ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มายาวายุ ซีรีส์ชุด ทาสรักธาตุสวาท

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 3 [50%]

    • อัปเดตล่าสุด 4 มิ.ย. 57


     

    บทที่  3

                ราวกับมีโซ่พันธนาการไว้ทั่วร่าง..

                โซ่ที่มีชื่อว่า ความรัก และ คำสาป

                ไม่ว่าจะหลบหนีหรือหลบซ่อนที่ใด

                สิ่งทั้งสองก็ยังคงตามราวเงาติดตัว

                           

                หน้าประตูทางเข้าบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ปรากฏร่างของชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลายืนเหม่อมองไปยังท้องถนนที่แสนพลุกพล่านพลางหันเข้าไปมองในบริษัทพลางราวกับรอใครสักคนอยู่

                ใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงออกถึงอาการใดๆ นัยน์ตาสีแปลกประหลาดกอปรกับรูปร่างหน้าตาที่ดึงดูดทำให้คนที่ตลอดชีวิตไม่เคยนึกสนใจชายหนุ่มคนไหนอย่าง รินลดา วินเชสเตอร์ น้องสาวเพียงคนเดียวของวายุถึงกับหายใจติดขัด ราวกับมีผีเสือนับร้อยบินอยู่ในช่องท้อง ความรู้สึกวูบไหวแปลกๆเข้าจู่โจมอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน

                ชายหนุ่มมีผิวสีแทนแสนสวย ใบหน้าหล่อคมเข้มแตกต่างกับผู้ชายสำอางที่เธอมักจะเจออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เขาอยู่ในชุดเสื้อยืดคอวีสีขาว กางเกงยีนส์สีดำ รองเท้าหนังสีดำซึ่งถึงแม้จะเป็นเพียงการแต่งกายแบบคนธรรมดาหากแต่ดึงสายตาทั้งของเธอและหญิงสาวแถวนั้นได้มากโข

                ไหนจะยังหุ่นที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อที่เขาสวมใส่ เรียกได้ว่าหากมีใครบอกว่าเขาเป็นนายแบบก็คงเชื่อได้โดยไม่ยาก เพราะทั้งรูปร่างหน้าตานั้นแทบจะเรียกว่าสมบูรณ์แบบ  

                นัยน์ตาสีดำสนิทมองไม่วางตา ราวกับต้องมนต์สะกดของเขาไป หากไม่ติดว่ามีเสียงมาเรียก เธอคงยังไม่ยอมวางตาจากเขาเป็นแน่

                คุณรินคะ อีกห้านาที ประชุมจะเริ่มแล้วนะคะ

                คะ.. ค่ะ ขอบคุณค่ะ

                เธอเดินเข้าบริษัทไปอย่างนึกฉงนกับอาการที่เกิดขึ้น พลันหัวเราะเบาๆแล้วส่ายหัวไปมาราวกับขบขันในการกระทำของตน

                สงสัยช่วงนี้จะเหนื่อยจัดแหะเรา ถึงได้รู้สึกแปลกๆแบบนี้

    *****************************************************************************************

                คนถูกจ้องไม่สบอารมณ์นักที่ถูกมองเช่นนั้น หากแต่ก็ทิ้งความไม่พอใจออกไปเมื่อเห็นคนที่ตนเฝ้ารอเดินออกมาจากบริษัท

                มายาเดินออกมาจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ด้วยความเศร้าหมอง ดวงตาสีมรกตหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด หากแต่มือเล็กกลับขยำชายเสื้อไว้แน่น แก้มนวลมีคราบน้ำตาเปรอะเปื้อน ร้อนถึงคนที่ยืนรออยู่ต้องปรี่เข้ามาหาหลังจากเห็นอาการของเธอ

                เธอเป็นยังไงบ้าง

                “ฉัน.. ฉันยังไหว แต่วันนี้ขาลากลับก่อนแล้วล่ะ เรากลับกันเถอะ

                เธอพูดพลางยกยิ้ม แต่ไม่อาจหลอกสายตาคนที่อยู่ด้วยกันมาได้ตลอด ดวงตาคมเข้มตวัดมองไปยังชั้นบนสุดของบริษัท ใบหน้าเกรี้ยวกราดออกมาอย่างเห็นได้ชัด

                ฉันเกลียดที่นี่ แล้วก็เกลียดไอ้เวรที่เธอมาหาเป็นบ้า มันทำให้เธอเจ็บขนาดนี้ทำไมถึงยังไม่เลิกรักเสียที

                “เธอจะไม่มีวันเข้าใจหรอกมารุต หากเธอยังไม่รักใครสักคน

                เธอแค่นยิ้มบอกมารุต เพื่อนใหม่เพียงคนเดียวในการกลับชาติมาเกิดใหม่หนนี้ ซึ่งน่าแปลกใจสำหรับเธอพอสมควรว่าเหตุใดก่อนหน้าตนถึงไม่เคยได้พบกับเสือหนุ่มตนนี้ ทว่ากลับมีเพียงการกลับชาติมาเกิดครั้งนี้เท่านั้นที่ต่างออกไป

                ใครว่าฉันไม่เข้าใจกันล่ะน้ำเสียงที่หลุดออกมาเจ็บปวด นัยน์ตาสั่นไหวเพียงนิดก่อนจะกลับมาไร้อารมณ์เช่นเดิม

