ตอนที่ 8 : รีไรท์ 第8 集 ม่านวิวาห์อลเวง
ตอนที่ 8 ม่านวิวาห์อลเวง
สู่ยามเหม่าเช้าฟ้ายังไม่สางแสงอาทิตย์ยังไม่ลอดผ่านซอกหน้าต่างห้องนอน ร่างของอี้ป๋อตื่นขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดเชยตามองร่างที่หลับนอนด้วยกันทั้งคืน สองร่างไร้เสื้อผ้าตระกองกอดในผ้าห่มผืนเดียวกันพาเอาใบหน้าแล่นริ้วสีแดงระเรื่อ
อี้ป๋อกุมหัวตัวเองเมื่อยังคงค้างฤทธิ์ยาพาปวดหัวเล็กน้อยก่อนจะละสายตามองไปยังร่างของเซียวจ้านที่เขากอดไม่ห่าง เนื้อตัวขาวผ่องของอีกคนเต็มไปด้วยรอยแดงๆจากการขบกัดและบีบเค้น ไม่ว่าจะเป็นซอกคอ ไหปลาร้า หน้าอกอวบอิ่มและหน้าท้องน้อย ทุกจุดถูกประทับตราจองโดยอี้ป๋อทั้งสิ้น
“ข้า...”
ไม่รู้ว่าอี้ป๋อต้องเอื้อนเอ่ยคำใดออกมากับภาพเบื้องหน้า เขาทั้งสองคนมีอะไรกันอย่างเร่าร้อนมาแล้วเมื่อคืนหากยังนอนกอดกันฉันสามีภรรยาบนเตียงตั่งไม้ที่นอนยับยู่ยี่ ไอร้อนซับใบหน้าขาวผ่องให้ยิ่งแดงเข้าไปใหญ่
มือสากเกลี่ยไปที่ผิวแก้มของเซียวจ้านที่ยังคงนอนหลับเพราะฤทธิ์ยาและความอ่อนเพลียจากเมื่อคืน อี้ป๋อรู้ตัวดีว่าเมื่อคืนเขาไม่ได้ถนอมร่างกายอันบอบบางนี้เท่าไหร่นัก มีแรงเท่าไหร่ช่วงท้ายๆก็ยิ่งใส่กำลังไปซะหมด ขนาดตัวอี้ป๋อเองยังเคล็ดสะโพกแล้วเซียวจ้านเป็นฝ่ายรองรับอารมณ์กามสวาทขนาดนั้นจะเป็นเยี่ยงไร
“อื้อ หยุด เบาๆหน่อยอี้ป๋อ”
ดวงตาสีนิลเลิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงครางหวานหูอันคุ้นเคยดังมาจากปากของเซียวจ้าน ขนาดละเมอยังเป็นเสียงอันไพเราะร้องห้ามไม่ให้อี้ป๋อกระแทกตัวตนใส่อย่างรุนแรง ในฝันของเซียวจ้านเป็นเยี่ยงไรกันแน่ทำไมถึงละเมอออกเป็นเช่นนี้
“ลามก”
ปากพึมพำตำหนิคนนอนไร้ขยับแต่ก็ยกยิ้มพอใจที่ร่างกายของเซียวจ้านเป็นของตัวเองทางพฤตินัยเรียบร้อย อี้ป๋อไม่ได้รู้สึกแย่กับการสัมพันธ์สวาทกับอีกฝ่าย หนำซ้ำตื่นขึ้นมายังหวนนึกภาพเมื่อคืนได้ดี
คิดแล้วก็เจ็บใจไม่หาย อี้ป๋อยังไม่คลายฤทธิ์ยาเซียวจ้านก็หลับไปเสียก่อนทิ้งให้คนที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์กามนอนไม่หลับและร้อนรุ่มอยู่เพียงฝ่ายเดียว กว่าพายุราคะในตัวของอี้ป๋อจะดับไปต้องนั่งกัดฟันอยู่ตั้งนานสองนาน
“อืม ตัวร้อน”
