คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 7
๑
เช้าวันรุ่งขึ้น ก้องตื่นสายนิดหน่อย เพราะเขาแทบไม่ได้นอน คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองเมื่อวาน แพรออกไปมหาลัยแต่เช้ากว่าปกติและไม่รอก้องและสัน เหมือนพยายามจะหลบหน้า ที่บ้านพักของพวกเขาบรรยากาศดูเงียบหงอย ไม่สดใสเหมือนเช่นเคย
“แกไม่ไปมหาลัยเหรอ?” สันถามขึ้นเมื่อเห็นก้องไม่ได้เปลี่ยนชุดนักศึกษา
“อ๋อ..ไม่ พี่ป๋องมีงานเร่งต้องทำให้เสร็จ ฉันว่าจะหยุดสักสามวัน”ก้องตอบท่าทางเซื่องซึม
สันรู้ว่าเขากลุ้มเรื่องของแพร แต่ก็ยากที่จะปลอบ จึงได้แต่พยักหน้า เงียบๆ ก่อนจะหันมาบอก “งั้นฉันไปนะ เออ.. แล้วก็อย่าคิดมากล่ะ เรื่องมันอาจยังไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้”
สันทิ้งท้ายปลอบใจไว้ก่อนจะออกไป ก้องก็พยายามที่จะเชื่อแบบนั้น และพยายามทำตัวให้กระฉับกระเฉง เขาเก็บเสื้อผ้าข้าวของที่จำเป็นใส่เป้สะพาย เพื่อจะเริ่มไปทำงานที่คอนโด และเมื่อเขามาถึง พี่ๆก็ต่างมากันพร้อมหมดแล้ว เพียงแต่ไม่ได้เริ่มลงมือทำงาน พี่ป๋องกำลังพูดคุยกับคนๆหนึ่ง ท่าทางเครียด โดยมีพี่คนอื่นๆ ยืนล้อมฟัง
“หมายความว่ายังไง นายจะให้เราเลิกทำงาน เมื่อวานเจ้าของห้องก็มา ก็ตกลงกันไว้สามวัน นี่เราก็เตรียมตัวกันมาพร้อมแล้ว”
“คืองี้ป๋อง.. ฉันก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง จู่จู่เขาก็โทรมาบอกว่าไม่ชอบการทำงานของพวกนาย และอยากเปลี่ยนชุดตกแต่ง จริงอยู่ฉันรู้ว่าฉันผิด ที่จะยกเลิกงานของนายกลางคัน แต่เขาให้เหตุผลว่าพวกนายไม่ใช่มืออาชีพ และฉันก็ทำอะไรไม่ได้จริงๆ แต่เขาเสนอเงินให้พวกนายนะ ก็พอๆ กับที่นายทำเสร็จนะแหละ”เพื่อนของพี่ป๋อง พยายามจะอธิบายอย่างยากลำบาก สีหน้าแย่พอๆกัน
“มันไม่ใช่เรื่องเงินแล้ว” พี่ป๋องบอกท่าทางโมโห ”ทำอย่างนี้ฉันก็เสียเครดิตนะสิ แล้วคนอื่นจะคิดว่าไง ฉันไม่มีฝีมืออย่างนั้นเหรอ แล้วต่อไปใครจะมาจ้างฉัน อีกอย่างแบบนี้ก็เป็นแบบของฉันที่เสนอไป และฉันกะเอามันออกนิตยสาร ถ้าฉันไม่ได้ทำมันกับมือแล้วจะมีประโยชน์อะไร”
“ป๋อง..ฉันเข้าใจ..แต่ว่านายก็รู้ ว่านายเป็นแค่ sub ที่รับงานจากบริษัทฉัน สัญญาที่เซ็นไว้ก็ไม่ช่วยอะไรนาย จะยังไงนายก็ต้องทำตามความต้องการของบริษัทฉัน ฉันเองก็เป็นแค่ผู้ประสานงาน ช่วยอะไรไม่ได้ นายคงเข้าใจฉันนะ”เพื่อนพี่ป๋องพูดปลอบตัดบท พร้อมกับตบหัวไหล่เขาเป็นการปลอบ ก่อนที่จะออกจากห้อง
พี่ป๋องใช้มือท้าวโต๊ะก้มหน้านิ่ง เหมือนพยายามขมอารมณ์ บรรยากาศในห้องเงียบงัน ไม่มีใครพูดอะไร ก้องพอจะจับใจความได้คราวๆแต่ก็อยากรู้เรื่องให้ละเอียด เลยสะกิดถามพี่นก
