คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 6
ระหว่างที่พิมพ์ดาราเพิ่งออกจากห้องมา เธอก็พบกับชายคนที่ยิ้มเยาะเธอที่หน้าลิฟท์ พวกเขาสวนกันตรงทางเดิน ก้องกำลังถือถุงเครื่องมือตัวยิงยึดเพดาน กึ่งวิ่งกึ่งเดินมา เมื่อเห็นพิมพ์ดาราหอบเสื้อโค้ทอยู่ในมือไม่ได้สวมอยู่กับตัว เขาก็อดที่จะยิ้มแบบนึกขำอีกไม่ได้ ‘ก็บอกแล้วว่ามันร้อน’
พิมพ์ดาราเห็นรอยยิ้มแบบนี้ของเขาเป็นครั้งที่สอง เมื่อเขาผ่านไป เธอเลยต้องมองสำรวจตัวเอง ว่ามีอะไรผิดปกติ แต่ก็ไม่พบว่ามีอะไร ‘นายคนนี้ นี่มันยังไงนะ’ เธอนึกขุ่นใจในรอยยิ้มของเขา
ก้องหิ้วถุงเครื่องมือเข้ามาในห้อง แต่ก็พบสีหน้าอันเซ็งจิตของพวกรุ่นพี่ เหมือนกับว่าเพิ่งมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้
“มีอะไรเหรอครับ”ก้องถามพี่นก คนที่เขาจะช่วยติดโคมไฟ
“ไม่มีอะไรหรอก เจ้าของห้องเขามา จะให้เราทำงานให้เสร็จภายในสามวัน”พี่นกตอบเซ็งๆ
“สามวัน!”ก้องย้ำ
“ใช่ งานนี้ไม่ต้องหลับต้องนอนกันล่ะว่ะ มหาลัยก็ไม่ต้องไป”รุ่นพี่อีกคนบอกพร้อมกับทำงานของเขา
“เออ อย่าบ่นกันนักเลยว่ะ เดี๋ยวพี่เพิ่มเงินพิเศษให้”พี่ป๋องบอกเอาใจลูกน้อง รุ่นพี่ที่บ่นเมื่อกี้พอจะยิ้มออก ตอบกลับมา
“แหม่อย่างงี้สิรักกันตาย”
ก้องรูสึกหนักใจ เพราะวันนี้เป็นวันเกิดของแพร เขาคิดจะให้โทรศัพท์ต่อเธอในวันนี้ แต่ดูท่าแล้วคงจะไปไม่ได้ เขาจะทิ้งให้พวกรุ่นพี่ทำงานกัน แล้วตัวเขากลับไปคนเดียวมันก็ยังไงอยู่ ดังนั้นคิดว่า ไว้ค่อยให้เธอวันอื่นก็แล้วกัน เมื่อนึกถึงโทรศัพท์ จึงมองไปที่โต๊ะกางแบบ แต่ไม่เห็นมันอยู่ที่นั่น ก้องรีบเข้าไปดูทั้งบนโต๊ะ และใต้โต๊ะ แต่ไม่มีวี่แววของโทรศัพท์เครื่องนั้น
“พี่ มีใครเห็นโทรศัพท์ผมหรือป่าว”ก้องถามขึ้นอย่างร้อนใจ
พี่ๆ พากันส่ายหน้า มองกันอย่างงงๆ
“ไม่เห็นนี่ แกวางไว้ตรงไหนล่ะ”
“บนโต๊ะนี่แหละครับ”ก้องตอบพร้อมกับก้มๆเงยๆหาอย่างร้อนรน
“ใช่ ฉันก็ว่าไอ้ก้อง มันวางไว้ตรงนั้นนะ เพราะฉันก็ยังบอกวิธีใช้กับมันอยู่เลย”
“แต่ว่าเมื่อกี้ฉันว่าฉันเห็นผู้หญิงคนนั้นวางเสื้อโค้ทไว้ตรงนั้นเหมือนกัน หรือว่าเขาจะหอบติดมือไปด้วยหรือป่าว”รุ่นพี่หลายคนพากันคาดเดา แต่ก้องไม่อยู่รอฟังต่อแล้ว ผู้หญิงที่หอบเสื้อโค้ท หรือจะเป็นผู้หญิงคนนั้น เขารีบวิ่งออกจากห้อง ตรงไปที่หน้าลิฟท์ และทันได้เห็นเธอกำลังเข้าประตูลิฟท์ไป
“เดี๋ยวคุณ รอก่อน”
