คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 1 [100%]
ราวกับจิตถูกดึงออกไปอีกห้วงมิติ รู้สึกตัวอีกทีเขาก็ยืนอยู่ที่ศาลากลางน้ำเสียแล้ว เขานิ่วหน้าอย่างงุนงงว่าสถานที่แห่งนี้คือที่ใด และตนมาที่แห่งนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ หากแต่สิ่งที่ทำให้เขาสนใจมากกว่าคือหญิงสาวที่ยืนเหม่อมองไปยังท้องนภา
หญิงสาวที่เขาแสนจะคุ้นตา ทว่าพยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
ไม่นานนัก เสียงฝีเท้าหนักๆที่ฟังแล้วน่าจะเป็นของผู้ชายก็ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พลันปรากฏร่างสูง ทว่ากลับมีใบหน้าซีดเซียว ชายหนุ่มรีบหลบคนผู้นั้น พลันใบหน้าหล่อคมงุนงงเมื่อพบว่าชายผู้นั้นไม่ได้สนใจเขาเลยแม้เพียงนิด
ชายหนุ่มที่วายุเห็นเดินไปหยุดที่ศาลาริมน้ำ ก่อนจะพบกับหญิงสาวผู้หนึ่งซึ่งยืนอยู่ก่อนแล้ว คนผู้นั้นเลือกที่จะทักเธอ ทว่าเพียงแค่หล่อนหันมาสบตา หัวใจของที่ด้านชามาตลอดราวกับหยุดเต้นไปชั่วขณะ…
ชายหนุ่มที่เดินมาใหม่นึกอึ้งกับความงดงามของหญิงสาว เธออยู่ในชุดสีขาว ตัดกับเส้นผมสีดำที่บัดนี้พลิ้วไหวไปกับสายลม เครื่องหน้าจิ้มลิ้ม ปากนิดจมูกหน่อยจนตนอดสงสัยไม่ได้ว่าภายในอาณาเขตของเขามีหญิงงามเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ
ทว่าวายุกลับต่างออกไป น่าแปลกที่เขาไม่เห็นใบหน้าของเธอ มันมีความมืดมัวมาบังทั้งใบหน้าทั้งของเธอและชายหนุ่มที่มาใหม่ แต่ทั้งที่ไม่เห็นใบหน้าของหญิงสาวแท้ๆเขากลับเข้าใจความรู้สึกของคนทั้งสอง รับรู้ว่าทั้งคู่มีอารมณ์เช่นใดอยู่
“เธอเป็น... ใครกัน”
เสียงทุ้มที่ดังถามขึ้นทำให้วายุอดนิ่วหน้าไม่ได้ เสียงช่างเหมือนกับเขาราวกับฝาแฝด หากแต่ก็เลือกที่จะดูเหตุการณ์อยู่เงียบๆ หลังจากเริ่มรับรู้แล้วว่า คงไม่มีใครมองเห็นเขา
ทว่าสิ่งที่หญิงสาวกระทำกลับทำให้หัวใจของเขาเต้นไว แม้เธอมีสีหน้าตกใจแกมงุนงง แต่ก็เผยรอยยิ้มหน้ารักรับกับใบหน้าสวยหวาน พลางตอบคำถามของเขา
“เจ้ามองเห็นข้าด้วยหรือ?”
เขาไม่เข้าใจคำถามนัก หากไม่เห็นมีหรือจะทักได้ เขาพยักหน้าตอบกลับ พลันรู้สึกแปลกๆที่หัวใจอีกครั้งเมื่อเห็นเธอยิ้มให้
“ดีจัง ข้ากำลังเบื่อเลยที่ไม่ได้คุยกับใครนอกจากท่านปู่ เจ้ามีชื่อว่าอะไรล่ะ”
สำนวนคำพูดของเธอทำให้เขาไม่เข้าใจนักว่าหลุดมาจากโลกไหน ทว่าเวลานี้เขากลับรู้สึกเหมือนโดนสะกดจิต เขาตอบไปโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำไป
“.....”
