เพียงคำๆนั้น - เพียงคำๆนั้น นิยาย เพียงคำๆนั้น : Dek-D.com - Writer

    เพียงคำๆนั้น

    พิภพหยุดนิ่งแล้วมองเข้าไปในดวงตาของหญิงสาวตรงหน้า พี่รักน้องแพน เขาพูดช้าๆชัดๆ เน้นทีละคำ

    ผู้เข้าชมรวม

    235

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    235

    ความคิดเห็น


    6

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  14 ต.ค. 48 / 12:03 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      หญิงสาวร่างบางในชุดนักศึกษาละสายตาจากหนังสือข้างหน้า เมื่อได้ยินเสียงพูดคุยดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ นี่ขนาดเธอหลบมานั่งที่สวนหลังคณะแล้วนะ ยังมีคนตามมากวนจนได้ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นใคร หน้าใสก็มีรอยยิ้มผุดขึ้นมา

      “ทำไมแพนมานั่งหลบมุมอย่างนี้ล่ะ หาตั้งนาน” เพื่อนสาวผมยาวต่อว่าอย่างไม่จริงจังนัก “ดูดิ๊ เสียตังค์ไปตั้งสิบบาท”

      “ตามหาแพนต้องเสียตังค์ด้วยหรอ” พันธิตาถามอย่างงงๆ

      “ก็ต้องเสียเงินซื้อน้ำเพราะเหนื่อยไง อย่างว่า คนมันแก่แล้วก็เงี้ย” สายชลแอบกัดเพื่อนที่เดินไปทิ้งแก้วน้ำ แล้วทรุดนั่งด้านตรงข้ามกับพันธิตา

      พันธิตาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอ่ยถามเพื่อนทั้งสอง “แล้วไปไหนกันมาหรอ เห็นพอเลิกเรียนแล้วก็รีบวิ่งออกไปเลย”

      เปรมิกาเดินกลับมานั่งข้างๆพันธิตา “ไปประชุมชมรมมาน่ะ พี่โก้บอกว่าจะชวนไปเที่ยวทะเล เสาร์-อาทิตย์นี้แหละ”

      “พวกพี่ๆบอกให้ชวนแพนไปด้วย” สายชลยิ้ม

      คนถูกชวนทำตาโต“แต่แพนไม่ได้อยู่ชมรมบาสเหมือนน้ำกับเปลนี่นา”

      “ไม่อยู่ก็เหมือนอยู่น่ะแหละ” เปรมิกายิ้มให้เพื่อน

      “อะไร พูดอะไรไม่รู้เรื่อง” พันธิตาทำหน้าไม่เข้าใจ

      “นั่นไงคำตอบ” สายชลบุ้ยหน้าไปยังชายหนุ่มร่างสูงที่เดินตรงมาหา หน้าคมมีรอยยิ้มแตะแต้มอยู่

      “หวัดดีครับ” โดยไม่รอคำเชิญ ชายหนุ่มทรุดลงนั่งเมื่อเห็นสิชลเขยิบที่ให้ เขาหันไปสบตากับพันธิตาที่นั่งตรงข้าม

      “แหมพี่ภพ สวัสดีครับแบบไม่เจาะจง แต่สายตานี่กะจะเฮลโหลแค่ตนเดียวเลยนะ” เปรมิกาแซว

      พิภพยิ้มนิดๆ แต่ไม่ได้แย้งอะไร ราวกับจะยอมรับว่าสิ่งที่รุ่นน้องสาวพูดเป็นความจริงและนั่นก็ทำให้คนที่ถูกมองหน้าแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

      “แล้วมีอะไรหรือเปล่าคะเนี่ย เพิ่งเจอกันเมื่อกี้ที่ชมรมเอง เอ...หรือว่าทนคิดถึงน้ำกับเปลไม่ไหว” คราวนี้เป็นสายชลที่เป็นคนเย้าชายหนุ่มรุ่นพี่

      “พี่จะมาชวนน้องแพนไปเที่ยวด้วยกันน่ะ” เขาลูบต้นคอด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ

      “ก็ชวนสิคะ” เปรมิกาตอบนิ่งๆ

      พิภพมองหน้ารุ่นน้องทั้งสองเหมือนจะขอความเป็นส่วนตัวนิดนึง หากที่ทั้งสองทำให้มากที่สุดก็คือการขยับไปนั่งที่มุมโต๊ะอีกด้าน (ก็อยากรู้ว่าคุยอะไรกันอ่ะ หึ)

      “น้องแพนครับ” เขาเปิดฉากเมื่อเห็นว่าสายชลกับเปรมิกายังคงไม่ไปไหนแน่ๆ “คือพี่อยากชวนน้องแพนไปเที่ยวกับชมรมครับ”

      “แต่แพนไม่ได้อยู่ชมรมบาสนี่คะ” หญิงสาวเอียงคอถาม ซึ่งพิภพคิดว่าเป็นกิริยาที่น่ารักมาก

