คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่ 12
***หมายเหตุ ที่ผ่านมาในตอนก่อน ผู้เขียน มักใช้คำ สรรพนามแทนตัว ว่า “ชั้น” ในลักษณะภาษาพูด แต่ตอนนี้คิดว่าจะใช้ภาษาเขียน ดีกว่า คือคำว่า “ฉัน” เพื่อไม่ให้ภาษาเพี้ยนไปมาก นอกจากบางลักษณะของประโยคคำพูดจะใช้เน้นอารมณ์ตัวละคร จะใช้ภาษาพูดนะครับ***
๑
มันยากขนาดไหนถ้าคุณ ต้องนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว ปีนออกนอกหน้าต่างของโรงแรม แล้วแถมยังเป็นด้านหน้า ที่คนข้างล่างผ่านไปตามถนนเงยขึ้นมาก็สามารถจะมองเห็น นั่นแหละเป็นสิ่งที่ก้องกำลังทำอยู่ในตอนนี้ และมันก็ทุลักทุเลพอดู คนข้างล่างก็เริ่มจะเห็นเขา ชี้นิ้วเรียกให้เพื่อนดูหัวเราะกันใหญ่ คงคิดว่าเขาเป็นชู้ ที่หลบมาซ่อนตัวนอกหน้าต่างเหมือนอย่างในหนัง
“บ้าที่สุด- - บ้าที่สุด - - ทำไมชีวิตฉัน ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้นะ เพราะเธอคนเดียวแท้ๆ พิมพ์ดารา ฉันจะจำชื่อเธอให้ขึ้นใจเลย ผับผ่าสิ ”
ก้องสบถตัดพ้อต่อชะตาชีวิตตัวเอง ที่เหมือนจะซวยไม่เลิกรา บ่นคนเดียวเหมือนคนบ้า เพราะความโมโหเธอ และอายที่ตกเป็นเป้าสายตาคนอื่นในสภาพนี้
พิมพ์ดารา ค่อยๆกระเถิบตัวมาริมหน้าต่าง เอนตัวแอบๆ มองดูเขา เพราะความรู้สึกผิดที่โยนกางเกงเขาออกไปข้างนอก แต่เธอก็หยิ่งพอที่จะไม่แสดงความรู้สึกผิดออกมาให้เขาเห็น
“ดีนะ ที่ฉันโยนมันไปไม่ไกล ไม่อย่างนั่นมันคงตกไปข้างล่าง” เธอบอก เรียบๆ น้ำเสียงเหมือนเป็นบุญคุณ เมื่อเห็นก้องคว้าได้กางเกง
“เหอะ เหอะ ขอบคุณมาก- - จะดีมากกว่านี้ถ้าเธอไม่โยนมันออกมา ” ก้องตอบประชด ก่อนจะปีนกลับเข้ามา มองเธออย่างเคืองๆ รู้สึกว่า ถ้าขืนอยู่ที่นี่นานอีกหน่อย ได้มีเรื่องซวยตามมาอีกแน่ ดังนั้นไม่พูดไม่จา หอบเสื้อผ้า เดินตรงเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนผ้า
ระหว่างนั่น พนักงานสาวของโรงแรมมาเคาะประตู และพิมพ์ดาราก็เปิดรับ
พนักงานสาวทันได้เห็นก้องนุ่งผ้าขนหนูตัวเดียว หอบเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำ รู้สึกว่าตัวเองมาไม่ถูกจังหวะ ต้องยิ้มเขินเล็กน้อย ก่อนจะล่ะสายตา มาบอกต่อพิมพ์ดารา
“ขอโทษนะค่ะ ที่มารบกวน พอดีบัญชีที่คุณให้ไว้ที่จะหักค่าที่พักและค่าใช้จ่ายเกิดปัญหาค่ะ เขาแจ้งมาว่าได้ยกเลิกบัญชีเล่มนี้ไปแล้ว”
