คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 5
๑
ที่บ้านโชติการณ์ หน้าคฤหาสน์ รถลีมูซีนรับส่งผู้โดยสาร V.I.P ของสนามบิน แล่นเข้ามาจอดเทียบถึงหน้าประตูบ้าน นายชัชวาลมีท่าทีรีบร้อนออกมายืนรอหน้าประตู และยังบอกให้คนรับใช้เจ็ดแปดคนตามออกมา
ทันทีที่รถจอดถึงหน้าประตูคฤหาสน์ หญิงสาวในชุดไฮโซทันสมัย ก้าวลงจากประตูตอนหลังของรถอย่างงามสง่า เหมือนกับดาราฮอล์ลีวูดลงจากรถมาในงานรับรางวัล เธอสวมเสื้อโค้ทสีแดงสด สวมแว่นตากันแดด และหมวกใบเก๋เล็กๆประดับบนศีรษะ ใส่รองเท้าบู๊ทหนังส้นสูง เหมือนกับผู้ดีอังกฤษ เพียงแต่ว่าเค้าหน้าของเธอเป็นคนเอเซีย
เธอเป็นหญิงสาวที่ตัวเล็ก สูงประมาณ 160 ต้นๆ แต่มีรูปร่างสมส่วนทุกสวนสัด ทั้งหน้าตายังสวยน่ารักน่าถนอม แต่ผิดกับบุคลิกของเธอ ที่ดูหยิ่งยโสและอวดดี ทั้งยังชอบทำหน้ายุ่ง คิ้วขมวดอยู่ตลอดเวลา เหมือนกับว่าโลกนี้ไม่มีสิ่งบันเทิงใจสำหรับเธอ เธอคนนี้ก็คือพิมพ์ดารา
ทันทีที่เธอลงจากรถ คนใช้บ้านโชติการณ์รีบก้มหน้าหลบสายตาเธอ พวกเขารู้ดีว่าเธอนิสัยเป็นยังไง เพราะหลายคนเคยถูกส่งไปดูแลเธอที่ประเทศอังกฤษ แต่เพียงแค่สองอาทิตย์ก็ถูกไล่กลับมา ตั้งแต่เธอยังเล็กคงจะมีป้านวลคนใช้เก่าแก่ของโชติการณ์เท่านั้นที่ดูแลเธอได้ และตามไปดูแลเธอที่ประเทศอังกฤษตอนที่เธอเพิ่งย้ายไปใหม่ๆ แต่ป้านวลก็เสียไปด้วยโรคประจำตัวที่รักษาไม่หาย ตอนเธออายุได้สิบห้า ตั้งแต่นั้นเธอก็เปลี่ยนแม่บ้านกับคนใช้บ่อยครั้ง บางคนถึงกับถูกไล่ออก จนเป็นที่ขยาดของคนใช้ในบ้านโชติการณ์ และพูดคุยลงความเห็นร่วมกันว่าเธอเป็นผู้หญิงที่อยู่ด้วยแล้วรู้สึกอึดอัดที่สุดในโลก
“นี่ ทำไมยังไม่เอาของฉันลงจากรถ”พิมพ์ดาราปลายตาสั่ง เสียงห้วน กับคนรับใช้ที่ยืนก้มหน้าเรียงกันเหมือนจะรอต้อนรับเธอ หลายคนรีบขยับตัวไปตามคำสั่ง จนดูชุลมุนวุ่นวาย พิมพ์ดารามองดูจนแสยะยิ้มเหยียดๆ บ่นเบาๆ
“เรื่องแค่นี้ทำไมต้องให้บอก ไม่มีสมองหรือไง ใช้ไม่ได้เลย”
แต่เสียงก็ดังพอที่จะให้คนรับใช้เหล่านั้นได้ยิน ทำเอาคนรับใช้หน้าเสียไม่พอใจแต่ก็เก็บอาการไว้ ก้มหน้าก้มตาขนของของเธอลงมา บางคนคิดด่าเธอในใจว่า หน้าตาเธอนั้นนางเอก แต่นิสัยนี่นางร้ายชัดๆ
นายชัชวาลเห็นเธออารมณ์ไม่ดี รีบปั้นหน้าเบิกบาน ยิ้มร่าเข้ามารับหน้า
“แหม หลานพิมพ์จะมาวันนี้ก็ไม่โทรมาบอกก่อน ลุงก็นึกว่าจะมาพรุ่งนี้ เลยไม่ได้ไปรับกันพอดี”
