ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] Love Shuffle (SHINee)

    ลำดับตอนที่ #8 : Love Shuffle : Chapter 8

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 390
      0
      1 พ.ย. 54

    Chapter 8

     

                “เรากลับบ้านก่อนนะ มินโฮ” คีย์ลามินโฮหลังจากเลิกเรียน เตรียมตัวจะกลับบ้าน แต่ว่ามินโฮก็เอาตัวไปกั้นคีย์ไม่ให้เดินออกจากห้องไปซะก่อน

     

                “วันนี้ไปห้างกัน” มินโฮชวนคีย์

     

                “ไปห้างหรอ? เราว่ามินโฮชวนจินกิกับจงฮยอนไปดีกว่านะ” คีย์แนะนำมินโฮ เพราะไปกับตัวเองที่เดินห้างไม่เป็นคงไม่สนุก

     

                “ก็ที่ชวนนายไปเพราะเราจะเริ่มกันวันนี้เลย”

     

                “?”

     

                “นายจะเปลี่ยนตัวเองไม่ใช่หรือไง เราจะเริ่มกันวันนี้เลย” มินโฮพูดจบก็คว้ากระเป๋า แล้วคีย์กับมินโฮก็เดินออกจากห้องไปด้วยกัน

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

                “กว่าจะมาได้นะมึง.. ว๊าวว คีย์ก็มาหาฉันด้วยเหมือนกันหรอเนี่ย~~ ที่แท้คนที่อยากเจอฉันคือคีย์เองหรอ”

     

                ตอนแรกจงฮยอนเห็นมินโฮก็บ่นเพราะตัวเองรอมาได้สักพักแล้ว แต่พอเห็นคีย์ที่เดินมาด้วยกันก็ยิ้มดีใจใหญ่ เพราะมินโฮบอกว่าเหตุผลที่นัดจงฮยอนมา เพราะใครบางคนอยากเจอ

               

                “แล้ว..จินกิไม่มาด้วยหรอ จงฮยอน” คีย์ถามถึงจินกิ กับจงฮยอน เพราะนึกว่ามินโฮชวนไปทั้งสองคนซะอีก แต่กลับเห็นจงฮยอนแค่คนเดียว

     

                “คีย์อ่า ฉันอยู่ตรงนี้นะ อย่าถามถึงคนอื่นสิ” จงฮยอนน้อยใจคีย์ได้ไหมเนี่ย ที่ถามถึงจินกิ

     

                “แค่แปลกใจนี่นา ที่ไม่เห็นจินกิอยู่กับจงฮยอน” คีย์พูดอย่างรู้สึกผิดเมื่อจงฮยอนพูดอย่างนั้น

     

                “ตอนนี้มีแค่ฉันก็พอแล้วล่ะคีย์ ฮี่ฮี่.. แล้วมึงก็ไปได้แล้ว มึงพาคีย์มาเจอกูแล้วนี่” จงฮยอนพูดกับคีย์จบก็หันไปพูดกับมินโฮ

     

                “มึงโง่มาก คือกูหลอกมึงอ่ะ 55

     

                “มึงก็ชั่วมากไอ้โฮที่หลอกกู ที่แท้มึงก็มีจุดประสงค์จะใช้กู โถ่ๆๆ แล้วมึงก็ใช้ข้ออ้างที่ทำให้กูมา และมึงก็เอาคีย์มาให้กูดีใจเล่นๆ” จงฮยอนว่ามินโฮเป็นชุด

     

                “ที่กูเรียกมึงมาก็เพราะคีย์จริงๆนะเว้ย คือกูรู้ว่ามึงเป็นคนตามแฟชั่นแล้วมึงก็แต่งตัวเก่ง คือคีย์เขาอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดูดีกว่าเดิมอ่ะ กูเลยคิดว่ามึงคงจะช่วยได้” มินโฮเริ่มเข้าเรื่องหลังจากนอกเรื่องมานาน

     

                “โอ้วว มึงตาแหลมมากที่เลือกกู มึงคิดถูกแล้ว! คีย์ไว้ใจฉันได้เลย เรื่องอย่างนี้ฉันเอาความหล่อเป็นประกัน”

     

                “ก็ใช่สิ มึงไม่มีความสูงให้เอาเป็นประกันนี่ 5555” มินโฮล้อจงฮยอนเรื่องความสูงอีกจนได้ จงฮยอนอยากจะลงมือกับมินโฮจริงๆ แต่คีย์อยู่ต่อหน้า จงฮยอนต้องทำตัวเป็นคนดี

     

                “รบกวนด้วยนะจงฮยอน”

     

                “งั้นก็ไปกันเถอะ” มินโฮพูดจบรถเมล์ก็มาพอดี ทั้งสามคนจึงขึ้นรถเมล์ไป

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

                 จงฮยอนนำคีย์กับมินโฮมาที่ร้านแว่นตา แล้วจงฮยอนก็ดันคีย์ให้ไปนั่งลงตรงที่เครื่องตรวจวัดสายตา พร้อมกับถอดแว่นตาหนาๆของคีย์ออก

     

                “พี่ครับ วัดสายตาให้เขาหน่อยครับ” จงฮยอนบอกกับพนักงานในร้านที่กำลังยืนอยู่ สักพักพนักงานคนหนึ่งก็เดินมานั่งตรงที่ตรวจวัดสายตาให้คีย์

     

                “เอาคางวางลงเลยนะคะ แล้วมองไปที่บ้านตรงกลางนะคะ” พนักงานบอกกับคีย์ คีย์หันไปมองจงฮยอนอย่างงงๆ พร้อมกับทำตามที่พนักงานบอก

     

                “เสร็จแล้วค่ะ” พนักงานบอกกับคีย์

     

                “คือจะซื้อคอนแทคเลนส์ให้คนนี้น่ะครับ เอาค่าสายตาตามนั้นเลย ช่วยแนะนำแล้วก็สอนเขาด้วยนะครับ”

     

                 จงฮยอนบอกกับพนักงานขายว่าจะซื้อคอนแทคเลนส์ให้คีย์ คีย์หันมาชี้ตัวเองกับจงฮยอนด้วยความแปลกใจ จงฮยอนพยักหน้าให้คีย์ พนักงานก็บอกให้คีย์เดินตามไป คีย์ก็ได้แต่เดินตามไป ส่วนจงฮยอนกับมินโฮก็ตามไปด้วยเช่นกัน

                 

     

     

     

                “ลองเดินดูนะคะ”

     

                หลังจากที่คีย์ใช้เวลานานกว่าครึ่งชั่วโมงกว่าจะใส่คอนแทคเลนส์ทั้งสองข้างได้ ก็เล่นเอาพนักงานขาย รวมถึงจงฮยอนกับมินโฮเหนื่อยไปตามๆกัน คีย์มองไปที่กระจกเพราะความเปลี่ยนไปเล็กน้อยบนใบหน้าของตัวเองที่ปราศจากกรอบแว่นหนาๆเชยๆที่ตัวเองเคยใส่ แล้วลุกขึ้นเดินตามคำบอกของพนักงาน เดินตรงไปมาสองสามรอบก็นั่งลงเหมือนเดิม