“หมายความว่าไง หักไม่ได้ เลขที่บัญชีถูกยกเลิกเหรอ” เธอโพล่งอย่างตกใจ ไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็พอจะนึกได้ในทันทีว่าเพราะอะไร
‘นี่คุณลุง คิดจะตัดขาดกันจริงๆ’ พิมพ์ดารานึกอย่างหวั่นใจ ที่แรกเธอยังคิดว่าลุงชัชวาลเพียงแค่โกรธชั่วคราว ไม่นานก็คงหาย แล้วก็ต้องมาง้อเธอ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แล้ว พวกเขาตัดการช่วยเหลือทางการเงินของเธอทุกอย่าง เธอถึงกับอึ้งนิ่งไป
“ถ้ายังไง รบกวนคุณพิมพ์ดารา แจ้งเลขที่บัญชีใหม่ด้วยนะค่ะ ทางเราจะได้นำไปหักค่าใช้จ่าย” พนักงานบอกต่อ ยิ้มหวาน
พิมพ์ดารา หน้าดูซีดลง เธอนึกไม่ออกว่าจะเอาเงินจากที่ไหนถ้าไม่มีบัญชีเล่มนั้น ตอนนี้เช็คเงิน 20 ล้านของเธอก็หายไปกับกระเป๋า ที่เธอดูไม่หนักใจในตอนแรกเพราะยังมีบัญชีเล่มนี้อยู่ และมีเงินเขาทุกเดือนเดือนล่ะหลายล้าน แต่ตอนนี้ทุกอย่างดูจะหมดสิ้นแล้ว พิมพ์ดารานึกแล้วอยากจะร้องไห้ แต่เธอร้องไม่ออก
“เออ -- คุณค่ะ พอจะมีเลขที่บัญชีเล่มใหม่ไหมค่ะ” พนักงานโรงแรมถามย่ำอย่างเกรงใจ
“ฉัน ฉัน ยังไม่มี” พิมพ์ดาราตอบอย่างนึกไม่ทัน เพราะเธอดูจะมึนไปหมดกับเรื่องที่เกิดขึ้น
พนักงานสีหน้าเปลี่ยน เหมือนจะนึก ที่ไม่มีนี่หมายความว่ายังไง แต่ยังถามอย่างยิ้มแย้ม
“หรือคุณจะจ่ายเป็นเงินสดหรือเช็คค่ะ - - นี่ค่ะบิล”
เธอส่งบิลให้พิมพ์ดารา พร้อมกับรอคำตอบ
“คือฉัน - - ฉันยังไม่มีจ่าย”
มันยากสำหรับพิมพ์ดาราที่จะเอ่ยคำนี้ เพราะในชีวิตเธอ ไม่เคยมีคำว่าไม่มีจ่ายมาก่อน
พนักงานสาวมองเธองงๆ และดูว่าท่าทีของพิมพ์ดารายังไม่พร้อมจะจ่ายในตอนนี้ ต้องถอนหายใจ เปลี่ยนท่าที
“คือถ้าอย่างนั้น - - ดิฉันคิดว่า คุณพิมพ์ดาราต้องลองคุยกับผู้จัดการแล้วล่ะค่ะ ขอเชิญนะค่ะ”
พิมพ์ดาราทำอะไรไม่ถูก เงอะงะอยู่ช่วงหนึ่ง และก้องก็ออกมาจากห้องน้ำพอดี ในสภาพเสื้อเชิ้ตบนตัวยังไม่แห้ง พิมพ์ดาราหันไปมองเขา และเธอต้องการตัวช่วยอย่างแรง ในการที่เธอจะต้องพูดคุยกับทางโรงแรม ก่อนที่พวกเขาจะคิดว่าเธอจะเบี้ยวค่าที่พัก และเอาตำรวจมาลากคอเธอเข้าตาราง
“นาย .. ตามฉันไปด้วยสิ” พิมพ์บอกก้อง น้ำเสียงเหมือนกับสั่ง และน้ำเสียงของเธอก็เป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร แต่ครั้งนี้ฟังดูมันสั่นๆพิกล
