ตอนที่ 5 : รีไรท์ 第5 集 ม่านวิวาห์อลเวง
ตอนที่ 5 ม่านวิวาห์อลเวง
“กล้าดียังไงมาจูบข้าแบบนี้ ปากข้าไม่เคยมอบให้สตรีนางไหนแต่ถูกปิดปากสองครั้งสองครา ข้าล่ะอยากเตะเจ้านักอี้ป๋อ”
คนที่บอกว่าจะเข้าห้องน้ำกลับไม่ได้เป็นเช่นดั่งที่พูดเอาไว้ แต่เปลี่ยนมานั่งบนกิ่งต้นไม้ใหญ่หน้าเรือนต่างหาก ปากบ่นอุบอิบแล้วจับปากตัวเองอย่างเคืองแค้นใจ แต่ใบหน้าก็ยังไม่ได้หายแดงลงสักนิด
“คอยดูนะข้าจะต้องแก้แค้นเจ้าให้ได้เลย คราหน้าเจ้าไม่มีทางทำข้าเยี่ยงนี้ได้แน่นอน”
เซียวจ้านเบะปากตัวเองและเอาหัวทุบไปกับต้นไม้ที่มีเปลือกแข็งและขรุขระหน้าผากจึงกลายเป็นสีแดงอ่อน เวินหนิงที่เดินมาแถวนั้นพอดิบพอดียกมือขึ้นโบกเรียกเซียวจ้านเสียงดังลั่น
“คุณชายหลี่!”
“เวินหนิง! เจ้าเงียบปากก่อนเดี๋ยวก็แห่มาลากตัวข้าไปทรมานพอดี” เซียวจ้านหันไปทางต้นเสียงและยกนิ้วชี้มาขวางปากเอาไว้เพื่อส่งสัญญาณว่าให้เงียบก่อนที่เวินฉิงจะลากไปห้องสมุดอีกครั้ง น่ากลัวกว่าหนังสือเป็นตั้งก็อี้ป๋อนั่นแหละ
“ข้าขอโทษคุณชาย ว่าแต่ท่านออกมาได้อย่างไรหรือ?”
ร่างที่กำลังปีนต้นไม้เตี้ยๆลงมาอย่างชำนาญเดินมาหาเวินหนิงแต่ก็ไม่ลืมลอบสายตามองไปทั่วเพราะเกรงว่าจะมีใครเดินผ่านมาเข้าแล้วคว้ามือลูกน้องคนสนิทเข้าหลังพุ่มไม้ไปหวังแอบคุยกันลับๆ
“ข้าหนีออกมาน่ะสิ วันนี้ข้าเกือบตายรู้ไหม ที่นั่นน่ากลัวมาก”
“หือ? ที่ห้องสมุดมีผีงั้นหรือ?”
“ใช่ ผีดูดปากเจ้ากลัวไหมล่ะ ข้ากลัวจนต้องเผ่นออกมาเลยล่ะ เอาไงเอากันวันนี้ข้าจะไม่เข้าไปที่นั่นแน่ ดังนั้นแล้วเราไปหาอะไรบันเทิงใจทำกันเถิด”
เวินหนิงส่งสีหน้าเป็นเครื่องหมายคำถามหาเจ้านายของตัวเองแต่เซียวจ้านกลับยกยิ้มไม่ตอบและลากชายหนุ่มคนสนิทเดินออกมาหน้าเรือนแทนจากนั้นก็รีบวิ่งออกไปที่รั้วหลังเรือน
กลิ่นหอมของบึงน้ำเมื่อปะทะเข้ากับแสงแดดยามกลางวันส่งเข้าจมูกชายหนุ่มทั้งสองจนอดไม่ได้ที่จะสูดให้เข้าปอด แววตาสดใสของเซียวจ้านทอดมองไปตามผืนน้ำถูกแต่งแต้มด้วยดอกและใบบัวสีสันสวยงาม
“ท่านรู้ได้เยี่ยงไรว่าที่นี่มีบึงน้ำกว้างใหญ่หรือคุณชาย?”
“ข้าเคยแอบลอบมาสำรวจเมื่อครู่น่ะ หนีออกมาได้ก็เดินไปทั่วจนพักที่ต้นไม้นั่นแล ช่างเถิดข้าจะบอกเจ้าว่าที่นี่สนุกนัก”
เวินหนิงอยากจะอ้าปากถามจริงเชียวว่าบึงน้ำกว้างๆนี่มีอะไรสนุกนักหนาก็ไม่ทันได้เอ่ยออกไปเพราะเรียวแขนถูกดึงกระชากไปทางเรือพายก่อนจะหยิบไม้มาจ้ำใส่น้ำแล้วช่วยกันเดินเรือไปถึงกลางบึง
“ข้าเห็นว่าเรือนี้จอดอยู่ริมท่าหากยังมีคันเบ็ดอีก เวินหนิงวันนี้เรามาตกปลาแข่งกัน ถ้าข้าตกได้เยอะกว่าเจ้าต้องนำไปแกงให้ข้า”
เซียวจ้านยิ้มร่ามาทางเวินหนิงเยี่ยงคนตื่นเต้นและกระหายชัยชนะ ตอนเด็กๆเซียวจ้านจำได้ดีเลยว่าที่ตระกูลหลี่พวกเขามักจะพากันออกมาจับปลาบ้างตกปลาบ้าง พอโตขึ้นก็ไม่ค่อยมีโอกาสเป็นนานๆครั้งจะได้ทำอะไรสนุกๆกับเวินหนิง
เซียวจ้านเข้าครัวทีไรมีอันต้องเดือดร้อนทั้งเรือนยามนั้นเวลาตกปลาได้จึงเป็นหน้าที่ของเวินหนิงเอาไปแกงไม่ก็จุดไฟที่ริมน้ำปิ้งกิน เวินหนิงส่งยิ้มให้เซียวจ้านทันทีเพื่อเป็นการรับคำท้า
“แล้วหากท่านแพ้ล่ะข้าจะได้อะไรจากท่าน?”
“ชนะให้ได้ก่อนเถิดนะเจ้าเด็กน้อย ฮ่าๆๆ”
เซียวจ้านควักแมลงในกระเป๋าออกมาส่งให้เวินหนิงตัวหนึ่งใส่เบ็ดตัวเองตัวหนึ่ง เขาวางแผนมาดีแล้วว่าจะออกไปตกปลาให้ได้ดังนั้นเมื่อครู่ตอนอยู่บนต้นไม้ก็คือใช้เวลานั้นหาแมลงนั่นเอง พอทั้งสองหย่อนเบ็ดไปได้พักใหญ่โอกาสวัดผลแพ้ชนะก็เข้ามาสักที
“คุณชายเบ็ดคุณชายสั่น!”
