ตอนที่ 7 : [Rewrite] ตัวตายตัวแทน 100%
...ครืดๆๆ...
เสียงสั่นของมือถือทำให้แบมแบมที่กำลังจดเล็กเชอร์ตามจอมอนิเตอร์ของอาจารย์หน้าห้องหันมามอง เพราะเบอร์ที่โชว์หราพร้อมชื่อที่เขาเมมเอาไว้มันจะทำให้ยูคยอมเห็นได้ว่าใครโทร.มา
“ใครน่ะแบมแบม ทำไมต้องรีบขนาดนั้น”
แบมแบมวางสายจากคนที่โทร.มาก่อนที่ยูคยอมจะเห็นด้วยซ้ำว่าใครโทร.มา ร่างเล็กทำเพียงส่งยิ้มให้เพื่อนตัวโตของเขาและก้มหน้าเรียนต่อไป แต่ไม่ถึงเสี้ยวนาทีเขาก็รับข้อความมาอีก
‘เย็นนี้ฉันรอนายหน้าม. รู้นะว่าถ้าไม่เจอจะโดนอะไร’
แบมแบมอ่านข้อความที่ส่งมาแล้วอดค่อนขอดไม่ได้ว่าคนอย่างมาร์คมันว่างมากหรือไงถึงขนาดต้องมาตามติดชีวิตเขาขนาดนี้ งานการเห็นว่าก็ใหญ่โตร่ำรวยไม่น่าว่างขนาดนี้ แต่ไม่ใช่เลยเขาดูเหมือนว่างมาก
“เป็นอะไรหรือเปล่าแบม ทำไมเครียดจัง”
“เอ่อ ไม่มีอะไรหรอก แค่พี่ยองแจมารับไม่ได้เราต้องกลับรถเมล์เอง”
โกหกอีกแล้ว เพราะคนที่ชื่อมาร์คนั่นแหละทำให้แบมแบมต้องโกหกอยู่เรื่อย เขาไม่อยากกลายเป็นคนขี้โกหกขนาดนี้เลยจริงๆ
“อ๋อ ให้เราอยู่เป็นเพื่อนไหม?”
“เห้ยไม่ต้องหรอก วันนี้นายมีนัดกับที่บ้านนี่ ไปเหอะกลับได้”
ยูคยอมพยักหน้าและหันไปสนใจที่อาจารย์สอนอยู่ มีแต่แบมแบมนี่แหละที่จ้องมือถือตัวเองอยู่อย่างนั้นและเอามือกำมือถือแน่น เขาไม่อยากทนเลยถ้าไม่ใช่เพราะพี่ยองแจของเขา
“มาเร็วดีนะ ว่าแต่เพื่อนนายที่ตัวสูงๆ ไม่ตามมาส่งเหรอ ว่าจะแนะนำตัวสักหน่อย”
ยังไม่ทันที่แบมแบมจะก้าวถึงรถดี เสียงของมาร์คก็โผล่มาให้แบมแบมถอนหายใจ แบมแบมจะเงียบจะไม่ตอบโต้ เพราะเขารู้แล้วว่ามาร์คเป็นคนโรคจิต ยิ่งพูดด้วยก็จะยิ่งเล่นงาน
“วันนี้ไม่ได้เอาปากมาด้วยเหรอ เมื่อกี้ยังหัวเราะต่อกระซิกกับเพื่อนคิดไม่ซื่ออยู่เลยนี่”
“อย่ามาพูดถึงผมกับยูคยอมอย่างนั้นนะครับ”
แบมแบมยั้งปากเอาไว้ไม่ได้อีกแล้วเมื่อมาร์คดูถูกเขาไม่เลิก ก่อกวนเอาแต่ใจเป็นที่สุด กล้าดียังไงมาพูดถึงเขากับยูคยอมแบบนั้น
“ทำไมจะพูดไม่ได้ในเมื่อมันเป็นเรื่องจริง ตามตรงนะนี่ไม่รู้หรือแกล้งโง่กันแน่ถึงไม่รู้ว่ามันคิดไม่ซื่ออ่ะ”
มาร์คยื่นหน้ามาใกล้และโอบเอวคอดให้เคลื่อนเข้ามาใกล้มากขึ้น ทั้งที่เบาะรถก็กว้างแต่เอาตัวมาเบียดร่างเล็กอยู่ได้
“มันก็เรื่องของผม คุณน่ะมีเรื่องอะไรก็ว่ามาครับ”
แบมแบมใช้มือปัดมาร์คที่โอบเอวตัวเองไม่เลิก มาร์คแสยะยิ้มเล็กน้อยและปล่อยมือออกก่อนจะเข้าเรื่องสักที
“ได้ข่าวว่าพี่ชายนายไปนอนที่อื่นแล้วและนายเองก็บอกกับพี่ชายว่าจะนอนหอใน”
“คุณ! คุณรู้ได้อย่างไง?”