อี้ป๋อยื่นมือไปแตะที่หน้าผากของเซียวจ้านเมื่อเห็นว่าแก้มนวลแดงระเรื่อ ไอร้อนคลุมไปทั้งศีรษะและร่างกายขาวผ่องของเซียวจ้านเสียจนอี้ป๋ออดวิตกไม่ได้ ชายกับชายใช่หญิงชายไม่ ช่องทางไม่ได้สร้างมาเพื่อร่วมรักกันโดยตรงจึงไม่แปลกที่ต่อให้คนที่ถูกกำหนดมาเป็นภรรยาของใครๆจะล้มป่วยได้
คิดได้อย่างนั้นอี้ป๋อก็พาร่างของตัวเองลุกขึ้นมาสวมใส่เสื้อผ้าให้ครบถ้วน เสื้อนอกตัวยาวคงไม่ต้องสวมใส่อีกเพราะเสียเวลาและเดินไปตรงประตูห้องนอนโดยไม่ลืมเหลียวหลังมามองเซียวจ้านซมเพราะไข้
“หึ”
คนที่วางแผนเรื่องนี้ดูท่าจะรู้ทุกความเป็นไปของพวกเขาสองคนในห้องเสียจริง ประตูไม้ที่เคยโดนสลักจากด้านนอกถูกคลายตอนที่รู้ว่าเขาสองคนมีสัมพันธ์กันแล้วกระมัง เช่นนั้นขังเอาไว้ก็ไร้ประโยชน์จึงแอบมาคลายออก
อี้ป๋อจัดทรงผมยาวสลวยของตัวเองให้เข้าที่และเปิดประตูเดินลงไปที่ชั้นล่างเพราะหายาและอุปกรณ์เช็ดตัว เขาให้คนอื่นไปทำแทนไม่ได้และไม่มีวันยอมให้ใครไปเห็นเนื้อตัวเปล่าเปลือยของเซียวจ้านด้วย
“ตื่นแล้วหรือ ทำไมตื่นไว?”
ซีเฉินที่นั่งจิบน้ำชาอยู่ด้านล่างเอ่ยถามอี้ป๋อที่เดินท่าแปลกๆจากอาการเอวเคล็ดด้วยน้ำเสียงเชิงแซว ซีเฉินถามไปอย่างนั้นเพราะรู้เต็มอกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ดวงตาของอี้ป๋อจ้องมองอาของตัวเองด้วยความคับอกอยากจะถามเหลือเกินว่าทำไมถึงทำกับเขาสองคนแบบนี้ก็เกรงว่าจะไร้มารยาท
“ท่านเองก็ทราบดีมิใช่หรือว่าทำไม?”
อี้ป๋อก้มหัวให้อาของตัวเองเล็กน้อยก่อนจะถามเสียงราบเรียบไร้อารมณ์โทสะแต่เนื้อหาของคำพูดเต็มไปด้วยความหมาย ซีเฉินสะดุ้งตัวเล็กน้อยก่อนจะคลี่ยิ้มเช่นดังเดิม
“ข้าว่าเจ้าต้องขอบคุณข้ากับเวินฉิงนะ ข้าไม่ปฏิเสธเพราะข้าทำจริงๆและข้าก็รู้ว่าเจ้าต้องรู้ว่าเป็นฝีมือของพวกข้า” เพราะเหตุนี้ไงซีเฉินจึงไม่แคลงใจสักนิดว่าทำไมอี้ป๋อถึงจับมือดมได้ว่าใครวางยา อี้ป๋อเป็นคนฉลาดแม้จะปิดปากเงียบแต่สมองเป็นเลิศ
“เหตุใดข้าต้องขอบคุณ...ข้าไม่ได้ดีใจ”
อี้ป๋อเดินมานั่งข้างๆซีเฉินที่ส่งสายตาให้หลานรักมานั่งด้วยเพื่อพูดทำความเข้าใจกัน น้ำเสียงอึกอักของอี้ป๋อทำเอาซีเฉินอดขันไม่ได้ เด็กโกหกหนอเด็กโกหก
“จะให้ข้าเล่าจริงหรือว่าเมื่อคืนข้าเห็นอะไร ก็ได้ข้าเห็นเงาของเจ้ากำลังทำแบบนั้นกับเซียวจ้านผ่านเงาแสงเทียนสะท้อนมุมห้องนอน ข้าก็ได้ยินว่าเจ้าครางสุขสมมิใช่หรือ ดังนั้นข้าว่าเจ้าควรขอบใจข้าน่ะถูกแล้ว”
“ท่านอา..!”