“ไม่เป็นไรค่ะ”เธอตอบสั้นๆ พร้อมกับยกมือไหว้ทักทายนายชัชวาล
“มา มา เข้ามาข้างในก่อน”นายชัชวาลบอกพร้อมกุลีกุจอต้อนรับ ท่าทางยังเหมือนๆจะเกรงพิมพ์ดารา นี่อาจเป็นเพราะว่าเธอคือเจ้าของมรดกกว่าสองหมื่นล้านที่เขาเป็นผู้ดูแลอยู่ตอนนี้ ทำให้เขาเหมือนวัวสันหลังหวะ ที่พยายามเอาใจเธอเพื่อชดเชยความผิดในส่วนหนึ่ง ส่วนพิมพ์ดาราเองก็ไม่เคยรู้เรื่องนี้ รู้แต่ว่าเธอเป็นลูกของนายโสภณและนาง
ทั้งสองมานั่งพูดคุยในห้องรับแขกใหญ่ คนรับใช้นำกาแฟกับของว่างมาเสริฟทั้งที่มือยังสั่นๆ
“ลุงดีใจนะ ที่หนูตอบตกลงจะแต่งงานกับตานุ ไม่มีอะไรทำให้ลุงสุขใจได้เท่านี้อีกแล้ว ลุงคิดว่าไม่มีใครเหมาะสมกับหนูเท่าตานุของลุงอีกแล้วล่ะ”ชัชวาลพูดขึ้นอย่างปลาบปลื้มใจ
“ค่ะ หนูก็คิดอย่างนั้น”พิมพ์ดาราตอบ เผยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ท่าทางสง่าไว้ตัว
“แหม่ นี่ถ้าตานุรู้ว่าหนูมาแล้วนะ คงจะดีใจแน่ๆ ลุงก็นึกว่าหนูจะมาพรุ่งนี้ เลยบอกตานุไป ไม่คิดว่าหนูจะมาวันนี้ ตานุเลยไม่ได้ไปรับ หนูคงไม่โกรธเค๊านะ”ชัชวาลพูดขึ้นอีก
“ไม่หรอกค่ะ ไว้หนูจะไปหาเค๊าเอง”เธอตอบเรียบๆ พร้อมกับยกกาแฟขึ้นจิบ แล้วก็ต้องมีสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์ ใช้หลังมือดันถ้วยกาแฟไปข้างโต๊ะ หันไปทางคนรับใช่ที่เสริฟกาแฟ ที่ยืนคอยรับใช้ข้างๆ
“กาแฟนี่มันหวานไป เธอก็เคยไปอยู่กับฉันที่ประเทศอังกฤษ ไม่รู้หรือว่าฉันใส่น้ำตาลแค่ช้อนเดียว สมองของเธอนี่จำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ” เสียงของเธอแม้ไม่วีนแตกเหมือนตัวอิจฉาในละครโทรทัศน์ แต่ก็บาดใจคนฟังจนแทบอยากจะฆ่าตัวตายหรือไม่ก็ฆ่าเธอทิ้ง ชัชวาลต้องรีบขยิบตาให้คนรับใช้คนนั้น หลบหน้าออกไปก่อน ก่อนที่จะหันมายิ้มประจบถามพิมพ์ดารา
“เออ..คอนโดของหนูยังไม่เสร็จนะ ลุงว่าหนูน่าจะพักกับลุงก่อนดีมั๊ย”
พิมพ์ดาราลังเลนิดหนึ่งกวาดมองรอบคฤหาสน์ และไม่ลืมที่มองไปทางคนรับใช้ที่อยู่ในห้อง พวกเขาต่างรีบก้มหน้าหลบสายตามีท่าทีหวาดๆ และลุ้นอยู่ในใจภวนาให้เธออย่าได้พักที่นี่ถ้าเป็นไปได้ขอให้เธอรีบกลับอังกฤษไปซะเลย พิมพ์ดารายิ้มอย่างดูแคลนเหมือนจะอ่านสายตาท่าทีนั้นออก ก่อนจะหันกลับมา
“หนูคิดว่าจะพักที่โรงแรมก่อนดีกว่าค่ะ รอจนคอนโดตกแต่งเสร็จก็จะย้ายเข้า ลุงคงไม่ว่าอะไรนะค่ะ”
