ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC SHINee] One Time (TWOMIN x JONGKEY x ONEW)

    ลำดับตอนที่ #3 : One Time : Chapter 3

    • อัปเดตล่าสุด 12 เม.ย. 56


    CHAPTER 3

               

                หลังจากที่กลับมาถึงรถ ก็เจอบุคคลในเครื่องแบบตำรวจยืนรออยู่ที่รถ แทมินกระซิบให้มินโฮปล่อยตัวเองลง มินโฮจึงยอมปล่อย แทมินก็ปิดประตูเข้ารถไป ตำรวจออกใบสั่งให้มินโฮอยู่หลายใบทั้งจอดรถในที่ห้ามจอด สร้างความเดือดร้อนบนท้องถนน ไม่ข้ามถนนตรงทางม้าลาย แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้น่ากังวล เพียงแค่โดนปรับก็ถือว่าหมดเรื่อง

                ศีรษะของแทมินพิงที่กระจกของประตูรถเหมือนเช่นเคย แต่คราวนี้แทมินนั้นหลับตา อาจเป็นเพราะความเหนื่อยล้าจึงทำให้หลับไป มินโฮขับรถไปตามที่อยู่ที่อนยูสั่งให้พาแทมินไป แต่ในใจก็ยังนึกเรื่องบางอย่างที่ทำให้ข้องใจ ได้แต่คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ควรเอามาคิด และมันก็คงเป็นไปไม่ได้และจะให้พิสูจน์หาความจริงก็ยาก มินโฮจึงตั้งใจขับรถต่อจนถึงที่หมาย

                “คุณแทมินครับ..”

                “...”

                “คุณแทมินครับ ถึงแล้วครับ” มินโฮพูดเสียงให้ดังขึ้น จนแทมินเริ่มรู้สึกตัวและขยับเปลือกตาขึ้น แทมินมองลอดผ่านหน้าต่าง จึงเห็นว่าที่ที่มินโฮพามานั้นไม่ใช่บ้าน แต่เป็นย่านธุรกิจแถบชานเมืองที่ตนนั้นไม่ได้มาบ่อย

                “ทำไมถึงมาที่นี่ล่ะ”

                “คุณอนยูบอกให้ผมพาคุณแทมินมาที่นี่” แทมินลงจากรถโดยอัตโนมัติ ถึงจะไม่ค่อยเชื่อว่ามินโฮให้อนยูพามาที่นี่ก็เถอะ เป็นเพราะเวลาจะไปไหนถ้าอนยูจะให้ไปเจอที่ไหน อนยูจะเป็นคนไปรับแทมินเองเสมอ มินโฮนำแทมินเดินไปยังที่อยู่ที่เขียนไว้ในเศษกระดาษ ซึ่งเขาก็ได้ยืนอยู่ตรงหน้าที่แห่งนั้นแล้ว มันดูเหมือนจะเป็นบ้านของใครบางคน มีเพียงแค่ชั้นเดียว

                มือขาวๆของแทมินจับที่จับประตูแล้วดึงมันเข้าหาตัวให้ประตูเปิดออก ข้างในนั้นว่างเปล่าไร้ซึ่งอุปกรณ์เครื่องใช้ใดๆ ภายในนั้นกว้างกว่าจากที่มองแค่ข้างนอก เพราะผนังสีขาวที่เพิ่งทา กลิ่นสียังคงหลงเหลือให้ได้กลิ่นมัน

                “อ้าว มาแล้วหรอแทมิน” พี่ชายของตนที่เดินมาจากภายในที่ไหนสักแห่งส่งเสียงให้

                “ทำไมพี่อนยูไม่ไปรับแทมินล่ะ แล้วนี่มันที่ไหนหรอพี่อนยู เราจะย้ายบ้านหรอ” คำถามมากมายถูกเอ่ยถามจากบุคคลที่สงสัย

                “ก็อยากไปรับเอง แต่พี่ติดงานสำคัญ นี่ก็รีบขับรถมาเร็วที่สุดเลยนะเนี่ย! เป็นไงแทมิน ชอบที่นี่ไหม” แขนของอนยูพาดลงบนไหล่ของแทมิน แล้วชี้ไปรอบๆ

                “สรุปเราจะย้ายบ้านหรอ”

                “บ้า จะย้ายทำไมล่ะ.. เอาล่ะ นี่คือการเซอร์ไพรส์จากพี่นะแทมิน พี่ซื้อที่นี่ให้ เอาไว้ให้แทมินเปิดร้านดอกไม้ เซอร์ไพรส์!!” อนยูยิ้มกว้างเมื่อได้บอกความจริงกับแทมินถึงเหตุผลของที่นี่ แทมินมองหน้าอนยูแล้วยิ้มกลับ มินโฮที่ยืนนิ่งอยู่ตรงประตูแอบยิ้มออกมาเล็กๆในภาพของพี่น้องสองคนที่ยืนยิ้มให้กันอย่างมีความสุข

                “ขอบคุณนะพี่อนยู ไว้ขายได้เยอะๆแล้วแทมินจะคืนเงินให้นะ แล้วเรื่องจะเปิดร้านนี่คืบหน้าไปถึงไหนแล้วล่ะ ให้พี่ช่วยอะไรไหม”  

                “ไม่ต้องแล้ว แทมินจัดการไว้ทุกอย่างแล้ว โชคดีที่ได้ที่ปรึกษาดี ตอนแรกแทมินจะแนะนำให้พี่อนยูรู้จักกับที่ปรึกษาของแทมินนะ พี่เขาน่ะสวย แล้วก็เก่ง แถมยังใจดีอีกด้วย แต่น่าเสียดายที่พี่เขาแต่งงานแล้ว รู้สึกว่าเขาก็จะรุ่นเดียวกับพี่อนยูด้วยมั้ง”

                แทมินอดเสียดายไม่ได้ที่คีย์ที่แทมินอยากแนะนำให้กับอนยูรู้จัก มีเจ้าของเป็นตัวเป็นตนไปซะแล้ว ก็แน่ล่ะ คนที่มีเสน่ห์และน่าครอบครองอย่างคีย์หากไม่มีเจ้าของล่ะก็น่าแปลก แทมินก็แค่อยากให้พี่ชายที่แสนดีของตัวเองมีคนรักที่ดีบ้าง

                “ไว้มีคนที่พร้อมจะดูแลปกป้องน้องสาวของพี่เมื่อไหร่ ถึงวันนั้นแทมินค่อยหาให้พี่นะ ตอนนี้พี่สนใจแค่น้องสาวของพี่เท่านั้นละนะ” อนยูกระซิบกับแทมินเบาๆแล้วบีบแก้มของแทมินไปมา

                “เออนี่มินโฮ นายก็ไปเดินดูรอบๆนี่ด้วยกันสิ” อนยูชวนมินโฮที่ยืนนิ่งอยู่ตรงประตูอยู่นาน

                “ไม่ล่ะครับ เชิญคุณอนยูกับคุณแทมินเถอะครับ”

                “เรียกว่าพี่อนยูเหมือนที่เคยเรียกเถอะ นายเรียกคุณอนยู บอกตามตรงว่าพี่ไม่ชิน.. อืม ก็แล้วแต่นายละกัน ไปดูรอบๆกันแทมิน พี่ให้เพื่อนที่เป็นสถาปนิกมาช่วยดู เผื่อแทมินจะอยากให้แก้อะไร” หลังจากนั้นแทมินกับอนยูก็เดินไปข้างหลัง ให้มินโฮยืนรออยู่ข้างหน้าเฉยๆ

     

              คุณแทมินในตอนนี้ไม่เหมือนกับที่ผมรู้จักเลย คงจะดีถ้าคุณแทมินจะเป็นแบบตอนที่อยู่กับพี่อนยู

     

     

               

                .

                .          

                .

                .

                .

                .

                .

                .

                .

                .

                .

                .