ร่างเล็กยอมรับว่าตกใจไม่น้อยเพราะเรื่องนี้มีแค่เขากับพี่ยองแจที่รู้ ขนาดยูคยอมเพื่อนสนิทเขายังไม่รู้เรื่องนี้จากปากแบมแบมเลย แต่ทำไมมาร์คถึงรู้ได้
“มีเรื่องอะไรที่ฉันสนใจแล้วฉันจะไม่รู้ข่าวคราว”
เชื่อแล้วว่าอำนาจของคนตรงหน้ามันร้ายกาจมากแค่ไหน ขนาดเรื่องลับและเรื่องเล็กๆ พวกนี้เขายังรู้ เท่ากับว่าแบมแบมอยู่กับความเสี่ยงอย่างแรง เพราะไม่ว่าเขาจะทำอะไรเชื่อเหอะว่ามาร์คต้องรู้ทุกเรื่องแน่ๆ
“คุณรู้แล้วจะทำอะไรต่อล่ะ?”
“ย้ายของมาอยู่กับฉันเหมือนอย่างที่พี่ชายนายทำ หมายความว่านายจะกลับคอนโดของนายได้แต่ต้องให้ฉันอนุญาต”
“บ้า บ้าไปแล้วเหรอคุณ?”
แบมแบมคิดมาตลอดก็จริงว่าสักวันมาร์คคงให้ตัวเองไปอยู่ด้วย แต่ว่าจะเร็วแบบนี้ได้ยังไง
“วันนี้ด้วยนะ ฉันไม่บ้าหรอกเชื่อใจได้ คนบ้าไม่สามารถรวยขนาดฉันได้หรอก”
“เหอะ โรคจิต”
แบมแบมบ่นกระปอดกระแปดไปทางหน้าต่าง แต่มีเหรอที่รถแคบและมีเนื้อที่จำกัดมาร์คจะไม่ได้ยินน่ะ ใบหน้าเรียวของแบมแบมเลยถูกมาร์คจับให้หันมาหาตัวเอง
“เออ โรคจิตคนนี้แหละที่จะได้ตัวนายไปนอนด้วย”
“บ้าที่สุด ผมเกลียดคุณ”
แบมแบมสะบัดหน้าไปอีกทางและกัดฟันกรอด เขาทำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ชีวิตของเขาไม่ใช่ของเขาแล้วเหรอ จากนี้คงไม่ใช่แล้วสินะ
“เกลียดฉันแค่ไหนนายก็คงต้องทน เพราะฉันจะไม่ปล่อยนายไปจนกว่าฉันจะลืมพี่ชายนายได้”
ตลอดมายองแจพี่ชายของเขาต้องทนให้ผู้ชายคนนี้ยุ่มย่ามมานานแค่ไหนกันนะ ขนาดแบมแบมโดนราวีไม่กี่วันยังอึดอัดขนาดนี้ แล้วพี่ชายของเขาล่ะจะโดนมานานแค่ไหน เขาต้องทนให้ได้
...โครกคราก...
