ตอนที่ 6 : [Rewrite] ย้ายมาอยู่ด้วยกัน 100%
สองขาเรียวเดินลงมาจากบันไดหลังจากวันนี้เขาเรียนคาบบ่ายครบหมดแล้ว ทั้งที่พยายามบ่ายเบี่ยงตัวออกมาตามลำพังจากยูคยอมแท้ๆแต่ว่าเพื่อนรักร่างสูงโปร่งก็ไม่ปล่อยให้แบมแบมเดินลงมารอพี่ชายคนเดียว ห้อยติดตามแบมแบมออกมาที่หน้ามหาวิทยาลัย ทำเอาแบมแบมกระสับกระส่ายไปหมดเพราะคนของคุณมาร์คอะไรนั่นกำลังมารอรับเขาต่างหาก
“เอ่อ ยูคยอมเดี๋ยวนายกลับไปก่อนก็ได้ พี่ฉันบอกว่าอีกสักพักจะถึงน่ะ เกรงใจต้องมารอ”
“เห้ยไม่เป็นไรรอได้ วันนี้ไม่ได้ไปไหนน่ะ อยู่เป็นเพื่อนนายได้ทั้งวัน”
รู้แล้วว่าว่าง แต่แบมแบมนี่สิไม่ว่าง ร่างบางทำสีหน้าลำบากใจเพิ่มขึ้นไปอีก เขาไม่รู้เลยว่าจะกันเพื่อนรักของเขาให้กลับไปก่อนยังไงดี เพราะสายตาเจ้ากรรมดันเหลือบไปเห็นรถคุ้นตาคันเมื่อวานเข้าให้
คนของมาร์คมารอรับเขาแล้ว และไม่รู้ว่าข้างในนั้นจะมีคุณมาร์คอะไรนั่นนั่งอยู่ด้วยหรือเปล่า
“อื้ม ขอบใจนะยูคยอม”
แม้ว่ากำลังกังวลก็ตาม แต่ก็ต้องหันไปขอบใจเพื่อนของเขาแหละนะเพราะมีแค่ยูคยอมคนเดียวที่รักและเป็นห่วงแบมแบมขนาดนี้
“อื้ม วันนี้มีการบ้านหลายอย่างถ้าจะตอบแทนก็...”
“อ่า ว่าแล้วเชียว ฮ่าๆๆ”
แบมแบมแผดเสียงหัวเราะออกมาโดยที่ยูคยอมไม่ต้องพูดให้จบประโยคเขาก็รู้แล้วว่ายูคยอมต้องการให้เขาทำการบ้านและถ่ายลงกาเกามาให้เขาไงล่ะ เพื่อนคนนี้มันร้ายนัก
“ล้อเล่นน่ะ ฉันเป็นห่วงนายจริงๆ นะเว้ยเลยมายืนรอพี่กับนายเนี่ย”
แบมแบมรู้นะว่าเป็นห่วงแต่ขอวันนี้วันเดียวได้ไหมล่ะ ขอวันเดียวให้เขาได้ไปคุยกับคนที่กำลังเดินลงจากรถสีดำคันนั้นก่อน เพราะถ้าเขาเดินมาทางนี้ความคงแตกพอดี แบมแบมกำมือแน่นเมื่อหันไปเห็นมาร์คเดินมาทางนี้
เขาจะทำไงดีตรงนี้คนเยอะเสียด้วย
“ยูคยอมเราว่านายกลับไปก่อนไหม พี่ฉันคงจะยังไม่มา”
แบมแบมพยายามไล่เพื่อนของเขาแทบเป็นแทบตายเมื่อมาร์คเดินเข้ามาจะถึงตัวพวกเขาสองคนแล้ว ในใจของแบมแบมพยายามภาวนาแทบตายว่าอย่าเข้ามามากกว่านี้เลย ออกไปก่อน แต่พอรู้ว่ามาร์คน่ะคงห้ามไม่ได้ เขาเลยหันมากันยูคยอมแทน เขาต้องไล่ยูคยอม
“นายเป็นไรเปล่าเนี่ย ทำไมไล่เราจังหรือว่านัดใครเอาไว้?”
“เห้ยเปล่า ฉันแค่เกรงใจนายน่ะ”
...ครืด...