     

     

     

                อนยูมีงานต่อหลังจากไปดูสถานที่ตั้งร้านดอกไม้ของแทมินแล้ว จึงให้แทมินกลับบ้านกับมินโฮ แทมินดูมีความสุขมาก แตกต่างกับตอนนั่งรถมา มินโฮเองก็โล่งใจ

                รถเคลื่อนจอดเข้าบริเวณโรงรถ เครื่องยนต์ถูกดับลงเมื่อรถจอดเข้าที่

                “เดี๋ยวตามฉันไปข้างในบ้านหน่อย” เจ้านายสั่งลูกน้องสั้นๆแล้วเดินลงจากรถนำเข้าไปในบ้าน มินโฮรีบจัดการกับรถให้เรียบร้อยแล้วเดินเข้าไปในบ้านกลางซึ่งเป็นบ้านที่อนยูกับแทมินอยู่

                “นั่งก่อนสิ” แทมินให้มินโฮนั่งลงที่โซฟาสีขาวในห้องรับแขก มินโฮก็นั่งลงอย่างเกร็งๆ

                “สิ้นเดือนนี้ฉันจะเรียนจบมหาลัยแล้ว” แทมินเอ่ยบอกมินโฮ

                “หลังจากเรียนจบฉันจะเปิดร้านดอกไม้ วันนี้นายไปด้วยกันก็น่าจะพอรู้อยู่.. ฉันคิดว่าการที่นายต้องคอยดูแลฉัน คอยรับส่ง ไปไหนมาไหนด้วยน่ะ คงไม่จำเป็นแล้ว” การที่เรียนจบ หมายความว่าแทมินควรจะโตเป็นผู้ใหญ่ ควรที่จะเลิกการที่ต้องมีบอดี้การ์ดอะไรแบบที่อนยูต้องการ

                “ผม..จะโดนไล่ออกหรอครับ” การที่แทมินพูดแบบนี้ สำหรับคนอย่างมินโฮ มันแปลความได้แค่อย่างเดียว

                “ไม่หรอก ก็พี่อนยูจ้างนายมา ฉันมีสิทธิ์อะไรจะไล่ออก ฉันแค่คิดว่าจะให้นายไปทำงานที่ร้านกับฉันด้วย ฉันจะจ่ายเงินเดือนให้นายเอง จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาคอยตามฉัน การที่เอาแต่คอยตามรับส่ง คอยดูแลน่ะมันไม่ใช่เรื่องสนุกเลย มันน่าเบื่อใช่ไหมล่ะ นายจะได้มีชีวิตเป็นของตัวเองสักที”

                สำหรับแทมิน หน้าที่ของมินโฮนั้นดูเป็นหน้าที่ที่ดูเสียเวลาและการเป็นอิสระ แทมินจะไปไหน มินโฮก็ต้องคอยไปด้วย แทมินจะทำอะไรนานๆ มินโฮก็ต้องนั่งรอ แทมินไม่เข้าใจว่าทำไมอนยูต้องทำแบบนี้

                สิ่งที่เรียกว่าอันตรายสำหรับแทมินน่ะ.. มันผ่านพ้นมาตั้งนานแล้ว      

                “นายก็ลองเอาไปคิดดูละกันว่านายอยากจะไปทำงานที่ร้านดอกไม้กับฉันไหม ถ้านายไม่อยาก อยากจะลาออกก็บอกฉันได้ ฉันจะคุยกับพี่อนยูให้”

                “คุณแทมินจะให้ผมทำอะไร ผมก็ทำทั้งนั้นแหละครับ ตามใจคุณแทมิน”

                “อื้ม.. ฉันไม่มีอะไรแล้วล่ะ นายจะไปพักผ่อนก็ไปเถอะ ขอโทษที่ต้องรบกวนเวลาส่วนตัวนายนะ” พูดจบ ร่างบางก็ลุกขึ้นแล้วเดินขึ้นบันไดไปพักผ่อนของตัวเองทันที

                ในเมื่อการดูแลแทมินเป็นหน้าที่ของเขา เขาจะปฏิเสธได้อย่างไร..

     

     

                .

                .          

                .

                .

                .

                .

                .

                .

                .

                .

                .

                .

     

                ถึงช่วงสุดท้ายในรั้วมหาวิทยาลัยของแทมินแล้ว สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นสัปดาห์สอบปลายภาค แทมินอยู่บ้านอ่านหนังสือในวันที่ไม่มีสอบอยู่บนห้องคนเดียว และไม่ได้ออกไปไหน และมินโฮก็ไม่ได้เจอกับแทมินในช่วงนี้ ทำให้มินโฮเองก็ว่างมากกว่าที่ว่างเป็นปกติ ในวันที่มีสอบอนยูก็จะไปส่งแทมินเอง มินโฮเลยเหมือนคนตกงานเข้าไปทุกที ช่วงนี้สถานะบอดี้การ์ดของมินโฮได้ลดลงไปกลายเป็นคนใช้ในบ้านไปชั่วคราว เนื่องจากไม่อยากจะอยู่เฉยๆกินเงินเดือนเปล่า เลยมีหน้าที่ล้างรถ ตัดหญ้า ทาสีที่พักคนใช้และอีกหลายอย่าง

     

                “นายขยันแบบนี้ฉันต้องเพิ่มเงินเดือนให้ไหม” เสียงที่คุ้นเคย แต่ไม่ได้ยินในพักนี้ถูกส่งเสียงอยู่ในระยะใกล้ๆ มินโฮวางสายยางที่กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ลง แล้วปิดก๊อกน้ำที่อยู่ใกล้ๆมือ

                “เอ่อ.. คุณแทมินมีอะไรหรือเปล่าครับ ถึงได้เดินมาถึงที่นี่”

                “ก็โทรหานายแล้วไม่รับนี่ แต่มันไม่ลำบากหรอกไม่ต้องห่วง.. นายไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันที่รถ” แทมินมาเพียงแค่พูดสั้นๆแล้วก็เดินจากไป มินโฮเกาหัวงงๆกับคำสั่งของแทมิน

                แต่ก็นะ แทมินมีหน้าที่สั่ง มินโฮก็มีหน้าที่แค่ทำตาม

     

     

     

     

     

               

                มินโฮกับแทมินมาในสถานที่ที่มาเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน มันก็คือที่ตั้งของร้านดอกไม้ของแทมิน ในตอนนี้ภายในถูกตกแต่งไปบางส่วน แทมินใช้เวลาช่วงว่างๆแอบออกมาดูของตกแต่งร้าน ใช้เวลาว่างๆบางช่วงในการวางแผนร้าน ตอนนี้แทมินสอบเสร็จแล้ว อะไรๆก็เลยสามารถทำได้อย่างเต็มที่

                แทมินนั่งลงที่โต๊ะในมุมนั่งเล่นของร้าน มินโฮเองก็ถูกดึงให้นั่งอยู่ข้างๆ

                “วันนี้ฉันนัดสัมภาษณ์คนที่จะมาทำงานในร้าน ฉันเองก็ดูคนไม่ค่อยเก่ง ฉันคิดว่านายน่าจะทำเรื่องแบบนี้ได้ดี เพราะงั้นตอนสัมภาษณ์ฉันจะให้นายนั่งอยู่ด้วย”

                “ผม.. ดูคนไม่ค่อยเก่งหรอกครับ”

                “ฉันไม่รู้ว่าความจริงนายเป็นยังไงหรอกนะ แต่นายน่ะรู้สถานการณ์ดี ว่าอะไรควรพูด อะไรควรทำ คนแบบไหนที่จะเข้ากับฉันได้นายคงน่าจะรู้” แทมินพูดจบ ประตูของร้านก็ถูกเปิดออก ซึ่งก็คงเป็นคนที่จะมาสัมภาษณ์งานที่นี่

     

                ศึกของการสัมภาษณ์งานได้เริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้

     

                “ฉันชื่อจองซูจอง ฉันมีดีที่หน้าตา ฉันคิดว่าฉัน คุณแทมิน แล้วก็..คุณผู้ชายที่นั่งตรงนั้น หน้าตาของพวกเราน่าจะเข้ากันได้ดีนะคะ” แทมินหันไปมองมินโฮ มินโฮส่ายศีรษะ แน่นอนว่าคนนี้.. ไม่ผ่าน

                “ฉันชื่ออีมินยอง ฉันเต้นเก่ง ตัวอ่อน บ้าบอ กล้าแสดงออก ถ้าคุณได้ฉันไปทำงานรับรองว่าร้านของคุณจะต้องมีสีสันเพราะฉันแน่ๆค่ะ!!” เธอคนนี้นั้นดูมั่นใจ แต่ความสามารถของเธอไม่ใช่ที่แทมินต้องการ