อี้ป๋อหมดสำรวมด้วยความอาย ซีเฉินเล่าละเอียดเพียงนี้ไม่ได้กุเรื่องมาล้อแน่ๆ หากเช่นนั้นคงเห็นหมดแล้วสินะว่าเขาสองคนร่วมรักในห้องขนาดไหน แล้วเยี่ยงนี้ทั้งเขาและเซียวจ้านจะเอาหน้ามองอาตัวเองได้ยังไงกัน
“เจ้าไม่ต้องวิตกไป ข้าเห็นคนเดียวและเห็นไม่นาน พอเห็นว่าเจ้ามีความสุขกันข้าก็เดินหนี อืม ชายหนุ่มสมัยนี้รุนแรงกันเสียจริง”
ขนาดเห็นไม่นานยังว่าเรื่องเป็นตุเป็นตะ หากซีเฉินยืนตรงหน้าห้องนานกว่านี้มิต้องเอาไปเขียนเป็นหนังสือบรรยายแล้วหรือ อี้ป๋อถอนลมหายใจออกมาเมื่อประเมินฝีมืออาของตัวเองผิดไปจริงๆ
“ข้าขอเข้าเรื่องเลยแล้วกัน ข้าอยากให้เจ้าคิดเรื่องงานแต่ง เจ้าคงรู้ดีแก่ใจว่าข้ากับเวินฉิงทำไปเพราะอะไร”
สีหน้าหยอกล้อเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นความจริงจังพาเอาอี้ป๋อดึงหน้าให้เรียบตึงมากกว่าเดิม อย่างที่ซีเฉินว่ามาคือความจริงเรื่องนี้อี้ป๋อตื่นขึ้นมาก็รับรู้ทันทีว่าซีเฉินกับเวินฉิงทำแบบนี้ไปเพราะอะไร
หากไม่ใช่ต้องการให้อี้ป๋อและเซียวจ้านเข้าพิธีวิวาห์เร็วกว่าเดิม
“เจ้าคงไม่ทำให้เรื่องนี้ผ่านไปเฉยๆหรอกใช่ไหม?”
“ข้าจะรับผิดชอบเซียวจ้าน จริงอยู่ที่เป็นเพราะยาของท่านอาท่านน้าแต่เป็นข้าเองที่ทำลงไปหาใช่ใครอื่น ข้าผิดที่ระงับใจไม่ได้”
ถ้อยคำยาวยืดนับตั้งแต่ซีเฉินเลี้ยงดูมาก็มีน้อยครั้ง แสดงว่าครั้งนี้เป็นเรื่องที่อี้ป๋อให้ความสำคัญไม่น้อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความรับผิดชอบหรือความรู้สึกเบื้องลึกในใจที่ทำให้อี้ป๋อตอบรับการเร่งเข้าวันแต่งงานได้ทันท่วงทีขนาดนี้กัน
“ข้ากับเซียวจ้านมีสัมพันธ์เกินเลยกันนั่นคือเรื่องจริง”
มันคงไม่ดีเป็นแน่ถ้าเรื่องจะหนาหูไปด้านนอก อย่างไรเสียเขาทั้งสองก็เป็นคู่หมั้นคู่หมาย จะแต่งให้เร็วขึ้นคงไม่เป็นไร แต่กับเซียวจ้านรายนั้นจะยินดีไหมอี้ป๋อได้แต่คิดหนัก
“สมแล้วที่เป็นอี้ป๋อหลานข้า คิดไม่ผิดที่ใช้วิธีเช่นนี้ แต่ข้าอยากให้เจ้ารู้และหายเคืองข้าทั้งสอง ทั้งหมดที่พวกข้าทำไปเพราะข้าหวังดีกับเจ้าทั้งสองคน”
ซีเฉินยื่นปลายนิ้วชี้มาที่หน้าอกซ้ายของหลานรักและใช้มันจิ้มซ้ำๆราวจะแทงไปถึงหัวใจ
