คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : พยัคฆ์ที่หนึ่ง กระบี่นางฟ้าขาว ปัวโกวเซาะ
บนสะพาน เมืองกุยจิ่ว เป็นสะพานหินสลักข้ามลำห้วยกลางเมืองอันมีชื่อเสียงโด่งดัง ในยามปกติแล้วจะมีผู้คนผ่านไปมามากมาย มีร้านค้าแผงลอยคับคลั่ง แต่วันนี้กลับยังมีที่แปลกประหลาด ผู้คนหลากหลายในตอนนี้ ต่างพากันไปออกันสองฝากฝั่งสะพาน ราวกับบนสะพานนั้นกำลังมีสิ่งใดน่าชมดู
หากแหวกฝูงชนเข้าไปดูจะพบว่า ที่แท้บนสะพานยามนี้ กำลังจะมีเรื่องวิวาทกันระหว่างชาวยุทธจักร ชายยุทธสองคนยืนประจันหน้ากันอยู่สองฝากฝั่งสะพาน
คนทางซ้ายมือ เป็นชายฉกรรจ์วัยกลางคน แต่งตัวหยาบกร้าน สวมหมวกเหล่ยบังแดดลม ในมือมัน ถือโซ่ขอเหล็กเป็นอาวุธ ท่าทีพรักพร้อมลงมือ แต่สีหน้ายังหวาดหวั่นเครียดเคร่งต่อฝ่ายตรงข้าม
คนทางขวากลับยังยืนสงบนิ่งประดุจบรรพตไม่ไหวคลอน ทวงท่าทระนงสุขุม กอดกระบี่ไว้กับอกไม่มีทีท่าหวั่นไหวใดๆ รูปลักษณะคนผู้นี้ดูสง่า ชุดแต่งกายเริดหรู เป็นชุดบู๊อาภรณ์สีขาวราวหิมะ บนศีรษะมีสายคาดมวยผมประดับอัญมณีโดดเด่น ปลายสายคาดโบกไสวไปตามแรงลม ทุกอย่างล้วนดูดีมีชาติตระกูล หากแต่ที่ผิดแปลกกลับอยู่ที่หน้าตา ด้วยริมฝีปากที่หนา กับโหนกแก้มที่เป็นแหลี่ยมนูน เหมือนบ่าวรับใช้ชนบท หลายคนที่ชดดูล้วนวิจารณ์ว่า แต่งกายไม่ได้สมกับใบหน้า แต่มันก็มิได้นำพาต่อเสียงนกเสียงกา นิ่งสงบราวกับน้ำในบ่อ
ชายชุดหยาบ อดรนทนไม่ได้ กล่าวร้องว่า
“ที่แท้ท่านเป็นผู้ใด ถึงติดตามเราไม่เลิกรา”
ชายชุดขาว ยิ้มขึ้นเล็กน้อย ไม่ได้ตอบคำ กลับถามว่า
“ท่านคือ มือขอเหล็ก ทิกวงนั้ง ใช่หรือไม่?”
ชายชุดหยาบยืดอกรับคำ
“ถูกต้อง เราคือ ทิกวงนั้ง แล้วท่านเป็นผู้ใด?”
ชายชุดขาว ไม่ได้ตอบคำ ถามอีกว่า
“หากท่านคือ ทิกวงนั้ง เราก็นับว่าตามได้ไม่ผิดตัว สมควรต้องคิดบัญชีสะสางกัน”
ทิกวงนั้ง งงงันสองวูบ ถามไปสองครั้งแม่งไม่ตอบชื่อแซ่ ตกลงแม่งเป็นใครกูไม่รู้จัก ดังนั้นแปรเปลี่ยนถ้อยคำ ถามอีกว่า
“เราไม่ได้รู้จักท่าน ไม่มีอริบาดหมาง มีบัญชีอันใดต้องสะสาง?”
“เราท่องโดดเดี่ยวพันลี้ ถือกระบี่ในมือสีขาว แต่งชุดก็สีขาว ผู้คนจึงขนานนามว่า กระบี่นางฟ้าขาว ปัวโกวเซาะ”
ทิกวงนั้งดาลเดือดครุ่นคิด ‘ไอ้เชี้ยนี่..กวนตีนได้ใจ ถามอย่าง เสือกตอบอีกอย่างมาโดยตลอด’แต่ฟังว่ามันคือปัวโกวเซาะ ยังอดตระหนกมิได้ ฟังว่าปัวโกวเซาะผู้นี้เป็นหนึ่งในสองพยัคฆ์ หมู่ตึกทรงธรรมบู๊ลิ้ม วันนี้สืบเสาะหาเรา ย่อมต้องมีสาเหตุ ดังนั้นกล่าวว่า
“ที่แท้ก็คือกระบี่ขาว ปัวโกวเซาะ...”