                และคนอีกประมาณสิบกว่าคนเข้ามาสัมภาษณ์งาน แต่ทุกคนล้วนไม่ถูกใจแทมินและมินโฮ บางคนก็มีความสามารถพิเศษแปลกๆ มีบุคลิกแปลกๆ ซึ่งมันไม่ได้ตรงกับที่ร้านต้องการเลย เวลาล่วงเลยผ่านไปเกือบห้าโมงเย็น  ก็ยังไม่สามารถหาคนที่จะทำงานร่วมกันได้เลย มินโฮนั่งอยู่นานก็เกือบจะหลับอยู่หลายรอบ แต่แทมินนั้นยังคงตาสว่างและรอคอยเผื่อว่าจะมีใครมาอีก

                ในขณะที่เงียบอยู่พักใหญ่ เสียงกระดิ่งหน้าประตูร้านก็ดังกรุ๊งกริ๊ง เป็นเพราะคนที่ผลักประตูเข้ามา แทมินและมินโฮหันไปยิ้มให้คน.. ทั้งสองที่เดินเข้ามาด้วยกัน แต่คนแรกที่เดินเข้ามานั้นหน้าตาออกจะบึ้งตึงไปสักหน่อย อีกคนที่ตามเข้ามาก็สีหน้าดูไม่ดีสักเท่าไร แต่ก็ยังดูดีกว่าคนแรก

                “ขอโทษฮะ ยังสัมภาษณ์งานได้อยู่หรือเปล่า” คนที่หน้าตาบึ้งๆถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ ฟังดูก็พอจะรู้ว่ากำลังไม่พอใจอะไรบางอย่างอยู่

                “ได้..ได้ครับ เชิญนั่งก่อนครับ” แทมินเชิญให้ทั้งสองคนนั่ง

                “โชคดีนะมาทัน!! ไปไกลๆเลยพี่คริส เห็นหน้าแล้วหงุดหงิด!!!” ทั้งแทมินและมินโฮแอบสะดุ้งกับเสียงดังๆที่สาวหล่ออารมณ์บ่จอยดุกับหนุ่มร่างสูงหน้าตาหล่อเหลาที่มาด้วยกัน

                “ไอ้พี่คริส บอกให้ไปไกลๆไง จะมานั่งทำไมเนี่ย แอมจะสัมภาษณ์งาน!!” คนที่แทนตัวเองว่า แอมไล่ดุคนที่ถูกเรียกว่า พี่คริสอย่างขัดใจ

                “พี่เองก็จะสัมภาษณ์งานที่นี่ ถ้าแอมทำที่นี่ พี่ก็จะทำที่นี่!

                “อย่ามาทำตัวเป็นเด็กดิ๊พี่คริส!

                “พี่ก็แค่ทำตามใจตัวเอง พี่เป็นเด็กตรงไหนหะแอมเบอร์!” ทั้งสองคนดูจะเถียงกันไม่หยุด ไม่รู้ว่าทั้งสองคนทะเลาะอะไรกัน แต่ตอนนี้เหตุการณ์เริ่มจะรุนแรงขึ้นทุกที เมื่อสาวหล่อหยิบแฟ้มในมือขึ้นมาเตรียมจะตีหัวหนุ่มหล่อ แต่โชคดีที่มินโฮกับแทมินช่วยกันรั้งมือของสาวไว้ได้ทัน ไม่งั้นอีกคนจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้

                “ใจเย็นๆกันก่อนนะครับ”

                “นั่นสิครับ ใจเย็นๆครับ ใจเย็นๆ..” มินโฮกับแทมินช่วยกันพัดให้ทั้งสองคน จะได้มีสติขึ้นมา จนดูท่าว่าจะอารมณ์เย็นขึ้นมาแทมินจึงได้เริ่มคุย

                “สวัสดีฮะ.. เอ้ย!! สวัสดีค่ะ ผม.. เอ่อ.. ฉันชื่อ..”

                “พูดตามสบายเถอะครับ” แทมินสงสารสาวหล่อที่พูดตะกุกตะกักเพราะความไม่ชินที่จะต้องพูดแบบผู้หญิงละมั้ง

                “สวัสดีฮะ ผมชื่อแอมเบอร์ หลิว เป็นคนจีนที่ย้ายมาอยู่เกาหลี เคยเป็นนักเรียนเร่ร่อนอยู่ที่อเมริกาเมื่อสองปีก่อน แล้วก็กลับมาเกาหลีอีกครั้ง ดังนั้นผมสามารถพูดได้สามภาษาคือจีน เกาหลี และอังกฤษ เมื่อตอนเด็กๆผมเป็นผู้หญิง แต่พอเข้ามัธยมผมตกหลุมรักสาวคนหนึ่งซึ่งสวยมาก ผมจึงเป็นทอม พอไปอยู่อเมริกาผมเจอกับฝรั่งหล่อๆมากมาย ผมจึงกลับใจเป็นผู้หญิงอีกครั้ง แต่มันเคยชินกับการทำตัวแบบทอมๆ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงเป็นผู้หญิงห้าวเฉยๆฮะ”

                แทมินกับมินโฮที่ก้มหน้าอ่านแฟ้มผลงานของแอมเบอร์อยู่และฟังประวัติของแอมเบอร์ก็แอบขำออกมา คนหล่อๆที่นั่งอยู่ข้างๆเองก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น

                “แล้ว.. ถ้าเรารับคุณเข้าทำงาน คุณจะสามารถทำอะไรได้บ้าง”

                “สมัยตอนที่ผมเป็นเด็กๆ เป็นผู้หญิงเนี่ยนะ แม่ผมเคยส่งผมไปเรียนจัดดอกไม้ จนได้ใบประกาศการจัดดอกไม้ขั้นสูงจากสำนักศิลปะชื่อดังของจีน ซึ่งใบประกาศ  รูปฝีมือการจัดดอกไม้ขอผม รางวัลที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ก็อยู่ในแฟ้มนั่นไง” แทมินยิ้มออกมากับผลงานของแอมเบอร์ ซึ่งขัดกับบุคลิกของคนที่นั่งอยู่ตรงหน้านี้โดยสิ้นเชิง

                “แล้วคุณอีกคน.. จะสัมภาษณ์ด้วยไหมครับ” มินโฮถามรอระหว่างที่แทมินกำลังดูงานของแอมเบอร์

                “อ๋อครับ ผมขอแนะนำตัวว่าผมชื่อคริส ชื่อจีนว่าอู๋อี้ฟาน เป็นคนจีน ผมย้ายไปอยู่แคนาดา แต่แม่ผมอยากใช้ชีวิตแบบอเมริกันสไตล์ผมก็เลยย้ายไปอยู่อเมริกา บังเอิญเจอแอมเบอร์ที่นั่น ผมตกหลุมรักเธอทันที แต่แอมเบอร์ไม่ชอบผม ผมไม่ละความพยายาม จึงตามเธอกลับมาเกาหลี แต่เธอก็ยังไม่ใจอ่อนกับสักที.. แอมเบอร์พูดได้สามภาษา แต่ผมพูดได้ถึงสี่ ผมพูดภาษาแมนดาริน กวางตุ้ง อังกฤษ และเกาหลีได้อย่างไม่ผิดเพี้ยนสักภาษาเดียว ผมยังเคยเป็นนักเรียนทุนของมหาวิทยาลัยชื่อดังในเกาหลี แต่ตอนนี้ผมเรียนจบแล้ว ผมจึงตัดสินใจทำตามความฝันของผมที่จะทำงานที่เดียวกับแอมเบอร์ มาสมัครงานที่นี่ครับ” พูดจบคริสก็ยิ้มโชว์ฟันสวยๆของตัวเอง

                “เงิง!!” แต่ยังไม่วายจะถูกคนข้างๆแขวะ

                “แฟ้มประวัติผมเพิ่งจะตกน้ำไปก่อนหน้าจะมาที่นี่สองชั่วโมง แต่ผมมีความสามารถจะแสดงให้คุณทั้งสองคนดู”

                ว่าจบคริสก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าของเสื้อฮู้ด ซึ่งก็มีแค่ผ้าเช็ดหน้าเปล่าๆผืนหนึ่ง คริสกางผ้าเช็ดหน้าสีเทาลงบนมือข้างซ้าย มืออีกข้างก็ยกขึ้นเหนือมือที่กางผ้าเช็ดหน้าไว้ คริสตะครุ่มๆมือข้างขวาอย่างแผ่วเบา พยายามจะส่งพลังจิตไปยังอีกมือหนึ่ง ทันใดนั้นผ้าเช็ดหน้าก็ลอยขึ้นอย่างช้าๆ คริสกระชากมือขวา ส่งผลให้พลังจิตที่ส่งไปยังผ้าเช็ดหน้าสีเทาลอยขึ้นเหนืออากาศอย่างแรง อีกสามชีวิตที่นั่งจ้องอยู่นั้นถึงกับอึ้ง เพราะผ้าเช็ดหน้าธรรมดาๆที่เคยอยู่ในมือคริส ตอนนี้มันกลับพันอยู่รอบดอกกุหลาบสีแดง ที่ไม่มีในตอนแรก และมันก็ได้ตกลงจากอากาศมายังมือคริส และคริสก็ได้ส่งมันให้กับแอมเบอร์ที่เขาตามจีบอยู่นั่นแหละ

