คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : ตอนที่ 18
๑
สันนั่งคุยเล่นอยู่บ้านของก้องจนเย็นและชอบดูพิมพ์ดารากับก้องเถียงกันเพราะสนุกดี กว่าสันจะกลับบ้านก็เย็นเกือบจะค่ำ
ในบ้านพักของน้าใหม่ แพรกำลังนั่งดูทีวีอยู่ เธอยังพักอยู่ที่นี่ยังไม่ได้ย้ายออก สันพอกลับมาก็ตรงมาที่ตู้เย็น รินน้ำมาดื่ม ก่อนถือแก้วไปนั่งดูทีวีด้วย ความสัมพันธ์ฉันเพื่อน ระหว่างแพรกับสัน ยังมีอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่จะห่างเหินกันไปบ้าง เพราะธานุพันธ์ตอนนี้ก็เป็นแฟนของเธอแล้ว เธอจึงไปมาไหนกับธานุพันธ์บ่อยๆ แม้บางครั้งเธอจะชวนสันไปด้วย แต่สันก็ปฏิเสธ เพราะ ไม่ค่อยชอบขี้หน้าเจ้าธานุพันธ์
สันวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะรับแขน ทิ้งตัวลงบนโซฟาบิดขี้เกลียด จากการที่นั่งรถมาจนเมื่อย ก่อนจะเอนหลัง ปรือตาดูทีวีผ่อนคลาย แพรแอบชำเลืองมองดูท่าทีของสันตั้งแต่กลับมา ทั้งคู่ดูทีวีด้วยกันอยู่พักหนึ่ง ก่อนแพรจะถามออกมาลอยๆ
“ไปไหนมาเหรอ?”
“ไปหาเพื่อน -- ทำไมเหรอ?”
“เปล่า.. ฉันแค่ถามดู”
จากนั้นเธอก็เงียบไป สันรู้สึกงงๆ พอจะเอนตัวเหยียดยาวนอนเล่นตรงโซฟา แพรก็ถามมาอีก
“เพื่อนคนไหน ?”
สันรู้สึก เอะ ใจในคำถามของเธอ และเขาก็ไม่อยากบอกเธอด้วยว่าเขาไปไหนมา เลยต้องหน้ามุ่ยลุกขึ้น บอกปัดรำคาญ
“นี่ แพร ฉันไม่ใช่เจ้าธานุพันธ์นะ เธอจะมาคาดครั้นเอาอะไร”
แพรกลับบอกเรียบๆ
“ฉันรู้เธอไปหาก้องมา”
สันเลยหน้าเสียเล็กน้อย ก่อนจะยอมรับ
“อืมส์..แล้วยังไงล่ะ”
“ฉันก็แค่อยากรู้ว่าเขาเป็นยังไงมั่ง”น้ำเสียงเธอเศร้าเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ “พอดีฉันไปที่คณะของก้อง ได้ยินว่าก้องทำเรื่องดร๊อปเรียน”
“ก็.. ก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่เดือดร้อนเรื่องเงินนิดหน่อย” สันต้องใจอ่อนต่อท่าทีของเธอ เลยต้องเล่าออกมา
“หา..”แพรอุทานท่าทางเป็นห่วง “แล้วเดือดร้อนมากมั๊ย”
“ไม่รู้ มันไม่ยอมบอกฉัน มันบอกแต่ว่า จะหยุดทำงานหาเงินพอพร้อมแล้วจะกลับมาเรียนต่อ”
“แล้วบอกหรือป่าวว่าเมื่อไหร่”
“ไม่ได้บอก”
“นี่สัน เธอไม่ห่วงเพื่อนเลยเหรอ ปล่อยให้ก้องหยุดเรียนได้ยังไง ตอนนี้ฉันว่า เธอต้องให้เบอร์โทร กับที่อยู่ของก้องให้ฉันแล้วล่ะ ฉันจะไปคุยกับก้องเอง”
สันต้องถอนหายใจบอกอย่างหนักใจ