“ฮ่าๆ ข้าชนะเจ้าแน่เวินหนิง เอ๋? แต่เหตุใดแรงเยอะเช่นนี้ เวินหนิงมาจับข้าทีข้าต้านไม่ไหว”
เซียวจ้านก่นร้องไปยังลูกน้องคนสนิทตรงหัวเรือให้เดินมาช่วยยกคันเบ็ด ปลาอะไรกันเหตุใดแรงเยอะจนก้านเบ็ดจะหักขนาดนี้ แม้ว่าเซียวจ้านจะออกกำลังเสียเท่าไหร่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะยกขึ้นเลย เวินหนิงกำลังเดินมาหานายตัวเองอย่างร้อนใจ
“คุณชายหลี่ทรงตัวเอาไว้ข้าจะถึง...คุณชาย!!”
เสียงของเวินหนิงตะโกนลั่นท้ายเรือนเสียงส่งไปถึงคนสวนในบ้านรีบเลาะรั้วด้านหลังเรือนมาดูจนเห็นว่าเป็นหนึ่งชายที่ยืนตะโกนเรียกชายคนหนึ่งที่ตกลงไปในน้ำด้วยท่าตะเกียกตะกาย เมื่อเห็นเช่นนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปในเรือนทันที
...ก๊อกๆๆ...
“คุณชายอี้ป๋อช่วยคุณชายเซียวจ้านด้วย เขากำลังจมน้ำ!!”
มือกร้านจากการตรากตรำทำสวนเคาะไปที่ประตูห้องสมุดดังลั่นและตะโกนเสียงร้องเข้าไปด้านใน เสียงที่ลอยแว่วเข้ามาทำเอาอี้ป๋อหยุดชะงักและพับหนังสืออย่างไม่แยแส สองเรียวขาวิ่งไปที่หน้าประตูและทิ้งให้ชายคนสวนวิ่งตามหลังไป
“ตรงบึงท้ายบ้านขอรับคุณชาย”
อี้ป๋อวิ่งไปตามคำบอกของคนสวนจนกระทั่งไปเจอเวินหนิงร้องเรียกคนมาช่วยเซียวจ้านที่กำลังสำลักน้ำในบึงและตะเกียกตะกายยื่นมือไปทางเวินหนิง เหตุใดเวินหนิงไม่ลงไปช่วยอี้ป๋อไม่มีเวลาไล่คิด มีเพียงสองเรียวขาที่วิ่งลงไปในน้ำเท่านั้น
เสียงคลื่นน้ำพลิ้วไหวไปทั่วร่างของอี้ป๋อยามที่เคลื่อนตัวไปหาร่างที่กำลังตะเกียกตะกายอยู่กลางบึงบัวขนาดใหญ่ ใบหน้าของเซียวจ้านผลุบโผล่อยู่ในน้ำเนิ่นนานเสียจนอี้ป๋อกลัวว่าอีกคนจะขืนร่างกายตะเกียกตะกายไม่ไหวเลยรีบตีขาว่ายเข้าไปใกล้ให้เร็วยิ่งขึ้น
อี้ป๋อเกร็งขาเสียจนจะเป็นตะคริวแต่ก็ยังฝืนต่อไป หากว่าช้าเพียงนิดเดียวเซียวจ้านอาจจมลงไปแล้วไม่ทันการเอาเสีย
“คุณชายอี้ป๋อช่วยคุณชายของข้าด้วย ข้าว่ายน้ำไม่เป็น!”
เสียงของเวินหนิงตะโกนเรียกคนที่กำลังว่ายน้ำมาใกล้ให้ช่วยเซียวจ้านด้วยความเป็นห่วง หน่วยน้ำตาไหลอาบแก้มเวินหนิงพลางโทษความสะเพร่า ความเลินเล่อ และความไร้สามารถ เพียงแค่นี้ก็ไม่สามารถปกป้องเจ้านายของตัวเองได้ เขานี่มันแย่เสียจริง
“อะ อี้ป๋อ...”
ความสามารถในการมองเห็นจากดวงตาเรียวสวยค่อยๆหายไปทีละนิดจากน้ำที่สาดกระเซ็นตรงหน้า แต่ถึงอย่างไรเซียวจ้านก็จำได้แม่นว่าคนที่ว่ายน้ำมาคือหวังอี้ป๋ออย่างแน่นอน ก่อนที่ริมฝีปากสวยจะยกยิ้มเพียงเสี้ยววินาทีแล้วจมดิ่งไปในน้ำด้วยแข้งขาที่อ่อนแรงเต็มที
“หลี่ เซียวจ้าน!!!”
อีกไม่ถึงเอื้อมเท่านั้นอี้ป๋อจะว่ายถึงเซียวจ้านอยู่แล้ว แต่ภาพตรงหน้าทำเอาร่างหนาที่ว่ายตามมาใจกระตุกวูบดำดิ่งไปไม่แพ้ร่างที่จมหายไปกับน้ำตอนนี้เลย เสียงเข้มตะโกนดังลั่นแล้วดำน้ำตามร่างของเซียวจ้านไปติดๆ ไม่มีอะไรให้รั้งรอเสียแล้ว
นานนับชั่วอึดใจท่ามกลางเสียงตะโกนของเวินหนิงบนเรือทั้งๆที่ใจอยากจะกระโดดน้ำตามร่างของอี้ป๋อไปใจจะขาดหากแต่กลัวว่ายิ่งลงไปจะเป็นภาระเอาเสีย ดีไม่ดีกลายเป็นตัวถ่วงด้วยซ้ำไป เลยอดใจยืนน้ำตาไหลเพราะร่างของเซียวจ้านหายไปต่อหน้าต่อตา
“คุณชายอี้ป๋อช่วย...ฮึก ช่วยคุณชายหลี่ด้วย”
มือของเวินหนิงกำขอบเรือแน่นแข้งขาก็อ่อนแรงพากันทรุดเพราะอี้ป๋อยังไม่ขึ้นมาจากน้ำเลย ร่างของเซียวจ้านยังจะมาหายไปกับตา เวินหนิงจะทำเยี่ยงไรดี
“เฮือก!”
“คุณชายอี้ป๋อ คุณชายหลี่!”
เวินหนิงกลับมายืนได้อีกครั้งเพราะแรงพุ่งตัวขึ้นเหนือน้ำตรงหน้า ร่างของอี้ป๋อโผล่พ้นมาก่อนคนแรกก่อนจะหอบหิ้วร่างไร้สติของเซียวจ้านขึ้นมาด้วย เวินหนิงไม่รอช้ารีบยื่นมือไปรับร่างของเซียวจ้านขึ้นมาบนเรือก่อนจะดึงร่างของอี้ป๋อขึ้นมาตามๆกัน
“คุณชายอี้ป๋อ...ขาของท่าน?”