     

                “เป็นยังไงบ้างคะ”

     

                “มันก็..ดีครับ”

     

                “นายดูดีขึ้นแล้วนิดหน่อยแล้วคีย์” มินโฮพูดให้กำลังใจคีย์ที่ไม่ค่อยจะมั่นใจกับการเปลี่ยนมาใส่คอนแทคเลนส์สักเท่าไหร่

     

                “จะเอาเป็นยังไงดีคะ รายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือนดีคะ” พนักงานถามจงฮยอนที่ดูเหมือนจะเป็นคนตัดสินใจในการซื้อ

     

                “ราคาเท่าไหร่บ้างครับ” จงฮยอนถามพนักงาน พนักงานก็บอกรายละเอียดราคา จงฮยอนคิดอยู่สักพัก

     

                “เอาเป็นรายสัปดาห์มาห้ากล่องครับ” จงฮยอนพูดพร้อมกับยื่นเงินให้พนักงาน คีย์ถึงกับปากหวอกับการที่จงฮยอนซื้อคอนแทคเลนส์ให้ตัวเองอย่างไม่คิด

     

                “มันแพงมากเลยนะจงฮยอน เรามีเงินจ่ายไม่ถึงหรอกนะ” คีย์พูดกับจงฮยอน

     

                “ฉันซื้อให้คีย์เอง ไม่ต้องห่วงหรอก นี่มันเป็นเงินที่ฉันขโมยมาจากพี่ชายฉันได้น่ะ 55” จงฮยอนเป็นทั้งคนดีและคนไม่ดีได้ในเวลาเดียวกัน = =’

     

                “ไว้..เราจะใช้คืนให้นะ” คีย์พูดอย่างเกรงใจ จงฮยอนก็พยักหน้าตอบไป เพราะถึงเวลาจริงๆจงฮยอนก็ไม่เอาเงินจากคีย์หรอก จงฮยอนตั้งใจจะซื้อให้คีย์จริงๆ  สักพักพนักงานก็เอาของพร้อมกับเงินทอนมาให้จงฮยอน จงฮยอนก็ยื่นถุงคอนแทคเลนส์ให้คีย์ คีย์ก็รับมาอย่างเกรงใจ

     

                “ไปไหนต่ออ่ะมึง” มินโฮถามจงฮยอนหลังจากเดินออกมาจากร้านแว่น

     

                “ร้านทำผม”

     

     

     

     

     

     

                จงฮยอนพาคีย์กับมินโฮเดินมายังร้านทำผมที่มีลูกค้าอยู่พอสมควร จงฮยอนบอกให้มินโฮไปนั่งรออยู่ก่อน ส่วนตัวเองก็พาคีย์ไปนั่งที่นั่งตรงหน้ากระจกภายในมุมร้าน

     

                “สวัสดีค่ะ จะทำอะไรดีคะ” ช่างตัดผมสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทายจงฮยอนกับคีย์

     

                “ตัดผมครับ ทำให้คนที่นั่งอยู่เนี่ยครับ เอาทรงที่มันอินเทรนด์ แต่ว่าไม่หวือหวาเกินนะครับ แบบไปโรงเรียนแล้วครูไม่ด่า มองแล้วดูดี เอาตามนั้นเลย” จงฮยอนพูดกับช่าง

     

                “อืม..โอเคค่ะ วางใจได้เลย รับรองว่าได้ตามที่น้องต้องการแน่นอน”

     

                “คีย์ เดี๋ยวฉันไปนั่งรอกับมินโฮข้างนอกนะ ฉันหวังว่าจะได้เจอกับคีย์คนใหม่นะ” จงฮยอนบอกกับคีย์แล้วยิ้มให้กำลังใจ คีย์ก็พยักหน้าตอบจงฮยอนช้าๆ จงฮยอนก็เดินออกไปนั่งรอคีย์ข้างนอกกับมินโฮ

     

                “พี่ครับ.. เอ่อ.. ไม่ต้องตัดหรอกครับ คือ.. แค่..”

     

                “นี่พี่ไม่ได้ว่านะ แต่พี่ว่าน้องไม่มีเซนส์ในการแต่งตัวแน่ๆ ดูจากทรงผมก็รู้แล้ว นอกจากเสื้อผ้าแล้ว ทรงผมก็สำคัญไม่แพ้กันเพราะฉะนั้นไว้ใจพี่ได้เลย รับรองว่าน้องเปลี่ยนเป็นคนใหม่ ใครๆต้องจับจ้องมาที่น้องแน่นอน”

     

                “เอ่อ..”

     

                “โอเค งั้นพี่เริ่มแล้วนะ นั่งนิ่งๆด้วยนะคะ” คีย์ยังไม่ทันจะปฏิเสธก็ถูกช่างทำผมจับไหล่ให้นั่งตัวตรง แล้วก็เริ่มจัดการกับทรงผมเชยๆของคีย์

     

               

              เอาไงเอากัน.. มีคนๆนึงเขารอจะเห็นเราเปลี่ยนแปลงตัวเองอยู่นี่นะ

     

     

     

     

               

                “น้องคะ ตื่นได้แล้วค่ะ” ช่างทำผมปลุกคีย์ให้ตื่น หลังจากที่คีย์นั่งหลับระหว่างที่กำลังทำผม คีย์ค่อยๆลืมตาขึ้นแล้วหันไปมองที่ช่างทำผม

     

                “มองอะไรที่พี่ล่ะ มองกระจกดูสิคะ” ช่างทำผมใช้มือสองข้างจับไปที่ขมับสองข้างของคีย์ แล้วเลื่อนหน้าคีย์ที่หันอยู่ ให้หันตรงไปยังกระจก แล้วค่อยๆเลื่อนมือออก

     

              คนในกระจกตอนนี้... คือเราจริงๆหรอ

     

                คีย์ลุกขึ้นช้าๆแล้วค่อยๆยื่นหน้าไปใกล้ๆกระจกเพื่อมองความเปลี่ยนแปลงของตัวเอง คีย์แทบจะไม่เชื่อสายตา ว่าคนในกระจกตอนนี้คือตัวเอง

                ผมสีดำธรรมดาเชยๆที่เคยปิดหน้าปิดตา ตอนนี้ได้ถูกเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม และถูกตัดและซอยออก อย่างมีสไตล์ แถมยังเปิดเผยให้เห็นใบหน้าของตัวเอง

     

                “เป็นยังไงบ้างเอ่ย ชอบหรือเปล่า” ช่างทำผมถามคีย์หลังจากคีย์ยืนมองกระจกอยู่นาน

     

                “มัน..ดูเป็นยังไงบ้างครับ” คีย์ถามพร้อมกับใช้มือจับผมตัวเองอย่างไม่มั่นใจ

     