      “ไม่เห็นเป็นไรนี่ครับ น้องแพนก็รู้จักทุกคนอยู่แล้วไม่ใช่หรอ” เมื่อเห็นหญิงสาวพยักหน้า เขาจึงพูดต่อ “อีกอย่าง ทุกคนยังให้มาชวนน้องแพนด้วย”

      เมื่อได้ยินอย่างนั้น พันธิตาจึงยิ้มออกมา “แพนต้องขอแม่ก่อนนะคะ”

      “เดี๋ยวพี่ไปขอให้ก็ได้ค่ะ” ชายหนุ่มตอบเสียงหวาน ทำให้หญิงสาวคู่สนทนาอดใจสั่นกับคำลงท้ายนั่นไม่ได้

      ยังไม่ทันที่พันธิตาจะตอบอะไรออกไป เสียงโทรศัพท์ของพิภพก็ดังขึ้น เขาพูดอะไรกับปลายสายอยู่สองสามคำแล้วจึงวางโทรศัพท์ “เดี๋ยวพี่ต้องไปติวหนังสือให้เพื่อนก่อนนะครับ แล้วยังไงเดี๋ยวเย็นนี้พี่ไปส่งที่บ้านนะ”

      เสียงที่เป็นคำตอบหาได้เป็นคำตกลงของพันธิตาไม่ หากเป็นเสี่ยงโห่แซวของคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องทั้งสอง ส่วนคนถูกชวนก็ได้แต่ยิ้มรับ

      เมื่อลับหลังรุ่นพี่หนุ่ม เปรมิกาก็เริ่มปฏิบัติการซักฟอกเพื่อนสาว
      “เมื่อไหร่แพนจะตอบตกลงเป็นแฟนกับพี่ภพสักทีล่ะ เป็นเปลนะ เสร็จไปนานแล้ว”

      “ก็เขาไม่ได้ขอเราเป็นแฟนนิ” พันธิตาอ้ำอึ้ง

      “ไม่ต้องขอก็น่าจะรู้ ใครๆก็รู้ว่าพี่เขาคิดยังไง ดูอย่างเมื่อกี้ดิ มีคะ มีขา ทีตอนอยู่ในชมรมนะ ศัพท์พ่อขุนกระจาย” สายชลช่วยอีกแรง “หรือว่าแพนไม่ชอบพี่ภพ”

      “ไม่ใช่ไม่ชอบ แต่...ไม่รู้สิ บางทีผู้หญิงก็ต้องการฟังคำนั้นนี่นา แพนไม่เหมือนเปลกับน้ำนะ ที่แบบมองตาก็รู้ใจน่ะ” หญิงสาวพูดเสียงจริงจัง

      “ไม่เหมือนหรอก ยัยเปลอ่ะ มองตาแล้วท้อง ฮ่าๆๆๆ” สิชลเหน็บเพื่อนสาวที่นั่งยิ้มหน้าแป้น ระหว่างที่ทั้งสองมัวแต่ทะเลาะกันอยู่ พันธิตาก็หวนนึกไปถึงวันแรกที่เจอกับรุ่นพี่ที่แสนดีคนนี้

      วันนั้นเป็นวันรับน้องของคณะ พวกรุ่นพี่ไม่ได้พาไปไหนไกล แต่ให้ค้างที่คณะแทน และทำกิจกรรมภายในมหาวิทยาลัย (เพื่อนชายหลายคนแอบเหน็บว่ารุ่นพี่ขี้งก) พันธิตาจับกลุ่มอยู่กับเปรมิกาและสายชลเนื่องจากเป็นเพื่อนมาด้วยกันตั้งแต่มัธยมปลาย กิจกรรมทั้งหมดผ่านไปได้ด้วยดี มีหัวเราะ ร้องไห้กันบ้าง จนกระทั่งตอนรวมกลุ่มครั้งสุดท้ายก่อนจะได้กลับบ้าน มีเพื่อนผู้หญิงหลายคนที่กลับเข้ามาช้าเพราะมัวแต่ล้างคราบสกปรกที่ติดมาจากการเล่นซุ้มต่างๆ และพอพวกเธอเข้ามาถึงก็ถูกเรียกออกไปยืนตรงกลางและถูกทำโทษ

