คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : ตอนที่ 17
๑
เช้าวันอาทิตย์ หลังจากก้องพาพิมพ์ดาราไปทำงานได้สามวัน สีห้องนั้นทาเสร็จเรียบร้อย และทุกวันอาทิตย์ ก้องจะกำหนดให้เป็นวันหยุดพัก
พิมพ์ดารา นอนตัวแข็ง ตาค้าง อยู่บนที่นอน แขนขาของเธอมันเหมือนไม่มีแรง และเส้นก็ตึงไปหมด พอขยับตัวก็จะปวดแปลบไปทั้งตัว มันเป็นผลพวงมาจากที่เธอไม่เคยทำงานหนัก แล้วต้องมาทำงานใช้แรง ก้มๆเงยๆ จนเกิดอาการเส้นยึด ปวดเมื่อยไปหมด
“โอ้ย ~ ฉันกำลังจะตาย ..ฉันตายแน่ๆ ฉันขยับตัวไม่ได้เลย”พิมพ์ดาราโอดครวญ อยู่บนที่นอน ลุกไปไหนไม่ได้ ทั้งที่เธอตื่นนานแล้ว จนได้ยินเสียงเคาะประตูและเสียงเรียก
“พิมพ์ดารา เธอตื่นหรือยัง ตื่นได้แล้ว”
ก้องมาปลุกเธออีกตามเคย และถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป ทันทีที่เห็นสภาพของพิมพ์ดารา ก้องรู้สึกตกใจ แต่พอสำรวจดูดีๆ เขากลับหัวเราะ เพราะท่าทางการนอนของเธอตอนนี้มันตลก แขนขาของเธอกางออก คอพับเอียงไปค้างหนึ่ง แถมตายังเหลือกๆ
“เธอเป็นอะไรของเธอ หืมส์”ก้องถาม
“ฉันกำลังจะตายแล้ว ขยับตัวไม่ได้เลย นายช่วยไปตามหมอมาให้ที” เธอบอกเสียงแผ่ว เหมือนคนกำลังจะตาย ก้องพอจะเดาออกว่าเธอเป็นอะไร เขาหัวเราะบอกอย่างขำๆ
“เธอไม่ตายหรอก พิมพ์ดารา ทำสำออยไปได้ ก็แค่เส้นยึดเอง”
เลยเข้าไปจับตัวพิมพ์ดารา ดันพลิกให้นอนคว่ำ พิมพ์ดาราร้อง โอ๊ะ โอ๊ะ ด้วยความเจ็บและตกใจ ตัวเธอแข็งทื่อเหมือนตุ๊กตา พลิกไปตามแรงของเขา
“นายจะทำอะไรฉัน หน่ะ”
ก้องไม่ตอบ ใช้ผ่าเท้าเหยียบไล่ไปบนแผ่นหลังของเธอ จนเสียงกระดูกลั่นดัง กร๊อบ ตามการไล่เหยียบของเขา เธอทั้งเจ็บทั้งปวด หน้าซุกหมอน ร้องเสียงอู้อี้
ก้องยังจับแขนของเธอเหยียดขึ้นมาด้านหลัง ใช้เท้าดุนหลังของเธอ ดึงแขนของเธอสุดแรง จนตัวเธอแอ่นขึ้นจากที่นอน พิมพ์ดาราเจ็บจนร้องเสียงหลง
“นายจะฆ่าฉันใช่มั๊ย? นายก้อง .. อี๊ . อี๊~”เธอร้องต่อเมื่อก้องเหยียดหลังของเธอจนตึง และจับขาพิมพ์ดารามาดัดในท่าแบบเดียวกัน พิมพ์ดาราปวดจนน้ำตาเล็ด เสียงกระดูกลั่น กร๊อบ กร๊อบ จากนั่นก้องทิ้งเธอลงไปนอนคว่ำตามเดิม