เวินหนิงร้องทักเรียวขาของอี้ป๋อข้างหนึ่งที่มันแลดูซีดไร้เลือดและอี้ป๋อเองก็ขยับเขยื้อนมันไม่ได้มากนักจนอีกฝ่ายแปลกใจ อี้ป๋อเงียบไม่ตอบพลันลุกตัวขึ้นมาและจับใบหน้าซีดขาวของเซียวจ้านระนาบกับพื้นเรือ
“เซียวจ้าน ฟื้นสิเซียวจ้าน!!!”
เสียงตะโกนด้วยความร้อนใจของอี้ป๋อที่เวินหนิงเพิ่งจะได้ยินก็วันนี้หลังเข้ามาในบ้านหวังตั้งนานแล้วทำเอาหวาดกลัวนั่งไม่ติดพื้นไม้ ยิ่งดวงตาวาวโรจน์แดงเพลิงมาแทนที่ดวงตาสีนิลเคร่งขรึมนั่นอีก เวินหนิงช่างหวาดกลัวเหลือเกินว่าเหตุใดอี้ป๋อถึงร้อนใจยิ่งนัก
“ทะ ท่านจะทำอะไรหรือ?”
“...”
เป็นอีกครั้งที่ไม่ว่าเวินหนิงจะพูดหรือจะซักถามอะไรอี้ป๋อไปสิ่งที่ได้รับกลับมาก็จะเป็นเพียงความเงียบและแววตาดุดัน เวินหนิงจึงคร้านจะซักถามได้แต่มองอี้ป๋อนั่งคุกเข่าดีๆแล้วจับใบหน้าหวานซีดให้มั่นก่อนที่เวินหนิงจะอ้าปากกว้างเสียจนแมลงวันเข้าไปทำรังได้สบายๆ
“ทะ ท่าน!”
นี่หรือคือวิธีการช่วยชีวิตคนจมน้ำที่เขาต่างขานลือกัน วันนี้เวินหนิงได้เห็นเองกับตาแล้วว่าเขาทำกันเยี่ยงไร นิ้วเรียวแกร่งบีบจมูกและริมฝีปากที่สูดลมเข้าปอดเต็มที่นั่นลงประกบริมฝีปากเซียวจ้าน ลมหายใจที่อี้ป๋อกอบโกยมาทั้งหมดถูกส่งให้คนที่นอนไร้สติสามครั้งไม่ขาดไม่เกิน
“หลบ”
อี้ป๋อเงยหน้าจนผมยาวที่เปียกชุ่มปรกลงมาเพื่อเค้นเสียงดุคนที่จะเข้ามาดูอาการเจ้านายของตัวเอง เวินหนิงได้ยินอย่างนั้นก็รีบหลบห่างและปล่อยให้อี้ป๋อเอาแขนทั้งสองของเซียวจ้านแนบลำตัวและประสานมือไว้ตรงหน้าอกน้อย การปั๊มหัวใจเริ่มขึ้นเป็นจังหวะสลับการบีบจมูกเป่าปาก
“ตื่นมาสิเซียวจ้าน”
ดวงตามุ่งมั่นของอี้ป๋อยังคงทำวิธีเดิมซ้ำไปมาด้วยความร้อนใจ จู่ๆขอบตาของอี้ป๋อกลับรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาเสียได้จนพาลน้ำตาจะไหลเมื่อเข้ายังช่วยชีวิตเซียวจ้านไม่สำเร็จ มันคงจะดีอยู่แล้วมิใช่หรือถ้าเซียวจ้านไม่ฟื้น เขาเองก็ใช่ว่าจะยินดีกับงานวิวาห์ครั้งนี้
แต่ไม่ใช่เลย อี้ป๋อกลับไม่ได้รู้สึกอยากให้เซียวจ้านหายจากโลกไป เขาอยากจะปะทะฝีปาก อยากจะโดนอีกฝ่ายแหย่เล่นอย่างไม่รู้อะไรเป็นอะไรอีกครั้ง ดังนั้นอี้ป๋อได้แต่ภาวนาให้เซียวจ้านฟื้นขึ้นมาเสียที
“แค่กๆ”
“เซียวจ้าน/คุณชาย!”
เสียงสำลักน้ำของเซียวจ้านดังขึ้นมาพร้อมดวงตาแดงก่ำที่เปิดกว้างอย่างคนตื่นตระหนก หน้าอกน้อยกระเพื่อมไหวราวกับจะขาดใจตายหรือมัจจุราชเพิ่งให้โอกาสเขาได้หายใจต่อ ยามที่ลืมตาขึ้นทุกอย่างมันพร่ามัวเสียจนไม่เห็นอะไรแจ่มแจ้ง
เซียวจ้านลืมตามาหายใจได้เพียงครู่สติเขาก็เลือนหายไปอีกครั้ง
“เซียวจ้านอย่าหลับ...เซียวจ้าน”
มือของเซียวจ้านคล้ายกับกำลังปัดอะไรสักอย่างที่ดังข้างๆหูให้พ้นความรำคาญ เสียงที่คอยเอาแต่บอกให้ตื่นบ้าง อย่าหลับบ้าง ฟื้นมาบ้าง มันแล่นดังอยู่ในหัวสมองของเซียวจ้านเสียจนต้องค่อยๆลืมตามาช้าๆ
“นะ นี่ข้าอยู่แห่งใดกัน?”
เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาเสียงบ่นข้างหูเซียวจ้านก็ดูท่าว่าจะหายไปสักที มือที่เคยซีดเซียวก็ดูมีสีขึ้นมาบ้างตอนที่ยกขึ้นมาตีขมับตัวเองให้หายมึนงง พอกวาดสายตาไปเรื่อยๆก็เห็นว่าตัวเองอยู่ในห้องนอนจึงค่อยเบาใจ
เพราะภาพที่เขาเห็นก่อนจะหมดสติจำอะไรไม่ได้สักอย่างคือตะเกียกตะกายอยู่ในน้ำพยายามเอาตัวรอดจากความตาย ตอนนั้นเซียวจ้านจำได้ดีเลยว่าเหมือนคนใกล้ตายเข้าไปทุกที
“คุณชาย ตื่นแล้วหรือคุณชาย ท่านทำเอาข้าเป็นห่วงจนจะขาดใจ”
“เกินไปแล้วเวินหนิง ยังไงก็ขอบใจเจ้าที่ช่วยข้าตอนจมน้ำ ข้าไม่ยักรู้มาก่อนว่าเจ้าไปซุ่มฝึกเรียนว่ายน้ำมาแล้วทั้งๆที่ข้ากับเจ้าว่ายน้ำไม่เป็นทั้งคู่”
เวินหนิงที่เดินหอบเอายาในถาดมาวางไว้ตรงหัวเตียงทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก เพราะเหตุใดเซียวจ้านถึงจำไม่ได้กันว่าเวินหนิงยืนร้องไห้บนเรือแต่คนที่ช่วยชีวิตเขามาน่ะคืออี้ป๋อ
“ข้าไม่ได้...”
