คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : พยัคฆ์ที่สอง มีดบินยอดอัจฉริยะ ซังลี้ปังตอ
ตลาดสดเมืองกุดไฮ่ เป็นตลาดสดขนาดใหญ่อันมีหน้ามีตาของเมืองกุดไฮ่มณฑลสานซี ยามเช้าจรดสายมีผู้คนเดินกันขวักไขว่ จับจ่ายกันคับคลั่ง บันดาลให้พ่อค้าแม่ค้าส่งเสียงดังจอกแจกจอแจ แข่งขันกันเรียกลูกค้าที่ผ่านไปมา พร้อมกับเสียงต่อรองราคากันดังเอะอะวุ่นวาย
แต่ในส่วนมุมหนึ่งของตลาด ยังมีแผงขายหมูตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ในทำเลร่มรื่น บรรยากาศรอบข้าง ห่างจากความวุ่นวายในตลาดออกมาไม่ไกล
ยามนี้เงียบเหงาไร้ลูกค้า บนเตียงแคร่หลังแผงขายกลับเห็นชายหนุ่มวัยยี่สิบเศษ นอนหงายหนุนท่อนแขน ชันเข่าอย่างเอกเขนก ราวกับกำลังหลับใหลไม่ได้สนใจกับสิ่งรอบข้าง ลักษณะการแต่งกายของมัน เป็นดังพ่อค้าเขียงหมูทั่วไป เพียงแต่ท่าทีการนอนกลับดูเกียจคร้านอย่างทระนง บนใบหน้ายังมีพัดจีบกางปิดบังแสงสว่างไม่ให้แยงตา บนพัดจีบมีอักษรเขียนสองประโยคว่า ‘เทิดทูลคุณธรรม ค้ำจุนยุทธภพ’
ชั่วครู่ ที่หน้าแผงขาย บังเกิดเสียงเคาะกระดาน คิดปลุกเรียกผู้เกียจคร้าน ลูกค้าหญิงวัยยี่สิบย่างสามสิบปี ทวงท่าทางสะโอดสะอง ใบหน้าเย้ายวนมีเสน่ห์ กล่าวเรียกว่า
“พ่อค้า เราต้องการเนื้อหมู จะค้าขายหรือไม่”
ชายหนุ่มยังมิได้ขยับกาย แต่ส่งสุ่มเสียงผ่านม่านพัดจีบ ดังว่า
“การค้ามีทุกแห่งหน ขอเพียงท่านซื้อ เราก็ขาย”
สำบัดสำนวนราวกับผู้คงแก่เรียน แถมมิได้ใส่ใจลูกค้า บันดาลให้สตรีผู้นั้นต้องเบ้ปากถากถางอย่างเสียมิได้ แค่ขายหมูไยต้องสำบัดสำนวนมากมาย แต่ตอนนี้ต้องการเนื้อหมูไปรับประทานจึงไม่ได้แยแสสนใจ กล่าวว่า
“เอาตับหมูเซี่ยงจี้หมูอย่างล่ะสองชั่ง เร็วๆอย่าได้ชักช้า เรามีธุระต้องรีบไป”
ชายหนุ่มรวบเก็บพัดจีบบนใบหน้า ลุกขึ้นอย่างเกียจคร้านก้าวมายังเขียงหมู บุคลิกท่าทีไม่คล้ายพ่อค้า แต่กลับคล้ายนักศึกษามีความรู้
ยามนี้จึงเห็นใบหน้ามันชัดตา คนผู้นี้ไม่ได้ผูกมวยผมเช่นคนทั่วไป แต่กลับรวบปลายผมด้านหลังไว้เป็นห้างม้าคล้ายมันคิดว่ามีเสน่ห์เหลือล้น เค้าโครงหน้าจัดได้ว่าหล่อเหลา แต่เงาชุดพ่อค้าเขียงหมูกลับบดบังราศีไปครึ่งหนึ่ง หากไม่ได้บุคลิกทรงภูมิปัญญามาทดแทน ก็ยากนักจะสะดุดตาผู้คน
มันคลี่สะบัดพัดจีบ โบกอย่างใจเย็น แย้มยิ้มกล่าวว่า
“ตั่วโกวเนี้ย อย่าเพิ่งได้รีบร้อน การซื้อการขายย่อมมีกฎเกณฑ์ หากซื้อหมูจากเขียงข้าพเจ้า ย่อมต้องทำตามกฎ”
ลูกค้าสตรี ขมวดคิ้วสงสัยทวนคำว่า “กฎ”
“กฎอันใด?”