เสียงท้องร้องของยองแจแผดเสียงลั่นห้องในตอนดึก ให้ตายเถอะเขาต้องมาหิวอะไรดึกๆ แบบนี้ในบ้านคนอื่นไม่ได้สิ คงเป็นเพราะปกติแล้วยองแจมักจะหิวเวลาแบบนี้และมีของกินที่ห้องตัวเองบ่อยๆ แต่ที่นี่ไม่ใช่บ้านของเขา
“เฮ้อ ทำไงดีเนี่ยหิวจัง”
มือบางลูบไปที่หน้าท้องของตัวเองที่มันสั่นสะเทือนเพราะเสียงร้องโอดครวญว่าหิว หิวมากๆ เลย สุดท้ายความหิวก็ต้องพาให้ร่างลุกขึ้นจากเตียงนอน
“เอาน่าดึกป่านนี้หมอนั่นคงหลับไปแล้วล่ะ ไปกินรามยอนสักห่อแล้วนอนก็คงไม่อะไร”
เขาเห็นนะว่าเมื่อเย็นมีรามยอนในตู้ คนรวยอย่างแจ็คสันคงไม่ใจร้ายกับเขาขนาดนั้น ถ้าหวงมากจะวางเงินให้เลยก็ได้ แต่ตอนนี้หิวมากต้องหาอะไรกินก่อนแล้วล่ะ
“อ่า มืดจัง”
ยองแจพกมือถือออกมาก็ใช้ประโยชน์จากมือถือส่องทางไปเรื่อยๆ จนไปถึงห้องครัว แสงสว่างจากมือถือส่องให้เห็นสวิตซ์ไฟก่อนที่เขาจะลงมือต้มรามยอนสักห่อ กลิ่นหอมฉุยยั่วให้ท้องร้องหนักกว่าเดิมและมันก็ทำให้คนที่นอนเช็กงานในห้องลุกขึ้นมาด้วยนี่สิ
หม้อที่เก็บไว้ในตู้ถูกยองแจคว้าออกมาตั้งบนเตาและกดสวิตซ์ต้มน้ำจดเดือดได้ที่ก่อนจะโยนเส้นรามยอนลงไปต้ม ระหว่างรอความหิวมันเล่นงานยองแจจนจับใจ ใครจะไปรู้ล่ะว่าข้าวเย็นที่กินมาขนาดนั้นมันจะไม่อยู่ท้องยองแจซะเลย
แต่ความจริงต่อให้ยองแจกินมาเยอะแค่ไหนเขาก็มีเนื้อที่ในท้องพอจะรองรับอาหารต่างๆ ได้อยู่แล้ว
“อ่า หอมฉุย”
ยองแจใช้ตะเกียบคนๆ ไปในหม้อให้เส้นบะหมี่มันคลายตัวออกจากกันและฉีกซองผงปรุงรสไป ไม่รู้ว่าลุ้นหรือว่าหิวกันแน่เลยเกาหน้าท้องมีพุงน้อยๆของตัวเองขึ้นเกยมาจะถึงราวนมอย่างนั้น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากลิ่นหอมๆ มันไปถึงห้องแจ็คสัน
...อึก...
น้ำลายเหนียวๆ ของแจ็คสันมองร่างของยองแจที่สวมเพียงเสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นออกมาในครัว เผยให้เห็นเนื้อขาเรียวที่ขาวกระทบแสงไฟตอนกลางคืน มันไม่ได้สะดุดตาเขาเท่ากับท่าเกาพุงของยองแจหรอก
ตอนที่เสื้อเลิกขึ้นมาตามเอวคอดทำเอาน้ำผลไม้ที่เหลือในแก้วหกรดกางเกงตัวเองเปียกชุ่มกับดวงตาเข้มที่ละไปไหนไม่ได้สักนิด
“แจ็คสัน สติแจ็คสัน นายต้องมีสติ”
แจ็คสันส่ายหัวตัวเองแรงๆ และพยายามเอามือปัดเนื้อขากางเกงตัวเองที่มันเปื้อนน้ำผลไม้นั่นแหละ จะทำยังไงดีล่ะทีนี้มันเปียกไปหมดเลย แต่ถ้าถามว่าได้มองตามมือที่ปัดน้ำไหม แจ็คสันไม่ได้มองมันเพราะตาจับจ้องอยู่ที่ยองแจไม่เลิก
“น่ากินมาก โหยรสนี้ไม่เคยกินด้วย ไม่น่าเชื่อว่าหมอนั่นจะซื้อมาเก็บไว้”
ยองแจพูดออกมาลอยๆ น้ำเสียงของยองแจไม่ได้ประชดประชันตามเนื้อความหรอก ดูท่าจะตื่นเต้นมากกว่าที่จะได้กินรามยอน คนที่ยืนมองยองแจเงียบๆ กลับยกยิ้มขึ้นมาตามสีหน้าหิวๆ ของยองแจและท่าเป่ารามยอน
ปากอวบๆ ที่กำลังเป่าเส้นรามยอนมันทำให้แจ็คสันย้อนคิดถึงเมื่อเย็นนี้ที่เขาจูบยองแจไป ความจริงเขาไม่เคยจูบปากผู้ชายด้วยกันหรอกนะ แต่ว่า...ยองแจปากนิ่มเหมือนผู้หญิงและหวานมากจริงๆ
“คิดไรวะเนี่ย?!”
