คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ตอนที่ 13
และแล้วก้องก็ต้องนำเงินไปจ่ายให้กับทางโรงแรม เพราะความใจอ่อนมันยากที่เขาจะปล่อยให้เธอถูกจับไปต่อหน้าต่อตา ข้าวของส่วนตัวของพิมพ์ดาราถูกพนักงานเก็บบรรจุลงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของเธอสองสามใบ ว่างรอไว้ตรงร๊อบบี้ พวกเขาต้องการให้เธอออกจากโรงแรมนี้ เพราะเครดิตเธอเสีย เสียแล้ว
กระเป๋าสามสี่ใบ ถูกนำมากองไว้ ตรงทางเรียกแท็กซี่ของโรงแรม พร้อมกับพิมพ์ดารา ก้องมองดูเธอ ที่เหมือนกับไม่รู้ว่าจะไปไหน จนอดถามไม่ได้
“แล้วเธอจะไปไหนต่อ”
“ฉันยังไม่รู้”
“ไม่รู้ !” ก้องทวนคำ “ เธอไม่มีญาติหรือเพื่อนคนอื่นแล้วเหรอ?”
“ไม่มี” พิมพ์ดาราบอกไม่ค่อยจะเต็มเสียง
“อ้าว แล้วเธอจะใช้เงินคืนฉันยังไง” ก้องถามอย่างนึกฉงน ดูท่าเงินของเขาจะสูญเสียแล้ว
“ฉัน..ฉัน.. อ้า..ใช่แล้ว ฉันต้องไปแจ้งความ เงินฉันอยู่ในกระเป๋า ถ้าตำรวจตามเจอ ฉันก็มีเงินคือให้นาย”
“ประสาทหรือป่าว กระเป๋าถูกขโมยไป มันจะเหลือเงินให้เธอหรือไง” ก้องโพล่งขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “แล้วเงินในกระเป๋า มีถึงสองแสนหรือไงนะ” เขาพึมพำบ่นต่อ เหมือนจะบ่นกับตัวเอง
พิมพ์ดาราแอบปลายตามองก้องอย่างเหยียดน้อยๆ ที่กล้ามาว่าเธอ หากเป็นตอนปกติเธอคงอาละวาดไปแล้ว อาจเพราะก้องช่วยเธอเอาไว้ทำให้เธอเลยไม่กล้าที่จะขึ้นเสียงกับเขาในตอนนี้ แต่ก็ยังมีแอบเถียงหน่อยๆ
“ถึงมันจะมีเงินไม่ถึงสองแสน แต่มันมีเช็ค 20 ล้านอยู่ในช่องลับของกระเป๋า ยังไงฉันต้องตามเอากระเป๋าคืนมาอยู่ดี”
“โหย.. คงได้คืนอยู่หรอก”ก้องทำเสียงหยัน ก่อนที่จะนึกถึงจำนวนเงินที่เธอบอก “อะไรนะ! เธอว่าในกระเป๋าเธอมีเช็ค 20 ล้านเหรอ แล้วทำไมเพิ่งมาบอกเอาตอนนี้ เมื่อคืนตอนที่โดนขโมยกระเป๋าก็ไม่รู้จักบอก”
“ก็ฉันเมานี่ -- แล้วทำไมคืนนั้นนายไม่พาฉันไปแจ้งความล่ะ พาฉันกลับมาที่โรงแรมทำไม”พิมพ์ดาราย้อน
“ก็เธอเมา” ก้องก็ตอบได้อย่างเดียวกัน “ไปเลย.. ฉันจะพาเธอไปแจ้งความ ผู้หญิงอะไรสะเพร่าจริงๆ“
พิมพ์ดาราต้องหันไปบ่นอุบอิบ
“เงินก็เงินฉัน ยังมาว่าฉันอีก” เธอบ่นเบาๆ กลัวก้องจะได้ยิน ตอนนี้เธอต้องพึงพาเขาเลยไม่กล้าโต้เถียง