                แทมิน มินโฮ และแอมเบอร์ต่างอึ้งกับสิ่งที่คริสเพิ่งทำไป จะว่ามันคือมายากลก็ไม่ใช่ มันคือสิ่งเหนือธรรมชาติก็คงอาจจะไม่ใช่อีก        “เป็นไงบ้างครับ ความสามารถพิเศษของผม.. แอมเบอร์อ่า หายโกรธพี่เถอะนะ พี่ให้กุหลาบวิเศษจากใจพี่เลยนะเนี่ย” ระหว่างที่แทมินกับมินโฮกำลังงงๆกับสิ่งที่คริสเพิ่งทำไป หนุ่มหล่อเลยใช้เวลานั้นง้อสาวหล่อที่โกรธกันในตอนแรกด้วยกุหลาบที่เขาเสกมันขึ้นมา แทมินและมินโฮหันไปมองหน้ากัน แล้วพยักหน้าให้กันช้าๆ

                “ตกลงว่าเรารับคุณสองคนเข้าทำงาน ยินดีด้วยนะครับ คุณแอมเบอร์กับคุณคริส” แทมินยิ้มกล่าวแสดงความยินดีกับผู้ร่วมงานคนใหม่ทั้งสอง

                “ขอบคุณฮะ ขอบคุณจริงๆที่รับผมเข้าทำงาน” แอมเบอร์ก้มศีรษะขอบคุณใหญ่ คริสเองก็ทำเช่นเดียวกัน

                “ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้งนะครับ ผมชื่ออีแทมิน เรียกผมว่าแทมินเฉยๆก็ได้ เพราะว่าผมเป็นรุ่นน้องของคุณแอมเบอร์กับคุณคริส.. คนที่นั่งข้างๆผมชื่อชเวมินโฮ เป็นผู้ช่วยของผม”

                “ผมชเวมินโฮ อายุ 24

                “ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ พี่มินโฮ~ ต่อจากนี้เรียกว่า แอม เฉยๆก็ได้นะคะ” แอมเบอร์เกิดอาการสาวแตกชั่วขณะเมื่อมินโฮเอ่ยเสียงทุ้มอันเป็นเสน่ห์แนะนำตัว ดูท่าทางแอมเบอร์จะแอบอายมินโฮอยู่นิดหน่อย คริสเกิดอาการหึงเข้าไส้แต่ทำอะไรไม่ได้

                “งั้นผมจะเรียกคุณแทมินว่า น้องแทมิน แล้วน้องแทมินก็เรียกผมว่า พี่คริส ดีไหมครับ น้องแทมินคนสวย” คริสยิ้มเงิงร่าเริงหันมาสนใจแทมินบ้าง ประชดแอมเบอร์ที่สนใจแต่มินโฮนั่นแหละ

                “คือผม.. ผู้ชายครับ พี่คริส” แทมินแก้ตัวที่คริสบอกว่าตัวนั้นสวยคริสเกาหัวอายนิดหน่อยที่เข้าใจผิด

                เอาเถอะ อย่างน้อยวันนี้ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี..

     

                .

                .          

                .

                .

                .

                .

                .

                .

                .

                .

                .

                .

     

     

               

     

                วันนี้เป็นวันรับปริญญาของแทมิน แทมินเลยตื่นตั้งแต่เช้ามืด ไม่ใช่เพราะตื่นเต้นกับการรับปริญญาแต่อย่างใด แทมินถือกุญแจรถสำรองที่อยู่กับตัว เปิดประตูรถที่จอดอยู่บริเวณโรงรถ แล้วขับเคลื่อนออกไปโดยไม่บอกมินโฮ เพราะแทมินต้องการที่จะไปที่ที่ต้องการไปเพียงแค่คนเดียว

                รถคันหรูของแทมินจอดเทียบหน้าร้านดอกไม้ที่มาอยู่บ่อยครั้ง คุณป้าคนสนิทยืนถือช่อดอกไม้สีเหลืองอร่ามอยู่ในมือ แทมินเปิดกระจกรถลงส่งยิ้มให้กับคุณป้าที่คงยืนรออยู่นาน

                “คุณป้าคะ หนูมาแล้วค่ะ ขอโทษนะคะที่ทำให้คุณป้าต้องตื่นแต่เช้า” นี่มันก็นานมาแล้วที่ตัวเองไม่ได้พูดแบบอยู่หญิงอย่างนี้

                “ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ป้าดีใจจังที่ได้เจอหนูอีกครั้ง หายไปซะนานเลยนะ อ่ะนี่จ้ะ ดอกไม้แบบเดิม” ดอกไม้ช่อสีเหลืองสวยงามส่งมาให้แทมิน ท่ามกลางสีเหลืองของดอกทานตะวัน ก็มีดอกไม้สีแดงแต้มอยู่ตรงกลาง นี่คือช่อดอกไม้ของแทมิน ที่ไม่ว่าจะกี่ปี ก็ยังคงเป็นแบบเดิมไม่เคยเปลี่ยน

                “ขอบคุณนะคะป้า ต่อจากนี้หนูคงไม่ได้เจอหน้าคุณป้าบ่อยๆแล้ว หนูเองก็จะเปิดร้านดอกไม้เร็วๆนี้ แต่คุณป้าไม่ต้องห่วงนะคะ หนูไม่แย่งลูกค้าคุณป้าแน่ๆ”

                “น่าเสียดายจังเลยนะ ที่พ่อหนุ่มคนนั้นไม่ได้อยู่กับหนูในวันที่ฝันของเขาเป็นจริง.. อ่า ป้าขอโทษนะที่พูดถึงเรื่องนั้น มันคงทำให้หนูคิดถึงเขาสินะ..” คุณป้าขายดอกไม้ที่รู้เรื่องแทมินอย่างดีหลุดปากพูดในสิ่งที่คิดว่าตัวเองไม่ควรพูดออกไป

                ใช่ คุณป้าพูดถูก อีแทมินคนนี้คิดถึงเขาคนนั้นมาก แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย มีเพียงแค่ความคิดถึงฝ่ายเดียว ไม่รู้ว่าอีกคนนั้นจะคิดถึงเธอบ้างไหม

                “ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณป้า คุณป้าไม่ได้พูดอะไรผิดหรอกค่ะ.. อ่ะนี่ค่ะคุณป้า ค่าดอกไม้”

                “ไม่ต้องๆ ถือซะว่าเป็นของขวัญจากป้าละกันจ้ะ วันนี้เป็นวันรับปริญญาของหนูไม่ใช่หรอ” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของบุคคลทั้งสอง แทมินรู้สึกขอบคุณคุณป้าคนนี้จริงๆ ที่ยังคงจำทุกเรื่องราวของแทมินได้ และรู้ความจริงเรื่องของแทมิน แต่ก็ไม่เคยนำไปเล่าให้ใครฟัง

                “คุณป้าคะ หนูขอบคุณคุณป้ามากนะคะ.. หนูไปแล้วนะคะคุณป้า รักษาสุขภาพด้วยนะคะ” เมื่อล่ำลากันเสร็จ กระจกรถก็ถูกเลื่อนขึ้น แทมินจ้องมองช่อดอกไม้ในมืออย่างทะนุถนอม ก่อนจะขับเคลื่อนรถไปยังที่หมาย

     

     

                ที่นี่อยู่ไม่ห่างจากบ้านของแทมินนักไม่นานก็ถึง แทมินปรับกระจกในรถให้อยู่ในรัศมีใบหน้าของตน แล้วหยิบหมวกรับปริญญาที่อยู่เบาะข้างมาสวมแล้วจัดให้ดูดี ยิ้มบางๆถูกคลี่ออกมา เมื่อเรียบร้อยก็หันไปหยิบช่อดอกทานตะวันแกมกุหลาบแดงออกจากรถไป