“เรียบร้อย ถ้าเธอขยับตัวได้แล้ว ก็ลงไปข้างล่างนะ เรายังมีงานต้องทำ”
“งานเหรอ”พิมพ์ดาราฉุนขาด เมื่อได้ยิน ผลุดลุกขึ้น ตวาดแว๊ดใส่ ”ก็นายบอกว่าวันนี้เป็นวันหยุดไง ทำไมต้องทำงานอีกหล่ะ”
แต่ช้าไปหน่อยหนึ่ง เพราะก้องลงไปแล้ว และพิมพ์ดาราค่อยรู้สึกตัว ว่าเธอขยับตัวได้แล้ว แล้วก็ไม่ค่อยปวดด้วย แถมยังรู้สึกโล่งสบาย ต้องฉงนหยุดคิดว่า อีตาบ้านั้นทำได้ยังไงนะ
ก้องกำลังเตรียมซักเสื้อผ้าอยู่หน้าบ้าน เขาวางกะละมัง และเทเสื้อผ้าในตะกร้าลงไป พิมพ์ดารา เดินสาวเท้า ฉับ ฉับ ออกมาหลังจากลุกขึ้นจากที่นอนได้ เธอหน้ายุ่ง คิ้วขมวด ท่าทางไม่สบอารมณ์
“นี่ ทำไมวันนี้ ต้องไปทำงาน ก็นายบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าวันนี้เป็นวันหยุด”
“ก็ใช่.. แล้วเธอจะไม่ทำงานบ้านเลยเหรอไง ถ้าเสื้อผ้าเธอไม่ซัก แล้วเธอจะเอาที่ไหนใส่”ก้องบอกอย่างละเหี่ยใจ
พิมพ์ดาราถึงรู้ว่างานที่ก้องพูดถึงก็คืองานบ้าน ค่อยโล่งใจไปเปราะหนึ่ง
“นาย.. นายก็กำลังจะซักอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ก็ซักให้ฉันด้วยสิ”
ก้องตีหน้ายักษ์ใส่
“ประสาทหรือไง ของๆเธอ เธอก็ซักเองสิ ฉันไม่ให้เธอซักให้ฉันก็บุญตายล่ะ ยังจะมาให้ฉันซักให้อีก”
“ก็ได้ ก็ได้ งั้นเอาเงินมาให้ฉัน ฉันจะไปจ้างเขาซักรีด”
“โอ้.. ย ว์”ก้อง ครวญอย่างเหลืออด “เธอจะไม่ซักก็ตามใจ ฉันไม่มีเงินให้เธอหรอก ไว้แก้ผ้าไปทำงานล่ะกัน”
เลยไปจัดการกับกองผ้าของตัวเอง ไม่พูดด้วย และไม่สนใจ
พิมพ์ดาราเมื่อไม่ได้เงิน เลยหน้าเสียหยุดคิด หากเสื้อผ้าไม่ได้ซักจนไม่มีใส่ แล้วเธอจะเอาอะไรนุ่ง เธอทนไม่ได้หรอกที่จะใส่เสื้อผ้าหมักหมม สุดท้ายเลยต้องขึ้นไปเอาตะกร้าผ้าของเธอลงมา ค่อยๆ เดินเจี๋ยมเจี้ยม เลียบๆเล็มๆ เข้ามา วางตะกร้าลงข้างๆ เขา แต่ยังวางท่าเชิดหยิ่งหน่อยๆ ไม่ให้เสียเชิง
“นี่.. ซักยังไง”เธอสะกิดถามก้องเหมือนจะง้อ แต่ถามเสียงห้วนๆ ก้องรู้อยู่แล้วว่าเธอซักผ้าไม่เป็น เลยไปเรียกเธอมาซักด้วยกัน เพื่อจะได้สอน แต่ก็ดันมาพยศซะนี่ เลยเล่นตัวสักหน่อย แกล้งตีหน้าเฉยทำเป็นไม่สนใจ ซักผ้าของตัวเองไป