ก้องนึกเสียดายเงินแทนเธอ เงินตั้งยี่สิบล้าน ไม่รู้ว่าจะหากี่ชาติถึงจะได้มา และนึกฉุนที่เธอสะเพร่าพกเช็คเงินจำนวนมากขนาดนั้นติดตัวไปเมาเละเทะจนโดนขโมยไป ก้องไม่ได้ต้องการเงินของเธอหรือส่วนแบ่งอะไร แต่คิดว่ามันจะดีถ้าเธอสามารถตามเงินของเธอคืนมาได้ และเขาอาจจะได้เงินของเขากลับคืน
เขาเรียกแท็กซี่ ตรงไปสถานีตำรวจ ในท้องที่เกิดเหตุ แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ ตำรวจดูจะแตกตื่น เมื่อรู้ว่ามีเช็คเงินสดอยู่ในกระเป๋าถึง 20 ล้าน แต่ก็ต้องวางใจ เมื่อพิมพ์ดาราบอกว่าเช็คใบนั้น จะมีเธอเพียงคนเดียวที่สามารถเบิกได้ ทางตำรวจจึงรับปากที่จะติดตามหาตัวคนร้ายและกระเป๋าให้
ส่วนก้องไปยังห้องพนักงานสเก็ตภาพคนร้าย เขาพอจะจำหน้าคนวิ่งราวออก และเมื่อภาพสเก็ตออกมา ก้องก็ต้องบอกว่า “ใช่เลย คนนี้แหละ”
ทั้งสองคนเสียเวลาอยู่หลายชั่วโมงกว่าจะเสร็จการให้ความ พอออกจากสถานีตำรวจก็เกือบจะมืด
“แล้วเธอ จะไปไหนต่อ” ก้องถามเมื่อออกมาจากสถานีตำรวจ พร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่ๆของเธอสี่ใบ
“ฉันยังไม่รู้ เออนี่.. นายพอจะมีให้ฉันยืมสักล้านหนึ่งมั๊ย ฉันว่าฉันจะไปพักโรงแรมรอตำรวจติดต่อมา ถ้าฉันได้เช็คมาแล้วฉันจะคืนให้นาย”
“ตา.ลก” ก้องมองเธอด้วยสีหน้าเหยเก อย่างไม่อยากจะเชื่อ “เธอคิดว่าฉันรวยหรือไง พันหนึ่งก็ไม่มีให้ยืม”
“นายนี่ จนจริงๆ”พิมพ์ดาราสบถเบาๆ ท่าทางผิดหวัง
“โอ.. โห ยัยนี่”ก้องพูดไม่ออก บอกได้แค่นี้ ปลายตามองเธออยู่นาน คิดว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนยังไงกันนะ
“ช่างเหอะ .. ฉันไม่ยุ่งกับเธอแล้ว ถ้าเธอได้กระเป๋าคืน ก็เอามาเงินมาคืนฉันด้วยล่ะกัน”
ก้องตัดบทอย่างเอือมระอาเต็มทนในความโชคร้ายของตัวเองที่มาเจอเธอ เขาโบกรถเมล์ให้จอด และกำลังจะขึ้นไป เพื่อกลับบ้าน
พิมพ์ดารารู้สึกใจเสียขึ้นมา เธอไม่มีเงินติดตัวสักแดง แล้วถ้าเขาไปเธอจะทำยังไง คิดจะเรียกให้เขากลับมาพาไปหาที่พัก แต่ศักดิ์ศรีความหยิ่งมันก็ค้ำคอ แม้ทำท่าจะเรียกเขา แต่ปากก็อ้าไม่ออก
