ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic TVXQ] น้ำตาที่ไม่มีวันเหือดแห้ง (Yoosu)(Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่1 จุดเริ่มต้นแห่งน้ำตา

    • อัปเดตล่าสุด 15 ธ.ค. 52


              ผู้คนยืนขวักไขว่ตามถ้องถนน สายลมกรรโชกแรง ฝนตั้งเค้าว่าจะตกลงมา ในอพาร์ตเมนต์สูงระฟ้าในย่านกรุงโซล ภายในห้องสวีทสุดหรูราคาตกคืนละหลายหมื่นวอน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าถ้าเป็นพนักงานกินเงินเดือนธรรมดาคงจะไม่มีโอกาศได้อยู่ในห้องนี้เป็นแน่ สไตล์การตกแต่งในห้องเน้นแนวเรียบๆ บ่งบอกถึงรสนิยมของผู้เป็นเจ้าของได้อย่างดี ร่างบางนั่งอยู่ตรงนั้น ตรงเก้าอี้นวมข้างหน้าต่าง ตาเรียวเล็กมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย ฝนลงจะตกอีกแล้วล่ะสิ
              ซ่า!!!
              "หึ น่าเบื่อ"ร่างบางคิดได้ไม่ทันไรฝนก็ตกลงมาซะแล้ว ริมฝีปากบางที่ติดสีซีด เนื่องจากอุณหภูมิภายนอกลดลงอย่างรวดเร็ว แค่นหัวเราะอย่างเบื่อหน่าย ร่างบางนั่งอยู่ตรงนี้ทุกวัน แล้วเหม่อมองผู้คนขวักไขว่ตรงหน้าทุกวัน ทุกคนต่างเร่งรีบ ไม่มีใครสนใจใคร ต่างคนต่างเอาตัวรอด ซ้ำซาก ไม่เปลี่ยนแปลง
              ใช่ ไม่เปลี่ยนแปลง.......คงมีแต่เราที่เปลี่ยนไป
              ปัง!!!
              เสียงเปิดประตูอย่างไร้มารยาทเปิดเข้ามาในห้อง ร่างบางแค่เบนสายตามามองผู้มาเยือนอย่างเย็นชา แล้วกลับไปมองทิวทัศน์ข้างนอกต่อ
              "จะไม่ทักกันเลยใช่ไหมครับ พี่จุนซู"ร่างสูงถามด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างสูงอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขา ร่างสูงแต่งตัวด้วยชุดสบายๆ เสื้อยืดคอกลมสีขาว กางเกงขาสามส่วนสีครีมที่เข้าชุดกับรองเท้าผ้าใบสีครีมของเขา
              "แล้วทำไมนายไม่ทักพี่ก่อนล่ะ ชางมิน"จุนซูหันมาตอบคำถามของน้องชายตัวสูง ด้วยคำตอบที่เอาคนฟังหงายเหงิบไปตามๆกัน ชางมินไม่ตอบอะไรเพียงแต่เดินไปนั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับพี่ชายของเขา นั่งลงเบาๆแล้วไม่ได้พูดอะไร ตาคมของร่างสูงมองพี่ชายแท้ๆอย่างพิจารณา ตาเรียวเล็กที่ดูเฉยเมยจนน่าใจหาย ปากบางเชียบ จมูกที่โด่งได้รูป คิ้วโก่งสวยที่รับกับใบหน้าหวานได้เป็นอย่างดี และผิวขาวที่ติดจะอมชมพูหน่อยๆพร้อมกับกลิ่นกายหอมเหมือนแป้งเด็ก
              น่ารัก
              ดูยังไงก็น่ารัก ถ้าไม่ติดว่าดวงตาเรียวเล็กคู่นั้นเฉยเมย เฉยเมยซะจนใครที่ได้สบกับดวงตาคู่นั้นพลอยใจหายไปด้วยทุกครั้งที่มอง และริมฝีปากนั้นไม่เคยยิ้มอีกเลย ใช่ พี่จุนซูที่ดูร่าเริง สดใส ได้หายไปจากโลกใบนี้แล้ว หายไปจากเหตุการณ์ในวันนั้น.....แม้แต่เพื่อนสมัยเรียน พี่แจจุง ที่ไปเรียนต่อที่อเมริกาพอกลับมาแล้วยังจำแทบไม่ได้ อะไรที่ทำให้พี่จุนซูเปลี่ยนไป อะไรงั้นหรือ หึ คำตอบมันง่ายนิดเดียว เพราะผู้ชายคนนั้นไง เพราะผู้ชายที่ชื่อ ปาร์ค ยูชอน