                ท้องฟ้ายามตีห้าที่เริ่มใกล้สว่างแล้วทำให้แทมินรีบเร่งฝีเท้า รอบกายของแทมินมีแต่ป้ายหินอ่อนสลักชื่อกับดอกไม้เรียงรายกันอยู่.. ที่นี่คือสุสานของโบสถ์แห่งความทรงจำของแทมิน แม้รอบกายจะมีแต่สิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่ล่วงลับไป แทมินก็ไม่ได้กลัวแต่อย่างใด

                ช่อดอกทานตะวันสีเหลืองอร่ามกับกุหลาบแดงหนึ่งดอกในมือถูกวางลงอย่างช้าๆที่ป้ายหินอ่อน ที่สลักชื่อสีทอง

     

              ‘Kim Jongin’

     

                “อรุณสวัสดิ์นะไค นี่แทมมาปลุกไคหรือเปล่าเนี่ย..” น้ำเสียงหวานที่ไม่ค่อยใช้ในการพูด กล่าวเอ่ยคุยกับใครอีกคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ มีเพียงแค่คำพูดที่ส่งไปกับหัวใจให้เขาคนนั้นได้ยิน

                “ไคเห็นแทมไหม แทมใส่ชุดอะไรอยู่น้า.. ” มือเรียวลูบเสื้อครุยชั้นนอกกับหมวกรับปริญญาที่อยู่บนศีรษะตัวเองไปมาเบาๆ

                “วันนี้น่ะเป็นวันรับปริญญาของแทม แทมเรียนจบแล้วนะ ไคดีใจใช่ไหมล่ะ.. น่าเสียดายจัง ที่ไคไม่อยู่แสดงความยินดีกับแทม แทมเองก็เสียดายที่ไม่ได้แสดงความยินดีกับไค ถ้าไคอยู่ วันนี้เราคงมีรูปรับปริญญาด้วยกันแล้ว”

                “อีกไม่กี่วันแทมจะเปิดร้านดอกไม้แล้วนะ แทมตั้งชื่อร้าน Twoin เหมือนที่ไคเคยบอกเอาไว้.. ตอนนี้แทมทำตามสัญญาที่ให้กับไคไว้ได้สองข้อแล้ว แต่ข้อสุดท้าย.. ทำไมแทมยังทำมันไม่ได้สักทีล่ะไค ขออะไรยากเกินไปหรือเปล่า..” ดวงตาคู่สวยของแทมินเริ่มปริ่มด้วยน้ำใสๆรอบดวงตา แต่มันยังไม่ถึงกับไหลออกมา

                หากย้อนไปในวันเวลาที่ผ่านมา แทมินไม่ได้อยากมีชีวิตอยู่ ไม่อยากทนกับความทุกข์และความเจ็บปวดของการได้แต่คิดถึงเรื่องราวในวันเก่า แต่เพราะคำสัญญาที่ได้ให้ไว้กับคนสำคัญของตน จึงทำให้มีพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อทำตามสัญญานั้น

                สัญญาข้อแรก คือการที่แทมินเรียนจบมหาวิทยาลัย

                สัญญาข้อที่สอง คือการที่แทมินเปิดร้านดอกไม้ที่มีชื่อว่า ‘Twoin’

                สัญญาข้อสุดท้ายที่ยังคงค้างคา คือการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับคนที่แทมินรัก คนที่พร้อมจะดูแลแทมินไปตลอดชีวิต ไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นคนที่ขอให้แทมินทำตามสัญญานี้ หรือจะเป็นใครคนใหม่ที่ก้าวเข้ามาในชีวิตก็ตาม

                “แทมตัดสินใจแล้วนะ ว่าแทมจะไม่มาเจอไค จนกว่าแทมจะทำตามสัญญาข้อสุดท้ายได้ ไคคงจะเบื่อที่มากี่ครั้งแทมก็ร้องไห้ มาคราวหน้าแทมจะไม่มากับน้ำตาแล้วนะ.. แทมไปแล้วนะไค แทมจะรีบกลับมาหาไคนะ” แทมินปาดน้ำตาที่เอ่อล้นอยู่ในตา แล้วหันหลังเดินกลับไป

                อีแทมิน ควรจะเริ่มต้นใช้ชีวิตใหม่ต่อจากนี้ ควรลืมอดีตที่ทำให้เจ็บปวด แต่ควรทำให้อดีตนั้นเป็นเพียงแค่ความทรงจำที่ไม่มาทำร้ายตัวเองได้อีก.. ความทรงจำที่จะนำพาแทมินไปสู่ชีวิตดีๆ

     

     

                .

                .          

                .

                .

                .

                .

                .

                .

                .

                .

                .

                .

     

     

     

     

     

                อาจารย์มหาวิทยาลัยคนสวยตื่นเช้ากว่าปกติเล็กน้อย เป็นเพราะวันนี้มีงานรับปริญญาของมหาวิทยาลัย ตนจึงอยากไปร่วมยินดีกับน้องชายคนสนิทและนักศึกษาในชั้นเรียนของตนอย่างแทมิน ในวันนี้เอง คีย์จะพาจงฮยอนไปด้วย ทั้งสองคนจะได้รู้จักกัน เผื่อแทมินจะอยากทำงานที่บริษัทของผู้เป็นสามี หากได้เจอ เธอรับรองว่าจงฮยอนจะต้องถูกใจแทมินไม่น้อย

                คีย์ออกมาจากห้องน้ำในชุดคลุมอาบน้ำสีขาว พบว่าสามีสุดที่รักของเธอยังคงนอนหลับอยู่บนเตียงสีขาว สำหรับคีย์แล้วถือว่าผิดปกติ เพราะจงฮยอนเป็นคนตื่นเช้า หลายครั้งก็เช้ากว่าตัวเองด้วยซ้ำไป

                “จงฮยอน ตื่นได้แล้ว” มือเรียวสะกิดชายหนุ่มที่นอนห่มผ้าอยู่อย่างเป็นระเบียบ เมื่อได้ยินเสียงเรียกจึงทำให้คนที่นอนหลับตาอยู่ขยับศีรษะไปมา

                “รู้สึกตัวก็ลืมตาได้แล้ว วันนี้จงฮยอนต้องไปมหาลัยกับฉันนะ” เสียงพูดออดอ้อนให้อีกคนทำตามคำสั่งเสียที คนที่นอนอยู่พยายามดันตัวขึ้นมาจากเตียง แต่จู่ๆก็ทรุดลงไปนอนกับเตียงอีกครั้ง

                “เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”  มือของคีย์วางแนบลงบนหน้าผากของจงฮยอน ความอุ่นของร่างกายแผ่ส่งมายังมือที่แนบอยู่ มือหนาของคนที่นอนอยู่จับมือของภรรยาออกจากใบหน้าของตน แล้วพยายามยันกายขึ้นมาอีกครั้ง จนลุกขึ้นมานั่งได้

                “ลุกแล้วก็.. ตายแล้วจงฮยอน!!” คีย์ร้องเสียงสูงด้วยความตกใจ ของเหลวภายในร่างกายจงฮยอนถูกอาเจียนออกมา ครั้งเดียวไม่พอยังออกมาซ้ำอีก คีย์รีบวิ่งไปหยิบถุงพลาสติกมาให้จงฮยอนอย่างร้อนใจ กลัวว่าคนรักจะเป็นอะไรมากมาย

                “ปะ..ไปโรงพยาบาลกันเถอะค่ะ.. คุณแม่บ้านคะ!! คุณแม่บ้าน!! ขึ้นมาที่ห้องหน่อยค่ะ!!