ธนากรมีสีหน้าเสียดาย แต่ในใจนึกยินดี ที่เธอจะไปพักที่อื่น เพราะถ้านายธนากรเกิดมาพบเธอเข้า เขาคงจะหาทางบอกเรื่องมรดกกับเธอ จึงพูดแบบเสียดายแต่ซ่อนยิ้มว่า
“ถ้าหนูคิดว่าสะดวก ลุงก็ตามใจนะ”
“ค่ะ ..ถ้าไม่มีอะไรแล้วหนูคงต้องขอตัวก่อน เพราะคิดว่าจะไปดูคอนโดที่ตกแต่งอยู่ หนูขอลานะค่ะ”พิมพ์ดารากล่าวลา พร้อมกับลุกขึ้น บรรดาคนใช้ต่างดูโล่งใจเมื่อรู้ว่าเธอจะไม่พักที่นี่ แอบลอบยกกำปั้นขึ้น ใช้ข้อศอกตีลงกระทุ้งลม ส่งเสียง เย้ เบาๆ ดีใจเหมือนกับนักฟุตบอล ยิงประตูได้ในแม็ทสำคัญ
ชัชวาลยังให้เธอเอารถไปใช้คันหนึ่ง พร้อมกับจองโรงแรมชั้นหนึ่งให้กับเธอ พวกคนรับใช้ขนของๆเธอไปขึ้นรถและส่งเธอ ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มผิดกับตอนที่เธอเข้ามา
พิมพ์ดาราขับออกจาคฤหาสน์ ตรงไปที่คอนโดหรูกลางกรุงที่เธอเป็นเจ้าของก่อนที่จะไปโรงแรม เพื่อจะดูว่าตกแต่งไปถึงไหน เธอขับฝ่าการจราจรที่แน่นขนัดในยามเย็น จนเธอต้องบ่นอุบอิบตลอดทาง แถมเธอยังหลงทางอีก เพราะไม่คุ้นกับถนนในกรุงเทพ และเธอก็เข้าไปผิดเลนและพยายามจะหักออกเข้าเลนที่ถูกอย่างที่คนขับรถคนอื่นเห็นแล้วต้องนึกโมโห เพราะมันทำให้รถคันหลังถูกรถของเธอขวางเอาไว้ ติดกันขนัด จนต้องบีบแตรไล่
“ฉันรู้แล้วน่า ฉันกำลังหาทางจะออกไปไม่เห็นหรือไงนะ”เสียงเธอบ่นเยาะรถคันหลังอยู่ในรถของตัวเอง แข่งกับเสียงแตรที่บีบไล่ เหมือนกับว่ารถคันหลังนั้นไม่รู้อะไร จริงๆแล้วตัวเธอนั่นแหละที่ไม่รู้อะไร แถมยังขับค่อมเลนออกไปอย่างหน้าตาเฉย ถ้าตำรวจอยู่แถวนี้คงต้องเขียนใบสั่งให้เธอแน่ๆ โทษฐานขับรถกรีดขวางการจราจร
๑
ในห้องชุดคอนโด ก้องทำงานด้วยอารมณ์ครึมอกครึมใจ เขาเพิ่งจะซื้อโทรศัพท์มือถือที่จะเป็นของขวัญให้แพรมา และจะให้เธอในวันนี้ เขาเอามันออกมาจากกล่องเพื่อมาตั้งข้อความเล็กๆน้อยๆ ใส่ลงไปในโทรศัพท์เป็นคำอวยพรวันเกิด แต่ก้องไม่ค่อยรู้วิธีใช้มากนัก รุ่นพี่ของเขาคนหนึ่งจึงมาแนะวิธีให้ พร้อมกับแซวเขาไปในตัวที่เขาจะทำหวานให้แฟน พอดีพี่นกรุ่นพี่อีกคนเรียกเขาไปช่วยจับติดโคมไฟกลางห้อง เขาเลยวางโทรศัพท์เครื่องนั้นไว้บนโต๊ะตัวหนึ่ง ก่อนจะไปช่วยติดโคมไฟ
“ฉิบหาย ต้องใช้ตัวยิงยึด ไม่งั้นมันโครงแน่ๆ ดันเสือกไม่ได้เอาขึ้นมา”พี่นกสบถเมื่อลองติดโคมไฟเข้ากับเพดาน