กล่าวได้เพียงเท่านี้ ปัวโกวเซาะพลันชิงจุ๊ปากส่ายปลายนิ้วชี้ เสมือนว่าไม่ถูกต้อง สอดแทรกว่า
“กระบี่นางฟ้าขาว ปัวโกวเซาะ ท่านตกคำว่านางฟ้าไป เนื่องเพราะท่วงท่าเพลงกระบี่เราสวยงามราวกับนางฟ้าร่ายรำ ผู้คนจึงให้สมญากระบี่นางฟ้าด้วย”
ทิกวงนั้งเดือดดาลรำคาญใจ จนหน้าแดงฉาด ดูใบหน้ากับฉายามันมิได้เข้าอารมณ์ กล่าวว่า
“เอาเถอะ.. กระบี่นางฟ้าขาวปัวโกวเซาะ ตกลงข้าพเจ้ามีหนี้แค้นอันใดกับท่าน ขอคำชี้แจ้งให้กระจ่างชัด”
ครั้งนี้ปัวโกวเซาะค่อยตอบเป็นผู้คน กล่าวว่า
“หนี้แค้นสำหรับเรานั้นคงไม่มี แต่หนี้แค้นของสตรีผู้หนึ่งนับว่าสาหัสนัก เมื่อหกเดือนก่อน ท่านไปยังหอฮวยชุนฮัว เรียกอีตัวมาดื่มกิน หนี้สินยังไม่ได้ชำระล้าง ไฉนจึงจากมา”
ทิกวงนั้งสีหน้าแปรเปลี่ยน อุทานดัง อ้า
“ที่แท้หอฮวยชุนฮัวส่งท่านมาราวีเรา”
“มิได้ หออวยชุนฮัวไม่ได้ส่งเรามา เพียงแต่ว่า เรากลับขึ้นห้องสตรีนางเดียวกับท่าน สตรีนางนั้นเสียดายค่าตัวที่ถูกท่านชักดาบ จึงอ้อนวอนขอร้องเราให้ติดตามมาทวงหนี้ ตกลงท่านยินยอมจ่ายหรือไม่...”
ยามนั้นบังเกิดเสียงถ่มถุยน้ำลายจากชาวบ้านกล่าวดังว่า
“ถุย ที่แท้ทำเพื่อกะหรี่ นึกว่าเรื่องอันใด”
ปัวโกวเซาะปลายสายตาเย็นเหยียบ มองดูชาวบ้านผู้กล่าว กล่าวเสียงเย็นชาว่า
“อีตัวก็มีหัวใจ เที่ยวได้แต่ต้องจ่ายเงิน ไฉนจึงดูแคลนกันเช่นนี้”
กระบี่สะท้อนออกจากฝัก ส่องประกายสีเงินแวบเพียงผ่านตา กางเกงชาวบ้านผู้นั้นพลันถูกกรีดขาดหลุดร่วงลง ผู้คนต่างส่งเสียง อ้าฮา อู้ฮู ดังสะท้าน
เสียงอาฮานั้นย่อมยกย่องความรวดเร็วของกระบี่นับว่าหาดูได้ยากยิ่ง ส่วนเสียงอู้ฮู นั้นกลับยกย่องของที่โพล่พ้นกางเกงของชาวบ้านผู้นั้น
ทิกวงนั้งแหงนหน้าหัวร่อ เรียกร้องสายตาของผู้คนให้หันมาอย่าได้สนใจกับสิ่งเซ็นเซอร์ กล่าวอย่างห้าวหาญว่า
“ที่แท้ก็คือเรื่องราวนี้... ตกลง !เราเป็นหนี้ หกสิบตำลึง แต่ตอนนี้มีเพียง สามตำลึงสี่อีแปะ อีกสองเดือนให้หลังจะนำเงินไปชดใช้ เรื่องเพียงเท่านี้คงจบสิ้นแล้วกระมัง”
ปัวโกวเซาะ ยิ้มเยือกเย็น
“ท่านว่าจบสิ้นก็จบสิ้น ระยะเวลาสองเดือนผู้ใดทนรอได้ หากเราไม่ได้เงินวันนี้ ท่านก็อย่าได้หมายจากไป”
ทิกวงนั้งถึงกับนิ่งอึ้ง ลังเลไม่ได้ตัดสินใจ ชาวบ้านพลันโห่ร้องว่า