     

     

     

     

     

                จงฮยอนนอนหน้าซีดให้น้ำเกลืออยู่บนเตียงในห้องพักคนป่วยของโรงพยาบาล หลังจากอาเจียนไปจนหมดแรง คีย์นั่งเฝ้าจงฮยอนอยู่ไม่ห่าง

                “คุณเป็นญาติของคุณคิมจงฮยอนใช่ไหมครับ” หมอเดินเข้ามาหาคีย์ที่ดูแลจงฮยอน

                “ค่ะ”

                “ตรวจเบื้องต้นดูเหมือนว่าคุณคิมจงฮยอนจะเป็นโรคกระเพาะอาหารนะครับ แต่ไม่ได้ร้ายแรง แค่กินยาตามที่สั่งตามกำหนดก็หายได้แล้ว นอนพักสักคืนนึงพรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้ครับ” ผลตรวจที่ออกมาทำให้คนฟังโล่งใจ จงฮยอนไม่เคยป่วยหนักขนาดนี้มาก่อน คีย์จึงกังวลใจกลัวว่าจงฮยอนจะเป็นอะไรไป

                “ขอบคุณค่ะ”

                “เดี๋ยวพยาบาลจะมาย้ายไปที่ห้องเดี่ยวให้นะครับ งั้นหมอขอตัวก่อน” รายงานผลเสร็จคุณหมอก็เดินไป คีย์หันมาถอนหายใจ โชคดีที่คนรักของตัวเองไม่เป็นอะไรมาก คีย์หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเวลา แถมยังกดโทรออกไปหาคนที่จะคุยด้วย แต่ก็ไม่รับสาย จึงโทรไปหาอีกคนที่คงจะรับสายแทน

              (“สวัสดีครับ”)

                “สวัสดีค่ะคุณมินโฮ ฉันคิมคีย์ค่ะ” อีกฝ่ายน่าจะไม่รู้ว่าตัวเองคือใครจึงแนะนำตัวก่อน

              (“อ๋อ.. คุณคีย์ สวัสดีครับ คุณคีย์..มีเบอร์ผมด้วยหรอครับ”)

                “ขอจากแทมินน่ะค่ะ.. คุณมินโฮคะ แทมินอยู่กับคุณหรือเปล่า ฉันขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมคะ” ปลายสายหยุดพูดไปสักพัก แต่ก็ขณะรอก็มีเสียงดังของผู้คนมากมาย

              (“สวัสดีครับพี่คีย์ พี่คีย์อยู่ไหนครับ เพื่อนแทมินอยากถ่ายรูปกับพี่คีย์”)

                “พี่ไม่ได้ไปมหาลัยวันนี้น่ะแทมิน ตอนแรกพี่ก็ตั้งใจจะไปแสดงความยินดีกับแทมิน แต่สามีพี่เขาป่วยกะทันหันก็เลยไปไม่ได้แล้วล่ะ เสียดายจังเลย”

                (“สามีพี่คีย์เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ”)

                “ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะจ้ะ”

              (“ฝากเยี่ยมสามีพี่คีย์ด้วยก็แล้วกันนะครับ วันนี้พี่คีย์ไม่มาก็ไม่เป็นไร แต่วันเปิดร้านดอกไม้ของผมมะรืนนี้ พี่คีย์ต้องมานะ”)

                “จ้าๆ ไปแน่นอน งั้นพี่ไม่กวนแล้วนะ Congratulations นะจ๊ะแทมิน” พูดจบคีย์ก็วางสายจากแทมิน แล้วหันมาสนใจคนที่นอนอยู่บนเตียงต่อ

                ทุกครั้งที่มองจงฮยอนอย่างจดจ่อเช่นนี้ มันทำให้คีย์นึกถึงใครบางคน..

     

     

               

                .

                .          

                .

                .

                .

                .

                .

                .

                .

                .

                .

                .

     

     

     

     

               

     

                ถึงในวันนี้จะเป็นวันเปิดร้าน แต่ร้านก็ไม่ได้ถูกจัดแต่งอะไรเป็นพิเศษ เพราะมันได้ถูกตกแต่งไว้อย่างดีและสมบูรณ์ที่สุดแล้ว เจ้าของร้านและผู้ช่วยทั้งสามคนต่างก็ตื่นเต้นกับการเปิดร้านวันแรก แทมินกำลังหาของบางอย่างอยู่ ส่วนมินโฮก็ถูกแอมเบอร์ลากไปกินปาท่องโก๋ที่เจ้าตัวเพิ่งซื้อมา คริสก็นั่งกินปาท่องโก๋พร้อมจ้องหน้ามินโฮอย่างอิจฉาที่แอมเบอร์สนใจสลับกับยิ้มหวานให้แอมเบอร์เผื่อคนที่ชอบจะหันมามองตัวเองบ้าง

                “นี่เป็นยูนิฟอร์มของร้านนะ คนละสามตัว” แทมินถือถุงเสื้อมาสามถุงแบ่งให้สามคน แต่ละคนก็รับมาแล้วรีบดูชุดยูนิฟอร์มของร้าน

                “ว๊าวววว ถูกใจอ่ะ!!” แอมเบอร์ชอบใจกับเสื้อที่ได้มา เสื้อชั้นข้างในเป็นเชิ้ตสีขาวแขนยาวประมาณศอก แต่เสื้อชั้นนอกเป็นผ้ากันเปื้อนสีสวย แต่เป็นสีต่างกัน

                แอมเบอร์ได้ผ้ากันเปื้อนสีฟ้าน้ำทะเล มินโฮได้สีเทาเข้มปานกลางเหมาะกับบุคลิกของมินโฮ แต่อีกคนที่ได้ผ้ากันเปื้อนสีชมพูสดใสอย่างคริสถึงกับยิ้มไม่ออก

                “น้องแทมินนนน จะให้พี่คริสใช้สีชมพูจริงๆหรอครับ” พี่คริสคนหล่อออดอ้อนแทมินให้เปลี่ยนสีผ้ากันเปื้อนให้ตัวเอง

                “สีชมพูมันก็เหมาะกับหน้าหล่อๆของพี่คริสดีออก ถ้าสาวๆมาที่ร้านรับรองว่าต้องชอบพี่คริสแน่ๆ” แทมินพูดหว่านล้อมให้คริสใช้มัน เพราะตัวเองก็คงจะไม่ใช้สีชมพูนั่น

                “คนที่พี่อยากให้ชอบก็มีแค่แอมเบอร์คนเดียวเท่านั้นแหละ” คริสเหล่มองไปที่แอมเบอร์ที่ยืนหัวเราะกับสีผ้ากันเปื้อนแสนหวานของคริส

                “ถ้าพี่คริสใส่ พี่แอมเบอร์อาจจะสนใจก็ได้ใครจะไปรู้” แทมินกระซิบเบาๆให้คริสได้ยินเพียงคนเดียว แน่นอนว่าวิธีนี้ของแทมินได้ผล คนตัวสูงถึงกับกำผ้ากันเปื้อนสีหวานสวยไว้ในมือแน่น แล้วหน้าเพ้อจินตนาการไปถึงไหนต่อไหน

                “งั้นก็รีบไปเปลี่ยนชุดกัน ร้านใกล้จะได้เวลาเปิดแล้ว”

     

     

     

     

     

     

                ใกล้เวลาเปิดร้านแล้ว แต่พี่ชายสุดที่รักของตนก็ยังไม่มาเสียที หลังจากอยู่ร่วมงานรับปริญญาแทมินเสร็จ อนยูก็ต้องรีบไปร่วมงานออกร้านเครื่องประดับนานาชาติที่ฮ่องกง ได้ยินจากเลขาส่วนตัวของพี่ชายบอกว่าจะกลับในวันปิดงาน ซึ่งก็คือพรุ่งนี้ แต่เจ้าตัวก็บอกว่าจะพยายามกลับมาวันนี้ให้ได้ เพราะว่าเป็นวันสำคัญของน้องสาวคนเดียวของตัวเอง แน่นอนว่าแทมินเองก็อยากให้อนยูมาอยู่แล้ว

                นอกจากจะคิดถึงพี่ชายคนดีของตัวเอง เจ้าของร้านหน้าหวานก็ยังคิดถึงผู้เป็นบิดาและมารดาที่รักเช่นกัน แทมินไม่ได้โทรไปหาท่านทั้งสองคนบ่อยๆเพราะการติดต่อที่ลำบาก จึงมักใช้การเขียนจดหมายในการสื่อสารกัน แม้จะไม่ได้เขียนจดหมายหาบ่อยๆ แต่ก็ต่างคิดถึงกันผ่านความห่วงใยและความคิดเสมอ

                “เปิดร้านกันเลยไหมครับคุณแทมิน” มินโฮเห็นแทมินยืนมองออกไปนอกร้านอยู่นานแล้วเหมือนรอคอยอะไรบางอย่าง ตอนนี้ถึงกำหนดเวลาเปิดร้านตามฤกษ์ยามที่อนยูไปหามาได้แล้ว

                “เปิดเลยก็ได้ นายไปเปลี่ยนป้ายหน่อยสิ” แทมินใช้ให้ลูกน้องไปเปลี่ยนป้ายเป็น เปิดร้านเดิมทีแทมินจะให้พี่ชายเป็นประธานเปิดร้านให้ แต่ในเมื่อบุคคลคนสำคัญในการเปิดไม่อยู่ ในตอนนี้ไม่ว่าใครก็ทำได้ทั้งนั้น มันไม่ได้สำคัญอะไรเป็นพิเศษ