ก้องเมื่อขึ้นรถเมล์ และรถได้เคลื่อนตัวออกไป พิมพ์ดารารู้สึกใจหายและกลัว เธอทำอะไรไม่ถูก ตอนนี้เหมือนจะเหลือเธอโดดเดี่ยวลำพัง ขอบตาของเธอแดงและชุ่มช่ำไปด้วยน้ำตา แต่เธอฝืนที่จะไม่ร้องไห้ เธอหย่อนตัวลงนั่งบนกระเป๋าเดินทาง และนึกเสียใจที่พูดจาให้เขาเคืองจนทิ้งเธอไว้คนเดียว
ใช้แล้ว พิมพ์ดารานึกขึ้นได้ เธอมีเบอร์ของก้องอยู่ เขาทิ้งไว้ให้เธอตอนที่อยู่ในสถานีตำรวจ เพื่อให้เธอติดต่อเมื่อได้กระเป๋าเงินคืน เธอนั่งตัดสินใจอยู่นานว่าจะโทรเรียกเขากลับมาดี หรือว่าไม่โทรดี
แต่สุดท้ายเธอก็ต้องตัดใจ ลดศักดิ์ศรีความหยิ่งของเธอลง เพราะหมดทางเลือก และกดเบอร์โทรไปหาเขา
ทันทีที่สายติด เธอรีบพูดลงไป
“นี่.. นายต้องกลับมาหาฉันก่อน ฉันจะทำยังไง ตอนนี้ฉันไม่มีเงินสักบาท แล้วฉันจะนอนที่ไหน นายต้องกลับมาพาฉันไปหาที่พักเดี๋ยวนี้” เธอออกคำสั่ง แต่เสียงของเธอสั่นเครือเหมือนจะร้องไห้
“เหรอ.. “ก้องตอบกลับมา และดูเขาเหมือนจะใจอ่อน “ งั้นเธอก็หันกลับมาข้างหลังสิ”
พิมพ์ดารานึกงงในคำพูดของก้อง แล้วเธอก็ต้องหันไปมองข้างหลังตามที่เขาบอก แล้วสิ่งที่เธอเห็นทำให้เธอเผยยิ้มออก
ก้องนั่นเอง !
เขายืนห่างออกไปไม่กี่เมตร กำลังถือโทรศัพท์มือถือคุยกับเธอ จริงๆแล้วก้องขึ้นรถเมล์ไปแล้ว แต่ก็ต้องไปลงป้ายหน้า เพราะเขาตัดใจที่จะทิ้งเธอไว้อย่างนี้ไม่ได้ เลยเดินย้อนกลับมา และเฝ้าดูเธอว่าเธอจะทำยังไงต่อไป สุดท้ายเธอก็โทรหาเขา แสดงว่าเธอไม่มีที่ไปจริงๆ
“เธอเป็นแต่สั่ง หรือไงนะ คิดจะให้คนอื่นเขาช่วยก็ไม่รู้จักพูดดีๆหรอก” ก้องบ่นอุบอิบ แต่สีหน้าเขาดูจะอ่อนโยนลง พร้อมกับโบกรถแท็กซี่ ให้จอดคันหนึ่ง พิมพ์ดาราเถียงไม่ออก ได้แต่ลอยหน้าลอยตา กลบเกลื่อนความดีใจที่เขากลับมา
“ไป.. ขึ้นรถสิ - - หรือจะอยู่ที่นี่”
พิมพ์ดารารีบรุกรนขึ้นไปนั่งเบาะหลังกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจ และวางท่าเป็นคุณนายอีกแล้ว
“นี่ ! แล้วกระเป๋าเธอ จะไม่เอาขึ้นรถด้วยเหรอไง ฉันไม่ใช่คนใช่เธอนะ ลงมาช่วยกันเลย” ก้องนึกฉุนขึ้นมาอีกเมื่อเห็นเธอขึ้นรถตัวเปล่าไปนั่งวางท่ารอ กระเป๋าสักใบก็ไม่คิดจะยกติดมือขึ้นไป
พิมพ์ดาราหน้าเสียหน่อยๆ