“กฎของเขียงหมูนี้มีไว้ว่า หากท่านสามารถตอบคำถามเราได้ เราก็จะค้าขายกับท่าน หากตอบไม่ได้ ก็คงต้องเชิญโกวเนี้ยไปร้านอื่น”
ลูกค้าสตรี ฉงนประหลาดใจ ไฉนซื้อหมูเพียงสามสี่ชั่งถึงได้วุ่นวายปานนี้ ยามนี้ตะวันคล้อยสาย เขียงหมูจ้าวอื่นล้วนพากันเก็บร้าน เหลืองเพียงจ้าวนี้จ้าวเดียว นับว่าไม่มีทางเลือกอื่น ได้แต่ผงกศีรษะตอบรับ
ชายหนุ่มเมื่อเห็นนางตกลงใจตอบคำถาม จึงโบกพัดจีบแช่มช้า กล่าวถามว่า
“อะไรเอ่ย สี่เท้าเดินมาหลังคามุงจาก”
ลูกค้าสตรีพอฟังต้องเผยรอยยิ้ม เชิดริมฝีปากดูแคลนอย่างเสียมิได้ นึกว่าคำถามจะยากเย็นปานใด ที่แท้กลับง่ายดายเช่นนี้ ดังนั้นตอบชัดถ้อยชัดคำ
“ย่อมเป็นเต่า”
ชายหนุ่มส่ายศีรษะอย่างเสียดาย กล่าวว่า
“ตั่วโกวเนี้ยผิดแล้ว คำตอบคือคนสองคนกำลังแบกจากไปมุงหลังคา คนสองคนเท่ากับสี่เท้า คนเท่านั้นจึงรู้จักมุงหลังคา เต่าเป็นสัตว์เดรัจฉานไหนเลยมุงหลังคาเป็น คำถามง่ายๆเช่นนี้ ตั่วโกวเนี้ยไม่น่าตอบผิด....โง่นี่.”
ลูกค้าสตรีถึงกับเดือดดาล ไอ้สันดานนี่เอาปัญหาเชาว์มาหลอกด่าผู้คน ยามอารมณ์ฉุนโกรธ ปากพึมพำหงุดหงิดใจว่า
“ไม่ดงไม่แดกแม่งแล้ว”
พลางสะบัดตัวจะจากไป ชายหนุ่มยังคงโบกพัดจีบแช่มช้า กล่าวทัดทานว่า
“คาดว่าท่านไม่แดกก็คงไม่ได้ ฟังว่าผู้ฝึกลมปราณพลังบ้าหมู ต้องรับประทานตับหมูเซี่ยงจี้หมูติดต่อกันวันล่ะสองชั่ง หาไม่แล้วจะไม่มีทางฝึกสำเร็จ เมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านจะไม่แดกได้อย่างไร”
ลูกค้าสตรี สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นตระหนกระคนประหลาดใจ ชะงักเท้าหันกลับมา สำรวจพินิจดูมันอย่างระแวดระวัง กล่าวถามว่า
“ท่านที่แท้เป็นผู้ใด? ทำไมถึงได้ทราบ”
ชายหนุ่มนั้นค่อนข้างมากลีลา รวบพัดจีบวางท่าปลอดโปร่ง ก่อนตอบว่า
“ข้าพเจ้าแซ่สองพยางค์ ว่า ซังลี้ นามปังตอ”
ลูกค้าสตรีพอฟังประกายตาถึงกับลุกลน ตะกร้าจ่ายตลาดในมือกลับหลุดร่วงลงพื้น กล่าวเสียงสะท้านว่า
“ที่แท้ ท่านคือ หนึ่งในสองพยัคฆ์ แห่งหมู่ตึกทรงธรรม มีดบินอัจฉริยะ ซังลี้ปังตอ”
ซังลี้ปังตอ รับคำภาคภูมิกล่าวว่า
“ถูกต้อง ข้าพเจ้าคือซังลี้ปังตอ”
พลางกล่าวสืบต่อไปว่า
“หยี่ซือเหนียง ท่านก่อกรรมทำเข็ญมามาก เพียงเพราะฝึกลมปราณพลังบ้าหมู กลับฆ่าหมูทั้งเป็นควักหัวใจกินตับ หากไม่ใช่หมูตึกทรงธรรมยืนมือช่วยเหลือ อารักขาหมูเหล่านั้นนำไปซ่อนยังที่ปลอดภัย หาไม่หมูในเมืองนี้คงถูกท่านฆ่าสังหารสิ้น”