พิมพ์ดารา ทั้งโมโห ทั้งหมั่นไส้ ‘ชิ! ไม่ง้อก็ได้’ เลยดูตัวอย่างแบบก้อง ทำตามเขา แต่ตอนเธอเทผงซักฟอก เธอจะเล่นเทจนหมดถุง ก้องเลยต้องโวยวาย รีบแย่งผงซักฟอกมาก่อนที่เธอจะเทมันจนหมด
“อ้า..เธอเทไปอย่างนั้นได้ยังไงนะ เธอนี่ไม่รู้อะไรเลยหรือไง”
“ก็ฉันถามนายแล้ว นายไม่บอกนี่”
พิมพ์ดาราลอยหน้าเชิด เถียงอุบอิบ ตามแบบของเธอ
“เออ..ช่างเถอะๆ ถือว่าฉันผิดเอง “ก้องตัดบท ขี้เกลียดเถียง “มา..ฉันจะสอนให้”
“ก่อนอื่น เธอแยกผ้าสีกับผ้าขาว ออกจากกันก่อน แล้วเอาไปแชน้ำ”ก้องสอน ก่อนจะไปหยิบกะละมังมาเพิ่มให้ พิมพ์ดาราแยกผ้าสีจริงๆ ไม่เพียงแต่ผ้าสีกับผ้าขาว เธอยังแบ่งออกเป็นสีๆ เป็นกองๆ อีกด้วย
“ไม่ต้องละเอียดขนาดนั้นก็ได้ เอาแค่ผ้าสีขาว กับผ้ามีสีก็พอ”
พิมพ์ดาราเลยต้องเปลี่ยนไปทำตามที่เขาบอก แล้วก็เริ่มลงมือซักตามก้องแนะนำ ไม่นานพิมพ์ดาราบ่นปวดหลังอีก เพราะเธอยังไม่หายจากการเส้นยึดดี แล้วต้องมานั่งก้มซักผ้าบนม้านั่งเตี้ยๆ เธอเลยเข้าไปในบ้าน เอาเก้าอี้ ออกมาสองตัว ตัวหนึ่งตั้งกะละมัง อีกตัวหนึ่งไว้นั่ง แล้วนั่งซักผ้าบนเก้าอี้ จะได้ไม่ต้องก้ม
‘เออ ยัยนี่เข้าใจคิดแฮะ’ก้องนึก ‘วิธีทำให้ตัวเองสบายนี่ล่ะ หัวดีนักเชียว’
ระหว่างที่สองคนซักผ้า รถแท็กซี่มาจอดที่หน้าบ้าน ก้องกับพิมพ์ดาราหยุดดู ไม่รู้ว่าใครมา คนที่ลงจากรถแท็กซี่ ก็คือสัน ทันทีที่สันลงจากรถ เขายืนมองค้างแปลกใจ เพราะเห็นก้องอยู่กับผู้หญิง เหมือนว่าทั้งสองคนจะอยู่ด้วยกัน
ก้องระบาย ลมจากปากเหมือนจะหนักใจ สงสัยต้องมีเรื่องอธิบายยาว ลุกขึ้นตรงไปรับหน้าถึงหน้ารั่วบ้าน ยังไม่ทันที่ก้องจะพูดอะไร สันก็ยิ้มกว้าง ดึงก้องมา กระเซ้าเย้าแหย่
“โอ้โฮ ไอ้เสือ นึกเป็นห่วงแทบแย่ อกหักไม่ทันไรมีใหม่แล้วเหรอว่ะ”
ก้องต้องพาสันมาหลบออกมาทางรั่ว คิ้วยุ่งแทบชนกัน
“มันไม่ใช่อย่างที่แก่คิดหรอกน่า”ก้องทำท่าจะอธิบาย แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มยังไง “เออ.. ช่างเหอะๆ ว่าแต่แกมามีธุระอะไร”