“ก็ใครเป็นคนบอกให้ฉันขึ้นรถเล่า แค่นี้ก็ยกให้ไม่ได้”เธอเถียงมุบมิบอยู่ในลำคอ หน้ามุดมุ่ยลงมาช่วยก้องยกกระเป๋าใส่กระโปงรถ ก่อนจะพากันขึ้นแท็กซี่ไปยังบ้านที่ก้องพักอาศัยอยู่
๑
รถแท็กซี่วิ่งไปทางถนนแถวปิ่นเกล้า ก่อนเลี้ยวเข้าซอยซอยหนึ่ง เข้าไปตามซอยอีกนิดหน่อย ก้องก็บอกให้จอดรถหน้ารั่วบ้านเตี้ยๆ ที่เห็นอยู่ตรงหน้า
ก้องแม้จะโชคร้ายในหลายๆเรื่อง แต่เขามักจะโชคดีเรื่องที่อยู่อาศัย บ้านหลังนี้เป็นบ้านของพี่ชายพี่นก พอดีระหว่างที่ก้องกำลังหาที่อยู่ใหม่ พี่ชายพี่นกก็กำลังจะไปทำงานต่างประเทศ และบ้านหลังนี้ก็จะปล่อยให้เช่า เพื่อให้มีคนอยู่บ้านจะได้ไม่เสื่อมโทรม พี่นกเลยเสนอให้ก้องเข้ามาอยู่ โดยพี่ชายพี่นก คิดราคาเช่าให้ถูกๆ เพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนกับน้องชายตัวเอง แถมยังทิ้งเครื่องใช้ต่างๆ พร้อมฟอร์นิเจอร์ให้ใช้ อีก ก้องเลยสบายแฮ ถือกระเป๋าใบเดียวก็เข้ามาอยู่ได้เลย
ทั้งสองคนเอากระเป๋าลงจากรถ และก้องก็เปิดประตูรั่วเข้าไป พิมพ์ดารากลับยังไม่ได้เดินตามเขา มองดูตัวบ้านอยู่หน้ารั่ว ด้วยสายตาอดสูตัวเอง ที่เธอจะต้องมาอยู่บ้านเล็กกระติ๊ดแค่นี้
มันเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว หลังกะทัดรัด ปลูกอยู่บนพื้นที่ไม่กว้างมาก แม้จะมีรั่วเตี้ยๆ รอบอาณาเขตบ้าน และมีสนามหญ้าหน้าบ้าน แต่มันก็เล็กอยู่ดี ทั้งตัวบ้านทั้งสนามหญ้า เหมือนบ้านเดี่ยว ที่ถูกย่อส่วนลงมา แถมยังดูเก่าด้วย
แต่ก้องกลับชอบบ้านหลังนี้ เพราะมันสะดวกสำหรับอยู่ตัวคนเดียว
“เธอจะไม่เข้ามาหรือไง” ก้องเรียกทัก เมื่อเห็นเธอเอาแต่ยืนดูตัวบ้าน
พิมพ์ดาราเลยต้องก้าวตามเข้ามา
ภายในบ้านดีกว่าที่เธอคาดคิดเอาไว้ แม้มันจะเล็กคับแคบ แต่ข้าวของฟอร์นิเจอร์จัดวางไว้เป็นสัดส่วนระเบียบเรียบร้อย ห้องครัวกับห้องรับแขกเป็นห้องรวมเดียวกัน มีโต๊ะกินข้าวตั้งอยู่ใกล้พื้นที่ทำครัว ใกล้กับทางประตูหน้าห้องน้ำ ถัดไปเป็นโซฟายาวสำหรับนั่งสามคน ที่หน้าโซฟามีทีวีสี 17 นิ้วตั้งอยู่เครื่องหนึ่ง ที่ด้านข้างของทีวี เป็นประตูเข้าห้องของก้อง ตรงพื้นที่ทำครัวยังมีบันไดแนบติดผนังด้านข้าง เหมือนจะเป็นทางขึ้นชั้นบน พิมพ์ดาราดูไม่ออกว่าบ้านนี้จะมีสองชั้น เพราะดูข้างนอกเหมือนมีชั้นเดียว แต่เมื่อชะเง้อดู จึงรู้ว่าเป็นทางขึ้นห้องชั้นลอยติดใต้หลังคาด้านหลัง คงทำไว้เป็นห้องสำหรับเก็บของ
