คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : ตอนที่ 16
๑
ในบ้านพักตากอากาศ ที่ดูเหมือนจะเป็นรีสอร์ตริมทะเลสวยหรูอย่างมีระดับ พิมพ์ดาราสวมชุดวายน้ำเก๋ไก๋ กำลังนอนบนเตียงอาบแดด ข้างเตียงมีโต๊ะวางของว่างสองสามอย่าง รวมทั้งน้ำส้มแก้วใหญ่ ยังมีบริกรคอยยืนบริการอยู่ด้านข้าง บริกรคนนี้รูปร่างสูงใหญ่ ทั้งหน้าตาก็คุ้นๆ ดูเหมือนจะเป็นนายก้อง
แสงแดดอ่อนๆ สายลมโชยเย็นๆ ทำให้เธอต้องพริ้มตาอย่างสบายใจ
“นี่ นายไม่เห็นเหรอ น้ำส้มฉันชืดหมดแล้ว ไปเปลี่ยนแก้วใหม่มาสิ”
“ครับ คุณผู้หญิง”
บริกรรับคำอย่างว่าง่าย เดินไปนำน้ำส้มแก้วใหม่มาเปลี่ยน พิมพ์ดาราหยิบแก้วน้ำส้มขึ้นมาดื่ม ก่อนจะเบ๊หน้า ไม่สบอารมณ์
“น้ำส้ม รสชาติแย่ยังงี้ เอามาให้ฉันได้ยังไงนะ นายนี่แย่จริงๆ แต่ช่างเถอะดูหน้านายก็รู้ว่าไม่มีรสนิยม”
พลางพริ้มตา ทำท่าจะหลับพักผ่อน แต่บริกรกลับเรียกเธอ
“คุณผู้หญิงครับ ตื่นเถอะครับ”
พิมพ์ดารากำลังสบายอารมณ์ ที่แรกทำเป็นจะไม่สนใจ แต่บริกรก็เรียกเธอไม่หยุด เรียกคุณผู้หญิงครับตื่นเถอะครับอยู่อย่างนั้น ทั้งยังทำเสียงดังปึงปัง จนเธอสุดจะรำคาญ หุนหันลุกขึ้นโวยวาย
“นายนี่ไม่มีมารยาทเลยหรือไง มาเรียกอยู่ได้”
ภาพรีสอร์ตหรูหราชายทะเลวูบหายไป พบว่าตัวเองอยู่บนฟูกที่นอนในห้องแคบๆ ที่ประตูยังได้ยินเสียงนายก้อง เรียกเร่งอย่างหงุดหงิด ทุบประตูดัง ปึง ปัง
“พิมพ์ดารา ตื่นสิ .. ทำไมนอนขี้เซาขนาดนี้นะ ...นี่ ! สายแล้วนะ เราจะต้องออกไปทำงานแล้ว... พิมพ์ดารา ! ”
พิมพ์ดารา ถึงรู้ตัวว่าฝันไป แม้แต่ความฝัน นายนั้นก็ยังเข้ามากวนใจฉันอีกเหรอเนี่ย เธอคิด ก่อนงัวเงีย เดินไปเปิดประตู
“โอโห .. แม่คุณ กว่าจะตื่นได้ ฉันเรียกเธอเกือบสิบนาที ..”ก้องครวญทันทีที่เห็นพิมพ์ดารา “ไป.. ไปอาบน้ำแต่งตัวเราจะไปทำงานกันแล้ว อย่าลืมใส่ชุดทำงานที่ฉันซื้อให้ล่ะ”
ก้องบอก แล้วลงไปจัดของเตรียมขึ้นรถจะออกไปทำงาน เขารอพิมพ์ดาราเกือบครึ่งชั่วโมง ยังไม่เห็นเธอออกมา จนต้องหัวเสีย ตะโกนเร่งเข้าไป
“นี่ พิมพ์ดารา เธอเสร็จหรือยัง มันสายมากแล้วนะ”
สักครู่ เห็นพิมพ์ดาราออกมาจากประตูบ้าน เธอสวมชุดหมี และสวมแว่นตากันแดดที่ก้องให้ไว้เมื่อคืนบังคิ้วที่แหว่งของเธอ