                “คุณแทมินเป็นคนเปิดเถอะครับ คุณแทมินเป็นเจ้าของร้าน”  บางทีเจ้านายอย่างแทมินก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งลูกน้องบ้าง ร่างบางเดินไปที่ป้ายสัญลักษณ์เปิดปิดร้าน โดยที่มีบอดี้การ์ดร่างสูงเดินตามไป  มือบางกำลังจะพลิกป้ายเปิดร้าน แต่ก็ถูกมือของอีกคนจับไว้

                “ทำไม” แทมินถามถึงเหตุผลที่อีกคนเอามือมาจับมือตัวไว้

                “ถ่ายรูปก่อนสิครับ” มินโฮหยิบโทรศัพท์มือถือที่แทมินเป็นคนซื้อให้ขึ้นมา โดยที่อีกมือก็ยังคงจับมืออีกคนเอาไว้ มินโฮโฟกัสกล้องเอาไว้ที่ใบหน้าและมือของแทมิน แต่ใบหน้าของคนที่กำลังจะเป็นเจ้าของร้านดอกไม้อย่างเต็มตัวนี่มันดูไม่มีความสุขเอาเสียเลย

                “คุณแทมินยิ้มหน่อยสิครับ วันนี้เป็นวันดี” โดนมินโฮสั่งให้ยิ้มคราวนี้ แทมินถึงกับส่งสายตาอาฆาตไปให้

                “นายเองก็ปล่อยมือฉันได้แล้ว จะจับอีกนานไหม” สิ้นคำพูดแทมิน มินโฮก็รีบชักมือกลับโดยอัตโนมัติ

                “จะถ่ายแล้วนะครับ หนึ่ง.. สอง.. คุณแทมินครับ ยะ..ยิ้มหน่อยครับ”

                “ใครเป็นเจ้านายกันแน่ หะ?” ถึงจะพูดประชดแบบนั้นแต่แทมินก็ยอมทำตามคำขอด้วยการยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับกล้อง แล้วหันไปเปิดป้ายจาก ปิดเป็น เปิด

                “ทำอะไรกันอยู่หรอ” คริสที่เห็นสองคนยืนคุยอะไรกันอยู่ก็เลยเดินเข้ามาหา

                “แค่เปิดร้านน่ะ”

                “ร้านเปิดแล้วหรอ เย้!!!!!!!” แอมเบอร์ที่เพิ่งเดินเข้ามาก็ดีใจและปรบมือรัวกับการเปิดร้านวันแรก คริสและมินโฮเองก็ปรบมือแสดงความยินดีกับการเปิดร้านแบบเรียบง่ายเมื่อครู่นี้อีกด้วย

                “ตั้งใจทำงานกันด้วยนะ” แทมินให้โอวาสเล็กๆน้อยๆกับผู้ช่วยทั้งสามคน

     

                กรุ๊งกริ๊งงง  

                 

                “ลูกค้าคนแรกของร้านเราเข้ามาแล้ว” เสียงเปิดประตูร้านทำให้คริสทักขึ้นมา

                “พี่อนยู!” แทมินมองคนที่เดินเข้ามาแล้วรีบวิ่งเข้าไปหาทันที แน่ล่ะสิ แทมินไม่ได้เจออนยูมาหลายวันแล้ว อีกอย่างก็นึกว่าคนๆนี้จะไม่มาในวันเปิดร้านของตัวซะแล้ว

                “กว่าจะเปิดร้านได้ รอตั้งนานแล้วนะเนี่ย” ความจริงอนยูได้รออยู่ในรถซึ่งจอดอยู่ไกลๆให้แทมินไม่เห็นรถ เป็นเพราะอยากจะเซอร์ไพรส์ในการกลับมาของตน

                “นึกว่าพี่อนยูจะไม่มาซะแล้ว”

                “จะไม่มาได้ไง นี่มันวันสำคัญของน้องพี่นะ!!” แทมินยิ้มไม่หุบเพราะความดีใจ

                “อ่า.. ยังไม่ได้แนะนำให้รู้จักเลย นี่คือพี่ชายของผมนะ ชื่อพี่อนยู.. พี่อนยู นี่เป็นผู้ช่วยในร้านของแทมิน คนที่หน้าตาหล่อๆชื่อพี่คริส ส่วนอีกคนชื่อพี่แอมเบอร์”  แทมินแนะนำให้ต่างฝ่ายต่างรู้จักกัน คริสและแอมเบอร์โน้มตัวทักทายอนยู อนยูเองก็ทำเช่นเดียวกันกับทั้งสอง

                “ไหนๆก็มา งั้นพี่ขอสั่งดอกไม้สักช่อแล้วกัน จัดส่งไปที่.. อีแทมิน น้องสาวอีอนยูนะครับ” ว่าแล้วอนยูก็ควักเงินออกมาจ่ายค่าดอกไม้ด้วยธนบัตรจำนวนหนึ่ง

                “จริงหรือเปล่าเนี่ยพี่อนยู” แทมินลังเลที่จะรับเงินนั้น ถึงพี่ชายจะเป็นคนให้มันก็เถอะ

                “เอ้า แลกกับดอกไม้สิครับ”

                “งั้นจะรีบจัดส่งให้นะครับ”

                “คุณอนยู! เราต้องรีบไปแล้ว!!” ขณะที่อนยูกำลังคุยกับแทมินอยู่นั้น เลขาส่วนตัวของอนยูก็รีบวิ่งเข้ามาในร้านให้รีบไปสนามบิน เพราะเครื่องจะออกในอีกครึ่งชั่วโมง หากไม่รีบไปก็จะตกเครื่อง อนยูยกแขนขึ้นมาดูนาฬิกาก็ตาโต เพราะเวลาเหลือไม่มากแล้ว

                “แทมิน พี่ต้องรีบไปขึ้นเครื่อง พี่อาจจะอยู่ที่นั่นต่ออีกสองสามวัน.. มินโฮ ฝากดูแลแทมินด้วยนะ” อนยูรีบพูดและกอดแทมินแบบรีบๆแล้วรีบวิ่งไปขึ้นรถที่จอดรออยู่  

                ถึงจะได้เจอกันแค่แปปเดียวแต่แค่นี้แทมินก็มีความสุขมากแล้ว

     

     

     

     

     

     

     

     

                เพราะเปิดร้านวันแรก ก็เลยยังมีลูกค้าไม่เยอะมากนัก ทำให้วันแรกนั้นไม่เหนื่อยเท่าไร เมื่อถึงเวลาปิดร้าน ทั้งสี่คนก็ช่วยกันปิดร้าน ในขณะที่แทมินกำลังถอดผ้ากันเปื้อนออก โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็สั่นครืด จึงหยุดชะงักการถอดผ้ากันเปื้อนแล้วรับโทรศัพท์ก่อน

              อาจารย์พี่คีย์

                “สวัสดีครับพี่คีย์” แทมินทักทายปลายสายอย่างเรียบง่าย

                (“ขอโทษนะแทมินที่พี่ผิดสัญญาไม่ได้ไปอีกแล้ว วันนี้พี่มีประชุมที่บริษัททั้งวันเลย นี่ก็เพิ่งเลิกประชุม”)         ฟังจากเสียงที่ดูเหนื่อยๆของพี่สาวในโทรศัพท์ก็พอจะรู้อยู่

                “ไม่เป็นไรหรอกพี่คีย์ พี่คีย์เองก็มีงานนี่”

                (“ถ้างั้นวันนี้ไปทานข้าวเย็นกัน เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง อยากกินร้านไหนก็เลือกเลย”) เพื่อไถ่ความผิดที่ผิดสัญญา คีย์จึงจะเลี้ยงข้าวเพื่อไถ่โทษ

                “ร้านอาหารจีนตรงถนนฮงแดดีไหมพี่คีย์”

                (“โอเค งั้นอีกสองชั่วโมงเจอกันที่นั่นนะ”) เมื่อนัดหมายกันเสร็จต่างฝ่ายต่างก็วางสาย แทมินจึงเปลี่ยนชุดต่อ เมื่อเปลี่ยนชุดเสร็จเดินออกมาก็เห็นคริสและแอมเบอร์กำลังจะกลับบ้านกันแล้ว

                “พี่คริสกับพี่แอมเบอร์ เย็นนี้ไปกินข้าวกันไหม เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง” แทมินนึกขึ้นได้ว่าหากไปกินข้าวกับคีย์ก็จะทำให้มินโฮต้องรอ ระหว่างรอมินโฮคงเบื่อ เลยชวนให้คริสและแอมเบอร์ไปด้วยกัน จะได้นั่งกินข้าวเป็นเพื่อนมินโฮ

                “จริงหรอ! / จริงหรอครับ!” ทั้งสองคนตาลุกวาวเมื่อเจ้านายจะเลี้ยงข้าวเย็น

                “จริงสิ ล้อเล่นทำไมล่ะ.. มินโฮ นายพาพี่คริสกับพี่แอมเบอร์ไปรอที่รถก่อน เดี๋ยวฉันจะปิดร้าน” มินโฮพยักหน้ารับคำสั่ง แล้วพาอีกสองคนไปที่รถที่จอดอยู่ใกล้ๆร้าน พอแทมินตรวจเช็คความเรียบร้อยก่อนปิดร้านเสร็จจึงเดินตามไป

     

     

                .

