คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 10
๑
คฤหาสน์ บ้านโชติการณ์ ธานุพันธ์ขับรถเข้ามาจอด เดินตรงรี่ขึ้นบ้านด้วยความฉุนเฉียว ในมือยังถือสมุดบัญชีธนาคารเล่มหนึ่ง พร้อมบัตรเครดิตสามสี่ใบ ทันที่ที่เขาพบหน้าชัชวาลในห้องรับแขก เขาตบวาง สมุดบัญชีและบัตรเครดิตลงบนโต๊ะตรงหน้าชัชวาล
“พ่อ นี่มันอะไรกัน ทำไมพ่อถึงระงับการใช้เงินของผม”เขาถามด้วยความเดือดดาล
ชัชวาล จ้องมองหน้าลูกชาย ก่อนเอนหลังพิงโซฟา พยายามให้จิตใจเย็น ต่อกิริยาของธาพันธ์ ที่แสดงต่อเขา
“พ่อว่าเรื่องนี้ แกน่าจะรู้อยู่แก่ใจ แกไปทำอะไรให้หนูพิมพ์เค๊าโกรธ”
ธานุพันธ์ พอฟังต้องกัดฟัน ระบายลมหายใจ อย่างอัดอั้น
“พ่อครับ ผมบอกไว้เลยว่าผมจะไม่แต่งงานกับพิมพ์ดารา ผมรู้ว่าพ่อรักเธอมากกว่าผม พ่อทำทุกอย่างให้เธอ ผมไม่ว่าอะไร แต่การที่ทำยังงี้กับผมมันมากเกินไป ยังไงผมก็เป็นลูกของพ่อนะ”เสียงธานุพันธ์ดัง และโกรธตัดพ้อน้อยใจ จนแม่ของเขาได้ยินเสียงและเข้ามาดู
“นี่ชั้นเป็นพ่อแกนะ แกกล้ามาพูดยังงี้กับชั้นเหรอ ไม่เพียงแต่เงินที่ชั้นจะไม่ให้แกใช้ รถและคอนโดที่แกอยู่ ชั้นก็จะเอาคืนด้วย”
พ่อ ! ....ธานุพันธ์ทั้งโกธรทั้งอัดอั้น จนพูดอะไรไม่ออก แต่แม่ของเขากลับเข้ามา
“คุณทำยังงี้กับลูกไม่ได้นะค่ะ”เธอแว๊ดใส่ชัชวาล “ต่อให้คุณตามใจยัยพิมพ์ขนาดไหน ก็ไม่น่าจะเอาชีวิตลูกไปให้เธอข่มเหง คุณก็รู้ว่าเธอนิสัยยังไง ที่ลูกเราไม่ยอมแต่งงานกับเธอ ฉันว่าไม่ใช่ความผิดของลูกเราสักนิดเดียว”
ชัชวาลลำบากใจจนแสดงออกทางสีหน้า ความลับเกี่ยวกับมรดกของพิมพ์ดาราเป็นที่เขารู้คนเดียว และเขาบอกใครไม่ได้ ที่เขาทำทั้งหมดก็เพื่อโชติการณ์และตัวธานุพันธ์เอง
“ชั้นก็ไม่อยากทำยังงี้กับลูก แต่มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยังไงก็ตาม ตานุต้องแต่งงานกับพิมพ์ดารา”ชัชวาลตัดสินใจเสียงแข็งบอกต่อภรรยา ก่อนหันไปทางธานุพันธ์ “แล้วก็แก.. ถ้าอยากได้ทั้งหมดกลับคืน ก็เลิกกับผุ้หญิงคนนั้นซะ แล้วไปขอโทษยัยพิมพ์ด้วย”
ชัชวาลบอกตัดบทพร้อมเดินหนีไปจากห้องรับแขก
“ได้ ...พ่อเอาไปให้หมดเลย ยังไงผมก็ไม่แต่งงานกับยัยพิมพ์” ธานุพันธ์ตะโกนตามหลังชัชวาล ก่อนวิ่งออกจากบ้าน แม่ธานุพันธ์ตกใจจนเงอะง่ะ ทำอะไรไม่ถูก สุดท้ายได้แต่ร้องไห้