              "แล้วนายมาหาพี่มีอะไรล่ะชางมิน"ร่างบางถามอย่างสงสัย เขาเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันว่าชางมินมาหาเขาเพราะอะไร แค่เรื่องนั้นไม่เท่าไหร่ แต่ที่ร่างสูงเอาแต่นั่งจ้องเขานี่สิ ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้สึกตัวหรอก แค่ไม่อยากจะพูดอะไรให้มันวุ่นวายขึ้นมาก็แค่นั้นเอง เขารู้นิสัยน้องชายตัวเองดีว่าถ้าถามอะไรไปมันก็คงจะตอบกวนๆกลับมาแทน เขาจึงเลือกที่จะไม่ถามอะไรมากแทน แต่ที่ถามน่ะเพราะเขาอยากอยู่ตัวคนเดียวมากกว่า ยิ่งมากคน ยิ่งมากความ สู้ขออยู่ตัวคนเดียวดีกว่า ถึงไม่มีแฟนหรือเพื่อนก็อยู่ตัวคนเดียวได้
              แฟนหรอ ของแบบนี้น่ะไม่ต้องมีก็ได้
              "ผมแค่เบื่อๆก็เลยมาหาพี่"
              "แล้ว"
              "แล้วก็เบื่อกว่าเดิมอีก"
              "ฮึ ช่างยอกย้อนจังเลยน่ะ"
              "ก็ไม่ต่างจากพี่เท่าไหร่หรอก"
              "ช่างเถอะ ไปหาอะไรกินกันดีกว่า"ร่างบางตัดบทอย่างรำคาญ
              "ครับๆ"ร่างสูงตอบรับคำ ทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะว่าพี่จุนซูรำคาญเขา ไม่ใช่ไม่รู้ แต่แค่ไม่อยากให้ร่างบางอยู่ตัวคนเดียว
              "คงเหงาสิน่ะ"ชางมินพึมพำ เขาเองก็เคยอยู๋ตัวคนเดียว ประสบการณ์แบบนั้น.....เหงามากเลยล่ะ โดดเดี่ยว อ้างว้าง มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก คงจะเหมือนกับตกลงไปในหลุมสีดำที่มืดมิด ไม่มีทางออก พยายามตะเกีบกตะกายเท่าไหร่ ก็ยิ่งจมดิ่งลงไปมากขึ้น ถ้าวันนั้นพี่จุนซูไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยล่ะก็ เขาก็คงจะกักขังตัวเองอยู่ในโลกที่เดียวดายตามลำพังเหมือน พี่จุนซูในตอนนี้
              "พึมพำอะไรของนายน่ะ แล้วจะไปกันได้รึยัง"จุนซูถาม เขาเองก็รู้สึกได้ถึงความห่วงใยที่ชางมินมีต่อเขา แต่แค่ตอนนี้ล่ะ เขาจะไม่ลังเลอีกต่อไปแล้ว แค่เวลานี้เท่านั้นที่อยากอยู่ตัวคนเดียว ปล่อยให้ความเศร้า ความโดดเดี่ยว เดียวดาย พัดผ่านไปกับสายลม แล้วหายไปตลอดกาล
              "..............."ชางมินไม่ตอบอะไรเพียงแต่เดินนำไปที่รถสีดำของตัวเอง ก่อนที่จะสตาร์ทรถเพื่อพาตนและร่างบางไปยังร้านอาหาร


                        ______________________________________________________________________



              "ไง คราวนี้ใครอีกล่ะ"ร่างหนากล่าวทักทายร่างโปร่งอย่างสนิทสนม เมื่อเห็นร่างโปร่งบังเอิญเดินสวนมาด้วยหน้าตาเข้มขรึม เป็นสัญญาณว่าคงจะได้เวลาทำงานแล้ว