ก้องไม่รู้เรื่องอะไร ต้องดูผู้หญิงสองคนสลับกันอย่างสงสัย นึกในใจว่าจะให้ตามไปไหน ไม่ทันจะถาม พนักงานสาวก็บอกขึ้นก่อน
“อ๋อก็ดีค่ะ ถ้าอย่างนั้น เชิญคุณด้วยนะค่ะ”
พนักงานบอกจบ ก็เดินนำหน้า มีพิมพ์ดาราเดินตามไป ก้องเลยต้องเดินตามไปด้วย โดยไม่รู้ว่าจะไปไหน
ที่ห้องผู้จัดการ ทั้งสองคนถูกเชิญให้นั่งตรงเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน ผู้จัดการได้รับเรื่องคราวๆจากพนักงานเก็บค่าบริการแล้ว ว่าบัญชีธนาคารของเธอมีปัญหา และเธอยังไม่ได้ชำระค่าใช้จ่าย
“คืออย่างนี้นะครับ คุณพิมพ์ดารา” ผู้จัดการตั้งท่าอธิบายต่อเธอ ”บัญชีที่เราใช้หักค่าใช้จ่ายของคุณเกิดปัญหา เราไม่สามารถหักค่าใช้จ่ายได้ เพราะทางธนาคารแจ้งมาว่าบัญชีนี้ได้ถูกระงับแล้วซึ่งตอนนี้ก็ครบกำหนดเวลาชำระเงินแล้ว ทางเราจึงขอรบกวนคุณ ชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมดก่อน ด้วยเช็คหรือเงินสดก็ได้ คุณคงจะไม่ว่าอะไรนะครับ”
“เมื่อคืน -- ฉัน.. ฉันถูกขโมยกระเป๋าสตางค์ไป และเงินและเช็คทั้งหมดของฉันก็อยู่ในนั้น” เธอบอกสั้นๆ เพราะนึกไม่ออกว่าจะบอกว่ายังไง
“โอ้~ เสียใจด้วยนะครับ“ผู้จัดการอุทาน สีหน้าเป็นกังวล แต่รู้สึกว่าจะกังวลต่อค่าที่พักของเธอมากกว่า
ก้องพอจะรู้แล้วว่าเรื่องอะไร เขานั่งฟังเงียบๆ และรู้สึกว่าลางร้ายกำลังใกล้เข้ามาหาตัว
“แล้วคุณจะชำระค่าบริการของเราอย่างไรดี” ผู้จัดการถามต่อ
พิมพ์ดารากลับเงียบ นึกไม่ออกว่าจะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย เธอไม่เคยตกอยู่ในสภาพนี้มาก่อน แม้เธอจะนั่งนิ่งหลังตรงและเรียบเฉย ท่าทางเป็นผู้ดีเหมือนเช่นเคย แต่สิ่งที่บอกให้รู้ว่าเธอกลัว คือเธอเบืองสายตาไปทางอื่น ไม่สบตากับผู้จัดการ และมือของเธอที่วางบนตักยังสั่นเล็กๆ
ผู้จัดการรอคำตอบจากเธอ แต่เธอไม่ได้พูด ทำให้เขาต้องถอนใจ และรู้ดีว่าหมายถึงอะไร
“คุณพอจะหาคนมาชำระแทนให้ได้บ้างไหม เช่นญาติหรือพี่น้อง?” ผู้จัดการถามต่อแบบหาทางออกให้ และคิดว่าตอนนี้คงไม่ต้องปฏิบัติต่อเธอ เช่นลูกค้าอันทรงเกียรติอีกต่อไปแล้ว
พิมพ์ดารายังเงียบอีก จนผู้จัดการต้องหันไปทางก้อง
“แล้วคุณล่ะชำระให้เธอได้ไหมครับ คุณเป็นแฟนเธอๆไม่ใช่เหรอ”