“ฉันว่าเธอ ไม่ต้องไปยุ่งเรื่องของมันหรอก และเบอร์โทรกับที่อยู่ ฉันก็เคยบอกแล้วฉันให้เธอไม่ได้ ก้องมันเอาตัวรอดได้เธอไม่ต้องห่วงหรอก”
“ทำไม ถึงต้องไม่ห่วง”แพรขึ้นเสียง “ยังไงฉันก็ยังถือว่าก้องเป็นเพื่อนของฉันอยู่นะ “
“เธอคิดของเธอคนเดียวนะสิ ”สันสวนทันควันจนแพรสะอึกนิ่ง ก่อนจะบอกด้วยเสียงที่อ่อนลง
“ใช่ ... ถึงเธอยังคิดว่ามันเป็นเพื่อนอยู่ แต่ก้องมันอาจจะไม่คิดแบบเธอก็ได้ ถ้าเธอไปเจอมัน พาลแต่จะไม่สบายใจด้วยกันทั้งคู่ -- ฉันว่านะต่างคนต่างอยู่หนะดีแล้ว เชื่อฉันเถอะ”
สันทิ้งท้าย ก่อนลุกขึ้น เดินขึ้นบันไดไปห้องของตัวเอง โดยไม่อยากพูดอะไรต่อ ทิ้งอะไรให้แพรคิดอะไรเงียบๆอยู่คนเดียว
๑
เช้าวันทำงานมาถึงอีกแล้ว พิมพ์ดาราถูกก้องเรียกปลุกอีกเหมือนเดิม
“พิมพ์ดารา เธอตื่นหรือยัง ถ้าเธอไม่ออกมาภายในห้านาทีล่ะก็ ฉันจะไปลากเธอออกจากที่นอนเลยคอยดู ผู้หญิงอะไรนอนขี้เซาชะมัด”
พิมพ์ดารา งัวเงียครางอย่างอารมณ์เสีย ที่นอนไม่เต็มอิ่ม สะบัดหัวงอแง ดีดเท้าอยู่บนที่นอน เมื่อถูกเสียงปลุกขึ้นมา
“โอ๊ะ..โฮย.ย อีตานี่คิดจะทรมานฉันหรือไง ทำงาน ทำงาน มีแต่ทำงาน ทำไมชีวิตฉันถึงเป็นแบบนี้นะ”เธอโอดครวญ ฝืนลุกขึ้นจากที่นอน
ก้องเตรียมอุปกรณ์ทำงานขึ้นรถจนพร้อมเสร็จ รอจนพิมพ์ดาราแต่งตัวทำงานออกมา ยิ้มรับเธอด้วยสีหน้าเบิกบาน
“วันนี้เราต้องเหนื่อยหน่อยนะ สู้ๆ”เขาบอกปลุกปลอบใจพิมพ์ดารา เธอรู้สึกลางสังหรณ์ ไม่ค่อยดีเลย
และแล้ว.....ลางสังหรณ์ของเธอก็เป็นจริง
“นี่อ่ะหนะ ..ที่ว่าเหนื่อยนิดหน่อย -- อีตาบ้า .. เหนื่อยที่สุดล่ะไม่ว่า บ้าที่สุด ” เสียงพิมพ์ดารากัดฟันโอดครวญ เมื่อเธอต้องแบกไม้อันแผ่นใหญ่เดินเซไปเซมา เอาไปให้ก้อง ที่กำลังเลื่อยไม้ด้วยเลื่อยฉลุไฟฟ้า เพื่อทำผนังกั้นห้อง และชั้นไม้ในงานตกแต่งห้องในบ้านหลังหนึ่ง ตามที่เจ้าของต้องการ
งานโปรเจ็คแบบนี้กำลังเป็นที่นิยม แบบที่เห็นในรายการทีวีแชมป์เปี้ยน ที่จะเนรมิตห้องธรรมดาให้ดูหรูมีสไตร์ ภายในเวลาไม่กี่วันด้วยอุปกรณ์สะดวกสร้าง
สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ก้องถนัดที่สุด เพราะที่เขาเลือกเรียนตกแต่งภายใน ส่วนหนึ่งก็ได้แรงบันดาลใจมาจากรายการทีวีนี้ แถมพ่อของเขาก็ยังเป็นช่างงานไม้ ทำให้เขาเรียนรู้ความเป็นช่างไม้จากพ่อมาตั่งแต่เด็ก