“เรื่องอะไรครับ”ก้องถาม
พี่นกหันมาตอบเบาๆ สีหน้าไม่ดี
“ก็ผู้หญิงเมื่อวาน ที่เป็นเจ้าของห้อง โทรบอกบริษัทที่เรารับงานอยู่ให้ยกเลิกงานของเรา ทั้งที่เมื่อวานก็ตกลงกันแล้วว่าสามวัน แล้วทำไมกลับคำเอาง่ายๆนะ ไม่เข้าใจจริงๆ ทำอย่างนี้เหมือนแกล้งกันชัดๆ”
ก้องฟังแล้วต้องนึกถึงเรื่องเมื่อวาน อดคิดไม่ได้ว่าเขาเองจะเป็นต้นเหตุหรือป่าว เพราะเมื่อวานดันไปมีเรื่องกับเธอ ทำให้เธอสั่งยกเลิกการทำงานของพวกเขา
พี่ป๋องเมื่อรวบรวมสติอารมรณ์ได้ ก็บอกเบาๆต่อทุกคน “ไป พวกเรากลับ ไม่มีอะไรให้ทำแล้ว”
รุ่นพี่ทุกคนต่างทยอยออกจากห้องแยกย้ายกันกลับ ด้วยอารมณ์สุดเซ็ง บอกลากันอย่างหงอยๆ ก้องยังไม่ได้กลับพร้อมพวกรุ่นพี่ เขายืนพิงผนังในห้องมองดูรอบๆ เหมือนเสียดายงานที่ทำ งานนี้พี่ป๋องตั้งใจมาก และกะเอาแบบของมันส่งลงนิตยสารบ้าน แต่แล้วพวกเขาก็ไม่ได้ทำ ทั้งที่มันจวนจะเสร็จ ไม่มีเหตุผลอะไร ที่ผู้หญิงคนนั้นจะบอกเลิกกลางคัน ถ้าไม่ได้โมโหเขาเพราะเขาตามไปทวงโทรศัพท์ หรือนี่จะเป็นความผิดของเขาจริงๆ
“นี่มันอะไรกันว่ะ โทรศัพท์ก็โทรศัพท์เรา เธอขโมยไป แล้วยังมาเลิกจ้างงานเราอีก”ก้องบ่นอย่างหัวเสียเมื่อนึกถึง ว่ามันดูจะบ้าบอและไม่ถูกต้อง แล้วเขาก็วางเป้ลงเดินไปเข้าห้องน้ำ
๑
พิมพ์ดารา จอดรถอยู่หน้าคอนโดตรงที่จอดรถด้านนอก ท่าทางของเธอลุกลี้ลุกลน แต่ยังมีมาดของหญิงไฮโซ เธอไม่ได้ลงจากรถ แต่กำลังชะเง้อมองเหมือนกำลังรอดูอะไรบางอย่าง แล้วก็เห็นรถตู้ที่ทำงานตกแต่งห้องของเธอ ขับออกมาจากทางเข้าจอดรถชั้นใต้ดิน แล้วที่ด้านหน้าคอนโด ยังเห็นคนงานที่เธอเคยเห็นทำงานตกแต่งในห้องของเธอ ออกมานอกคอนโด โบกมือลาให้รถตู้คันนั้นก่อนแยกตัวกันไป
“คงไปกันหมดแล้วสินะ”พิมพ์ดาราพึมพำ โล่งใจ “นายนั่น ต้องไปบอก คนพวกนั้นแน่ๆว่าชั้นขโมยโทรศัพท์ไป เรื่องอะไรจะให้คนอื่นมามองชั้นแบบนั้น เปลี่ยนชุดทำงานไปเลยก็ดี”
เธอพูดกับตัวเองอย่างครึมใจ ท่าทางยโส เคลื่อนรถเข้าไปชั้นใต้ดินของคอนโดที่จอดรถ ลงมาท่าทางลุกลนในมือยังถือโทรศัพท์ของก้องซุกไว้ในมือ เหมือนไม่ต้องการให้ใครเห็น ขึ้นลิฟท์ตรงไปยังห้องของเธอ
เธอค่อยๆแง้มเปิดประตูเข้ามาท่าทางลับๆล่อๆ แต่มันไม่มีใครอยู่ แล้วเธอก็ยิ้มขึ้นอย่างมีเลศนัย เอาโทรศัพท์วางไว้บนโต๊ะ ลอยหน้าเชิด ยิ้มมุมปากเล็กๆ บอกกับตัวเอง
“เท่านี้ก็เป็นว่าชั้นไม่ได้ขโมยไป นายเป็นคนลืมไว้เอง แล้วชั้นจะโทรบอกให้คนชุดใหม่ที่มาเจอ เอาไปคืนให้ เท่านี้นายก็โทษชั้นไม่ได้”
ทันทีนั้น! เสียงประตูบานเลื่อนที่ห้องน้ำ เปิดออกดัง ครืด...
อารามตกใจเธอกลับคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาใหม่ ชายคนเมื่อวาน หรือก้อง ออกมาจากห้องน้ำ ทั้งสองจ้องมองกันตะลึง พิมพ์ดาราหน้าตื่นรีบซุกมือถือติดลำตัวไม่ให้เขาเห็น รีบหันตัวจะเดินออกไป
“นี่” เสียงก้องร้องเรียก
พิมพ์ดาราไม่หันกลับมา ยิ่งสาวเท้าเร็วๆ ออกจากห้อง
ก้องรีบตามออกไป
คุณ! คุณ! ก้องเรียกตามหลัง แต่พิมพ์ดารากลับยิ่งเดินยิ่งเร็ว กลอกตาทำไม่รู้ไม่ชี้ เหมือนไม่ได้ยิน ท่าทางการเดินของเธอเร่งรีบ พยามยามกลบเกลื่อนอาการตื่นอาย กลัวเขาจะจับได้ คิดในใจว่า ทำไมต้องมาเจอเอาตอนนี้ด้วยนะ
จะอย่างไรก้องก็ขายาวกว่า เขาตามติดจะถึงหลังเธอ พิมพ์ดารารู้ตัวว่าเขากำลังใกล้เข้ามา เลยตัดสินใจ ที่จะวิ่งหนี
“โถยัยนี่ วิ่งหนีอีกแล้ว”ก้องสบถ พร้อมกับตั้งท่าจะวิ่งตาม
ทั้งสองคนวิ่งไล่กันลงจากบันไดชั้นเก้าของคอนโด เรียกกันให้หยุด จนคนที่อาศัยในคอนโดผ่านไปผ่านมา นึกว่าคู่ผัวเมียทะเลาะกัน
ก้องดันไปติดคนที่เดินสวนบันไดขึ้นมา ทำให้พิมพ์ดาราทิ้งห่างเขาไปช่วงหนึ่ง พอถึงชั้นสุดท้ายก่อนจะออกชั้นจอดรถใต้ดิน พิมพ์ดาราก็หอบจนเหนื่อยวิ่งไม่ไหว พิงผนังเท้าสะเอว หยุดพักหอบหายใจและนึกโมโห “ทำไมฉันต้องหนีด้วยนะ ก็แค่ให้เงินนายนั้นไป ก็สิ้นเรื่อง”
เธอตัดสินใจเก็บโทรศัพท์ซ่อนไว้กับตัว หันกลับไปเผชิญหน้า เป็นเวลาที่ก้องมาถึงพอดี
“นี่ ชั้นจะบอกคุณไว้นะ ชั้นไม่ได้เอาโทรศัพท์ของคุณไป แต่ถ้าคุณคิดว่าชั้นเอาไปจริงๆล่ะก็ ชั้นก็จะใช้เงินให้ จะได้ไม่ต้องมาตามฉันเหมือนคนโรคจิต “พิมพ์ดาราว่าเน้นเสียงเขียวใส่หน้าเขา ระบายลมหายใจถี่อย่างเหนื่อยหอบ รีบล้วงเช็คเงินสดออกจากกระเป๋าสะพายอย่างเร็ว ตวัดปากกาเขียน จำนวนเงินลงไปในเช็ค
ก้องเอาแต่จ้องมองดูการกระทำของเธอพร้อมกับอาการหอบหายใจ เขาเองก็ดูจะเหนื่อยเหมือนกัน และรู้ว่าเธอกำลังจะใช้เงินปิดช้างที่ตายแทนใบบัว ‘ให้ตายเถอะ ยัยคนนี้ ดูถ้าจะไม่มีทางยอมรับจริงๆ’ ก้องคิด
แต่ตอนนี้เขาไม่ได้ตามเธอมาด้วยเรื่องโทรศัพท์ เขาอยากจะคุยกับเธอ เรื่องที่เธอยกเลิกไม่ให้พวกเขาทำงานมากกว่า
