ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] Love Shuffle (SHINee)

    ลำดับตอนที่ #14 : Love Shuffle : Chapter 14

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 340
      0
      30 พ.ย. 54

    Chapter 14

     

     

                ระหว่างที่คีย์กำลังเดินเข้ามาในโรงเรียนตอนเช้า คีย์ก็เห็นแทมินกำลังยืนซื้อขนมปังที่หน้าโรงเรียนอยู่ เลยเดินเข้าไปทัก

     

                “สวัสดี แทมิน” คีย์ทักทายแทมินที่กำลังจ่ายเงินให้กับคนขาย แทมินที่ได้ยินเสียงคนทักจึงหันไปมอง แต่พอว่าเป็นคีย์ แทมินกลับรู้สึกไม่อยากคุยด้วยเลย

     

                คิดถึงภาพเมื่อวานแล้ว แทมินรู้สึกโกรธคีย์ยังไงไม่รู้

     

                “สวัสดี พี่คีย์” แทมินพูดทักทายสั้นๆแล้วเดินเข้าโรงเรียนไปไม่พูดอะไรกับคีย์ต่อ คีย์รู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย เพราะปกติแทมินจะชวนคุยต่อ จะยิ้มให้ แต่วันนี้กลับพูดสั้นๆแล้วตัดบทโดยการเดินเข้าโรงเรียนไป คีย์เลยเดินตามแทมินไป

     

                “วันนี้แทมินเงียบจังเลยนะ ปกติแทมินจะชวนพี่คุยนี่นา” คีย์ไปเดินอยู่ข้างๆแทมินที่หน้าตาเรียบเฉย และแทมินก็ไม่คุยกับคีย์ด้วย แถมยังเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วเสียบหูฟังฟังเพลงอีกด้วย คีย์เห็นอย่างนั้นก็เลยเข้าใจว่าแทมินคงไม่อยากคุยกับตัวเองจริงๆ

     

                “ขอโทษด้วยนะ ที่มาชวนคุย แทมินคงไม่อยากคุยกับพี่ละมั้ง” คีย์พูดพร้อมกับยิ้มกลบความอายที่พยายามจะชวนใครสักคนคุย แต่เขากลับไม่คุยตอบ คีย์พูดจบก็เลยเดินออกห่างจากแทมิน แล้วเดินขึ้นตึกเรียนไป พอคีย์ไป แทมินก็ถอดหูฟังออกแล้วเดินไปขึ้นตึกเรียนของตัวเอง

     

     

     

     

     

                พอถึงตอนช่วงหมดคาบเรียนตอนเช้า ทุกคนก็แยกย้ายไปซ้อมกิจกรรมกีฬาสีของตัวเองกัน วันนี้เหมือนเมื่อวานที่คีย์ไปนั่งอ่านหนังสือแล้วก็ดูมินโฮซ้อมบาส แต่พอนั่งอ่านหนังสือไปสักพักก็นึกได้ว่ายังไม่ได้คืนหนังสือที่ยืมมาจากห้องสมุด เลยเก็บหนังสือที่อ่านอยู่เข้ากระเป๋าแล้วหยิบหนังสือห้องสมุด แล้วเดินไปคืน

     

                ระหว่างที่คีย์กำลังเดินไปตึกที่มีห้องสมุด ก็บังเอิญเจอแทมินกำลังใช้ไม้เขี่ยลูกวอลเลย์บอลที่ติดอยู่บนต้นไม้ คีย์เห็นว่าตรงนั้นเงียบๆคีย์เลยค่อยๆเดินเข้าไปหาแทมิน แล้วใช้มือแตะไหล่แทมินจากข้างหลัง ซึ่งแทมินก็สะดุ้งแล้วหันไปมองบุคคลที่มาจับไหล่ตัวเอง

     

                “ทำอะไรอยู่หรอ แทมิน” ทั้งๆที่คีย์ก็เห็นว่าแทมินกำลังทำอะไร แต่เพราะอยากจะชวนคุยอีกครั้งหลังจากที่เมื่อเช้าไม่คุยด้วย แทมินก็ไม่ได้สนใจที่คีย์พูด แล้วหันไปเขี่ยลูกวอลเลย์บอลที่ติดอยู่ที่ต้นไม้ต่อ

     

                “พี่ช่วยไหม แทมิน” คีย์อาสาจะช่วยแทมิน หลังจากที่การชวนคุยไม่ได้มีการโต้ตอบ คีย์วางหนังสือลงที่พื้นข้างๆต้นไม้ แล้วพยายามกระโดดโดยขณะกระโดดก็ใช้มือจับไม้ที่ใช้เขี่ยลูกของแทมิน เพื่อจะได้ให้ไม้สูงกว่าเดิมและเขี่ยลูกถึง จนกระทั่งลูกบอลค่อยๆขยับจะตกลงมา

     

                และในที่สุดก็ตกลงมา.. ใส่หัวคีย์อีกแล้ว

     

                “อ่า ลูกหล่นแล้ว” คีย์พูดและยิ้มอย่างดีใจ พยายามเก็บความรู้สึกปวดหัวที่ลูกบอลตกลงมาใส่ที่เดิมกับเมื่อวาน แต่แทมินกลับทำสีหน้าเรียบเฉย คีย์รู้สึกหน้าเสียอีกครั้งเมื่อแทมินไม่พูดอะไรเลย เลยก้มลงไปเก็บลูกวอลเลย์บอลที่ตกพื้นยื่นให้แทมิน

     

                “อ่ะนี่ลูกวอลเลย์”

     

                “ขอบคุณครับ” แทมินพูดขอบคุณอย่างสุภาพ แล้วกำลังจะเดินไปที่สนามวอลเลย์ แต่คีย์ก็สงสัยว่าแทมินน่ะเป็นอะไรหรือเปล่า เลยรีบหยิบหนังสือแล้วไปเดินอยู่ข้างๆแทมิน

     

                “แทมิน เป็นอะไรหรือเปล่า” คีย์ถามแทมินด้วยความเป็นห่วง

     

                “ผมไม่ได้เป็นอะไร” แทมินตอบสั้นๆ

     

                “โกรธอะไรพี่หรือเปล่า พี่ทำอะไรให้แทมินไม่พอใจหรือเปล่า”

     

                “ผมไม่ได้เป็นอะไร ไม่มีอะไรหรอกพี่คีย์!” แทมินพูดขึ้นเสียงใส่คีย์ คีย์รู้สึกตกใจที่แทมินขึ้นเสียงกับตัวเอง เพราะปกติแทมินไม่เคยพูดอย่างนี้ แต่คีย์ก็พอจะเข้าใจว่าคงเป็นเพราะตัวเองไปยุ่งกับแทมินมากเกินไป

     

                “อะ..อื้ม ขอโทษด้วยนะที่ชอบเข้ามายุ่งกับแทมิน สงสัยพี่คงยุ่งกับแทมินมากเกินไป แทมินคงจะรำคาญ อากาศหนาวอย่างนี้รีบๆเข้าตึกนะ เดี๋ยวจะไม่สบาย” คีย์พูดจบก็รีบเดินไปห้องสมุดทันที เพราะรู้สึกผิดที่ไปยุ่งกับแทมิน ทำให้แทมินรำคาญ

     

               

                ผมไม่ได้รำคาญพี่คีย์ แต่ผมโกรธพี่คีย์ โกรธที่พี่คีย์เล่นกับพี่มินโฮสองคน มันไม่ควรจะเป็นเหตุผลที่ผมโกรธ แต่ทำไมผมถึงโกรธก็ไม่รู้ แล้วก็รู้สึกโกรธมากด้วย

     

              ผมอยากเป็นห่วงพี่คีย์ในหน้าหนาวอย่างนี้ แต่ผมต้องห้ามความคิดนั้น เพราะผมยังโกรธพี่คีย์ ผมจะห่วงคนที่ผมโกรธไม่ได้

     

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

               

     

     

                พอคีย์คืนหนังสือเสร็จ คีย์ก็เลยตัดสินใจจะหาหนังสือที่ห้องสมุดอ่านต่อ พอเลือกได้คีย์ก็เลยจะไปนั่งที่มุมเดิมที่ชอบไปนั่ง แต่คีย์ก็พบว่ามีใครนั่งอยู่แล้ว ซึ่งก็คือจินกินั่นเอง

     

                “ขอโทษนะจินกิ นั่งด้วยได้หรือเปล่า” คีย์กลัวว่าจินกิจะเป็นแบบแทมิน เลยถามไว้ก่อน

     

                “แน่นอนอยู่แล้วคีย์ นั่งสิ” จินกิตอบพร้อมกับยิ้มให้คีย์ ทำให้คีย์รู้สึกสบายใจขึ้นมา คีย์ก็เลื่อนเก้าอี้ออกแล้วนั่งลง

     

                “ถ้าคีย์อยากจะนั่งวันหลังก็นั่งเลย ไม่ต้องขอหรอก มันไม่ใช่ที่ของฉันคนเดียวสักหน่อย” จินกิพูดกับคีย์

     

                “ในห้องสมุดอบอุ่นดีจัง ข้างนอกหนาวมากเลยเนอะ จินกิ” คีย์ถูมือไปมา

     

                “อื้ม อากาศหนาวคีย์ก็ดูแลสุขภาพด้วยล่ะ”

     

                “อื้ม จินกิก็ด้วยนะ..  เอ่อ จินกิ แทมินน่ะ เป็นอะไรหรือเปล่าหรอ” คีย์ตัดสินใจถามจินกิ เพราะคิดว่าจินกิคงจะรู้ว่าแทมินเป็นอะไร

     

                “แทมินหรอ? ไม่ได้เป็นอะไรนี่ ก็เห็นปกติเหมือนเดิม ทำไมหรอคีย์” จินกิก็ไม่เห็นว่าแทมินจะผิดปกติอะไร ตอนอยู่บ้านก็ยังชอบเถียงอยู่เหมือนเดิม เลยสงสัยว่าแทมินทำอะไรให้คีย์รู้สึกผิดปกติ

     

                “ก็..เราชวนคุยแล้วแทมินไม่ค่อยคุยด้วยน่ะ รู้สึกเหมือนว่าแทมินกำลังโกรธเราอยู่เลย”

     

                “แล้วคีย์ไปทำอะไรให้แทมินโกรธหรือเปล่าล่ะ” พอจินกิถามจบ คีย์ก็พยายามนั่งนึกว่าทำอะไรให้แทมินไม่พอใจหรือเปล่า เพราะจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เจอกันก็ยังคุยกันปกติดีอยู่เลย

     

                “สงสัยเราเข้าไปยุ่งกับแทมินตอนกำลังอารมณ์ไม่ดีละมั้ง ว่าแต่.. ถ้าสมมุติว่าแทมินโกรธเรา เราต้องทำยังไงหรอ จินกิ” คีย์ถามเผื่อเอาไว้ เผื่อแทมินเกิดโกรธคีย์อย่างที่คิดจริงๆ จะได้ทำอะไรถูก

     

                “ถ้าโกรธเบาๆ ก็แค่รอสักพัก เดี๋ยวก็หายแล้วล่ะ แต่ถ้าโกรธมาก ฉันว่าคงแล้วแต่แล้วล่ะ ว่าจะทำยังไงให้หาย ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่แทมินจะใจอ่อนก็ต่อเมื่อรู้สึกผิดจริงๆ น่าจะลองทำให้อะไรให้แทมินเป็นห่วงดูสิ แทมินคงหายโกรธ”

     