                “ดูดีกว่าเมื่อกี๊เยอะค่ะ อย่างกับคนใหม่อย่างที่เพื่อนน้องต้องการเลย อ่าๆนั่งลงก่อนค่ะ” คีย์ค่อยๆนั่งลงตามที่ช่างสั่ง

     

                “ตอนแรกอาจจะยังไม่ชินค่ะ แต่ว่าเดี๋ยวต่อไปก็ชินเอง พี่รู้ว่าน้องต้องไม่มั่นใจกับผมทรงนี้ พี่ก็เลยเหลือผมไว้นิดๆหน่อยๆ เดี๋ยวพี่เอากิ๊ฟดำตรงนี้ออกนะ แล้วเดี๋ยวผมจะลงมา” ช่างทำผมเอากิ๊ฟดำที่ซ่อนอยู่ใต้ผมข้างๆหน้าผากคีย์ออก ทำให้มีผมปล่อยออกมา แล้วจัดการให้ปิดหน้าผากกับส่วนตาข้างซ้ายของคีย์เล็กน้อย

     

                “ถ้าเอากิ๊ฟดำออกผมมันจะออกมา ก็พอจะปิดหน้าปิดตาน้องได้นิดหน่อย ถ้าจะเอาขึ้นก็จับผมตรงที่ปิดอยู่นะ แล้วก็สอดไปใต้ผมตรงที่พี่เอาออกมาเมื่อกี๊ แล้วก็ใช้กิ๊ฟดำติดนะคะ เอาผมมาบังๆแล้วมันจะดูเนียน” ช่างทำผมอธิบายพร้อมกับสาธิตให้คีย์ดู ก็ได้ทรงผมที่ไม่ปิดหน้าปิดตาคีย์เหมือนตอนแรกที่คีย์เห็น

     

                “ขอบคุณนะครับ” คีย์ยืนขึ้นพร้อมกับก้มหัวให้ช่างทำผม แล้วเดินออกไปหาจงฮยอนกับมินโฮที่นั่งรออยู่

     

              ‘แทมินจะชอบมันไหมนะ

     

     

     

     

     

                “ปะ..เป็น..ยังไงมั่ง จงฮยอน.. มินโฮ” คีย์ถามจงฮยอนกับมินโฮที่นั่งกดมือถือกันอยู่ จงฮยอนกับมินโฮถึงกับอึ้งในทรงผมใหม่ของคีย์ที่ดูดีขึ้น และเปลี่ยนแปลงคีย์คนเดิมให้หายไปเลย

     

              ‘คีย์น่ารักขึ้นมากเลย! ><’

     

                “นี่คีย์จริงๆหรอเนี่ย” จงฮยอนลุกขึ้นมาหาคีย์ แล้วจับคีย์หมุนไปมา คีย์ยังคงใช้มือของตัวเองจับผมไม่เลิก เพราะยังไงก็ยังคงไม่มั่นใจ มินโฮก็เดินเข้ามาพร้อมกับจับมือคีย์ให้เอามือออกจากผม

     

                “มันสำเร็จไปขั้นนึงแล้วคีย์ นายดูเปลี่ยนเป็นคนใหม่เลย” มินโฮชมคีย์ใหญ่

     

                “รู้งี้ฉันน่าจะเปลี่ยนนายตั้งนานแล้วนะเนี่ย ดูดีสุดๆ คีย์ไม่ใช่คนที่ไม่มีเสน่ห์อะไรเลยนะเนี่ย นายเป็นคนที่หน้าตาออกจะดึงดูดคนอื่นจะตาย” เพราะทรงผมใหม่ รวมถึงแว่นก็ไม่ได้อยู่บนหน้าแล้ว เผยให้เห็นใบหน้าใสๆของคีย์ จงฮยอนชมคีย์ไม่หยุด

     

                “เลิกชมเราได้แล้ว มันก็.. ไม่อะไรขนาดนั้นมั้ง” ถึงคีย์จะพูดอย่างนั้น แต่คีย์เองก็ยังคงแปลกใจกับลุคส์ใหม่ของตัวเองเหมือนกัน มินโฮเห็นคีย์เปลี่ยนแปลงไปได้ขั้นนึงแล้ว มินโฮก็ยิ้มออกมา แล้วเดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ตอนคีย์กับจงฮยอนยืนคุยกันอยู่ สักพักก็เดินกลับมา

     

                “ไปกันเถอะ เผื่อจะซื้ออะไรอีก” มินโฮสะพายกระเป๋าตัวเองเสร็จ ก็หยิบกระเป๋าจงฮยอนกับคีย์แล้วยื่นให้

     

                “เดี๋ยวเราไปจ่ายตังค์ก่อนนะ” คีย์กำลังจะเดินไปที่เคาน์เตอร์

     

                “ไม่ต้องแล้วคีย์ ฉันจ่ายให้แล้ว” มินโฮบอก ทำให้คีย์ทำหน้าไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่

     

                “จงฮยอนกับมินโฮ.. ทำให้เราหนักใจอีกแล้วนะ”

     

                “ถ้าคีย์ทำหน้าอย่างนี้ แล้วก็พูดอย่างนี้อีก คีย์ก็ทำให้ฉันหนักใจนะ” มินโฮก็พูดกับคีย์ เพราะคีย์ทำให้ตัวเองหนักใจกับการที่คีย์ขี้เกรงใจเกินไป

     

                “ขอบคุณทั้งสองคนจริงๆนะ”

     

                “ฉันเต็มใจช่วยคีย์เสมอเลยน้า~~~ งั้นเสร็จแล้วก็ไปซื้อเสื้อต่อกันเถอะ” จงฮยอนชวนคีย์ไปซื้อเสื้อต่อ ถ้าจะเปลี่ยนแล้วก็เอาใหม่ให้มันหมดเลยนั่นแหละ

     

                “ต่ออีกหรอ.. แค่นี้เราก็..”

     

                “อย่าเพิ่งยอมแพ้นะคีย์!” จงฮยอนพูดให้กำลังใจคีย์จบก็จับมือคีย์พาเดินออกจากร้านไปโดยไม่รอมินโฮ มินโฮยืนจ้องจงฮยอนที่อยู่ๆก็จับมือคีย์ออกไปซะอย่างนั้นสักพักก็เดินตามไป

     

              ไม่ใช่ว่าคีย์อยากจะเปลี่ยนตัวเองเพราะไอ้เป็ดนี่หรอกนะ  

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

                มินโฮเดินขึ้นอาคารเรียนมา กำลังจะเดินไปที่ห้องเรียน พอจะเข้าห้องก็เจอคีย์กำลังจะออกจากห้องพอดี

     

                “คีย์.. ทำไมเอาผมปิดหน้าปิดตาตัวเองอีกแล้วล่ะ แล้วใส่แว่นอีกทำไม” มินโฮแปลกใจที่คีย์เอาผมมาปิดหน้าตัวเองอีกแล้ว ถึงแม้จะปิดแค่ตาข้างซ้ายก็เถอะ แถมยังจะใส่แว่นอันเดิมที่เคยใส่อีกด้วย