“อ่าว.. ไอ้นี่ ก็มาหาเฉยๆ เนี่ยแหละ เห็นว่าแกไม่ได้ไปเรียน ไปทำเรื่องขอหยุดเรียนเอาไว้ เลยตามมาดู ว่าเป็นยังไงมั่ง ก็นึกว่าพิษรักเล่นซะงอมพระรามไปแล้ว แต่ก็ไม่นึกนะ ว่า แกจะหาใหม่ได้เร็วขนาดนี้”
ประโยคหลังสันยังแอบเหน็บแซว จนก้องปวดขมับ คิดในใจว่าคงต้องบอกให้มันรู้ ไม่อย่างนั้นไอ้นี่คงคิดไปเรื่อยเปื่อย เลยตั้งท่าอธิบาย
“นี่ไอ้สัน ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เป็นแฟนฉันนะ แต่เธอเป็นคู่มั่นของไอ้ธานุพันธ์ “
“หา.. “เสียงของสันตกใจ “แล้วมาอยู่ที่นี่ได้ไงว่ะ”
ก้องจึงเริ่มเล่าออกมาเป็นฉากๆ ตั่งแต่เจอเธอครั้งแรก ร่วมถึงเรื่องพิมพ์ดาราถูกทอดทิ้งให้โดดเดี่ยว จนต้องมาอยู่ร่วมกัน สันฟังจนงงไปหมด ไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลยว่าเรื่องอย่างนี้จะเกิดขึ้นจริงๆ อย่างกับ หนังเกาหลี ถ้าไม่ใช่ออกจากปากของก้อง สันไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด
“ตกลง แกก็เลยต้องรับเลี้ยงเธอ เลยนะสิ” สันถามเมื่อฟังจนจบ
“ก็ไม่ถึงกับเลี้ยงหรอก ช่วยกันทำมาหากินมากกว่า ฉันให้เธอมาเป็นลูกจ้างช่วยงานฉัน”
ก้องพูดจบ ก็ได้ยินเสียงพิมพ์ดาราตะโกนมา
“นี่ นายก้องฉันซักเสร็จแล้ว จะให้ทำยังไงต่อ”
“เธอก็เอามันไปตาก สิ” ก้องตะโกนสวนกลับไป แล้วชวนสันเข้าบ้าน พร้อมกำชับอย่าไปพูดอะไรเรื่อยเปื่อย
พิมพ์ดารา เอาผ้าไปตากจริงๆ ตากแบบไม่บิดด้วย จับขึ้นจากกะละมังได้ ก็เอาพาดบนราว เสื้อบางตัวยังขมวดเป็นปมอยู่เลย แถมน้ำก็ไหลปรี่ออกจากผ้าเต็มไปหมด สันเห็นถึงกับหัวเราะ ก้องต้องเกาหัว แกรกๆ ปวดกระบาล
“เธอจะไม่บิดให้มันแห้ง หน่อยหรือไง แล้วอย่างนั้นเมื่อไหร่มันจะแห้ง”
“แล้วทำไม นายไม่รู้จักบอกก่อน”พิมพ์ดาราเถียง
“เออ.. เอาเถอะๆ พอบิดให้แห้งแล้วอย่าลืม สะบัดผ้าก่อนตากด้วยล่ะ” ก้องตัดบทปัดรำคาญ ก่อนจะพาสันเข้าไปข้างในบ้าน พิมพ์ดาราต้องมองตามหลังตาเขียวปัด ยี้ปากเบ้ใส่ บ่นอุบอิบในลำคอ
“แล้วทิ้งให้ฉันทำคนเดียว เนี่ยนะ”