                ถ้าโกรธเบาๆ คีย์ก็แย่แล้ว ถ้าโกรธมาก คีย์คงจนปัญญาจริงๆ

     

                “แล้วถ้าสมมุติว่าจินกิโกรธเรา เราจะต้องทำยังไงล่ะ” คีย์ลองถามดูเล่นๆ ว่าถ้าจินกิโกรธ คีย์ควรจะทำยังไง

     

                “อืม.. ฉันจะขอยกเว้นให้คีย์เป็นกรณีพิเศษ ฉันจะไม่โกรธคีย์” จินกิยกเว้นให้คีย์เป็นคนนึง ที่จินกิจะไม่โกรธ

     

                “อย่างนี้ไม่ได้นะจินกิ จะโกรธก็ต้องโกรธสิ ห้ามไม่ได้หรอกนะ” คีย์แย้งกับสิ่งที่จินกิพูด

     

                “คีย์เชื่อฉันนะ ว่าฉันจะไม่โกรธคีย์ เพราะฉะนั้นคีย์ไม่ต้องรู้หรอกนะ ว่าถ้าฉันโกรธ คีย์จะต้องทำยังไง”

     

                “ถ้าอย่างนั้น.. เราก็จะไม่โกรธจินกิด้วยนะ จะยกเว้นให้เป็นพิเศษกว่าคนอื่น” คำพูดของคีย์ ทำเอาจินกิมีความสุขจริงๆ

     

                “คีย์ให้ฉันเป็นคนพิเศษใช่ไหม”

     

                “เพราะเราเพิ่งบอกจินกิเป็นคนแรกน่ะ เลยถือว่าพิเศษกว่าคนอื่น ถ้าเราไปบอกกับคนอื่น.. ก็คงไม่พิเศษแล้วละมั้ง คิคิ” หลังจากคีย์บอกความที่ว่าทำไมถึงพิเศษกว่าคนอื่น จินกิก็ทำหน้าผิดหวังอยู่

     

                “ผิดหวังหรอจินกิ.. อ่า ขอโทษนะ ล้อเล่นน่ะ ก็บอกแล้วว่าพิเศษกว่าคนอื่น เพราะว่าจินกิเป็นคนที่เราไว้ใจที่สุดไง” คีย์พูดเรื่องจริงแล้วคราวนี้ จินกิฟังก็ยิ้มออกมา ตอนนี้จินกิน่ะมีความสุขที่สุดอีกครั้งแล้ว

     

               

                สำหรับฉัน คีย์ก็พิเศษกว่าคนอื่น ตรงที่ฉันชอบคีย์มากกว่าคนอื่นๆนะ

     

               

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

               

                ในที่สุดก็ถึงวันคริสมาสต์อีฟที่รอคอยสักที แถมวันนี้ก็เป็นวันที่โรงเรียนจัดกีฬาสีอีกด้วย วันนี้คีย์ก็มาโรงเรียนแต่เช้ามืด เพราะไม่ได้ลงกีฬาอะไรเอาไว้ เลยต้องไปช่วยจัดสถานที่ที่ยังจัดไม่เสร็จอยู่นิดหน่อยแทน

     

                ในระหว่างที่คีย์กำลังเดินออกจากตึกเพื่อไปที่สนามที่จะจัดพิธีเปิด ก็มีนักเรียนหญิงที่แต่งหน้า สวมชุดวอร์มวิ่งตรงเข้ามาหาคีย์

     

                “ฮะ..แฮ่ก.. คีย์” คนที่วิ่งมาหาคีย์พูดอย่างเหนื่อยหอบกับคีย์ หลังจากที่รีบวิ่งเข้ามา

     

                “อะ..เอ่อ นานะใช่ไหม” คีย์ไม่ค่อยมั่นใจกับคนที่คุยอยู่กับตัวเองสักเท่าไหร่ เพราะแต่งหน้าซะจนจำเกือบไม่ได้ พอจะดูออกว่าเป็นเพื่อนที่ชื่อนานะ ที่อยู่ห้องเดียวกัน

     

                “อื้มใช่ๆ จำไม่ได้หรอเนี่ย เออนี่คีย์ หมุนตัวหน่อยสิ หมุนๆ” นานะพูดจบก็ทำมือให้คีย์หมุนตัว คีย์ก็ไม่รู้อะไรก็เลยหมุนตัวไปรอบๆตามที่นานะบอก

     

                “ทำไมหรอ เราแต่งตัวผิดอะไรหรือเปล่า”

     

                “ตัวสูง หุ่นดี หน้าตาใช้ได้ โอเค! คีย์ คือว่านะ ลีดสีเราที่เป็นตัวประกอบน่ะไม่สบาย แล้วหาคนแทนไม่ได้แล้วคีย์ เพราะงั้นขอร้องนะคีย์ ช่วยไปเป็นตัวแทนหน่อยน้า~ นะๆๆๆ คีย์นะ”

     

                นานะแทบจะลงไปกอดขาคีย์เพื่อขอร้องให้คีย์ช่วยไปเป็นเชียร์ลีดเดอร์ที่เป็นตัวประกอบแทนคนเดิมที่ไม่สบายเพราะอากาศเปลี่ยนฉับพลัน

     

                “นานะอย่าทำอย่างนี้สิ เราเต้นไม่เป็นหรอก นานะก็รู้ว่าเราเรียนเป็นอย่างเดียว เราทำอย่างอื่นไม่ได้หรอก ไปหาคนอื่นเถอะนะ” คีย์ก็อยากจะช่วย แต่ก็คงต้องปฏิเสธเพราะเป็นเรื่องที่ไม่ถนัด แถมยิ่งเป็นเรื่องเต้นด้วยล่ะ หนักใจสุดๆ

     

                “ไม่ต้องเต้นเลยคีย์ คีย์แค่เป็นราชินี เอ้ยไม่ใช่ๆ เป็นราชาพ่อมด เดินออกมาตอนสุดท้ายแค่นั้นเอง น้า~ คีย์น้า~ มันง่ายมากเลย คีย์ช่วยเราครั้งนี้ครั้งเดียว อยากได้อะไรเราจะช่วยหมดเลยนะ ขอร้องล่ะคีย์” นานะถึงกับกอดแขนคีย์เพื่อขอร้อง

     

                “โอเคๆนานะ เราช่วยก็ได้” สุดท้ายคีย์ก็ใจอ่อนยอมนานะ พอคีย์ตอบตกลงนานะก็กระโดดดีใจแล้วจับแขนคีย์พาเดินลากไปยังห้องแต่งตัวทันที

     

     

     

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

     

                “ไอ้โฮ!!” จินกิตะโกนเรียกมินโฮที่ยืนวิ่งเหยาะๆอยู่ริมสนาม เพื่อวอร์มร่างกาย

     

                “อ้าว แล้วไอ้จงอ่ะ”

     

                “มันไปเป็นเด็กแจกน้ำอยู่ที่บู๊ทนู่น เดี๋ยวพอสิบโมงมันก็เลิกทำแล้ว ว่าแต่มึงแข่งอะไรกี่โมงบ้างเนี่ย” จินกิถามตารางการแข่งขันของมินโฮที่ลงกีฬาเอาไว้

     

                “มีแต่แข่งบาสตอนบ่ายสอง วันนี้อากาศหนาวมากเลยยกเลิกบอล อย่าลืมมาเชียร์กูด้วยนะเว้ย”

     

                มินโฮก็อยากจะให้แทมินมาเชียร์ด้วย แต่ไม่รู้ว่าแทมินจะมาเชียร์หรือเปล่า

     

                “เออๆ แล้วคีย์อ่ะ” จินกิถามถึงคีย์ที่ยังไม่เห็นตั้งแต่มา

     

                “ไม่รู้ดิ แต่เห็นบอกวันนี้จะมาแต่เช้า ต้องมาช่วยจัดงาน แต่กูยังไม่เจอคีย์เลย ว่าแต่ถามถึงคีย์ทำไมวะ”

     

                “ก็.. กูว่าจะชวนคีย์ไปดูพาเหรดอ่ะ แล้วก็พอเสร็จก็จะได้ดูมึงแข่งไง” เพราะมินโฮก็ต้องเตรียมตัวแข่ง ส่วนจงฮยอนก็มีงาน แทมินก็ต้องไปลงสำรองกีฬา เหลือแต่คีย์ที่จินกิจะอยู่ด้วยได้

     

                “มึงก็ไปเดินตามหาเองแล้วกัน” มินโฮพูดจบก็วิ่งไปหาทีมบาสที่จะลงแข่งด้วย จินกิเลยต้องไปเดินหาคีย์คนเดียว

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

     

                “มึง แล้วคีย์อ่ะ” จงฮยอนถามจินกิหลังจากรีบวิ่งเข้ามานั่งดูการประกวดเชียร์ลีดเดอร์ในโดมกีฬา

     

                “ไม่รู้ดิ กูโทรไปก็ไม่รับอ่ะ เดินหาแล้วก็ไม่เจอ”

     

                “ค่ะ ก็จบกันไปแล้วนะคะกับการประกวดเชียร์ลีดเดอร์ของทั้งสามสี ของสีเหลืองในคอนเซปท์ illuminate Yellow สีแดงในคอนเซปท์ Graceful Red-sing สีเขียวในคอนเซปท์ We Are The Green World มาถึงสีสุดท้ายแล้วนะคะ เพราะปีนี้ได้ข่าวมาว่าเป็นการแสดงที่เห็นแล้วต้องกรี๊ดกันอย่างแน่นอน ขอเชิญพบกับการประกวดเชียร์ลีดเดอร์ของสีน้ำเงินในคอนเซปท์ Mightiness Blue ค่า!!

     

                หลังจากสิ้นสุดเสียงของพิธีกรดำเนินงาน นักเรียนที่นั่งกันอยู่ทั่วทั้งโดมกีฬาของโรงเรียนก็ส่งเสียงกรี๊ดเชียร์กันใหญ่ รวมไปถึงจงฮยอนที่มานั่งดูกับจินกิด้วย

     

                การแสดงมาในคอนเซปท์ของปราสาทดินแดนเวทมนตร์แห่งความลึกลับที่เต็มไปด้วยสาวงามที่มีเสน่ห์แบบแข็งแกร่ง กับชายที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่น่าหลงใหล เป็นการแสดงที่ใช้ทั้งการเล่นละครใบ้ และการเต้นในแบบต่างๆที่พร้อมเพรียงกันและดูยิ่งใหญ่ มีเอฟเฟคท์ที่เรียกเสียงเชียร์จากผู้ชมได้เป็นอย่างดี

     

                จนมาถึงตอนสุดท้ายที่เชียร์ลีดเดอร์ทุกคนเดินเชิดเรียงกันอย่างเป็นสง่า แล้วค่อยๆสวมเสื้อคลุมหนังสีดำ แล้วแปรแถวยืนเรียงกันรอบๆสนามๆ ตรงกลางมีพรมน้ำเงินเป็นทางลาดยาว กับม่านสีน้ำเงินผืนใหญ่ที่ปิดอะไรบางอย่างเอาไว้

     

                พอเสียงดนตรีตึง! เสียงดังจบทั้งสนามก็เต็มไปด้วยความเงียบ ผ้าม่านค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆ

     

                บัลลังก์ที่นั่งสุดยิ่งใหญ่ที่เต็มไปด้วยดอกกุหลาบสีแดงและน้ำเงิน กับแม่มดสาวสุดเซ็กซี่ที่นั่งและยืนประดับข้างที่นั่งของราชาพ่อมดหนุ่มผู้ยิ่งใหญ่ที่นั่งในท่าไขว่ห้าง ใบหน้าขาวเนียนและสะดุดตากับตาที่กรีดอายไลน์เนอร์สีดำเข้ม