น่าแปลกที่เขาไม่ได้ยินว่าชายหนุ่มพูดอะไร จะได้ยินอีกทีก็ตอนที่หญิงสาวพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม และเป็นรอยยิ้มที่เขารู้สึกคุ้นตาเหลือเกิน
“ชื่อเจ้ามีความหมายว่า...นี่” เธอพูดพลางหัวเราะคิกคัก “ข้าชื่อ... ตัวข้าเองคือสายลม ชื่อเจ้าก็มีความหมายเฉกเช่นเดียวกันกับข้า นับเป็นเรื่องที่ดีที่เราได้เจอกันโดยแท้”
“เธอหมายความว่ายังไงกัน?”
เขาพูดออกมาอย่างงุนงง ไม่เข้าใจว่าหญิงสาวเบื้องหน้าต้องการจะสื่อสารอะไรกันแน่ ทว่าหญิงสาวกลับยกยิ้มอีกครั้ง ก่อนสายลมเย็นๆจะผ่านพัดมา
“ข้าคือสายลม เป็นหลานของเทพแห่งสายลม... ที่แห่งนี้ มีเพียงเจ้าเท่านั้นแหละที่มองเห็นข้า”
เสียงใสอ่อนโยนเอ่ยขึ้นทำให้คนที่เริ่มรับไม่ทันปวดหัว ทว่าเมื่อมือบางจับต้องไปยังใบหน้าคมคร้ามความรู้สึกปวดหัวและงุนงงก็หายไป แปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกแปลกๆเข้ามาแทนที
“เจ้าไม่ต้องคิดมากไปหรอก บางเรื่องบนโลกใบนี้ เราไม่สามารถเข้าถึงมันได้ทุกเรื่องหรอก เจ้าจะไม่มีวันรู้ว่าโลกของข้าเป็นอย่างไรหากเจ้าไม่เคยได้สัมผัสมัน เวลานี้เจ้าควรจะดีใจ ที่เราได้รู้จักกัน จะเป็นอะไรหรือไม่หากข้าจะขอมาที่นี่บ่อยๆ”
“มาเถอะ ฉันอยู่ที่นี่คนเดียว มีเธอมาพูดคุยด้วยบ้างก็ดี อย่างน้อยจะได้ไม่เหงา”
“ดีจัง เช่นนั้นต่อแต่นี้ไปข้าจะมาที่แห่งนี้ทุกวัน ข้าเองก็เหงา ยามไปที่ไหนไม่มีใครมองเห็น อยากจะพูดคุยกับใครก็ไม่ได้ ข้าเองก็อยากมีเพื่อนอายุใกล้ๆกันบ้างเช่นกันนะ” เธอพูดด้วยสีหน้ายินดีระคนสุข “ขอบใจเจ้ามาก”
รอยยิ้มของมายาทำให้ชายหนุ่มตาพร่าเลือน เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกยินดีออกมาจากใจที่ต่อจากนี้เขาจะมีคนมาพูดคุยด้วย แม้เธออาจจะมาไม่นาน แถมยังเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดว่าจะได้พบ แต่อย่างน้อยก็คงช่วยให้เขาคลายความทุกข์ไปได้บ้าง
ฝั่งคนที่ยืนเฝ้ามองอยู่เองก็รู้สึกแปลกๆกับหญิงสาวแห่งสายลมไม่ต่างไปกับชายหนุ่มนั่น เธอมีรอยยิ้มที่สดใสจนทำให้เขารู้สึกใจเต้นรัวเร็ว เส้นผมสีดำที่สยายไปตามแรงลมทำให้เขานึกอยากสัมผัสดูสักครั้ง แม้จะรู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ก็เถอะ
หากแต่เขากลับรู้สึกคุ้นตากับภาพเหล่านี้ รู้สึกเหมือนโหยหาและคิดถึงอย่างไม่สามารถควบคุมได้ มันน่าแปลกที่เขาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้เสียด้วยซ้ำไป