ธานุพันธ์วิ่งออกจากบ้านโดยไม่ขับรถออกไป เขาทิ้งรถไว้ที่บ้านเพื่อประชด และไปตัวเปล่าเรียกแท็กซี่กลับคอนโด
ในรถแท็กซี่ เขานั่งคิดโกรธพ่อของเขา ที่ทำไมต้องบังคับให้เขาแต่งงานกับพิมพ์ดาราโดยไม่มีเหตุผล และน้อยใจที่ไม่ว่าพิมพ์ดาราบอกอะไรก็ตาม พ่อเขาก็จะทำให้เธอ แม้แต่เรื่องยึดทรัพย์สินของเขา มันทำให้เขาแทบจะร้องไห้ เพราะความน้อยใจ ทำไมพ่อของเขาต้องดีกับเธอขนาดนั้น
และเมื่อถึงคอนโดที่ห้องของเขา ธานุพันธ์ต้องแปลกใจ เมื่อเขาไม่สามารถใช้รหัสปลดล็อกประตูเข้าไปได้ เขาลองอยู่หลายเที่ยวแต่ไม่ได้ผล เขาพอจะนึกออกแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น พ่อของเขาคงโทรมาบอกทางคอนโดให้เปลี่ยนรหัสห้อง เพราะคอนโดนี้เป็นชื่อของพ่อของเขา
“นี่พ่อ เล่นกันจริงๆหรือเนี่ย” ธานุพันธ์ทำเสียงเหมือนไม่อยากจะเชื่อ “แล้วของของชั้นอยู่ข้างในจะทำไงว่ะ “
ธานุพันธ์ จำต้องเดินคอตกออกจากคอนโด ในตอนนี้เงินที่เหลือติดตัวก็มีไม่กี่พันบาท แถมที่ซุกหัวนอนก็ยังไม่มี แล้วนี่เขาจะทำยังไง นึกโมโหพิมพ์ดารากับพ่อของเขาจับใจ เขาเดินไปจนสุดโค้งริมถนน ก่อนที่จะนึกแพร
ตอนสามทุ่มที่บ้านพักแพรอยู่บ้านคนเดียว น้าใหม่กับสันไปโรงพยาบาลเยี่ยมลุงของเขายังไม่กลับ แพรเหมือนได้ยินเสียงเรียกที่หน้าบ้าน นึกว่าพวกเขากลับมากันแล้ว แต่เมื่อเปิดออกไปต้องประหลาดใจ เพราะคนที่ยืนอยู่หน้าบ้านคือธานุพันธ์
“คุณมาได้ไง”แพรถามงงๆ
“ฉันก็จนตรอกมานะสิ”เขาบอกยิ้มๆ ก่อนจะแทรกตัวเดินเข้ามาในบ้านโดยไม่รอให้แพรเชิญ
“ทำอะไรให้ชั้นกินหน่อยสิ ชั้นยังไม่ได้กินอะไรมาเลย” ธานุพันธ์บอกต่ออย่างเหนื่อยอ่อน เอนตัวลงบนโซฟา
“นี่ คุณมาถึง จะพูดอะไรให้มันรู้เรื่องกว่านี้หน่อยได้มั๊ย แล้วนี่มีธุระอะไร”
“เอาน่า หาอะไรให้ชั้นกินก่อน หิวจะแย่แล้ว แล้วจะเล่าให้ฟัง” ธานุพันธ์บอกเสียงอ้อนเล็กๆ
แพรระบายลมหายใจอย่างรำคาญสงสัย แต่ก็เข้าไปในครัว ทำข้าวผัดง่ายๆ ให้เขากิน ธานุพันธ์กินท่าทางอร่อยเหมือนกับว่าเขาหิวจริง จนแพรดูแล้วนึกแปลกใจ
“ตกลง คุณมีเรื่องอะไร”แพรถามเมื่อเห็นว่าเขากินจวนจะอิ่มแล้ว