     

                สายตาของจงฮยอนเบิกกว้างขึ้นเมื่อได้เห็นพ่อมดหนุ่มที่โดดเด่นเป็นสง่าอยู่บนบังลังก์ เมื่อจงฮยอนเห็นคนๆนั้นว่าเป็น คีย์

     

                ราชาพ่อมดหนุ่มกัดริมฝีปากของตัวเองอย่างช้าๆ พร้อมกับทำตาให้ดูเล็กลง ดูแล้วเซ็กซี่ แล้วค่อยๆเด็ดดอกกุหลาบสีน้ำเงินที่ประดับอยู่ตรงที่นั่ง ค่อยๆลุกขึ้นยืน แล้วเดินลงมาจากที่นั่ง เดินไปตามพรมสีน้ำเงินที่ถูกทอดยาวอยู่ที่พื้นอย่าช้าๆ ก่อนจะไปหยุดอยู่ตรงกลาง แล้วชูดอกกุหลาบขึ้นเหนือหัว ใบหน้าค่อยๆเคลื่อนขึ้นตามดอกกุหลาบ แล้วใช้มือข้างหนึ่งเด็ดกลีบกุหลาบแล้วจ้องมอง ก่อนจะโยนกลีบกุหลาบทิ้งให้ปลิวไปตามสายลม แล้วเคลื่อนหน้ามองตรงไปยังผู้ชมที่จ้องมองมาที่ตัวเองเป็นสายตาเดียว

     

                จงฮยอนเหมือนต้องมนต์สะกดไปกับคนที่กำลังร่ายมนต์เสน่ห์ให้ตกหลุมพรางด้วยสายตา

               

                รอยยิ้มพร้อมกับสายตาเซ็กซี่จากพ่อมดหนุ่ม ซึ่งเรียกเสียงกรี๊ดจากคนชมได้ไม่หยุด โดยเฉพาะสาวๆที่ถึงกับขึ้นคุ้มคลั่งเลยก็มี พอเรียกเสียงกรี๊ดได้สักพักก็โยนกุหลาบทิ้ง แล้วเดินอย่างเป็นสง่ากลับไปนั่งตรงที่นั่งหลังม่านด้วยท่าไขว่ห้าง มือวางอยู่ที่ช่อกุหลาบดังเดิม แล้วม่านก็ปิดลงอย่างรวดเร็วทีเดียว เป็นอันจบการแสดง

     

                ตอนนี้ทั้งโดมมีแต่เสียงกรี๊ดกับการแสดงที่เพิ่งจบลงไปอย่างไม่หยุด เรียกได้ว่าเสียงกรี๊ดดังและยาวนานกว่าโชว์ชุดไหนๆในวันนี้เลยก็ว่าได้

     

                “หะ..เห้ยมึง ไอ้หู้” เมื่อจงฮยอนสลัดตัวเองออกจากมนต์สะกดเมื่อครู่ได้ ก็หันไปสะกิดจินกิที่นั่งปรบมืออย่างนิ่งๆอยู่ อย่างลุกลี้ลุกลน

     

                “อะไรของมึง ไอ้จง”

     

                “ราชาพ่อมดเมื่อกี๊อ่ะ.. คีย์ คีย์ป่าววะ” จงฮยอนถามจินกิอย่างตะลึง แต่จินกิที่ได้ฟังกลับอึ้งและอยากจะขำซะมากกว่า

     

                “หะ..หา บ้าป่าวไอ้จง มึงก็รู้ว่าคีย์ขี้อายจะตาย ไอ้พ่อมดคนเมื่อกี๊ คนละเรื่องกับคีย์เลยนะเว้ย” จินกิเถียงจงฮยอน คีย์ออกจะขี้อาย แต่คนเมื่อกี๊ ทั้งหน้าตา ท่าทาง เซ็กซี่เรียกเลือดขนาดนั้น คีย์ทำไม่ได้อย่างแน่นอน

     

                ถึงจินกิจะเถียงว่าจากท่าทางจะเหมือนว่าไม่ใช่ แต่ความรู้สึกที่ว่าเป็นคีย์ จินกิก็ยังลังเลอยู่เหมือนกัน ตอนเห็นครั้งแรกจินกิก็อึ้งเหมือนกันที่ว่าเห็นเป็นคีย์

     

                “กูว่าใช่นะเว้ย หน้าคล้ายคีย์จะตาย ทั้งรูปหน้า ตา รูปร่างก็ด้วย” จงฮยอนดูจากภายนอกก็รู้ว่าเป็นคีย์ สำหรับจงฮยอนมองหรือคิดยังไงก็ต้องเป็นคีย์แน่นอน

     

                “ไปตัดแว่นเหอะมึง เพ้อเจ้อ”

     

                “งั้นกูจะลงไปดูให้ชัดๆเลย มึงไม่เชื่อกูก็ตามใจ” จงฮยอนต้องการจะพิสูจน์ให้ชัดๆไปเลยว่าที่ตัวเองเห็นน่ะถูกต้องหรือเปล่า จงฮยอนเลยลงจากอัฒจรรย์แล้วรีบวิ่งไปที่ด้านหลังที่เป็นห้องพักของเชียร์ลีดเดอร์

     

                “ก็ใช่ของมึงไอ้จงว่ารูปร่างคล้ายคีย์ แต่.. คีย์ทำอย่างนั้นได้จริงๆหรอวะ”

     

     

     

     

     

     

     

                จงฮยอนรีบวิ่งไปยังห้องที่อยู่หลังอัฒจรรย์เพื่อตามหาคนที่เป็นราชาพ่อมดตอนสุดท้าย ที่ตัวเองค้างคาใจว่าเป็นคีย์ จงฮยอนเดินหาห้องพักของสีน้ำเงิน ซึ่งก็เจอกลุ่มหลีดสาวยืนกันอยู่

     

                “ว่าไงจ๊ะจงฮยอน มาทำอะไรที่นี่ หรือว่า.. มาหาแม่มดสาวพราวเสน่ห์ นานะคนนี้” นานะที่อยู่ในชุดหนังสีดำจากการแสดงเมื่อครู่ทักจงฮยอนที่มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าตัวเอง

     

                “หลงตัวเองมากเลยยัยนานะ” จงฮยอนพูดว่านานะไปทีนึง

     

                “เออ ฉันก็ไม่ได้สนใจผู้ชายเตี้ยๆอย่างนายหรอก จงฮยอน สรุปมาทำอะไร มาเสิร์ฟน้ำ?” ตอนแรกที่ดูเป็นแม่มดสาวสวย ตอนนี้กลายเป็นแม่มดปากร้ายไปซะแล้ว

     

                “แหมๆสนใจฉันล่ะซี๊~ ถึงได้รู้ว่าฉันไปอยู่บู๊ทแจกน้ำน่ะ”

     

                “ใครเขาก็รู้ แล้วก็จำได้กันทั้งนั้นแหละ ผู้ชายเตี้ยๆทั้งบู๊ทนั้นมีนายคนเดียวนั่นแหละ! สรุปนายมาทำอะไร ถ้าจะแค่มาขอเบอร์หลีดสาวๆสวยๆล่ะก็ เชิญออกไปได้เลย” นานะที่เคยอยู่ห้องเดียวกับจงฮยอนเมื่อปีที่แล้วพอจะรู้ทันว่าจงฮยอนจะมาทำอะไรเลยพูดดักไว้ก่อน

     

                “เอ่อ.. เออๆ ฉันจะมาถามว่าใครต้องการน้ำหรือเปล่าไง หลีกไปๆ” จงฮยอนไล่นานะที่ยืนขวางทางเข้าห้อง นานะก็ส่งสายตาอำมหิตไปให้ แต่ก็ยอมหลีกทาง จงฮยอนเดินเข้าไปในห้องก็ไม่เจอกลุ่มเชียร์ลีดเดอร์ทั้งชายและหญิงอยู่กันเต็มห้อง ซึ่งจงฮยอนก็พยายามเดินหาบุคคลที่ต้องการจะเจอ

     

                “พี่จงฮยอนมาหาใครหรือเปล่าคะ” รุ่นน้องที่จงฮยอนรู้จักเดินเข้ามาทักจงฮยอนที่เหมือนจะเดินมองหาอะไรสักอย่าง

     

                “คิมคีย์ อยู่ที่นี่หรือเปล่า” จงฮยอนตัดสินใจถามไปตรงๆเลยว่าคีย์อยู่ที่นี่หรือเปล่า

     

                “คิมคีย์? ใช่พี่คีย์ที่เป็นราชาพ่อมดหรือเปล่าคะ ถ้าใช่ก็นั่งอยู่ตรงมุมห้องเลยค่ะพี่จงฮยอน.. พี่จงฮยอนหันมาสนใจเสน่ห์ของผู้ชายแล้วหรอคะเนี่ย 55”  รุ่นน้องอดแซวจงฮยอนที่มาตามหาผู้ชายไม่ได้ จงฮยอนก็ยิ้มแล้วหัวเราะกับคำแซวก่อนจะขอบคุณรุ่นน้อง แล้วเดินไปหาคีย์ตามที่รุ่นน้องบอก

     

                จงฮยอนเห็นคนๆนึงที่ยืนอยู่ที่มุมห้องแล้ว จึงเดินเข้าไปอย่างช้าๆ เมื่อเห็นคีย์กำลังเปลี่ยนชุดกลับมาใส่ชุดกีฬาสีเหมือนเดิม

     

                “สวัสดีครับ คุณราชาพ่อมด” จงฮยอนทักทายคีย์ด้วยบทบาทการแสดงของคีย์

     

                “จะ..จงฮยอน” เสียงเรียกชื่ออย่างตกใจของคนที่จงฮยอนต้องการจะเจอพูดขึ้น ขณะกำลังใส่เสื้อกันหนาวอยู่

     

                “คีย์... คีย์ใช่ไหมเนี่ย” จงฮยอนถามพร้อมกับตาโต เมื่อคนๆนั้น คนที่ใช้สายตาสะกดจงฮยอนภายในไม่กี่วินาที คือคีย์จริงๆ

     

                สรุปว่าเป็นคีย์จริงๆใช่ไหม โอ๊ยย!! คีย์ทำฉันคลั่งมากเลยรู้ไหม!’