“โอ๊ะ... โอ๊ะ” เสียงพิมพ์ดาราแบกแผ่นไม้อัดเข้าห้องมา ท่าทางเหนื่อยอ่อนทุลักทุเล เอาไปวางพิงผนัง ก่อนจะหยุดหอบหายใจมองดูก้องที่ใช้เลื่อยฉลุตัดไม้เป็นชิ้นแบบที่เขาต้องการ และดูเขาจะไม่เหนื่อยเลย เธอคิดว่า อีตานี่เอาเปรียบชะมัด ให้เธอไปแบกของหนัก ตัวเองทำงานอยู่แต่ในห้อง เอาแต่เลื่อยไม้
“นี่ นายเป็นผู้ชายตัวใหญ่กว่าฉันตั้งแยะ ทำไมนายไม่ไปแบกมานะ” พิมพ์ดาราตะโกนตัดพ้อ แข่งกับเสียงเลื่อยของก้อง
“แล้วเธอเลื่อยเป็นมั๊ยล่ะ ถ้าทำเป็นมาทำแทนฉัน ฉันจะไปแบกให้” ก้องตะโกนบอกกลับมา ก้มหน้าทำงานโดยไม่มองเธอ “ไป.. ไปเอามาอีกแผ่นหนึ่งอย่าโอ้เอ้ ”
พิมพ์ดาราเถียงไม่ออก หน้าเง้าหน้าง้อ กระแทกเท้า เดินกลับไปที่รถ ไปเอาไม้มาอีกแผ่นหนึ่ง เธอไม่เคยเหนื่อยอย่างนี้มาก่อนในชีวิต เหงื่อชุ่มเสื้อชุดหมีของเธอไปหมด แต่เธอก็ต้องกัดฟันทน เพราะถ้าไม่ทำ นายก้องคงต้องไล่เธอออกจากบ้าน แล้วเธอจะไปอยู่ที่ไหน เพราะไม่มีที่ไป จนบางครั้ง เธออยากจะร้องไห้ คิดว่าก้องแกล้งเธอแน่ๆ ใช้ให้เธอทำงานหนักๆ
แต่หลังจากพักกินข้าวเที่ยงแล้ว งานเธอเบาลงมาก เพราะงานพวกนี้จะวุ่นกันตอนจัดเตรียมในช่วงแรก พอลงมือทำงานจริงๆ ก็เหลือแต่งานที่เธอทำไม่ได้ เพราะต้องใช้ความชำนาญในการเป็นช่าง ก้องจึงต้องทำคนเดียวหมด โดยมีเธอเป็นแค่ลูกมือ ค่อยหยิบโน้นจับนี่ให้ ตามที่เขาสั่ง
พิมพ์ดาราพอเห็นเหงื่อของก้องเปียกชุ่ม ไม่แพ้ตัวเองถึงรู้ว่าเขาก็เหนื่อยไม่แพ้เธอเหมือนกัน แต่เธอยังได้พัก แต่เขาทำไม่ได้หยุด
ถึงได้รู้ว่าก้องคงไม่ได้แกล้งเธออย่างที่เธอคิด เขาให้เธอทำในสิ่งที่เธอพอจะช่วยเขาทำได้ สิ่งที่เธอทำไม่ได้เขาก็ไม่ให้ทำ จนเธอต้องคิดทบทวนอยู่เงียบๆ มองดูเขาทำงาน
“นี่ นายไม่เหนื่อยมั่งเหรอ” พิมพ์ดาราถามเมื่อเห็นเขาทำงานไม่ได้หยุด
“ก็เหนื่อยนะสิ” ก้องบอกแบบไม่รู้ว่าเธอจะถามทำไม แต่มือก็ยังทำงานอยู่ โดยไม่ได้มองเธอ
พิมพ์ดาราช่วงหลังไม่ค่อยได้ทำอะไร เลยรู้สึกอยากจะช่วยทำอะไรมั่ง เดินไปจับโน้นจับนี่ แต่ไม่รู้จะช่วยทำอะไรดี จนก้องต้องหวาดระแวง เหลือบตาดูเธอบ่อยครั้งอย่างไม่ค่อยไว้ใจ ไม่รู้เธอจะไปซน ทำอะไรที่เขาทำค้างไว้พังอีกหรือป่าว ขึ้นชื่อว่าพิมพ์ดาราแล้ว มักจะทำอะไรเหนือความคาดคิดเขาได้เสมอ
และก็จริงซะด้วย พิมพ์ดารา ไปที่เลื่อยฉลุไฟฟ้า ทำท่าจับลองดู ยิ้มบอกก้อง
“นี่ ฉันเลื่อยอันนี้ให้นายดีมั๊ย”
“อย่าเชียว รีบวางลงเลย เธอทำไม่ได้หรอก” ก้องรีบบอกเตือน ไม่เชื่อมือเธอ ก่อนจะหันไปทำงานต่อ เขาคิดผิดที่ว่าพิมพ์ดาราจะเชื่อคำเตือนของเขา และเสียงของก้องก็เหมือนดูถูกเธอ