“ดีกว่าที่ฉันคิดไว้นิดหน่อย แต่ฉันก็น่าจะพออยู่ได้ ดูโซฟานี่สิ ใครเลือกมานะ.. ไร้รสนิยม” เธอบอก พร้อมกับเดินสำรวจดูรอบๆ
ก้องต้องหันไปส่งสายตาค้อนมองเธอ อย่างไม่เข้าใจ มีที่ให้อยู่ก็ดีถมแล้วยังจะติโน้นตินี่อีก เขาว่าบ้านหลังนี้ออกจะคลาสสิก น่าอยู่จะตาย ยังเคยคิดว่า ถ้าเรียนจบทำงานเก็บเงินได้สักก้อนหนึ่ง จะปลูกบ้านแบบนี้สักหลัง
“นี่ ! ถ้าเธอติจนพอใจแล้วก็เอาของไปเก็บเถอะไป” ก้องบอกประชดอย่างรำคาญใจ เมื่อเห็นเธอจะเริ่มบ่นถึงทีวี ว่ามันเก่า และจอโค้งไม่ใช่จอแบน
พิมพ์ดาราเลยปลายตามองค้อนเขา ก่อนจะลากกระเป๋า มาหน้าประตูห้อง จะเอาไปเก็บข้างใน แต่ก้องกลับบอกห้ามขึ้นก่อน
“ไม่ใช่ห้องนั้น ห้องนั้นมันห้องของฉัน”
พิมพ์ดารากวาดตามองรอบบ้านอย่าง งงๆ ถ้าไม่ใช่ห้องนี้แล้วเขาจะให้เธอนอนที่ไหน แววตาของเธอเหมือนจะเป็นคำถามโดยไม่ต้องบอก ก้องเลยชี้ไปที่ห้องใต้หลังคา
“เธอพักห้องโน้น”
“นี่นายจะให้ฉันนอนห้องใต้หลังคาเหรอ -- ฉันไม่ใช่แฮรี่นะ” พิมพ์ดาราโว้ยขึ้น คิ้วขมวด
“ถึงมันจะเป็นห้องใต้หลังคา แต่เขาทำไว้เป็นห้องสำหรับเด็ก เธอขึ้นไปดูเหอะ ฉันว่าเธออยู่ได้”ก้องบอก พร้อมหิ้วกระเป๋าเธอมาสองใบ นำขึ้นบันไดไปเปิดประตู
พิมพ์ดาราเลยต้องตามเขาไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ และมันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เธอคิดไว้จริงๆ แม้จะคับแคบไปบ้าง และเพดานก็เตี้ยจนหัวของก้องแทบติดเพดาน แต่ก็เป็นห้องที่ทำไว้สำหรับเป็นห้องนอน เพียงแต่ว่าห้องยังไม่ได้ทำความสะอาด ที่พื้นยังมีฝุ่นจับ และก็ไม่มีอะไรเลยในห้อง
“แล้วฉันจะนอนยังไง”พิมพ์ดาราถาม
“ทำความสะอาด ก็นอนได้แล้ว”
“มันไม่มีเตียง”
“เดี๋ยวฉันเอา ฟูก และที่นอนมาให้”
“ตู้เสื้อผ้าก็ไม่มี”
“มันมีราวแขวนผ้าแสตนเลสอยู่ เดี๋ยวค่อยยกขึ้นมา”
“แย่จริงๆ ไม่ได้ติดแอร์ด้วยเหรอเนี่ย”
“นี่ พิมพ์ดารา!”ก้องโพล่งอย่างเหลืออด “เธออยากจะนอนที่นี่หรือนอนข้างถนน ห๊า!”
