คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 9
๑
ธานุพันธ์ขับรถพาแพรออกมาเรื่อยๆ เธอนั่งน้ำซึมตลอดทาง เขาเหลือบมองเธอบ่อยครั้ง จนนึกสงสาร และเมื่อถึงสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ธานุพันธ์จอดรถเงียบๆ ลงไปซื้อกาแฟร้อนๆ จากร้านขายใกล้ๆ มายื่นให้กับเธอ เขาไม่รู้จะปลอบเธอยังไง นอกจากให้เธอดื่มอะไรสักอย่างหนึ่งเพื่อจะรู้สึกดีขึ้น
“คุณดื่มสักหน่อยสิ” ธานุพันธ์บอกเบาๆ ส่งถ้วยกาแฟให้กับเธอ แพรเริ่มรู้ตัวว่าเธอกำลังทำในสิ่งที่หน้าอาย รีบปาดเช็ดน้ำตา ฝืนยิ้ม
“ชะ.. ชั้นไม่เป็นไรหรอก”
“เอาน่า ดื่มสักหน่อย เพื่อจะดีขึ้น”ธานุพันธ์คะยั้นคะยอ ทำท่าจะให้เธอรับถ้วยกาแฟ แพรจำต้องรับมาถือไว้ในมือ และเธอก็จิบมันเล็กน้อย
“เออ.... ขอโทษนะ ที่ทำให้เธอกับแฟนเข้าใจผิดกัน” ธานุพันธ์เอ่ยขึ้น หลังจากที่เห็นเธอเริ่มผ่อนคลายลง
แพร เหมือนจะพูดอะไร แต่ก็ไม่ได้พูด พยักหน้ารับน้อยๆ จิตใจของเธอสับสน ไม่รู้ว่าจริงๆแล้ว เธอชอบก้องแบบแฟนจริงหรือ หรือที่ผ่านมาคือความผูกพันธุ์ที่แยกแยะไม่ออก ระหว่างเพื่อนที่รักกับคนที่รัก และความรู้สึกที่เธอมีให้ธานุพันธ์มันแตกต่างออกไป
“เอาไว้ ฉันจะไปอธิบายบอกกับเขาให้นะ หลังจากเสร็จเรื่องพิมพ์ดาราแล้ว” ธานุพันธ์บอกต่อ ยิ้มปลอบใจ แต่แพรกลับหันไปมองเหม่อนอกกระจกรถอย่างเลื่อนลอย
“ชั้น.. ชั้น ชอบเขา แต่ไม่รู้ว่าจริงๆว่ารักเขาหรือป่าว” เธอเอ่ยเบาๆ เหมือนรำพึงกับตัวเอง “ถึงชั้นจะรู้สึกอบอุ่น และสบายใจเมื่ออยู่ใกล้เขา แต่ความรู้สึกในใจ มันไม่ก้าวหน้าขึ้นไปกว่านี้เลย ทำไมนะ”
ธานุพันธ์อึ้งไปนิดหนึ่ง ไม่รู้จะพูดยังไง ที่แรกเขาคิดว่า สองคนนี่เป็นแพนกัน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าแพรจะไม่ได้รักนายนั่น เขารู้สึกโล่งใจและดีใจอย่างประหลาด ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทั้งที่พยายามจะไม่ให้รู้สึก บอกกับตัวเองว่า ‘ก็ไม่เกี่ยวกับเขาสักหน่อย’ แต่ก็ทำไม่ได้
เขานึกถึงตอนที่อยู่โต๊ะอาหาร ที่ ก้องจะพาตัวแพรไป แล้วเขาฉุดไว้ บอกว่า ‘ปล่อยแพนชั้นนะ’ เขาทำไปโดยไม่ได้คิดถึงเรื่องจ้างเธอเป็นแฟน แม้แต่นิดเดียว เหมือนว่าเขาจะถูกแย่งแฟนไปจริงๆ หรือว่าเขาจะชอบ ยัยนี่จริงๆซะแล้ว