“?!!”
เสียงที่บ่นออกมาของแจ็คสันคงจะดังไปหน่อย ไม่สิดังมากเลยแหละเพราะยองแจถึงกับคายเส้นรามยอนในปากลงใส่หม้อตามเดิมและมองมาที่ร่างหนาด้วยความตกใจ
อึ้งและนิ่งค้างกันทั้งคู่ คนนึงอึ้งที่ถูกจับได้ว่าขโมยกินรามยอนจนเส้นบะหมี่คาปากหลบหนีความผิดไม่พ้นแน่ๆ ส่วนอีกคนก็อึ้งที่
ยองแจรู้ตัวแล้วว่าเขามายืนมองร่างที่ใส่เพียงเสื้อกล้ามเผยให้เห็นสัดส่วนและความนุ่มนิ่มของยองแจตั้งนานสองนาน
“คุณ/นาย!”
เอาล่ะ ทั้งสองเอ่ยเสียงขึ้นมาพร้อมกันแบบนี้ก็คงเป็นประเด็นแน่ๆ แจ็คสันกระแอมไอในลำคอก่อนจะเดินมาหายองแจและเตรียมเล่นงานร่างเล็กกลบเกลื่อนความผิดปกติของตัวเอง ก่อนที่ยองแจจะสวนออกมา เขาต้องชิงเปิดเรื่อง
“นี่มันอะไรกันเนี่ย? ถ้าฉันไม่ออกมาก็คงไม่รู้ว่ามีแมวขโมยมากินของๆ ฉัน”
“โหยไรแค่รามยอนห่อเดียว เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมซื้อคืนให้แพ็กนึงเลยก็ได้ คนอะไรใจแคบ”
ยองแจเถียงแจ็คสันและหย่อนก้นนั่งที่เก้าอี้ดีๆ พอเถียงแจ็คสันเสร็จแล้วแถมยังเห็นว่าไม่ต้องหลบซ่อนว่าแอบมากินรามยอน รายนี้เลยจัดการเอาขาขึ้นมานั่งชันเข่าบนเก้าอี้ซะเลย
จะบ้าตาย!
ไม่ใช่ว่าแจ็คสันเบิกตาโตเพราะอากัปกิริยาของยองแจที่ไม่มีมารยาทยกขายกแข้งขึ้นมากินรามยอนหรอกนะ แต่เป็นเพราะเนื้อขาขาวๆ ที่เผยออกมาตอนกางเกงมันพับขึ้นไปน่ะสิ ขาวเนียนจนแจ็คสันเอามือเกาท้ายทอยตัวเองมองไปอีกทาง
“รามยอนแค่ห่อเดียวบริจาคให้กินก็ได้ไม่ถือ กินแล้วก็เก็บล้างด้วยละกัน”
“โหย บริจาค? นี่ผมไม่ได้ขอทานนะแล้วก็ล้างอยู่แล้วไม่ใช่คนซกมก”
ยองแจเถียงกลับแจ็คสันทั้งๆ ที่ปากคาเส้นรามยอนนั่นแหละ เรื่องอะไรเขาต้องมารักษาภาพพจน์กับแจ็คสันด้วย หนำซ้ำอยากจะแสดงด้านทุเรศๆ อะไรแบบนี้ให้เห็นมากขึ้นไปอีก แบบที่รับไม่ได้และต้องไล่เขาจากคอนโดไรงี้จะดีมาก
“อ้อ และการแต่งตัวอยู่ที่คอนโดฉันน่ะ ใส่ให้มันเรียบร้อยหน่อยก็ได้ นี่อะไรเสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้น”
“เอ้า ขอโทษนะครับผมใส่แค่ตอนนอนและไม่คิดว่าคุณจะมาเห็นนี่ครับ อีกอย่างนะผมเป็นผู้ชายถอดเสื้อเดินก็ยังได้”
เออจริงนะ แจ็คสันเอามือลูบคางตัวเองกับความย้อนแย้งในใจ ยองแจเป็นผู้ชายจะแต่งตัวแบบนี้ก็ไม่แปลกถูกไหมล่ะ แต่ทำไม...เขาต้องบอกว่ามันไม่เรียบร้อย
หรือแค่ยองแจใส่แล้วมันดูยั่วยวน?