พิมพ์ดาราเหมือนไม่ได้ยิน หรืออาจไม่สนใจ เธอกดปิดประตูลิฟท์ลง ก่อนที่ประตูจะปิดสนิท ก้องสไลด์ตัวไปถึงประตูลิฟท์ด้วยความเร็ว แต่มันช้าเกินไปที่จะหยุดไม่ให้ประตูปิดลง พิมพ์ดารามองผ่านช่องแคบๆของประตูที่กำลังเลื่อนเข้าหากัน เธอเห็นผู้ชายที่ยิ้มเยาะเธอถึงสองครั้ง มีท่าท่างกระเหี้ยนกระหื่นที่จะเข้ามาหาเธอ ทำให้เธอผวาเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร มันไม่น่าไว้วางใจ
ก้องรีบวิ่งลงบันไดข้างตัวลิฟท์เพื่อจะไปดักรอเธอ เขาก้าวกระโดข้ามขั้น บางทีเกือบแทบล้มลง จากชั้นเก้าไล่ตามลิฟท์ลงไปยังชั้นล่าง และลิฟท์คอนโดนี้ก็เร็วเสียนี่กระไร ก้องไม่สามารถไปกดลิฟท์ดักรอได้ ได้แต่วิ่งตามไปจนกว่ามันจะหยุดลงที่ชั้นไหน และมันก็มาหยุดอยู่ชั้นใต้ดินที่จอดรถ พิมพ์ดาราก้าวเดินออกมา พร้อมกับก้องที่วิ่งลงบันไดมาอย่างกระหืดหระหอบ
“คุณ! หยุดก่อน”ก้องเรียกทักเสียงเหนื่อยหอบ
พิมพ์ดาราหันมาสีหน้าตกใจ ‘นี่ยังตามมาอีกหรือเนี่ย เขาต้องการอะไรจากชั้นนะ’ เธอคิดมีสีหน้าหวั่นๆ
“คุณตามฉันมาทำไม”เธอถามเสียงกร้าว เหมือนจะบอกให้เขารู้ว่าเธอสู้นะ ถ้าเขาคิดจะทำอะไรเธอ แต่ท่าทีกลับแสดงความหวาดเล็กๆ
“โทรศัพท์ผม.. คุณเอาโทรศัพท์ผมไปหรือป่าว”ก้องพูดด้วยอาการหอบยังไม่หายเหนื่อย มันทำให้น้ำเสียงเขาดูแข็งๆ เหมือนตวาด
“จะบ้าเหรอ ฉันจะเอาโทรศัพท์คุณไปทำไม คิดว่าฉันเป็นใครกัน ที่จะไปหยิบของคนอื่น”
เธอสะบัดหน้าเดินหนี แต่ก้องรีบตามไป
“เดี๋ยว ขอผมดูในเสื้อโค้ทคุณ
“นี่จะทำอะไร จะชิงทรัพย์เหรอ ฉันร้องนะ”
“ไม่ใช่ ผมคิดว่า โทรศัพท์ผมติดอยู่ในเสื้อโค้ทของคุณ คุณก็ให้ผมดูหน่อยสิ ถ้าคุณไม่ได้เอามันไป”ก้องบอกพร้อมขยับตัวเข้ามา พิมพ์ดาราไม่เชื่อรู้ว่าเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย เธอต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง แล้วเธอก็รอจนก้องเข้ามาใกล้ ก่อนจะใช้รองเท้าบู๊ท เตะไปที่น่าแข้งของก้องอย่างจัง ร้องเท้าบู๊ทของเธอมีส้นที่แข็ง ถ้าโดนกระแทกแรงๆ ผู้ชายตัวใหญ่ๆอย่างก้องก็คู้ตัวลงได้เหมือนกัน เหมือนกับเขาวิ่งขึ้นบันไดแล้ว แล้วหกล้มหน้าแข้งกระแทกขอบบันไดอย่างแรง ก้องร้อง อุ้บ ก้มลงกุมหน้าแข้งของตัวเอง พิมพ์ดารากลับรีบวิ่งท่าทางตื่นตะหนกไปที่รถ
“นี่ คุณคิดจะขโมยโทรศัพท์ของผมจริงๆเหรอ”ก้องร้องอย่างเหลืออด กระเพลกขาวิ่งตามไปจะจับตัวเธอ พิมพ์ดารารีบเปิดประตูรถเข้าไปกดล็อคประตู ก้องกลับตามมาติดๆ จิตใจเธอลุ้นระทึก ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะตกอยู่ในสถานการณ์อย่างนี้ ก้องทุบกระจกรถฝั่งคนขับเสียงดัง ปึงๆ เรียกเธอออกมา ท่าทางน่ากลัว จนเธอควานหากุนแจในกระเป๋าจนมือสั่น “นายนี่ โรคจิตแน่ๆ คงคิดจะข่มขืนฉันด้วยล่ะมั่ง” เธอคิดร้อนรน รีบที่จะเสียบกุนแจเข้าสตาร์ทเครื่องรถ ขยับรถจะออกไป ก้องรีบพุ่งตัวไปขวางหน้ารถเอาไว้