“ก็ดี..” ธานุพันธ์หลุดปากพูดออกมาเหมือนที่ใจคิด จนแพรต้องฉงนหันมามอง ธานุพันธ์รู้ตัวรีบพูดต่อว่า
“ชั้นหมายถึง ชั้นจะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดไง ถ้าเธอสองคนจะมีเรื่องที่ เออ.. หมายถึง ความรู้สึกที่มัน ไม่ใช่ ต่อกัน โดยไม่เกี่ยวกับชั้น เพราะชั้นหล่อมาก อาจทำให้ใครหวั่นไหว”
ประโยคสุดท้าย เขาทำเสียง เหมือนจะให้ขำ และแพรก็ขำจริงๆ แต่เป็นขำเล็กๆ ที่มองเขาเหมือนคนหลงตัวเอง
“คิดว่าคุณสำคัญขนานนั้นเลยเหรอ” แพรบอกกึ่งยิ้มกึ่งเยาะ
ธานุพันธ์หัวเราะไม่ได้ใสใจ
“เอาล่ะ เธอดูดีขึ้นแล้วนี่ เดี๋ยวชั้นจะไปส่งเธอที่บ้าน”เขาบอกอย่างอารมณ์ดี เมื่อเห็นเธอเริ่มจะยิ้มออก
มันยากที่ธานุพันธ์จะแสดงท่าทีคารมเหล่านี้ออกมา แต่เขาก็แสดงมันออก มันทำให้เขาดูแปลกตาไปสำหรับแพร ปกติเขาดูเป็นคนขี้หงุดหงิดขี้โมโห แต่ตอนนี้เขาดูเป็นมิตรขึ้น และแพรก็รู้สึกดีขึ้นจริงๆ
๑
บนถนนสายหนึ่งในกรุงเทพ ที่ริมฟุตบาท ผู้คนต่างพลุกพล่าน เดินกันขวักไขว่ ก้องเดินใจลอย ผ่านผู้คนที่รีบเร่งเดินผ่านไปมาบนทางเท้า เขาเดินมาไม่รู้กี่กิโล กี่ชั่วโมง และไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน สมองของเขามันเหมือนจะว่างเปล่า และก็คิดอะไรไม่ออก เขาได้แต่ปล่อยให้ความรู้สึกพาไปที่แห่งใดแห่งหนึ่ง ที่เขาสามารถทำให้เขาสบายใจ เขาเดินอยู่จวบจนค่ำเขามาหยุดอยู่ที่หน้าคอนโดที่เขาทำงานตกแต่ง
ก้องรู้สึกเหนื่อยล้าและอ่อนเพลีย แต่เขาไม่อยากจะกลับบ้าน ที่แรกเขาอยากจะเจอหน้าแพรเพื่อคุยกัน แต่ตอนนี้เขาไม่อยากจะเจอหน้าใคร เท้าทั้งสองข้างพาก้องขึ้นไปบนห้องที่เขาทำงาน และรหัสล็อกประตูของห้องนี้ยังไม่ถูกเปลี่ยน เขาจึงสามารถเข้าไปในห้องได้
ภายในไม่มีผู้คน และมืดสลัว เป้สะพายของเขาที่ลืมเอาไว้ยังอยู่ที่เดิม เขาใช้มันต่างหมอน หนุนนอนบนพื้น ทิ้งตัวลงนิ่งเงียบงันแบบหมดอาลัย
‘นี่หรือ ที่เรียกว่าอกหัก’ ก้องคิดอย่างใจหาย
๑
แต่ในเวลาเดียวกัน พิมพ์ดารา ลงรถเดินเข้าโรงแรมที่เธอพักด้วยความฉุนเฉียว
“พี่นุ กล้าทำกับชั้นยังงี้ได้ยังไง ทิ้งคู่หมั่นของตัวเองไปกับผู้หญิงอื่น โทรไปก็ไม่รับ... แล้วเราจะได้เห็นดีกัน”เธอบนอุบอิบตลอกทาง ก้าวตรงไปขึ้นลิฟท์ ไปยังห้องของเธอ ก่อนจะโทรหานายชัชวาลผู้เป็นลุง บอกเรื่องธานุพันธ์ให้ฟัง ชัชวาลดูจะตกใจและพยายามจะปลอบเธอให้ใจเย็น