     

                “จงฮยอนมาทำอะไรที่นี่หรอ”

     

                “แล้วคีย์ล่ะ มาทำอะไรที่นี่ นี่มันห้องพักหลีดน่ะ” จงฮยอนก็ถามคีย์กลับ อยากจะรู้ว่าคีย์จะตอบว่ายังไง

               

                “นั่น..นั่นสินะ เรามาทำอะไรที่นี่ก็ไม่รู้” คีย์พูดจบก็หันไปหาอะไรบางอย่างที่โต๊ะเครื่องสำอางเพราะความอาย ไม่รู้ว่าจงฮยอนจะจำคนเมื่อกี๊ได้หรือเปล่า

     

                “พ่อมดที่สะกดทุกคนให้อยู่ในมนตราเมื่อกี๊น่ะ เหมือนไม่ใช่คีย์เลยนะ”

     

                “ก็..ก็ไม่ใช่เราน่ะสิจงฮยอน เราจะไปเป็นพ่อมดได้ยังไง เอ่อจงฮยอน ไอ้ที่เอาไว้ล้างเครื่องสำอางมันเรียกว่าอะไรหรอ มันเป็นยังไง ช่วยหาหน่อยสิ” คีย์ยังคงโกหกจงฮยอนต่อไปว่าคนที่จงฮยอนพูดถึงไม่ใช่ตัวเอง เพราะขนาดตัวเองยังไม่เชื่อเลยว่าจะทำอะไรอย่างนั้นลงไป

     

                จงฮยอนจับแขนของคีย์ที่พยายามหาของอยู่ให้หยุดหา คีย์ก็หันไปมองจงฮยอนด้วยความสงสัย

     

                “ว๊าวว คนแต่งหน้าเนี่ยแต่งเก่งจริงๆ คีย์น่ะดูเซ็กซี่มากเลย ทั้งสายตา ท่าทาง อารมณ์ ฉันก็ตกอยู่ในมนต์สะกดของคีย์เหมือนกันนะรู้ไหม” จงฮยอนจ้องมาที่ใบหน้าของคีย์ที่ตรงตาถูกกรีดด้วยอายไลเนอร์สีดำเข้ม ตัดกับใบหน้าขาวๆของคีย์ คีย์เบือนสายตาหนีจงฮยอนที่จ้องตัวเอง

     

                จงฮยอนแค่อยากจะจ้องมองคีย์ว่าแต่งหน้าแล้วดูเป็นยังไง แต่ไม่รู้ทำไมหัวใจมันก็กลับช่วยทำงานไปกับสมองด้วยก็ไม่รู้

                ตอนนี้จงฮยอนอยากทำแค่มองใบหน้าของคีย์เท่านั้น

     

                “คนๆนั้นไม่ใช่เราจริงๆนะจงฮยอน” คีย์ก็ยังโกหกจงฮยอนเพราะอายอยู่ดี

     

                “ไม่ต้องโกหกแล้วคีย์ ฉันรู้ตั้งแต่ผ้าม่านเปิดตัวแล้ว ถึงใครจะจำไม่ได้ว่าเป็นคีย์ แต่ฉัน คิมจงฮยอนคนนี้น่ะ จำได้นะ” จงฮยอนบอกให้คีย์หยุดโกหก จะโกหกไปยังไงก็หนีไม่พ้นอยู่ดี ในเมื่อเห็นชัดขนาดนี้แล้วว่าเป็นคนๆเดียวกับคนเมื่อกี๊

     

                “ก็นานะเขาขอร้องมา เราก็ไม่รู้จะทำยังไง นานะเขาบอกแค่ว่าให้มายืนอยู่เฉยๆ โอ๊ยย แย่มากเลยจงฮยอน ทำไงดี”

     

                คีย์กังวลกับสิ่งที่ตัวเองทำไปมากถึงมากที่สุด เกิดมายังไม่เคยทำอะไรที่เปิดเผยขนาดนั้นมาก่อน แล้วก็ไม่คิดจะทำด้วย

     

                หลังจากเดินตามนานะมาถึงห้องแต่งตัว ก็มีรุ่นพี่คนหนึ่งบอกว่าคีย์จะต้องทำยังไง พอคีย์รู้ก็อยากจะออกไปทันที แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว คีย์ที่ขี้อายต้องใช้เวลามากมายในการทำใจที่จะต้องทำตัวเซ็กซี่ ใช้เวลาฝึกตั้งสามชั่วโมงกว่าจะได้ออกมาเป็นอย่างนี้ ทำเอาคนฝึกแทบจะร้องกรี๊ดออกมาหลายรอบเพราะทำยังไงก็ไม่ได้ดั่งใจสักที จนสุดท้ายคีย์ก็เห็นใจรุ่นพี่ที่อุตส่าห์ทนฝึกให้ กลั้นใจทำออกมาให้ดีที่สุด

     

                “คีย์ไม่ต้องกังวลหรอกนะ มันออกมาดีที่สุดเลยคีย์ ทุกคนน่ะชอบแล้วก็ถูกใจกับสิ่งที่คีย์แสดงเมื่อกี๊มากเลย ยิ่งคีย์ที่เคยขี้อาย ไม่กล้าแสดงออก กล้าทำอย่างที่ตัวเองไม่คิดจะทำ ไม่กล้าที่จะทำ.. คีย์คนนี้ตอนนี้น่ะ เยี่ยมที่สุดเลย”

     

                จงฮยอนพูดให้คีย์หายกังวล ความกังวลของคีย์ค่อยๆเริ่มหายไปเมื่อจงฮยอนให้กำลังใจ

     

                “ขอบใจนะจงฮยอน จงฮยอน คือคนอื่นจำไม่ได้ใช่ไหมจงฮยอนว่าเป็นเราน่ะ ถ้าจำไม่ได้ก็ไม่ต้องไปบอกเขานะจงฮยอน ให้จงฮยอนจำได้แค่คนเดียวก็พอแล้ว แค่นี้เราก็อายจะแย่แล้ว” คีย์ขอร้องให้จงฮยอนอย่าบอกคนอื่นว่าคนๆนั้นเป็นตัวเอง ไม่งั้นคีย์คงไม่กล้ามาโรงเรียนอีกแน่

     

                “อื้ม ฉันสัญญาคีย์ ถ้าคนอื่นจำไม่ได้ เราก็รู้กันแค่สองคนเนอะ.. เมื่อกี๊คีย์หาที่ล้างเครื่องสำอางใช่ไหม เอ่อ.. แปปนะ  ยัยนานะ!! อยู่ข้างนอกไหม เข้ามาหน่อยดิ๊” จงฮยอนเรียกนานะที่น่าจะยังยืนอยู่ข้างนอกห้องให้เข้ามาช่วยเช็ดเครื่องสำอางให้คีย์ ซึ่งนานะก็จัดการช่วยจนใบหน้าของคีย์กลับมาเป็นคีย์เหมือนเดิม

     

                “ขอบใจมากเลยนะคีย์ ถ้าไม่ได้คีย์การแสดงคงไม่ออกมาเริ่ดหรูอลังการขนาดนี้ เพราะว่าช็อตนั้นน่ะเป็นช็อตเด็ดของเราเลย อ่า~~ ฉันชักหลงเสน่ห์พ่อมดหนุ่มสุดเซ็กซี่คนนั้นเข้าซะแล้วสิ” นานะทำท่าเพ้อฝัน คีย์ไม่รู้จะยิ้มหรือจะทำหน้ายังไงดี

     

                “บ้าผู้ชายมากยัยนานะ ขอบใจมากที่ช่วย วันหลังช่วยเอาคีย์มาทำอย่างนี้บ่อยๆนะ ปีหน้าเรียกใช้บริการได้อีก” จงฮยอนอยากเห็นคีย์ทำอะไรที่มากกว่านี้อีก เลยบอกให้นานะแกล้งพาคีย์มาเป็นหลีดอีก

     

                “แน่นอนล่ะไอ้เตี้ยจง เสน่ห์เหลือร้ายในตัวคีย์ ปีหน้าจะดึงออกมาให้หมดเลย”

     

                “เอ่อ.. นานะ ช่วยสงสารเราหน่อยนะ นานะก็รู้ว่าเราไม่ชอบเรื่องอย่างนี้ อีกอย่าง.. คนที่เขาเป็นตัวจริงที่ไม่สบายน่ะ เขาอุตส่าห์ซ้อมแต่วันจริงกลับไม่ได้แสดงน่ะ เขาคงเสียดายแย่เลย ช่วยบอกให้เขารักษาสุขภาพ หายไวๆ ปีหน้าถ้าเขาไม่สบายอีกเราจะไม่ช่วยแล้วนะ” นอกจากคีย์จะสงสารตัวเองแล้ว ยังสงสารคนที่เป็นตัวจริงที่ป่วยแล้วไม่ได้แสดงด้วย

     

                “คีย์ ไปกันเถอะ ไอ้หู้มันรออยู่” จงฮยอนเพิ่งนึกได้ว่าทิ้งจินกิให้นั่งอยู่คนเดียว เลยชวนคีย์ออกมา คีย์ก็เดินออกไปข้างนอกกับจงฮยอน

     

                “จงฮยอน.. มากับจินกิสองคนหรอ” ระหว่างทางไปอัฒจรรย์ที่จินกินั่งอยู่ คีย์ก็ถามจงฮยอนที่บอกว่าจินกิรออยู่

     

                “อื้ม ไอ้โฮมันเตรียมแข่งกีฬา ส่วนแทมิน.. ไม่รู้สิ เดี๋ยวบาสก็เริ่มแข่งที่นี่แล้ว ไปนั่งเชียร์ไอ้โฮกันดีกว่า” คีย์ก็พยักหน้าแล้วเดินตามจงฮยอนไปนั่งที่อัฒจรรย์ สักพักก็เจอจินกิที่นั่งรออยู่แล้ว

     

                “สรุปว่าคนนั้น.. คีย์จริงๆหรอ” จินกิถามจงฮยอนหลังจากที่เห็นจงฮยอนเดินมากับคีย์ คีย์มองหน้าจงฮยอนแล้วส่ายหัวเบาๆเพื่อบอกว่าไม่ใช่

     

                “เหอะ ใช่ที่ไหนล่ะ กูไปตามหาจริงๆแหละ แต่ไม่เจอไอ้คนนั้นหรอก เจอแต่คีย์ไปเป็นเด็กรับใช้ให้พวกหลีดเพราะยัยนานะลากไป” จงฮยอนแต่งเรื่องโกหกจินกิได้ในทันที แต่จินกิก็ยังแปลกใจว่าอะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น ว่าไปตามหาคนที่บอกว่าเป็นคีย์ แล้วก็ดันพาคีย์กลับมาด้วย

     

                ถึงในใจจินกิจะคิดว่าคนนั้นเป็นคีย์ก็จริง แต่ถ้าไม่ใช่ก็คงดีแล้ว เพราะจินกิอาจจะหัวใจวายขึ้นมาก็ได้

                รู้สึกภาพมันจะติดตาจินกิเอาซะจริงๆ

     

                “สวัสดีครับทุกคน! ผมฮวังควังฮี พิธีกรรุ่นใหม่ไฟแรงของโรงเรียนในตอนนี้รับหน้าที่เป็นพิธีกรดำเนินกิจกรรมการแข่งขันกีฬาในช่วงบ่ายนี้ อากาศหนาวๆอย่างนี้มาดูกีฬาที่ทำให้สาวๆหัวใจกระชุ่มกระชวยขึ้นมาหน่อยดีกว่าเนอะ นัดนี้เป็นการแข่งขันบาสเกตบอลรอบชิงชนะเลิศเหรียญทองระหว่างสีน้ำเงินม.5 กับสีแดงม.4 ขอให้ทุกคนช่วยส่งเสียงเชียร์เป็นกำลังใจให้กับทั้งสองสีด้วยนะคร้าบบ”

     

                พอพิธีกรพูดจบ นักกีฬาของทั้งสองสีก็ประชุมกันอยู่ริมสนาม ค่อยๆเดินลงไปยังกลางสนามกัน

     

                “เห้ยๆ นั่นแทมินลงสีแดงนี่หว่า เชียร์ใครดีวะเนี่ย สีน้ำเงินไอ้โฮ หรือสีแดงแทมินดี” จงฮยอนชี้ที่สนามที่มีทั้งมินโฮลงในทีมสีน้ำเงิน และยังมีแทมินที่ลงไปเล่นเพราะตัวจริงเกิดขาเจ็บขึ้นมา

     

                “อยู่เซ็นเตอร์ทั้งสองคนด้วย”

     

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

               

                หลังจากถูกพาไปนั่งเป็นตัวสำรองของกีฬาอยู่หลายประเภทตั้งแต่เช้า สุดท้ายตัวจริงของทีมบาสเกตบอลสีแดงของม. 4 ก็ขาเจ็บขึ้นมาหลังจากที่ไปวิ่งหกล้มกับการแข่งขันวิ่งตอนเช้า ทำให้แทมินต้องมาลงแทน

     

                นอกจากนัดนี้จะเป็นนัดที่ชิงชนะเลิศเหรียญทองแล้ว ยังเป็นนัดที่แทมินต้องมาแข่งกับมินโฮ ที่ตอนนี้.. แทมินรู้สึกหมั่นไส้และแค้นที่สุด เพราะวันนั้นเห็นเล่นหยอกล้อกับคีย์สองคน ทำให้แทมินไม่พอใจเอามาก

     

                นัดนี้ยังไงแทมินก็ยอมแพ้มินโฮไม่ได้เด็ดขาด!