“คุณ คุณจะเอาโทรศัพท์ผมไปแบบนี้ไม่ได้นะ ลงมาคุยกันก่อน”เขาร้องคำรามเสียงดัง พิมพ์ดารามีสีหน้าหวั่น คิดจะออกไปให้เร็วๆ
“ถ้าคุณไม่ถอย ชั้นก็จะชนจริงๆ”เธอร้องบอกอยู่ในรถ พร้อมกับบีบแตรไล่ แต่ก้องไม่ยอมถอย จนเธอตัดสินใจที่จะขยับรถเดินหน้าออกไป
“เฮ้ย.. เฮ้ย.”ก้องร้องหน้าตื่น เมื่อเห็นรถเคลื่อนตัวออกมาแรงๆ พุ่งเข้าหาเขา รีบทิ้งตัวออกด้านข้างหลบรถจนล้มกลิ้งไปกับพื้น รถของเธอขับเลยเขาออกไปจากชั้นใต้ดิน ก้องรีบลุกขึ้นด้วยความโมโหและแค้นใจ แต่เขาทำอะไรไม่ได้แล้ว
“ปัดโธ่ว๊อออย “ เขากัดฟันแน่น ขยี่หัวตัวเองระบายอารมณ์อัดอั้น มองตามรถออกไปอย่างไม่เข้าใจ แฝงความขุ่นเคืองใจสุดๆ ‘เธอแต่งตัวก็ดี มีทั้งรถราคาแพงๆ แล้วยังจะขโมยโทรศัพท์ฉันไปทำไมกันนะ’
พิมพ์ดารา รู้สึกโล่งใจที่หนีออกมาได้ เมื่ออาการหวาดกลัวผ่อนคลายลง เธอก็เริ่มที่จะบ่นระบายอารมณ์คนเดียว “คิดว่าฉันเป็นใครกัน จะมาข่มเหงกันง่ายๆเหรอ ไม่มีทาง คอยดูเถอะถ้าชั้นเจอนายอีกเมื่อไหร่ จะแจ้งตำรวจให้จับเข้าคุกขังลืมไปเลย”
เธอขับรถตรงไปยังโรงแรมที่นายชัชวาลจองไว้ให้ เป็นโรงแรมหรูระดับห้าดาวห้องชั้น v.i.p และบริกรก็มาขนสัมภาระของเธอไปไว้ที่ห้อง เธอหอบเสื้อโค้ทของเธอเดินตามไป มันเป็นเรื่องแปลกที่เธอไม่ชอบที่จะอยู่บ้านของนายชัชวาล เธอมีความรู้สึกว่าที่นั่น ไม่ใช่บ้านของเธอ และเธอก็เป็นส่วนเกิน แม้เธอจะเติบโตที่นั่นและพวกเขาจะคอยเอาใจเธอก็ตาม
มันเป็นความรู้สึกลึกๆแปลกๆที่เธอสัมผัสได้ โดยเฉพาะสายตาคนรอบข้างที่มองเธอ เธอจึงรู้สึกสบายใจที่จะอยู่แยกออกมาตามลำพัง แต่ยังไงก็ตาม เธอก็ยังต้องการคนดูแลเรื่องต่างๆ ภายในที่พัก เพราะฉะนั้นที่ที่เหมาะสมกับเธอที่สุดในเวลานี้ที่เมืองไทย ก็คือโรงแรมหรือไม่ก็คอนโด เพราะมีบริกรแม่บ้านคอยบริการโดยตลอด
ทันทีที่พิมพ์ดาราเข้าห้องมา เธอก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงใหญ่ โดยมีเสื้อโค้ททิ้งลงอยู่ข้างตัว เธอกางแขนขาบิดขี้เกลียดที่เมื่อยล้ามาทั้งวัน แถมยังพบเจอเรื่องที่ตัวเธอไม่คิดว่าจะเจอมาในชีวิต มันทำให้เธอเพลียและอยากจะหลับ แต่แขนของเธอไปพาดถูกเสื้อโค้ทตรงสวนหนึ่ง และรู้สึกว่ามีอะไรแข็งๆเหลี่ยมๆอยู่ข้างใน พิมพ์ดารานึกสงสัยดึงตัวลุกขึ้น ล้วงเขาไปในเสื้อโค้ท แล้วก็หยิบวัตถุนั่นออกมา
“ตายล่ะ โทรศัพท์มือถือของใคร มาอยู่นี่ได้ยังไง” ฉับพลันเธอถึงได้คิดในสิ่งที่ชายคนนั้นบอก พร้อมกับนึกถึงสีหน้าของเขา “เอาโทรศัพท์ ฉันคืนมานะ เธอจะขโมยไปยังงี้ไม่ได้” เสียงของเขาก้องอยู่ในหูของเธอ