ยูคยอมทำท่าจะเถียงกลับไปหาแบมแบมอีกครั้งแต่จู่ๆ เสียงสั่นมือถือในมือของยูคยอมก็ดังขึ้นเสียก่อน แบมแบมโล่งอกออกมาทันทีและภาวนาขอให้เป็นครอบครัว เพื่อน พี่รหัสต่างๆ โทร.มานัดยูคยอมให้ไปจากตรงนี้ทีเถอะ
“ฮัลโหลครับ อ๋อครับ”
ยูคยอมพูดไปไม่กี่คำก็เก็บมือถือใส่กระเป๋าตัวเอง แบมแบมเลยหันไปถามเพื่อนรักของเขาด้วยใจที่เต้นแรง ไม่กี่ก้าวมาร์คก็จะมาถึงแล้ว แบมแบมไม่เคยลุ้นอะไรเท่านี้มาก่อนในชีวิต
“แบมแบม ฉันต้องกลับก่อนว่ะพี่รหัสนัดรวมสายอีกละ คืนนี้ไปกินเหล้ากันป่ะ?”
“เอ่อ คงไปไม่ได้หรอก ฉันไม่กินเหล้านายก็รู้”
ยูคยอมพยักหน้าและก็จับบ่าเพื่อนของตัวเองเอาไว้พลางเขย่าแรงๆ
“โตป่านนี้แล้วเราก็ต้องหัดกินไว้บ้าง เพราะว่าถ้าเกิดไปโดนใครมอมเข้าจะแย่นะแบม แต่แล้วแต่อ่ะ ฉันไปก่อน อ้อ...มีอะไรโทรมานะ ฉันเป็นห่วงนายนะเว้ย”
“โอเคนายรีบไปเตรียมตัวเถอะ”
วันนี้ยูคยอมขับรถมา ให้ทายว่าเขาต้องไปที่โรงรถสองซึ่งห่างจากตรงนี้พอสมควร ดังนั้นพอพ้นจากเงาของร่างสูงแล้วแบมแบมถึงได้ถอนหายใจออกมาดังพรืดใหญ่ เขาไม่ต้องอึดอัดแล้ว
“ถอนหายใจอะไร?”
ยังไม่ทันจะหายใจให้โล่งคอดีเสียงคนที่เขาไม่อยากเจอหน้ามากกว่าใครก็ดังขึ้นที่ข้างหูซะแล้ว เมื่อกี้ยังเห็นว่าอยู่ไกลจากเขาอยู่เลย พอยูคยอมไปปุ๊บมาร์คก็เข้ามาแทนที่ปั๊บ ดีนะที่ยูคยอมไปพ้นสายตาแล้ว
“พาผมขึ้นรถไปที่ไหนเงียบๆ ที่ไหนก็ได้ก่อนเถอะครับ เพราะถ้าเพื่อนของผมมาเห็นเข้า ผมต้องแย่แน่ๆ”
แบมแบมหันไปพูดกับมาร์คที่ยิ้มเหมือนคนถือไพ่เหนือกว่าอยู่นั่นแหละ ยิ้มจนน่าหมั่นไส้
“หึ ได้สิแบม ฉันก็ไม่ชอบทำให้ใครลำบากใจอยู่แล้ว”
นี่ขนาดไม่ชอบนะยังตามติดชีวิตเขาขนาดนี้แถมยังขู่บังคับด้วยเรื่องบ้าๆ ให้แบมแบมต้องมารับผิดชอบแทนพี่ชายอย่างยองแจด้วย แถมสิ่งที่ต้องเอามาแลกก็เป็นร่างกายของเขาเองแบบนี้ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ทำให้ลำบากใจเหรอ?
“เป็นเด็กของฉันไม่ใช่ว่าให้มานั่งขรึมหรอกนะแบมแบม ร่างกายของนายน่ะหัดใช้ให้เป็นประโยชน์บ้างฉันจะได้ไม่ไปยุ่งกับพี่ชายนาย”
มาร์คพูดออกมาเมื่อทั้งสองคนนั่งอยู่ที่เบาะหลังของรถคันสีดำของมาร์คเรียบร้อย แต่ร่างกายของแบมแบมกลับนั่งแข็งทื่อและห่างกับมาร์คหนึ่งช่วงตัวได้ เขาไม่มีทางนั่งใกล้มาร์คแน่นอน
“เขยิบมานั่งนี่ ฉันเหนื่อยมากนะที่ต้องปลีกเวลาทำงานมาหานาย ไหนล่ะคำตอบ?”