     

                ทำไมเราถึงต้องมาแข่งกับแทมินด้วยเนี่ย โว้ยยยย! ถ้าต้องเจอกับแทมินตัวต่อตัว จะต้องยอมแพ้ให้แทมินไหม

     

              ‘จะต้องไม่แพ้ แล้วก็จะไม่เสมอ ผมจะต้องชนะนัดนี้ให้ได้ ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม

     

                หลังจากลงสนามตามตำแหน่งแล้ว มินโฮกับแทมินก็ยังได้อยู่ตำแหน่ง เซ็นเตอร์ที่ถือเป็นตัวสำคัญที่จะต้องชู้ตลูกเหมือนกันอีกด้วย แทมินจ้องที่มินโฮด้วยสายตาที่มุ่งมั่น ก่อนจะหันไปมองที่อัฒจรรย์ ก็เห็นจินกิ คีย์ และจงฮยอนนั่งอยู่ด้วยกัน

     

                ผมไม่หวังว่าพี่คีย์จะเชียร์ผม เพียงแค่เพราะพี่คีย์คนเดียว ก็ทำให้ผมรู้สึกอยากชนะแล้ว

     

                แค่แทมินชนะเท่านั้น แทมินอาจจะหายโกรธคีย์ขึ้นมาก็ได้

     

     

               

     

                ปรี๊ด!!!

     

     

               

                เมื่อเสียงนกหวีดจากกรรมการดังขึ้น  การแข่งขันก็เริ่มขึ้น โดยที่ฝ่ายสีน้ำเงินสามารถชิงลูกมาได้ก่อน ซึ่งการแข่งขันก็ดำเนินไปอย่างสนุกสนานและดุเดือดเป็นอย่างมาก มีทั้งเสียงจากกองเชียร์ที่สร้างความสนุกสนานตื่นเต้น และนักกีฬาที่ลงแข่งที่ต่างวิ่งแย่งชิงลูกกัน ในตอนนี้ลูกก็ยังคงอยู่กับฝ่ายสีน้ำเงิน และยิ่งอยู่ในมือของมินโฮที่อยู่ใกล้แป้นพร้อมที่จะชู้ตลงแล้ว พอได้จังหวะก็กระโดดชู้ตลงห่วงทำให้สีน้ำเงินมีคะแนนนำไปก่อน 3-0 กองเชียร์สีน้ำเงินก็ต่างส่งเสียงดีใจใหญ่

     

                แทมินหันไปดูปฏิกิริยาของคีย์เมื่อเห็นว่ามินโฮชู้ตลูกลง ก็เห็นคีย์ยิ้มและปรบมือแสดงความดีใจ ทำให้แทมินยิ่งมีอารมณ์ของการต่อสู้มากขึ้นไปอีก

     

                เมื่อดำเนินเกมไปได้สักพัก ต่างฝ่ายต่างก็เริ่มตีคะแนนขึ้นมาเรื่อยๆ โดยส่วนใหญ่มักเป็นลูกที่มินโฮกับแทมินเป็นฝ่ายชู้ตลงซะส่วนใหญ่ ตอนนี้เป็นคะแนนของสีน้ำเงินต่อสีแดง 53-53 เท่ากัน

     

                ลูกนี้เป็นลูกที่แทมินได้มาครอบครอง โดยมีมินโฮมาพยายามสกัดและจะแย่งลูก ทำให้ทั้งสองคนได้เจอกันตัวต่อตัวเป็นครั้งแรก

     

                “พี่จะต้องเป็นฝ่ายแพ้ ผมจะทำให้เกมนี้ชนะให้ได้” แทมินระหว่างวิ่งเดาะลูกไปเรื่อยๆ โดยมีมินโฮวิ่งตามประกบ

     

                “สู้ให้เต็มที่ก็แล้วกัน ใครจะชนะมันก็อยู่ที่ฝีมือกับความตั้งใจแล้วล่ะ”  ยิ่งมินโฮพูดอย่างนี้ ก็ยิ่งทำให้แทมินสปีดความเร็วและพยายามจะวิ่งไปชู้ตลงห่วง

     

                เมื่อได้โอกาส แทมินก็ตั้งใจจะชู้ตลูกให้ลงห่วงฝั่งตัวเอง แต่สายตาของแทมินที่บังเอิญหันไปเห็นคีย์กำลังยิ้มและหัวเราะกับจงฮยอนอยู่สองคน ไม่ได้สนใจเกมการแข่งขันที่กำลังดำเนินอยู่สักเท่าไหร่

     

                ยิ่งเป็นลูกสำคัญของตัวเอง แทมินยิ่งอยากให้คีย์เห็น แต่คีย์กลับไม่ได้มอง

     

                ขีดจำกัดของแทมินคงสิ้นสุดลงแล้ว แทมินกระโดดแล้วชู้ตลูกบาสลงห่วงอย่างเต็มแรง ทำให้ลูกที่ลงจากห่วงนั้นตกมา ถึงขั้นกระแทกศีรษะของผู้เล่นในทีมเดียวกันจนสลบไปเลยทีเดียว สร้างความตกใจให้กับทั้งผู้เล่นในทีมและกองเชียร์ที่รับชมอยู่เป็นอย่างมาก

     

                พอชู้ตลูกนั้นจบ แทมินก็กำมือแน่นแล้วเดินออกไปจากสนามซะดื้อๆ เพราะตอนนี้แทมินไม่มีอารมณ์จะทำอะไรอีกแล้ว มีแค่ความโกรธกับความน้อยใจเท่านั้น ทำให้กรรมการเป่านกหวีด เกมต้องหยุดลงชั่วคราวเพราะการบาดเจ็บของผู้เล่นที่โดนลูกหลงจากลูกชู้ตของแทมิน รวมไปถึงแทมินที่เดินออกไปจากเกมการแข่งขัน

     

                มินโฮเป็นห่วงแทมินที่ไม่รู้เป็นอะไร รู้สึกกังวลว่าแทมินจะเป็นอะไรหรือเปล่า แต่ก็ไม่กล้าจะเดินตามไป มินโฮหันไปมองจงฮยอน จินกิ แล้วก็คีย์ที่นั่งอยู่ด้วยกัน จงฮยอนทำไม้ทำมือบอกให้มินโฮตามแทมินไป แต่มินโฮส่ายหัวตอบจงฮยอนเพราะไม่กล้า จงฮยอนถึงกับเอามือก่ายหน้าผากกับเพื่อนตัวเอง

     

                “จินกิ แทมินเขา..เป็นอะไรหรือเปล่า” คีย์หันไปถามกับจินกิที่นั่งอยู่ข้างๆตัวเองอีกฝั่งด้วยความกังวล

     

                “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันรู้สึกว่าช่วงนี้แทมินอารมณ์ไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่รู้ทำไม” ตั้งแต่ที่คีย์ถามไปเมื่อไม่กี่วันที่แล้วว่าแทมินเป็นอะไรหรือเปล่า จินกิก็รู้สึกว่าแทมินดูใจร้อน อารมณ์ไม่ค่อยดีขึ้นมา

     

                “เราไปดูแทมินดีไหมจินกิ” เพราะคีย์รู้สึกว่าแทมินกำลังโกรธตัวเองอยู่ ตั้งแต่ที่ไม่ได้คุยกันมาหลายวัน ถ้าเป็นโอกาสนี้ อาจจะเป็นโอกาสที่คีย์จะได้ถามแทมินว่าเป็นอะไร โกรธตัวเองหรือเปล่าด้วย

     

                “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ คีย์สู้ๆนะ” จินกิเป็นกำลังใจให้คีย์ที่จะไปดูแทมิน คีย์พยักหน้าตอบแล้วรีบเดินลงจากอัฒจรรย์ไป ทำให้จินกิเห็นจงฮยอนที่ทำไม้ทำมือเหมือนคุยกับใครอยู่

     

                “ไอ้จง มึงคุยกับใครอยู่วะ” จินกิถามจงฮยอนที่ส่งสายตากับท่าทางคุยกับใครอีกคนอยู่

     

                “กู.. แค่วอร์มร่างกายเฉยๆ มันหนาว”

     

                ถ้าบอกว่าคุยกับมินโฮเดี๋ยวก็ถามยาวอีกว่าคุยเรื่องอะไรกัน จงฮยอนขี้เกียจแก้ตัวแล้วก็คิดแทนมินโฮแล้ว

     

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

     

                แทมินเดินออกมาจากโดมแล้วเดินตรงไปยืนกลางสนามที่หนาวจัด เผื่อว่าความหนาวจะช่วยให้ใจเย็นลงได้บ้าง แทมินอยากจะตะโกนออกมา อยากจะวิ่งไปให้ไกล แต่ไม่รู้ทำไมแทมินทำได้แค่ยืนมองสิ่งรอบๆอยู่นิ่งๆ

     

                แค่พี่คีย์เล่นกับพี่มินโฮ แค่พี่คีย์ยิ้มแล้วก็หัวเราะกับพี่จงฮยอน ทำไมเราต้องโกรธ ต้องโมโหด้วย

     

                คีย์ที่เพิ่งเดินตามแทมินออกมาข้างนอกก็มองหารอบๆ จนในที่สุดก็เห็นคนๆนึงยืนอยู่กลางสนาม และคีย์ก็มั่นใจว่าเป็นแทมิน จึงเดินเข้าไปหาช้าๆ

     

                “แทมิน..” คีย์เรียกชื่อแทมินเบาๆจากข้างหลัง แทมินได้ยินชื่อตัวเองก็หันไปหาต้นเสียง แต่เมื่อเห็นว่าเป็นคีย์ก็ไม่ได้พูดอะไร

     

                “เป็นอะไรหรือเปล่า แทมิน” คีย์ถามแทมินด้วยความเป็นห่วง

     

                “ผมเคยบอกพี่คีย์ไปแล้วไง ว่าผมไม่ได้เป็นอะไร” แทมินตอบคีย์ น้ำเสียงก็ใส่อารมณ์นิดๆ

     

                “ถ้าไม่ได้เป็นอะไร งั้นก็เข้าข้างในกันเถอะ ข้างนอกมันหนาวมากเลยนะ” คีย์พูดชวนแทมินเข้าข้างในโดม แล้วเดินนำหน้าเผื่อแทมินจะเดินตามมา แต่แทมินกลับยังคงยืนอยู่ที่เดิม

     

                “อ่า ทำไมไม่ไปล่ะ” คีย์หันมาถามแทมิน แต่แทมินก็เอาแต่เงียบ คีย์เลยเดินข้างหลังแทมินแล้วใช้มือดันแทมินให้เดินไปในโดม แต่แทมินกลับใช้มือหันผลักตัวคีย์ให้ออกไปจากตัวเอง คีย์ที่ไม่ทันได้ตั้งตัวก็เลยล้มเซไปนั่งที่พื้น