“เออๆๆ นายจะทำไรก็เรื่องของนาย ปิดไฟให้ดีด้วยละกัน ถ้าคอนโดฉันไฟไหม้นายตายแน่”
พูดก็มองหน้ายองแจสิแจ็คสัน ทำไมเขาต้องมองไปที่ต้นแขนขาวๆ มีรอยสักตรงไหล่สลับกับต้นขาเนียนๆ ของยองแจด้วย ยิ่งยืนตรงนี้ก็ยิ่งมีพิรุธ แจ็คสันเลยเลี่ยงตัวเองไปเข้านอนดีกว่า
“อ่า แล้วนายจะถือแก้วมาทำไมวะเนี่ย ทำไมไม่เอาไปใส่ซิงค์ล้างจาน”
แจ็คสันบ่นกับตัวเองที่เมื่อกี้ออกมาจากห้องก็เพราะว่าจะเอาแก้วมาล้าง แต่ดันถือติดมือเข้ามาในห้องนอนตามเดิม เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ค่อยล้างละกัน ยอมเป็นคนซกมกเหมือนที่ด่ายองแจไปเมื่อกี้เสียดีกว่าออกไปเห็นภาพยองแจเผยผิวขาวๆ
“บ้าไปแล้วแน่ๆ แจ็คสัน นายนั่นมันเป็นผู้ชาย”
แจ็คสันยังคงเถียงกับตัวเอง ยอมรับจากใจจริงว่ายองแจผิวดีมาก ดูมีเสน่ห์อะไรบางอย่างที่แจ็คสันละสายตาไม่ได้ เขาไม่เคยเป็นแบบนี้แจ็คสันรู้ดีก่อนที่เขาจะเดินไปเปลี่ยนกางเกงและเข้านอน
“คนอะไรวะขี้งกไม่พอ ขี้บ่นอีก”
ยองแจมองคนที่เดินเข้าไปในห้องนอนเรียบร้อยแล้วก็หันมาสูดเส้นรามยอนเข้าปากอีกรอบ พอได้รสของกระเทียมเจียม พริกไทยแดงหอมๆ ก็ค่อยอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย กินไปกินมาก็ยกถ้วยซดน้ำจนหมดเกลี้ยง
BamBam’s Part
“เตี้ย มานั่งหลับอะไรตรงนี้เนี่ย?”
ยูคยอมเดินมาสะกิดผมที่เผลอหลับคากองหนังสือในห้องสมุด เจ้าโย่งเพื่อนของผมคงตามมาถูกเพราะข้อความล่าสุดที่ส่งให้นั่นแหละว่าผมอยู่ที่นี่ แต่เผลอหลับไปได้ไงก็ไม่รู้เหมือนกัน
“เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับน่ะ”
“ถึงว่าวันนี้แบมเรียนไปสะลึมสะลือไป”
จริงด้วย วันนี้ผมฟังที่อาจารย์พูดไม่รู้เรื่องเลยล่ะ คงเป็นเพราะเมื่อคืนผมนอนคนเดียวไม่พอ ผมต้องมาคิดมากเรื่องที่ต้องไปนอนคอนโดเดียวกับคุณมาร์คอะไรนั่นอีก นั่นหมายถึงว่าผมไม่ได้มานอนหอในจริงๆ และวันนึงพี่ยองแจจะจับได้ไหม
“แบม นายเป็นอะไรน่ะ? ฉันเรียกนายนานแล้วนะ”
“อ้าว ยูคยอมเรียกเราเหรอ เราไม่ได้ยิน”
วันนี้ไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ ขนาดยูคยอมอยู่ใกล้ขนาดนี้ยังไม่ได้ยินที่เขาพูด สมองก็เอาแต่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ซึ่งเรื่องเรื่อยเปื่อยก็เรื่องของคุณมาร์คอีกตามเคย
“ช่างเถอะ นายไม่หิวเหรอ กินข้าวกันไหม?”