“ข้าอยากให้เจ้าเรียนรู้คำว่ารักอี้ป๋อ ความรักเป็นสิ่งสวยงามและสักวันเจ้ากับเซียวจ้านต้องเร่มาขอบคุณข้า เอาล่ะเจ้าเอายาพวกนี้ไปเสีย เวินฉิงเขียนโพยไว้ก่อนไปจ่ายตลาดแล้ว”
ซีเฉินลุกขึ้นจากตั่งไม้และหยิบตะกร้ายา ผ้าขนหนูต่างๆให้กับอี้ป๋อที่ลุกขึ้นตามผู้ใหญ่ติดๆ มือหนาเอื้อมมารับและพยักหน้าก่อนจะขอตัวขึ้นไปดูแลคนป่วยจากน้ำมือตัวเองด้านบนห้อง
ริมฝีปากหยักยกยิ้มตรงมุมปากและส่ายหัวเล็กน้อย อี้ป๋อหนออี้ป๋อยังคงเป็นเด็กที่ตามเล่ห์เหลี่ยมของผู้ใหญ่ไม่ทันจริงๆแม้ว่าจะฉลาดเลิศมาจากไหนก็ตาม ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นแผนของซีเฉินและเวินฉิงไม่มีจุดบกพร่องซะเลย
“ข้าน่ะหรืออยากจะรู้จักความรักจากเจ้าดื้อคนนั้น?”
ทุกจังหวะเรียวขาแกร่งก้าวขึ้นบันไดพร้อมตะกร้ายานั้นมั่นคงไร้การไหวติงของใบหน้าและเนื้อแขน กิริยาสำรวมนิ่งสงบผิดกับใจที่เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆเมื่อคิดว่าไม่นานคงจะได้เรียนรู้ความรักจากซีเฉินตั้งใจเอาไว้ หยุดเต้นแรงสักทีเถิดหัวใจเดี๋ยวใครรู้เข้าว่าอยากเรียนรู้ที่จะรักเซียวจ้านเข้าพอดี
“อืม”
เสียงงัวเงียของเซียวจ้านดังขึ้นพลางขยับร่างกายเพียงเล็กน้อยก็ต้องเผยใบหน้าบูดเบี้ยวออกมาแถมตัวเองยังมีไข้รุมๆอย่างสังเกตได้ เนื้อตัวปวดเมื่อยและเจ็บร้าวช่วงท่อนล่างจนน้ำตาคลอ
“เจ็บ”
คำว่าเจ็บที่ดังขึ้นจากริมฝีปากสีซีดทำให้หวนย้อนคิดไปถึงเรื่องราวเมื่อคืน ไม่มีภาพไหนที่เซียวจ้านจำไม่ได้และตอกย้ำว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและอี้ป๋อเกินเลยไปถึงไหนต่อไหน เกินคำว่าคู่หมั้นคู่หมายไปไกลเลยเถิด
“ข้าจะทำเยี่ยงไรดี หากเป็นอย่างนี้มีหวังงานแต่งต้องกระชั้นชิดเข้ามาแน่ๆ”
เซียวจ้านคิดไม่ตกเลยว่าเรื่องราวเมื่อคืนจะส่งผลต่องานแต่งเขากับอี้ป๋อขนาดไหน แต่คิดอะไรไม่ได้มาก็ต้องเอามือกุมไปที่เอวของตัวเองก่อนจะใช้สายตามองตามเรือนร่างเปล่าเปลือยแต่ไร้คนกระทำให้เป็นเช่นนี้อย่างอี้ป๋อ
“จะมองหาเขาทำไมกัน ดีเสียอีกหากเขาจำไม่ได้ก็ถือว่าจบๆกันไป”
แต่ทำไมกันนะเซียวจ้านถึงอดรู้สึกโหวงในใจไม่ได้ เนื้อตัวบอบช้ำพยายามลุกขึ้นนั่งพิงกับขอบเตียงไม้อย่างทุลักทุเล ฟ้าไม่ทันสางวันนี้เซียวจ้านก็ต้องลุกขึ้นมาเสียก่อนเพราะฤทธิ์ไข้ที่รุมร่างกาย
...ตึกๆๆ...