“หนูใจเย็นก่อนนะ เรื่องนี้ลุกก็เพิ่งรู้ แล้วลุงจะจัดการให้ ลุงจะคุยกับตานุดู”ชัชวาลปลอบเสียงเกรงๆ กลัวเธอจะเกลียดธานุพันธ์จนไม่ยอมแต่งงาน
“หนูคิดว่าคุณลุง ควรจะริบทุกอย่างของพี่นุกลับมา ทั้งบัตรเครดิต รถ และคอนโด ดูว่าถ้าพี่นุไม่มีอะไรเหลือ ผู้หญิงคนนั้นยังจะชอบพี่นุอีกหรือป่าว”เธอบอกเสียงแข็ง
เสียงชัชวาลเงียบไป ยังไม่ได้ตอบ ก่อนจะบอกเสียงอ่อยๆ
“ทำอย่างนั้นไม่โหดร้ายกับตานุของลุง ไปหน่อยหรอจ๊ะ”
“ถ้าคุณลุง ไม่จัดการเรื่องนี้ให้ หนูก็ไม่แต่งงานกับพี่นุ”เธอบอกตัดห้วนๆ พร้อมกับตัดสายโทรศัพท์
ชัชวาลอึ้งไปเหมือนจะโมโห มองค้าง ไปที่โทรศัพท์ ก่อนจะส่งเสียงตะคอก
“นี่ อย่างน้อยฉันก็เป็นลุงเธอนะมาสั่งเอา สั่งเอา อย่างงี้ได้ยังไง”
ทำปากมุบมิบ อารมณ์เสีย วางหูลง แต่นั้นมันหลังจากที่พิมพ์ดาราวางหูไปนานแล้ว
ความจริงที่พิมพ์ดาราไม่เคยกลัวใครในตระกูลโชติการณ์ ส่วนใหญ่มาจากการเลี้ยงดูของนายชัชวาลเอง เพราะชัชวาลยกย่องเลี้ยงดูเธออย่างเอาใจตั้งแต่เด็ก เพราะคิดว่าเมื่อเธอโตขึ้นได้รับมรดกของตระกูลอัครกุลผู้ก่อตั้งและมีหุ้นส่วนใหญ่ใน บริษัทอิมเพลสสิเดน กรุ๊ป แล้ว เธอจะไม่ลืมบุญคุณความดีของเขา และจะช่วยเหลือให้เขาได้ดำรงตำแหน่งประธานบริษัทในเครือ อิมเพลสสิเดน กรุ๊ป ได้ต่อไป ยิ่งเธอได้แต่งงานกับธานุพันธ์ยิ่งดีสำหรับเขา
ใครจะนึกว่าเธอยิ่งโตมานิสัยยิ่งร้ายกาจ แม้บางทีนิสัยของพิมพ์ดาราจะเหลืออด จนทนไม่ได้ แต่ชัชวาลก็ไม่กล้าดุว่าเธอ และยอมทำตามเธอทุกอย่าง เพื่อหวังเอาใจปูทางไปสู่อนาคต มันเป็นความจำยอมในความจำเป็นไปเสียแล้วในตอนนี้ และครั้งนี้เองก็เหมือนกัน แม้จะนึกโมโหเธอแต่ก็ทำได้แค่ว่าลับหลัง
พิมพ์ดาราหลังจากวางสาย ก็นึกถึงสีหน้าของธานุพันธ์ตอนอับจน จนต้องมาคุกเข่าข้อร้องเธอ จนอดที่จะเผยยิ้มอย่างราชินีปีศาจร้ายขึ้นมาไม่ได้ ‘คอยดูนะ ฉันจะให้พี่นุรู้ว่าพิมพ์ดาราคนนี้เป็นใคร’ เธอนึกอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แต่พอสายตาแลเห็นโทรศัพท์อีกเครื่องหนึ่ง ที่อยู่บนที่นอน อารมณ์ของเธอก็เปลี่ยนไป
มันเป็นโทรศัพท์ของก้องที่เธอล้วงออกมาพร้อมโทรศัพท์ของเธอ ตอนโทรหาลุงชัชวาล และโยนมันไว้บนที่นอน ทำให้เธอนึกถึงสีหน้าของก้องตอนที่เขา เอาโทรศัพท์ทิ้งไว้กับเธอแล้วเดินหนีไป