                ใช่แล้ว! เขาเข้าใจดีเลยแหละ กับการที่รักใครสักคน แต่คนผู้นั้นไม่รักตอบ ทำไมเขาจะไม่รู้ ในเมื่อตัวเขาเองก็หลงรักสาวแห่งสายลมเบื้องหน้า ทว่าเธอใจเธอกลับมีเพียงไอ้ผู้ชายระยำนั่นเพียงคนเดียว และไม่เคยเห็นถึงความรักของเขาสักนิด

                แต่ฉันแค่ไม่อยากเห็นเธอเจ็บปวด ขอแค่เธอบอกคำเดียว ฉันก็พร้อมที่จะเข้าไปขย้ำมัน แล้วเอาหัวใจมาคืนให้เธอทันทีแท้ๆ แต่เธอกลับไม่ยอม นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ฉันไม่เข้าใจ

                มายายกยิ้มขึ้น มือบางเอื้อมไปแตะที่หัวของเสือหนุ่มเบาๆอย่างเอ็นดูและนึกสงสารที่มารุตนึกชิงชังวายุ เธอเข้าใจดีเลยว่าเพราะเหตุใด เพราะเพื่อนของเธอคนนี้ไม่ต้องการเห็นเธอโศกเศร้าใดๆ

                 ขอบใจมารุต เพื่อนที่แสนดีของฉัน แต่ฉันไม่มีวันทำร้ายเขาได้หรอก

                 “กลับกันเถอะ ฉันอยากให้เธอพักผ่อนมากกว่าจะมายืนตากแดดตากลมหน้าไอ้ตึกทรงสี่เหลี่ยมซังกะบ๊วยนี่

                เขาถอนหายใจออกมาอย่างรุนแรง คิดแค่เพียงตัดบทตอนนี้น่าจะดีกับหัวใจของเขามากกว่าจะมานั่งฟังเธอพูดว่ารักไอ้บ้านั้น

                 จ้ะ เรากลับกันเถอะ

                แม้จะพูดเช่นนั้น ทว่าเธอกลับรู้สึกเหมือนโลกหมุน ความรู้สึกวิงเวียนมากมายเข้าจู่โจมจนเซถลาเกือบชนผู้คนแถวนั้น ขาเรียงอ่อนยวบลงเกือบจะล้มหากไม่ถูกมือหนารั้งแขนไว้ก่อน

                มารุต ฉันยังไหวจ้ะ

                “เธอไม่ไหวหรอก กลับกันได้แล้ว หลับไปซะ ถึงบ้านแล้วฉันจะปลุก

                เขาพูดพลางอุ้มเธอแนบอก ไม่ฟังเสียงใดๆจากหญิงสาวอีกในขณะที่ขายาวเริ่มออกเดินก่อนจะหายลับไปกับฝูงมวลชน

    *****************************************************************************************

                ภาพมายาถูกอุ้มอยู่ในสายตาของวายุ กรามแกร่งบดแน่นจนเห็นสันนูน ความกรุ่นโกรธตีตื้นขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ จนตนเองก็ไม่เข้าใจนักว่าจะโมโหไปทำไม

                ปัง!

                หมัดหนักๆของวายุกระแทกลงโต๊ะทำงานสุดหรูด้วยอารมณ์ที่พุ่งพล่านถึงขีดสุด ใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มเหี้ยมอย่างนึกขึ้นได้ วายุโมโหที่มายาอ่อยไปทั่ว เห็นใครก็ให้ท่าไปหมด มันช่างเป็นภาพที่น่าหงุดหงิดสำหรับเขาเสียจริง

                ร่าน! มายาคงขาดผู้ชายไม่ได้ ถึงไปที่ไหนก็ให้ท่าผู้ชายมันที่นั่น

                เขาไม่ได้หึงเธอแน่ๆ ตนจะไปหึงได้อย่างไรในเมื่อไม่เคยคิดที่จะสนใจหล่อนด้วยซ้ำไป ทว่าภาพที่เธอถูกผู้ชายที่ไม่รู้จักอุ้มไปนั้นกลับทำให้เขารู้สึกวูบโหวงระคนหงุดหงิดไม่น้อย

                วายุเลือกที่จะปฏิเสธความรู้สึกแย่ๆหลังจากที่เริ่มจะคิดว่าเธอกำลังจะหายไป กับแค่ผู้หญิงที่เคยตามตื้อเขามาสามปี บัดนี้คิดอยากจับเหยื่อคนใหม่ คงจะเบื่อที่เขาไม่เคยให้ความหวังใดๆ ก็ดี! หากเธอหายไปเสียได้ เขาจะได้อยู่กับลลิสาอย่างสงบเสียที

                ดวงตาสีรัตติกาลยังคงเผยแววคุกรุ่น อารมณ์หงุดหงิดยังคงมีอยู่มาก แต่วายุเลือกที่จะทำเป็นไม่สนใจ ชายหนุ่มหยิบหนังสือที่ซื้อมาขึ้นมาอ่านอีกครั้ง เขายังสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับเรื่องลี้ลับมากมายที่ปรากฏภายในหนังสือเล่มนี้ ที่สำคัญมันทำให้จิตใจของเขาสงบและอบอุ่นอย่างแปลกประหลาด

                แน่นอนว่า เรื่องราวที่เขากำลังจะได้พบเจอต่อไปนั้น น่าจะสร้างความรื่นรมย์ให้มากกว่าเรื่องของมายาแน่ๆ...

    *****************************************************************************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×