ก้องกับสันนั่งคุยกันอยู่ในบ้าน คุยกันพักหนึ่ง ก้องก็อดที่จะถามถึงแพรไม่ได้
“เออ.. แล้วแพรตอนนี้เป็นยังไงบ้าง”
สัน สะอึกนิดหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจบอก เพราะรู้ว่าก้องยังไม่ลืมแพร
“ก็.. ดี เห็นอะไรก็ราบรื่นดี แต่ว่าธานุพันธ์ย้ายออกจากบ้านฉันกลับไปอยู่คอนโดเหมือนเดิมแล้ว”
“แล้ว.. ธานุพันธ์ยังดีกับเธออยู่ใช่มั๊ย”
“แกจะถามถึงอีกทำไมว้า.. ฟังแล้วก็เจ็บป่าวๆ “ สันหนักใจที่จะเล่า แต่พอเห็นก้องเหมือนผิดหวังที่เขาไม่บอก ก็อดไม่ได้ที่จะเล่าออกมา “อ่ะ ก็ได้ๆ ก็ยังรักกันดีอยู่ เห็นว่าธานุพันธ์จะลงทุนเปิดร้านกาแฟให้ยัยแพรด้วย แถวๆหน้ามหาลัย”
ก้อง นิ่งไปครู่ ก่อนจะฝืนยิ้ม บอก
“ก็ดี ..ฉันแค่อยากรู้ว่าเธอเป็นยังไงมั่ง แค่นั้นเอง”
“อย่าโกหกเลยน่า .. ฉันรู้แกยังคิดถึงยัยแพรอยู่ .. ลืมๆไปซะเถอะว่ะ ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บ”
ก้องเถียงเพื่อนไม่ออก ได้แต่เงียบๆไป
สันกลับยิ้ม พูดขึ้นต่อ
“เฮ้ย .. ผู้หญิงคนนี้ที่อยู่กับแกก็สวยดีออก ไม่จีบเป็นแฟนซะเลยล่ะ”
“บ้า นะสิ” ก้องสวนทันควัน “ถ้าแกรู้นะว่าเธอเป็นคนยังไง แกจะกล้าจีบเธอหรือป่าวหรอก ฉันแทบไม่เห็นยัยนี่เป็นผู้หญิงเลยด้วยซ้ำ”
จากนั้นก้องเริ่มสาธยาย ถึงวีรกรรมของพิมพ์ดาราให้สันฟัง เริ่มตั่งแต่เรื่องของโทรศัพท์มือถือ ที่เธอเอามันไปแต่ไม่ยอมรับ ต่อด้วยเรื่องที่ไปเมาเละจนถูกคนขโมยกระเป๋าเงิน และเรื่องที่เขาไปส่งเธอที่โรงแรม และเธอเข้าใจผิดหาว่าเขาเป็นพวกฉวยโอกาส แถมเอากางเกงเขาโยนออกไปนอกหน้าต่าง ต้องให้เขาปีกออกไปเก็บ ตามด้วยเรื่องต่างๆอีกมากมาย ตั้งแต่เธอเข้ามาอยู่บ้านหลังนี้ สันยิ่งฟังยิ่งขำ หัวเราะไม่หยุด เหมือนได้ฟังเรื่องสนุก ส่วนก้องยิ่งเล่ายิ่งมันปาก ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่ทำให้ก้องมีเรื่องเล่าได้มากขนานนี้
“ยัยนี่ อะนะ เวลาทำอะไรผิดชอบ ลอยหน้าทำไม่รู้ไม่ชี้ บางทีก็เฉไฉไปเรื่องอื่นเอาดื้อๆ ไม่เคยคิดขอโทษ ไม่เคยบอกขอบคุณ ชอบทำตัวหยิ่งๆ ทำอะไรก็ไม่เป็นสักอย่าง และแถมยังเรื่องมาก..”