พิมพ์ดาราดูจะงงเล็กน้อย ที่ก้องโมโห ไม่รู้ว่าเขาจะโมโหเรื่องอะไรกันนักหนา เธอเลยทำลอยหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ตามสไตล์ของเธอ แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ก้องวางกระเป๋าเธอตรงหน้าห้อง ลงไปเอาไม้กวาดไม้ถูพื้นและถังน้ำมาส่งให้อย่างนึกฉุน
“เอ้า.. ทำความสะอาดซะ ฉันจะได้เอาฟูกที่นอนขึ้นมา เสร็จแล้วเรียกฉันด้วยก็แล้วกัน ฉันจะทำกับข้าวก่อน”เขาบอกพร้อมกับลงไป
พิมพ์ดาราเลิกคิ้วดูไม่กวาดกับไม่ถูพื้นในมือ และถังน้ำที่วางอยู่ตรงหน้า แล้วเธอก็ตัดสินใจที่จะทำความสะอาด ถ้าเธอยากจะนอนที่นี่
เธอเลยลงไปตักน้ำในห้องน้ำด้านล่าง จนเต็มถัง ยกมันอย่างทุลักทุเลขึ้นบันได ก้องกำลังหุงข้าวอยู่ตรงครัว อดปลายตามองไม่ได้ เมื่อน้ำในถังของเธอกระเฉาะไปตามทางบันได
“ยัยนี้ ทำไม ไม่ตักไปแค่ครึ่งถังนะ น้ำจะได้ไม่กระเฉาะเลอะบันได เดี๋ยวก็ได้ลงมาถูบันไดอีก” ก้องบ่นพึมพำอย่างไม่เข้าใจวิธีการของเธอ
ครู่หนึ่งขณะก้องตั้งหม้อหุงข้าวเสร็จแล้ว และกำลังจะตั้งกระทะบนเตาแก๊ส ที่หัวของเขารู้สึกว่าจะมีหยดน้ำ ตกลงมากระทบใส่ จนก้องต้องเงยหน้าขึ้นมองเพดานห้องครัวที่อยู่ตำแหน่งเดียวกับพื้นห้องด้านบนของพิมพ์ดารา จากหยดน้ำทีล่ะหยดกลายเป็นสายน้ำรั่วลงมา ก้องต้องอุทานแปลกใจ
“เฮ้ย ! น้ำรั่วมาได้ยังไง” แต่แล้วก็นึกขึ้นได้” อ้า.. ยัยนั้นทำอะไรเนี่ย”
เขารีบขยับตัวขึ้นบันไดไปเปิดประตูห้อง แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นพื้นห้องเจิ่งนองไปด้วยน้ำ พร้อมพิมพ์ดารากำลังถูพื้นอย่างเมามัน
“เธอทำน้ำหกเหรอ”ก้องถาม
“ใครว่าฉันทำหก ฉันถูแล้วแต่มันยังเป็นคราบอยู่ ฉันก็เลยล้างมันซะเลย” เธอบอกยิ้มๆอย่างภูมิใจ พร้อมกับเทน้ำในถังที่เหลือสาดลงพื้น ก้องจะร้องห้ามก็ไม่ทัน เขาเอามือตบหน้าผากตัวเอง ยากจะบ้าตาย
“มันเป็นพื้นไม้นะ ไม่ใช่พื้นปูน เธอสาดน้ำลงไปอย่างนั้น มันก็ซึมไปข้างล้างหมดนะเซ่”ก้องร้องบอกเสียงดัง อย่างฉุนขาด แต่แล้วก็ต้องระบายลมหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน เพราะดูเธอจะไม่รู้เรื่อง ยืนหน้าเหรออยู่