     

                “ขอโทษนะแทมิน แต่พี่แค่อยากให้แทมินเข้าไปข้างใน เพราะข้างนอกอากาศมันหนาวแค่นั้นเอง แต่ถ้าแทมินยังอยากอยู่ข้างนอก พี่ก็ขอโทษที่มาขัดใจแทมินด้วยนะ”

     

                 คีย์พูดพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆให้แทมิน คีย์คิดในแง่ดีว่าแทมินคงรำคาญตัวเองที่มากวนใจ ทำให้คีย์ไม่โกรธแทมิน คีย์เลยใช้มือดันให้ตัวลุกขึ้น เสร็จแล้วก็จะรีบเดินเข้าข้างใน ปล่อยให้แทมินอยู่ที่เดิมตามใจแทมิน

     

                “ทำไมพี่คีย์ถึงต้องใจดีกับผม ทำไมถึงเอาแต่พูดว่าขอโทษทั้งๆที่ผมผิด ทำไมพี่คีย์ถึงต้องตามผมออกมาด้วย” ก่อนที่คีย์จะเดินจากไป แทมินก็พูดถามคีย์เสียงดัง คีย์ได้ยินคำถามของแทมินก็หันหลังกลับแล้วเดินมายืนอยู่ห่างๆแทมิน

     

                “พี่ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงให้แทมินรู้สึกดีขึ้น พี่ไม่รู้ว่าแทมินเป็นอะไร แล้วพี่ก็ไม่รู้ว่าทำไมแทมินต้องบอกพี่ว่าไม่เป็นอะไร ทั้งๆที่จริงแล้วแทมินเป็น... พี่ทำได้แค่พูดคำว่าขอโทษที่มากวนใจแทมิน เพราะแทมินจะได้ไม่รู้สึกผิด แทมินจะได้ไม่แย่กว่าเดิม พี่ทำได้แค่ถามแทมินว่าเป็นอะไรหรือเปล่า แล้วก็ทำได้แค่เดินออกมาตามแทมิน เพราะแทมินจะได้รู้ว่ายังมีคนที่เป็นห่วงแทมิน

                ถ้าแทมินจะไม่บอกพี่ว่าเป็นอะไรก็ไม่เป็นไรหรอก พี่ไม่อยากรู้แล้วล่ะ แค่ทำให้แทมินกลับมายิ้มแล้วก็คุยกับพี่เหมือนเดิมก็พอแล้ว”

     

                ต่อจากนี้คีย์ไม่ต้องรู้อีกแล้วว่าแทมินเป็นอะไร แค่ช่วยให้แทมินกลับมาเป็นแทมินคนเดิมที่คีย์รู้จัก คีย์ก็สบายใจแล้ว

                แทมินรู้สึกผิดจริงๆกับสิ่งที่ทำลงไปกับคีย์ ทั้งๆที่คีย์เป็นห่วงตัวเองมากขนาดนี้ แต่ทำไมตัวเองกลับไม่รู้ แถมยังทำไม่ดีใส่คีย์อีก

     

                แต่แทมินก็ยังไม่รู้สึกว่าหายโกรธ

     

                “ผมขอโทษที่ทำให้พี่คีย์ต้องเจ็บตัว” แทมินพูดขอโทษคีย์เพราะเรื่องเมื่อครู่

     

                “ไม่เป็นไรหรอก.. แทมินพูดกับพี่สักประโยคพี่ก็สบายใจแล้วล่ะ งั้นพี่ไปก่อนนะ ไว้เจอกันที่ปาร์ตี้คริสมาสต์อีฟตอนเย็นนะ” คีย์หวังว่าแทมินคงจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง แล้วคงจะได้เห็นแทมินที่ยิ้มแล้วก็หัวเราะเก่งคนเดิมในคืนดีๆอย่างวันนี้

     

                “พี่คีย์ ผมอาจจะเห็นแก่ตัว แต่พี่คีย์ช่วยตามใจผมสักวันได้ไหม” คีย์กำลังจะเดินเข้าไปในตึก แทมินก็พูดรั้งคีย์เอาไว้ด้วยประโยคๆหนึ่ง

     

                “ทำไมหรอแทมิน” คีย์หันกลับมาถามแทมิน แทมินจึงเดินเข้าไปหาคีย์

     

                “วันนี้พี่คีย์ช่วยตามใจผมสักวันได้ไหม”

     

                “ถ้าแทมินจะอารมณ์ดีขึ้น พี่ก็จะทำให้ละกันนะ”

     

     

                ถ้าคีย์จะตามใจแทมิน แทมินจะรู้สึกดีขึ้นบ้างไหมนะ..

     

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

     

                คีย์กับแทมินออกมาจากโรงเรียนก่อนที่งานกีฬาสีจะเลิก แถมยังไม่ได้บอกใครอีกด้วย พอคีย์ไปเอากระเป๋าที่วางทิ้งไว้ที่ห้องเรียนเสร็จ แทมินก็พาเดินออกมาจากนอกโรงเรียน แล้วขึ้นรถเมล์ไปยังที่ไหนสักที่ ระหว่างทางทั้งสองคนก็ไม่ได้คุยอะไรกันเลย

     

                จนกระทั่งมาถึงป้ายของถนนย่านดังแห่งหนึ่ง ที่มีผู้คนเดินกันอยู่มากมาย รวมถึงป้ายต่างๆบริเวณถนนก็ถูกตกแต่งไว้สวยงาม เมื่อรถเมล์จอดที่ป้าย คีย์จึงรีบพาแทมินวิ่งลงไปทันที

     

                คีย์เปลี่ยนใจที่บอกว่าจะตามใจแทมิน คีย์เปลี่ยนมาทำให้แทมินกลับมาดีเหมือนเดิมด้วยตัวของคีย์เองดีกว่า

     

                พอลงจากรถก็ถึงถนนที่ถูกตกแต่งด้วยสายรุ้งและของประดับต่างๆ ที่จัดขึ้นสำหรับวันคริสมาสต์ในวันพรุ่งนี้ และสำหรับวันปีใหม่ที่จะถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้าด้วย ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่รอยยิ้มและความสนุกสนาน ยกเว้นก็แต่ทั้งสองคนที่ไม่ได้พูดคุยอะไรกัน เพียงแค่เดินไปเรื่อยๆกันสองคน คีย์คิดว่าควรจะทำอะไรสักอย่างดี เพราะแทมินดูท่าว่าจะซึมมากเกินกว่าที่คีย์คิดไว้

     

                “แทมินพูดอะไรหน่อยสิ ยิ้มหน่อยก็ยังดีนะ” คีย์หันไปพูดกับแทมินที่เดินหน้านิ่ง แต่แทมินก็ยังนิ่งไม่พูดจาเหมือนเดิม

     

                “พี่ลืมไปว่าแทมินเพิ่งเล่นบาสมาเหนื่อยๆ ไปหาอะไรกินกันดีกว่า” ถึงแม้ว่าคีย์จะชวนแทมินไปหาอะไรกิน แต่เพราะคีย์ไม่รู้จักเส้นทางของถนนที่นี่ ที่มีตรอกซอยยิบย่อยอยู่เยอะ เลยทำให้ต้องเดินหา จนบังเอิญเดินมาเจอร้านแพนเค้กเล็กๆที่เป็นบาร์นั่งกิน คีย์จึงพาแทมินเดินเข้าไปนั่ง

     

                “เอาอะไรดีจ๊ะพ่อหนุ่ม” คุณป้าเจ้าของร้านถามคีย์กับแทมินที่เพิ่งเข้ามานั่ง คีย์ก็นั่งนึกอยู่สักพัก ก็หยิบปากกามาเขียนอะไรที่มือแล้วให้คุณป้าเจ้าของร้านดู

     

                “รอแปปนึงนะจ๊ะ เดี๋ยวป้าจะรีบทำให้” พอดูสิ่งที่อยู่ในมือคีย์จบก็ยิ้มแล้วตอบรับ คีย์ก็นั่งกอดอกรอเพราะความหนาว แทมินก็อยากรู้ว่าคีย์สั่งอะไรถึงได้เก็บเป็นความลับ แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ สักพักก็มีแพนเค้กสองจานมาเสิร์ฟที่ด้านหน้าของคีย์จานนึง แล้วก็สำหรับของแทมินอีกจานนึง

     

                “ทานให้อร่อยนะจ๊ะ” คุณป้าพูดแล้วยิ้มให้กับแทมินที่นั่งซึม แทมินก็หันไปยิ้มให้ แล้วกำลังจะลงมือกินแพนเค้ก แต่ก็เห็นว่าบนแพนเค้กมีช็อคโกแลตเขียนเป็นคำสั้นๆคำนึงเขียนอยู่

     

                มี

     

                คงเป็นใจความอะไรสักอย่างที่ยังไม่สมบูรณ์ พอแทมินอ่านจบก็ตักแพนเค้กแผ่นบางๆเข้าปากหมดภายในคำเดียว หลังจากนั้นก็มีแพนเค้กอีกจานมาวาง พร้อมกับคำสั้นๆบนหน้าแพนเค้ก

     

                อะไร

     

                พออ่านจบก็ตักแพนเค้กกินจนหมด และก็มีจานใหม่เข้ามาเสิร์ฟอีก

     

                จะบอก

     

                แทมินหันไปมองคีย์ที่กำลังนั่งดื่มน้ำชาอยู่ คีย์ก็หันมายิ้มให้ แล้วก้มลงไปตักแพนเค้กคำสุดท้ายเข้าปาก แทมินก็ใช้ส้อมจิ้มแพนเค้กขึ้นมากินชิ้นนั้นหมดในทีเดียว แล้วก็มีจานใหม่เข้ามาอีก และคงจะเป็นจานที่เขียนอะไรบางอย่างที่ต่อจากเมื่อกี๊ไว้

     

                ไม่ใช่ข้อความ แต่เป็นสัญลักษณ์หน้ายิ้มอยู่เต็มแผ่น

     

                แทมินก็มองแล้วแอบยิ้มออกมาโดยที่ไม่ให้คีย์เห็น แล้วก็กินมันเข้าไป ระหว่างเคี้ยวอยู่ก็เกิดสำลักขึ้นมา คีย์จึงรีบรินน้ำชาใส่แก้วให้แทมิน แทมินก็รับมาแล้วรีบดื่ม แล้วตั้งสติอยู่สักพัก คีย์เห็นว่าทานอะไรเรียบร้อยแล้วก็จัดการจ่ายเงิน

     

                “ขอบคุณสำหรับแพนเค้กนะครับ” พอพูดขอบคุณคุณป้าเจ้าของร้านจบ คีย์กับแทมินก็ลุกออกไปจากร้านด้วยกัน

     

     

     

     

     

     

                ตอนนี้คีย์กับแทมินก็เดินเรื่อยเปื่อยกันเหมือนเมื่อตอนแรกอีกแล้ว จนเดินผ่านมาที่ร้านซีดีที่เปิดเพลงวันคริสมาสต์อย่างสนุกสนาน คีย์เลยพาแทมินเดินเข้าไปในร้านเพลงเพื่อฟังเพลงคลายเครียด

     

                แทมินกับคีย์แยกกันเดิน โดยที่แทมินเลือกไปเดินอยู่ที่โซนหนัง ส่วนคีย์ก็เดินดูของในร้านไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาเจอกับเครื่องเล่นเพลงกับหูฟังสำหรับทดลองฟังเพลง คีย์ก็เลยนึกอะไรดีๆขึ้นมาได้ จึงเดินหาแผ่นเพลงแผ่นหนึ่งอยู่นาน แล้วก็รีบไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ แล้วก็วิ่งกลับมาที่เครื่องเล่นเพลง แล้วใส่ซีดีเข้าไป พอจัดการเสร็จคีย์ก็เดินหาแทมินที่อยู่ในร้าน คีย์ไม่ได้พูดอะไรกับแทมิน แต่ใช้มือจับแขนแทมินแล้วพาเดินไปที่เครื่องเล่นเพลง แล้วใช้หูฟังครอบที่หูของแทมิน

     

                เสียงของเปียโนบรรเลงขึ้นต้นเพลงอย่างช้าๆ

     

    When I find myself in times of trouble
    Mother Mary comes to me
    Speaking words of wisdom, ‘let it be.’
    And in my hour of darkness
    She is standing right in front of me
    Speaking words of wisdom, ‘let it be.
    ‘Let it be, let it be.
    Whisper words of wisdom, ‘let it be.’