ปลายหูของเซียวจ้านขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงคนเดินมาทางห้องนอนของเขา หากเป็นคนรับใช้ในเรือนมาเห็นเขาสภาพนี้ต้องแย่แน่ๆ เซียวจ้านไม่อยากให้ใครในบ้านรับรู้เรื่องพวกนี้ด้วยซ้ำและถึงอย่างไรเสียเซียวจ้านก็ยังอยากรู้ว่าอาการใคร่เมื่อคืนมันเกิดได้เช่นไรเหมือนกัน
มีคนจงใจสร้างเหตุการณ์ให้อี้ป๋อและตัวเองอยู่ในห้องสองต่อสองท่ามกลางอาการเช่นนั้นย่อมวางแผนมาดีแล้ว
“ตื่นแล้วหรือ?”
ขณะที่ใบหน้าซีดเซียวก้มนึกคิดกับเหตุการณ์เมื่อคืนก็ต้องสะดุ้งตัวเล็กน้อยเมื่อเสียงที่ว่าช่างคุ้นหูเหลือเกิน เสียงของตัวการที่ทำให้เขาป่วยนอนซมระบมทั้งร่างกายอย่างไงล่ะ
“อย่าเข้ามานะคนใจร้าย เจ้าคิดว่าเป็นใครถึงมาทำกับข้าเยี่ยงเมื่อคืน?”
ปากซีดเบะออกจากกันเล็กน้อยและเริ่มออกฤทธิ์ก่นด่าคนที่เดินเข้ามาไม่ฟังเสียงห้ามของเซียวจ้านสักนิด ใบหน้าเย็นชาและเงียบขรึมของอี้ป๋อก้มหน้าก้มตาเดินเข้ามาและนั่งขนาบข้างไปบนริมเตียงก่อนจะวางตะกร้ายาลงข้างๆมือ
“จะ เจ้าไม่ฟังข้าเลยหรือว่าข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้า แล้วนี่อะไร...ยา?”
เซียวจ้านสะบัดหน้าหนีไปอีกทางอย่างไม่ชอบใจ อย่างนี้สิ่งที่เขาแอบหวังว่าอี้ป๋อจะทำเป็นเมินเฉยคงไม่มีทางเป็นไปได้แล้วสินะ อี้ป๋อจดจำได้ทุกอย่างเป็นแน่แท้และตื่นมาไม่เห็นเขาก็เพราะไปเตรียมยามาให้ ช่างเป็นคนรับผิดชอบและซื่อตรงเสียจริง
“ข้าไม่ต้องการ อี้ป๋อข้าขอว่าความกันตามตรง”
เมื่อเซียวจ้านสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดและจับเอวตัวเองให้นั่งดีๆด้วยความทรมานแล้วก็หันหน้ามาคุยกับคนที่ทำให้เขาเจ็บปวดไปหมดตรงๆเสียที
“...”
“อี้ป๋อ ลืมเรื่องเมื่อคืนไปให้หมดเสีย คิดว่าไม่เคยเกิดเรื่องระหว่างเจ้ากับข้าเลยนะ ข้าไม่ติดใจอะไรก็ได้ ข้าไม่อยากแต่งงานกับเจ้า ข้ารู้นะว่าคนที่จงใจทำให้เกิดเรื่องระหว่างเราต้องการให้ข้ากับเจ้าแต่งงานกันเร็วขึ้น”
“...”
“อี้ป๋อ เจ้าหาได้ฟังที่ข้าพูดไม่”
จริงอย่างที่เซียวจ้านโวยวาย อี้ป๋อไม่เพียงแม้แต่ฟังผ่านหูเท่านั้นยังยื่นมือไปหยิบเสื้อของเซียวจ้านส่งมาให้ร่างบางสวมใส่ก่อนจะไม่สบายหนักไปมากกว่านี้ กางเกงตัวเดิมที่เคยสวมเซียวจ้านคงใส่ไม่ได้เพราะมันสกปรกจึงเดินไปหยิบตัวใหม่ในตู้ราวกับเป็นตู้ของตัวเองและส่งตามเสื้อไป
“สวมเสียก่อน หรือจะให้ข้าสวมให้?”
