คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 8
พิมพ์ดารา ขับรถออกมาด้วยความอารมณ์เสีย และโมโหเมื่อนึกถึงก้อง ‘ทำไม ชั้นเจอ นายนั้น ชั้นต้องเหนื่อยทุกทีเลยนะ ขโมยงั้นเหรอ มันติดมาเองหรอกย่ะ” เธอเอาโทรศัพท์เครื่องต้นเหตุออกมาปาลงไปเบาะด้านข้างคนขับระบายอารมณ์ แต่เสียงโทรศัพท์พลันดังขึ้น ทำเอาเธอสะดุ้งตกใจ เมื่อรวมสติดูดีๆแล้วเสียงโทรศัพท์ที่ดัง ไม่ได้ดังมาจากโทรศัพท์เครื่องนั้น แต่กลับดังมาจากเครื่องของเธอเอง เล่นเอาเธอใจหายไปเหมือนกัน
เธอเอาโทรศัพท์ของเธอออกมา ชื่อที่หน้าจอ บอกให้รู้ว่า ธานุพันธ์เป็นคนโทรเข้ามา เธอยิ้มเหมือนจะเยาะ ที่ธานุพันธ์เป็นฝ่ายโทรมาหาเธอก่อน เขาคงรู้แล้วว่าเธออยู่เมืองไทย พมพ์ดารากดรับ แต่ยังไม่ได้พูด รอให้ทางธานุพันธ์เป็นฝ่ายทักเธอก่อน และธานุพันธ์ก็เอ่ยทักขึ้นมาก่อนจริงๆ
“พิมพ์ เธอมาถึงเมืองไทยตั้งแต่เมื่อวานแล้วเหรอ”ธานุพันธ์ เอ่ยทักทางโทรศัพท์
“ใช่” เธอตอบสั่นๆ ห้วนๆ
“พ่อฉัน บอกเรื่องที่จะให้เธอแต่งงานกับฉันแล้วใช่มั๊ย”
“ใช่”เธอตอบสั่นๆอีก แต่ครั้งนี้เชิดยิ้มออกมา
รอยยิ้มของเธอนั้นแปลก มันไม่ได้เป็นรอยยิ้มที่บ่งบอกถึงความสุขของผู้หญิงที่มีความรักและกำลังจะแต่งงาน แต่เป็นรอยยิ้มที่ภูมิใจในตัวเอง เหมือนกับบอกว่า มีแต่เธอเท่านั้นที่คู่ควรเหมาะสมจะแต่งงานกับธานุพันธ์
“ฉันว่า ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอเรื่องนี้ ตอนนี้เธอมาพบฉันที่ภัตรคาน ริมน้ำ หน่อยสิ”ธานุพันธ์ บอก
“ได้ แล้วน้องจะไป”เธอตอบเรียบๆ พร้อมกับกดตัดสาย ในใจเธอรู้สึกอิ่มเอมเล็กๆ ที่เขาจะมีเรื่องคุยกับเธอ และเป้นฝ่ายโทรหาเธอก่อนโดยไม่ต้องให้เธอเป็นฝ่ายโทรไป เธอเปลี่ยนเส้นทางที่จะกลับโรงแรม ไปยังภัตรคานริมน้ำ แถวๆ แม่น้ำเจ้าพระยา โดยไม่รู้ว่ามีแท็กซี่ที่ก้องนั่ง ตามมาอยู่ห่างๆ
เมื่อมาถึง พิมพ์ดารา เข้ามาจอกรถในที่จอดรถด้านหน้าของภัตรคาน สำรวจความเรียบร้อยของตัวเอง ตรงกระจกส่องหลัง ผมเธอดูจะแตกทรงเล็กน้อย จากการวิ่งหนีก้อง และตอนนี้พยายามจะจัดให้เข้าที่
“นายนั้นทำผมชั้นยุ่งเลยดูซิ” เธอบ่นอุบอิบขณะจัดทรงผม ก่อนจะลงจากรถ เดินอย่างสง่า เข้าไปในตัวภัตรคาน หลังจากที่เธอลับตาไป รถแท็กซี่ที่ก้องนั่งก็ผ่านมาถึงหน้าภัตรคาน เขาเห็นรถของเธอแล้ว และจำได้แม่นยำ
“พี่ จอดตรงนี้แหละ”ก้องบอกคนขับแท็กซี่ พร้อมรีบควักเงินให้ตามมิเตอร์ รีบลงเดินไปยังทางเข้าภัตรคานเพื่อตามหาตัวเธอ