              "ลี ซูมาน ค่าย sm"ร่างโปร่งตอบร่างหนาตามภารกิจที่ได้รับหมอบหมายมาจากผู้เป็นเจ้านาย ด้วยเสียงที่ทุ้มติดจะแหบนิดๆ วันนี้ร่างโปร่งอยู่ในชุดสูทเต็มยศพร้อมทำงาน
              "โห่ งานใหญ่นี่หว่า แล้วต้องการผู้ช่วยไหม ยูชอน"วันนี้ร่างหนาอยู่ในชุดสูทไม่ต่างจากยูชอนเท่าไหร่ ถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำของเจ้าตัว เขาเองก็รู้จักกับยูชอนมาตั้งแต่สมัยเรียน ก่อนที่จะมาทำงานที่นี่แล้ว แต่ไม่นึกว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นจะทำให้ยูชอนรู้สึกผิดขนาดนี้ ถ้าจะว่าไปแล้วเขาเองก็มีส่วนผิดเหมือนกันที่ไม่ห้ามยูชอนเมื่อ 6 ปีก่อน
              "แล้วแต่นายสิยุนโฮ"เขารู้จักกับยุนโฮเมื่อ 6 ปีก่อน ตอนที่ย้ายจากอเมริกาเพื่อมาเรียนที่เกาหลีโดยที่เขามาอาศัยอยู่กับญาติห่างๆที่เกาหลีกับน้องชาย เขาย้ายมาตอนอายุ 16 อืม.....ตอนนั้นก็ม.3พอดี เพราะย้ายมาใหม่และเป็นชาวต่างชาติทำให้เขาปรับตัวเข้ากับเพื่อนๆไม่ได้ ก็ได้ยุนโฮ แจจุง และ.....จุนซู ที่มาตีสนิทกับเขา จนทำให้เขาปรับตัวเข้ากับเพื่อนๆในห้องได้ พวกเรามักไปไหนมาไหนด้วยกันเป็นกลุ่มเสมอ แต่คงเป็นเพราะเขาเองที่ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเราต้องเปลี่ยนไป
              "อืม"ยุนโฮตอบรับคำในลำคอ แล้วเดินไปที่รถของยูชอน เพื่อทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ
              ค่าย sm
              รถคันหรูของยูชอนแล่นมาจอดหน้าตึก sm ยูชอนและยุนโฮลงจากรถ ก่อนจะก้าวเข้าไปภายในตึก ภายในตึกมีผู้คนพลุ่งพล่าน ส่วนมากเป็นพนักงานและนักร้องที่อยู่ในค่าย ร่างสูงของทั้งสองคนก้าวผ่านเคาต์เตอร์ประชาสัมพันธ์ไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่มีใครทันสังเกตุเห็น และหักเลี้ยวเข้าไปตรงซอกบันได เพื่อหลบกล้องวงจรปิดสองตัวที่อยู่ตรงบันไดที่จะพาขึ้นไปยังชั้นสองของตึก ตึกนี้มีด้วยกันทั้งหมดห้าชั้น โดยที่ชั้นแรกและชั้นที่สองเป็นที่ติดต่อ-สอบถาม ชั้นสามและชั้นสี่เป็นห้องซ้อมและห้องอัดเสียง ส่วนชั้นห้าชั้นสุดท้ายเป็นห้องส่วนตัวของ ลี ซูมาน ซึ่งจะไม่อนุญาติให้คนนอกเข้าและเป็นชั้นที่มีการป้องกันภัยหนาแน่นที่สุด
              "บ้าเอ๊ย กล้องวงจรปิดโครตเยอะว่ะ"ร่างหนาของยุนโฮสบถอย่างหงุดหงิด ก่อนที่จะเปิดโน้ตบุ๊กที่เจ้าตัวถือติดตัวมาด้วย
    แล้วทำการเจาะข้อมูลการรักษาความปลอดภัยภายในอาคาร เพื่อปิดกล้องวงจรปิดที่อยู่ในอาคาร ยุนโฮถนัดเรื่องการเจาะระบบ ส่วนยูชอนขึ้นชื่อในเรื่องฝีเท้าที่เบาและรวดเร็ว