“นายนั่น ยังคิดว่าชั้นเป็นขโมยอยู่อีกหรือป่าวนะ”เธอ ขมุบขมิบปากบ่น หยิบมันขึ้นมาดู ที่จอสกรีนด้านหน้า เป็นรูปของก้อง ยืนชูสองนิ้ว ยิ้มร่า มีข้อความใต้ภาพ เขียนไว้ ‘ขอให้มีความสุขในวันเกิดมากๆนะ’ รอยยิ้มของเขาบอกถึงความจริงใจ และความสุขความอบอุ่นที่มอบให้กับคนที่ได้รับ
ที่แรกพิมพ์ดารานึกจะหัวเราะเยาะ แต่เมื่อเธอนึกถึงตัวเองในวันเกิด แม้เธอจะได้ของขวัญราคาแพง แต่คนที่มอบให้เธอ ไม่เคยมีใครมีรอยยิ้มที่จริงใจและส่งมอบความสุขให้กับเธอจริงๆ ยิ่งสายตาคนรอบข้างที่มองเธอ ทำให้เธอรู้สึกอ้างว้างโดเดี่ยวและหว้าเหว่ ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่อยากอยู่บ้านนายชัชวาล และที่อังกฤษเธอถึงได้เปลี่ยนคนใช้บ่อยครั้ง เพราะพวกเขามักมองเธอด้วยสายตาที่เธอไม่ชอบ
“ชิ ! แฟนนายกำลังจะนอกใจ ยังมีหน้ามายิ้มอีก” พิมพ์ดาราแสยะหน้า เชิดบอกต่อรูปของก้องในโทรศัพท์ ก่อนจะเอนตัวลงนอนหงายบนที่นอน คิดถึงเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นกับเธอและก้องที่ผ่านมา พักหนึ่งเธอก็ขยับตัวลุกขึ้น หยิบโทรศัพท์ของเธอ ต่อเบอร์ไปยัง บริษัทรับตกแต่งภายใน
“ผู้จัดการสุวิทย์ ชั้นไม่อยากเปลี่ยนทีมตกแต่งแล้ว ให้ทีมเดิมกลับมาทำก็แล้วกัน แล้วก็..ขยายเวลาให้เสร็จตามกำหนดสัญญาด้วยก็ได้” พิมพ์ดาราบอกลงไปในโทรศัพท์พร้อมกับตัดสาย โดยไม่รอฝ่ายตรงข้ามถามอะไร
๑
เช้าวันรุ่งขึ้น เสียงเรียกที่คุ้นเคยทำให้ก้องสะลึมสะลือตื่นขึ้น ในความงัวเงีย พบว่าตัวเองยังอยู่ในห้องที่ทำงานตกแต่งของคอนโด เมื่อคืนเขาหลับไปตอนไหนไม่รู้ และเสียงเรียกก็เป็นเสียงพวกรุ่นพี่ของเขา ที่แรกก้องนึกว่ากำลังฝัน แต่เมื่อปรับสติได้ ถึงรู้ว่ามันไม่ใช่ความฝัน
“เอ้ย.. ไอ้นี่มานอนรอเลยเว้ย”เสียงพี่นกหัวเราะแซว หลังจากปลุกก้องขึ้นมา
“พวกพี่ มาทำอะไรกันครับ” ก้องถามเสียงแหบแห้ง อย่างคนเพิ่งตื่นนอนใหม่ๆ ดันตัวลุกขึ้น
“เอ๊า.. ก็มาทำงานนะสิ . พี่ป๋องยังไม่โทรบอกแกหรือไง”
ก้องรีบล้วงเอาโทรศัพท์ตัวเองออกมา แต่แบ๊ตมันหมด มิน่าเขาถึงไม่ได้โทรศัพท์จากพี่ป๋อง
“แล้วเค๊า ไม่เปลี่ยนชุดแล้วเหรอครับ”ก้องถาม