เซียวจ้านงงเป็นไก่ตาแตกนอกจากจะไม่ฟังกันแล้วยังเอาเสื้อผ้าส่งมาให้ใส่ พอเซียวจ้านอึ้งไปจึงเงียบอี้ป๋อก็ดันนึกว่าอยากให้สวมให้จึงเอื้อมหยิบเสื้อมาสวมให้คนบอบช้ำทั้งร่างในขณะที่เซียวจ้านแข็งเป็นหินไปแล้ว
นี่อะไรเกิดมายี่สิบปีไม่มีชายหรือหญิงใดนอกจากพ่อแม่มาใส่เสื้อผ้าให้ อี้ป๋อเป็นใครกัน!
“ไม่ต้อง! กางเกงข้าใส่เองได้”
พอเห็นว่าอี้ป๋อกำลังจะถลกผ้าห่มที่ปิดบังร่างกายส่วนล่างอันเปล่าเปลือยเพื่อสวมกางเกงให้ก็รีบปัดมือหนาทิ้งทันทีท่ามกลางรอยยิ้มเล็กๆของอี้ป๋อเป็นเชิงถามว่านึกว่าจะนิ่งให้จับนู่นจับนี่เหมือนเมื่อคืนเสียอีก
“ยาขมแก้วนี่เจ้าต้องดื่มให้หมดแล้วค่อยนอนต่อ ส่วนไพรข้าจะทาให้เจ้าหลังจากดื่มยา”
อี้ป๋อจำความในโพยที่เวินฉิงเขียนไว้ให้ระหว่างทางเดินมาห้องนอนของเซียวจ้านจนครบถ้วนว่าต้องดูแลคนป่วยอย่างไร เพียงแต่เขาตั้งใจเว้นจะพูดขั้นตอนหนึ่งที่ระบุในโพยเพื่อป้องกันบรรยากาศอึดอัด ค่อยทำดีกว่าจะพูดออกไปเสียดีกว่า
“อี้ป๋อ ข้าดื่มยาแน่ๆแต่อย่าเพิ่งส่งมาให้ข้า เรามาคุยเรื่องเมื่อคืนก่อนเถิด”
“ข้าจะรับผิดชอบเจ้า นี่คือสิ่งที่ข้าจะต้องทำส่วนอย่างอื่นที่เจ้าว่าข้าไม่ทำ”
น้ำเสียงเด็ดขาดของอี้ป๋อดังออกไปทำเอาเซียวจ้านอ้าปากพะงาบๆไม่กล้าเถียงออกมา วาจาหนักแน่นและผ่านการไตร่ตรองมาดีถ้วนขืนเถียงออกไปก็คงแพ้ แต่ถึงอย่างไรเซียวจ้านย่อมคือเซียวจ้าน เขาไม่ยอมอย่างที่อี้ป๋อว่าแน่นอน
“เจ้าจะมารับผิดชอบอะไรข้า? ข้าไม่ใช่สาวน้อย เอาน่าอี้ป๋อถือว่าเห็นแก่เราเถอะเจ้าก็รู้ดีว่ารับผิดชอบนั่นคือทั้งเจ้าและข้าต้องเข้างานแต่งกันนะ”
เซียวจ้านไม่อยากแต่งจึงพยามยามโน้มน้าว แต่เมื่ออี้ป๋อได้ฟังถ้อยคำพวกนั้นแม้ว่าจะหวานนิ่มหูแต่เขาก็ขัดใจ จะให้ลืมๆมันไปได้ยังไงกัน คิดว่าเรื่องเมื่อคืนเป็นเพียงอาการใคร่ได้เยี่ยงไรในเมื่ออี้ป๋อเป็นคนทำจริงๆและยังสามารถยั้งได้แต่อี้ป๋อก็ยังตัดสินใจทำมันด้วยตัวเอง
“ว่าก็ว่าเถอะข้ารู้ว่าเจ้ารู้ อาซีเฉินและน้าเวินฉิงเป็นคนคิดเรื่องนี้ใช่หรือไม่”
อี้ป๋อพยักหน้าเป็นเชิงตอบ ความนิ่งของอี้ป๋อทำให้เซียวจ้านรู้ว่าก่อนที่เขาจะตื่นมาคงไปคุยกันเสร็จสรรพอี้ป๋อจึงขึ้นมาคุยเรื่องรับผิดชอบลูกเดียว
“ทำไมเจ้าไม่ค้านพวกท่านเขาไป เจ้าอยากแต่งงานกับข้านักหรือ? เราไม่ได้รักกันดังนั้นลืม...”