“จริงๆแล้ว ท่านปู่ของข้าไม่ให้คบหากับมนุษย์” เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ “ดังนั้น นี่เป็นความลับของเราสองคนนะ”
ชายหนุ่มพยักหน้าเบาๆตอบรับ หากจะมีความลับร่วมกับเธอ เขาก็ยินดีจะช่วยปกปิดมันไปตลอดกาลจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ฝั่งหญิงสาวยิ้มร่าเมื่อสิ่งที่ขอร้องได้รับการตอบรับ ร่างเล็กเดินเข้าไปจับมือของชายหนุ่มด้วยความยินดี “ขอบใจมาก เจ้าช่างเป็นเพื่อนที่ดีเหลือเกิน ไว้พรุ่งนี้ข้าจะมาหาเจ้าใหม่อย่างแน่นอน”
“ฉันจะรอนะ”
เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องรอทั้งทีเพิ่งเจอกันครั้งแรก หากแต่หญิงสาวพยักหน้าตอบรับด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะปล่อยมือออก รูปร่างที่เป็นมนุษย์ค่อยๆสลายหายไปกับสายลมเอื่อยๆ ก่อนที่จะเหลือทิ้งไว้เพียงแค่ชายหนุ่มเท่านั้น
****************************************************************************************
“วายุ กลับมาแล้วหรอลูก”
เสียงของโรสิตาดังขึ้นถามลูกชายคนโตของตน ใบหน้าของเธอเปื้อนยิ้ม ทว่าลูกชายของเธอกลับไม่เคยยิ้มตอบจนบางครั้งเธอนึกน้อยใจ ว่าเหตุใดลูกชายของเธอจึงไม่เคยยิ้มให้ใครเลยสักครั้ง แม้กระทั่งบิดามารดาอย่างพวกตน
ชายหนุ่มได้สติอีกครั้งหลังจากเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาหยุดยืนนิ่งอย่างงุนงง สงสัยใคร่รู้ว่าเหตุใดตนจึงกลับมาถึงบ้านได้ เขาหันซ้ายขวาเพียงนิด ก่อนจะตอบกลับอย่างประหยัดคำพูดเช่นเดิม
“อืม”
เสียงครางตอบรับพร้อมเดินขึ้นบันไดไปอย่างไม่ใส่ใจนักทำให้ วินซ์ วินเชสเตอร์ หนุ่มบราซิล ผู้เป็นบิดาถึงกับขุ่นเคืองที่ลูกชายคนโตทำราวกับพวกเขาไม่มีตัวตน เสียงทุ้มแผดออกมาดังลั่นทำให้คนที่กำลังก้าวขาต้องหยุดชะงักไป
“มากไปแล้ววายุ! อย่างน้อยแกก็ควรจะเห็นหัวฉันและแม่ของแกบ้าง!”
“ก็เห็นนี่ครับ แต่ไม่รู้จะพูดอะไรด้วย”
วายุตอบกลับด้วยใบหน้านิ่งเฉย ตนองก็ไม่เข้าใจนักว่าเหตุใดถึงได้รู้สึกต่อต้านทั้งที่บิดามารดาของเขาเลี้ยงดูอย่างดีมาตลอด เคยคิดอยากจะพูดดี หากแต่พอเห็นใบหน้า เขาก็รู้สึกราวกับโดดเดี่ยว ไม่มีเรื่องใดๆจะพูดคุยกับพวกท่านแม้เพียงนิด
“อย่างน้อยแกก็ควรจะพูดคุยกับพวกฉันบ้าง ไม่ใช่ทำแบบที่เป็นอยู่! หัดดูน้องสาวแกเป็นตัวอย่างบ้าง!”