    (เมื่อฉันเงยหน้าขึ้นมาเจอะแต่ปัญหา
    คุณแม่ของฉันท่านเข้ามา
    เอ่ย กระซิบให้ฉันฟังให้ แง่คิดฉัน "ปล่อยวางมัน"
    และคราวที่ฉันนั้นรู้สึกมืดมน
    เธอปรากฏกายต่อหน้าฉัน
    ย้ำบทเรียนที่เคยสอนฉันไว้  "ปล่อยวางมัน"


    ช่างมันเถิด ช่างมันเสีย
    อย่าไปสนใจ ปล่อยมันไป
    เธอกระซิบย้ำคติให้ฉันได้ยิน จง  "ปล่อยวางมัน"
    สำหรับทุกคนที่ชอกช้ำจิตใจ
    จงอย่าเจ็บ ใช้ชีวิตมันเรื่อยไป
    สักวันจะพบกับทางออก จง "ปล่อยวางมัน")

     

     

    And when the broken hearted people
    Living in the world agree,
    There will be an answer, ‘let it be.’
    For though they may be parted there is
    Still a chance that they will see
    There will be an answer, ‘let it be.
    ‘Let it be, let it be.’ Yeah
    There will be an answer, ‘let it be.’


    (และสำหรับใครที่กำลังใจหมดไป
    ใจแตกเป็นเสี่ยงๆ ไม่เป็นไร
    โอกาสยังมีและเธอจะได้พบกับคำตอบ ก็แค่ "ปล่อยวางมัน"
    ช่างมันเถิด ช่างมันเสีย
    อย่าไปสนใจ ปล่อยมันไป
    เธอกระซิบย้ำคติให้ฉันได้ยิน จง "ปล่อยวางมัน")

     

     

    And when the night is cloudy,
    There is still a light that shines on me,
    Shine on until tomorrow, ‘let it be.
    (และไม่ว่าราตรีนั้นจะมืดสลัวสักเพียงไหน
    ยังไงก็ต้องมีแสงสว่าง
    สาดส่องมานำทางฉัน
    เพื่อนำพาเราไปถึงวันพรุ่ง
    แต่ตอนนี้คงต้อง"ปล่อยวางมัน")

     

     

    I wake up to the sound of music
    Mother Mary comes to me
    Speaking words of wisdom, ‘let it be.
    ‘Let it be, let it be.

    (ฉันตื่นมาพบกับเสียงเพลงทุกครั้ง
    ที่นึกถึงคำที่ท่านสอน
    ที่ท่านกระซิบบอกฉันไว้ "ปล่อยวางมัน"
    )

             

    There will be an answer, ‘let it be.
    ‘Let it be, let it be,’
    Whisper words of wisdom, ‘let it be.

    (ช่างมันเถิด ช่างมันเสีย
    อย่าไปสนใจ ปล่อยมันไป
    เธอกระซิบย้ำคติให้ฉันได้ยิน จง "ปล่อยวางมัน"
    )

     

    (เพลง Let it be – The Beatles)

     

     

                แทมินตั้งใจฟังเพลงที่เล่นอยู่ตั้งแต่ต้นจนจบ แต่เพราะเนื้อเพลงเป็นภาษาอังกฤษ ทำให้แทมินไม่เข้าใจความหมายของมัน และไม่เข้าใจถึงสิ่งที่คีย์ต้องการจะสื่อ

     

                หลังจากเพลงจบ คีย์ก็เลื่อนกระดาษแผ่นหนึ่งมาวางไว้ตรงหน้าแทมิน แทมินจึงหยิบกระดาษขึ้นมาอ่านข้อความที่เขียนไว้

     

                Let it be.. จง ปล่อยวาง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม แต่ในยามที่เจอปัญหา.. แค่ปล่อยวางมัน ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง

     

                แทมินอ่านจบก็เก็บกระดาษใส่กระเป๋าเสื้อ แล้วถอดหูฟังออกวางเก็บไว้ที่เดิม

     

                “ขอบคุณนะพี่คีย์ ตอนนี้ผมรู้สึกดีขึ้นมากแล้วล่ะ” แทมินเริ่มรู้สึกอารมณ์ดี ความรู้สึกโกรธและโมโหที่มีอยู่ในใจก็ลดลงแล้ว เพราะคีย์บอกให้ ปล่อยวางตอนนี้แทมินเข้าใจและควรจะทำมัน

     

                “แต่ว่าก็คงยังไม่หายดี เพราะงั้นก็ไปเดินเล่นกันต่อดีกว่า” คีย์เก็บซีดีในเครื่องเล่นใส่กล่อง แล้วเดินออกไปนอกร้านพร้อมกัน

     

     

               

                ที่ร้านแพนเค้กที่คีย์พาไปร้านแรก แทมินรู้สึกดีขึ้นเพราะรอยยิ้ม

                ที่ร้านซีดีที่คีย์พามาที่สอง แทมินรู้สึกโล่งใจขึ้นเพราะการปล่อยวาง

     

                ที่สุดท้ายที่คีย์จะพาแทมินไป คงทำให้แทมินหายโกรธคีย์ได้แน่ๆ

     

     

     

     

                ตอนนี้ฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว ไฟที่ถูกประดับอยู่บริเวณถนนก็เริ่มเปิดขึ้น แต่เพราะท้องฟ้ายังไม่มืดดี ทำให้แสงของไฟยังไม่สวยงามเท่าไหร่ ตอนนี้คีย์ก็ไม่รู้ว่าจะพาแทมินไปที่ไหนต่อดี ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไป และก็ต้องรีบกลับแล้วด้วย เพราะวันนี้มีงานปาร์ตี้คริสมาสต์ที่สัญญากันไว้กับมินโฮ จินกิ และจงฮยอน

     

                (สายเข้า : มินโฮ)

     

                คีย์ใช้โอกาสตอนที่แทมินเดินนำหน้าไปรับโทรศัพท์ที่มินโฮโทรเข้ามาพอดี

     

                “สวัสดีมินโฮ”

     

                (“คีย์อยู่ไหนเนี่ย เห็นไอ้หู้บอกคีย์ออกไปหาแทมินแล้วก็หายไปเลย โทรไปก็ไม่ติด ทำไมถึงเพิ่งรับสายล่ะคีย์”) มินโฮถามยาวซะจนคีย์ไม่รู้จะตอบอะไรก่อนดี

     

                “ขอโทษนะมินโฮ แทมินเขาไม่รู้เป็นอะไร อารมณ์ไม่ดี เราก็เลยพามาเที่ยวน่ะ เดี๋ยวก็จะกลับแล้วล่ะ อาจจะช้าหน่อยนะ ถ้าหากว่าช้ามากจะฉลองกันไปก่อนเลยก็ได้นะ แล้วไว้จะพาแทมินกลับไปทีหลัง” คีย์กลัวว่าจะเป็นภาระทำให้ต้องรอ เลยเสนอให้เลี้ยงกันไปก่อนเลยก็ได้

     

                (“แทมินเป็นอะไรมากไหมคีย์”)

     

                มินโฮที่ฟังคีย์เล่าก็เป็นห่วงแทมินจริงๆ ว่าจะเป็นอะไรมากหรือเปล่า ถ้ามินโฮกล้ามากกว่านี้ ตอนนี้คนที่อยู่กับแทมินคงไม่ใช่คีย์ แต่คงจะเป็นมินโฮ

     

                มินโฮทำได้แค่ถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่าจากคนอีกคนหนึ่ง ไม่กล้าจะถามเจ้าตัวเอง

     

                “ขอเวลาอีกชั่วโมงนึงนะมินโฮ แทมินใกล้หายแล้วล่ะ แล้วตอนนี้มินโฮอยู่ที่ไหน”

     

                (“ฉันอยู่หน้าบ้านคีย์กับไอ้สองคนเนี่ย เพิ่งมาถึง”)

     

                “ในบ่อน้ำที่มีควันอะโรมาหน้าบ้านเรามันมีกุญแจบ้านซ่อนอยู่ดอกนึง อันนั้นเอาไว้ไขประตูรั้วนะมินโฮ” คีย์คิดว่าถ้าให้ยืนรอคงหนาวตายกันแน่ๆ คีย์เลยบอกที่ซ่อนของกุญแจ เพราะคิบอมชอบลืมบ่อยๆเลยต้องมีซ่อนเอาไว้ พอคีย์บอกจบ มินโฮก็บอกให้จงฮยอนใช้มือล้วงลงไปหาในบ่อ แล้วก็เจอกุญแจอยู่ดอกนึง

     

                (“อื้ม คีย์ อันนี้จะให้ไขเข้าไปใช่ไหม”)

     

                “แล้วพอเข้าไป ตรงประตูกระจกทางเข้าบ้าน มันต้องใส่รหัส..”

     

                (“แปปนึงนะคีย์.. ไอ้หู้ จดหรือไม่ก็จำตัวเลขที่กูจะบอกต่อไปนี้นะเว้ย.. อ่าๆคีย์ ต่อๆ”)

     

                “รหัสผ่านนะ สองหนึ่งสองสองสองสามสองสี่(21222324)”

     

                (“ไอ้หู้!! สองหนึ่งสองสองสองสามสองสี่.. เอ่อคีย์ ยี่สิบเอ็ดยี่สิบสองยี่สิบสามยี่สิบสี่ใช่ไหม”) มินโฮทวนเป็นคำพูดที่จำง่ายๆหลังจากอ่านรหัสที่คีย์บอกในมือของจินกิ

     

                “ใช่ๆมินโฮ แล้วก็เข้าได้ทุกส่วนของบ้านแล้วล่ะ จัดกันไปก่อนเลยนะ ต้นคริสมาสต์รู้สึกว่าจะอยู่ที่ห้องเก็บของใต้บันไดละมั้ง ของตกแต่งก็อยู่ในนั้นเหมือนกัน หาไม่ยากหรอก แล้วเราจะรีบกลับนะ”

     

                (คีย์ทำให้แทมินอารมณ์ดีให้ได้นะ ฉันอยากจะเห็นแทมินยิ้มในวันดีๆอย่างวันนี้)

     

                “เข้าใจแล้วมินโฮ จะพยายามนะ รีบๆเข้าบ้านล่ะ อากาศหนาว” พอพูดจบคีย์ก็วางสายไป

     

                มินโฮเป็นห่วงแทมินมากเลยนะ บางทีมินโฮอาจจะ..