     

                “เรายังไม่ค่อยชินน่ะ” คีย์ตอบกับมินโฮพร้อมกับใช้มือจับผมตัวเองอีก มินโฮก็จับมือคีย์แล้วเอาลงจากผมอีกเหมือนเมื่อวานที่ทำ

     

                “ไม่ต้องจับหรอก มันดูดีแล้วคีย์ ถ้านายจะปัดผมไปหน่อย.. แล้วนายจะไปไหนเนี่ย”

     

                “อะ..อ้อ ก็ไปแถวๆนี้ล่ะ” คีย์ไม่ได้บอกกับมินโฮตรงๆว่าจะไปไหน แล้วก็เดินออกจากห้องไป มินโฮก็เดินเข้าไปเก็บกระเป๋าในห้องก็เกิดสงสัยอะไรขึ้นมา

     

              ไปแถวๆนี้? ทำไมไม่บอกตรงๆล่ะว่าจะไปไหน มินโฮคิดได้จึงรีบเดินออกจากห้องแล้วค่อยๆเดินสะกดรอยตามคีย์ไป

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

     

              นี่คือแถวๆนี้หรอคีย์ = =’’

     

                มินโฮนึกในใจ หลังจากเดินตามคีย์มาซะไกล เพราะไอ้แถวๆนี้ของคีย์คือหลังห้องศิลปะ ที่อยู่หลังโรงเรียน ซึ่งปกติก็ไม่ค่อยมีใครมาสักเท่าไหร่เพราะออกจะอยู่ไกลจากตึกเรียนธรรมดาพอสมควร ซึ่งปกติมินโฮเองก็ไม่ค่อยมา นอกจากจะมีชั่วโมงเรียนศิลปะ ซึ่งมินโฮยิ่งคิดก็ยิ่งแปลกใจว่าคีย์มาทำอะไรที่นี่ เลยไปนั่งเนียนอยู่ริมหลังต้นไม้เพื่อเฝ้าดู แล้วมองตามคีย์ต่อไป

     

              ที่แท้.. คีย์ก็มาหาแทมินนี่เอง..

     

     

     

     

                “ผมดีใจนะเนี่ย ที่พี่คีย์อยากเจอผม” แทมินที่นั่งรอคีย์อยู่ถึงกับยิ้มออกมา เมื่อคีย์เดินมาจับไหล่แทมินจากข้างหลัง แล้วนั่งลงข้างๆแทมิน

     

                “ไม่เชิงหรอก”

     

                “หมายความว่าไม่ได้อยากเจอผมหรอเนี่ย แล้วจะนัดเจอผมทำไมก็ไม่รู้..” แทมินพูดอย่างน้อยใจ คีย์ก็ได้แต่ยิ้มให้กับท่าทางของแทมิน

     

                “แทมิน..”

     

                “ฮะพี่คีย์”

     

                “ดูพี่ดีๆนะ” คีย์หายใจเข้าลึกๆแล้วถอนหายใจออกมา ก่อนจะหยิบกิ๊ฟดำในกระเป๋าเสื้อตัวเองออกมา แล้วทำการซ่อนผมที่กำลังปิดหน้าปิดตาตัวเองอยู่อย่างที่ช่างทำผมแนะนำเมื่อวาน แทมินนั่งจ้องคีย์อย่างตั้งใจ สักพักคีย์ก็เก็บผมที่ปล่อยปิดหน้าตัวเองเสร็จ แทมินถึงกับยิ้มออกมา

     

                “พี่คีย์ไปตัดผมมาหรอฮะ.. ไปเปลี่ยนสีผมมาด้วย ผมเพิ่งสังเกตนะเนี่ย”

     

                “ยังมีอีกนะ” คีย์ใช้มือทั้งสองข้างของตัวเอง จับที่ขาแว่นที่เกี่ยวอยู่ที่ใบหู แล้วค่อยๆถอดออกมาแล้ววางลงข้างๆ

     

                แทมินไม่รู้จะพูดยังไงกับคีย์ดี.. คีย์ทำให้แทมินอึ้งกับความเปลี่ยนไปของคีย์ แทมินทำได้แค่จ้องใบหน้าใสๆของคีย์ ที่เข้ากับผมทรงใหม่ของคีย์

     

                “พี่คีย์.. ” แทมินอยากจะพูดต่อว่าคีย์น่ะ.. น่ารัก แต่แทมินไม่กล้าพูดในตอนที่คีย์ได้แต่ยิ้มและมองหน้าตัวเอง

     

                “แทมินบอกให้พี่ลองเปลี่ยนตัวเอง พี่ก็เลย..ลองดูน่ะ” คีย์พูดพร้อมกับใช้มือจับผมตัวเองแน่นเพราะรู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูก ก็เพราะแทมินนั่งจ้องคีย์ตาไม่กระพริบ

     

                “พี่คีย์ทำเพราะผมหรอฮะ”

     

                “ก็แทมินบอกว่าอยากให้พี่ตัดผมไม่ใช่หรอ เมื่อวานพี่ก็เลยให้พี่มินโฮช่วย แล้วก็ยังมีพี่จงฮยอนช่วยอีกคน”

     

                “ทำไมพี่คีย์ไม่บอกผมเลยล่ะฮะ” แทมินอยากจะเห็นคีย์เป็นอย่างนี้เป็นคนแรก แต่ก็ถูกมินโฮกับจงฮยอนเห็นตัดหน้าไปก่อนซะแล้ว

     

                “ไม่เซอร์ไพรส์หรอ..”

     

                “...”

     

                “แทมินรู้หรือเปล่า ว่าเซอร์ไพรส์ต้องเก็บไว้ให้คนสำคัญสิ” หัวใจของแทมินที่แฟบลงเมื่อกี๊ ตอนนี้กลับพองโตจนแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้วกับคำพูดของคีย์

     

              เซอร์ไพรส์ต้องเก็บไว้ให้คนสำคัญ.. ผมคือคนสำคัญสำหรับพี่คีย์ใช่ไหมฮะ!!’