“ตอนนี้ฉันไม่มีที่อยู่ ไม่มีรถ แล้วก็ไม่มีเงิน”ธานุพันธ์บอกขณะตักข้าวคำสุดท้ายเข้าปาก แพรมองเขานิ่ง เหมือนดูว่าเขาพูดเล่นหรือพูดจริง ก่อนหัวเราะเบาๆเหมือนไม่เชื่อ
“คุณจะล้อเล่นอะไร”
“ชั้นไม่ได้ล้อเล่น.. มันเป็นเรื่องจริง ฝีมือยัยพิมพ์ดาราคู่หมั่นชั้น เธอให้พ่อดิสเครดิตชั้นจนหมด ถ้าชั้นไม่ยอมแต่งงานกับเธอ”
แพรอ้าปากตาค้าง ไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้ในชีวิตจจริง มันเหมือนนิยาย
“แล้วคุณจะทำยังไง”แพรถาม
“เธอเคยบอกชั้นว่า ที่เธออยู่เป็นบ้านพักมีเจ้าของใจดีไม่ใช่เหรอ อีกอย่างค่าเช่าห้องก็ไม่แพง ชั้นเลยมาดูว่ามีห้องให้ชั้นอยู่หรือป่าว”
แพรเริ่มรู้ตัวแล้ว ว่ากรรมกำลังจะมาตกที่เธอ
“นี่ คุณอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ น้าใหม่แค่ให้ห้องพวกเราเช่าเฉยๆ เขาไม่ได้ให้คนอื่นเช่า อีกอย่างห้องก็เต็มแล้ว แล้วมันก็ไม่เหมาะด้วย”
“แล้วจะให้ชั้นทำยังไงล่ะ ตอนนี้ชั้นก็ไม่มีที่นอนแล้วด้วย”
“คุณไปเช่าที่อื่นไม่ได้เหรอ หรือนอนโรงแรมก็ได้”
ธานุพันธ์ถอนหายใจก่อนจะล้วงเข้าไปในกางเกงดึงกระเป๋าสตางค์ออกมา
“เอ้าดูซะ ชั้นมีเงินเหลือเท่าไหร่”
เงินในกระเป๋าของธานุพันธ์ มีอยู่แค่สองพันกว่าบาท ถ้าไปนอนโรงแรมก็ได้ไม่กี่คืน ถ้าไปเช่าห้องพักก็ไม่พอ แถมจะมีอะไรกิน มันเป็นสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า
“นี่ คุณจะบอกชั้นว่าคุณจนจริงๆ เหรอเนี่ย” แพรทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ
“แล้วคิดว่าชั้นล้อเล่นหรือไง... อีกอย่าง งานของเรายังไม่จบนะ เงินชั้นยังอยู่กับเธอสามแสนนะ” ธานุพันธ์บอกยิ้มๆ อย่างมีชั้นเชิง
แพรต้องถอนหายใจอย่างยากลำบาก นึกไม่ออกว่าทำยังไงดี คืนนี้เธอเลยต้องจำใจให้ธานุพันธ์นอนที่นี่ไปก่อน ห้องที่พอจะให้ธานุพันธ์นอนได้ในตอนนี้คงเป็นห้องของก้อง ที่เจ้าตัวไม่อยู่
น้าใหม่และสัน กลับมาเกือบเที่ยงคืน หลังจากที่แพรหลับไปแล้ว ทั้งสองคนต่างเข้าห้องของตัวเองโดยไม่รู้ว่า ธานุพันธ์นอนอยู่ในห้องของก้อง จนตีสองกว่าๆ ก้องกลับมาที่บ้านเพราะงานของเขาไม่เร่งอีกแล้ว เนื่องจากพิมพ์ดาราขยายเวลาให้ตามสัญญา ทำให้พวกเขาทำงานได้สบายขึ้น และไม่ต้องนอนค้างที่คอนโด