ภัตรคาน ริมน้ำ เป็นภัตรหรูระดับห้าดาว มีชื่อในการท่องเที่ยว ที่ชั้นบนยังเป็นเรือนกระจก กรองแสง ส่องมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา ภายในตกแต่งหรูหรา ประดับประดา ด้วยโคมไฟระย้า แสงบรรยากาศนวลตา โต๊ะเก้าอี้ที่ออกแบบมีสไตล์ เปิดเสียงดนตรี ออร์เครสตร้า เคล้าคลอไปกับการรับประทานอาหาร
บริกรแต่งตัวสุภาพด้วยชุดสูทผูกหูกระต่าย สวมผ้ากันเปื้อนขาวสะอาดเล็กๆที่เอว นำพิมพ์ดาราขึ้นมายังชั้นบน ตรงมาที่โต๊ะของธานุพันธ์ ทันทีที่เธอแจ้งชื่อผู้จอง
โต๊ะที่ธานุพันธ์จองไว้ ไม่ใช่โต๊ะเดี่ยวเก้าอี้คู่ ที่คู่รักจะใช้นั่งรับประทานอาหารชมวิวกันสองต่อสอง แต่เป็นสำหรับสี่ที่ เหมือนจะมีคนตามมาเพิ่มที่หลัง และธานุพันธ์ก็นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
ทันที ที่เธอมาถึง ธานุพันธ์ลุกขึ้น ไปเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่งตามหน้าที่ของสุภาพบุรุษที่เขาไม่ค่อยอยากจะทำ แต่ถ้าไม่ทำเขารู้ว่าพิมพ์ดาราจะพูดว่าเขายังไง และเป็นสิ่งที่เขาไม่อยากจะฟัง หลังจากเธอนั่งลง ธานุพันธ์จึงมานั่งลงฝั่งตรงข้าม
“พี่นุมีอะไรจะคุยกับน้องหรือค่ะ”เธอพูดขึ้นเรียบๆอย่างอารมณ์ดี หลังจากได้บรรยากาศที่ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายอารมณ์ลงบ้าง แม้เธอจะเรียกตัวเองเป็นน้อง และมีหางเสียงลงท้ายด้วยคำว่า ค่ะ แต่ท่าทีและน้ำเสียงยังอยู่เหนือกว่าธานุพันธ์ และนี่เป็นสิ่งที่ธานุพันธ์เกลียดมากที่สุดในตัวเธอ เขาไม่เคยอยู่เหนือเธอเลยตั้งแต่เด็ก เพราะพ่อของเขาคอยให้ท้ายเธออยู่เสมอ มันเป็นปมด้อยเพียงสิ่งเดียวในชีวิต ที่แหมือนจะเกิดมาเป็นเจ้าชาย แต่ยังมียัยแม่มดนี่มาผจญ
เออ.. คือ.. คือ..เธอจะสั่งอาหารก่อนมั๊ย”ธานุพันธ์ เอ่ยขึ้นแบบเกรงๆ เหมือนจะพูดเรื่องหนึ่งแต่หันเหไปอีกเรื่องหนึ่ง ไม่ค่อยจะสบตาเธอแบบตรงๆ ท่าทีลุกลนหน่อยๆ
“ไม่ล่ะ.. ตกลงพี่นุมีเรื่องอะไรจะพูดค่ะ”เธอถามย้ำ ท่าทางสงสัย
ธานุพันธ์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ‘เอาว่ะตายเป็นตาย’ เขาตัดสินใจ
“คือ.. ก็เรื่องแต่งงานของเรา ฉันคิดว่าเราสองก็โตมาด้วยกันใช่มั๊ย ตอนเด็กๆ ก็เหมือนพี่น้องกัน... ที่นี้พ่อฉันจะให้เราสองคนแต่งงานกัน ฉันว่ามันไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่...”