“ไม่รู้สิ จู่จู่ พี่ป๋องก็เรียกให้มาทำงานเหมือนเดิม ...อ่าว แล้วแกมานอนนี่ได้ไงว่ะ นึกว่ารู้แล้ว”พี่อีกคนบอก พร้อมกับถามต่อ
“อ๋อ ไม่มีอะไรครับ เมื่อคืนไม่ได้กลับบ้านเลยมาหาที่นอน” ก้องบอกปัด พร้อมลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ ดีใจที่ได้กลับทำงานเหมือนเดิม
‘นี่คงจะสำนึกผิดล่ะสิท่า’ก้องยิ้มพึมพำส่ายหัวหน่อยๆ เมื่อนึกถึงแม่ไฮโซคนนั้น แต่แล้วก็เศร้าลง เมื่อนึกถึงแพรขึ้นมา เขาต้องเปิดก๊อกน้ำ ล้างหน้าแรงๆ พยายามไล่ความหม่นหมองออกไป เพื่อออกไปทำงานร่วมกับรุ่นพี่ เขาจะมามัวซึมกะทือไม่ได้
๑
ที่บ้านพักในตอนเช้า น้าใหม่ทำอาหารเช้าเรียกแพรกับสันมาร่วมกินด้วยกัน ส่วนก้องนั้นเธอรู้จากสันว่าไปทำงานค้างคืนที่คอนโด
บนโต๊ะอาหารเธอรู้สึกว่าบรรยากาศ พูดคุยของพวกเขาเปลี่ยนไป สันและแพร เหมือนจะมีเรื่องกินใจกัน คุยกันน้อยมาก หรือเรียกว่าแถบไม่คุยกันเลย แม้แต่หน้ายังไม่ค่อยมองกัน ทั้งที่ปกติสองคนนี้มักชอบที่จะทะเลาะและแหย่กันจนเสียงดัง แพรรีบกินและเก็บส่วนของตัวเอง ก่อนบอกลาน้าใหม่ขอตัวไปมหาลัยก่อนโดยไม่รอสัน สันจึงได้แต่เหล่มองตามอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์
“สันบอกน้าที่สิ พวกเธอมีเรื่องอะไรกัน” น้าใหม่ถามอย่างอดไม่ได้ เมื่อแพรไปแล้ว
สันคิดก่อนที่จะตอบ
“ไม่มีอะไร หรอกครับ พวกเราทะเลาะกันนิดหน่อยเดี๋ยวก็ดีกัน” เขาไม่อยากให้น้าเขากังวลกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง น้าใหม่พยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะนึกเรื่องที่กะจะบอกได้
“เออ นี่ ลุงกรเธอไม่สบายนะนอนอยู่โรงพยาบาล แม่เธอโทรมาบอกน้าเมื่อเช้านี้ ให้พาเธอไปเยี่ยม เดี๋ยวตอนเย็นน้าจะไปรับที่มหาลัยนะ แล้วไปเยี่ยมด้วยกัน พ่อกับแม่เธอก็จะตามไปด้วยทีหลัง”
“เป็นอะไร ครับ” สันถามสีหน้าตื่น
“ก็โรคความดันกับโรคหัวใจนะแหละ นี่ป้าเธอ ก็บ่นเรื่องนี้ บอกให้เลิกทำงานก็ไม่ฟัง อายุก็หกสิบกว่าแล้ว น่าจะเกษียรตัวเองได้แล้วนะ เป็นโรคหัวใจ ทำงานทนายความ กดดันจะตาย” น้าใหม่บอกพร้อมกับดูนาฬิกาข้อมือ “ตายล่ะ ... เดี๋ยวน้าสาย น้าไปก่อนนะ แล้วเจอกันที่มหาลัย”
สันผงกหน้ารับ นึกเป็นห่วงลุงกรขึ้นมา รีบกิน รีบเก็บ ก่อนจะออกจากบ้านเป็นคนสุดท้าย
๑
ความคิดเห็น