จริงด้วยสินี่มันจะบ่ายอยู่แล้ว ผมยังไม่ได้กินข้าวเลย
“อืม ไปสิ”
ว่าเสร็จผมก็ทำท่าจะคว้ากระเป๋าเป้มาสะพายหลังตามเดิม แต่ว่าความเร็วของเพื่อนตัวสูงมันมีมากกว่า ยูคยอมคว้ากระเป๋าของผมไปถืออย่างง่ายดาย
“เห้ เอาคืนมาหน่าฉันถือเองได้”
“นายน่ะเดินไปเถอะ ถือให้เพื่อนคนเดียวไม่ตายหรอกน่า”
ยูคยอมคลี่ยิ้มมาทางผมและเดินจูงมือเล็กของตัวผมเองเดินนำหน้าไป ปล่อยให้ผมเดินตามหลังด้วยความรู้สึกงุนงงและมองมือที่เขาจับผมแน่น
‘ตามตรงนะนี่ไม่รู้หรือแกล้งโง่กันแน่ถึงไม่รู้ว่ามันคิดไม่ซื่ออ่ะ’
จู่ๆ คำที่คุณมาร์คพูดถึงยูคยอมเมื่อวานก็แล่นเข้าหัวของผมอย่างจัง มันไม่จริงหรอกใช่ไหม ยูคยอมน่ะไม่ได้คิดอะไรกับผมหรอก คุณมาร์คก็แค่ประสาทเสีย ยูคยอมดีกับผมเพราะว่าเราสนิทกันมากเท่านั้นเองใช่ไหม?
“เตี้ยคิดไรอยู่ ไม่กินข้าวเหรอเย็นหมดแล้ว”
ยูคยอมเอามือมาสะกิดผมที่นั่งเหม่อคิดเรื่องที่คุณมาร์คพูดถึง
ยูคยอมอยู่ ผมทำเพียงยิ้มบางๆ ไปให้เพื่อนรักเพียงคนเดียวในชีวิตของผม ผมไว้ใจเขามากและเขาก็ดีกับผมมาก เรื่องที่คุณมาร์คพูดน่ะมันไร้สาระ
ใช่ ยูคยอมจะมาคิดเกินเพื่อนได้ยังไง รายนี้คาสโนว่าจะตาย
“ไม่มีไรหรอก อ่ะกินเยอะๆ นะโย่ง”
“เห้ย ไม่ต้องเลยเตี้ยแหละกินไป”
ผมมักจะทำแก้มป่องๆ เวลาที่ยูคยอมพูดกับผมว่าเตี้ย ผมไม่ได้เตี้ยนะส่วนสูงก็ตั้งร้อยเจ็ดสิบกว่าๆ ยูคยอมร้อยแปดสิบกว่าแล้วไง ผมไม่ได้เตี้ยนะ
“งอนเหรอแก้มป่องอีกแล้ว”
ยูคยอมเอามือมาบีบแก้มของผมแทบช้ำ เขามักจะเป็นแบบนี้พูดให้งอนและก็มาง้อแบบเด็กๆ และทำให้ผมมีรอยยิ้มเสมอ ยูคยอมน่ะเป็นเพื่อนรักของผม เพื่อนรักเท่านั้นไม่สามารถเป็นอย่างอื่นได้ และผมหวังว่าเขาไม่ได้คิดกับผมเหมือนที่คุณมาร์คเป่าหู
...ครืนๆๆ...
เสียงฟ้าเริ่มร้องตอนเย็นอีกแล้ว ความจริงผมไม่น่าบอกกับ
ยูคยอมเลยว่าจะรอรถประจำทางเพียงคนเดียวที่หน้ามหาวิทยาลัย บรรยากาศแบบนี้ผมล่ะกลัวที่สุดเลย พี่ยองแจก็มารับไม่ได้เพราะติดงาน
เปรี้ยง!
เสียงฟ้าผ่าดังลั่นก้องหูไปหมด ผมรีบยกมือขึ้นมาปิดหูอย่างเอาเป็นเอาตาย เรื่องหนึ่งที่ผมกับพี่ยองแจเป็นเหมือนกันคือการกลัวเสียงฟ้าผ่า กลัวสุดขีดเพราะความหลังของเราสองคนที่ถูกทิ้งให้อยู่ลำพังในบ้านหลังเล็กท่ามกลางฝนตก
“ฮึก รถมาเร็วๆ สิ”
อ่อนแอจนน่ารำคาญ น้ำตาคลอเบ้าตาสวยไปหมดแล้วเพราะกลัวเสียงฟ้าผ่า ภาวนาให้รถประจำทางมาเร็วๆ ได้ไหม ผมไม่อยากอยู่ที่นี่คนเดียว
“เหอะ เด็กขี้แย”
ผมที่นั่งหลับตาปิดหูแทบมิดเงยหน้ามามองเสียงคุ้นหูชอบกล มันดังมาตรงข้างๆ และนั่นทำให้ผมชักสีหน้าหงุดหงิดปนขมวดคิ้ว เพราะคนที่ผมเงยไปเจอคือคนที่ผมไม่ชอบมากกว่าเสียงฟ้าผ่านี่ซะอีก
“คุณมาร์ค!”