“ข้าไม่ลืม! หยุดพูดเสียให้ข้าเอาแต่ลืมได้หรือไม่ในเมื่อข้าตั้งใจทำมันลงไป ยานั่นก็ส่วนหนึ่งแต่เรามีอะไรกันแล้ว ข้าไม่สามารถเพิกเฉยได้”
เซียวจ้านสะดุ้งร่างเฮือกใหญ่ลืมสิ้นทุกความเจ็บตรงส่วนนั้นเมื่อได้ยินเสียงตวาดลั่นของอี้ป๋อ ใบหน้าเย็นชาเริ่มฉายอารมณ์โกรธออกมาเรื่อยๆเพราะเซียวจ้านเอาแต่จะให้ลืมเรื่องเมื่อคืนอยู่ได้ เพียงเท่านั้นเป็นเซียวจ้านเองที่เงียบไป
อี้ป๋อเอาจริงกับเรื่องนี้เขารู้...แต่ทำไมต้องอยากรับผิดชอบขนาดนี้กัน
“เราเป็นของกันและกันแล้วเซียวจ้าน เรื่องนี้หาได้เท็จไม่ เราเป็นผัวเป็นเมียกันแล้วจะให้ข้าลืมสิ้น ข้าทำไม่ได้”
“แค่กๆๆ”
เซียวจ้านที่กำลังกลัวเสียงตวาดของอี้ป๋อเลยยกยาขึ้นมาดื่มแก้อาการกลัวต้องสำลักน้ำยาขมๆเมื่อได้ยินกับคำว่า “ผัวเมีย” จากปากชายเย็นชาดุจหิมะในหน้าหนาว พูดเต็มปากเต็มคำไม่อายปาก
“ดื่มดีๆ”
“จะให้ข้าดื่มดีๆไม่สำลักได้อย่างไร คนอย่างเจ้าพูดคำนั้นออกมาไม่อายปากทำไปได้ยังไงกัน”
“มันคือเรื่องจริง”
“เรื่องจริงอะไรใครเป็นผัวใครเป็นเมีย เจ้าอย่ามากล่าวความสามหาว”
อี้ป๋อไม่ได้เถียงอะไรออกไปเพียงแต่ใช้นิ้วเรียวชี้ไปที่ตัวเองก่อนจะชี้ไปที่เซียวจ้านแทนคำตอบด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง เซียวจ้านเบิกตากว้างปัดนิ้วชี้นั่นออกไปให้ห่างตัว
“อี้ป๋อ! เจ้ามันไร้ยางอาย เจ้าไม่ใช่ผัวข้านะ!”
“แล้วใครครางให้ข้าว่าขอแรงๆ ใครคนนั้นนั่นแหละที่เป็นเมียข้า”
อี้ป๋อพูดออกมาชัดถ้อยชัดคำแต่หน้าตาหาได้แดงไม่ มีแต่เซียวจ้านนี่แหละที่หน้าเห่อร้อนแดงเป็นตำลึงสุก ไม่เกี่ยงความจริงก็ได้ว่าเมื่อคืนเขาร้องขออี้ป๋อไป แต่เอามาพูดหน้าตายก็เกินคนไปแล้วนะอี้ป๋อ
“นอนตะแคงดีๆข้าจะทาไพรให้ หากดื้อข้าจะพูดให้เจ้าอายอีก”
ไม่แล้ว เซียวจ้านไม่ดื้อแล้ว หากยังต่อปากต่อคำคนหน้าไม่อายอย่างอี้ป๋อมีหวังลำเลิกเรื่องเมื่อคืนขึ้นมาอีกแน่ ลำตัวบางเลื่อนลงมานอนตะแคงข้างแต่โดยดีก่อนที่อี้ป๋อจะค่อยๆเปิดผ้าห่มออกช้าๆจนเห็นบั้นท้ายอวบไร้กางเกงปกคลุมเต็มตา
“นี่เจ้าจะทำอะไรข้าอี้ป๋อ? เจ้าอย่าบอกนะว่าจะทาไพรตรงนั้นของข้า ไม่นะข้าไม่ยอม”
“เห็นมาหมดแล้วเจ้าจะเหนียมอายอะไร ทีเมื่อคืนเจ้าเอาแต่ครางชื่อข้าไม่เห็นอาย”
เป็นอย่างไรล่ะเซียวจ้าน หากยังเถียงอี้ป๋อเขาก็จะพูดจาลามกใส่เยี่ยงนี้แหละ พอเซียวจ้านได้ยินเข้าถึงกับเม้มปากอุดเสียงไม่ให้พูดออกมาได้อีก ไม่อย่างนั้นอี้ป๋อไม่หยุดพูดแน่นอน
เฮอะ! ทีตอนอื่นจะพูดทีก็กลัวดอกพิกุลร่วงจากปาก ทีอย่างนี้พูดได้พูดดีหาได้มาตรฐานไม่!!
