรงนี้ ไม่ไปกินข้าวกับพวกนัทหรอ

              เจ้าของร้านสาวถามขึ้นอีกครั้ง มือเล็กขยับรื้อค้นกระเป๋าก่อนจะหยิบถุงข้าวที่ตนห่อออกมาวางบนโต๊ะและแกะยางที่รัดไว้ออก ก่อนจะลงมือทานข้าวต่อหน้าต่อตาคนที่ยังไม่มีอะไรลงท้องเลยสักนิด

              เสียงกลืนน้ำลายดัง เอื้อก หลุดมาจากคนที่นั่งมองข้าวของหัวหน้าอย่างสะเทือนใจ ทำไมหนอ ทำไมเธอถึงไม่ไปกินข้าวกับพวกณัฐวุฒิ มานั่งทำแมวอะไรตรงนี้ให้หัวหน้ากินข้าวยั่วเธอต่อหน้าต่อตากันนะ

              เสียงท้องร้องดังขึ้นอย่างอดไม่อยู่ ดวงตาคมค่อยๆเหลือบมองนาฬิกาก่อนจะถอนหายใจออกมาดังๆ ทำไมเวลาพักผ่อนของเธอถึงผ่านไปไวขนาดนี้

              เจ๊ ขอชิมหน่อยสิ

              “ยังไม่ตอบคำถามเลยนี่ มานั่งทำอะไรตรงนี้

              คนขอชิมสะอึกไป นั่นสิ! เธอมานั่งทำอะไรตรงนี้กัน!

              “มานั่งหามุมสวยๆเล่น MV เผื่อจะมีผู้ชายหน้าตาดีมาขอเบอร์มั้ง เอามาชิมหน่อยสิ นะเจ๊ เห็นเจ๊กินแล้วหิวเลยเนี่ย

              ปภัสรายังคงแถไป ในขณะที่อภิญญายกยิ้มขึ้นบางๆ ก่อนจะส่ายหน้า นิ้วชี้เรียวชี้ไปด้านหลังของหญิงสาวที่ตนสนทนาด้วย          

              “นั่นไง ผู้ชายหน้าตาดีที่เราขอน่ะ กำลังเดินมาเลย

              อภิญญาพูดด้วยใบหน้าล้อเลียน ในขณะที่ปภัสรารู้สึกงุนงงพลางหันกลับไปมองทันที ก่อนจะต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าณัฐวุฒิกำลังเดินมาตรงที่เธอนั่งอยู่

              งั้นขอตัวก่อนนะ

              คนพูดยกยิ้มขึ้นอีกครั้งพร้อมเก็บข้าวของที่ตนกินจนหมดแล้วใส่ถุงและยัดลงกระเป๋าอีกครั้งด้วยความไวแสง ก่อนจะลุกออกไปจากสถานที่นั้นปล่อยให้หนุ่มสาวทั้งสองคุยกันไป

              เดี๋ยวเจ๊! เฮ้ย! กินหรือเทลงท้องวะนั้น เดี๋ยววว!!”

              ปภัสราถอนใจเบาๆ ในขณะที่ผู้มาใหม่เองก็ทำหน้านิ่งๆ เขาหยุดยืนตรงเก้าอี้เธอ พลางยืนถุงในมือไปตรงหน้าหญิงสาว

              กินข้าวรึยัง ไปทำธุระที่ไหนมาล่ะถึงมาอยู่ตรงนี้ได้

              คำถามของณัฐวุฒิทำเอาปภัสราไปต่อไม่เป็นและทำได้เพียงยิ้มแหยๆ เธอล้วงมือเข้าไปในถุงก่อนจะหยิบขนมออกมาชิ้นหนึ่ง

              อา.. ขอบคุณสวรรค์ อย่างน้อยณัฐวุฒิก็ยังเอาขนมมาโปรดเธอ

              ยังไม่กินอ่ะ แล้วนี่น้องตองไปไหน

              เธอเลี่ยงที่จะพูดเรื่องธุระแล้วถามหาหญิงสาวอีกคนแทน

              ไปซื้อน้ำให้ภัสน่ะสิ

              เสียงทุ้มดังขึ้นประสานกับมือที่วางถุงขนมลงบนโต๊ะก่อนจะมองไปยังตัวต้นเหตุที่จู่ๆก็ปลีกวิเวกมาคนเดียวดื้อๆ

              อ่า.. รู้สึกผิดเป็นบ้าปภัสราพูดพลางเคี้ยวตุ้ย โทษที สงสัยวันนั้นจะมา วันนี้เลยหงุดหงิด

              หากถามว่าวันนั้นคือวันอะไร ปภัสราเชื่อว่า ผู้หญิงทุกคนคงเข้าใจดี

              ไปมีเรื่องอะไรกับนุชอีกหรือไง

              “เปล่าอ่ะ เห็นอะไรก็หงุดหงิดไปเรื่อยแหละ

              ใช่! มันจะไม่ให้หงุดหงิดได้อย่างไร ในเมื่อเธอรู้สึกแย่จริงๆตอนที่เห็นศริดาควงแขนณัฐวุฒิ

              แล้วเธอเป็นบ้าอะไร! จะไปหงุดหงิดหาอะไรกันเล่า!!