“คุยกันตรงนี้ก็ได้ครับไม่เห็นจำเป็นต้องนั่งใกล้ และคำตอบคุณก็บังคับให้ผมตอบว่าตกลงอยู่แล้ว ก็ตามนั้นครับ”
แบมแบมพูดแบบหลบตามาร์คโดยหันไปอีกทางเลยไม่เห็นว่ามาร์คกำลังกระตุกมุมปากยิ้มอยู่แค่ไหน ความจริงเขาก็รู้คำตอบอยู่แล้วตามที่แบมแบมว่า แต่มันแค่สะใจเพิ่มขึ้นไปอีกเพราะได้ฟังคนหัวแข็งยอมจำนนต่างหาก
“ถ้าตอบตกลงก็มานั่งนี่ มานั่งตักฉันสิเด็กของฉัน”
แบมแบมเกลียดคำนี้ชะมัดแต่มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขากำลังเป็นเด็กของมาร์คจริงๆ กำลังทำทุกอย่างให้มาร์คพอใจไม่ว่ามาร์คจะขออะไรแบมแบมก็ต้องให้ ซึ่งแบมแบมเกลียด เกลียดทั้งตัวเองและเกลียดอำนาจของมาร์ค เกลียดจนน้ำตากักไว้ไม่อยู่
“ฮึก แบมไม่เอา อย่าเข้ามานะ”
แบมแบมสะดุ้งเอี้ยวตัวหนีเมื่อมือหนาคล้องเข้ามาที่เอวบางและรวบเขาให้เขยิบไปใกล้ มันไม่ใช่แค่นั้นแต่มาร์คกำลังพาน้องนั่งตักด้วยต่างหาก พอได้เห็นน้ำตาของแบมแบมก็ยิ่งสะใจ เพราะถ้ามันเป็นน้ำตาของยองแจก็คงดีไม่น้อย
“ร้องไห้ทำไมกัน? เรียกร้องความสนใจเหรอ?”
“ผมเปล่า! ปล่อยนะคุณ ปล่อย! อื้อ...”
ท่าทางหลีกหนีและหวาดกลัวของแบมแบมกลายเป็นท่าทางเรียกร้องความสนใจตรงไหนคนตัวเล็กก็ยังไม่รู้หรอกนะเพราะมาร์คได้รวบทุกคำพูดของแบมแบมกลืนลงคอของตัวเองไปหมด
จูบที่สองระหว่างมาร์คกับร่างเล็กเกิดขึ้นอีกแล้ว มันเป็นจูบไร้ความเต็มใจแม้ว่ามือน้อยๆ ของแบมแบมจะทุบอกแกร่งแรงแค่ไหน แต่ลิ้นสากยังเอาแต่ใจพยายามล่วงล้ำเข้ามาที่กลีบปากของแบมแบมอยู่เรื่อย
“อย่าทำผมเลย ฮืออ ปล่อยผม”
พอพ้นช่วงให้แบมแบมได้สูดอากาศหายใจคนที่ถูกกระทำรีบร้องขอทันที มือของเขายกขึ้นมาปิดปากตัวเองเพื่อมาร์คจะได้ไม่จูบเขาอีก แต่เปล่าเลยมาร์คกลับก้มลงไปที่สาบเสื้อนักศึกษาของแบมแบมแทน
“คะ คุณจะทำอะไร?”
“ก็ไม่อยากให้แค่จูบไม่ใช่เหรอ? ฉันก็เลยจะสงเคราะห์ให้”
แบมแบมเบิกตากว้าง เขาไม่ได้อยากให้มาร์คจูบไม่ได้อยากให้มาร์คทำอะไรเขาทั้งนั้นแหละ แต่ทำไมเสือหิวกระหายชอบคิดเองเออเองคนนี้ถึงคิดว่าแบมแบมให้ท่า แค่เสื้อมันล่นลงมาเพราะร่างของมาร์คเบียดแท้ๆ
“ไม่นะ อย่า!!”