“มันติดมาได้ยังไงเนี่ย”เธอลากเสียงยังกับไม่อยากจะเชื่อพร้อมกับสีหน้าที่ดูแย่สุดๆ”แล้วเขาจะคิดว่าชั้นเป็นคนยังไงนะ เป็นนังขี้ขโมยอย่างนั้นหรอ”
ที่คอนโด ก้องพยายามที่จะโทรเข้าโทรศัพท์เครื่องนั้น แต่เพราะเบอร์โทรศัพท์เป็นเบอร์ที่เขาซื้อมาใหม่ เขาก็จำได้แค่ห้าหกตัว ยังไม่ได้เมมลงเครื่องตัวเองด้วยซ้ำ และมันจะไปโทรติดได้ยังไง เลยล่ะความพยายาม กลับไปทำงานต่อด้วยสภาพที่สะบักสะบอมแตกต่างจากตอนที่วิ่งลงไป จนพี่ๆอดถามไม่ได้ว่าเกิดเรื่องอะไร ก้องเล่าให้ฟังคราวๆ ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ยอมคืนโทรศัพท์ให้เขา จนหลายคนพากันงง ไม่คิดว่าผู้หญิงสวยๆคนนั้นจะมีนิสัย ลักขโมยอย่างนี้ ดูแล้วเธอก็ออกจะรวยเป็นเจ้าของคอนโคหรู แต่งตัวก็ดี ไม่น่าจะมาขโมยของๆคนอื่น หรืออาจทำไปเพราะความสนุก สมัยนี้ก็มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ เพราะขาดการอบรมทางศีลธรรมจากครอบครัว บางคนแนะให้แจ้งความแต่ก้องคิดดูแล้วไม่มีหลักฐานอะไรเอาผิดเธอเพราะไม่มีใครเห็นตอนที่เธอเอาไป แถมใครจะเชื่อว่าเธอจะเป็นคนขโมย ดีไม่ดีกระทบกระเทือนงานที่พวกเขาทำอยู่ พี่ป๋องจะลำบากใจป่าวๆ ก้องจึงไม่อยากเอาเรื่องเอาราว
พวกเขาพากันทำงานจนถึงเที่ยงคืน พี่ป๋องจึงให้เลิกงานก่อน แล้วเตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้ที่จะเริ่มทำงานกันตอนเช้า และต้องทำงานชนิดกินนอนที่นี่ เรียกว่าหยุดเรียนกันมาทำเลย เพื่อให้เสร็จตามที่เจ้าของห้องต้องการ
ก้องเดินคอตกไปขึ้นรถเมล์ด้วยอารมณ์สุดเซ็งและเศร้าใจ ของขวัญวันเกิดที่เขาคิดจะให้แพร ตอนนี้ก็ไม่มีแล้ว แถมวันนี้ก็กลับช้า ไม่ได้พาเธอไปเลี้ยงวันเกิดอีก เขารู้สึกผิดหวัง นั่งรถเมล์กลับด้วยความเหม่อลอยและเงียบหงอย
ที่บ้านพัก ไฟยังคงเปิดอยู่ สองสหายแพรและสันกำลังมีเรื่องโต้เถียงกันบางอย่าง และดูมีอารมณ์ด้วยกันทั้งคู่ ทั้งที่วันนี้เป็นวัดเกิดแพร ดีที่น้าใหม่ไปสัมมนาต่างจังหวัด ไม่อย่างนั้นคงต้องลุกขึ้นมาเอ็ดใส่คนทั้งสอง ที่โต้เถียงกันลั่นบ้าน
“ฉันไม่รู้ว่าเธอไปสนิทกับหมอนั้นตอนไหน แต่ต่อให้สนิทยังไง เธอก็ไม่ควรให้เขาซื้อของให้มากขนาดนี้ แถมยังไปด้วยกันกลับจนดึก และยังให้เขามาส่งที่บ้านอีก แพรฉันถามจริงๆเธอกำลังคิดอะไรของเธอ”สันมีท่าทางคาดครั้นเอาเรื่อง
“นี่ สัน ฉันบอกแล้วว่าฉันกับเขาเป็นแค่เพื่อนกัน และเขาก็ยังเป็นพี่รหัสของฉัน เราก็เลยสนิทกัน เขาซื้อของให้เป็นของขวัญวันเกิด ความจริงฉันก็ปฏิเสธไปแล้ว แต่เขาคะยั้นคะยอให้รับจะให้ทำยังไง และอีกอย่างเธอจะไม่ให้ฉันคบเพื่อนคนอื่นเลยหรือไงนอกจากพวกเธอ”แพรตอบอย่างสะกดกั้นอารมณ์พยายามจะอธิบายหาคำแก้ตัว และไม่ได้บอกเรื่อง การจ้างเธอเป็นแฟนของธานุพันธ์