นิ้วเรียวของอี้ป๋อแต้มไปที่ไพรสีเขียวในกระปุกหม้อดินเผาอันเล็กก่อนจะสูดหายใจเข้าสองสามครั้งและจ้องมองไปที่กลีบดอกไม้บวมเป่งจากฝีมือเขาเอง กลีบดอกไม้บอบบางที่ถูกเขารุกรานอย่างเอาแต่ใจมันก็อดไม่ได้ที่มือจะสั่นด้วยใจเต้นรัว
แต่เหมือนมีบางอย่างที่เขาต้องทำก่อนป้ายไพรตามโพยที่เวินฉิงเขียนเอาไว้ น้ำรักของเขายังคงคั่งค้างในนั้นซึ่งมันจะพาลทำให้คนที่นอนตะแคงข้างให้ปวดท้องได้
“อ้ะ อ่า อ้ะ อี้ป๋อเจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าทายาให้ข้า?”
เซียวจ้านเอ่ยถามด้วยความสงสัย ทาไพรธรรมดาเหตุใดต้องสอดนิ้วเข้ามาลึกด้วย ยิ่งสอดเข้ามามันก็ยิ่งเจ็บไปถึงสมอง เซียวจ้านรู้สึกว่ามันแปลกเหลือเกินจนกลั้นเสียงครางแผ่วไว้ไม่อยู่
“อี้ป๋อ อ้ะ เจ้าอย่าสอดเข้ามา อี้ป๋อ” นิ้วเรียวทั้งห้าจิกเกร็งไปที่ผืนผ้าที่นอนแน่นและขมวดคิ้วกลั้นความเจ็บระคนเสียวขาดใจ เสียงชื้นแฉะจากด้านหลังทำเอาเซียวจ้านนิ่งแข็งไปทั้งตัว
...เอือก...
ที่นี่มีผีกลืนน้ำลายอีกแล้วหรือ?
100%
#ม่านวิวาห์อลเวง
ฝากติดตามและเป็นกำลังใจผ่าน #ม่านวิวาห์อลเวง ด้วยนะคะ
ช่องทางการติดตามการอัพเดตแฟนฟิค
TWITTER : @porzhan
AUTHOR : SNOOKY
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เตรียมพร้อมค่ะทิชชู่ยาดมยาลมยาหม่อง
????????????????????????????
เดินไปหยิบทิชชู่
พร้อมแล้ว
มีความน่ารักพ่อแง่แม่งอน อยากอุ้มหลานแล้ว
สนุกมากค่ะหน้ารักมากอ่านเพลินมาก??????????‘???’“
แงงง ชอบอ่ะ อยากอ่านต่อแล้ว เตรียมทิชชูรอแล้วค่า
ก็ไม่ได้อยากอ่านตอนต่อไปเท่าไรหรอกนะคะ แค่เราเหมาทิชชู่พร้อมซื้อถังออกซิเจนรอไว้แล้ว
รอตอนหน้านะคะ จะเตรียมทิชชูไว้โหลนึงเลย อิอิ