ร่างเล็กดิ้นพล่านในอ้อมกอดและตักของมาร์คแทบเป็นแทบตายแต่กลับหนีอะไรไม่ได้เลยสักนิด แถมยังรัดแน่นกว่าเดิมด้วย เนินเนื้อไหล่ถูกมาร์คขบกัดและซุกไซร้ไม่อายลูกน้องที่นั่งอยู่ข้างหน้าเลยสักนิดหรือไงกัน
“อย่าทำรอย อย่า”
“อย่าอะไรนักหนาเดี๋ยวเอาเงินให้”
แบมแบมนั่งนิ่งไม่คัดค้านอะไรมาร์คอีกเลย ไม่ใช่เพราะสมยอม แต่เป็นเพราะที่มาร์คพูดต่างหาก เพราะที่เขามาอยู่กับมาร์คที่นี่มันก็เพื่อพี่ชายของเขาไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมมาร์คต้องพูดลดค่าของแบมแบมว่าเอาตัวมาขาย ทั้งที่เขาบังคับมาแท้ๆ
“นิ่งแบบนี้แสดงว่าใช้เงินฟาดหัวก็จบสินะ”
แบมแบมไม่ตอบกลับมาร์คแต่อย่างใด ปล่อยให้เขาเอามือล้วงเข้าไปในสาบเสื้อของตัวเองอยู่อย่างนั้น นาทีนี้มีอะไรให้เสียอีกในเมื่อเสื้อนักศึกษาของแบมแบมหลุดรุ่ยไปหมด เห็นอะไรไปไหนต่อไหนให้มาร์คจ้องผิวขาวนวลไม่วางตาขนาดนั้น
“คุณนี่ดูท่าก็รวยและมีการศึกษาแต่ผมแปลกใจจริงๆ ว่ามันไม่ได้พัฒนาความคิดของคุณเลยเหรอ?”
แบมแบมพูดไปทางหน้าต่างข้างหลังของมาร์คด้วยแววตาเอ่อพร่าไปด้วยน้ำตา เกิดมายี่สิบปีไม่เคยถูกใครหยามศักดิ์ศรีมาก่อนในชีวิต แม้ร่างกายเขาจะอ้อนแอ้นไม่เหมือนชายทั่วไปนักแต่เขาก็ไม่เคยมีประวัติหลับนอนหรือคบกับชายใดมาก่อนเช่นกัน
เรียกได้ว่าใจของแบมแบมก็ชายแท้คนหนึ่ง แต่ที่ลดตัวมาทำอะไรแบบนี้มันก็เพื่อพี่ชายที่เขารัก ทำไมต้องมาเจอผู้ชายอย่างมาร์คพูดจาแบบนี้ใส่ด้วย
“นี่นายว่าฉันเหรอ? กล้าดียังไง!”
“แล้วทีคุณมาว่าผมเหมือนมาขายตัว คุณมีสิทธิ์อะไรไม่ทราบ คุณพาผมมาที่นี่ บังคับให้ทำตามอำนาจของคุณเรื่องพี่ยองแจ ตรงไหนที่ผมเอาตัวมาขาย”
แบมแบมหันมามองมาร์คด้วยน้ำตา เขากักเก็บมันไม่อยู่จริงๆ เมื่อคิดเรื่องของตัวเองว่าทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ ถ้าไม่ใช่ว่ายองแจดีกับเขาและเป็นพี่ที่เสียสละเพื่อแบมแบมมาตลอด แบมแบมสัญญาเลยว่ามาร์คจะไม่มีทางใช้เขาเป็นเครื่องมือได้อย่างนี้แน่นอน
“ตอนนี้คุณได้คำตอบแล้วนี่ครับว่าผมยอมเป็นคนชดใช้แทนพี่ยองแจแล้วแต่คุณจะจัดการ ดังนั้นผมไม่ได้เอาตัวมาเร่ให้คุณ ดังนั้นอย่าเอาเงินมาฟาดหัวผม รีบๆ จัดการให้คุณหายโกรธและปล่อยผมไปซะ!”