“โอย~ “ก้องครวญได้คำเดียว ก่อนจะวิ่งลงไปเอาผ้ามาซับน้ำ บิดคืนใส่ถัง
แทนที่การทำความสะอาดห้องจะเป็นเรื่องง่ายๆ แต่ตอนนี้เป็นเรื่องยากเสียแล้ว ก้องต้องซับน้ำและทำให้พื้นห้องแห้ง แถมยังต้องลงไปทำความสะอาดครัว ที่น้ำซึมลงไป เขานึกไม่ออกว่าพิมพ์ดาราเป็นคนยังไง ถึงทำให้เขาโมโหได้ทุกนาที
“เอ๊า.. ยืนดูอยู่นั้นแหละ มาช่วยกันสิ” ก้องบอกด้วยท่าทีเอือมระอา เมื่อเห็นเธอยืนดูเขาเฉยๆ
พิมพ์ดาราต้องหน้าหงิก มุบมิบปากบ่นอยู่ในลำคอ เธอคิดว่าตัวเองทำดีแล้ว แต่นายคนนี้ชอบมีเรื่องมาว่าเธออยู่เรื่อย แต่ก็ขยับตัวไปช่วยก้อง ซับน้ำคืนใส่ถัง และท่าทางซับน้ำ และบิดผ้าของเธอ ทำให้ก้องรู้ว่าเธอคงไม่เคยทำงานบ้านมาก่อน และมันก็ขัดลูกตาเขา จนสุดท้ายเขาก็ต้องลงมือทำเองเกือบทั้งหมด
กว่าทั้งสองคนจะทำเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบสามสี่ทุ่ม แถมยังต้องรอให้พื้นแห้งอีก
ระหว่างที่รอ ก้องลงมาทำความสะอาดตรงพื้นที่ทำครัว ที่ตอนนี้ก็มีน้ำนองอยู่เต็มพื้น เขาไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืนก่อน และยังไม่ได้กินอะไร ทั้งหงุดหงิดทั้งโมโหหิว
พิมพ์ดาราเมื่อลงมาเห็นถึงรู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป ไม่คิดว่าน้ำที่เธอสาดมันจะซึมลงมาจนเลอะข้างล่างไปหมด เธอหน้าเสียเล็กๆ ดูเขาทำความสะอาด และสีหน้าของก้องก็ดูจะบูดบึ้ง จนเธอเข้าหน้าไม่ติด เธอเลยไปนั่งตรงโซฟา เปิดดูทีวี และปลายตามองดูก้องบ่อยครั้ง เหมือนพยายามจะหาเรื่องคุย เพื่อกลบเกลื่อนความผิดของเธอ ให้เขาลืมๆมันซะ
“ห๊ะ..ห๊ะ.. ดูสิตลกจัง” จู่ๆ เธอก็หัวเราะ ชี้นิ้วไปที่โทรทัศน์ให้ก้องดู แต่ก้องกลับตาขวางๆ จ้องมองเธอ เขาไม่มีอารมณ์จะขำ แถมเสียงหัวเราะเธอก็ฟังไม่ค่อยจะจริงใจ ว่ามันจะตลก
“ถ้าเธอไม่มีอะไรทำล่ะก็ มาถูพื้นตรงนี้จัดการกับผลงานที่เธอทำไว้จะดีกว่า ฉันจะได้ทำกับข้าวเสียที” ก้องบอก
พิมพ์ดารารู้สึกเสียหน้า เธออุตสาห์หาเรื่องมาง้อเขา ทั้งที่ปกติไม่เคยง้อใคร ถ้าไม่ใช่ว่าเธอต้องอาศัยเขาอยู่ล่ะก็เธอคงไม่ทำ