“เดี๋ยวผมลงไปเอา” ก้องบอก พร้อมกับวิ่งออกนอกห้องออกไป ก้องออกไปยืนรอหน้าลิฟท์เพื่อจะลงไปเอาตัวยิงยึดติดโคมไฟ ในที่จอดรถ ของรถที่ใส่อุปกรณ์ของพวกเขา เมื่อลิฟท์ประตูลิฟท์เปิด ก้องเห็นผู้หญิงที่หน้าสวยน่ารักคนหนึ่งอยู่ข้างใน เธอใส่เสื้อโค้ทสีแดง และสวมหมวกเล็กๆ สวยเก๋ แถมยังใส่รองเท้าบู๊ทส้นสูงครึ่งแข้ง มันทำให้ก้องตะลึงไปพักหนึ่ง แต่ไม่ใช่ตะลึงในความสวยน่ารักของเธอ หากแต่ไม่เชื่อว่าจะมีคนที่แต่งตัวยังกับตัวเองอยู่เมืองหนาว มาอยู่ที่เมืองร้อนยังงี้ ‘ไม่ร้อนตับแตกหรือไงนะ’ก้องคิด แต่ก็เห็นเหงื่อที่ซึมตามหน้าผากของเธอ ทำให้เขารู้ว่าเธอก็ร้อนอยู่เหมือนกัน เขาจึงอดที่จะยิ้มไม่ได้
“คุณ หลบไปหน่อยสิ ชั้นจะออกไป”หญิงสาวในลิฟท์บอกขึ้นน้ำเสียงห้วนดุและหงุดหงิด แถมยังมองเขาด้วยหางตา เมื่อเห็นเขายิ้มมองดูเธอแปลกๆ ก้องดูจะงงว่าทำไมเขาต้องหลบ ทั้งที่หน้าลิฟท์ก็กว้างพอที่เธอจะเดินสวนออกมา แต่เขาก็หลบออกข้างไปหน่อยหนึ่งตามที่เธอบอก เพื่อให้เธอออกมา ก่อนที่ตัวเขาจะเข้าไปกดลิฟท์ลงชั้นล่าง และยังนึกขำเธออยู่ในใจ ผู้หญิงคนนี้แปลกชะมัด
ผู้หญิงคนนี้ก็คือพิมพ์ดารา เธอมาที่นี่เพื่อจะมาดูคอนโดที่กำลังตกแต่งของเธอ อากาศที่ร้อนและรถที่ติดทำให้หงุดหงิดไม่น้อยที่จะเดินทางมาที่นี่ แน่แหละและเธอก็ร้อนกว่าคนอื่นเป็นสองเท่าเพราะชุดของเธอ มารู้สึกตัวว่าเธอควรจะถอดเสื้อโค้ทออกระบายความร้อน ก็ต่อเมื่อผู้ชายที่อยู่หน้าลิฟท์มองดูการแต่งตัวของเธอ แล้วยิ้มเหมือนจะเยาะ มันทำให้เธอเคืองอยู่เล็กๆ
“ไม่มีมารยาท กล้าดียังไงมายิ้มเยาะชั้น ชั้นแค่ลืมถอดมันเท่านั้นแหละย่ะ”พิมพ์ดาราบ่นเบาๆกับตัวเอง พร้อมถอดเสื้อโค้ท หอบไว้ในมือ เดินตรงไปยังห้องของเธอ
ที่ห้องของเธอ ตอนนี้ประตูถูกเปิดไว้ คนงานเจ็ดแปดคนกำลังทำการตกแต่งอยู่ภายใน ห้องนี้ก็คือห้องที่รุ่นพี่ของก้องกำลังทำงานอยู่ เธอก้าวพ้นประตูมาอย่างเงียบๆ กว่าพวกรุ่นพี่ของก้องจะรู้สึกตัวมีมีคนเข้ามาใหม่ เธอก็มาถึงโต๊ะที่กางแบบไว้ข้างหน้าแล้ว ทุกสายตาล้วนหันมาจับจ้องมองเธอ และก็มองเธอตาเป็นมัน เพราะไม่คิดว่าจะมีผู้หญิงสวนน่ารักเข้ามาในตอนนี้ แต่รอยยิ้มก็หดหายเมื่อเธอมีสีหน้าไม่ตอบสนองที่จะเป็นมิตร พร้อมกับกวาดสายตาสำรวจดูการตกแต่งภายในห้อง ก่อนจะถามขึ้นว่า
“ใครเป็นหัวหน้าของพวกคุณ?”