“ขึ้นรถ ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ปรานีนาย”
ดวงตาเข้มจ้องผมราวกับกินเลือดกินเนื้อ นี่เขามีเรื่องอะไรขุ่นข้องอีกล่ะถึงต้องการหาที่ระบาย เชื่อไหมล่ะว่าเป็นเรื่องของพี่ชายผมตามเคย เพราะมีแค่เหตุผลเดียวที่เขาตามล่าตัวผมคือการเอาไปล้างแค้นแทนพี่ชาย
“ไม่ขึ้นเหรอ? ดี งั้นนั่งตรงนี้ไปฉันจะไปลากตัวพี่ชายนายแทน”
“ใครบอกว่าจะไม่ขึ้น!”
เพียงแค่เอ่ยคำว่าพี่ชายออกมาผมก็ยอมหมดทั้งนั้น ใช่...คุณมาร์คฉลาดเพราะเขาพ่นน้ำลายมาไม่กี่คำก็สามารถทำให้ผมยอมไปกับเขาโดยไร้การขัดขืน
นั่นเพราะจุดอ่อนผมมีอย่างเดียวคือ...พี่ยองแจ
ต่อให้เขาพาผมไปทรมานหรือลงนรกอะไรผมก็ยอมทำเพื่อให้พี่ยองแจไม่เดือดร้อนไปมากกว่านี้ ในเมื่อพี่เขาลำบากเพราะผมมามากแล้ว ทำไมผมจะทำเพื่อเขาไม่ได้บ้าง
“ก็แค่นั้น คืนนี้โทร.ไปบอกพี่ชายนายได้เลยว่าไปนอนที่ไหนก็ได้ แต่ไม่ใช่ที่คอนโดนายแน่นอน”
นี่เขาคิดจะทำอะไรผมอีกกันแน่ สายตาเขามันน่ากลัวพอๆ กับอาการเคร่งขรึมผิดปกตินั่นแหละ
“คุณคิดจะทำอะไรผม?”
“วันนี้ฉันไปเจอพี่ชายนายมา แต่พี่ชายของนายน่ะร้ายกับฉันมากนะ”
ไม่ใช่แค่เสียงแลดูเจ็บปวดของคุณมาร์คเท่านั้นที่ส่งมา แต่เป็นแววตาเอ่อคลอด้วยน้ำตาใสนั่นด้วยต่างหาก เขารักพี่ชายของผมมากขนาดนี้เลยเหรอ เพียงแค่วูบเดียวเท่านั้นที่ผมเห็นแววตานั่นก่อนที่เขาจะมองไปที่นอกหน้าต่างรถและมุ่งหน้าไปที่ไหนสักแห่ง
ซึ่งขอเดาว่าผมคงถูกเขาใช้เป็นตัวตายตัวแทนพี่ชายที่บ้านของเขาแน่ๆ
End BamBam’s Part
...กริ๊ก...
เสียงประตูบ้านปิดลงหลังจากมาร์คใช้นิ้วสแกนหน้าจอเพื่อเข้ามา หน้าบ้านยังคงเต็มไปด้วยชายชุดดำหน้าตาคุ้นๆ เหมือนที่แบมแบมเคยเห็นครั้งก่อน แต่ครั้งนี้พวกเขาดูเป็นมิตรมากขึ้นเพราะรู้ว่าเขาเป็นคนของเจ้านายตัวเองแล้ว
ร่างทั้งสองเดินเข้ามาในห้องรับแขกก่อนที่ร่างเล็กจะยืนนิ่งอยู่กับที่เพราะทำตัวไม่ถูก แบมแบมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามาร์คพาเขามาที่บ้านและเดินไปที่เคาน์เตอร์ห้องเก็บเครื่องดื่มทำไม
“ยืนบื้อทำอะไร นายไม่อยากรู้หรือไงว่าพี่ชายนายทำอะไรฉันเอาไว้ มานี่”
ดวงตาแข็งกร้าวของมาร์คมองมาที่แบมแบมและกระชากน้ำเสียงดุใส่จนร่างเล็กผวาไปทั้งร่าง ต้องรีบเดินไปหามาร์คอย่างที่เจ้าตัวต้องการ
“รินมันให้ฉัน”
มาร์คคว้าแก้วออกมาตั้งและวางขวดบรั่นดีที่เคาน์เตอร์ แบมแบมงงเล็กน้อยว่ามาร์คมีอารมณ์ดื่มอะไรตอนนี้แถมมือเท้าก็มีเท่ากันกลับมาใช้แบมแบมอีก ส่วนเจ้าตัวกลับนั่งรอให้แบมแบมรินเหล้าให้
“รู้ไหมวันนี้ฉันไปเจอพี่ชายนายมาที่หน้าร้านขายรถเพราะพี่ชายนายต้องไปจ่ายเงินทุกเดือน”
แบมแบมไม่ได้ตอบอะไรนอกจากเดินไปนั่งเก้าอี้ตัวสูงๆข้างมาร์คและมองหน้าอีกฝ่าย แบมแบมไม่ได้ตาฝาดเมื่อเขาจ้องไปในดวงตามาร์คมีวูบหนึ่งที่ดวงตาเข้มกระตุกสั่นไหวเศร้า
“พี่ชายนายเมินฉันแถมบอกว่าไม่อยากเห็นหน้าฉันอีก”
“พี่ชายของผมไม่ใช่คนไร้เหตุผล แสดงว่าคุณไปทำอะไรเขา”
...ปั่ก...