              ณัฐวุฒิยังคงมีสีหน้างุนงง ไม่เข้าใจความหมายของเธอแม้แต่น้อย ใจหนึ่งอยากจะต่อว่าที่จู่ๆก็เป็นแบบนี้ แต่อีกใจก็เข้าใจเธอ เพราะเจ้าหล่อนพูดเองนี่ว่า วันนั้นของเดือน

              “พี่ภ้าสสส ศริดาจงใจลากเสียงยาวเพื่อเรียกสาวร่างสูงตองซื้อน้ำมาให้ กินน้ำก่อนนะ กินแต่ขนมพี่นัทเดี๋ยวติดคอตายพอดี

              ปภัสราหลุดขำออกมา ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบน้ำจากคนตรงหน้ามากิน

              เธอลอบมองหน้าณัฐวุฒิสลับกับศริดา ก่อนจะยิ้มบางๆออกมา ทั้งสองคงกำลังแอบดูใจกันอยู่ แม้เวลาจะแสนสั้นแต่ความรักนั้นไม่ต้องการเวลาอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นแล้วน้องสาวของเธอมีหรือจะกล้าควงแขนชายหนุ่ม และที่เธอรู้สึกไม่ดีคงเป็นเพราะรู้สึกหวงเพื่อน แต่คนทั้งสองนั้นก็นิสัยดี หากทั้งคู่จะคบกันนั้น ตนเองก็คงไม่คิดจะห้ามอยู่แล้ว

              เธอคิดพลางเลื่อนมือไปลูบแผงอกของณัฐวุฒิเบาๆ ลมหายใจถูกพ่นออกมาไม่หยุดราวกับคนมีเรื่องทุกข์ แต่มือเจ้ากรรมดันอยู่ไม่สุข ไปเขี่ยหัวนมอีกคนไม่หยุดจนชายหนุ่มต้องจับมือเอาไว้

              เครียดหรือหงุดหงิดไม่ว่า แต่ทำไมต้องมาเขี่ยหัวนมชาวบ้านด้วยครับ

              “น่าๆ แก้เครียด อยู่เป็นเหยื่ออารมณ์ให้นิดนึงไม่สึกไม่หรอหรอก

              คนพูดพูดพลางเอามืออีกข้างไปเขี่ยแทนข้างที่โดนจับ ในขณะที่ชายหนุ่มถึงกับร้องแต๋วแตกออกมาเมื่อเจอบุกรุกอีกครั้ง

              ปภัสราระบายยิ้มออกมา ก่อนจะยุติการกระทำ มือบางหยิบขนมมากินต่อ ก่อนจะรีบเททุกอย่างลงท้องเมื่อได้ยินณัฐวุฒิพูดขึ้นมาว่า เวลาพักใกล้หมดแล้ว

              เจ้าของร้านสาวระบายยิ้มออกมาเมื่อพบว่าทั้งสามไม่ได้มีเรื่องอะไรกัน ภาพเมื่อครู่อยู่ในสายตาของอภิญญามาโดยตลอด เธอนึกเป็นห่วงขึ้นมาตั้งแต่เห็นปภัสราเดินแยกออกไปจากกลุ่ม แต่ตอนนี้คงสบายใจได้อีกเปราะหนึ่งแล้ว

              เอาล่ะ..  ที่เหลือก็แค่ดูว่าจะเบรกแตกกันกี่นาที แบบนี้ต้องหักเงินให้เข็ด จะได้ไม่กล้ากันอีก

              เสียงหัวเราะหึๆดังขึ้นพร้อมกับการแสยะยิ้มที่มุมปาก ไม่นานนักเจ้าของร้านก็เดินกลับเข้าไป ก่อนทั้งสามจะรีบตามเข้าไปและโหยหวนออกมาเมื่อพบว่า พวกตนถูกหักเงินเนื่องจากเบรกแตกไปเสียแล้ว

              *********************************************************

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×