‘ชิ ! ถ้าฉันมีที่ไปล่ะก็ ฉันไม่ง้อนายหรอกจะบอกให้’ พิมพ์ดาราคิดว่าเขาในใจ แต่ก็ลุกขึ้นไป รับไม้ถูพื้น มาถูพื้นแทน
ก้องอารมณ์ดีขึ้นเมื่อเห็นเธอว่าง่ายและทำตามที่เขาบอก เขาหันไปตั้งกระทะบนเตาและทำกับข้าว พร้อมกับดูเธอถูพื้นอยู่ข้างๆ
“นี่ ดีๆ หน่อย ถูตรงนั้นด้วย ไม่เห็นเหรอน้ำยังเจิ่งอยู่เลย”ก้องได้ที สั่งเธอ ลอบยืนยิ้มอยู่ข้างหลัง เหมือนจะแก้เผ็ดที่เธอชอบสั่งคนอื่น
พิมพ์ดารานึกฉุน ที่มีคนมาสั่งเธอทำโน้นทำนี้ แต่เธอก็ต้องทำเพราะไม่มีทางเลือก เธอเลยระบายกับไม้ถูพื้นถูมันแรงๆ
ก้องทำกับข้าวไป สั่งเธอไป เขารู้สึกสนุก และอารมณ์ดี อย่างบอกไม่ถูก ที่เห็นพิมพ์ดาราหน้ามุดมุ่ย แต่ก็ทำตามที่เขาสั่ง เหมือนกับเขาได้แก้แค้น จนเขาทำกับข้าวเสร็จแล้วมาวางไว้บนโต๊ะ แต่พิมพ์ดารายังถูไม่เสร็จ
ก้องจะยังไงก็คงเป็นก้อง เขาเมื่ออารมณ์ดีก็เริ่มจะใจอ่อน จะเรียกให้เธอกินข้าวก่อน เพราะรู้ว่าเธอยังไม่ได้กินอะไร แล้วที่เหลือเขาจะทำเอง
แต่เขาเพิ่งจะหันมา ไม่ทันที่จะขยับปาก ก็ต้องร้อง อุ๊บ! เมื่อไม้ถูพื้นของพิมพ์ดาราสาวมาด้านหลัง และกระทุ้งเข้าเป้ากางเกงเขาอย่างแรง ก้องงอตัวจุกจนพูดไม่ออก หน้าเขียวปัด
พิมพ์ดาราหันกลับไปมอง เมื่อรู้สึกว่าปลายไม้ถูพื้นกระทุ้งถูกอะไรบางอย่าง แล้วก็เห็นก้องทรุดคุกเข่าตัวงออยู่กับพื้น ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“นายเป็นอะไร ปวดท้องเหรอ?” เธอเลิกคิ้วถาม
“เธอ..เธอนี่มัน...”ก้องบิดตัวขึ้นอย่างลำบาก หน้าดำหน้าแดง ก่อนจะคำรามเสียงดัง ”ฉันอยากจะฆ่าเธอพิมพ์ดารา ! ”
อาการของก้องบอกให้รู้ว่า ปลายไม้ถูพื้นกระทุ้งถูกอะไร พิมพ์ดาราเลื่อนสายตาไปที่เป้ากางเกงของเขา ที่ใช้มือกุมอยู่ แล้วเธอก็เริ่มจะลอยหน้ากรอกสายตาหลบทำไม่รู้ไม่ชี้อีกแล้ว ‘มันคงเจ็บน่าดู แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย’ เธอคิด
“อ้า.. กินข้าวเถอะ ฉันหิวแล้ว”
แล้วเธอก็เปลี่ยนเรื่องอีกจนได้ นี่แหละพิมพ์ดารา บ้านที่เคยเงียบสงบที่ก้องเคยอยู่ต่อไปนี้จะไม่เงียบสงบอีกแล้ว เพราะผู้หญิงที่ชื่อพิมพ์ดารา
๑
ความคิดเห็น