“ลูกผู้ชายฆ่าได้หยาบไม่ได้ ตามทวงเงินค่าเที่ยวซ่องให้ได้รับความอับอายเช่นนี้ สมควรราวีให้รู้แล้วรู้รอด”
อีกผู้หนึ่งร้องว่า
“ใช่แล้วลูกผู้ชายเที่ยวซ่องไม่จ่ายเงิน ถือว่าเป็นลูกผู้ชายตัวจริง”
เสียงยั่วยุยิ่งมายิ่งมาก ชาวบ้านพวกนี้ยืนมุงดูอยู่ครึ่งค่อนวัน ไหนเลยยินยอมให้เลิกรากันง่ายดาย
ทิกวงนั้งเหงื่อกายแตกพลั่ก นับว่าถูกบีบครั้นจนไม่อาจยินยอม หากวันนี้ยอมจำนนจ่ายหนี้สิน ชาวบ้านพวกนี้คงนำไปล่ำลือเสียหาย ถึงตอนนั้นก็อย่าหมายมีหน้าคลุกคลีอยู่ในยุทธภพอีก ที่สำคัญในตัวมันกลับมีไม่ถึงหกสิบตำลึง พลันคำรามว่า
“วันนี้ ถือว่าผู้แซ่ทิ ถูกบีบครั้นจนไม่มีทางหลีกเลี่ยง ได้แต่ขอเสี่ยงชีวิตสักครา”
กระชับขอเหล็กในมือมั่น สะบัดพุ่งจู่โจมออก
ปัวโกวเซาะนัยน์ตาเปล่งประกาย สะบัดกระบี่ออกจากฝัก แปรเปลี่ยนทวงท่าใช้เพลงกระบี่ รับการลงมือ
เพียงกระบี่ออกจากฝัก ทวงท่าพลันอ่อนช้อย ปลายเท้าก้าวย่างดุจหงส์สา กรีดมือวาดกระบี่ราวกับหญิงสาวบุคลากรจีนเต้นบัลเล่ย์ ทั้งยังมีชะมดชม้ายขยับสีหน้า ขยิบตาวาบหวาน แต่ปราณกระบี่กลับแฝงความรวดเร็ว
ทุกสายตาพอแลเห็นต้องตื่นตะลึง อุทานแทบพร้อมเพรียง
“เพลงกระบี่ กะเทยควาย”
มีบ้างทนดูไม่ได้ถึงกับอ้วกแตกอ้วกแตน ทิกวงนั้งเพียงชะงักงันคลื่นไส้ ขอเหล็กสะดุดหยุดยั้ง กลับถูกทวงท่าเพลงกระบี่นางฟ้าแทงผ่านช่วงท้อง ตกตายอย่างโง่งม
ปัวโกวเซาะเค้นเสียงกล่าวประกาศว่า
“เพลงกระบี่นางฟ้าหาใช้เพลงกระบี่กะเทยควายไม่”
สุ่มเสียงได้ยินเด่นชัด เจตนาไม่ให้ชาวบ้านเรียกขานผิดเพี้ยน พลันชักกระบี่กลับคืนฝัก ปล่อยร่างทิกวงนั้งทรุดกองลงกับพื้น ชาวบ้านต่างเงียบสนิท เพียงกระบวนท่ากระบี่เดียวสามารถลงมือได้หมดจรดนัก “โอ๊ะ.. แหวะ” มีเสียงคลื่นไส้ ติดพันตามมาเล็กน้อย
ปัวโกวเซาะ พลันกล่าวตบท้าย
“เป็นหนี้ผู้อื่นไม่ยินยอมใช้ กลับคิดใช้กำลังเบี้ยวหนี้ ผลสุดท้ายย่อมลงเอยเช่นนี้”
พลางก้มลงค้นของมีค่าในตัวมัน ควานหาได้ สามตำลึงสี่อีแปะ ต้องมีสีหน้าผิดหวัง ครุ่นคิด
‘มันไม่ได้โป้ปดจริงๆ เงินเพียงสามตำลึงไหนเลยเพียงพอใช้หนี้ หากสตรีที่หอฮวยชุนฮัวทราบว่า เราทวงหนี้ไม่สำเร็จ เกรงว่าครั้งหน้าขึ้นห้องคงไม่ให้เราเบิ้ลแล้ว”
พลางถอนหายใจอย่างหดหูก้าวเดินจากไป
ความคิดเห็น