ที่แท้สตรีผู้นี้ คือ หยี่ซือเหนียง นางมารลมบ้าหมู ที่แล้วมาฆ่าหมูควักหัวใจกินตับสด ล้างผลาญชิวิตหมูเป็นผักปลา สร้างความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า หมู่ตึกทรงธรรมเมื่อทราบข่าวไม่อาจนิ่งดูดาย ส่งคนค้นหาร่องรอย ภายหลังจึงทราบว่าหลบซ่อนตัวอยู่ที่เมืองกุดไฮ่นี้
หยี่ซือเหนียงพอฟัง สีหน้าพลันกระตุก ประกายตาคับแค้น มิน่าหลายวันมานี้ หาหมูเข่นฆ่าไม่ได้ ต้องออกมาซื้อยังตลาดสดแก้ขัด ไม่คาดว่าวันนี้ร้านอื่นก็ไม่มีขายเหลือเพียงจ้าวนี้จ้าวเดียว ที่แท้ก็เป็นกับดักหลุมพราง
พลันเค้นเสียง กล่าวว่า
“เราเพียงฆ่าหมูเพื่อฝึกวิชา ไม่ได้ฆ่าคนทำร้ายใคร เรื่องเพียงเท่านี้ หมู่ตึกทรงธรรมไยต้องมาเกี่ยวข้อง”
ซังลี้ปังตอยังใจเย็นกล่าวว่า
“ฆ่าหมูเพื่อฝึกวิชานับว่าไม่ผิด แต่สมควรฆ่าหมู่ที่ตัวเองเพาะเลี้ยง แต่ท่านกลับสังหารหมูของผู้อื่นตายลงมากมาย บางรายถึงกับเลิกกิจการไม่กล้าเลี้ยงหมู ส่งผลเดือดร้อนถึงประชาชน จนตอนนี้เนื้อหมูขาดตลาด น้ำหนักหนึ่งชั่งราคาเกือบหนึ่งตำลึง ราชสำนักต้องออกมาตรการ ให้ผู้คนหันมากินไก่ ไปเสี่ยงภัยกับไข่หวัดนก ท่านว่าความเดือดร้อนนี้สาหัสหรือไม่ ... ทางที่ดี มอบตัวยอมจำนน ติดตามเราไปรับโทษที่หมู่ตึกทรงธรรม”
หยี่ซือเหนียงไร้คำโต้แย้ง กัดฟันดังกรอด กล่าวน้ำเสียงกราดเกรี้ยว
“หมูตึกทรงธรรมคิดจับตัวเราคงไม่ง่ายดาย... ฟังว่า มีดบินอัจฉริยะแซ่ซังลี้ มีเพลงมีดบินไร้เงา อันสูงส่ง วันนี้คงต้องขอรับทราบฝีมือแล้ว”
นิ้วมือทั้งสองข้างพลันหงิกงอ นัยน์ตาขวาง สีหน้าแปรเปลี่ยนบูดเบี้ยวจนหน้าสะพรึง กลับเร้งเร้าลมปราณพลังบ้าหมูขึ้น สองมือตะกุยตะกายเข้าจู่โจม น้ำลายฟูมฟายออกจากปาก พุ่งตัวเข้าหาราวกับคนบ้าคลั่ง
ซังลี้ปังตอ รู้สึกขยักแขยงยิ่ง ความจริงหยี่ซือเนียงจัดเป็นสตรีงดงามผู้หนึ่งแต่พอลงมือใช้ ลมปราณพลังบ้าหมูแล้วกลับกลายเป็นอีบ้าเสียสติ ยามนั้นไม่มีเวลาตื่นตะลึง ทราบถึงอันตรายคุกคาม รีบพุ่งตัวเฉียงออกด้านข้าง ฝ่ามือหยี่ซือเหนียงตะกุยใส่แผงขายหมูด้านหน้า ลมปราณกรงเล็บพอแผ่ซัด แผงเขียงหมูกลับกระจุยกระจายกลายเป็นเศษฝุ่น
ซังลี้ปังตอลอบตื่นตระหนก วิชาพลังบ้าหมูร้ายกาจปานนี้ มิน่าสตรีผู้นี้ยินยอมอัปลักษณ์ เพื่อใช้มัน ครานั้นกรงเล็บยังตามติดพัวพันดุจพายุคลุ่มคลั่ง เสียง แฮ่ แฮ่ ผสมน้ำลายฟองฟอด ข่มขวัญผู้คนจนใจสะท้าน ซังลี้ปังตอเปิดตำราต้านรับไม่ทัน ได้แต่ถอยร่นถลันหลบ หยี่ซือเหนียงคำรามว่า
“ซังลี้ปังตอ ที่แท้มีแต่ชื่อเสียงจอมปลอม ไม่เห็นจะมีน้ำยาอันใด”
ซังลี้ปังตอเค้นเสียงดัง เฮอะ ลอบครุ่นคิด
‘นี่ขนาดนางยังฝึกไม่สำเร็จ ยังร้ายกาจปานนี้ หากฝึกสำเร็จเราคงย่ำแย่แล้ว หมู่ตึกทรงธรรมให้เรามาจับเป็นคงต้องครุ่นคิดหาวิธีจัดการ’