“เอาเถิดๆ ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ข้าอยู่ในสถานการณ์เยี่ยงนั้น เรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะคุณชายอี้ป๋อพ่อดอกพิกุลทองนั่นแลที่ทำให้ข้าเป็นเยี่ยงนี้”
เซียวจ้านเม้มปากตัวเองแรงๆเมื่อหวนไปคิดถึงจูบที่อี้ป๋อล่วงล้ำอย่างไร้มารยาทในห้องสมุด จู่ๆใบหน้าก็เห่อร้อนขึ้นเป็นเพราะเอียงอายหรือเป็นเพราะโกรธเจ้าตัวยังไม่แน่ใจเลย ได้แต่กล่าวโทษคนที่กัดปากและปิดปากเขาในห้องสมุดแทน
“แต่คุณชาย ความจริงคนที่ช่วย...”
“เฮ้อ พอแล้วๆ ข้าเพิ่งฟื้น ไม่อยากรับรู้แล้ว ดูสิข้าฟื้นขึ้นมาเจอเจ้านั่นเสียที่ไหนกัน! แล้งน้ำใจเจ้าก็เห็น!”
กลีบปากสีซีดมีเลือดฝาดอ่อนๆของเซียวจ้านยกขึ้นมาเบะจากกันและใช้สายตาค่อนขอดมองไปทางห้องนอนของหวังอี้ป๋อ ผู้ชายแล้งน้ำใจที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมแต่กลับน้ำใจแล้งไม่มาเหลียวดูกันบ้าง
“คนอย่างนั้นน่ะหรือจะได้รับความรักจากใคร ในเมื่อรักผู้อื่นมีน้ำใจแก่ผู้อื่นยังไม่เป็น ข้าล่ะไม่อยากอยู่ร่วมชายคากับเจ้าคุณชายนั่นเสียจริง”
“ถ้าไม่อยากอยู่ก็กระโดดน้ำอีกรอบสิ”
เสียงอันคุ้นเคยดีของหวังอี้ป๋อเดินเข้ามาในห้องทันบทสนทนาอันร้ายกาจของเซียวจ้านพอดิบพอดี คนเป็นบ่าวอย่างเวินหนิงขนลุกสู้ชูชันไปหมดเพราะเจ้านายตัวเองกำลังเข้าใจผิดเต็มๆ
“เฮอะ! เหตุใดข้าต้องเอาตัวไปตายด้วย หากเจ้าแล้งน้ำใจกับข้านักก็ล่มงานแต่งไปเสียสิ จะทนให้ข้าอยู่ร่วมชายคากับเจ้าเพราะอะไรกัน ในห้องสมุดเจ้าทำไปก็เพราะชังข้าก็ไล่ข้าไปเสีย”
“คุณชายเซียวจ้านหยุดเถิด ความจริงไม่ใช่อย่างที่ท่านกล่าว”
เวินหนิงพูดเตือนเสียงเบาให้เล็ดลอดผ่านไรฟันเพราะเกรงกลัวอี้ป๋อจะได้ยินเข้า แต่คนดื้อด้านอย่างเซียวจ้านหรือจะยอมหยุด เขาไม่หยุดพูดแน่นอน ตอนแรกคิดว่าอี้ป๋อจะเป็นคนดีอยู่บ้างแม้ว่าจะเป็นใบ้ก็เถิด แต่เขาจมน้ำไปแบบนี้ไม่มาช่วยกันยังไม่คิดจะเหลียวแลทั้งๆที่สาเหตุคืออี้ป๋อแท้ๆ
“เด็กยังไงคงเป็นเด็ก ได้แต่กล่าวโทษคนอื่น ข้าไม่น่าเสียเวลากับเจ้า!”
“อ๋อใช่ งั้นเจ้าไปจากห้องข้าเสียเถิดจะได้ไม่รบกวนเวลาเจ้า ออกไปสิ เชิญ!”
คนเจ้าอารมณ์และดื้อด้านอย่างเซียวจ้านเอามือขึ้นมากอดอกตัวเองและเชิดหน้าคอแทบหักไปอีกทาง อี้ป๋อเห็นอาการไม่งามของเซียวจ้านก็อยากจะทุบสั่งสอนให้หนำใจแต่ทำได้เพียงกำมือแน่นและถอนหายใจโกรธออกไปจากห้องตามที่เซียวจ้านบอก
“คุณชายหลี่ ท่านทำเกินไปแล้วนะ ความจริงคุณชายอี้ป๋อต่างหากที่รีบวิ่งลงไปช่วยท่านในน้ำโดยที่ขาของเขาชาจนซีดพร้อมตายไปกับท่าน แต่ตอนนั้นเขาก็ดันร่างท่านขึ้นมาก่อน คุณชายหลี่หัดฟังข้าก่อนเถิด ท่านพูดไม่ดีกับคนช่วยชีวิตท่านมากมายเหลือเกิน”
“เวินหนิง เจ้าว่าอะ...อะไรนะ?”
น้ำเสียงตะกุกตะกักของเซียวจ้านดังขึ้นท่ามกลางความเงียบก่อนที่เอียงหน้าไปหาเวินหนิงช้าๆราวกับหูฝาดไป ถ้อยคำร้ายต่างๆนานาเมื่อครู่ที่พ่นใส่อี้ป๋อหากความจริงแล้วเป็นเพียงความเข้าใจผิดของตัวเอง ทำเอาเซียวจ้านนั่งไม่ติดพื้น
“นี่ท่านจะไปไหนหรือ ท่านยัง...”
เวินหนิงพูดห้ามคนที่เพิ่งฟื้นไม่ทันจบประโยคเซียวจ้านก็ลุกจากเตียงตั่งไม้วิ่งไปนอกห้องทันที ดวงตาสวยหันรีหันขวางซ้ายขวาเพื่อดูว่าคนที่เพิ่งโดนเขาไล่ไปอยู่ที่ไหน ก่อนจะเห็นแผ่นหลังแกร่งอยู่ชั้นล่างของบ้าน เพียงเท่านั้นชายที่สวมแค่เสื้อซับในสีเทาอ่อนตัวบางก็รีบวิ่งไปหาพลางตะโกนเรียก
“อี้ป๋อ หยุดก่อนอี้ป๋อ!”