      จนกระทั่งพี่ที่ทำหน้าที่เป็นพี่ว้ากสองคนเดินเข้ามา คนหนึ่งเป็นคนผมยาวหน้าดุ หนวดเคราเต็มหน้า (ซึ่งตอนหลัง เอาหนวดออกแล้วก็ยังน่ากลัวอยู่ดี) ส่วนอีกคนเป็นผู้ชายร่างสูง หน้าตาคมเข้มทำให้เพื่อนเธอหลายคนออกอาการติดอกติดใจ กลับมาที่บทลงโทษต่อ รุ่นพี่ทั่งสองทำหน้าที่ว้ากเพื่อนร่วมรุ่นของเธอจนหนึ่งในนั้นเริ่มจะร้องไห้ และถึงแม้ว่าจะร้องออกมาเท่าไหร่ พวกรุ่นพี่ก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุด คนอื่นๆและตัวเธอเองก็เข้าใจว่าการว้ากอาจจะช่วยในการสร้างความสามัคคี แต่ถ้าเป็นอย่างนี้เธอก็ทนไม่ได้เหมือนกัน เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว หญิงสาวร่างเล็กจึงทนไม่ไหว โพล่งออกมาท่ามกลางนักศึกษาใหม่และนักศึกษาเก่าที่นั่งเรียงรายกันอยู่

      ‘พอเถอะค่ะ’ และนั่นก็ทำให้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่หล่อน ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนสนิทอย่างเปรมิกาและสายชลที่อ้าปากค้างอย่างตกใจ และนั่นก็ทำให้รุ่นพี่คนต้นเหตุมองเธออย่างพิจารณา
      ‘ก็เข้าใจนะคะ ว่าการว้ากน่ะ มันเป็นธรรมเนียมของการรับน้อง แต่พี่ไม่คิดบ้างหรอคะว่านี่มันออกจะเกินไปหน่อย’

      แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อพี่ว้ากคนที่หน้าตาไม่รุงรังส่งยิ้มมาให้เธออย่างอ่อนโยน ในวินาทีนั้น เธอคิดว่าเธออาจจะต้องโดนบทลงโทษด้วยเป็นแน่ แต่เมื่อเสียงปรบมือจากทั่วห้องดังขึ้น เธอก็ค่อยโล่งอก เหลือบไปเห็นเพื่อนร่วมรุ่นคนที่ร้องไห้ ก็เห็นว่าเขาปรบมือให้เธอด้วยเหมือนกัน เธอมารู้ทีหลังว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นรุ่นพี่ แต่ปลอมตัวมาอยู่รุ่นเดียวกัน (แถมยังเป็นนางเอกละครเวทีอีก มิน่า ร้องไห้ตามใจสั่งได้) และรุ่นพี่ทั้งหมดก็อยากรู้ว่าจะมีรุ่นน้องคนไหนออกมาปกป้องเพื่อนบ้าง ซึ่งทั้งหมดก็สารภาพว่าแปลกใจที่ฮีโร่กลายเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ไม่ได้เป็นชายหนุ่มมาดแมนอย่างที่คิดกันไว้

      และจากเหตุการณ์นั้น ทำให้พันธิตาเป็นที่รู้จักของคนทั้งคณะและมันก็ทำให้เธอได้รู้ว่า แท้จริงแล้ว พี่ว้ากคนที่เพื่อนเธอหลงปลื้มกันนั้น เป็นชายหนุ่มเนื้อหอมของคณะ เข้าสูตรรูปหล่อพ่อรวย บวกเรียนเก่งไปด้วย แถมเป็นนักกิจกรรมตัวยง

      หลังจากวันรับน้อง รุ่นพี่คนที่ว่านี้ก็เข้ามาสานความสัมพันธ์กับเธออย่างเปิดเผย ไม่แคร์สายคนรอบข้าง หากแต่เธอยังไม่ตอบตกลงอะไร แม้ว่าจะมีใจให้เขาอยู่ไม่น้อยก็ตาม นี่ก็สามปีแล้ว แต่ก็เหมือนว่าเขาเข้าใจเธอดี และยังคงเสมอต้นเสมอปลายกับเธอมาตลอด



      “เล่นตัวอย่างนี้ ระวังจะถูกแย่งนะจ๊ะ” เสียงของสายชลดึงพันธิตากลับสู่โลกปัจจุบัน

      “ฉันเนี่ยแหละจะแย่ง” เปรมิกาทำหน้าจริงจัง “ทั้งหล่อ ทั้งแสนดี รวยอีกต่างหาก แถมยังเป็นประธานนักศึกษาของคณะอีก นี่ยังไม่นับการเป็นรองประธานชมรมบาสของมหา’ลัยนะ”

      “เค้าคงเอาแกหรอกย่ะ” สายชลแดกดัน “เขามีสาวน่ารักอ่อนหวานอย่างหนูแพนของเราอยู่แล้ว เรื่องอะไรจะมายุ่งกับม้าดีดกะโหลกอย่างแก”

      “นี่แกว่าฉันเป็นม้าดีดกะโหลกหรอ ยังลิงจ๋อหน้าแบน”

      “หน้าฉันไม่ได้แบนสักหน่อย”

      “ฉันหมายถึงหน้าอกย่ะ แบร่” ว่าแล้ว เปรมิกาก็ลุกขึ้นวิ่งหนีสิชลที่โมโหเป็นการใหญ่ พันธิตาเห็นภาพเพื่อนทั้งสองแล้วก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++

