คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 3 [100%]
ใบหน้าคมยกยิ้มขึ้นมาบางๆ เมื่อเปิดหนังสือขึ้นอ่านแล้วได้พบกับสาวแห่งสายลมอีกครั้ง น่าแปลกที่ตอนนี้เขาอยากทำความรู้จักกับเธอ อยากพูดคุย อยากเห็นรอยยิ้มของ เรียกได้ว่าอิจฉาผู้ชายที่ได้คุยกับเธอเป็นบ้า
เขาโผล่มายังห้องนอนของชายหนุ่ม หญิงสาวยกยิ้มอย่างน่ารักน่าใคร่ ก่อนจะวิ่งทะลุร่างของเขาไปพลางยัดหนังสือใส่มือชายหนุ่มคนหนึ่ง ชายหนุ่มที่ไม่ว่าเขาจะเพ่งพินิจเท่าไหร่ก็ไม่อาจเห็นได้ชัดเจน มีแต่ความเลือนราง เฉกเช่นเดียวกับหญิงสาว
“ข้าเขียนมาแล้ว เพราะอย่างนั้นเจ้าก็ต้องเขียนมาให้ข้าอ่านบ้างนะ”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง ทว่ากลับเจอเสียงเล็กๆสั่งห้ามเสียก่อน
“เดี๋ยวก่อนสิ เจ้ายังป่วยอยู่ไม่ใช่หรือ อย่าเพิ่งลุกเลย เอาไว้ดีขึ้นค่อยลุกเถอะนะ”
คนป่วยพยักหน้าตอบรับ มือหนาเตรียมเปิดหนังสือออกดู แต่กลับเจอขัดอีกครั้ง
“อะไรกัน! ข้าอุตส่าห์มาหาเจ้าทั้งที เจ้ากลับจะทิ้งข้าไปสนใจหนังสือนั่นงั้นหรือ ข้าไม่ยอมนะ แบบนี้แล้วข้าจะคุยกับใครกันล่ะ”
เธอบ่นออกมาพลันแก้มป่อง เรียกความขบขันให้แก่คนที่ยืนมองดูเหตุการณ์และหนุ่มนิรนามที่เตรียมจะเปิดหนังสือ
“คุยกับฉันนี่แหละ ขอโทษที ฉันไม่เคยมีเพื่อน ไม่เคยเขียนอะไรแบบนี้มาก่อน เลยอดจะตื่นเต้นไม่ได้”
“ข้าเองก็ไม่เคย เพราะอย่างนั้นตอนนี้ข้าก็เลยตั้งหน้าตั้งตารออ่านเรื่องที่เจ้าจะเขียนมาเหมือนกัน”
คนพูดทำหน้าตื่นเต้นระคนตั้งหน้าตั้งตารอที่จะได้อ่าน ส่งผลให้ชายหนุ่มที่กึ่งนั่งกึ่งนอนยกมือลูบหัวให้หล่อนเบาๆอย่างเอ็นดู ในขณะที่หญิงสาวยิ้มพลางเริ่มบทสนทนาเรื่องใหม่ เสียงที่หวานใสประดุจระฆังกังวานทำให้คนที่ไม่มีใครรับรู้ว่ามีตัวตนอยู่รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ปากเล็กๆขยับพูดไม่หยุด เจื้อยแจ้วไปมาจนคนฟังทั้งสองอดขำไม่ได้ที่เธอช่างสรรหาเรื่องมาพูดให้ฟัง
หญิงสาวกลับไปหลังจากที่ตะวันเริ่มลาลับ ฝั่งชายหนุ่มยันตัวขึ้นพลางเริ่มเปิดอ่าน ก่อนจะหลุดขำออกมาเมื่อเห็นประโยคที่เธอเขียนไว้
ครั้งแรกที่เจอกัน... ข้าก็รู้สึกยินดียิ่งนักกับการพบกันระหว่างข้ากับเขา...
ชายหนุ่มที่มีรูปร่างหน้าตาแปลกประหลาดกว่าคนที่ข้าเคยเห็น..
แม้นัยน์ตาจะเป็นสีรัตติกาล แต่กลับมีรูปร่างใหญ่โตกว่าข้ามาก เส้นผมก็มิใช่สีนิลเฉกเช่นบุคคลทั่วไป
ช่างน่าประหลาดเสียจริง..