“นี่ ผมไม่ได้มาเพราะเรื่องนี้ ผมอยากรู้ว่าทำไมคุณถึงยกเลิกงานที่พวกผมทำอยู่ ผมว่าพวกผมไม่ได้ทำอะไรผิดและทำงานกันดี แถมยังทำตามความต้องการของคุณทุกอย่าง จะให้พวกผมทำให้เสร็จภายในสามวัน พวกผมก็ทำให้ได้ วันนี้ก็เตรียมตัวกันมาแล้วด้วย แล้วจู่จู่ ทำไมคุณถึงยกเลิก คุณช่วยบอกผมหน่อยได้มั๊ย ” ก้องบอกอธิบายยาว เหมือนกลัวว่าจะไม่ได้พูด เดี๋ยวเธอจะวิ่งหนีไปอีก
พิมพ์ดาราทำหูทวนลม รีบเขียนเช็คจนเสร็จ ยื่นส่งให้เขา
“เรื่องงานพวกคุณ ชั้นไม่จำเป็นต้องอธิบาย ชั้นไม่ชอบก็คือไม่ชอบ พวกคุณทำงานไม่ถูกใจชั้น ชั้นก็เลยต้องเปลี่ยน... เอ้านี่เงินของคุณ สองหมื่นคงพอมั่ง ต่อไปก็อย่ามาตามชั้น หาว่าขโมยของๆคุณไปอีกล่ะ โทรศัพท์เครื่องนั้นก็ไม่เห็นว่าจะวิเศษสักแค่ไหน ชะ.. เชียว”
พิมพ์ดาราหลุดปาก เพราะอารมณ์เหนื่อยหงุดหงิดรีบร้อนจะพูด และรู้ตัวได้ในทันที เธอชะงักในประโยคสุดท้าย ก้องร้อง อ๋อ หูพึงตาโต และเผยยิ้ม ในที่สุดเธอก็เผยไต๋ออกมา
พิมพ์ดาราลอยหน้ากลอกตาหลบ ข่มสีหน้า ที่ทั้งนึกอาย ทั้งนึกโมโหตัวเอง
“นี่คุณขโมยโทรศัพท์ผมไปจริงๆ นั้นแหละ”ก้องว่า
“คะ..ใครขโมย ชั้นบอกว่าชั้นไม่ได้ขโมย”เธอพยายามจะเถียง ทั้งที่หน้ายังแดงอยู่หน่อย ๆ ”เอ้า.. รับไว้.. ฉันไปล่ะ... อย่ามายุ่งกับชั้นอีกนะ”
พิมพ์ดารายัดเช็คเงินสดลงไปในมือของก้อง แล้วเดินหนี แต่ก้องกลับพูดไล่ตามหลัง
“ผมรู้ว่าคุณอายที่ผมจับได้ว่าคุณขโมยโทรศัพท์ แต่คุณไม่น่าพาลลงกับงานที่พวกผมทำกันเลย คุณเป็นคนที่ไม่มีเหตุผล คุณรู้มั๊ย...”
คำพูดของก้องมันจี้เข้าใจดำพิมพ์ดารา เธอทั้งอายทั้งโมโห หันกลับมากระชากเช็คเงินสดกลับคืน พร้อมกลับเตะไปที่หน้าแข้งของก้องตรงที่เดิม และมันก็ซ้ำรอยที่เดิม จนก้องร้อง อุบ งอขาขึ้นมากุม เขย่งไปพิงผนัง
“ขโมยเหรอ? ไม่มีเหตุผลเหรอ? ”พิมพ์ดาราทวนคำเสียงสูง ทำตาดุ ”ฉันไม่ให้แล้วเงิน ถ้านายมีหลักฐานก็ไปฟ้องเอาล่ะกัน”
เธอพูดจบก็สะบัดตัวเดินเร็วๆ ออกไปที่จอดรถใต้ดิน
ก้องรีบเรียก
“นี่ เธอจะหนีอีกแล้วเหรอ” ขยับขาไล่ความเจ็บปวด กระเพลกตามไป แต่ครั้งนี้รถเธอจอดใกล้กว่าครั้งที่แล้ว พอก้องออกมา เธอก็ขยับรถจะออกไปแล้ว
“ยัยบ้าเอ้ย ฉันไม่ปล่อยให้เธอหนีไปหรอก”ก้องสบถ รีบข่มความเจ็บ วิ่งออกไปทางออกคอนโด กวาดมองหารถของเธอบนถนน เรียกแท็กซี่ให้ตามไป
@@@@@@@@@
ความคิดเห็น