      ทันทีที่เดินเข้ามาในบ้าน พันธิตาก็เห็นมารดาของตนเองนางคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องรับแขก คุณแพรทิพย์วางสายจากคู่สนทนาและหันมายิ้มให้

      “ทำไมวันนี้กลับเร็วจังจ๊ะ อ้าวตาภพก็มาด้วยหรอลูก” ประโยคหลังหันไปทักเพื่อนรุ่นพี่ของลูกสาวที่เดินตามมาติดๆ

      “สวัสดีครับ” พิภพยกมือไหว้อย่างคุ้นเคย

      พันธิตาวางหนังสือเรียนลงบนโต๊ะแล้วจึงเข้าไปกอดมารดาอย่างประจบประแจง

      “เอ...มากอดแม่อย่างนี้ มีอะไรหรือเปล่า” ผู้สูงวัยกว่ารู้ทัน

      “เอ่อ...” พันธิตาอึกอัก เธอมองไปยังพิภพที่นั่งยิ้มอยู่บนโซฟาตัวข้างๆ

      “คือที่จริงผมจะมาขออนุญาตพาน้องแพนไปเที่ยวกับชมรมสุดสัปดาห์นี้น่ะครับ” ชายหนุ่มเปิดประเด็น

      “แล้วจะไปไหนกันล่ะจ๊ะ” ถามอย่างใจดี

      “ไปหัวหินน่ะครับ พอดีเพื่อนมีบ้านพักอยู่ที่นั่นน่ะครับ”

      “ก็ดีนะลูก ถือว่าไปพักสมองก่อนสอบ” คุณแพรทิพย์พูดเป็นเชิงอนุญาต

      “ขอบคุณค่ะแม่” หญิงสาวหอมแก้มมารดาอย่างรักใคร่

      “จ้าๆ ยังไงภพก็อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวพ่อยัยแพนก็กลับมาแล้วล่ะ” พิภพกลายเป็นแขกประจำของบ้านพันธิตาได้ไม่ยาก เมื่อเขาสามารถใช้ความสุภาพและความจริงใจเอาชนะใจผู้ปกครองทั้งสองของหญิงสาวได้

      “วันนี้คงต้องขอตัวนะครับ พอดีผมนัดกับคุณแม่ไว้” ชายหนุ่มเอ่ยปฏิเสธอย่างสุภาพ

      “อ้าว...เอางั้นก็ได้จ๊ะ”

      “งั้นเดี๋ยวผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” พิภพลุกขึ้นยืนแล้วลาคุณแพรทิพย์

      “จ๊ะๆ แพนไปส่งพี่เขาหน่อยสิลูก”

      พันธิตาเดินนำหน้าชายหนุ่มไปยังรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน

      “ขับรถดีๆนะคะ” หญิงสาวยิ้มให้อย่างอ่อนหวาน

      “ครับ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่มารับนะ” ชายหนุ่มเปิดประตูรถ พลางหันมามองเจ้าของบ้านด้วยสายตาอ่อนโยน

      “ค่ะ” พันธิตายิ้มให้เขาอีกครั้ง ก่อนจะหันเดินกลับเข้าบ้านเมื่อเห็นรถคันสวยแล่นออกไปแล้ว
      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++

      ชายทะเลหัวหินก็คงจะเหมือนกับชายทะเลที่อื่นๆ แต่สิ่งที่ทำให้แตกต่างกันก็คงจะเป็นแค่ว่าไปกับใครก็เท่านั้น นึกถึงตรงนี้ หญิงสาวร่างเล็กในเสื้อยืดสีสดกับกางเกงเลเสีเข้มก็หันไปมองชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังยุ่งอยู่กับกระเป๋าของเธอและเพื่อนๆเธออยู่ท้ายรถ

      “พี่ภพคะ เดี๋ยวแพนถือของแพนเองก็ได้” พันธิตาเอื้อมมือหมายจะไปหยิบกระเป๋าของเธอจากมือใหญ่ แต่ก็ต้องชักกลับมาเมื่อเห็นเจ้าของมือส่งสายตาดุๆมาให้

      “ไม่เอาค่ะ พี่ถือให้น่ะดีแล้ว เผื่อน้องแพนจะเห็นความดีของพี่บ้าง” เขาพูดด้วยสายตากรุ้มกริ่มจนพันธิตาต้องเสมองไปทาอื่น แล้วก็หันไปเห็นเปรมิกาโบกมือมาให้จากชั้นสองของบ้านพัก จึงขอตัวไปหาเพื่อน แล้วทิ้งให้ชายหนุ่มง่วนกับกระเป๋าเพียงลำพัง
      +++++++++++++++++++++++++++++++++++