ปลายเท้าของอี้ป๋อหยุดชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงตะโกนเรียกของคนอวดดีเมื่อครู่แต่ยังคงทำหน้าขรึมเช่นเดิม แม้ว่าในใจกลับรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกที่อีกคนตามมา แต่ว่าแค่นี้ไม่ทำให้อี้ป๋ออ่อนข้อให้คนดื้อด้านอย่างเซียวจ้านง่ายๆ
“อี้ป๋อ อย่าเพิ่งเดินหนีข้าสิ ฟังข้าก่อน อี้ป๋อ”
ใกล้จะถึงตัวอี้ป๋อก็รีบเดินนำหน้าไปไม่สนเสียงเรียก ทีเมื่อครู่ยังนั่งด่าเขาคอเป็นเอ็นเรื่องอะไรจะหยุดง่ายๆ ร่างหนาเดินเลาะเลี้ยวไปทางห้องสมุดโดยมีร่างของเซียวจ้านวิ่งตามเป็นเด็กไม่สนใจสิ่งรอบข้าง แถมยังวิ่งเสียงดังทำเอาพื้นไม้สั่นสะเทือน
ประตูห้องสมุดจุดเกิดเหตุเมื่อเช้าทำเอาเซียวจ้านหยุดวิ่งตามอย่างเอะใจ เขาช่างหวาดกลัวที่นี่เหลือเกินเมื่อหวนคิดถึงจูบนั่น แต่ว่าตอนนี้จะไปมัวชักช้าเรื่องที่ก่อเอาไว้ก็ไม่ทันแก้พอดีเลยต้องเดินตามเข้าไปข้างใน
“อี้ป๋อ อะ!”
ด้วยความรีบไม่ทันได้มองตาม้าตาเรือ สันจมูกรั้นเลยชนเข้ากับแผ่นหลังแกร่งพอดิบพอดี เซียวจ้านก็คิดไม่ถึงนี่ว่าคนอย่างอี้ป๋อที่ตะโกนเรียกเท่าไหร่ไม่ยอมหันจะยอมหยุด ประจวบเหมาะกับตอนวิ่งพอดีเลยไม่ทันระวัง
“แหะๆ ข้าไม่ได้ตั้งใจโดนตัวเจ้าแม้แต่จะคิด ข้าสาบานได้” เซียวจ้านยกยิ้มเริงร่าปนแหยๆใส่อี้ป๋อที่หันหน้ามามองด้วยแววตาเคร่งขรึมเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน รอยยิ้มเล็กๆค่อยๆหุบเข้าหากันแล้วเปลี่ยนเป็นสีหน้าจริงจัง
“เอ่อ เจ้าหยุดฟังข้าแล้วสินะ ที่ข้าตามมาข้ามาเพื่อขอโทษเจ้า ก็ข้าไม่รู้นี่ว่าเจ้าจะเป็นคนลงไปช่วยข้าให้พ้นจากความตาย” ใบหน้าหวานเอนเอียงไปมาเพื่ออ้อนร้องความเห็นใจ แต่อี้ป๋อก็ยังคงทำหน้านิ่งยืนฟังราวกับเข้าหูซ้ายออกหูขวาทำเอาเซียวจ้านเป่าลมขึ้นหน้าผากแบบขัดใจ
“นี่เจ้าไม่ฟังคำขอโทษจากข้าเลยอี้ป๋อ”
น้ำเสียงงอนๆของเซียวจ้านดังขึ้นเมื่ออี้ป๋อไม่เพียงอยากจะได้ยินด้วยซ้ำ ลำตัวแกร่งทำท่าจะหันกลับไปอีกทางเพื่อเมินเซียวจ้านจนมือน้อยต้องรั้งเขาเอาไว้ด้วยการจับต้นแขนเบาๆ ราวกับมีไฟวิ่งเข้าร่างของอี้ป๋อจนต้องสะดุ้งเล็กน้อย
เพียงแค่สัมผัสอี้ป๋อก็สะดุ้งเสียอาการ เจ้าของมือรีบชักมือออกทันทีเพราะคิดว่าอีกฝ่ายรังเกียจการสัมผัสตัวเป็นที่สุดแล้วความผิดจะเพิ่มเข้าไปอีกข้อ
“นี่เจ้าอี้ป๋อ จะให้ข้าทำอะไรให้เจ้าหายโกรธข้าที่ว่าเจ้าแรงๆข้ายินดีทำหมดเลย หายโกรธข้าเถิดนะ”
สุดตัวแล้วจริงๆ เซียวจ้านผู้ดื้อด้านคนนี้ยอมทำตามที่อี้ป๋อบอกแล้วจริงๆเพียงเพื่อไถ่โทษ ความจริงเซียวจ้านไม่เคยต้องมาง้อใครแบบนี้เลยหากว่าอี้ป๋อไม่ได้ช่วยชีวิตตัวเองไว้ หัวเด็ดตีนขาดคนอย่างเซียวจ้านคงไม่มีทางมาทำอะไรแบบนี้แน่ๆ
“ทำหมดเลยหรือ? หึๆ”
ใบหน้างอง้ำของเซียวจ้านเปลี่ยนเป็นเริงร่าเหมือนหนังคนละม้วน หากเป็นสุนัขก็คงหูหางกระดิกเมื่อได้ยินอี้ป๋อเปิดช่องทางให้ได้ไถ่โทษ แต่จู่ๆใบหน้านั่นก็เปลี่ยนเป็นสงสัยและถอยหลังออกห่างช้าๆ
“จะ...เจ้ายิ้มอย่างนี้เพราะเหตุใดกัน?”