ชุดหมีที่ก้องซื้อให้ดูจะตัวใหญ่ไป และพิมพ์ดาราก็เป็นผู้หญิงตัวเล็ก มันจึงหลวมโคลก จนขากางเกงและแขนเสื้อต้องพับขึ้นหลายตลบ และเสื้อชุดหมีก็พอง ดูกะโปโลจนน่าขำ ทั้งยังสวมแววกันแดดขนาดใหญ่ เหมือนไอ้มดแดง ไม่เหลือเค้าผู้ดีตีนแดงให้เห็น
ก้องยิ้มค้างมองเธอ ก่อนจะปล่อยหัวเราะดัง คริก ตบมือชมเปาะ
“ใช่ได้เลยพิมพ์ดารา ..ไป ..เราไปกันเถอะ”
ก้องขยับตัวขึ้นไปนั่งบนรถ สตาร์ทเครื่องเตรียมออกรถ พิมพ์ดาราขึ้นตามไปนั่งที่นั่งคู่คนขับ สีหน้าไม่สบอารมณ์ บ่นอุบอิบ
“นายเลือกชุด นี่ไม่ได้ดูขนาดตัวฉันเลยเหรอเนี่ย ..แย่ที่สุด”
“เอาน่า ...นี่ไซด์เล็กสุดแล้วนะ อย่าบ่นนักเลย”
ก้องบอกยิ้มๆ ก่อนจะขับรถตู้ออกไปพาเธอไปทำงาน ระหว่างทางก้องแวะร้านขายวัสดุก่อสร้าง ซื้อสี และอุปกรณ์ที่ต้องใช้เพิ่มบางอย่าง พิมพ์ดารานึกฉงน เขาจะพาเธอไปทำงานอะไร จนต้องถาม
“นี่ เราจะไปทำงานอะไร?”
“ตกแต่งภายในไง งานแรกของเราวันนี้ต้องไปทาสีห้องของลูกค้า”
“หา..” พิมพ์ดารา ร้องเสียงหลง “นายจะให้ฉันไปเป็นกรรมกรก่อสร้างเหรอ”
“พูดดีๆ หน่อย ใครว่าเป็นกรรมกร เป็นช่างตกแต่งภายในต่างหาก แต่ต่อให้เป็นกรรมกรก็เถอะมันไม่ดีตรงไหน ทำงานได้เงินเหมือนกัน มา.. มาเอาสีไปขึ้นรถได้แล้ว”
“ไม่มีทาง ฉันไม่ทำหรอก” พิมพ์ดาราขึ้นเสียง
“นี่ พิมพ์ดารา เธอจะมาพยศอะไรตอนนี้ ห๊ะ.. ถ้าเธอไม่ทำ ฉันจะทิ้งเธอไว้ที่นี่แหละ คอยดู”
พิมพ์ดารา หายใจฟึดฟัด นึกโมโห แต่ก็ไม่มีทางเลือก ลงมาหิ้วกระป๋องสีที่หนักอึ้ง เดินเป๋ไปเป๋มา เข้าไปไว้ท้ายรถ โดยมีก้องลอบหัวเราะมองเธออยู่ข้างหลัง
“ออกแรงหน่อย อย่าทำเป็นสำออยเลย ฉันรู้ เธอหนะแข็งแรงจะตาย แหม .. ที่ตอนนั้นเอาโทรศัพท์ฉันไป มีแรงวิ่งหนีเป็นกิโล แถมยังเตะขาฉันแทบเดี้ยง ที่ทำงานล่ะทำเป็นไม่มีแรง”ก้องได้ทีทับถม ยืนเร่งเธอโดยไม่ช่วยเธอยก
พิมพ์ดารานึกแค้นใจ หมอนี่ต้องคิดแก้แค้นแกล้งฉันแน่ๆ เธอเลยแกล้งหิ้วกระป๋องสีกระป๋องสุดท้าย เดินโซเซไปทางก้อง ก่อนทำหลุดมือตกใส่เท้าของก้อง
ก้องร้องโอ้ย ยกเท้าขึ้นมากุม เต้นเร่าๆ ร้องอย่างโมโห
“พิมพ์ดารา นี่เธอแกล้งฉันใช่ไม่เนี่ย”
พิมพ์ดารา ทำหน้าตกใจเลิกลัก รีบบอก
“เปล่า ฉันเปล่าแกล้งนะ มันหลุดมือ” แล้วรีบหิ้วกระป๋องสีขึ้นมาใหม่เอาไปไว้ท้ายรถ พร้อมปิดประตูฝาท้ายรถตู้ นั่งอยู่ในนั้นไม่ไปนั่งข้างหน้า