      “บ้านสวยจังเนอะ” สายชลเอ่ยขึ้นเมื่อพิภพเอากระเป๋ามาวางให้เรียบร้อย ก่อนจะขอตัวไปหาเพื่อนๆที่นั่งรออยู่ข้างล่าง

      “ไม่น่าเชื่อว่านายโก้จะมีบ้านสวยอย่างนี้ด้วย” โบว์ นักบาสรุ่นพี่แสดงความแปลกใจ “ว่าแต่มากันทั้งหมดกี่คนเนี่ย เห็นนั่งรถแยกกันมา เลยไม่รู้เลย”

      “ทริปนี้มีคนมาทั้งหมด 22 คน ผู้ชายสิบสอง ผุ้หญิงสิบ ผู้ชายก็มีโก้ ภพ แมน บอย โอม แบงค์ เบียร์ อาร์ท แป๊ะ วิทย์ ญาตินายวิทย์ แล้วก็เจ้าของบ้านหลังนี้ ส่วนผู้หญิงก็สิบคน ฉัน แก ตาล แป้ง อู๋ บัว จี้ น้ำ แพน แล้วก็เปล คนอื่นบอกว่า มาค้างแค่คืนเดียวมันไม่หนุก รอมาครั้งที่ค้างนานๆดีกว่า” เดียร์ ร่ายยาว สมกับเป็นผู้จัดการทีมบาสเอกบัญชี (เกี่ยวกันตรงไหนเนี่ย)

      “แล้วพวกพี่ๆคนอื่นๆล่ะคะ” เปรมิกาถาม

      “ใกล้มาถึงแล้วล่ะ เอาเป็นว่าพวกเราจัดของกันก่อนดีกว่า จะได้ลงไปเล่นทะเลกัน” พี่สาวคนเดิมตอบ

      ตกลงกันไว้แล้วก่อนมาว่าผู้หญิงจะได้เลือกห้องก่อน ดังนั้นเมื่อมาถึง ห้องที่สามารถมองเห็นวิวได้ก็ตกเป็นของฝั่งผู้หญิงโดยปริยาย บ้านหลังนี้เป็นบ้านไม้สองชั้นติดทะเล ด้านล่างมีห้องรับแขก แยกเป็นสัดส่วนกับห้องครัวและห้องกินข้าว ส่วนด้านบนก็แบ่งเป็นสองห้องใหญ่ๆ เรียกว่าสร้างขึ้นเพื่อการสังสรรค์โดยเฉพาะ

      “แล้วใครเป็นเจ้าของบ้านหรอคะ” สายชลยังไม่หมดคำถาม

      “เห็นว่าเป็นเพื่อกับนายโก้น่ะ รู้สึกจะชื่อระวินอยู่วารสารน่ะ” เดียร์ยังคงเป็นคนที่รู้มากที่สุด

      “แล้วญาติพี่วิทย์ล่ะคะ” เปรมิกาถามบ้าง

      “อันนี้ไม่รู้ มันไม่บอกอะไร”

      เปรมิกาก็ได้แต่พยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหันไปสนใจกระเป๋าเสื้อผ้าตัวเองต่อ
      +++++++++++++++++++++++++++++++++++



      เมื่อแสงแดดเริ่มอ่อนแรงลง หนุ่มสาวชมรมบาสก็ออกไปทำกิจกรรมต่างๆที่ชายหาด บ้างก็ว่ายน้ำ บ้างก็เตะบอล(อันนี้หนุ่มๆ) บ้างก็จับเข่าเม้าท์กัน(อันนี้สาวๆ) บ้างก็นอนเฉยๆ ส่วนที่เหลือก็จัดแจงเตรียมอาหารเย็นอยู่ในครัว พันธิตาเปิดตู้เย็นเพื่อจะหยิบพริกหยวกออกมาหั่น ในขณะที่รุ่นพี่สาวอีกสองคนกำลังหั่นเนื้อ และรุ่นน้องผู้ชายถูกบังคับให้มาเสียบไม้สำหรับบาร์บีคิว กำลังทำอยู่เพลินๆ วิทย์ก็เดินเข้ามาหาพลางแนะนำญาติให้เพื่อนๆรู้จัก

      “นี่ๆๆๆ หยุดทำก่อนดิ๊” เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนละสายตาจากภารกิจแล้ว เขาจึงพูดต่อ “นี่มาร์คญาติฉัน มาร์ค นี่แพน บัว จี้ แล้วก็แบงค์”

      มาร์คยิ้มทักทุกคน เขาเป็นชายหนุ่มลูกครึ่งไทย-อเมริกัน มารดาของเขาเป็นน้องสาวแท้ๆของมารดาวิทย์ ส่วนบิดาเขาเป็นคนอเมริกัน มาร์คเรียนอยู่ที่เดียวกัน แต่เรียนอยู่แผนกนานาชาติ ดังนั้นเวลาปิดเทอมกับเปิดเทอมจะไม่เหมือนกัน