ก้องขึ้นไปยังห้องของตัวเอง และทันทีที่เขาเปิดไฟ เขาเห็นใครคนหนึ่งนอนอยู่บนที่นอนของเขา
ก้องดูจะตะลึงและงง ที่เห็นธานุพันธ์ และธานุพันธ์ก็งัวเงี่ยตื่นขึ้นมาเพราะแสงไฟแยงตา ไม่ทันที่ธานุพันธ์จะตั้งตัว ก้องกลับกระชากเขาลงจากเตียง จนเขาตกลงมาเสียงดังโครมคราม
“นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ก้องกระชากคอเสื้อถาม แม้แต่ชุดนอนก็ยังเป็นชุดของเขา ธานุพันธ์ยังมึนงง จากที่เพิ่งตื่นและถูกกระชากตกเตียงอีก สติของเขายังเรียบเรียงไม่ถูก
“ไป นายออกไปจากห้องชั้นเดี๋ยวนี้” ก้องกัดฟันคำราม ดึงลากธานุพันธ์ เหวี่ยง ออกนอกประตู หัวธานุพันธ์บังเอิญกระแทกขอบประตูเสียงดัง จนเลือดไหล ธานุพันธ์พอได้เจ็บ กลับสู้ขึ้นมา
“นี่ มันจะมากไปแล้ว”ธานุพันธ์กระชากเสียง ปรี่เข้าหาก้อง
ทั้งสองคน วางมวยใส่กันจนเสียงดังครึกโครม ปลุกคนในบ้านให้ตื่นขึ้น
สันกับน้าใหม่ พอออกมา ต้องตกใจ ที่แรกนึกว่าก้องสู้กับขโมยที่ขึ้นบ้าน แต่เห็นแพรรีบเข้าไปห้ามเสียงเอ็ดตระโรถึงรู้ว่าไม่ใช่ กว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรและแยกทั้งสองคนออกจากกันได้ ทั้งก้องและธานุพันธ์ต่างก็ได้ปากแตก เลือดกำเดาไหลไปคนล่ะหลายแผล
ที่ห้องกลางบ้าน ทั้ง ก้องและธานุพันธ์ มานั่งตรงโซฟาคนล่ะตัว น้าใหม่ไปเอากล่องปฐมพยาบาล มาให้ทั้งสองคนทำแผล ธานุพันธ์ดูหนักกว่าก้อง เขาหัวแตก และเลือดกำเดาไหล ก้องหางคิ้วแตกเล็กน้อย และริมฝีปากก็มีเลือดซึมออกมา ทันทีที่น้าใหม่วางกล่องปฐมพยาบาลลงบนโต๊ะ และบอกให้แพรและสันช่วยทำแผลให้กับทั้งสองคน แพรดูจะรีบร้อนและคว้าเอามา ใช้ผ้าซับเลือด ห้ามเลือดที่ไหลตรงหน้าผากของธานุพันธ์
ทั้งก้องและสันต่างเหลือบมองเธอโดยที่เธอไม่รู้สึกตัว แววตาของเธอที่แสดงออกถึงความห่วงใยต่อธานุพันธ์ ทำให้ก้องเจ็บลึกๆ และเจ็บยิ่งกว่าแผลบนตัวเขา เขารู้ว่าเธอเลือกแล้ว เลือกตั้งแต่หยิบกล่องยา
“นี่มันอะไรกัน ไหนแพรลองอธิบายให้น้าฟังซิ ทำไมถึงมีคนแปลกหน้ามาอยู่ในบ้านของน้า” น้าใหม่เสียงดุและดูมีอารมณ์ฉุน ถามขึ้นหลังจากที่พอจะปฐมพยาบาลกันได้บ้างแล้ว แพรก้มหน้านิ่งไม่รู้จะตอบยังไง