ก้องคิดขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน ยัยนี่แสบได้ใจจริงๆ
สะบัดขาไล่ความเจ็บก่อนเดินตามไปที่ท้ายรถ มองผ่านทางกระจกดูเธอ พิมพ์ดาราทำหน้าลอยไม่รู้ไม่ชี้ ก้องเลยต้องชูมะเหงกใส่ ก่อนจะไปขึ้นรถขับรถออกไป
ห้องที่ก้องมาทาสี เป็นห้องคอนโดเล็กๆ ว่างๆ ยังไม่มีการตกแต่งอะไร งานของก้องส่วนใหญ่ จะเป็นพี่ป๋องติดต่อบอกมาให้ว่า จะให้ไปทำที่ไหนทำอะไร ส่วนค่างานให้ก้องรับเหมาเอาไปโดยหักเปอร์เซ็นตามระเบียบบริษัทของพี่ป๋อง ห้องนี้เจ้าของห้องต้องการทาสีห้องใหม่ กับซ่อมพื้นกระเบื้องยางที่ชำรุดบางส่วน งานเล็กๆพวกนี้พี่ป๋องมักจะส่งให้ก้องทำเพราะใช้คนไม่มาก ส่วนงานใหญ่ๆ พี่ป๋องก็มีทีมงานอยู่แล้ว ก้องก็ถือว่าเป็นผู้รับเหมาส่วนหนึ่งในบริษัทของพี่ป๋อง และกำชับว่าต้องทำให้ดี เพราะจะได้เป็นหน้าเป็นตาของบริษัท
ก้องหิ้วกระป๋องสีสองกระป๋อง นำขึ้นไป โดยมีพิมพ์ดาราหอบอุปกรณ์ที่ใช้ทาสีเดินตามหลัง มันพะลุงพะลังจนเธอวุ่นวาย และแถมเธอยังใส่แวนตาดำอยู่ไม่ยอมถอด
พอถึงห้องที่ทำงาน ก้องจัดการวางกระป๋องสีลง งัดฝากระป๋องออก กลิ่นสีทำให้พิมพ์ดาราต้องเอานิ้วบีบจมูก
“นี่ นายทำไปนะ เดี๋ยวฉันจะไปรอข้างนอก”
“จะบ้าหรือไง ฉันไม่ได้ให้เธอมาทำงาน แค่ช่วยยกของนะ เธอต้องช่วยฉันทาด้วย”
พิมพ์ดาราทำหน้างงๆ
“ก็ฉันทาไม่เป็นนี่ จะช่วยนายได้ยังไง แถมสีก็เหม็นอีกด้วย”
“นั่นไม่ยากหรอก ฉันจะสอนเธอเอง” ก้องบอก พร้อมจับหน้าเธอหันมา เอาผ้าปิดจมูกกรองอากาศ คล้องปิดปากปิดจมูกไว้ให้ แล้วก้องก็ต้องหัวเราะหน่อยๆ เพราะผ้าปิดปากปิดจมูกร่วมกับแว่นตาดำอันใหญ่แล้ว เธอเหมือนไอ้มดเอ็กซ์ จากนั้นเอาลูกกลิ้งทาสีส่งให้เธอ บอกอธิบายอย่างใจเย็น
“เราจะทาสีรองพื้นก่อน เดี๋ยวเธอทำตามที่ฉันบอกล่ะกัน”
เขาค่อยๆสอนเธอใช้ลูกกลิ้งทาสี พิมพ์ดาราตอนแรกก็ตื่นเต้นสนุกดีอยู่หรอก แต่พอนานๆ ก็ชักเมื่อยและก็เบื่อ พอถึงเที่ยง พิมพ์ดาราก็เริ่มจะงอแง เพราะหิวข้าว
“นี่ นายก้อง นายจะไม่พักกินข้าวเลยเหรอไง” พิมพ์ดาราทนไม่ไหวครวญออกมา “ฉันหิวแล้วนะ”
“เดี๋ยวทำตรงนี้ให้เสร็จก่อนสิ แล้วค่อยไปกินทีเดียว .. เธอนี่อดทนหน่อยไม่ได้หรือไง”ก้องบอกพร้อมทาสีต่อโดยไม่สนใจ