      “แพนพูดกับเขาสิ แพนอยู่เอกอังกฤษไม่ใช่หรอ” บัวเริ่มหวาดกลัวกับการสปีกอิงลิช และวิทย์ก็เดินออกจากครัวไปแล้ว

      “อ้าว พี่บัว…” พันธิตาทำหน้างง

      “ผมพูดไทยได้ฮะ” ชายหนุ่มยิ้ม

      “อ้อ ค่อยยังชั่ว” คราวนี้เป็นจี้ที่พ่นลมออกจากปากด้วยความโล่งใจ

      “มีอะไรให้ผมช่วยไหมฮะ”

      “มาร์คไม่ออกไปอยู่ข้างนอกล่ะ ในนี้ร้อนจะตาย” บัวเกรงใจ

      “ผมอยากมาพักบ้างฮะ เล่นจนเหนื่อยแล้ว” เขายิ้มให้อีกครั้ง

      “งั้นช่วยแพนหั่นพริกละกัน ระวังแสบตาล่ะ”

      มาร์คหันไปหาหญิงสาวร่างเล็กและขอให้เธอช่วยสอนวิธีการหั่นอย่างถูกต้อง

      ผ่านไปครู่เล็กๆ ความสนิทสนมระว่างมาร์คกับเพื่อนใหม่สี่คนก็เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกับพันธิตา หญิงสาวหัวเราะออกมาบ่อยๆกับสำเนียงแปลกๆของเขา และนั่นก็ทำให้ชายหนุ่มที่ยืนมองอยู่ที่หน้าประตูอารมณ์เสียขึ้นมาทันที

      “น้องแพน” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นทำให้หญิงสาวเจ้าของชื่อหันไปมองทางต้นเสียง “พี่ช่วยนะครับ”

      ว่าแล้ว ชายหนุ่มก็เดินเข้ามาหาพันธิตา หยิบมีดที่วางอยู่ขึ้นมาหั่นสับปะรดอย่างคล่องแคล่ว

      “พี่ภพเก่งจังค่ะ” หญิงสาวเอ่ยชมอย่างทึ่งๆ

      “นี่นายไม่คิดช่วยพวกฉันบ้างหรอไง” จี้ถามอย่างเคืองๆ

      “ม่ายอ่ะ” เขาตอบตรงๆ แต่ก็ไม่มีใครว่าอะไร เพราะรู้ว่าเพื่อนหนุ่มคงออกอาการหึงหนุ่มลูกครึ่งที่ยังไม่รู้เรื่องอะไร และพิภพมักจะเป็นอย่างนี้เสมอเมื่อมีใครเข้ามาทำท่าสนอกสนใจพันธิตา

      แบงค์สะกิดมาร์คให้มาช่วยเขาเสียบผักกับเนื้อแทน เมื่อเห็นมาร์คนั่งลงใกล้ๆแล้ว จึงกระซิบเบาๆถึงเหตุผล

      มาร์คยิ้มออกมาเมื่อรู้ว่าพิภพคิดว่าเขาชอบพันธิตา เพราะความเป็นจริงแล้วเขาไม่ได้คิดอะไรนอกจากการที่พันธิตาคุยสนุกเท่านั้นเอง

      “แบงค์จะเล่นตลกใช่มั้ย” บัวหมายถึงการแสดงคืนนี้

      “ใช่ฮะพี่ ผมมีมุขเด็ดเพียบ”

      “แล้วนายล่ะภพ”

      ชายหนุ่มเงียบไปเหมือนใช้ความคิด แล้วก็พูดออกมาเบาๆ “ไม่รู้สิ แต่คงต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว”

      “พูดอะไร งง” บัวว่าแล้วก็หันไปสนใจกับเนื้อหมูตรงหน้าต่อ
      ++++++++++++++++++++++++++++++++++++



      บาร์บีคิวบนชายหาดมื้อนั้นเป็นไปอย่างสนุกสนาน กองไฟที่จุดไว้ทำให้อากาศเย็นๆในช่วงค่ำอบอุ่นขึ้นมาบ้าง มีทั้งการร้องเพลง ละครเล็กๆ และการเล่นตลก ซึ่งอย่างหลังดูเหมือนจะเรียกเสียงหัวเราะได้มากที่สุด และเมื่อหนังท้องเริ่มตึง เสียงพูดคุยก็ดังขึ้น จนกระทั่ง หัวหน้างานใหญ่เดินถือกีตาร์ตัวเก่งออกมานั่งตรงขอนไม้ด้านหน้า

      “เอ้า เงียบๆกันหน่อยทุกคน” โก้ดีดกีตาร์เบาๆเรียกความสนใจ “วันนี้เราได้รับเกียรติจากชายหนุ่มผู้อาภัพมาร้องเพลงให้พวกเราฟัง ส่วนจะอาภัพอะไรก็ขอเชิญรับฟังได้เลยคร้าบ”