“คือ..ไม่ใช่ความผิดเธอหรอกครับ คือผมเดือดร้อนเลยมาขอให้เธอช่วย”ธานพันธุ์ รีบออกรับ
“เธอเดือนร้อนอะไร”น้าใหม่ถาม
“คืองี้ครับ” ธานุพันธ์ตั้งตนเริ่มจะเล่า เขารู้ว่าทางออกในตอนนี้ที่ดีที่สุด คือบอกความจริงยางอย่าง
“คือผมจะถูกบังคับให้แต่งงาน แล้วผมไม่ได้รักคู่หมั่นของผม ผมเลยขอให้แพรช่วยแกล้งเป็นคู่รักของผมเพื่อจะได้ไม่ต้องแต่งงานกับเธอ แต่ตอนนี้พ่อของผมเขาโมโห เขาเลยไล่ผมออกจากบ้าน ผมก็เลยไม่มีที่ไป เลยมาขอให้แพรช่วย หาที่พักให้ครับ พอดีเห็นว่าแพรบอกว่าที่อยู่เป็นบ้านพัก ผมก็เลยคิดว่า จะมาขอเช่า พอดีเจ้าของไม่อยู่ และมันก็ดึกแล้วผมไม่มีที่ไป แพรเลยให้ผมนอนค้างที่นี่ก่อน”
น้าใหม่เหมือนจะไม่ได้ฟังทั้งหมด แต่มองหน้าเขานิ่ง
“ชั้นว่าเธอหน้าคุ้นๆนะ” น้าใหม่บอกพร้อมกับนึก “นึกออกแล้ว เธอใช่ ธานุพันธ์ โชติการณ์ หรือเปล่า”
“เออ.. ครับ”
“ที่ถ่ายแบบลงนิตยสาร นั่นหนะนะ” น้าใหม่ถามต่อท่าทางตื่นเต้น และยิ้มออก
“ค.. ครับ”ธานุพันธ์ยิ้มรับ เขินหน่อยๆ
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะได้เจอตัวจริง ชีวิตเธอนี่เหมือนนิยายเลยนะนี่ แหมแพรรู้จักคนดังก็ไม่บอกน้า” น้าใหม่ทำท่าจะคุยจ้อต่อไม่หยุด จนสันและก้องหันมองหน้ากัน สันเขยิบเข้าไปใกล้น้าใหม่ สะกิดกระซิบ
“นี่ น้าใหม่ มันจะเป็นใครก็ช่างเหอะ จู่จู่ จะมานอนบ้านเราได้ยังไง ไล่มันไปซี่”
“นี่สัน.. สันไม่เห็นหรือว่าเขาเดือดร้อน อีกอย่างน้าก็คิดจะเปิดที่นี่เป็นบ้านพักอยู่แล้ว มีคนดังมาพักนี่มันไม่ดีตรงไหน”
“น้าจะเปิดเป็นบ้านพัก ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่อง” สันโพล่งขึ้นพยายามไม่ให้เสียงดัง
“น้าเพิ่งคิดได้ตะกี้นี้”น้าใหม่ยิ้มตอบ “มันยังเหลือห้องเก็บของอีกห้องหนึ่งนี่น่า ทำความสะอาดหน่อยก็ใช้ได้แล้ว”
เอ วัง น้ากูบ้าดารา สันคิดอย่างไม่อยากจะเชื่อ น้าใหม่ไม่รู้ว่าก้องคิดยังไงกับแพร และตอนนี้ทั้งสามคนกำลังจะเป็นรักสามเส้า แล้วจะให้ธานุพันธ์มาอยู่รวมกันได้ยังไง ไอ้ก้องต้องอกแตกตายแน่ๆ สันนึกกลุ้มแทบอยากจะบ้า
“เอาล่ะ เรื่องห้องเดี๋ยวน้าจัดการให้ คืนนี้เธอก็นอนที่โซฟานี่ก่อนล่ะกันนะ” น้าใหม่บอกตัดบทอย่างครึมอกครึมใจ นึกถึงวันพรุ่งนี้ที่จะมีเรื่องไปเม้าท์ที่ทำงาน ว่าใครมาพักบ้านของเธอ