พิมพ์ดาราหงุดหงิด อารามโมโหหิว เธอเตะกระป๋องสีที่ใช้แล้วซะปลิวกระเด็น สีที่เหลือค้างส่วนหนึ่งในกระป๋อง กระเด็นถูกหน้าของก้องจนเลอะไปหมด พิมพ์ดาราตกใจ เธอไม่ได้เจตนาตั้งใจให้เป็นแบบนั้น ก้องใช้มือลูบสีที่เปื้อน เม้มฝีปากแน่น เหมือนจะพยายามสะกดอารมณ์ ก่อนหันมาตะเบ่งเสียงใส่
“พิมพ์ดารา เธออยากให้ฉันฆ่าเธอหรือไง”
“ก็..ก็ .ฉันหิวนี่ ตั้งแต่เช้าฉันยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ”เธอเถียง เสียงสั่นๆ
“ก็ได้ๆ”ก้องบอก พร้อมล้วงเอาเงินให้เธอร้อยหนึ่ง
พิมพ์ดารานึกดีใจ หันตัวออกไปจะออกไปกินข้าว แต่ก้องร้อง เดี๋ยว พิมพ์ดาราต้องหันกลับมา ก้องกลับถอนแว่นของเธอออก แล้วใช้มือที่เปื้อนสีของเขาละเลงใส่หน้าเธอ พิมพ์ดาราหลับตาปี๋ ถูกก้องใช้มือเปื้อนสีป้ายหน้าขาวไปครึ่งแทบ
“ทีนี้ก็หายกัน”ก้องหัวเราะบอก “แล้วอย่าลืมซื้อกระเพราหมู มาให้ฉันกล่องหนึ่งด้วยนะ”
พิมพ์ดาราโมโห ทำท่าจะเตะไปที่หน้าแข้งของก้อง แต่ก้องรู้แกวชักขากระโดดหลบไปก่อน
“อ๊ะ อ๊ะ อย่าเชียว ถ้าเธอยังเล่นไม่เลิกรับรองได้เจอดีแน่”
ก้องทำตาดุใส่ พิมพ์ดาราเลยได้แต่พ้นลมหายใจฝืดฝัด เข้าห้องน้ำไปล้างหน้า แต่ถึงให้ล้างยังไง สีทาบ้านก็ล้างออกยาก เธอเลยต้องออกไปทั้งยังงั้น
พิมพ์ดาราเดินบ่นอุบอิบก้องมาตลอดทาง จนถึงร้านขายข้าวอาหารตามสั่ง เธอไม่คุ้นเคยที่จะสั่งอาหารตามที่แบบนี้ และไม่รู้ว่าจะสั่งอะไร เห็นก้องบอกว่ากระเพราหมู ก็เลยสั่งกระเพราะหมูสองกล่อง ระหว่างที่รอแม่ค้าทำเธอเห็นแม่ค้าใส่พริกลงไปผัดในกระทะ ทำให้เธอคิดอะไรออก
“แม่ค้า กระเพราอีกกล่องหนึ่ง เอาเผ็ดมากๆเลยนะ”
แม้ค้าตักพริกบดให้เธอดู พร้อมกับมองหน้าพิมพ์ดาราเหมือนจะถามว่าพอหรือยัง พิมพ์ดารากลับร้อง อีก แล้วก็ อีก จนแม่ค้านึกสงสัย
“นี่แม่หนู ใส่เยอะขนาดนี้หนูจะกินได้เหรอ พริกพวกนี้เผ็ดลิ้นห้อยเลยนะ อีกอย่างพริกก็ราคาแพง ป้าใส่เยอะขนาดนี้ป้าก็ขาดทุนแย่นะสิ”
พิมพ์ดาราโดนขัดใจ ต้องเชิดหน้าหยิ่งๆ บอก
“ฉันให้ใส่ก็ใส่ เท่าไหร่ก็คิดมาแล้วกัน”