      เสียงปรบมือดังไปทั่วชายหาด ชายหนุ่มออกอาการหวั่นนิดๆ แต่เมื่อเหลือบไปเห็นรอยยิ้มของพันธิตาที่นั่งอยู่กับเพื่อนสาวก็มีกำลังใจขึ้นมา

      เสียงอินโทรของกีตาร์ทำให้เสียงปรบมือเงียบลง และเมื่อเสียงทุ้มดังขึ้นมา ทั้งหมดก็เหมือนกับตกอยู่ในภวังค์

      “มีคนคนหนึ่งที่ไม่ได้ดีพร้อมทุกอย่าง”

      “ยังจะเอาอะไรอีก แค่นี้ก็ไม่มีใครเทียบได้แล้ว” เสียงของเปรมิกาขัดขึ้นมาเบาๆให้พอได้ยินกับสายชล

      “และยังเป็นคนไม่ค่อยน่าสนใจ”

      “แต่ผู้หญิงวิ่งตามเป็นพรวน” คราวนี้เป็นสายชล

      “เขาไม่ได้ทำอะไรที่ดูมีความหมาย”

      “เป็นถึงประธานนักศึกษาเนี่ยนะ” – เปรมิกา

      “เป็นแค่คนหนึ่งคน”

      “ก็ถ้าสองคนก็ฝาแฝดแล้ว” – สายชล (มีแอบหัวเราะเบาๆด้วย)

      “หน้าตาก็ธรรมดาค่อนข้างไม่พิเศษ”

      “งั้นโลกนี้ก็คงไม่มีคนหน้าตาดีเลยมั้ง” – เปรมิกา

      “ไม่ค่อยสวยงามอย่างคนไหน”

      “ก็หล่อนี่หว่า” – สายชล

      “และยังเป็นคนที่ไม่ค่อยมีความมั่นใจ”

      “แล้วใครมาว้ากตอนรับน้องเนี่ย” – เปรมิกา

      “ไม่ ไม่ สักอย่าง”

      “ไหม้ ก็กินไม่ได้ดิ อิอิอิ” – สายชล

      “แต่ที่คนนี้เขามีคือความรัก ความรักที่ยิ่งใหญ่”

      “ใหญ่จริงเร้อ” – เปรมิกา

      “ถ้าหากว่าเขามอบให้กับใคร เขาให้ตลอดกาล”

      “อันนี้ก็ต้องดูกันไป” – สายชล

      “คำถามก็คือเธออยากชอบคนไม่พิเศษ”

      “อยากดิ” – เปรมิกา

      “ไม่ค่อยสวยงามดูบ้างไหม”

      “ก็บอกว่าอยากไง เนอะ” – สายชลหันไปพยักเพยิดกับเพื่อนสาว

      “เพราะคนคนหนึ่งที่ไม่ค่อยมีความมั่นใจ หลงรักเธอมานานแล้ว”

      “เขารู้กันทั้งมหา’ลัยแล้ว” – เปรมิกา

      “เพราะมีคนหนึ่งที่ไม่ค่อยมีความมั่นใจ มาขอรักเธออยู่ตรงนี้”

      “ว้าย...เขิน” – สายชล

      “เพราะมีคนหนึ่งที่ดูไม่ค่อยน่าสนใจ มาขอรักเธอจะยอมไหม”

      “ยอมป่าววะ แพน” เปรมิกาหันไปถามเพื่อนสาวที่นั่งหน้าแดงอยู่ข้างๆ

      เมื่อจบเพลง เสียงโห่ฮาก็ดังขึ้น พันธิตาอายจนอยากจะหนีไปให้ไกล พยายามคิดว่าคนที่ร้องคงไม่ได้หมายความอะไรเป็นพิเศษ แต่เมื่อสบตากับเขา ก็รู้สึกเขินขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

      พิภพลุกขึ้นและเดินไปหาหญิงสาวที่เขาหลงรักตั้งแต่แรกพบ ไม่สนใจเสียงแซวของคนรอบข้าง

      “ไปเดินเล่นกันไหมครับ” เขาย่อตัวลงเพื่อจะให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกันกับหญิงสาว

      พันธิตาพยักหน้าเบาๆแล้วจึงวางมือลงบนมือใหญ่ที่ยื่นออกมารับ

      ทั้งสองเดินออกมาจากบริเวณกองไฟเพื่อความเป็นส่วนตัว ลมทะเลเริ่มพัดแรงขึ้น แต่ทั้งคู่กลับรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างประหลาด

      “หนาวไหมคะ” เขาถามอย่างเป็นห่วง

      “ไม่ค่ะ” เธอตอบเขาทั้งที่หน้ายังคงก้มมองพื้นทรายอยู่

      “น้องแพนคะ” เขาหยุดเดิน นิ้วชี้แข็งแรงเชยคางมนของหญิงสาวให้เงยหน้ามาสบตาเขา “น้องแพนรู้ใช่ไหมคะว่าพี่ร้องเพลงเมื่อกี้ให้น้องแพน”