แบมแบมยกมือมาปาดน้ำตาลวกๆ ก่อนจะจ้องเข้าไปในดวงตาเหมือนเหยี่ยวเจ้าเล่ห์ของมาร์คก่อนที่ความคิดบ้าๆ จะเข้าหัว
“ฆ่าผมเลยได้ไหม ถ้าผมต้องหลับนอนกับคุณ คุณฆ่าผมเถอะคุณมาร์ค คิดซะว่าผมเป็นตัวแทนพี่ยองแจก็ได้”
มาร์คเงียบไม่ตอบคำถามของร่างบาง เพียงแต่แสยะยิ้มให้ แบมแบมเลยใช้โอกาสตอนมาร์คเผลอผลักร่างของมาร์คออกห่างจากตัว ประจวบเหมาะกับรถติดไฟแดงพอดี เจ้าตัวร่างน้อยเลยรีบเปิดประตูออกจากรถและวิ่งหนีไป ท่ามกลางความตกใจของลูกน้องมาร์ครีบทำท่าจะลงไปตาม
“ไม่ต้องตาม ปล่อยเขาไป”
มาร์คเก็บอารมณ์ขุ่นเคืองเอาไว้ในใจ เมื่อกี้ลูกน้องคงได้ยินที่เด็กนั่นต่อว่าเขาจนหมดแล้วเกิดมาไม่เคยถูกใครฉีกหน้ามาก่อนนอกจากสองพี่น้องนั่น คนพี่ก็แข็งแรงและพูดจาเชือดเฉือน คนน้องก็พูดออกมาด้วยความอ่อนแอและแฝงไปด้วยความเศร้าใจ
“แต่ว่าเขาจะหนี...”
“เขาหนีฉันไม่ได้หรอกพวกนายก็รู้ ให้เขาไปเตรียมตัวเถอะเพราะว่าหลังจากนี้ฉันจะให้พวกนายไปรับเขามาอยู่กับฉัน”
เพราะที่มาร์คยอมปล่อยไปง่ายๆ ไม่ใช่ว่าสิ่งที่แบมแบมพูดทำให้เขาย้อนคิด แต่มันเป็นเพราะว่ายังมีเวลาอีกเยอะที่จะเอาคืนเด็กอย่างแบมแบมให้ไม่กล้าปากดีกับเขาไปอีกนาน
“พี่ยองแจเก็บของจะไปไหนครับนั่น?”
แบมแบมเดินเข้ามาในห้องของเขากับพี่ชายก็ต้องเลิกคิ้วด้วยความสงสัยว่าพี่ยองแจจะหอบของไปไหนจากคอนโด ท่าทางก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรด้วย
“อ้อ พี่ต้องเก็บของบางส่วนไปอยู่บ้านเพื่อนน่ะ เอาไว้ไปนอนตอนที่เลิกงานดึก แต่แบมไม่ต้องห่วงนะ พี่ไม่ได้จะทิ้งให้น้องอยู่คนเดียว”
“เอ่อครับ พูดถึงเรื่องนี้แบมก็มีเรื่องจะคุยกับพี่พอดี”
ยองแจวางเสื้อผ้าที่กำลังยัดลงกระเป๋าบนพื้นและเดินมานั่งคุยกับแบมแบมที่โซฟาใกล้ๆ บริเวณนั้น เรื่องอะไรที่แบมแบมต้องทำหน้าเครียดจนเห็นได้ชัด
“ช่วงนี้แบมมีกิจกรรมที่มหาลัยเยอะมากเลยครับ กลับเย็นอีกแน่ๆ และพี่เองก็ทำงานไม่เป็นเวลา ลำพังจะมารับแบมทุกวันก็เหนื่อยเอา แบมเลยอยากอยู่หอในครับ”
แบมแบมหลบสายตาพี่ชายเพราะกลัวว่าพี่ยองแจของเขาจะเค้นความจริงอะไรต่อและไม่เชื่อที่แบมแบมพูด เพราะก่อนหน้านี้แบมแบมเป็นคนยืนยันเองว่าจะอยู่กับยองแจ
“เรื่องค่าใช้จ่ายไม่ต้องห่วงนะครับ แบมพอมีเงินเก็บอยู่ พี่มีภาระคอนโดอยู่แล้ว”
“เรื่องเงินพี่ไม่ได้ซีเรียสอะไรขนาดนั้น แต่แบมแบมคิดดีแล้วเหรอว่าจะไปอยู่หอใน”
ใช่ เรื่องตามใจน้องสปอยล์น้องนี่ยองแจเก่งนัก ถ้าเป็นเรื่องอะไรก็ตามที่แบมแบมขอและไม่หนักเหนือบ่ากว่าแรง ยองแจพร้อมให้แบมแบมอยู่แล้ว
“คิดดีแล้วครับ แบมว่ามันจะปลอดภัยกับแบมด้วย วันไหนที่พี่มารับไม่ได้แบมจะได้นอนหอในไม่ต้องกลับเองให้พี่เป็นห่วง”
คิดดีสิ แบมแบมทบทวนเรื่องนี้ตั้งแต่เดินมาขึ้นรถประจำทางหลังจากกระโดดลงจากรถมาร์คได้ก็คิดมาตลอดว่า มาร์คต้องให้เขาไปอยู่ด้วยอย่างที่เคยว่าเอาไว้แน่ๆ พูดเอาไว้เนิ่นๆ ก็ดีจะได้ไม่ดูน่าสงสัยถ้าต้องปุบปับไป
“จะไปวันไหนล่ะ?”