“ข้าคือสายลม เป็นอิสระและสามารถไปได้ทุกที่ที่ปรารถนา เจ้าน่าจะรู้จักข้าอยู่แล้วล่ะนะ ข้ามีชื่อว่า... มีคุณปู่ที่แสนใจดีเป็นเทพสายลม แล้วตอนนี้เพื่อนสนิทของข้า ก็คือ ‘เจ้า’ ยังไงล่ะ”
ท่อนประโยคชื่อที่หายไปทำให้วายุนึกนิ่วหน้า เขาไม่เข้าใจจริงๆว่าเหตุใดเขาจึงไม่สามารถรับรู้ถึงใบหน้าของคนในที่แห่งนี้ รวมไปถึงชื่อของคนทั้งสองด้วย แน่นอนว่ามันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดพอสมควร
ทว่าชายหนุ่มที่ป่วยกลับส่ายหัวเบาๆให้กับความใสซื่อของหญิงสาว เธอว่าเขาแปลกแต่กลับไม่ดูตนเลยสักนิดว่าแปลกกว่าเขาเสียอีก มือหนาหยิบปากกามา ก่อนจะเริ่มเขียนอักษรตอบกลับลงไป
ครั้งแรกที่เจอกัน... ฉันรู้สึกประหลาดใจว่าผู้หญิงที่ไหนกันมาอยู่ภายในบ้าน
เธอเป็นหญิงสาวที่มีนิสัยประหลาด.. ร่างกายก็ประหลาด.. สีตาก็ประหลาด.. แถมยังมาว่าฉันประหลาด..
ทั้งที่เธอประหลาดกว่าฉันหลายเท่าแท้ๆ
แต่... นั่นกลับทำให้เธอกลับงดงามมาก ไม่ใช่แค่เพียงหน้าตา แต่หมายรวมถึงจิตใจด้วย
หมอนั่นคิดแบบเขาเลยแหละ ครั้งแรกที่เห็นข้อความที่หญิงสาวเขียน เขาก็คิดแบบนี้เลย เธอประหลาดกว่าชายที่ป่วยเป็นไหนๆ แต่กลับบอกว่าชายป่วยนั้นแปลกกว่าตน
ชายหนุ่มยังไม่รู้จะเขียนอะไรตอบกลับไป เขาปิดสมุดลงก่อนจะอมยิ้มแล้วหลับไป พลันนึกภาพเหตุการณ์ยามเช้าของอีกวันออก และหากให้เดาละก็ เธอคงจะต้องแก้มป่องโวยวายเขาเป็นแน่
*****************************************************************************************
มันเป็นจริงดั่งที่เขาคิด..
ราวกับวายุกำลังดูวีดีโออยู่ วันเวลายามกลางคืนถูกหมุนไปอย่างรวดเร็ว เพียงไม่ถึงห้านาทีก็เป็นยามเช้าเสียแล้ว แถมรู้ตัวอีกที ผู้เฝ้ามองก็เห็นมายากำลังยืนแก้มป่องโวยวายคนป่วย เพราะหมอนั่นเล่นเขียนตอบกลับเธอในสมุดซะเธอเสียหมด
ใบหน้ายามบ่นดูน่ารักน่าใคร่มากกว่าน่ารำคาญ มองเท่าไหร่ก็หาความเบื่อไม่เจอ ในความคิดของวายุ หากเป็นเขา แถมยังต้องอยู่เพียงลำพังเช่นนี้ การจะตกหลุมรักเธอไม่ใช่เรื่องยากเลย
เขานั่งมองดูภาพคนทั้งสองหยอกล้อกันบ้าง หญิงสาวงอนบ้าง ยิ้มอารมณ์ดีบ้าง ดุคนป่วยบ้างอย่างไม่เบื่อตา ในขณะเดียวกันก็แอบอิจฉาอยู่คนป่วยอยู่เนืองๆที่โชคดีได้เจอกันหล่อน
แม้จะเป็นเพียงโลกแห่งความฝัน แต่เขาก็อยากจะได้ผู้หญิงเช่นนี้บ้าง
วายุนึกอึ้ง เขาก็ได้แล้วนี่ ลลิสา หญิงสาวที่แสนจะใสซื่อและบริสุทธิ์เฉกเช่นเดียวกับหญิงสาวเบื้องหน้านี้ หากแต่ทำไมเขาถึงไม่รู้สึกใจเต้นยามเมื่ออยู่ใกล้เธอ ไม่เหมือนกับหญิงสาวไร้นามในโลกหนังสือ
ผู้เฝ้ามองสลัดหัวไม่ให้ตนคิดฟุ้งซ่านไปมากกว่าเดิม ยังคงมองคนทั้งสองพูดคุยหยอกล้อกัน น่าแปลกที่เขาไม่เห็นใบหน้าของชายหนุ่มได้อย่างชัดเจน ผิดกับมายาที่เขาเห็นเธอทุกอย่าง วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และเขาก็เฝ้าดูอย่างเพลินเพลิดราวกับเสพย์ติดเรื่องของทั้งคู่ไปเสียแล้ว
*****************************************************************************************
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงประตูห้องทำให้สติของวายุกลับมาอีกครั้ง นัยน์ตาคมเหลือบมองนาฬิกาก่อนจะพบว่ามันผ่านไปเพียงชั่วโมงกว่าๆ มือหนาปิดหนังสือก่อนจะวางลงในลิ้นชักทำงานของตน ก่อนจะพูดให้คนนอกห้องเข้ามาได้
ประตูห้องถูกเปิดออก เผยให้เห็นร่างเพรียวลมของรินลดา หญิงสาวเดินมาด้วยใบหน้าเคร่งเครียดพร้อมกับแบกแฟ้มเอกสารจำนวนมาก ก่อนจะวางลงบนโต๊ะแล้วจ้องมองใบหน้าของพี่ชายด้วยความไม่สบายใจ
“อะไร?”