      “ไม่รู้หรอกค่ะ ก็พี่ภพไม่ได้บอกนี่คะว่าร้องให้แพน” พันธิตายังคงอิดออด

      “ว้า...พี่อุตส่าห์สบตาขนาดนั้นแล้วนะเนี่ย” ชายหนุ่มแกล้งถอนหายใจ “งั้นพี่บอกให้รู้เลยก็ได้ ว่าพี่ร้องเพลงเมื่อกี้ให้น้องแพน”

      พิภพหยุดนิ่งแล้วมองเข้าไปในดวงตาของหญิงสาวตรงหน้า “พี่รักน้องแพน” เขาพูดช้าๆชัดๆ เน้นทีละคำ

      พันธิตายิ้มออกมาอย่างดีใจ “แพนก็รักพี่ภพค่ะ” ไม่จำเป็นแล้วที่ต้องรอการพิสูจน์อะไรอีก สิ่งที่ผู้ชายคนนี้ทำให้เธอ มันมากเพียงจะบอกเธอแล้ว ว่าเขารักเธอแค่ไหน

      และสิ้นคำของหญิงสาว พิภพก็ดึงเธอเข้าไปกอด “น้องแพนรู้ไหมคะว่าพี่รอเวลานี้มานานแค่ไหน ที่จริงพี่ก็มีความสุขกับความสัมพันธ์ของเรานะ แต่พี่กลัว พี่กลัวว่าจะมีใครมาแย่งน้องแพนไป” เขาสารภาพ “วันนี้ตอนพี่เห็นมาร์คเข้ามาคุยกับน้องแพนอย่างสนิทสนมพี่เลยทนไม่ได้ คิดว่าต้องทำอะไรให้มันเด็ดขาดสักที”

      “มาร์คเขาไม่ได้มาชอบแพนสักหน่อย” เสียงใสๆดังอู้อี้จากอกกว้าง

      “ไม่รู้แหละ จากนี้ไปพี่จะไม่ยอมให้ใครมาเจ๊าะแจ๊ะกับน้องแพนแล้ว” เขาหมายมาด

      “เว่อร์เกินไปแล้วค่ะ” พันธิตาดันตัวออกจากอ้อมกอดแข็งแรง “ป่านนี้ทุกคนคงกำลังนินทาเราอยู่แน่เลย ยิ้มอะไรคะ” ประโยคหลังถามชายหนุ่มที่จู่ๆก็ยิ้มขึ้นมา

      “พี่ชอบจัง คำว่า ‘เรา’ ที่น้องแพนพูด” เขายิ้มอีกครั้ง และเขาก็ก้มลงไปหาหญิงสาวช้าๆ ริมฝีปากเรียวประทับกับริมฝีปากอิ่มอย่างอ่อนโยน เนิ่นนาน ก่อนที่เขาจะยอมปล่อยเธอเป็นอิสระ

      พันธิตายิ้มให้คนรักอย่างเขินๆ ก่อนจะพากันเดินกลับไปยังที่พัก

      เมื่อกลับมาถึง ปรากฏว่าไม่มีใครพูดอะไรให้ทั้งสองได้อาย พิภพเดินไปส่งแฟนสาวที่หน้าห้อง เมื่อเห็นว่าเป็นเวลาดึกพอสมควรแล้ว

      “หลับฝันดีนะครับ แล้วอย่าลืมฝันถึงพี่ด้วยล่ะ” เขาออดอ้อน

      “ไม่เอาหรอกค่ะ” หญิงสาวปฏิเสธหน้าตาเฉย ทำเอาชายหนุ่มหน้าเสีย แต่ก็ยิ้มออกมาเพราะประโยคถัดไป “แพนไม่ให้พี่ภพอยู่ในฝันหรอกค่ะ เพราะพี่ภพอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงของแพน”

      พิภพปล่อยมือแฟนสาวหมาดๆอย่างเสียดาย เมื่อได้ยินเสียงเพื่อนเรียกให้ไปช่วยเก็บของข้างล่าง

      พันธิตาเดินเข้าไปในห้องแล้วก็พบกับสายตาอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนสาวและรุ่นพี่รุ่นน้อง แต่เธอไม่กลัวหรอก จะเล่าให้ฟังก็ได้ ก็เธอมีความสุขนี่นา
      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++

      นี่ลงรวดเดียวเลยนะเนี่ย 555 ยาวไปหน่อยนะคะ คิดว่าเป็นอย่างไรก็เมนท์ไว้ได้นะคะ รับรองว่ามีภาคต่อแน่ค่ะ แต่อุบไว้ก่อน ขอบคุณค่ะ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×