เสียงของเซียวจ้านตะกุกตะกักพลางถอยหลังหนีทุกจังหวะที่อี้ป๋อเคลื่อนเท้าเข้ามาใกล้ ถอยหลังหนึ่งก้าวคนตรงหน้าก็เดินเข้าหาหนึ่งก้าวเท่าๆกันเสียจนแผ่นหลังเล็กติดไปกับตู้ชั้นหนังสือไร้ทางหนีทำเอาลนลานไปหมด
“นี่เจ้าเข้าใกล้ข้าทำไม ถอยออกไปนะอี้ป๋อ”
มือเรียวยกขึ้นมาป้องกันตัวด้วยการผลักอกแกร่งออกไปจากมุมอันตรายแบบนี้หลังจากหน้าอกแทบจะแนบสนิทกับอีกคน ไม่เป็นการดีเสียเลยในเมื่อที่นี่มันเพิ่งจะเกิดเหตุการณ์อย่างเมื่อเช้าไป คนอย่างอี้ป๋อเป็นคนที่เซียวจ้านไร้การคาดเดาได้มากที่สุดแล้ว
“ถอยไปไหนอี้ป๋อ ไม่งั้นข้าจะตะโกนให้คนข้างนอกเข้ามา”
ปากสวยสั่นเล็กน้อยเมื่ออี้ป๋อไม่ได้ทำตามที่เขาขู่ออกไปสักนิด กลับกันยังเคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้เสียจนได้กลิ่นลมหายใจคล้ายกลิ่นมิ้นท์ สูดหายใจเข้าหนึ่งครั้งเซียวจ้านหัวใจเต้นแรงหนึ่งครั้ง
“อย่าเข้ามานะอี้ป๋อ หากคราวนี้เจ้าปิดปากข้าอย่างเมื่อเช้าข้าจะกัดปากเจ้าให้เลือดตก”
ดวงตาสีนิลจ้องเข้ามาในดวงตาของเซียวจ้านอย่างนุ่มลึกแต่ไร้การคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป อีกแล้ว...ใบหน้าคมหล่อเหลาที่สตรีทั่วหล้าพากันหมายปองเคลื่อนเข้ามาใกล้แก้มสีนวลแดงระเรื่อจนแทบจะแนบชิดนี่เคลื่อนเข้ามาอีกแล้ว
“เจ้า เจ้าอย่าทำนะ”
เซียวจ้านกลายเป็นแมวตัวน้อยขู่ร้องฟ่อๆแล้วหลับตาปี๋ไม่กล้ามองหน้าอี้ป๋ออีกต่อไป กลีบปากชมพูหวานเม้มเข้าหากันราวกับกลัวว่าอี้ป๋อจะลักจูบเช่นตอนเช้าให้เจ็บใจเล่น มือไม้ไม่รู้จะวางไว้ไหนก็ได้แต่กำเสื้อแพรนุ่มสีขาวสะอาดของอี้ป๋อเอาไว้อย่างนั้น
เสื้อซับในสีเทาตัวบางที่ค่อนข้างจะคอลึกนั่นกระเพื่อมไหวไปตามอัตราการเต้นของหัวใจและหอบโกยลมเข้าปอดถี่เสียจนร่นลงมาจนเห็นเนินไหปลาร้าสวย ดวงตาสีนิลจับจ้องไปที่ความขาวชั่วครู่และแสยะยิ้มออกมาโดยที่เซียวจ้านไม่มีทางเห็น
“หึ เพ้อเจ้อ”
สัมผัสลากผ่านแก้มนวลอย่างไวนั่นทำเอาเปลือกตาสีไข่ลืมตาขึ้นมาทันควันก่อนจะเห็นว่าร่างของอี้ป๋อเคลื่อนออกห่างจนมือที่เคยจับเนื้อผ้าแน่นนั่นหลุดออกจากกัน
“นี่เจ้าว่าข้าเพ้อเจ้อได้เยี่ยงไรในเมื่อเจ้าจะทำมิดีมิร้ายข้า!”
“...”
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเป็นเชิงถามว่าเขาไปทำมิดีมิร้ายเซียวจ้านตอนไหนกันพลางยกเอาหนังสือในมือขึ้นสูงระดับสายตาให้เซียวจ้านเห็น ดวงตาโตของเซียวจ้านเบิกกว้างให้มันโตขึ้นไปเสียอีกเพราะกลับกลายเป็นตัวเองขายหน้าเข้าเต็มๆ
อี้ป๋อไม่ได้จะลักจูบอย่างตอนเช้าแต่เพียงเอื้อมไปหยิบหนังสือข้างหลังเซียวจ้านก็เท่านั้น
“แล้วเหตุใดจำต้องประชิดขนาดนี้ ข้าก็ระแวงสิ”
เซียวจ้านแก้เก้อด้วยการปัดแขนเสื้อซ้ายทีขวาทีและรวบผมยาวนั่นให้ปล่อยสลวยกลางหลังเฉกเช่นปกติไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่หารู้ไม่ว่าอี้ป๋อกระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างสะใจไปถึงไหนต่อไหน
เดี๋ยวนี้เป็นคนยิ้มง่ายเมื่อได้แกล้งคนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“เอาล่ะ ว่าแต่จะให้ข้าทำอะไรเจ้าถึงจะหายโกรธข้า?”
“เอาไปแล้วท่องท่าเรือของตระกูลให้หมด พรุ่งนี้ท่านน้าเวินฉิงได้ถามเจ้าแน่”
จริงด้วย เซียวจ้านหลงลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท เวินหนิงให้เขาเข้ามาท่องตำราที่ห้องสมุดนี่ ถ้าหากท่องไม่ได้คงโดนเอาเรื่องเป็นแน่ แต่ว่านี่คือการทำเพื่อไถ่โทษหรืออี้ป๋อเป็นห่วงเซียวจ้านกันแน่
“อี้ป๋อ เจ้าเป็นห่วงข้าหรือเนี่ย แหมไม่คิดเลยว่าเจ้าจะใจกว้างเช่นนี้”
“ไร้สาระ ถ้าจำไม่ได้ก็ไปให้พ้นหน้าข้า”
เฮอะ! คนอย่างเซียวจ้านจะมาโดนไล่ให้พ้นหน้าหรือ ไม่มีทางซะหรอก ดูเหมือนครั้งนี้อี้ป๋อจะท้าทายผิดคนแล้ว หนังสือแค่เล่มเดียวมีหรือที่เซียวจ้านจะจำไม่ได้
“เอามานี่ ข้าจะทำให้เจ้ายกโทษให้ข้าให้ได้เพราะข้าไม่อยากติดหนี้บุญคุณใคร”
มือเรียวเอื้อมไปคว้าหนังสือในมืออี้ป๋อมาไว้ในมือและกอดแน่น ดวงตาสีอ่อนจ้องเอาจริงเอาจังไม่ยอมอ่อนข้อให้อี้ป๋อแน่นอน ทำตามอีกฝ่ายให้ทำครั้งเดียวจะเป็นอะไรไป เซียวจ้านได้แต่คิดว่าทำให้หายโกรธก่อนเถอะจะเอาคืนให้สาสม
“เจ้าคอยดูได้เลย อ้อ! แล้วเจ้าอย่าลืมเสียล่ะว่าถ้าข้าจำได้เจ้าต้องยกโทษให้ข้า และลืมที่ข้าว่าเจ้าให้หมด” เซียวจ้านกอดหนังสือไว้ในอกแน่นและวิ่งออกไปจากห้องด้วยรอยยิ้มเริงร่า เขามั่นใจนักว่าจะได้เอาคืนอี้ป๋อแน่นอนที่เมื่อครู่ทำเขาขายขี้หน้า
“พิลึกคนนัก”
อี้ป๋อคลี่ยิ้มออกมาและจับไปที่ปลายจมูกโด่งรั้นของตัวเอง ความคิดหวนย้อนไปเมื่อครู่ตอนที่เซียวจ้านหลับตาลง คงไม่รู้หรอกว่าสัมผัสข้างแก้มไวๆนั่นมันมาจากอะไร แต่อี้ป๋อน่ะจำได้ดีเลยว่าจมูกตัวเองได้สูดกลิ่นสบู่ราวกับสบู่เด็กนั่นเข้ามาเต็มๆ
แม้จะไม่ได้รุนแรงจนอีกฝ่ายรู้ตัวเลยก็ตาม แต่ว่าการเต้นของหัวใจอี้ป๋อก็เปลี่ยนเป็นเต้นแรงจวบกระทั่งตอนนี้
“จะยามซื่อแล้วเพิ่งลงมาหรือเซียวจ้าน เจ้าไม่ดูตะวันดูแสงบ้างหรือ?”