              "จะบ่นทำไมว่ะยุนโฮ"ร่างโปร่งของยูชอนบ่นอย่างรำคาญ ตอนนี้ทั้งสองขึ้นมาอยู่ที่ชั้นสามแล้ว ชั้นนี้มีผู้คนไม่พลุ่งพล่าน ที่มีก็แค่นักร้องในค่ายบางส่วนเท่านั้น คงเพราะวันนี้เป็นวันหยุดราชการถึงไม่ค่อยมีคนสักเท่าไหร่ ทั้งสองเดินตรงไปที่ลิฟท์อย่างระมัดระวังโดยพยายามไม่เป็นที่สังเกตุ ยูชอนเอี้ยวตัวหลบชายวัยกลางคนที่ยืนขวางทางเข้าลิฟท์อย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะก้าวเข้าไปในลิฟท์พร้อมๆกับยุนโฮที่ตามมาติดๆ ยุนโฮและยูชอนก้าวออกมาจากลิฟท์ ตอนนี้เขาทั้งสองมาถึงชั้นที่ห้าแล้ว ที่สุดทางเดินมียามเฝ้าอยู่หน้าประตู 5-6 คน เขาคาดว่าคงเป็นห้องของ ลี ซูมาน เพราะเสียงลิฟท์ทำให้ยามที่อยู่ในชั้นไหวตัวทัน ยามคนหนึ่งชักปืนออกมาจากปกเสื้อ มือหยาบกร้านของยามเหนี่ยวไกปืน ก่อนที่จะยิงออกไปโดยมีจุดมุ่งหมายที่ยูชอน ยูชอนเอี้ยวตัวหลบลูกกระสุนที่ยามยิงออกมาแต่กระนั้นลูกกระสุนก็ยังเฉียดผ่านข้างแก้มของเขา ทำให้มีเลือดออกเป็นทางยาว ยูชอนกระโจนเข้าไปหายามเพื่อแย่งปืนอย่างไม่ให้ยามไหวตัวทัน ก่อนที่จะฟาดสันมือไปยังท้ายทอยของยาม เขาไม่อยากใช้ปืนเพราะมันมีเสียงดัง ซึ่งจะทำให้คนในอาคารไหวตัวทัน
              ทางด้านยุนโฮเขาหยิบปืนขนาดเล็กที่พกติดตัวออกมาพร้อมที่เก็บเสียงแล้วเหนี่ยวไกพร้อมยิง
              "เฮ้ยๆๆเดี๋ยวก่อนยุนโฮ"ยูชอนเห็นท่าไม่ดีจึงห้ามยุนโฮไว้ เขาแค่กลัวว่า ลี ซูมาน จะไหวตัวทัน....
              ไม่....
              ไม่ใช่....
              มัน....ไม่ใช่
              เขาก็แค่....ไม่อยากให้ใครบาดเจ็บ นอกเหนือจากคนที่เป็นเป้าหมายเท่านั้น
              "แล้วจะให้ทำยังไง พวกเราคือนักฆ่าน่ะเว้ย"นักฆ่า....นั่นสิ อาชีพของเราคือนักฆ่าและนักฆ่าไม่จำเป็นต้องมีความเห็นใจแค่จัดการเป้าหมายให้เสร็จ ส่วนคนที่มาขัดขวางก็กำจัดทิ้งซะ ไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย ในเมื่อนักฆ่าก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง มีความรู้สึก มีความเห็นใจ มีกิเลศ และมีสามัญสำนึกอยู่ในตัวทุกคน การจะฆ่าใครสักคนหนึ่งจึงไม่ใช่เรื่องง่ายนักสำหรับใครบางคน แต่ต้องไม่ใช่กับนักฆ่า!!!
              "อืม....ทำอะไรก็ทำเถอะ"ยูชอนว่าจบกระสุนจากกระบอกปืนของยุนโฮก็แล่นไปหาเป้าหมายของมันทันที ดวงตาของยามเบิกโพล่งยามที่ลูกกระสุนพบกับจุดหมายของมันแล้ว ไม่มีเสียงอะไร มีเพียงแต่เสียงอวดครวญและร้องขอความช่วยเหลือ
              "ยะ....อย่าทำอะไรผมเลยน่ะครับ ผมยังมีลูกมีเมียที่ต้องดูแล"ยามคนหนึ่งร้องขอขึ้นมา ยูชอนไม่รู้ว่าจะรู้สึกสงสารหรือสมเพศดี ร่างหนาของยุนโฮปรายตามองยามคนนั้นอย่างสมเพศ ก่อนจะหันกระบอกปืนไปทางยามแล้วยิงออกไปอย่างไม่ลังเล ชีวิตของยามจบลงพร้อมกับลูกกระสุนที่หมดแม็กของยุนโฮพอดี ทั้งสองไม่พูดอะไรเพียงแต่ยืนอยู่อย่างเงียบๆท่ามกลางศพมากมาย ราวกับจะไว้อาลัยให้พวกเขา