พิมพ์ดาราต้องแสยะสีหน้าใส่ เธอคิดว่ามันเป็นของง่ายๆ เพราะเห็นก้องทำอยู่ ก็แค่ไถเลื่อยไปตามเส้นบนแผ่นไม่ที่เขาขีดไว้บนแผ่นไม้ เลยคิดจะทำให้เขาดู
ทันที ที่เธอเปิดสวิทส์ ตัวเลื่อยกระแทกแรงเกินกว่าที่เธอคิดไว้ และท่ายืนของเธอก็ไม่มั่นคง ทำให้คุมเลื่อยไม่อยู่ แถมมือเธอยังกดปุ่มสวิทส์ค้างไว้ ใบเลื่อยทำงานไม่หยุด แทนที่เธอจะบังคับมัน มันกลับพามือของเธอไปตามแรงสั่นกระแทก ตัวเธอเลยถลำไปข้างหน้า เธอตกใจจนลืมปล่อยมือ ร้อง โอ๊ะ
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
ก้องหันมา ใจหล่นวูบ รีบไปประคองตัวจับมือเธอบังคับเลื่อยไว้ ก่อนกดปิดสวิทส์ให้หยุด
“โอ้..~”ก้องถอนหายใจคราง อย่างหัวเสีย “ฉันบอกแล้วไง ว่าไม่ต้อง เธอรู้มั๊ย เครื่องมือพวกนี้ถ้าเธอใช้ไม่เป็น มันอันตราย เกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง”
พิมพ์ดารา ยังตกใจพูดไม่ออก แต่รู้สึกว่าที่เอวของเธอมีมือของใครกอดอยู่จนแน่น เลยต้องเลือนสายตามองดู
ก้องถึงได้รู้สึกตัว รีบปล่อยมือ ตอนนี้เองเขาถึงรู้สึกหวิวๆที่มือ เพราะสัมผัสถึงเอวของเธอที่เล็กคอด และพิมพ์ดาราก็รู้สึกจั๊กกระจี้ที่เอวพิกล จนหน้าแดง ทั้งที่ก้องปล่อยมือไปแล้ว แต่ความรู้สึกมันยังอยู่
“ถ้าเธอไม่รู้จะทำอะไรล่ะก็ ไปซื้อน้ำมาให้ฉันกินดีกว่า”ก้องทำเป็นอารมณ์ไม่ดีกลบเกลื่อน ไล่เธอไปซื้อน้ำมาใส่กระติกน้ำแข็ง แต่ในกระเป๋ามีแต่แบงก์พัน เลยต้องเอาแบงก์พันส่งให้เธอ “แล้วอย่าอมเงินทอนล่ะ”
ประโยคหลังทำเอาพิมพ์ดารา ต้องแสยะสีหน้า เค้นเสียงดัง ชิ ตวัดมือดึงเงิน เชิดหน้าเดินออกไป
พิมพ์ดาราออกมาด้านนอก รู้สึกน้อยใจหน่อยๆ ที่เธอพยายามจะช่วย แต่ก็ถูกก้องว่า เดินบ่นปากงุบงิบมาตลอดทาง
“ฉันก็แค่อยากจะช่วย ไม่เห็นต้องอารมณ์เสียใส่ฉันเลย ใครจะไปรู้ว่า เลื่อยมันจะกระแทกแรงขนาดนั้น ฉันไม่ช่างไม้สักหน่อย ดี..นายอยากเหนื่อยคนเดียวก็ให้เหนื่อยไป ฉันจะได้ไม่ต้องเหนื่อย.. เชอะ”
พลันเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ ซื้อน้ำแข็งและน้ำโพลาลิต และเครื่องดื่มเกลือแร่ ตามที่ก้องบอก พอดีระหว่างที่อยู่ในร้านค้า เธอได้ยินพวกลูกค้าคนอื่นพูดถึงเรื่องถูกหวย ได้เงินยิ้มจนหน้าบาน พิมพ์ดารานึกสนใจยืนฟัง คิดเรื่อยเปื่อยว่าถ้าเธอไปซื้อมั่ง แล้วถูกก็คงจะดี แต่เธอไม่เคยเล่นหวย เลยไม่รู้จะซื้อยังไง