ทุกคนหันมามองหน้ากัน ก่อนพี่ป๋องจะบอกขึ้น
“ผมเองครับ มีอะไรเหรอครับ”พี่ป๋องตอบมีท่าทีงงๆ ไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร หรือว่าจะเป็นคนของทางคอนโด แต่เขาก็ทำหนังสือขออนุญาตแล้วนี่น่า ไม่น่ามีปัญหาอะไร พี่ป๋องคิด
“พวกคุณทำงานกันตอนกลางคืนด้วยหรือ?”พิมพ์ดาราถามโดยยังสำรวจสายตาไปทั่วห้องโดยไม่มองหน้าคนตอบคำถามเธอ
“ใช่ครับ พวกเราทำตอนเย็นถึงกลางคืน”พี่ป๋องตอบ
“แล้วตอนกลางวันล่ะ?”พิมพ์ดาราถาม พร้อมวางเสื้อโค้ทของเธอลงบนโต๊ะกางแบบ แต่เพราะเธอมั่วแต่มองดูรอบๆ เลยไม่ได้ดูว่าเสื้อของเธอวางทับลงไปตรงโทรศัพท์ของก้องที่วางไว้ พี่ป๋องเริ่มงงหนัก ที่ผู้หญิงคนนี้เข้ามาก็ซักไซ้ แถมน้ำเสียงก็วางอำนาจ แต่ก็ตอบออกไป
“คือเรายังเรียนกันอยู่ กลางวันจึงไม่ได้ทำ ว่าแต่..คุณเป็นใคร”พี่ป๋องอดไม่ได้ที่จะถาม
“ฉันเป็นเจ้าของห้องนี้”พิมพ์ดารา ตอบเรียบๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ชั้นพอจะรู้แล้ว ว่าทำไมห้องของฉันถึงได้ตกแต่งล่าช้าขนาดนี้ เพราะบริษัทที่ชั้นจ้างเค๊าเอามือสมัครเล่นอย่างพวกคุณมาทำงานนี่เอง”
น้ำเสียงของเธอแม้ฟังจะดูเรียบเหมือนกับพูดลอยๆ แต่พวกรุ่นพี่ของก้องก็เหมือนถูกตบหน้าอย่างแรง หลายคนถอนหายใจ มองเธอแบบกึ่งฉุน ลืมความสวยของเธอไปเลย พวกเขารู้ดีว่าสถานการณ์แบบนี้ไม่ควรต่อล้อต่อเถียงกับเจ้าของงาน จึงไม่มีใครพูดอะไร พี่ป๋องจึงพยายามอธิบาย
“ผมว่าคุณคงเข้าใจผิด งานของคุณไม่ได้ช้านะ ผมตกลงกับทางบริษัทว่าจะใช้เวลา 15 วัน และนี่ก็ยังไม่ครบกำหนดเลย ยังเหลืออีกตั้งอาทิตย์”
พิมพ์ดาราโบกมือแบบปัดรำคาญ
“เอาล่ะ เอาล่ะ คุณไม่ต้องอธิบายก็ได้ ยังไงก็ตามชั้นอยากให้เสร็จภายในอีกสามวัน และทุกอย่างต้องเรียบร้อย พวกคุณทำได้มั๊ย”
พี่ป๋องกับพรรคพวกมีสีหน้าทั้งอึ้งทั้งลังเล ภายในสามวันกับงานที่เหลือมันจวนตัวสำหรับพวกเขามาก อยากที่จะบอกได้ว่าจะเสร็จ พิมพ์ดาราเห็นเขายังไม่ได้รับปาก จึงพูดต่อไปว่า
“ถ้าคุณทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะ ชั้นจะให้ทางบริษัทเขาเปลี่ยนชุดใหม่มาทำให้ ชั้นอยากที่จะย้ายมาอยู่ที่นี่เร็วๆ”
คราวนี้พี่ป๋องหน้าเผือกลง คิดว่าถ้าเธอบอกต่อทางบริษัทให้เปลี่ยนชุดทำงาน เขาคงจะไม่ได้อะไรจากงานนี้ เพราะไม่ได้ทำสัญญายกเลิกการว่าจ้างกลางคันกับเพื่อนของเขา อย่างมากก็ได้แค่ค่าอุปกรณ์กับค่าแรงชดเชยนิดหน่อย เรื่องอะไรจะให้คนอื่นมาชุบมือเปิบ สามวันก็สามวันว่ะ
“ครับผมจะลองดู”พี่ป๋องตอบ
“งั้นก็ ok ตามนี้นะ ชั้นต้องไปแล้ว”พิมพ์ดาราบอกพร้อมกับหอบเสื้อโค้ทของเธอขึ้นมา ก้าวเดินออกจากห้อง ทุกคนในห้องเลยต้องระบายลมหายใจอย่างหัวเสียหลังจากที่เธอออกไป
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
ความคิดเห็น