              "ไปกันต่อเถอะ"ยุนโฮบอกก่อนจะเดินนำไปที่หน้าประตูซึ่งมีเพียงบานเดียวในชั้นนี้
              "อืม"ยูชอนตอบรับคำในลำคอก่อนจะเดินตามยุนโฮไป
              ก็อกๆๆๆ
              มือหนาของยุนโฮเคาะประตูอย่างมีมารยาท ถึงเป็นนักฆ่าก็ต้องมีมารยาท ไม่จำเป็นต้องไปกลัว เพราะ คนที่เราฆ่าก็ใช่ว่าจะดีนักหรอก นี่คือสิ่งแรกที่ คัง โฮดง สอนพวกเราเมื่อเข้ามาเป็นนักฆ่าใหม่ๆ คัง โฮดง ก็คือมาเฟียที่คนในระแวกนี้ต่างก็เกรงกลัวกันมาก เนื่องจากมีอิทธิพลเพราะมีเส้นสาย ทำให้ไม่มีใครกล้าหือด้วยและเป็นเจ้านายของพวกเราในตอนนี้ เพราะความสนิทสนมพวกเราจึงเรียก คัง โฮดง ว่า ลุงคัง ความจริงแล้วลุงคังไม่ใช่คนโหดร้ายอะไรหรอก ออกจะมีอารมณ์ขันด้วยซ้ำ ท่านเป็นคนใจดีและอบอุ่น อบอุ่นซะจนยูชอนนับถือเป็นพ่อคนที่สองด้วยซ้ำ แต่ไม่มีใครรู้ว่าทำไมถึงมาทำอาชีพนี้
               "เข้ามา"เสียงที่ฟังดูมีอำนาจอย่างน่าประหลาดดังลอดออกมานอกห้อง ยุนโฮไม่รอช้าเขารีบเปิดประตูเข้าไปทันทีที่ได้รับอนุญาติ ลี ซูมาน นั่งหันหลังให้พวกเขาโดยที่ไม่รู้ว่ามัจจุราชกำลังย่างกลายเข้ามา เขานั่งอยู่บนเก้าอี้สีดำใบใหญ่ที่มีพนักพิงพร้อมที่เท้าแขนแลดูน่าสบายตรงหลังโต๊ะใบใหญ่ที่ทำจากไม้มะฮอกกานี ซึ่งมีกองเอกสารมากมายวางอยู่บนนั้น
               "มีธุระอะไรกะ....!!!"ลี ซูมาน หันหน้ากลับมาถามคำถาม แต่คำพูดสุดท้ายกลับหายไปในลำคอ ดวงตาสีนิลของเขาเบิกกว้าง เบื้องหน้าเขาคือเด็กหนุ่มสองคนที่อายุประมาณรุ่นลูกของเขา หนึ่งในนั้นหยิบปืนมาจี้หน้าผากเขาไว้ ส่วนอีกคนมองดูด้วยความเย็นชา
              "ขอโทษน่ะครับ แต่ว่ามันเป็นงาน"ยูชอนไม่พูดพร่ำทำเพลงเขาลั่นไกปืนออกไปทันที แรงอัดจากกระบอกปืนส่งผลให้เขาเซเล็กน้อยแต่ก็ทรงตัวไว้ได้ ร่างของ ลี ซูมาน ล้มลงพร้อมกับเลือดสีแดงฉานที่ไหลรินออกมาจากหน้าผาก
              "ไปหาอะไรกินกันป่ะ เสร็จงานแล้ว"ยุนโฮเอ่ยชวนหลังจากที่ยูชอนเก็บปืนเสร็จ
              "อ่า นั้นสิ ฉันเองก็เริ่มหิวแล้วไปหาอะไรกินกันเถอะ"ยูชอนรับคำก่อนจะเดินออกไปจากห้องของ ลี ซูมาน เพื่อไปร้านอาหารพร้อมกับยุนโฮ

              ร้านอาหาร
              "เดินเร็วๆหน่อยสิครับพี่จุนซู"ชางมินเร่งจุนซูที่เดินอืดอาดลงมาจากรถ เพราะท้องของเขาเริ่มร้องเนื่องจากหิวอย่างมาก
              "รู้แล้วล่ะน่าชางมิน"จุนซูรีบก้าวยาวๆตามไปติดๆ แต่เพราะไม่ทันระวังทำให้เข้าเดินชนคนๆหนึ่งเข้า
              "โอ๊ย!!! ขอโทษครับ"ร่างบางกล่าวขอโทษเพราะตนเองไม่ทันระวัง
              "ไม่เป็นไรครับ"อีกฝ่ายตอบกลับมา แต่เพราะเสียงที่คุ้นเคยทำให้จุนซูอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นไปมอง
              "!!!"

           

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×