‘นั่งไง ! ’ก้องคิด ลางร้ายมาถึงแล้ว
“เออ.. คือไม่ใช่นะครับ เราไม่ได้เป็นแฟนกัน”ก้องบอก
“หืมส์ ~ “ ผู้จัดการทำเสียงสงสัย “ก็พนักงานของผมเห็นคุณอยู่ด้วยกัน? - - แต่ก็ช่างเถอะ จะเป็นเพื่อนก็ได้ -- คุณจ่ายแทนเธอได้ไหมครับ”
ก้องหันไปมองพิมพ์ดารา ที่ตอนนี้เอาแต่นั่งนิ่ง แต่เขารู้ว่าเธอกลัวและก็อาย อีกอย่างกระเป๋าของเธอก็ถูกขโมยไปจริงๆ ‘เอาว่ะถือว่าฟาดเคราะห์’ เขาตัดสินใจ
“ครับ เท่าไหร่ครับ”
“อ้อ.. ดีเลยครับ นี่ครับบิล” ผู้จัดการดูจะยิ้มออกทันทีที่ก้องรับปาก และพิมพ์ดาราก็ดูจะมีความหวังขึ้น
ก้องหยิบบิลขึ้นมาดู แต่ก็แทบผงะ ทิ้งลงไปแทบไม่ทัน เขาคิดว่าคงจะไม่กี่พัน อย่างมากก็ไม่เกินหมื่น แต่นี่มัน
“สะ.. สะ ..สองแสนสามหมื่นเจ็ดพัน” ก้องร้องขึ้นด้วยความตกใจ
“ครับ เป็นค่าเช่าห้องเดอะลุกค์ตลอดหนึ่งเดือน และร่วมค่าบริการต่างๆ ที่ใช้ภายในโรงแรม เบ็ดเสร็จก็ตามบิลนั่นแหละครับ”
“โอ้ย .. ผมจ่ายให้ไม่ได้หรอกครับมากมายขนาดนี้” ก้องครวญ
ผู้จัดการดูจะเปลี่ยนท่าทีอีกครั้ง
“แต่ต้องมีคนชำระแทนเธอนะครับ ไม่อย่างนั้นเราจะดำเนินการตามกฎหมาย คุณจะปล่อยให้เธอติดคุกเหรอ” เขาเริ่มขู่
“ครับต้องมีคนจ่าย แต่ไม่ใช่ผม ผมยังไม่รู้จักกับเธอด้วยซ้ำ”ก้องบอก พร้อมกับหันไปบอกพิมพ์ดารา
“เธอคงต้องให้คนอื่นช่วยแล้วล่ะ นายธานุพันธ์เป็นคู่หมั่นเธอไม่ใช่เหรอ โทรบอกให้เขามาจ่ายสิ”
“พวกเขาตัดขาดจากฉันแล้ว ไม่อย่างนั้นฉันจะมาอยู่ในสภาพนี้เหรอ- - ไม่เชื่อนายก็ลองโทรดูสิ”
เธอบอกพร้อมกับยื่นโทรศัพท์มือถือให้ “เบอร์ที่ฉันเคยมี มันโทรไม่ติดซักเบอร์”
ก้องเอามากดดู เลือกดูที่คิดว่าเป็นเบอร์สำคัญ และรอสาย
ผู้จัดการได้แต่ดูคนสองคนว่าจะทำอย่างไรต่อไป เขารอการชำระเงิน เสียงในโทรศัพท์บอกแต่ข้อความ ไม่สามารถติดต่อได้ ก้องต้องเลือกกดไปอีกสองสามเบอร์ ก็ติดต่อไม่ได้ ทั้งเบอร์ชื่อชัชวาล และธานุพันธ์ และเบอร์คนอื่นๆ ก้องเลยต้องคืนโทรศัพท์ให้เธอ
“ถึงยังไงก็ตามฉันก็จ่ายให้เธอไม่ได้หรอก มันมากเกินไปสำหรับฉัน” ก้องบอก ทำท่าจะลุกออกไป เรื่องนี้ถือว่าไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลย แต่ว่าก้องต้องสะดุดลุกไม่ขึ้น เพราะพิมพ์ดาราเกาะฉุดชายเสื้อเขาไว้แน่น