“เอ๊ะ? พี่ยองแจยอมให้แบมไปนอนหอในเหรอครับ?”
ยองแจพยักหน้าช้าๆ ไม่ใช่ว่าเขาเต็มใจให้น้องไปหรอก แต่ก็กลัวเรื่องตัวเองจะแดงขึ้นมาเหมือนกัน ถ้าแบมแบมไม่ค่อยอยู่คอนโดเขาจะได้ไม่ต้องระวังเรื่องแจ็คสัน ยองแจมั่นใจว่าต่อจากนี้มันต้องวุ่นวายมากแน่ๆ แจ็คสันต้องเข้ามาในชีวิตเขามากกว่าเดิม
“อืม พี่ว่ามันก็จริงอย่างที่แบมว่า พี่เลิกงานไม่เป็นเวลา แบมกลับบ้านเองก็เป็นห่วง”
“โอเคครับ เดี๋ยวแบมไปติดต่อเรื่องหอในแล้วจะมาบอกพี่นะ เรื่องค่าใช้จ่ายไม่เป็นไรจริงๆ ครับ”
“เอาหน่า น้องคนเดียวดูแลไม่ได้จะมีพี่ไปทำไม”
มือบางลูบไปที่กลุ่มผมของน้องชาย นัยน์ตาของแบมแบมเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาใสกลิ้งไปมาจนต้องหลบไปอีกทาง แสร้งทำเป็นหัวเราะอ้างว่าตัวเองไม่ใช่เด็กอีกแล้ว แบมแบมคิดไม่ผิดจริงๆ ที่จะเอาชีวิตตัวเองไปเล่นกับเรื่องบ้าๆ
เรื่องความแค้นโง่เขลาของมาร์คนั่นน่ะ แบมแบมคิดว่าตัวเองเอาตัวไปผูกกับมันน่ะดีแล้ว ถ้าให้คนดีๆ อย่างพี่ยองแจของเขาไปยุ่งด้วยจะมีน้องชายไว้ทำไมกัน ในเมื่อเขาสามารถทำให้ยองแจไม่ต้องลำบากกว่าเดิม
ต่างคนต่างทำเพื่อกันเพราะคิดว่าจะไม่มีใครเดือดร้อนนอกจากตัวเอง
Youngjae’s Part
เวลาเกือบเก้าโมงเช้าตามเวลานัดของแจ็คสันที่โทร.มาหาผมตั้งแต่เมื่อคืน ก่อนที่ผมจะออกมาเก็บกระเป๋าต่อหน้าแบมแบมนั่นแหละ ตอนเช้าเขาก็ส่งคนมารับผมจริงๆ อย่างที่บอกเอาไว้จนตอนนี้ผมก็มาถึงคอนโดแจ็คสันแล้ว
“เห้อดี ไปทำงานซะนะ เลิกสักเที่ยงคืนไปเลยไม่อยากเห็นขี้หน้า”
ผมเดินเข้ามาในคอนโดพอเห็นรูปของแจ็คสันที่แขวนเอาไว้แล้วก็รู้สึกหมั่นไส้อยากจะกระชากมากระทืบให้รู้แล้วรู้รอด
“ทำหน้าขรึมเหมือนชีวิตนี้ไม่รู้จักคำว่ายิ้มอยู่ได้ มีความสุขบ้างไหมเราอ่ะ ทำแต่เรื่องบ้าๆ”
ผมเบะปากมองบนใส่รูปของแจ็คสันและเมินหน้าหนี ไม่เห็นหน้าแจ็คสันในคอนโดแต่ยังต้องมาเห็นรูปที่ติดเอาไว้ อารมณ์เสียชะมัดเลยลากกระเป๋าของตัวเองมาหน้าห้องที่บอดี้การ์ดแจ็คสันบอกเอาไว้
“เห้อๆๆ นี่ฉันต้องมาอยู่ที่นี่จริงๆ เหรอเนี่ย”
ก็บ่นไปอย่างนั้นแหละ หลีกหนีอะไรได้ไหมล่ะนอกจากต้องทำให้แจ็คสันมันถีบผมไปไกลๆ แผนที่คิดมาได้ก็ทุเรศตัวเองเกินทน แต่มันก็ดูว่าจะเป็นทางเดียวที่จะทำให้แจ็คสันปล่อยผมสองคนพี่น้องไป