“ทำไม-ถึงว่า-มันไม่ดี”เธอเน้นเสียงแทรกขึ้น ทั้งที่ธานุพันธ์ยังพูดไม่จบ หางเสียงฟังดูดุ และเย็นเยียบ มองเขาชนิดจดจ้อง
ธานุพันธ์ สะอึกนิดหนึ่ง ก่อนระบายลมหายใจอย่างอึดอัด
“ก็เธอคิดดูนะ เราสองคนไม่ได้รักกัน ฉันกับเธอนิสัยก็เข้ากันไม่ได้ ตอนเด็กๆ เราก็ทะเลาะกันแทบทุกวัน แล้วเราจะแต่งงานกันได้ยังไง”
“แต่น้องคิดว่า เราเหมาะสมกัน”
“มันไม่ใช่แค่เรื่องความเหมาะสมนะพิมพ์ดารา” ธานุพันธ์ อดไม่ได้ที่จะขึ้นเสียง แต่แล้วก็ต้องลดท่าทีลง เมื่อพบแววตาของเธอจ้องเขม่ง
“และก็... ที่สำคัญฉันมีแฟนแล้ว ฉันจึงจะไม่แต่งงานกับเธอ” ธานุพันธ์บอกต่อ ไม่ค่อยจะเต็มเสียง แต่ทำให้พิมพ์ดารานิ่งอึ้งไป พร้อมกันนั้นผู้หญิงคนหนึ่ง ผลุดลุกขึ้นจากโต๊ะ ด้านหลังมายืนข้างธานุพันธ์ เธอก็คือแพรพรรณนั่นเอง ในตอนนี้เธอแต่งตัวด้วยชุดสวยหรู ใส่เครื่องประดับ แต่งหน้าใสเนียน จนดูสวยผิดหูผิดตา ธานุพันธ์ลุกขึ้นโอบไหล่เธอเขาชิดตัว ให้พิมพ์ดาราเห็นชัดๆ
“ผู้หญิงคนนี้ ก็คือคนที่ฉันรัก รู้จักกันไว้สิ เธอชื่อแพร”
พิมพ์ดารา จากที่นิ่งอึ้งกลายเป็นโกรธ เธอไม่เคยคิดว่าธานุพันธ์จะกล้าปฏิเสธ ที่จะแต่งงานกับเธอ ใช้สองมือตบท้าวโต๊ะผลุดลุกขึ้น
“หมายความว่ายังไง / หมายความว่ายังไง” เสียงของเธอดังขึ้นพร้อมกับเสียงผู้ชายอีกคนที่เดินมาที่ด้านหลัง ทั้งสามคนต้องตะลึง เมื่อเห็นก้อง และสีหน้าเขาก็ดูจะตื่น จากสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่นี้
ก้องเดินรี่เข้ามา โดยลืมเรื่องของพิมพ์ดาราไป เขาคว้าแขนของแพรดึงออกห่างจากธานุพันธ์
“แพร นี่มันเรื่องอะไร อธิบายหน่อยซิ” ก้องคาดครั้นถาม
แพรมีท่าทีตื่นๆ ไม่รู้จะตอบยังไง ธานุพันธ์เองก็เหมือนกัน ทั้งสองคนทำอะไรไม่ถูก พิมพ์ดาราเองก็ยิ่งงงหนัก ที่แรกนึกว่าก้องตามเธอมา แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ มองไล่สลับดูทั้งสามคน
“ก้องปล่อยแพรก่อน เดี๋ยวค่อยคุยกันที่หลัง”เธอบอกปัดเบาๆ พยายามบิดแขนสะบัดให้หลุด เพราะตอนนี้เธอต้องทำตามแผนของธานุพันธ์
แต่ก้องไม่ยอมปล่อยกลับจะฉุดเธอออกไป เพื่อไปคุยกัน ธานุพันธ์เมื่อตั้งสติได้ รีบฉุดข้อแขนของแพรอีกข้างหนึ่ง ไม่ให้ก้องเอาตัวเธอไป
“แกจะทำอะไร ปล่อยแฟนชั้นนะ” ธานุพันธ์ตวาดเสียงดัง
ก้องพอได้ยิน สติพลันขาดผึง ปล่อยแพรออก ทำท่าจะเข้าต่อยธานุพันธ์ ท่ามกลางเสียงหวีดว๊ายของแขกโต๊ะรอบๆ
เสียง เพี้ยะ ดังขึ้น แต่ไม่ใช่เขาต่อยธานุพันธ์ แต่เป็นแพรที่ขวางไว้และตบหน้าเขา ก้องถึงกับหยุดชะงักนิ่งไป