ป้าแกเลยไม่อยากขัดใจ บวกกับความหมั่นไส้ ใส่ลงไปเต็มสตรีม ดูว่าจะกินได้ไหม แล้วก็คิดราคาเพิ่มลงไป พิมพ์ดารายิ้มร่าเหมือนเด็กๆ ถือข้าวกล่องกลับไปที่คอนโด ห้องที่ทำงาน คะยั้นคะยอชวนก้องกินข้าว ยิ้มเล็กยิ้มน้อย ท่าทางน่าสงสัย ก้องนึกฉงนในความเปลี่ยนแปลงของเธอ แต่ก็ไม่คิดอะไรมาก รับข้าวกล่องที่เธอส่งให้มากิน
พิมพ์ดาราจ้องตาไม่กระพริบ ดูว่าก้องจะเป็นยังไงมั่ง แต่แล้วเห็นก้องกินไปสองคำก็ยังปกติ นึกไม่ถึงว่าหมอนี้จะมีลิ้นจระเข้ พริกขนาดนี้ยังไม่รู้สึกรู้สา เธอเลยเปิดกล่องของเธอกินบ้าง ทันทีที่พิมพ์ดารากินเข้าไปคำแรก รู้สึกเผ็ดจี๊ดไปถึงสมอง ปากแทบพ่นไฟได้ สิ่งเดียวที่สบถในใจได้ก็คือ ‘ตายแล้ว ฉันให้ผิดกล่อง’
พิมพ์ดาราน้ำตาแทบเล็ด ตอนนี้เหมือนน้ำท้วมปาก พูดอะไรไม่ออก นั่งก้มหน้า เล็มข้าวขอบๆ ที่ไม่โดนน้ำกระเพราเผ็ดๆราด ค่อยๆกิน
ก้อง เห็นพิมพ์ดาราบ่นหิวนักหิวหนา แต่กินเหมือนกับข้าวไม่อร่อย เลยไปตักของเธอมาชิมคำหนึ่ง ก้องพอกินเข้าไป ต้องร้อง โอโห ไฟแทบออกจากปาก
“นี่เธอชอบกินเผ็ดขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย”
“ใครว่าฉันชอบกิน”พิมพ์ดาราทำเสียงเหมือนจะร้องไห้ นึกโมโหตัวเอง
ก้องเลยนึกถึงท่าทางมีพิรุธของพิมพ์ดาราที่คะยั้นคะยอให้เขากินข้าวออก
“อ๋อ~” ก้องยิ้มลากเสียงยาว “นี่เธอกะจะแกล้งฉันใช่ไหม แต่ดันให้กล่องผิด ฮ่า ฮ่า ฮ่า สมน้ำหน้า ฉันไม่ให้เงินเธอไปซื้อใหม่แล้ว เธอกินให้หมดนั้นก็แล้วกัน”
พิมพ์ดาราพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ค่อยๆพุ้ยเขี่ยข้าวหาส่วนที่พอจะกินได้ ก้องดูอยู่ครู่หนึ่ง จนต้องนึกสงสาร วางข้าวกล่องลง แล้วล้วงเงินออกมา
“กินไม่ได้ก็ไม่ต้องกินหรอก เดี๋ยวเธอเป็นอะไรขึ้นมา ก็เดือดร้อนฉันอีก เอ๊า.. เอาเงินไปซื้อใหม่เหอะ.. ให้ตายสิเธอนี่ยุ่งจริงๆ”
พิมพ์ดาราดีใจพอจะยิ้มออก คิดว่านายก้องบางทีก็ดีเหมือนกันแฮะ เอื้อมไปหยิบแบงก์จากมือของก้อง แต่ก้องยังไม่ปล่อยเงิน
“เดี๋ยว ข้าวกล่องนั้น ฉันจะหักจากค่าแรงของเธอนะ”ก้องยักคิ้วยิ้มบอกเธอ
พิมพ์ดาราหุบยิ้ม ยี้หน้าใส่
“นายนี่มันงกจริงๆ”
“แล้วจะเอาไม่เอา”
พิมพ์ดาราไม่ตอบดึงแบงก์ออกจากมือก้อง เดินจ้ำอ่าวไปซื้อข้าวกล่องใหม่ ก้องต้องมองตามหลัง สายหัวอย่างนึกขำ ก่อนจะมองไปยังกระเพราเผ็ดๆ ที่วางอยู่ แล้วตักขึ้นมาลองกินอีกคำ ต้องซี๊ดปากเป่าลม
“อ้า เผ็ดจริงๆ” ก้องสบถ
ความคิดเห็น