คำถามห้วนๆหลุดออกมาจากปากหยักสวย คิ้วเข้มขมวดเป็นปมด้วยนึกไม่เข้าใจว่าน้องสาวของตนจะทำตัวเป็นบ้าหอบฟางเอาแฟ้มเอกสารมาทำไมมากมาย
“ดูนี่สิคะพี่”
รินลดาเริ่มต้นพูดพลางเปิดแฟ้มออก ก่อนจะเริ่มชี้ให้เห็นถึงอะไรบางอย่าง สายตาคมกริบจ้องมองตามที่น้องบอก ก่อนจะเริ่มเอะใจอะไรบางอย่างหลังจากที่ฟังคำพูดน้องของตนจบ
“ระยำ! ฉันก็ว่าแล้วว่ามันแปลกๆ ยังคิดอยู่ว่าทำไมเครื่องประดับมันถึงออกมาเหมือนกันขนาดนี้! ใครกันที่มันกล้าขโมยต้นแบบเครื่องประดับเราออกไปขายให้ไอ้เวรนั่น!!!”
เขาพูดพลางนึกถึงการประชุมครั้งที่แล้ว รินลดาหาข้อมูลมาให้เขาดูก่อนจะเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ แน่นอนว่าปัญหาเวลานี้คือ บริษัทเขาถูกคู่แข่งทำคอลเล็คชั่นเครื่องประดับออกมาตัดหน้าตลอดเวลา ทั้งยังมีรูปร่างและรูปทรงที่เหมือนกันอย่างไม่ผิดเพี้ยน
“ตอนนี้ยังไม่รู้ แต่ตอนนี้เราไว้ใจใครไม่ได้แล้ว” เสียงใสพูดออกมาอย่างที่ใจคิด “แต่ที่แน่ๆมันคงรู้เรื่องบริษัทเราดีเลยแหละ ไม่งั้นมันต้องมีอะไรเหลือให้สาวถึงตัวบ้าง”
“กล้องวงจรปิดล่ะ”
ผู้เป็นน้องส่ายหัวเบาๆเป็นการบอกปฏิเสธ “ดาเช็คหมดแล้ว ไม่มีอะไรผิดปรกติ ให้เดาน่าจะเป็นคนที่เราคาดไม่ถึงเลยแหละ”
วายุพ่นลมหายใจออกมาอย่างรุนแรง เขายังนึกไม่ออกว่าใครมันจะกล้าเล่นลอบกัดกับเขา ในขณะที่รินลดามองพี่ด้วยสายตาบางอย่าง
“เรื่องนี้พี่ให้เธอเป็นคนจัดการ ต้องการอะไรก็บอกแล้วกัน พี่จะช่วยซัพพอร์ตให้เอง”
“เข้าใจแล้ว” รินลดาพยักหน้ารับคำ “อีกเรื่องหนึ่ง…”
“อะไร” คนถามเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย
“พี่ควรจะกลับบ้านบ้างนะ ถ้านานกว่านี้คุณแม่ล้มป่วยแน่”
เธอพูดออกมาอย่างที่คิด ในขณะที่ชายหนุ่มเบนหน้าออกไปนอกหน้าต่าง คิ้วเข้มขมวดหากันอย่างไม่เข้าใจตนเองนัก ก่อนจะพูดออกไปให้คนเป็นน้องได้ยิน
“อีกสักพักพี่จะกลับ ฝากเราดูแลคุณแม่ด้วยละกัน”
“ดาไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมพี่ถึงต่อต้านคุณพ่อกับคุณแม่มากขนาดนี้”
เธอเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจจริงๆ ชายหนุ่มเองก็ไม่รู้จะตอบออกไปอย่างไร ได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆพลางตอบกลับ
“พี่ก็.. ไม่รู้”
รินลดาถอนหายใจออกมาเช่นเดียวกับผู้เป็นพี่ เธอพยักหน้าเบาๆตอบรับ “เข้าใจล่ะ หาคำตอบได้ก็รีบกลับละกันนะคะพี่”
เมื่อจบเรื่องที่ควรพูด หญิงสาวก็เดินออกจากห้องทำงานทันที ในใจกระหวัดคิดถึงอะไรบางอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องพี่ชาย ลางสังหรณ์บอกให้เธอระวังตัว และเร็วๆนี้คงได้เกิดอะไรขึ้นอีกแน่นอน
ความคิดเห็น