พอตอนออกมา มีคุณป้าตามออกมาด้วย เข้ามาทักเธอ
“นี่แม่หนู ช่วยป้าหน่อยได้มั๊ย”
“ช่วยอะไรค่ะ”พิมพ์ดาราถามงงๆ
“คือป้าถูกหวยแต่ไม่รู้ว่าจะไปขึ้นเงินที่ไหน เนี่ยดูสิ”
ป้าเอาใบสลากกับใบตรวจหวยให้พิมพ์ดาราดู มันถูกเลขท้ายสามตัว ตามสลากบอกว่าจะได้เงิน 4000 พิมพ์ดาราส่ายหัวหน่อยๆ
“ฉันก็ไม่รู้หรอก คุณลองไปถามคนอื่นดูนะค่ะ”
พิมพ์ดารามักจะพูด สำนวนผู้ดีที่ถือตัว ไม่ค่อยเรียกญาติกับคนอื่น มักจะใช้คำว่าคุณกับฉันกับคนที่ไม่สนิทด้วย ป้าคนนั้นถ้าทางร้อนใจ เหมือนจะร้องไห้
“แย่จัง ป้าต้องรีบใช่เงินด้วย ป้าไปติดหนี้เขาไว้ และเขาจะมาทวงวันนี้ ถ้าป้าไม่มีให้ป้าต้องตายแน่ๆ”
พิมพ์ดารายืนฟังอยู่พักหนึ่ง แต่เห็นไม่ใช่เรื่องของเธอ เลยทำท่าจะไป แต่ป้าฉุดมือเธอไว้
“นี่ถือว่าช่วยป้าหน่อยนะ ป้าจะขายสลากใบนี้ให้หนู ป้ายอมขาดทุน ป้าร้อนเงินจริงๆ ป้าขายให้สองพันนะ”
พิมพ์ดาราถึงกับหยุดคิด เท่ากับว่าเธอจะกำไร อีกสองพันฟรีๆ ถึงเธอจะไม่รู้ที่ขึ้นเงิน แต่ก้องก็คงรู้ แต่ว่าเงินที่ตัวเธอรวมเงินทอนของก้องแล้ว มีไม่ถึงสองพัน เลยรู้สึกเสียดาย
“นี่แม่หนู ว่ายังไง ช่วยป้าหน่อยนะ” ป้าเร่งรัดมาอีก พิมพ์ดาราต้องหันมาบอก
“ฉันมีไม่ถึงสองพันหรอก ฉันมีแค่พันห้า”
“พันห้าก็ได้ ป้าร้อนเงินจริงๆ”
พิมพ์ดาราดีใจจนซ่อนยิ้มไม่อยู่ ก่อนจะตอบแบบไว้ตัว
“ก็ได้ .. ถือว่าคุณข้อร้อง ฉันก็จะช่วย”
เลยเอาเงินทอนของก้องบวกกับเงินของเธอที่ก้องให้คราวก่อน ได้ประมาณพันห้าร้อย ส่งให้ป้าไปแลกกับสลาก ป้าคนนั้นดีใจ ไหว้ขอบคุณยกใหญ่ ส่วนพิมพ์ดารารีบกลับไปที่ทำงาน หน้าระรื่น แต่ก่อนเงินหลักพันสำหรับเธอเป็นแค่เศษเงิน แต่ตอนนี้มันดูเยอะเสียแล้ว
“นี่นายก้อง ฉันมีข่าวดี”พิมพ์ดาราร้องบอก ทันทีที่กลับมาถึง
“ข่าวดีอะไร”ก้องถามอย่างไม่ค่อยใส่ใจ
“ฉันถูกหวยแหละ.. นี่ไง”
พิมพ์ดาราบอกพร้อมโชว์ใบสลากกับใบตรวจสลากให้ก้องดู ก้องนึกไม่ถึง เลยยิ้มหัวเราะดีใจไปกับเธอ เข้ามาดู
“เออ.. เธอนี่ถึงทำอย่างอื่นไม่ได้เรื่อง แต่ก็มีโชคเหมือนกันแฮะ”ก้องบอกยิ้มๆ แต่พิมพ์ดาราเขม่นตาค้อนเขา แต่ก็แค่แป๊บเดียว เพราะเธอกำลังอารมณ์ดี
“นี่ ฉันไม่รู้จักที่ขึ้นเงิน นายไปขึ้นเงินให้ฉันนะ”
“ได้ได้.. “ก้องบอกรับ”ว่าแต่..เธอไปซื้อหวยตั่งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”ก้องถาม