“รีบๆ จัดของดีกว่า ต้องไปจ่ายค่ารถอีก”
ผมบ่นพึมพำออกมาเพราะวันนี้เป็นวันนัดจ่ายรถพอดี รีบๆ จัดของจะได้ไปจากที่นี่เร็วๆ ดีกว่า จะว่าไปห้องที่แจ็คสันให้มาอยู่ก็กว้างเหมือนกัน มีของครบไปหมด ดูๆ แล้วเฟอร์นิเจอร์ในห้องนี่ก็แพงมากแน่ๆ ดังนั้นผมต้องระวังไม่ให้อะไรพังหรือตกแตกเป็นอันขาด
รำคาญถ้าต้องมาชดใช้อะไรหมอนั่นอีก
“ห้องอะไรวะตกแต่งสีขาวดำเชียว มันต้องโมเดิร์นหน่อยสิ อ่า วันนี้ไปเดินห้างซื้อผ้าปูสีน้ำตาลดีกว่า”
ผมเอามือลูบคางและรื้อเสื้อผ้าส่วนหนึ่งที่เอามาจากคอนโดตัวเองยัดเรียงใส่ตู้เสื้อผ้าก่อนจะเอารูปตัวเองมาตั้งตรงหัวเตียงปัดรังควานรูปที่มันติดอยู่หน้าห้องเมื่อกี้นี้ อยากจะเอาน้ำมาล้างตาเสียจริง คิดว่าหล่อมากหรือไงเอารูปตัวเองมาติดขนาดนั้น
และสิ่งที่ขาดไม่ได้...ความจริงก็ไม่ได้อยากเอามาแต่แบมแบมน่ะสิ
“พี่ยองแจอย่าลืมเอาเจ้าซูดัลไปด้วยนะครับ แบมอุตส่าห์ซื้อมาให้สองตัว เอาไปตัวนึงจะได้ไม่เหงา”
นั่นแหละคือสาเหตุที่เจ้าตุ๊กตานากโง่ๆ สีน้ำตาลเข้มมาอยู่ในกระเป๋าเดินทางของผม อืม ความจริงมันก็น่ารักอย่างที่แบมแบมเลือกมาให้เป็นของขวัญวันเกิดนั่นแหละ แต่มันจะดูมุ้งมิ้งไปนะ
“เอางี้ อย่าให้แจ็คสันเขาเห็นเด็ดขาด เจ้าหมอนั่นความคิดพิลึกคนอยู่ด้วย”
ตอนนี้ผมจัดการเอาของตัวเองจัดวางที่ห้องเรียบร้อยหมดแล้วเลยออกมาเดินเล่นข้างนอก สำรวจนั่นนี่ไปเรื่อยๆ จนมาถึงห้องครัวที่เหมือนคอนโดผมก็มี แต่เพียงผมไม่ค่อยได้แตะมันนอกจากต้มรามยอน อย่างอื่นผมทำเป็นซะที่ไหน ไข่เจียวทอดยังไหม้ ขนมปังปิ้งแล้วยังดำปี๋
“แจ็คสันก็คงทำไม่เป็นเหมือนกันนั่นแหละ จะมีไว้ทำไมครัวน่ะ”
ผมเปิดตู้เย็นหาน้ำหวังจะมาดื่มสักหน่อย แต่ตาต้องเลิกขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อสิ่งที่ผมเห็นในตู้เย็นมันต่างจากของผมลิบลับ อย่างเช่นเหล้าเบียร์ไม่มีเลยน่ะสิ มีแต่น้ำผลไม้ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ อะไรจะเฮลตี้ขนาดนั้นอ่ะพ่อคู้ณณณณณ
ผมเลยหยิบน้ำเปล่ามารินใส่แก้วให้จบๆ จะได้ไปข้างนอก
“คุณยองแจจะไปไหนครับ?”
นี่ผมเปิดประตูออกมาไม่ทันไรบอดี้การ์ดของแจ็คสันก็เริ่มตั้งคำถามกับผมซะแล้ว ผมมาอยู่ที่นี่ในฐานะนักโทษเหรอ ไม่เข้าใจ
“ไปทำธุระ จะตามไปด้วยไหมล่ะ?”