ก้องสะบัดตัวลุกขึ้นเดินออกจากบ้านในทันทีที่น้าใหม่เดินขึ้นบันได แพรรู้ว่าก้องรู้สึกยังไง และทำให้เธอรู้สึกผิด เธอจะต้องคุยกับก้องให้เข้าใจ วิ่งตามออกไปทันกันที่หน้าประตูรั่ว
“ก้อง แพรมีเรื่องจะคุย”แพรร้องเรียกตามหลังก้อง ก่อนที่เขาจะออกจากประตูรั่ว ก้องชะงักเท้าเหมือนจะรอฟังแต่ไม่ได้หันกลับมา
“แพรรู้ ว่าก้องคิดยังไงกับแพร แต่แพร.. แต่แพรคิดกับก้องแบบเพื่อน แพรรู้ว่าแพรมาบอกกับก้องตอนนี้มันดูจะเห็นแก่ตัว แต่ว่าถ้าแพรไม่บอกตอนนี้พวกเราก็คงมองหน้ากันไม่ได้อีก แพรขอโทษที่ทำให้ก้องต้องเจ็บ แต่แพรไม่รู้จะอธิบายยังไง” เธอพูดอย่างยากเย็นและเหมือนจะร้องไห้ มันยากที่เธอจะตัดสินใจพูดออกมา
ก้องดูนิ่งไม่ได้ตอบ แต่ไหล่ของเขาดูจะสั่นน้อยๆ เหมือนกับเขากำลังข่มสะอื้น
“เรายังคงเป็นเพื่อนกันใช่มั๊ย” แพรถามต่อด้วยน้ำตา
ก้องเงยหน้าขึ้นกระพริบตาถี่ๆ พยายามขับไล่หยาดน้ำที่อยู่นัยน์ตา และไม่ต้องการให้คนเห็นมัน พยายามข่มเสียงให้ปกติก่อนตอบออกมา
“ไม่รู้สินะ” เขาตอบมันสั่นๆและเดินออกนอกประตูรั่วไป
สันตามออกมา เห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น และรู้สึกสะเทือนใจแทนเพื่อน เขาอยากให้ทั้งสองคนรักกัน เพราะต่างเป็นเพื่อนรักของเขา แต่ถ้าเรื่องมันถึงขั้นนี้แล้ว เขาก็ทำอะไรไม่ได้ มันเป็นสิทธิการตัดสินใจของแพรเองในเรื่องของหัวใจ เขาคิดจะวิ่งตามก้องออกไป แต่แล้วเมื่อคิดอีกทีให้มันอยู่คนเดียวจะดีกว่า มันอาจกำลังอยากจะร้องไห้ และก็คงไม่ต้องการให้ใครเห็น สันจึงเดินกลับเขามาในบ้าน และเห็นว่าธานุพันธ์ก็มองดูอยู่เช่นเดียวกับเขา สันเขม่นมองธานุพันธ์โดยไม่พูดอะไร ก่อนจะขึ้นไปยังห้องของตัวเอง
เรื่องราวของก้องและแพร ทุกอย่างดูเหมือนจะจบลงในวันนั้น ดูมันจบลงง่ายๆ ง่ายจนสันไม่อยากจะนึกว่ามันจบลงแบบนี้ ทุกวันนี้เขาเหมือนอยู่ตัวคนเดียว ตั้งแต่ธานุพันธ์ได้มาอยู่บ้านพักที่ห้องน้าใหม่จัดไว้ให้ ก้องก็ไม่ค่อยจะกลับบ้าน เอาแต่ทำงานกับไปมหาลัย แม้งานที่คอนโดของพิมพ์ดาราจะเสร็จแล้ว แต่ตอนเย็นเขาก็ยังไปทำงานกับพี่ป๋องอยู่เรื่อยๆ เวลาหยุดก็ไม่ค่อยอยู่บ้าน มันดูเหมือนว่าก้องหายหน้าไปเลยทั้งที่อยู่บ้านหลังเดียวกัน