“ถ้ามันอึดอัดขนาดนั้นผมจะย้ายออกให้ อ้อ! แล้วไม่ต้องเอาผมไปเปรียบเทียบกับลูกรักของพ่อหรอก”
พูดจบเขาก็ก้าวลงจากบันไดทันที โรสิตาเห็นดังนั้นก็รีบลุกขึ้นปรี่เข้าไปหาลูกชายทันที
“อย่าไปเลยนะลูกนะ อยู่ที่นี่แหละ วันนี้ลูกคงจะเหนื่อยมากใช่มั้ยจ้ะ ขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อนก่อนเถอะนะ ไว้แม่จะเอานมอุ่นๆขึ้นไปให้”
“ปล่อยมันไป โรส!” วินซ์แผดเสียงออกมาดังลั่น “ปล่อยไอ้ลูกอกตัญญูไป ฉันก็นึกสงสัยมาตลอด ฉันเลี้ยงแกไม่ดีตรงไหน ทำไมแกถึงได้ต่อต้านพ่อกับแม่อย่างพวกฉันนัก!”
น้ำตาของโรสิตาถึงกับไหลอาบแก้ม เธอรีบเขย่าแขนของลูกชายคนโต ปากพร่ำบอกขอให้เขาขอโทษบิดา วายุเองก็รู้สึกแย่ที่เห็นมารดาต้องหลั่งน้ำตา เสียงทุ้มเอ่ยออกมาเบาๆราวกับกระซิบ
“ขอโทษครับ” เขายอมเอ่ยเพื่อให้ทุกอย่างจบ ทว่าประโยคถัดมากลับทำให้ผู้เป็นมารดาถึงกับรู้สึกแย่กว่าเดิม “แต่เรื่องย้ายออก ผมพูดจริง อาจจะอย่างที่พ่อพูด ไม่ใช่ว่าพ่อกับแม่เลี้ยงผมไม่ดีหรอก ปัญหามันมาจากตัวผมเองนี่แหละ แยกกันอยู่สักพักก็ดี บางทีอะไรๆอาจจะดีกว่านี้ก็ได้”
สิ้นเสียงวายุก็ผละตัวออกไปทันที ในขณะที่วินซ์ต้องรีบเข้ามาปลอบภรรยาของตน พลางจับจ้องไปยังแผ่นหลังของลูกชายคนโต ที่เขาเลี้ยงได้เพียงตัว หากแต่ใจกลับไม่เคยแยแสพวกเขาเลยเพียงนิด
*****************************************************************************************
ห้องชุดสุดหรูที่เคยมืดสนิทบัดนี้กลับมาสว่างอีกครั้งโดยเจ้าของห้อง แอร์สุดหรูถูกเปิดใช้ทำความเย็นหวังดับความร้อนในใจ ก่อนหน้าที่ซื้อห้องนี้ไว้เพียงเพราะคิดแค่ว่ามันสวย และอยู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร ทว่าไม่เคยนึกว่าตนจะได้ใช้มันจริงๆ
ถุงหนังสือถูกโยนไปบนเตียงโดยที่เจ้าของไม่ใคร่จะใส่ใจนัก ร่างสูงนั่งลงบนเตียงขนาดคิงไซส์ ก่อนจะเอนกายลงไปนอนอย่างไม่ยี่หระ พลันคิดถึงเรื่องที่ตนทำไปเมื่อหัวค่ำ ความรู้สึกผิดบาปก่อเกิดขึ้นมาในใจ ไม่เข้าใจนักว่าเหตุใดตนถึงได้รู้สึกต่อต้านรุนแรงขนาดนี้
ความเย็นภายในห้องทำให้เขาสงบลงมาได้บ้าง เขาเลือกจะสลัดความปวดหัวทั้งหมดทิ้ง ความเหนียวเหนอะหนะจากการลุยงานมาทั้งวัน แถมยังไปโผล่ในสถานที่แปลกๆและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเย็นทำให้เขาหงุดหงิดพอสมควร วายุเด้งตัวลุกขึ้นและเดินเข้าห้องน้ำไปทันที หวังใช้สายน้ำชำระล้างร่างกายให้สบายตัวแล้วเตรียมพักผ่อน