“ฉันขอยืมเงินคุณก่อน แล้วฉันจะคืนให้ ฉันไม่อยากติดคุก” เธอบอกเสียงสั่นเครือหน่อยๆ โดยพยายามเลี่ยงมองหน้าเขา เพราะเธอไม่เคยแม้แต่จะข้อร้องใครมาตลอดชีวิต แต่ครั้งนี้เธอต้องทำ
“ใช่ครับ ทางทีดีท่าคุณมีเงิน คุณให้เธอยืมก่อนดีกว่า เพราะถ้าเธอไม่ชำระในวันนี้ ผมจะส่งเธอให้กับตำรวจ” ผู้จัดการรีบพูดเสริม
ก้องมองดูผู้จัดการกับพิมพ์ดาราสลับกัน และดูมือพิมพ์ดาราที่ไม่ยอมปล่อยจากเสื้อของเขา การกระทำของเธอบอกให้เขารู้ว่าเธอหมดหนทางขนาดไหน จนเขาต้องถอนหายใจอย่างลำบากใจ นิ่งคิดอยู่นาน
มันยากที่เขาจะตัดสินใจ ที่จะเอาเงินทั้งหมดที่ตัวเองมีมาช่วยคนที่ไม่รู้จัก และไม่รู้ว่าจะได้คืนหรือป่าว แต่เรื่องก็มาเกิดต่อหน้าต่อตา และเธอต้องการให้ช่วย เขาพอจะมีเงินอยู่ในธนาคาร เป็นเงินที่พ่อเขาทิ้งไว้ให้ก่อนตาย เพื่อใช้เป็นทุนในการศึกษา ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย เพื่อไม่ให้เงินทุนของตัวเองหมดไป แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาต้องนำออกมาใช้เสียแล้ว
“ก็ได้ - - พวกคุณ
“เธอปล่อยฉันก่อนสิ” ก้องบอกพิมพ์ดารา “ ถ้าเธอไม่ปล่อย แล้วฉันจะไปเบิกเงินได้ยังไง”
“นาย..นายต้องกลับมา ห้ามทิ้งฉันเด็ดขาด” เธอสั่งเสียงเฉียบ แต่แววตาดูเหมือนจะวิงวอน และไม่ยอมปล่อยมือ “นายต้องรับปาก” เธอบอกต่อ
ก้องต้องมีท่าทีอ่อนใจ
“ก็ได้..ก็ได้ ฉันรับปาก จะปล่อยได้ยัง”
พิมพ์ดาราจึงค่อยๆคลายมือออก แต่ในใจยังนึกหวั่นๆ กลัวก้องไปแล้วไม่กลับมา
ก้องออกจากโรงแรม มองหาป้ายธนาคารในระแวกใกล้ๆ คิดไม่ตกว่าจะช่วยเธอดีไหม เงินนั้นเป็นทุนในการเรียน และถ้าไม่มีเงินก้อนนั้นเขาจะได้เรียนจนจบหรือป่าว หรือเขาจะหนีไปในสภาพนี้ทิ้งเธอไว้ มันไม่ใช่หน้าที่อะไรของเขาสักหน่อยที่ต้องมารับผิดชอบจ่ายแทน
แล้วในมโนภาพช่วงหนึ่ง เขาเห็นพิมพ์ดารายืนอยู่หลังลูกกรงห้องขัง จ้องมองเขาด้วยความแค้นใจ สภาพเธอไม่ต่างจากผี จู- ออน (หนังผีเรื่องหนึ่ง ที่เป็นผีผู้หญิง หน้าขาวซีด ผมยาว นัยน์ตาแดง ถ้าใครได้ดูคงนึกออก)
“นายรับปากฉันแล้ว - - แต่นายไม่กลับมา - - ฉันจะตามจองล้างจองผลาญนาย”
เสียงเย็นๆ ของพิมพ์ดารา เหมือนจะแววมาให้เขาได้ยิน ทำเอาเขาเสียวสันหลัง
“โว้ย นี่มันกรรมเวร อะไรของฉันว่ะ” ก้องสบถอย่างเหลืออด
๑
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ความคิดเห็น