“ก้องนี่มันจะมากไปแล้วนะ ก้องเป็นอะไรกับแพร ถึงมาทำนิสัยอย่างนี้” แพรทั้งอาย ทั้งโมโห วีนใส่ก้องทั้งน้ำตา ก่อนจะจูงมือธานุพันธ์ เดินเร็วๆออกไปจากโต๊ะอาหาร เพราะกลัวธานุพันธ์จะถูกก้องทำร้าย
“แพร !”ก้องเรียก รีบวิ่งตามไป พิมพ์ดารางงอยู่พักหนึ่ง ค่อยตั้งสติได้ ‘นั่นมันคู่หมั่นชั้นนะ จะปล่อยให้คนอื่นพาไปได้ยังไง’ รีบเดินเร็วๆ ตามออกไปเป็นคนสุดท้าย
ก้องพอออกมาจากภัตรคาน เขาเห็นรถของธานุพันธ์เพิ่งจะออกตัวออกไป ก้องมองหาแท็กซี่จะนั่งตาม แต่มันไม่มีผ่านมา จนเห็นพิมพ์ดารา มาที่รถของเธอ เขานึกได้ว่าจะทำอะไร
พิมพ์ดาราเปิดประตูกำลังจะขยับตัวนั่งลงเบาะ เพื่อจะขับรถตามธานุพันธ์ ไม่ทันจะปิดประตู ก้องกลับมุดตัวเข้ามา ดันเธอให้ขยับไปที่นั่งเบาะด้านข้าง พิมพ์ดาราตกใจ ร้อง
“นี่ คุณจะทำอะไร”พยายามดันเขาให้ออกไป
“เฉยเหอะน่า.. คุณเถิบไป”ก้องบอกสีหน้าร้อนใจ พร้อมทั้งดันตัวเธอแรงๆไปเบาะด้านข้าง ตัวเขาเข้ามานั่งที่คนขับ
“นี่คุณจะขโมยรถชั้นเหรอ”พิมพ์ดาราตวาดใส่ ด้วยความโมโห ทั้งทุบทั้งถีบไล่เขา
จนก้องตวาดลั่น” คุณเงียบเหอะน่า ผมไม่ขโมยรถคุณหรอก ผมจะไปตามคนรักของผมกลับคืน”
เสียงและสีหน้าของก้องดูน่ากลัวจนพิมพ์ดาราชะงัก ก้องจึงดึงกุนจือในมือของเธอมา สตาร์ทรถ ขับออกไป
ก้องขับรถเร็วและน่ากลัว เพื่อจะตามให้ทันธานุพันธ์ จนพิมพ์ดาราต้องคว้าเข็มขัดนิรภัยเพื่อจะมาคาด ทันทีที่เธอขยับตัว รู้สึกว่าเธอนั่งทับอะไร เหลี่ยมๆแข็งๆ อยู่ที่ก้น และเธอก็เห็นมันโพล่ออกมาหน่อยหนึ่งจากที่เธอนั่งทับ ว่ามันคือโทรศัพท์ของอีตานี่ ที่เธอขว้างลงมาตรงนี้ เธอลอบชำเลืองมองไปที่ท่าทางดุขึงขังของเขา ที่กำลังมัวเมากับการขับรถไล่ตามธานุพันธ์ ว่าเขาเห็นมันหรือป่าว แล้วสีหน้าของเธอก็เริ่มหวั่นๆ นึกในใจ
‘ถ้าอีตานี่ รู้ว่าโทรศัพท์ของเขาอยู่ตรงนี้ เขาจะฆ่าชั้นมั๊ยนะ’ เธอจึงค่อยๆขยับตัวทับให้มันสนิท ไม่ให้มันมีโอกาส โพล่ออกมาให้เขาเห็น และทำให้มีพิรุธน้อยที่สุด
ทันทีนั้น รถหลายคันชะลอทำท่าจะติดไฟแดง ธานุพันธ์อยู่ห่างจากเขาหลายช่วง ไม่รู้ว่าพ้นไฟแดงออกไปหรือ ก้องไม่สามารถขับรถที่ขวางขึ้นหน้าตามไปได้ เขาสบถร้องลั่นรถ ทุบพวงมาลัยดัง ปึง ระบายอารมณ์ ทำเอาพิมพ์ดาราที่คิดถึงเรื่องโทรศัพท์กำลังขยับตัวทับ สะดุ้งหันมามอง แต่เห็นเขาฟุบหน้าลงกับพวงมาลัยรถ เหมือนรู้ตัวว่าตามธานุพันธ์ไม่ทัน แล้วพิมพ์ดาราก็ได้สะดุ้งอีกครั้งเมื่อโทรศัพท์ ที่เธอนั่งทับมันเริ่มสั่น และมีเสียงเล็ดลอดออกมา
“ฮู ~ลัน~ ลั่นลั้นลา มามา มารักกัน ฮู ~ลัน~ ลั่นลั้นลา ฉันนั้น รักเธอทุกวัน”