                .          

                .

                .

                .

                .

                .

                .

                .

                .

                .

                .

     

     

     

                สมาชิกร้านดอกไม้ ‘Twoin’ ทั้งสี่คนเดินเข้ามาในร้านอาหารจีนย่านฮงแดที่แทมินได้นัดหมายกับคีย์ไว้ แทมินมาก่อนนัดประมาณสิบนาทีได้ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมาหรือยัง แทมินกวาดสายตาไปรอบๆร้านก็เจอคีย์โบกมือเรียกแทมิน แทมินจึงเดินนำอีกสามชีวิตที่มาด้วยให้เดินตามไป

                “อ้าว นี่พาใครมาด้วยล่ะจ๊ะ” คีย์ถามถึงบุคคลอีกสองคนที่คีย์ไม่รู้จัก ยกเว้นก็แต่มินโฮที่คีย์รู้จักแล้ว

                “อ้อ เป็นพนักงานที่ร้านน่ะครับ เดี๋ยวให้เขานั่งโต๊ะแยกกับเรา..”

                “ไม่ต้องหรอกจ้ะ นั่งด้วยกันหมดนี่แหละ สนุกดี” ตอนแรกแทมินกะจะให้อีกสามคนนั่งโต๊ะข้างๆกัน แต่เพราะคีย์ดูท่าจะชอบกับการที่มีคนมาด้วยเยอะๆเลยชวนให้อีกสามคนนั่งด้วยกัน คีย์เดินนำทั้งสี่คนไปยังโต๊ะอาหารที่จองไว้ก่อนแล้วล่วงหน้า

                “น้องจ๊ะ ขอเก้าอี้เพิ่มสามตัวจ้ะ” คีย์บอกกับพนักงานที่เดินสวนกัน  คีย์หยุดที่โต๊ะอาหารที่มีคนนั่งรออยู่ ไม่ใช่ว่ามีแค่ฝ่ายแทมินที่พาคนของตัวเองมากินข้าวด้วย แต่ฝ่ายคีย์ก็พาใครอีกคนมาด้วยเช่นกัน

                “เชิญนั่งได้เลยจ้ะ” คีย์นั่งลงตรงที่ว่างข้างบุคคลที่นั่งรออยู่ก่อนหน้า แทมินจึงอ้อมไปนั่งที่เก้าอี้ตรงข้าม

                แต่ยังไม่ทันได้นั่ง ก็เหมือนมีอะไรบางอย่างมารั้งไว้ เมื่อมองไปยังคนในชุดสูทสีดำดูดีข้างๆคีย์.. คนที่เธอไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกในชีวิตนี้

                บุคคลนั้นเองก็ถึงกับตัวแข็งทื่อ เมื่อได้พบหน้าคนที่กำลังจะนั่งลงตรงข้ามเขา ไม่สิ.. ทั้งบุคคลที่กำลังจะนั่งลงตรงข้ามเขา และบุคคลที่กำลังจะนั่งลงตรงข้ามภรรยาของเขา

                “อ้าว เก้าอี้มีปัญหาหรือเปล่าแทมิน” คีย์เห็นแทมินไม่นั่งเสียทีจึงได้ทัก แทมินส่ายหน้าตอบคีย์ไปมาช้าๆแล้วหย่อนตัวลงบนเก้าอี้อย่างตัวเกร็ง

                “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ แทมิน.. มินโฮ” คนของฝ่ายคีย์เริ่มทักก่อน มินโฮที่ถูกทักทายจากอีกฝ่ายก็เพิ่งสังเกตว่าคนที่ทักตัวเองนั้นเป็นใคร มินโฮเองก็รู้สึกไปไม่ต่างจากแทมินเลย

                “จงฮยอนรู้จักกับแทมินแล้วก็คุณมินโฮด้วยหรอ” คีย์แปลกใจเมื่อจงฮยอนทักทายทั้งสองคนอย่างคนรู้จักที่ไม่เคยพบเจอกันมานาน

                “รู้จักสิคีย์ โดยเฉพาะอีแทมินน่ะ ยิ่งรู้จักดี”  เขาเน้นชื่อของแทมินอย่างชัดเจน

                น้ำเสียงและรอยยิ้มแบบนี้ของคนตรงหน้าไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักนิด ท่าทีแบบนี้ที่ทำให้แทมินรู้สึกกลัวทุกครั้งเมื่อได้เห็น ไม่ว่าจะเป็นในตอนนั้นหรือตอนนี้ ก็ยังคงให้ความรู้สึกเช่นเดิม

                “อืม.. แต่คิดว่าคงต้องแนะนำตัวใหม่ เพราะรู้สึกจะมีบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม.. ยินดีที่รู้จักกันอีกครั้งนะครับ ผมชื่อคิมจงฮยอน เป็นสามีของคีย์”

                จงฮยอนยื่นมือมาตรงหน้าแทมินตามธรรมเนียมของคนที่พึ่งจะแนะนำตัวที่ควรจะจับมือในการยินดีที่รู้จักกัน ถึงแม้ทั้งสองคนจะรู้จักกันมาก่อนหน้านี้ก็ตาม ถึงแม้ในใจจะไม่ยินดีสักเท่าไหร่ แต่ก็ค่อยๆยกมือที่สอดไว้ใต้โต๊ะขึ้นมาจับมือที่ถูกยื่นมา มือของแทมินทั้งเย็นและสั่นไปหมด

                มือของคนที่แทมินกลัวบีบมือเล็กๆของตนไว้แน่น ริมฝีปากสีสวยของแทมินถูกเม้มแน่นซ่อนอาการทุกอย่างที่รู้สึกในตอนนี้ แต่มันไม่เนียนพอ           อย่างที่พูดไป ว่าคิมจงฮยอนนั้น รู้จักอีแทมินดี

     

                เขารู้ ว่า คนที่เขาเคยรัก ในเวลานี้รู้สึกเช่นไรและคิดอะไร

                เพราะเขาคนนี้ สามารถกำหนดทุกสิ่งอย่างได้ด้วยความคิด และทุกสิ่งจะเป็นไปตามสิ่งที่เขากำหนด

                หากมันเริ่มต้นจากความคิดของเขา ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้

     

                โดยเฉพาะ ความรู้สึกของคนที่ ทำลายหัวใจของเขา

     

     

              - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

                อุอุ จบกันไปอีกหนึ่งตอน ความจริงตอนนี้มันก็ไม่ได้มีอะไรมากเท่าไหร่ แต่ตอนหน้ารับรองว่ามีแน่นอนค่ะ (มันถูกกำหนดไว้แล้ววว อุวะฮะฮ่า)
                ตอนนี้เป็นหน้าโคตรร้อนอย่างแท้จริงเลยค่ะ ร้อนมากๆ แดดก็แรงสุดๆ ไม่ค่อยอยากทำอะไรเลยนอกจากนอน (
    _ _)zzZZZ  เนื่องด้วยความร้อนทำให้อารมณ์ไม่ค่อยจะดีการแต่งฟิคแต่ละตอนเลยเต่ามาก ตอนนอนก็คิดว่าจะแต่งตอนนี้อย่างนี้นะ แต่พอนอนหลับฝันดีเท่านั้นแหละค่ะ ลืมไอ้ที่คิดไว้หมดเลย 555

               

                ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์นะคะ :D
                13.03.23 - lighteli
                

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×