     

                “ผมสำคัญสำหรับพี่คีย์ใช่ไหมฮะ” แทมินอยากจะรู้ว่าตัวเองสำคัญแค่ไหนสำหรับคีย์

     

                “แน่นอนสิ ก็แทมินทำให้พี่คิดจะเปลี่ยนตัวเองนี่นา ถ้าแทมินไม่แนะนำพี่ พี่คงยังคงเป็นคนเดิมอยู่ละมั้ง แต่ว่าตอนนี้พี่เปลี่ยนได้แค่ทรงผมกับแว่นตาของพี่เท่านั้นเอง” คีย์พูดตามที่ตัวเองคิด แต่แทมินไม่ได้คิดว่าคำตอบจะออกมาเป็นแบบนี้สักเท่าไหร่

     

              สำคัญเพราะคิดจะให้พี่คีย์เปลี่ยน สำคัญเพราะอย่างนี้เองหรอเนี่ย.. แต่เราก็คือคนที่ทำให้พี่คีย์คิดจะเปลี่ยนนี่นะ อย่างน้อยคนนั้นก็เป็นเรา

               

                “แค่นี้ก็เยี่ยมแล้วพี่คีย์” ความจริงแทมินอยากจะบอกคีย์หยุดเปลี่ยนตัวเองแล้ว แค่นี้ตัวเองก็รู้สึกว่าคีย์ทำให้ตัวเองชอบคีย์มากจนรู้ใจตัวเองแล้ว รวมถึงถ้าคีย์เปลี่ยนตัวเองมากกว่านี้ คงจะมีใครเข้ามายุ่งกับคีย์มากกว่านี้แน่

     

                “พี่ควรจะเปลี่ยนอะไรอีกหรือเปล่าหรอ”

     

                “อืม.. พี่คีย์ก็เจอผมบ่อยๆนะ แล้วผมจะบอกพี่คีย์เอง” แทมินก็ใช้ข้ออ้างนี้ซะเลย แทมินก็เจ้าเล่ห์ไม่เบานะเนี่ย

     

               

     

              ‘พี่คีย์พอจะเปลี่ยนใจมารักน้องชายอย่างผม ให้มากกว่าน้องชายได้ไหม

     

              ‘แค่แทมินบอก พี่จะลองพยายามนะ

     

                ถึงไม่รู้เพราะเหตุผลอะไรก็ตามที่เพียงแค่คำพูดของแทมิน

                ก็ทำให้คีย์อยากพยายามจะทำมัน ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม

                อาจจะเพราะแทมินทำให้คีย์รู้สึกว่าตัวเองอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อใครสักคนก็ได้ละมั้ง

     

     

     

     

              คนที่ทำให้คีย์อยากจะเปลี่ยนคือแทมินหรอ.. ทำไมคนๆนั้นต้องเป็นแทมินด้วย คีย์

     

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

               

                หลังจากที่คีย์ไม่ได้มาห้องสมุดมานาน เพราะถูกมินโฮดึงไปนู่นไปนี่ ไม่ว่าจะไปเที่ยวมั่ง ไปนั่งกินขนมมั่ง ไปนั่งคุยกับจินกิและจงฮยอนมั่ง หรือไม่ก็เจอกับแทมินจนแทมินอ้อนให้ตัวเองต้องอยู่ยาวซะตลอด ในที่สุดวันนี้มินโฮก็ติดธุระ ส่วนแทมินก็ไม่รู้ไปไหน ทำให้ตอนเย็นที่แสนจะวุ่นวายของคีย์สงบลงสักที วันนี้ไหนๆคีย์ก็ได้มีเวลาส่วนตัวแล้ว ก็เลยมาสถานที่สุดโปรดสักหน่อย

     

                คีย์เลือกที่จะนั่งมุมเดิมที่ชอบนั่ง คือตรงมุมโต๊ะไม้เก่าๆ ที่ไม่ค่อยจะมีคนเดินผ่าน พร้อมกับนั่งอ่านหนังสือเรียนที่ตัวเองชอบอย่างเคย

     

                อ่านไปสักพัก ก็รู้สึกว่ามีใครบางคนค่อยๆเอนหน้ามาข้างๆตัวเอง จึงหยุดอ่านแล้วหันไปมอง

     

                “คีย์จริงๆด้วย” คนที่ยืนมองคีย์อยู่ก็คือจินกิที่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอสักเท่าไหร่นั่นเอง

     

                “จินกิก็มาอ่านหนังสือหรอ” คีย์ทักทายจินกิด้วยการคุยอย่างเป็นกันเอง

     

                “ฉันนั่งด้วยนะ” จินกิถามคีย์ คีย์พยักหน้าเพื่ออนุญาต จินกิจึงค่อยๆดึงเก้าอี้ออกจากใต้โต๊ะแล้วนั่งลง

     

                “ตรงนี้ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านมา เราแปลกใจที่จินกิเดินมาตรงนี้นะ”

     

                “ตอนฉันเข้าโรงเรียนนี้ใหม่ๆนะ ฉันชอบมานั่งตรงนี้มากเลย แต่แล้ววันนึงก็มีคนใส่แว่นกับทำผมเชยๆชอบมานั่งตรงนี้ มานั่งทุกวันเลยด้วย ฉันเลยต้องไปนั่งที่อื่น” คนที่จินกิหมายถึงก็คือคีย์นั่นแหละ

     

                “แล้ววันนี้คนใส่แว่นกับทำผมเชยๆคนนั้นเขาอยู่ไหนหรอ” คีย์แกล้งถามจินกิเล่นๆ

     

                “ไม่รู้สิ อยู่ๆก็กลายเป็นคนใหม่ที่ดูดีกว่าคนนู้นนนนเยอะเลย มานั่งแทน 55 นายดูดีขึ้นมากเลยคีย์ ตอนแรกที่ไอ้เป็ดเล่าให้ฟังฉันก็นึกว่ามันล้อเล่นซะอีก พอฉันเห็นอีกที ก็จำเกือบไม่ได้ซะแล้ว”

     

                “เรากลับไปใส่แว่นแล้วก็ทำผมอย่างเดิมดีกว่า” ถ้าคีย์คนใหม่ทำให้จินกิจำคีย์คนเก่าไม่ได้ ก็เป็นแบบเดิมดีกว่า

     

                “ไม่ต้องหรอกคีย์ อย่างนี้น่ะดีแล้ว ไม่ว่าคีย์จะเป็นยังไงฉันก็ต้องจำได้อยู่แล้ว”

     

                “เพราะอะไรหรอ จินกิ” เหตุผลที่จินกิสามารถจำคีย์ได้คือ?

     

                “เพราะว่าคีย์ก็ยังคงเป็นคีย์อยู่วันยังค่ำนั่นแหละน้า~ อะไรจะเปลี่ยนไปยังไง แต่ว่านิสัย แววตา แล้วก็รอยยิ้มของนายยังคงเหมือนเดิม แววตาที่ใสซื่อของนายน่ะ ฉันชอบมากเลยรู้ไหม” จินกิพูดพร้อมกับยิ้มออกมา คีย์เองก็ยิ้มให้กับจินกิเหมือนกัน

     

                “เราก็ชอบนิสัยของนายมากเลย จินกิ”

     

                “ทำไมล่ะคีย์”

     

                “อืม.. ก็นายนิสัยดี มีบางอย่างที่ไม่เหมือนกับมินโฮแล้วก็จงฮยอนละมั้ง เราอยู่ด้วย หรือคุยด้วยแล้วรู้สึกสบายใจกว่าน่ะ” คีย์ก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมถึงชอบนิสัยของจินกิ รู้แต่ว่าจินกิเป็นคนที่คีย์รู้สึกสบายใจเมื่ออยู่ใกล้หรือพูดคุยด้วย

     