ร่างเปลือยเปล่าเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าเช็ดตัว หยดน้ำมากมายไหลไปตามลำตัวไซส์ยุโรปที่ถอดแบบมาจากบิดา เส้นผมสีน้ำตาลเข้มไหลลู่ไปกับศีรษะเพราะเปียกชื้นไปกับหยาดน้ำ วายุตวัดผ้าเช็ดตัวมาสวมใส่ที่ช่วงเอว พลันหยิบผ้าอีกผืนมาเช็ดหัว ขายาวกำยำเดินตรงไปยังผ้าม่านที่ปิดอยู่ก่อนจะค่อยๆเปิดผ้าออกเพียงนิด
นัยน์ตาสีรัตติกาลที่ได้มาจากมารดาเหม่อมองออกไปยังท้องฟ้ากว้างใหญ่ที่บัดนี้มืดสนิทเพราะเป็นเวลากลางคืน พลันเหลือบไปมองหนังสือที่วางอยู่บนเตียง ใบหน้าคมเข้มนิ่วหน้าอย่างสงสัยว่าเหตุใดวันนี้จึงเกิดเรื่องแปลกๆกับตนมากนัก
ไม่ว่าจะเรื่องราวเกี่ยวกับร้านหนังสือประหลาด เนื้อเรื่องภายในหนังสือเล่มนี้ที่เหมือนกับเขาได้เข้าไปสัมผัสมันจริงๆ และเขากลับไปถึงบ้านหลังนั้นได้เช่นไร
ไวเท่าความคิด เขาปิดผ้าม่านไว้เช่นเดิมและเดินไปยังเตียงของตนทันที ก่อนจะล้มตัวลงนอนพลางหยิบหนังสือขึ้นมาเริ่มเปิดอ่านอีกครั้ง
ม่านแห่งละครเวทีค่อยๆถูกเปิดออกอีกครา...
*****************************************************************************************
สวัสดีนักอ่านทุกท่านค่ะ
ไม่ว่าจะเงาหรือไม่เงา สริมนก็ยินดีต้อนรับท่านเข้าสู่ละครเวทีโรงเล็กที่พยายามสรรสร้างอย่างสุดฝีมือค่ะ
เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร หากอยากทราบคงต้องขอให้ค่อยๆอ่านแล้วซึมซับไปกับพวกเขา
ขอให้พวกท่านมีความสุข รวมไปถึง เศร้า และ เข้าใจไปกับงานเขียนชุดนี้นะคะ
ท้ายสุดนี้ สริมนยังคงความคิดเดิมค่ะ
ต่อให้มีคนอ่าน 1 คน สริมนจะยังลงต่อไป
เพราะท่านนั้นได้ให้กำลังใจนักหัดเขียนคนนี้ ได้ให้โอกาสนักหัดเขียนคนนี้ ดังนั้น นักหัดเขียนคนนี้ก็จะพยายามเพื่อพวกท่านอย่างแน่นอนค่ะ
คอมเม้นท์นั้น
มีไม่มีไม่ว่ากัน แต่หากสนุกขึ้นมา หรือคิดว่าตรงไหนแปลกประหลาดสามารถบอกกล่าวกันได้ เพื่อที่นักหัดเขียนคนนี้จะได้ทราบและนำไปปรับปรุงต่อไปค่ะ
อนึ่ง เรื่องนี้เป็นดราม่าเรื่องแรก เป็นแนวเรื่องที่ไม่ถนัดสักนิด เพราะแต่ละเรื่องที่คิดและทำออกมานั้นเป็นคอมเมดี้ทั้งนั้น หากมีอะไรผิดพลาดไปขออภัยมา ณ ที่นี้ นะคะ
รักค่ะ
สริมน
จุ๊บๆ :D
ความคิดเห็น