ก้องเงยหน้าขึ้น สีหน้าเหมือนจะนึกว่า เสียงนี้มาจากไหน เขาจำได้ว่า เสียงนี้คือเสียงริงโทนที่เขาเลือกตั้งให้โทรศัพท์ที่เขาซื้อให้แพร
พิมพ์ดาราตัวแข็งเป็นหิน หน้านิ่งสนิท พยายามบิดก้นบดโทรศัพท์ หวังให้น้ำหนักตัวกดทับโดนปุ่มอะไรสักอย่างให้มันเงียบลง แต่มันก็ยัง
“ฮู ~ลัน~ ลั่นลั้นลา มามา มารักกัน ฮู ~ลัน~ ลั่นลั้นลา ฉันนั้น รักเธอทุกวัน”
ก้องรู้แล้วว่ามันดังมาจากไหน เขาหันไปทางเธอ ดันให้เธอเถิบตัวออกไป แต่พิมพ์ดาราฝืนไว้เต็มที่ แข็งตัวแนบชิดเบาะ ร้องหน้าตื่น
“คุณจะทำอะไร จะลวนลามชั้นเหรอ”
“โอ๊ะ โอ๊ะ “เสียงเธอร้อง เพราะถูกก้องดันตัวจนชิดประตู และเขาก็เห็นโทรศัพท์ ก้องหยิบมันขึ้นมาจ่อตรงหน้าเธอ เหมือนจะบอกให้รู้ว่า ฉันเจอมันแล้ว นี่ไง แต่ไม่ได้พูดอะไร และเบอร์ที่โทรเข้ามา ก็คือเบอร์ของศูนย์ผู้ให้บริการโทรมาแจ้ง สิทธิพิเศษและโปรโมชั่น เขาเก็บมันเข้ากระเป๋าโดยไม่สนใจ
พิมพ์ดาราทำหน้าไม่ถูก เธอพูดอะไรไม่ออก เบืองหน้าหลบอย่างนึกอายตัวเองและอายเขา แทบจะแทรกแผ่นดินหนี แต่พยายามวางท่าเรียบเฉยไว้ไม่ให้เสียเชิง ‘มันช่างดังได้ถูกเวลาจริงๆ’เธอคิด
ไฟแดงหมดลง ไฟเขียวกระพริบขึ้น ก้องขับรถออกตัวออกไป แต่เขาไม่เห็นรถของธานุพันธ์ มันคงจะคาดกัน และตามต่อไปไม่ได้แล้ว
เขาหมดกำลังใจที่จะตาม ขับรถไปตามถนนอย่างเลื่อนลอย โดยไม่พูดอะไรสักคำเดียว พิมพ์ดาราก็ดูจะเงียบลงหลังจากถูกเขาจับได้เรื่องโทรศัพท์ รถวิ่งไปโดยไม่มีจุดหมาย เหมือนกับปล่อยให้ไปตามถนน เมื่อนานเข้า พิมพ์ดาราอดไม่ได้ที่จะถาม
“คุณจะขับไปถึงไหน” น้ำเสียงของเธอยังเชิดหยิ่ง แต่ครั้งนี้ฟังดูออกจะเกรงๆก้องเล็กน้อย ก้องเหมือนจะรู้สึกตัว เขาเห็นที่ด้านหน้ามีที่กว้างพอจะจอดรถชิดถนน เขาจึงเปลี่ยนเลนเข้าไป จอดเทียบฟุตบาท เปิดประตูลงจากรถโดยไม่พูดอะไร พิมพ์ดารารู้สึกอึดอันถ้าเขาจะเข้าใจผิดเรื่องโทรศัพท์ เธอทนไม่ได้ถ้าคนอื่นจะมองเธอด้วยสายตาแบบนั้น
“นี่ เรื่องโทรศัพท์ จริงๆ ชั้นไม่ได้ขโมยมานะ มันติดมาเองตอนที่ชั้นวางเสื้อโค้ทไว้ที่โต๊ะกางแบบที่ห้อง”เธอบอกไล่หลังเขาเสียงดัง
ก้องหันเดินกลับมา สีหน้าของเขาดูซึมและเฉยชา
“ถ้าคุณอยากได้ผมก็จะให้คุณ” เขาบอกเรียบๆ เบาๆ หยิบโทรศัพท์หย่อนลงบนตักของพิมพ์ดารา แล้วก็เดินจากไปโดยเร็วไม่รอฟังอะไร เขาไม่อยากเห็นโทรศัพท์เครื่องนี้อีกแล้ว พิมพ์ดารารีบหยิบโทรศัพท์ เปิดประตูรถออกมา จะคุยให้รู้เรื่อง สิ่งที่เธออยากบอกมันไม่ใช่แบบนี้ แต่ก้องเดินเร็วหายไปกับผู้คนที่เดินผ่านไปมา จนเธอต้องกระแทกเท้านึกโมโห
๑
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ความคิดเห็น