พิมพ์ดาราตากผ้าเสร็จ ถือตะกร้ากำลังจะเข้าบ้าน และได้ยินก้องพูดถึงพอดี เลยต้องหยุดฟังไม่ได้เข้าไป เธอยิ่งฟังยิ่งโมโห ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“หนอย.. อีตานี่ กล้านินทาฉันเหรอ”
“ยัยนี่นะ ยังขี้โมโห เอาแต่ใจ ไม่มีเหตุผล เถียงคำไม่ตกฟาก ถ้าไม่เถียงก็แอบบ่น”เสียงก้องลอยมาให้ได้ยินอีก
“ขี้โมโห เอาแต่ใจอย่างงั้นเหรอ”พิมพ์ดาราทวนคำ ส่ายตัวไปมา โมโหจนควันออกหู “ฉันอุตสาห์ ตากผ้าที่เหลือให้นาย แต่นายกลับมาว่าฉันอย่างนี้เหรอ ได้เลย”
พิมพ์ดารา หันตัวกลับ ไปที่ราวตากผ้า รวบเอาเสื้อผ้าของก้องกลับคืนใส่ตะกร้าจนหมด ทั้งที่ก้องตากไปก่อนหน้านั้น และที่เธอตากให้ด้วย แล้วไปเทลงกะละมังกลับคืนเทน้ำให้ชุ่มเหมือนเดิม
“นายมาตากเองล่ะกัน” พิมพ์ดาราตะคอกใส่กะละมัง เหมือนเป็นตัวแทนนายก้อง แถมเตะไปอีกหนึ่งที แล้วสะบัดตัวเดินเข้าบ้าน เธอเดินอย่างไม่รู้ไม่ชี้เข้ามา ทั้งสองคนเห็นพิมพ์ดารา จึงต้องหยุดคุยเรื่องของเธอ
“เธอตากผ้าของเธอเสร็จแล้วเหรอ” ก้องถามอย่างอารมณ์ดี
“ของฉันเสร็จแล้ว”เธอตอบเรียบๆ ก่อนจะไปนั่งตรงโซฟา เปิดดูทีวี
“นี่ สัน เพื่อนฉัน รู้จักกันไว้สิ”ก้องแนะนำ
พิมพ์ดารา เชิดหน้า พยักหน้ารับหน่อยๆ ไม่ได้พูดอะไร แล้วหันไปดูทีวีต่อ
ก้องเลยต้องบอกกับเพื่อน
“อย่าไปถือสาเลย เธอก็เป็นของเธออย่างนี้แหละ -- ฉันจะออกไปตากผ้าที่เหลืออีกแป๊บ เสร็จแล้ว แล้วค่อยมาคุยกันต่อ”
ก้องบอกพร้อมออกไปนอกบ้าน แต่พอออกมา สิ่งที่เขาเห็นทำให้เขาต้องยื่นนิ่ง เสื้อผ้าที่เขาตากไว้ก่อนหน้านี้ หายไปหมด ไปกองอยู่ในกะละมังที่เดิม แถมในกะละมังยังเต็มไปด้วยน้ำ เท่ากับว่าเขาต้องตากใหม่ทั้งหมด
“พิมพ์ดารา”ก้องเรียกเธอเสียงหลง เสียงของก้องทำให้สันออกมา และเดินตามออกมาช้าๆ
“พิมพ์ดารา เธอทำอะไรกับเสื้อผ้าที่ฉันตากไว้เนี่ย” ก้องถามโวยวายทันทีที่เธอออกมา พิมพ์ดารากลับตอบสีหน้าเฉยๆ
“ทำอะไรเหรอ อ๋อ ก็ทำแบบคนขี้โมโห เอาแต่ใจ และก็ไม่มีเหตุผลยังไงล่ะ .. ชิ”
เชิดหน้า สะบัดตัวเดินเข้าบ้านหน้าตาเฉย
ทั้งสันและก้องถึงได้รู้ว่าเธอ คงได้ยินที่เขานินทา ไม่รู้จะโกรธเธอยังไงดี สันเลยหัวเราะ ชอบใจมองเป็นเรื่องตลกนึกถูกใจพิมพ์ดาราขึ้นมา ผู้หญิงอะไรแสบดีจริงๆ แต่ก้องหัวเราะไม่ออก
๑
@@@@@@@@
ความคิดเห็น