เสียงของเวินฉิงเอ่ยถามเซียวจ้านที่เพิ่งจะเดินลงบันไดมาทีละย่างก้าวทำเอาคิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน คร้านจะเถียงไปว่าเพราะหลานชายของใครกันเล่าที่ทำให้เขาไม่ได้หลับได้นอนจนยามอิ๋น (*ยามอิ๋นคือช่วงเวลาตีสามถึงตีห้า) ในหัวสมองมีแต่ภาพในห้องสมุดไม่ว่าจะเป็นตอนเช้าวานหรือตอนบ่ายแก่ๆก็ตามที
เซียวจ้านยังจำได้แม้กระทั่งสัมผัสร้อนตรงกลีบปากทั้งที่เป็นชายเหมือนกันแต่ทำไมมันช่างตราตรึงเยี่ยงนี้ ว่าแล้วนิ้วเรียวก็ยกขึ้นจับปากตัวเองและคลึงไปมา
“ยืนจับปากอยู่นั่นแล น้าข้าจ้องเจ้าเป็นพรุนแล้ว” ลำตัวบางสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงจากทางด้านหลัง เสียงที่คุ้นเคยฝังอยู่ในความทรงจำหลายหนหลายคราวในความฝัน ช่างน่าแค้นยิ่งนักเมื่อตื่นมายังจะมาเจอตัวการทำให้นอนไม่หลับอีกแต่หัววัน
“นั่นมันก็เรื่องของข้า คนอย่างเจ้าหัดพูดเกินห้าคำแล้วหรือ หึ!” ริมฝีปากสวยคลี่ยิ้มร้ายกวนอารมณ์อี้ป๋อข้างๆราวกับต้องการท้าทายก่อนจะจัดเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ให้เข้าที่เข้าทาง เพราะตื่นนอนก็รีบอาบน้ำแต่งตัวลงมาเลยไม่ได้ตรวจความเรียบร้อย
“คิดถึงจูบของข้า?”
ห้าคำจริงด้วย เซียวจ้านเบิกตาโพลงเพราะอีกฝ่ายดันพูดประโยคฝังใจเข้าเต็มๆ นี่อี้ป๋อเป็นหมอดูหรือผีสางกันแน่ เหตุใดถึงรู้ใจไปเสียหมดทำเอาเซียวจ้านต้องรีบสวนออกไปจนจับคำฟังแทบไม่ทัน
“ใคร ผู้ใดจะไปคิดเรื่องนั้นกับเจ้า” เซียวจ้านส่ายตากลอกไปมาก่อนจะเดินลงไปชั้นล่างตรงที่เวินฉิงและซีเฉินนั่งจิบน้ำชาอยู่ แสดงว่ามื้อเช้าได้ผ่านไปแล้วและเหตุใดอี้ป๋อถึงมาอยู่ชั้นบนเหมือนกับเซียวจ้านได้
“เจ้าก็เหมือนกันอี้ป๋อ เหตุใดถึงตื่นสายเยี่ยงนี้ เจ้าไม่เคยตื่นสายมาก่อนไม่ใช่หรือ?” นั่นเข้าแล้วไงเล่า ดวงตาของเซียวจ้านรีบหันค้อนไปมองคนที่เดินลงบันไดตามๆกับเขาแล้วอมยิ้ม เพราะเหตุใดกันคนอย่างอี้ป๋อออกจะเคร่งนักเคร่งหนาถึงตื่นสายเอาเสียได้
“...”
แต่ไร้วาจาโต้ตอบ อี้ป๋อเพียงก้มหัวขอโทษแต่ไม่ได้แก้ตัวหรือชี้แจงอะไรต่อสองคนนั้นเลยแม้แต่น้อย เวินฉิงทำเพียงถอนหายใจเพราะรู้ว่าขืนอย่างไรเสียอี้ป๋อไม่ตอบนั่นคือไม่ตอบ หากจะคาดคั้นคงเสียแรงเปล่า
“ลงมาก็ดีแล้วทั้งคู่เลย เอาล่ะเซียวจ้านเมื่อวานข้าให้เข้าอ่านหนังสือเป็นเยี่ยงไรบ้าง ข้าจะถามเจ้า”
“แต่เช้าเลยหรือท่านน้าเวินฉิง?”
“ใช่สิ หากไม่ถามเจ้าตอนนี้มีหวังได้หนีไปกระโจนน้ำเป็นเดือดเป็นร้อนคนอื่นพอดี อย่าคิดนะว่าข้าไม่รู้เรื่องเมื่อวาน เลิกลีลามากความเถิดตอบข้ามาสักที”
เซียวจ้านหันไปมองซีเฉินทีอี้ป๋อทีราวกับต้องการความเห็นใจ แต่ไม่เลยทั้งสองกลับเบือนหน้าหนีแม้กระทั่งอี้ป๋อก็เลี่ยงไปนั่งตรงตั่งไม้ตรงข้ามซีเฉินแล้วยกยิ้มกระหยิ่มขึ้นมา
“นี่เจ้าอี้ป๋อ..!”
เป็นความตั้งใจของอี้ป๋อที่ต้องการยิ้มสะใจนั่นให้เซียวจ้านเห็น ไม่แปลกที่เซียวจ้านเห็นแล้วอยากจะเดินไปทุบให้หนำใจแต่สายตาของเวินฉิงก็คาดคั้นเอาๆ
“ตอบมาสักที เจ้าอ่านแล้วรู้ความหรือไม่ว่าท่าเรือของตระกูลหวังมีกี่ท่าและแต่ละท่าชื่อว่าอะไร?