                “ถ้ามีปัญหาอะไรก็เล่าให้ฉันฟังได้นะ ถึงฉันอาจจะช่วยแก้มันไม่ได้ แต่ว่าอาจจะทำให้คีย์สบายใจขึ้น” จินกิอาสาเป็นเพื่อนและที่ปรึกษาปัญหาให้คีย์ ถ้าคีย์จะสบายใจเมื่ออยู่กับตัวเอง

     

                “มินโฮบอกว่าอยากให้เราคุยกับคนอื่นให้มากขึ้น จะได้มีมนุษยสัมพันธ์ เพราะงั้นเราจะคุยกับจินกิก็แล้วกันนะ” คีย์เลือกคนที่จะคุยด้วยบ่อยๆคือจินกิดีกว่า ถ้าคุยกับคนที่คุยด้วยแล้วสบายใจ ก็คงจะคุยด้วยแล้วมีความสุข

     

                ถึงแม้ในวันนี้คีย์ตั้งใจจะมาอ่านหนังสือแต่ไม่ได้อ่านก็ตาม แต่คีย์ก็ได้มีจินกิมานั่งเป็นเพื่อน แถมยังชวนคีย์คุยนู่นคุยนี่จนคีย์ขำและยิ้มไม่หยุด ทำให้เย็นที่แสนสงบของคีย์ เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสุขเต็มไปหมด

     

     

              ฉันดีใจนะที่คีย์อยู่กับฉันแล้วสบายใจ ฉันดีใจอย่างบอกไม่ถูกเลยคีย์

     

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

     

                “นักเรียน รบกวนช่วยรดน้ำต้นไม้ให้ครูหน่อยสิ”

     

                ครูบรรณารักษ์ห้องสมุดเห็นคีย์กำลังหาหนังสือที่ชั้นหนังสือใกล้ๆพอ เลยวานคีย์ให้ช่วยรดน้ำต้นไม้ให้หน่อย คีย์ก็รีบเดินไปเอาขวดน้ำจากครูบรรณารักษ์ แล้วเดินไปที่ต้นไม้เพื่อจะรดน้ำ

                คีย์ค่อยๆรดน้ำต้นไม้ที่แขวนติดอยู่ริมผนังทีละต้น จนมาถึงต้นสุดท้ายที่อยู่สูงกว่าต้นอื่นๆ คีย์จึงเขย่งเพราะมันสูงเกินไป จนทำให้น้ำในขวดไหลลงสู่พื้นแทนที่จะไหลลงต้นไม้ แต่ในที่สุดก็รดโดนต้นไม้จนได้ คีย์กำลังจะก้มลงมาเช็ดน้ำที่หกที่พื้น แต่ก็ต้องตกใจ..

     

                เพราะมันไม่ใช่พื้นว่างๆ แต่ใครไม่รู้ดันทะลึ่งเอาโน้ตบุ๊คมาเสียบชาร์ตแบตเอาไว้ตรงนี้! น้ำที่จะหกลงพื้น ดันกลับมีโน้ตบุ๊คมารองรับไว้แทนแบบเปียกทั้งหมด คีย์เห็นก็รีบถอดสายชาร์ตออกทันที เพราะกลัวว่าไฟจะดูด

     

                อออดดดด

     

                เพราะเสียงออดเข้าเรียนดังขึ้น คาบแรกของคีย์ก็สอนโดยครูสุดโหดที่ใครๆก็ไม่กล้าเข้าห้องสายเด็ดขาด ด้วยความที่ไม่รู้ว่าโน้ตบุ๊คนี้เป็นของใคร ถ้าเอาไปเจ้าของคงจะตกใจว่าหายไปไหน คีย์จึงเลือกที่จะจำลายเฮลโหลคิตตี้บนโน้ตบุ๊คและยี่ห้อเอาไว้ แล้ววางมันลงที่เดิม แล้วรีบวิ่งเพื่อจะไปเข้าห้องเรียนให้ทัน

     

              ขอโทษนะคุณเจ้าของโน้ตบุ๊ค เดี๋ยวผมจะกลับมาชดใช้คืนให้

     

     

     

     

     

                หลังจากถึงช่วงพักกลางวัน คีย์ก็รีบมาห้องสมุดทันทีเพื่อจะมาดูว่าโน้ตบุ๊คที่ตัวเองทำเปียกน้ำไปเป็นยังไงบ้าง แต่พอคีย์กลับมาโน้ตบุ๊คก็ไม่อยู่ซะแล้ว คีย์จึงเดินไปถามครูบรรณารักษ์

     

                “ครูครับ เมื่อเช้ามีโน้ตบุ๊คมาวางชาร์ตแบตไว้ตรงที่มีต้นไม้แขวนอยู่สูงๆ ครูพอจะทราบไหมครับ ว่าเป็นของใคร” คีย์คิดว่าครูบรรณารักษ์ที่ดูแลห้องสมุดอยู่น่าจะเห็นว่าใครมาเอาโน้ตบุ๊คไป

     

                “มีคนกล้าเอาโน้ตบุ๊คมาวางชาร์ตแบตด้วยหรอเนี่ย! ไม่รู้หรือไงกันว่ามันผิดกฎโรงเรียน ถ้าครูจับได้ล่ะก็จะจับหักคะแนนจิตพิสัยเลยคอยดู วันหลังถ้านักเรียนเห็นอีกก็ช่วยบอกครูด้วยนะ เด็กสมัยนี้นี่จริงๆเลย”

     

                สรุปได้ความว่าขนาดครูบรรณารักษ์ยังไม่รู้เรื่องเลยด้วยซ้ำว่าใครเอาโน้ตบุ๊คมาชาร์ตแบตทิ้งไว้ คีย์เลยเดินออกจากห้องสมุดไปด้วยความกังวลใจ

     

              จำได้แต่ลายโน้ตบุ๊ค เราจะตามหาเจอไหมเนี่ย คนๆนั้น.. จะรับผิดชอบให้เขายังไงดีเนี่ย

     

     

     

     

     

                ตอนเย็นคีย์ก็กลับมานั่งอ่านหนังสือที่ห้องสมุดเหมือนเดิม เพราะมินโฮก็ติดธุระตอนเย็นเหมือนเมื่อวาน คีย์คิดว่ามานั่งอ่านหนังสือคงสบายใจขึ้น รวมถึงมีจินกิมานั่งอ่านหนังสือเป็นเพื่อนพอดี คีย์เลยเลือกนั่งทำโจทย์คณิตศาสตร์แทน พอถึงข้อไม่เข้าใจก็เลยถามจินกิ แต่ระหว่างอธิบาย ความไม่สบายใจเพราะเรื่องนั้นก็วนเวียนกลับมาไม่ยอมออกไปสักที จินกิที่นั่งอธิบายโจทย์คณิตศาสตร์ที่คีย์ไม่เข้าใจไม่ได้เข้าหูของคีย์เลยแม้แต่น้อย

     