แก้วบรั่นดีที่ถูกรินใส่ครึ่งแก้ววางกระแทกกับเคาน์เตอร์หลังจากมาร์คกระดกมันทีเดียวรวดเล่นเอาแบมแบมสะดุ้งเพราะเขาคงพูดไม่เข้าหู
“ใช่ เพราะฉันเคยจูบพี่ชายนาย”
“นี่คุณ!”
แบมแบมที่กำลังรินบรั่นดีใส่แก้วมาร์คลุกขึ้นเต็มความสูงและชี้หน้าใส่อย่างไม่เกรงกลัว เขาทำร้ายแบมแบมได้ โขกสับยังไงกับแบมแบมก็ได้แต่ไม่ใช่ไปทำร้ายพี่ชายเขาแบบนั้น
“นายคิดว่าตัวเองเป็นใครแบมแบม! นายกล้าดียังไงมาชี้หน้าฉัน?”
มาร์คไม่ได้เมาแต่ก็ยอมรับว่ากรึ่มๆ เล็กน้อยเพราะก่อนเขามาเจอแบมแบมก็อัดแอลกอฮอล์บนรถไปพอสมควร ยิ่งได้ยินเสียงตวาดของคนใต้อาณัติแล้วยิ่งทนไม่ได้
“คุณมันเลว คุณทำร้ายผมยังไงก็ได้แต่ไปยุ่งกับพี่ชายผมทำไม? สมแล้วที่พี่ชายผมไม่รับรักคุณ โอ้ย!”
กรามเล็กของแบมแบมถูกมือหนาบีบซะจนขึ้นสีจัด ใบหน้าของแบมแบมเองก็บิดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวดจากแรงบีบไม่น้อย แต่ดวงตาแข็งกร้าวยังคงจ้องมองไปที่มาร์คอย่างไม่เกรงกลัว
“ปากดี นายมันปากดีเหมือนพี่ชายของนาย ดีเหมือนกันในเมื่อฉันเจ็บกับพี่ชายของนายมากๆ นายเองก็ควรรับความเจ็บนั้นด้วย มานี่!”
นักอ่านสามารถซื้อเป็นหนังสือแบบ E-Book อ่านได้แล้ววันนี้
ในราคาเพียง 200 บาทให้อ่านกันจุใจ
E-Book ประกอบด้วย เนื้อหาตั้งแต่แรกจนจบและตอนพิเศษในเล่มโดยเฉพาะ
ลิ้งค์ซื้อ #แฟนกำมะลอจจ คลิกที่นี่
ลิ้งค์วิธีซื้อ #แฟนกำมะลอจจ คลิกที่นี่
สามารถแสดงความคิดเห็นผ่านทวิต #แฟนกำมะลอจจ
AUTHOR: SNOOKY
FANS PAGE : SECRET SNOOKY FICTION
TWITTER @SKadsakul
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ใจเย็นกันนะคะพ่อออ ฮือออ มารีต่อเลยพี่นุ้ก555
รอๆๆๆๆๆตอนต่อไปจ้า โอ้ยยยยยย ใจบางจิงๆๆๆๆๆจ้า