“เมื่อกี้นี่เอง มีผู้หญิงคนหนึ่งมาขายให้ฉัน”
ก้องนึก เอะใจ
“พิมพ์ดารา หวยออกวันที่ 16 แต่วันนี้วันที่ 17 ใครจะเอาหวยที่ถูกแล้วมาขายให้เธอ“
“ใช่ “พิมพ์ดารายิ้มรับ “แต่ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าร้อนเงิน เลยมาขายให้ฉันถูกๆ”
ก้องรู้สึกทะแม่งๆ เอาสลากไปส่องดู อย่างละเอียด ก่อนจะสังเกตเห็นรอยเปลี่ยนตัวเลขตรงท้ายสลาก แล้วร้องออกมา
“พิมพ์ดารา ..นี่มันของปลอม”
“อะไรนะ” พิมพ์ดาราทำเสียงเหมือนไม่เชื่อ เข้ามาดู ก้องชี้ให้เห็นรอยกลบแก้ตัวเลข และอธิบาย พิมพ์ดาราถึงกับใบ้กิน ก่อนอุทานออกมา “โอ้ ตายแล้ว โอ้ย ตายแน่ๆ ยัยป้านั่นหลอกฉันเหรอ”
เสียงของเธอระโหยสุดๆ จนก้องต้องหัวเราะขำกลิ้ง
“ฮ่าฮ่า..เธอนี่โง่ จริงๆ ไปโดนคนหลอกให้ซื้อมาได้ไงนะ”
ก้องบอกป่นหัวเราะ พิมพ์ดารากลับทรุดตัวลงนั่งย่องๆ นึกเจ็บใจยัยป้ามหาภัย ที่หลอกเอาเงินเธอไป จนต้องก้มซบหน้ากับท่อนแขน จากนั้นค่อยๆสะอื้น เมื่อยิ่งนึกยิ่งเจ็บใจ
ก้องที่แรกไม่รู้ แต่พอเห็นไหล่เธอกระเพื่อม จึงสงสัย ก้มหน้าไปดู
“นี่เธอร้องไห้เหรอ”
พิมพ์ดาราไม่ตอบ แต่หมุนตัวหนี ไปอีกทาง
“ว้า.. เธอร้องไห้จริงๆด้วย เอาน่า เรื่องแค่นี้เอง อย่าร้องไห้เลยนะ”
ก้องยิ้มบอกปลอบใจ
พิมพ์ดาราเลยร้องไห้มาจริงๆ โพล่งขึ้นมา
“เงินฉันหมดเลย ยัยป้านั่นแสบจริงๆ ฉันอุตสาห์สงสาร แต่กลับมาหลอกฉันได้ ฉันทำงานแทบตายกว่าจะได้เงิน ยัยป้านั่นมาหลอกเอาเงินฉันไปง่ายๆอย่างงี้อ่ะเหรอ ...”
ก้องทั้งขำ ทั้งสงสาร รู้สึกว่าพิมพ์ดาราเริ่มรู้คุณค่าของเงินแล้ว บอกปลอบมาอีก
“เอาน่า.. คนเรามันก็พลาดกันได้ -- ว่าแต่เธอซื้อมาเท่าไหร่”
“พันห้า” พิมพ์ดาราสะอึกสะอื้นตอบ
“ก็แค่พันห้าเองอย่าไปเสียดายเลยน่า ถือว่าฟาดเคราะห์” ก้องบอก ก่อนหยุดฉุกคิด “เดี๋ยว เธอมีเงิน ถึงพันห้าด้วยเหรอ”
พิมพ์ดาราหยุดสะอื้นทันที รู้ว่าเป็นเรื่องแล้ว ค่อยๆเงยหน้าลุกขึ้น เดินหดคอถอยไปที่ประตู
“แล้วเงินทอนฉันหล่ะ”ก้องถามต่อ
พิมพ์ดารา เริ่มจะกรอกตา ลอยหน้าไม่รู้ไม่ชี้อีกแล้ว
“ฉันว่าฉันลืมของไว้ที่รถ เดี๋ยวฉันลงไปเอานะ” พิมพ์ดาราบอก แล้วรีบออกไป
ก้องพอจะรู้แล้วว่าเธอเอาเงินที่ไหนไปซื้อ รีบตะโกนไล่ตามหลัง “พิมพ์ดาราเธอเอาอีกแล้วนะ ฉันจะหักเงินเธอ -- ให้ตายสิ”
๑
ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านนะครับ
@@@@@@@@
ความคิดเห็น