                “เข้าใจหรือเปล่าคีย์” จินกิถามคีย์หลังจากอธิบายเสร็จ แต่คีย์ก็นั่งคิ้วขมวดกันเล็กน้อย แถมยังไม่ตอบคำถามของจินกิอีก

     

                “ฉันอธิบายไม่เข้าใจหรือเปล่า อธิบายอีกรอบไหม” จินกิคิดว่าคีย์คงจะไม่เข้าใจ เลยกะว่าจะอธิบายให้ฟังอีกรอบ

     

                “ขอโทษนะจินกิ พอดีเมื่อกี๊..เราไม่ได้ฟังน่ะ” คีย์ขอโทษและยอมรับว่าเมื่อกี๊ที่จินกิพูด คีย์ไม่ได้ฟังสักนิดเดียว อธิบายเสร็จตอนไหนยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ

     

                “เป็นอะไรหรือเปล่า” จินกิถามคีย์ด้วยความเป็นห่วง

     

                “เอ่อ.. คือเราอยากจะปรึกษาอะไรหน่อยน่ะจินกิ” คีย์คิดว่าจินกิพอจะช่วยอะไรได้บ้างแน่ๆ

     

                “ว่ามาสิคีย์”

     

                “คือ.. ตอนนี้เราอยากจะหางานพิเศษทำน่ะ จินกิว่า..ที่ไหนพอจะได้เงินดีๆบ้าง”

     

                คิดไปคิดมา คีย์ว่าน้ำออกจะชุ่มฉ่ำโน้ตบุ๊คซะขนาดนั้น มันคงจะเจ๊งแน่ๆ คีย์เลยคิดว่าจะซื้อโน้ตบุ๊คคืนให้แทน ถึงจะไม่รู้ว่ามันเป็นของใคร แต่ก็ควรจะรับผิดชอบไว้ก่อนดีกว่า แต่ปัญหาคือคีย์ไม่ได้มีเงินเก็บมากพอขนาดจะซื้อโน้ตบุ๊คเครื่องนึงคืนให้ได้ คีย์เลยคิดจะหางานพิเศษทำ แต่ปัญหาคือคีย์ไม่รู้ว่าที่ไหนจะได้เงินเร็วๆที่จะซื้อโน้ตบุ๊คได้เร็วที่สุดน่ะสิ จินกิจะรู้หรือเปล่าไม่รู้ แต่ถ้าลองถามดูอาจจะได้จินกิช่วยหาอีกแรงก็ได้

     

                “มีปัญหาเรื่องเงินหรอคีย์ ต้องการเยอะหรือเปล่า เอาเงินฉันไปก่อนไหม” เรื่องเงินเป็นเรื่องใหญ่เลยทีเดียวสำหรับคนๆนึง ถ้าคีย์มีปัญหาเรื่องนี้มันคงจะลำบาก จินกิก็พอจะมีเงินเก็บอยู่บ้าง เลยจะให้คีย์เอาไปใช้ก่อน

     

                “ไม่เอาหรอกจินกิ คือเราไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงินหรอก เราแค่มีของที่อยากได้แต่เงินไม่พอน่ะ” คีย์ปฏิเสธที่จินกิจะให้ยืมเงิน เพราะไม่ต้องถึงขนาดต้องยืมใครก็ได้ คีย์ควรจะรับผิดชอบเอง

     

                “งั้นหรอ แล้วคีย์อยากจะได้เงินมากขนาดไหนล่ะ”

     

                “คือ..มากพอจะซื้อโน้ตบุ๊คเครื่องนึงได้เร็วที่สุดน่ะ” คีย์บอกกับจินกิไม่ถูกว่าต้องการมากเท่าไหร่ เลยบอกไปว่าจะซื้อโน้ตบุ๊คเครื่องนึงให้ได้เร็วที่สุด

     

                “เดี๋ยวฉันซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดดีไหมคีย์ จะได้ไม่ต้องซื้อ” จินกิน่ะลงทุนเกินไปไหม

     

                “คือ.. จินกิอย่าบอกใครนะ คือ.. เราไปทำโน้ตบุ๊คใครพังก็ไม่รู้ น้ำหกใส่น่ะ เลยจะซื้อคืนชดใช้ให้คีย์ตัดสินใจเล่าให้จินกิฟัง เพราะดูท่าทางจินกิจะให้เงินคีย์ท่าเดียว จินกินั่งฟังแล้วคิดสักพัก

     

                “พ่อฉันกำลังจะเปิดภัตตาคารอาหารจีนอยู่พอดี คีย์ไปเป็นเด็กเสิร์ฟที่นั่นไหมล่ะ เดี๋ยวฉันฝากพ่อให้” จินกินึกได้ว่าพ่อของตัวเองกำลังเปิดรับสมัครคนงานสำหรับภัตตาคารอาหารที่กำลังจะเปิดใหม่อยู่พอดี ถึงแม้อาจจะไม่ใช่งานที่ดีมาก แต่เท่าที่จินกิรู้มา ได้เงินเป็นรายวัน แถมยังรายได้ดีอีกด้วย

     

                “ไม่ต้องหรอกจินกิ เดี๋ยวเราไปสมัครเอง มันอยู่ที่ไหนหรอ” คีย์ปฏิเสธจินกิเรื่องที่จินกิจะใช้เส้นฝากงานให้ตัวเอง แต่คีย์ก็เกรงใจแถมกับไอ้แค่เป็นเด็กเสิร์ฟยังต้องฝากมันก็เกินไปหน่อย จินกิเลยบอกรายละเอียดกับคีย์ คีย์เลยสบายใจขึ้นมาหน่อยเพราะหาทางออกของปัญหาได้แล้ว เลยนั่งทำโจทย์คณิตศาสตร์กับจินกิต่อ

     

     

              คุณเจ้าของโน้ตบุ๊ค รออีกหน่อยนะ เดี๋ยวผมก็จะชดใช้ให้คุณได้แล้ว

     

     

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

     

                วันเสาร์

     

     

                (ฉันขอโทษนะคีย์ ที่ฉันไม่ได้ไปกับคีย์ พอดี.. ตื่นสายน่ะ) จินกิขอโทษคีย์ทางโทรศัพท์หลังจากเพิ่งตื่นสดๆร้อนๆ

     

                “แค่แนะนำให้เราก็ขอบคุณแล้วล่ะ จินกิ”

     

                (“หรือว่าคีย์จะรอหรือเปล่าล่ะ เดี๋ยวฉันจะได้ไปเป็นเพื่อน หรือจะให้ฉันไปบอกไอ้โฮให้ไปเป็นเพื่อนไหม”)

     

                “ไม่ต้องหรอก ยังไงก็ขอบคุณนะ ไว้เจอกันวันจันทร์แล้วเราจะเลี้ยงไก่ทอดจินกิเยอะๆเลย” คีย์คุยโทรศัพท์กับจินกิระหว่างนั่งรถเมล์จะไปสมัครงานที่ภัตตาคารอาหารจีน คุยกันสักพักก็วางสายเพราะถึงที่หมายพอดี