๑
ที่บ้านโชติการณ์ตอนนี้ เรื่องของธานุพันธ์หายตัวไปดูจะเป็นเรื่องใหญ่ เพราะธานุพันธ์หายไปเลยไม่ได้ติดต่อใคร แถมมหาลัยก็ไม่ได้ไป แม่ของธานุพันธ์ดูจะเป็นห่วงและกังวล เธอพยายามที่จะเกลี่ยกล่อมต่อสามี ให้เปลี่ยนใจ
“คุณค่ะ ตานุเราหายตัวไปหลายวันแล้วนะค่ะ บ้านเพื่อนก็ไม่อยู่ โทรไปที่ไหนก็ไม่มีใครรู้ คุณเลิกดิสเครดิตตานุและตามหาตัวกลับมาเถอะนะค่ะ”เธอบอกขณะตามชัชวาลเขามาในห้องหนังสือ
ชัชวาลดูจะหนักใจและเป็นห่วงลูกชายเหมือนกัน แต่ยังแข็งใจ บอกเรียบๆ
“เธออย่ากังวลไปเลย ตานุไม่เป็นอะไรหรอก ถ้าตานุยอมไปพบกับหลานพิมพ์ และแต่งงานกับเธอ มันก็จะได้ทุกอย่างกลับคืน แต่ถ้ามันไม่ยอมชั้นก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงเหมือนกัน”
“หมายความว่ายังไง ที่ว่าไม่รู้จะทำยังไง” เธอเริ่มจะขึ้นเสียง “คุณจะให้พิมพ์ดารามาบ่งการชีวิตลูกเราไม่ได้นะค่ะ คุณตามใจเธอเกิน ชั้นว่าจะไม่พูดแล้ว แต่ครั้งนี้ชั้นไม่ยอมจริงๆ ผู้หญิงคนนี้ไม่เหมาะที่จะเป็นภรรยาลูกชายเรา ชั้นว่าตานุเลือกถูกที่ไม่ยอมแต่งงาน”
“ยังไงก็ต้องแต่ง” ชัชวาลบอกสวนเสียงกร้าว เหมือนจะเริ่มโมโห เขาเองก็หนักใจไม่แพ้ภรรยาตัวเอง “ตานุยังไงก็ต้องแต่งงานกับพิมพ์ดารา”
“ทำไมค่ะ คุณลองบอกเหตุผลซิ “แม่ธานุพันธ์คาดครั้นถาม เพราะอะไรถึงต้องให้ตานุแต่งงานกับพิมพ์ดาราให้ได้ขนาดนั้น เธอสงสัย
“ผมว่าเรื่องนี้คุณให้ผมจัดการดีกว่า คุณอย่ามายุ่งเลย” ชัชวาลบอกปัดตัดบท ไม่อธิบายเหตุผล จนภรรยานึกฉุนในความไม่มีเหตุผลของสามี
“ได้ “เธอลากเสียงอย่างตัดพ้อน้อยใจ และเริ่มจะร้องไห้“ ถ้าคุณจะยืนกรานอย่างนั้นล่ะก็ ชั้นก็จะหย่าจากคุณ และจะตามหาตานุ เลี้ยงลูกของชั้นเอง”
เธอบอกพร้อมสะบัดตัวออกจากห้อง ชัชชวาลพูดไม่ออก อัดอั้นจนไม่รู้จะทำยังไง ทิ้งตัวลงกระแทกโซฟาอย่างกลุ่มใจ เสียงโทรศัพท์กลับดังขึ้นที่โต๊ะตัวข้าง ชัชวาลรับมันด้วยความหงุดหงิด แต่แล้วเขาต้องยิ้มออก มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อ จนเขาไม่คิดฝัน ว่าเขาจะได้ยินข่าวดีในตอนนี้ โทรศัพท์ที่โทรมา มาจากคนของเขาที่ให้คอยสืบตามดูนาย