พลันทะยานร่างหลบเข้าดงค้าขาย หยี่ซือเหนียงตามติดตะกุยตะกายอาละวาด พุ่งแผ่พลังซัด หาบเร่แผงขายพินงพินาจ ผู้คนต่างกรนด่าตามทางที่ทั้งสองตะลุยผ่าน
นับว่าวิชาตัวเบาของซังลี้ปังตอนั้นยอดเยี่ยมกว่า สามารถสลัดหลุดการพัวพันผ่อนหายใจได้ช่วงหนึ่ง พอตั้งตัวได้หยุดเท้าอยู่หน้าแผงขายร้านหนึ่งหันกายกลับไปเผชิญหน้า เหน็บพัดจีบเข้าสายคาดเอว มือขวาวกไปด้านหลังกำสิ่งหนึ่งเอาไว้ หยี่ซือเหนียงทะยานตามมาถึง พลันพุ่งตัวจู่โจมโดยไม่รีรอ ซังลี้ปังตอสะบัดมือขวาออก พุ่งซัดสิ่งที่อยู่ในมือ กลับเป็นวิชามีดบินไร้เงาตระกูลซังลี้
วัตถุดำมะเลื่อม แฝงความแหลมคม หมุนคว้างปานจักรผันจู่โจมออก หยี่ซือเหนียงตระหนกยิ่ง รีบหยุดยั้งท่าราง สะกิดเท้าเบี่ยงเบนทิศทางหมุนตัวหลบหลีก เสียงขวาก ดังคราหนึ่ง มีดบินไร้เงาเฉียดผ่านตัดเสื้อผ้านางขาดออก วัตถุเลยพุ่งหายไปด้านหลัง
หยี่ซือเหนียง แม้สูญเสียงสภาวะจู่โจม แต่สามารถหลบรอดมีดบินไร้เงาของซังลี้ปังตอได้ ต้องหัวเราะเยาะคลุ่มคลั่ง กล่าวว่า
“นี่หรือคือมีดบินไร้เงาที่เลื่องลือ ที่แท้ก็ไม่ได้มีความร้ายกาจอันใด”
ซังลี้ปังตอกลับแย้มยิ้มกล่าวว่า
“ความร้ายกาจของมีดบินไร้เงา เหนือกว่าที่ท่านคาดคิดมากนัก”
พลันได้ยินเสียงเร่งร้อนของวัตถุหมุนคว้างกลับมา ซังลี้ปังตอรับไว้ในมือข้างหนึ่ง เห็นเป็นมีดปังตอทำครัวคมวาวสีดำมะเลื่อม มีดบินไร้เงาก็คือมีดปังตอเล่มนี้
หยี่ซือเหนียงพอเห็นยังไม่ทันได้หัวร่อ ผ้าผวยกันแดนของแผงขายที่นางยืน พลันทิ้งตัวลงจากเบื้องบนศีรษะ ครอบคลุมตัวหยี่ซือเหนียงเอาไว้ ที่แท้มีดบินที่ซัดออกไปเมื่อครู่ไม่ได้เจตนาซัดใส่หยี่ซือเหนียง แต่กลับพุ่งบินตัดเชือกขึงผ้ากันแดดทั้งสี่มุม
หยี่ซือเหนียง จู่ๆรอบข้างมืดบอด ถูกคลุมด้วยผ้าผวยผืนใหญ่ พลันตระหนกแตกตื่น ร่ำร้องว่า
“ผู้ใดดับไฟ”
สิ้นเสียง กลับรู้สึกร่างกายถูกสวมกอด ล็อกคอตีเข่าอย่างหนักหน่วง ย่อมเป็นซังลี้ปังตอไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอย อาศัยที่นางถูกคลุมด้วยผืนผ้ามองสิ่งใดไม่เห็น กอดคอกระแทกเข่าอย่างเมามัน ปากยังส่งเสียง เอ้ว เอ้ว ตามจังหวะด้วยความสะใจ ผู้คนในตลาดที่ชมดูต่างสะดุ้งสะเทือนย่นหน้าเจ็บแทนผู้ที่อยู่ในผืนผ้า ครุ่นคิดหวาดเสียวว่า ‘กลับสตรีบ้าผู้หนึ่งมันยังลงมือได้ขนาดนี้ แม่งโคตรลูกผู้ชายเลย’
ซังลี้ปังตอหาได้แยแสสนใจต่อสายตาคนรอบข้าง ภายหลังซ้อมจนนางสิ้นสติ ค่อยจับตัวมัดไว้ พาตัวนางเดินทางกลับสู่หมู่ตึกทรงธรรม
ความคิดเห็น