     

                คีย์เดินเข้าไปในตึกสูงแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ตั้งของภัตตาคารอาหารจีนของพ่อจินกิที่คีย์จะมาสมัครงาน คีย์กดลิฟท์ไปยังชั้น 29 ตามที่จินกิบอก พอประตูลิฟท์เปิดออกคีย์ก็เดินวนไปวนมาอยู่สักพักเพราะไม่เห็นจะมีภัตตาคารอาหารอะไรเลย

     

                “เอ่อ.. คือ..ผมจะมาสมัครงาน ต้องไปทางไหนหรอครับ” คีย์ตัดสินใจถามประชาสัมพันธ์ที่อยู่แถวๆนั้น

     

                “รอสักครู่นะคะ.. เชิญทางนี้เลยค่ะ” พนักงานประชาสัมพันธ์สาวกดโทรศัพท์แล้วคุยอยู่สักพัก ก็เดินลุกออกจากเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์แล้วเดินนำคีย์ไปยังห้องๆหนึ่งที่อยู่ภายใน ซึ่งหน้าห้องเขียนว่า ห้องหัวหน้าฝ่ายบุคคล

     

                “ขอบคุณนะครับ” เมื่อถึงยังห้องแล้ว คีย์ก็กล่าวขอบคุณพนักงานประชาสัมพันธ์ คีย์เคาะประตูสามครั้งก็มีเสียงอนุญาตให้เข้าไป คีย์ค่อยๆเดินเข้าไปอย่างกลัวๆ

     

                “นั่งเลยครับ” ชายที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานละสายตาจากเอกสารแล้วเชิญคีย์ให้นั่งลงที่โซฟา ก่อนจะเดินมานั่งคุยด้วย

     

                “สวัสดีครับ คือผมชื่อคิมคีย์ครับ จะมาสมัครงานที่นี่ครับ” คีย์กล่าวแนะนำตัวพร้อมกับยื่นเอกสารให้กับชายผู้เป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคลซึ่งก็รับมาเปิดซองเอกสารดูสักพักก็วางลง

     

                “เดี๋ยวๆ ขอดูหน้าใกล้ๆหน่อยนะ” อยู่ๆหัวหน้าฝ่ายบุคคลก็ขอดูหน้าคีย์ใกล้ๆ ทำให้คีย์รู้สึกแปลกใจอยู่หน่อยๆว่ากับไอ้แค่เป็นเด็กเสิร์ฟอาหารทำไมต้องมาดูหน้าใกล้ๆด้วย แต่ก็นึกว่าเด็กเสิร์ฟที่นี่ต้องดูหน้าตาด้วย เลยให้ดู

     

                “หน้าตาใช้ได้นี่เรา คือความจริงแล้วอายุน้อยไปหน่อยไหม คือผมอยากถามหน่อยว่าใครแนะนำคุณมาสมัครที่นี่หรือเปล่าครับ บอกชื่อได้หรือเปล่าเอ่ย”

     

                “เขาชื่อ..ลีจินกิครับ”

     

                “ลีจินกิ.. อ๋อ จินกิที่เป็นลูกของอาเฮียลีนี่เอง ถ้าลูกอาเฮียแนะนำมาก็โอเค ผมรับทำงาน” หลังจากหัวหน้าฝ่ายบุคคลรู้ว่าจินกิเป็นคนแนะนำให้คีย์มาสมัครที่นี่ ก็รับคีย์เข้าทำงานทันที

     

                “ขอบคุณมากครับ ผมจะตั้งใจทำงาน”

     

                “ผมเป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคลที่นี่นะ ชื่อคิมยองอุน ผมจะคอยดูแลพวกพนักงานกับเด็กในผับ งานก็เริ่มสองทุ่ม เลิกตีสอง แต่สำหรับคุณ..คีย์ ผมเห็นยังเป็นนักเรียน ผมอนุญาตให้เลิกได้ตั้งแต่เที่ยงคืนเป็นต้นไป ง่ายๆเลยก็แค่ไม่ขัดใจลูกค้าแค่นั้นเอง ถ้าทำงานดีจะให้โบนัสพิเศษ ทางผับเราจะจ่ายเงินให้คุณก็ต่อเมื่อทำงานครบสัปดาห์นะครับ” หัวหน้าฝ่ายบุคคลแนะนำตัวรวมถึงบอกรายละเอียดและข้อมูลการทำงานให้คีย์..

     

                แต่เดี๋ยวก่อนนะ.. ผับ?

     

                “ทำงานที่ผับหรอครับ”

     

                “ใช่ครับ ก็ถ้ามาหาผมก็มาสมัครเป็นเด็กนั่งดริงก์ไงครับ ต้องทำงานที่ผับอยู่แล้ว” หัวหน้าฝ่ายดูจะงงๆเล็กน้อยกับคำถามที่คีย์ถาม แต่คีย์น่ะยิ่งงงไปใหญ่ ว่าทำไมอะไรถึงมาสมัครเป็นเด็กนั่งดริงก์ในผับซะได้

     

              ทำงานดีก็ได้โบนัส ทำงานแค่สัปดาห์เดียวก็ได้เงินแล้วด้วย.. ก็แค่นั่งเป็นเพื่อนคนที่มาดื่มเหล้าเองละมั้ง

     

                คีย์แค่คิดว่าได้เงินก็พอแล้ว แถมแค่นั่งเป็นเพื่อนคนที่มาดื่มเหล้าหาความสำราญก็ไม่เห็นจะผิดอะไรอีกด้วย ก็คงเหมือนพวกที่เขาจ้างมานั่งด้วยเฉยๆ ไหนๆก็สมัครแล้วก็เป็นๆไปเถอะ

     

                คีย์คงจะใสซื่อเกินไป เลยไม่รู้ว่าอะไรคือเด็กนั่งดริงก์สินะ

     

                “แล้ว..จะเริ่มงานได้วันไหนหรอครับ”

     

                “เริ่มงานวันจันทร์ที่จะถึงนี้เลยนะครับ ขอให้ตั้งใจทำงานนะครับ” หัวหน้าฝ่ายบุคคลบอกกับคีย์เสร็จ ก็เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานต่อ คีย์ก็โน้มตัวลงลาแล้วเดินออกจากห้องไป

     

              ทำงานในผับมันคงไม่เสียหายอะไรหรอกมั้ง

     

                ก็บอกแล้วว่าคีย์น่ะใสซื่อเกินไป ผับมันเป็นยังไง มันมีอะไรคีย์ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ

                แล้วคีย์จะทำงานที่นี่ได้ไหมเนี่ย



               

                To be continue...


                  - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

                  ทำไมจินกิถึงแนะนำคีย์ไปสมัครเป็นเด็กนั่งดริงก์ซะได้ล่ะ?
                  คีย์จะไปเป็นเด็กนั่งดริงก์แล้วจะเกิดอะไรขึ้น?

                  ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนท์นะคะ


                  11.10.31 - Lighteli

           





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×