ทำไมถึงเป็นข่าวดี ที่เป็นข่าวดีเพราะว่า ถ้าไม่มีนายธนากรเสียคนเดียว ก็ไม่มีคนตามขุดคุ้ยเรื่องมรดกของพิมพ์ดารา ตอนนี้ทุกคนต่างรู้กันว่า บริษัทในเครือ อิมเพลสสิเดน กรุ๊ป เป็นของโชติการณ์ ยกเว้นนายธนากรที่รู้ว่าอัครกุลคือเจ้าของที่แท้จริงและมีทายาทอยู่กับเขา
ความจริงนายชัชวาลควรจะได้ครอบครองมรดกกองนี้ ตั้งแต่สิบกว่าปีก่อนที่ศาลตัดสินให้เขาเป็นผู้ดูแลพิมพ์ดาราและมรดกกองนี้ แต่นายธนากรไม่ยอมเลิกรา เขาไม่ไว้ใจนายชัชวาล ว่าจะคืนมรดกให้เธอจริงๆ จึงคอยตามมาตรวจสอบโดยตลอด ทั้งที่เขาไม่มีอำนาจแล้ว และพร้อมที่จะฟ้องนายชัชวาลหากพิมพ์ดาราต้องการมรดกคืน
แต่ตอนนี้ดูเหมือนโชคจะเขาข้างชัชวาล นายธนากรตายโดยไม่ได้พบพิมพ์ดารา พิมพ์ดาราเองก็ไม่รู้เรื่องนี้ ไม่มีเจ้าทุกข์จะมาฟ้องร้อง และเขามั่นใจว่านายธนากรไม่ได้บอกเรื่องมรดกของอัครกุลและพิมพ์ดารากับใคร เพราะอะไรนะเหรอ
เพราะนายธนากรก็ไม่ใช่คนดีที่หวังจะช่วยพิมพ์ดาราอย่างแท้จริง เขาเพียงต้องการเป็นทนายความให้เธอโดยตรง โดยอาศัยหลักฐานที่มีอยู่เป็นเครื่องต่อรองหวังเปอร์เซ็นส่วนแบ่งการฟ้องร้องเรียกกองมรดกสองหมื่นกว่าล้านของพิมพ์ดารา ต่อให้เป็นเปอร์เซ็นเพียงน้อยนิด แต่ถ้าคิดเป็นเงินแล้วก็จำนวนมหาศาล มันคุ้มค่าที่นายธนากรจะลงทุนลงแรงเก็บหลักฐานมาตลอดสิบกว่าปี
แต่ยังไงก็ตามตอนนี้ไม่มีใครรู้เรื่องนี้อีกแล้ว ชัชวาลก็สามารถครอบครองมรดกได้โดยไม่ต้องกลัวคนมาทวงคืน และพิมพ์ดาราในตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีกต่อไป
ชัชวาลยิ่งคิด ยิ่งเบิกบานใจ แทบกระโดดโลดเต้น เขามีทางออกสำหรับทุกอย่างแล้ว
๑
แนะนำจากคนเขียน
เกริ่นต้นเรื่องนานเลย พระเอกกะนางเอกยังไม่ได้อยู่ด้วยกันซะที แต่ก็ใกล้แล้วครับ ด้วยเนื้อเรื่องค่อนข้างซับซ้อน และความรูสึกนึกคิดตัวละครมีมาก ช่วงต้นเลยแสดงรากฐานของตัวละครยาวเป็นพิเศษ เพื่อปูทางให้ซาบซึ้ง ในบทความรัก ที่คนผิดหวังทั้งสองคนจะมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน และด้วยนิสัยที่แตกต่าง จะสร้างความสนุกและป่วนและซาบซึ่งใจในความรักใหม่ที่เกิดขึ้น ยังไงก็ตามอ่านกันนะครับ
ความคิดเห็น