เปลือกตาสีไข่ปิดลงชั่วครู่ก่อนจะค่อยๆช้อนขึ้นมามองทั้งสามคนตรงตั่งไม้ รอยยิ้มเล็กๆผุดขึ้นมาและหวนคิดถึงหนังสือเมื่อวานนี้ที่อี้ป๋อยื่นมาให้ เขาอ่านมันลวกๆแต่ก็พอจำได้บ้างลางๆ
“ถ้าตอบไม่ได้ก็ไม่ต้องกินมื้อเช้า ข้าจะให้คนเอาไปให้สุนัขแถวนี้กินให้หมด”
“ข้าจะตอบแล้วๆๆ อย่าเพิ่งเร่งข้านักสิข้าเป็นคนหัวทึบ เอ่อ...มีทั้งหมดสี่ท่าใช่หรือไม่?”
ใบหน้าหวานเอียงคอถามเวินฉิงแบบกล้าๆกลัวๆ คร้านจะหันไปขอความช่วยเหลือจากชายทั้งสองก็ไม่มีทีท่าตอบ รอชั่วอึดใจเป็นซีเฉินที่เอ่ยปากออกมาบ้าง
“ใช่แล้ว สี่ท่านี้ชื่อว่าอะไรบ้างล่ะเซียวจ้าน?”
เสียงนุ่มลึกของซีเฉินเอ่ยถามจึงค่อยผ่อนปรนความรู้สึกกดดันของเซียวจ้านไปได้บ้าง
“เอ่อ...ทั้งสี่ท่านี้มีชื่อเหมือนกับทิศไม่มีผิดเพี้ยน ท่าเรือหวังเป่ยตั้งอยู่ทิศเหนือของเมือง ท่าเรือหวังหนานทิศใต้ ท่าเรือหวังซีทิศตะวันตก และท่าเรือหวังตงทิศตะวันออก”
น้ำเสียงมั่นใจของเซียวจ้านเปล่งออกไปทำเอาคนบางคนลอบยิ้มออกมาโดยไม่มีใครเห็น แต่คิดหรือว่าจะพ้นสายตาของเซียวจ้านไปได้ ปากหมุบหมิบราวกับท่องคาถาของเซียวจ้านบ่นว่าไม่ช่วยยังยิ้มเย้ยกันอีก แบบนี้ที่เขาตอบมาคงผิดสินะ
...โถ มื้อเช้าของเซียวจ้าน
“ถูก ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเชื่อฟังข้าขนาดนี้ หรือว่าแท้จริงแล้วอี้ป๋อสอนเจ้าในห้องสมุดนั่น”
คำว่าห้องสมุดและการสั่งสอนวิ่งตรงเข้าหัวของเซียวจ้านกับอี้ป๋อทันที ใบหน้าขาวผ่องของทั้งคู่จู่ๆก็ขึ้นสีแดงเป็นริ้วอย่างไม่ได้นัดหมาย ดวงตาเรียวของซีเฉินหรี่ตามองกิริยาของหลานตัวเองและว่าที่หลานสะใภ้แล้วยกยิ้มขึ้นมา
“ฮ่าๆ เอาล่ะๆข้าว่าในห้องสมุดต้องมีอะไรดีเป็นแน่ไม่เยี่ยงนั้นสองคนไม่ก้มหน้าแดงเช่นนี้หรอก สอนกันดีเชียวแหละ”
เซียวจ้านเงยหน้ามามองคนขี้ชงอย่างซีเฉินและกระแอมไอเบาๆออกอาการพิรุธออกมา อี้ป๋อเองกลับเปลี่ยนสีหน้าได้แนบเนียนเสียจนเซียวจ้านแปลกใจ ก็เมื่อครู่ซีเฉินยังแซวอยู่เลยว่าอี้ป๋อหน้าแดงแต่ตอนนี้กลับขาวราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างที่ซีเฉินว่า
“เจ้าทั้งคู่นี่นะมีพิรุธแปลกชอบกล ช่างเถิดไหนตอบข้ามาสิว่าแต่ละท่าเก็บภาษีปากเรือเยี่ยงไร?”
“เอ่อ เก็บตามความกว้างของปากเรือ หากข้าอ่านไม่ผิดเมื่อก่อนเก็บต่างจากตอนนี้สี่หยวน* คือเก็บวาละสิบหยวนแต่เมื่อก่อนเก็บหกหยวน ข้าตอบถูกหรือไม่?”
“วันนี้เจ้ารอดตัวไปนะ แต่วันหน้าข้าจะให้เจ้าตามอี้ป๋อไปดูท่าเรือแต่ละที่ด้วย ศึกษาเอาไว้เพราะถึงอย่างไรเจ้าก็ต้องช่วยหลานข้าดูแลท่าเรือ”
(*หยวนคือค่าเงินจีนเทียบเท่าเงินไทยประมาณหยวนละห้าบาท)
อี้ป๋อเงยหน้ามองเวินฉิงเล็กน้อยและพยักหน้ารับคำสั่งโดยไม่มีโต้แย้ง ผิดกลับเซียวจ้านที่อ้าปากค้างรอแมลงวันบินเข้าไปวางไข่เล่น นี่มันยังไม่จบไม่สิ้นอีกหรือเซียวจ้านได้แต่คิดในใจ
“ข้า...ต้องไปกับอี้ป๋อ?”
นิ้วเรียวสวยชี้ไปที่อี้ป๋อทีหนึ่งชี้มาที่หน้าของตัวเองอีกทีหนึ่งเหมือนต้องการทวนคำตอบช้าๆชัดๆ และเป็นซีเฉินเองที่ช่วยพยักหน้าตอบให้ว่าเซียวจ้านไม่ได้ฟังผิดแน่นอน
เวรกรรมอะไรของเซียวจ้านล่ะนี่ ยังไม่ทันตบทันแต่งก็ถูกวางหน้าที่การงานเอาไว้ให้แล้ว คนรักสบายและอิสระคนนี้จะไม่ขอทน อย่างไรเสียเซียวจ้านได้แต่คิดลูกเดียวว่าจะต้องล่มงานแต่งให้จงได้!
100%
#ม่านวิวาห์อลเวง
ฝากติดตามและเป็นกำลังใจผ่าน #ม่านวิวาห์อลเวง ด้วยนะคะ
ช่องทางการติดตามการอัพเดตแฟนฟิค
TWITTER : @porzhan
AUTHOR : SNOOKY
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เจ้าดื้อออออ แงงงงเขินนนน
เเอ!สมัยโบราณมีผายปอดมั้ยเนี่ย????????????????????????
ซนจนเจอดีนะยัยกระต่าย
ซนจนได้เรื่อง
เวินหนิงตามใจคุณชายมากไปป่าว
นอกจากจูบแล้ว อย่าลืมผาดปอดนะคะ คริคริ
แหนะ
ห่วงจนลืมว่าบ้านเขามีสระบัวใหญ่สินะ
วิธีทำโทษตามใจเนียกร้องสินะ
จ้านว่ายน้ำไม่เป็นหรอ รึแกล้งกันนะ