     

                “พี่คีย์ ทำไมถึงเดินช้าจังเลย” แทมินที่เดินนำหน้าอยู่นานหันกลับมาถามคีย์ที่เดินตามหลังอยู่

     

                “พี่จะเดินให้เร็วกว่านี้นะ” คีย์ก็รีบเดินให้ทันแทมิน จนมาเดินอยู่ข้างๆแทมิน แต่พอเดินไปด้วยกันสักพักแทมินก็หยุดเดิน เพราะมาเจอกับร้านแผงลอยที่ขายผ้าพันคอ ซึ่งเหมือนกับที่ตัวเองเคยซื้อมาเพื่อจะให้คีย์ แต่ก็ยังไม่ได้ให้

     

                แทมินเดินเข้าไปจับผ้าพันคอผืนสีเทาที่วางอยู่ใกล้กับผ้าพันคอผืนสีชมพู

     

                “อยากได้หรอ พี่ซื้อให้เอาไหม” คีย์ถามแทมินที่ยืนจับผ้าพันคอแล้วก็ยืนมองมันอยู่ แทมินหยิบผ้าพันคอผืนที่ตัวเองจับอยู่มาพันที่รอบๆคอของคีย์ ซึ่งคีย์ก็ทำหน้าเหวอกับสิ่งที่แทมินทำ

     

                “ผมชอบสีนี้จัง พี่คีย์ชอบมันไหม” แทมินถามคีย์หลังจากพันผ้าพันคอให้คีย์เสร็จแล้ว

     

                “ถ้าแทมินชอบ เดี๋ยวพี่ซื้อให้นะ”

     

                “ผมถามว่าพี่คีย์ชอบมันไหม ไม่ใช่ให้พี่คีย์มาถามผมสักหน่อย”

     

                “ก็.. สวยดี อุ่นด้วย” คีย์ยอมตอบแทมินแบบตรงประเด็น พอคีย์บอกว่าชอบมัน แทมินก็หยิบกระเป๋าตังค์แล้วจ่ายเงินให้กับพนักงานขายตามราคาที่ติดป้ายเอาไว้ คีย์ก็เลยจะถอดผ้าพันคอคืนให้แทมิน แต่ก็ถูกแทมินห้ามไว้ซะก่อน

     

                “ผืนนี้ของพี่คีย์ ผมซื้อให้ สุขสันต์วันคริสมาสต์อีฟฮะ” แทมินพูดสุขสันต์วันคริสมาสต์อีฟพร้อมกับของขวัญ

     

                “แทมิน.. ซื้อเพราะชอบสีนี้ไม่ใช่หรอ แล้วทำไมมาให้พี่ล่ะ”

     

                “ผมก็มีแบบนี้อยู่ที่บ้านอีกผืน”

     

                ผ้าพันคอที่แทมินซื้อมาตั้งใจจะให้คีย์ตอนนั้น เป็นสีชมพูที่แทมินแอบรู้มาว่าคีย์ชอบ แต่แทมินไม่อยากจะให้ผืนนั้นกับคีย์แล้ว

                ผ้าพันคอสีชมพูที่คีย์ชอบ เวลาที่แทมินใช้ แทมินจะได้นึกถึงคีย์

                ส่วนผ้าพันคอสีเทาที่แทมินชอบ เวลาที่คีย์ใช้ คีย์ก็จะได้นึกถึงแทมินบ้าง แทมินเลยเลือกซื้อสีเทาให้กับคีย์

     

                คีย์อาจจะไม่รู้ความหมาย แต่แทมินรู้ถึงความพิเศษก็พอแล้ว

     

                “ขอบใจสำหรับของขวัญนะ..” คีย์กำลังจะพูดประโยคอะไรบางอย่างต่อ แต่พอเงยหน้ามองท้องฟ้าอีกที ก็มืดแล้ว มองไปรอบๆตัว ก็เห็นแต่แสงไฟสีต่างๆที่ตกแต่งสวยงามอยู่ทั่วถนนไปหมด

     

                และ..

     

     

                หิมะแรกของปีนี้ก็ตกลงมาจากท้องฟ้า

     

                “ปีนี้หิมะตกช้ามากเลย แต่พอตก ก็ตกในวันดีๆแบบนี้” แทมินพูดพร้อมกับยิ้มแล้วแบมือมารับหิมะที่กำลังตกลงมาช้าๆ

     

                หิมะร่วงโรยลงมาจากท้องฟ้า เหมือนกับความหดหู่ด้านมืดในหัวใจของแทมิน ที่ถูกความขาวของหิมะเข้าปกคลุมแทน แทมินกลับมายิ้มได้เหมือนเดิมแล้ว

     

                “กลับบ้านกันดีกว่านะ พี่มินโฮ พี่จินกิ แล้วก็พี่จงฮยอนรอเราสองคนกลับไปอยู่” คีย์เห็นแทมินยิ้มได้แล้ว ก็เลยชวนแทมินกลับบ้าน

                “ฮะ กลับไปฉลองกันดีกว่า ขอบคุณสำหรับวันนี้นะฮะ” แทมินหันมายิ้มให้คีย์

     

                “แทมิน..”

     

                “ฮะ พี่คีย์”

     

                “สุขสันต์วันคริสมาสต์อีฟนะ” คีย์พูดกับแทมิน ก่อนจะเดินคุยกันอย่างสนุกสนานไปที่ป้ายรถเมล์เพื่อจะกลับไปฉลองวันคริสมาสต์อีฟกับมินโฮ จินกิ และจงฮยอน

     

     

     

     

                เราสองคนจะช่วยกันจดจำความทรงจำบนถนนแห่งนี้กันไปตลอดทุกปีได้ไหมพี่คีย์

     

               

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

                มินโฮ จินกิ และจงฮยอนเข้ามาในบ้านคีย์ได้แล้วก็รีบปิดประตูแล้ววิ่งไปเปิดเครื่องทำความร้อนทันที เพราะอากาศที่หนาวมาก

     

                “ค่อยดีขึ้นมาหน่อย แล้วนี่จะจัดกันตรงไหนอ่ะ ถ้าข้างนอกเลิกคิดเลย เพราะกูจะไม่ออกไป” จงฮยอนตะโกนถามมินโฮกับจินกิที่เดินไปไหนก็ไม่รู้ สักพักมินโฮกับจินกิก็เดินกลับมาพร้อมกับต้นคริสมาสต์ตั้งพื้น แล้วก็มีของตกแต่งถุงใหญ่

     

                “ก็วางไว้ตรงกลางบ้านเนี่ยแหละ แล้วก็ไปนั่งกันในห้องนั่งเล่น” มินโฮเสนอ

     

                “เฮ้อ เมื่อไหร่คีย์จะกลับมาเนี่ย กูอยากจะแต่งต้นคริสมาสต์กับคีย์~~” จงฮยอนบ่นกับสองคน

     

                “เดี๋ยวก็กลับมาแล้วมั้ง งั้นไว้เดี๋ยวพอสองคนนั้นมาก็ค่อยเริ่มแต่งต้นคริสมาสต์ก็แล้วกัน ถ้าอยากรอ.. หิวแล้วว่ะ” มินโฮรู้สึกหิวมาตั้งแต่เมื่อตอนเย็นแล้ว ตอนนี้ก็หัวค่ำแล้วก็ยังไม่ได้กินอะไร

     

                “ถ้ากินขนมที่ซื้อมามันต้องหมดก่อนสองคนนั้นกลับมาแน่เลยว่ะ” จินกิพูดกับมินโฮ ก็แต่ละคนหิวเมื่อไหร่อย่าเรียกว่ากินเลย เขมือบเลยดีกว่า

     

                “งั้นเดี๋ยวกูไปซูเปอร์หน้าหมู่บ้านก่อนละกัน จะได้ซื้อเนื้อมาเพิ่มด้วย กูว่าที่ซื้อมามันน้อยไปว่ะ” มินโฮบอกจินกิกับจงฮยอน

     

                “ซื้อมาเพิ่มเยอะๆนะเว้ยยย”

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

                ถึงแม้ว่าอากาศข้างนอกจะหนาว แต่เพราะความหิวเลยทำให้มินโฮยอมเดินออกมา แถมตอนนี้หิมะก็ตกลงมาด้วย ทำให้บรรยากาศระหว่างทางเดินไปดูดีขึ้นมาหน่อย

     

                แต่พอเดินตอนที่หิมะตกคนเดียวในตอนนี้ ทำให้มินโฮเกิดกังวลเรื่องแทมินขึ้นมา ว่าตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง แทมินจะอารมณ์ดีหรือยัง แทมินจะหายหรือยัง เพราะความจริงก่อนหน้านี้ แทมินก็ไม่ค่อยคุยกับตัวเอง ไม่ได้เดินกลับบ้านพร้อมกันมาได้สักพักนึงแล้ว แต่ก็ไม่ได้ถามว่าเป็นอะไร พอวันนี้มาเห็นแทมินเหวี่ยงใส่ลูกบาสซะจนทำคนเจ็บต้องออกจากเกม แล้วก็เดินออกจากเกม แล้วหายไปเลย ยิ่งทำให้เป็นห่วงใหญ่ แต่ตัวเองก็ไม่กล้าพอที่จะเดินตามไป หรือจะถามว่าเป็นอะไร

     

                พอรู้ว่าคีย์พาไปแทมินไปเที่ยว ใจนึงมินโฮก็คิดว่าดีแล้ว ที่ตอนนี้คีย์อยู่เป็นเพื่อนแทมิน เผื่อว่าแทมินจะดีขึ้นมาบ้าง แต่ไม่รู้ทำไมอีกใจนึงของมินโฮกลับกลัวว่าการที่ทั้งสองคนไปด้วยกัน จะทำให้หัวใจของทั้งสองคนเปลี่ยนไปก็ได้

     

                มินโฮกลัวว่าแทมินจะชอบคีย์จริงๆ

     

                หลังจากเดินมานานก็ถึงซูเปอร์มาเก็ตที่ตั้งอยู่หน้าหมู่บ้าน มินโฮก็เดินเลือกน้ำ แล้วก็ขนมต่างๆ รวมถึงไปดูเนื้อที่จะเอาไปทำเนื้อย่างด้วย พอซื้อของเสร็จก็เดินไปจ่ายเงิน แล้วเดินออกมาจากซูเปอร์ แล้วจะเดินกลับไปที่บ้านคีย์

     

                ระหว่างทางที่กำลังเดินเข้าไปในซอยบ้าน มินโฮก็เห็นคนสองคนกำลังเดินนำหน้าอยู่ห่างๆ ซึ่งก็คือคีย์กับแทมินนั่นเอง มินโฮเลยจะรีบเดินเข้าไปเงียบๆเพื่อจะได้แกล้งทั้งสองคน

     

                มินโฮค่อยๆเดินเข้าไปเงียบๆตอนที่ทั้งสองคนกำลังเดินคุยกัน...

     

     

     

     

     

                “เห้ย!!!



                To be continued...

              ------------------------------------

             
    อย่างนี้ค่อยสมเป็นคีย์ที่เซ็กซี่หน่อย 555 เรื่องนี้แต่งบิดเบือนความจริงจากที่คีย์เป็นอยู่มามากพอแล้ว เอาความจริงมั่ง!
                 ไม่ได้มีแค่จงฮยอนรู้คนเดียวนะ ยังมีอีก!!

                 ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนท์นะคะ

                 11.11.30 - Lighteli

             

                 
    Special Thanks : ขอบคุณเนื้อเพลงและคำแปลเพลง Let it be จากคุณ fonsasami นะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×