“อ้อ.. เธอก็เลยรับมาอย่างงั้นสิ” สันทำเสียงเยาะ ”ฉันไม่คิดหรอกว่าหมอนั่นจะคิดกับเธอแค่เพื่อน มีอย่างที่ไหนที่จะซื้อของให้มากมายขนาดนี้ อีกอย่างถ้าก้องมันรู้มันคงไม่ชอบแน่”
“ก้องเป็นเพื่อนฉัน ฉันว่าเขาคงเข้าใจ”แพรตอบเสียงเบาๆเหมือนจะตอบกับตัวเอง แต่ในใจกลับรู้สึกหวั่นๆ อย่างประหลาด สันกลับเสียงดัง
“หมายความว่ายังไง ที่ว่าก้องเป็นเพื่อนเธอ”สันเว้นช่วงเหมือนจะรอคำตอบจากแพร แต่เขาก็พูดต่อไป “ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะไม่รู้ว่าไอ้ก้องมันชอบเธอมาตั้งแต่มัธยม ตอนนี้เธอจะมาบอกว่ามันเป็นแค่เพื่อนยังงั้นเหรอ”
แพรรู้สึกสะเทือนใจ จนมีน้ำนัยน์ตากลอกกลิ้ง เธอเองก็ยังรู้สึกสับสนกับหัวใจในตอนนี้ จึงไม่ได้ตอบออกมา แต่สิ่งที่ทำให้ทั้งสองคนหยุดเถียงกันก็คือ ก้อง ที่มายืนอยู่หน้าประตูในตอนนี้ เขามาทันพอที่จะได้ฟังอะไรหลายๆอย่าง ที่เขาไม่คิดอยากจะได้ยิน
ทั้งสองคนหันไปมองก้องที่ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ และดูท่าทางของเขาเหมือนจะได้ฟังที่เขาสองคนโต้เถียงกัน สันไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ได้แต่ระบายลมหายใจตัดอารมณ์
“เรื่องของเธอสองคน ก็เคลียร์กันเองก็แล้วกัน ฉันไม่ยุ่งด้วยแล้ว”สันบอกเบาๆ เดินตรงไปขึ้นบันได ก้องมองแพรเหมือนจะถามว่าจริงๆแล้ว มันเกิดเรื่องอะไร แต่แพรกลับร้องไห้วิ่งขึ้นบันไดไปห้องของตัวเอง
“เดี๋ยวซิ แพร ที่ว่าเป็นเพื่อนหมายความว่ายังไง”ก้องตะโกนเรียกตาม พร้อมวิ่งตามไป แต่แพรกลับเข้าไปปิดประตูล็อกตัวเองอยู่ในห้อง ก้องพยายามเคาะประตูเรียกเธอออกมา
“แพร ออกมาคุยกันก่อน เธอหมายความว่ายังไงเราเป็นเพื่อนกัน แพร.. แพร ”ก้องเรียกเธออยู่หน้าประตูดังถี่ยิบ แต่แพรไม่ได้ตอบออกไปเธอนั่งร้องไห้หันหลังพิงประตู เธอไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงไม่กล้าสู้หน้าก้อง และไม่รู้ว่าจะตอบกับเขายังไง ก้องเรียกเธอกว่าครึ่งชั่วโมง แต่เธอไม่เปิดออกมา ลางร้ายบางอย่างกำลังเกิดขึ้นในความคิดของก้อง จิตใจของแพรกำลังจะเปลี่ยนไป และแพรไม่พยายามจะคุยกับเขา เขาอัดอั้นจนแทบอยากร้องไห้ ถึงตอนนี้เขารู้ว่าต่อให้เรียกยังไงเธอก็คงไม่เปิดออกมา เขาอัดอั้นจนทุบประตูระบายออกไปสุดแรง เสียงมันดังและสะท้านไปถึงหัวใจของแพรพร้อมกับน้ำตาที่หยดลง
๑
@@@@@@@@@@@@@@@@@
ความคิดเห็น