“เอ่อ...ไม่หรอกครับ ทางเราแค่ถามเอาไว้เพราะหกโมงเย็นคุณแจ็คสันจะกลับมาที่นี่ กลัวว่าท่านไม่เห็นคุณแล้วจะมีคำถามเลยถามเอาไว้ครับ”
ผมพยักหน้าไปอย่างนั้นแหละ คนอย่างแจ็คสันจะมาใส่ใจเรื่องอะไรของผม แต่ช่างเถอะบอกๆ ไปแค่นี้ไม่ถึงตายหรอกเลยเดินออกมาเมื่อตอบคำถามจบแล้ว พร้อมทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยว่าไม่เกินสองทุ่มจะกลับมาละกัน
“เห้อ รำคาญชีวิตแบบนี้ชะมัด เหมือนมาทำงานและเป็นผัวแจ็คสันมันน่ะ ต้องรายงานตลอดเลยหรือไง”
ผมขับรถออกมาข้างนอกอย่างเหวี่ยงๆ ตัวเอง ทำนั่นทำนี่ไปหมดแล้วไม่ว่าจะจ่ายค่ารถ ซื้อผ้าปูเตียง ก็ต้องรีบกลับมาที่คอนโดเพราะลืมล็อกห้องนอนตัวเอง ถ้าคนพิลึกนั่นมันเดินเข้าไปในห้องละก็...
“ไอ้นากซูดัลลลล!!”
ไม่น่าเอามาด้วยที่สุด นั่นคือความลับขั้นสุดยอดยิ่งกว่าอาชีพที่ผมทำอีก กับแจ็คสันน่ะต้องเหยียบเรื่องตุ๊กตานากรุ่นหายากเอาไว้ให้มิด
“อะ อ้าวคุณยองแจกลับมาพอดีเลย เมื่อกี้คุณแจ็คสันถามหาอยู่น่ะครับ”
บอดี้การ์ดพูดกับผมที่เดินเร็วๆ จนมาถึงประตูหน้าห้อง มือไม้หอบของพะรุงพะรังมาเต็มที่ขนาดนี้ก็เปิดประตูให้มันเร็วๆ หน่อยไม่ได้หรือไง
“เขากลับมาแล้วเหรอ?”
“ครับ สักพักใหญ่ๆ แล้ว ดีที่คุณกลับมาพอดีเห็นท่านถามถึงอยู่”
ผมพยักหน้าส่งๆ ไปและเดินเข้าห้อง ป่านนี้เขาจะเห็นซูดัลของผมหรือยังนะ ไม่ได้ๆ ต้องรีบกว่านี้ต้องเดินเร็วกว่านี้
“อย่านะอย่าเพิ่งเห็น”
ผมเดินไปถึงห้องนอนตัวเองและเปิดประตูเข้าไป เห้อ โชคดีของเราที่แจ็คสันยังไม่น่าจะเห็นเพราะซูดัลยังวางอยู่ที่เดิม คนอย่างเขาคงไม่วางไว้แบบนี้หรอก น่าจะยกมาหัวเราะใส่หน้าผมมากกว่า
...ก๊อกๆๆ...
กลับมานั่งไม่ทันตูดถึงเตียงเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ไม่ต้องทายเลยว่าเป็นฝีมือของใครถ้าไม่ใช่แจ็คสันเจ้าของคอนโดนี้ ทำไมมีอะไรอีกละนั่น
“ยองแจนายลืมของเอาไว้ มาเอาก่อนที่ฉันจะเหวี่ยงมันลงถังขยะ”
“ห้ะ? ลืมไรไว้วะเนี่ย”
ผมจำใจเดินไปเปิดประตูอย่างรีบๆ ผมไปลืมอะไรเอาไว้อ่ะ
“อ่ะ อะไรกันใส่ไซส์เล็กชะมัด ดูท่าแล้วก็คงจะเล็กเหมือนไอ้นี่แหละ เหอะๆ”
ซวยยิ่งกว่าเขาเปิดประตูห้องมาเห็นซูดัลเสียอีก เพราะของที่ผมลืม ไม่สิ คงน่าจะทำตกเอาไว้ตอนลากกระเป๋ามาอย่างกางเกงในมันเด่นหราตรงหน้าผมขนาดนี้ มันจะไม่อะไรเลยถ้าแจ็คสันไม่ใช่คนเอามาให้ผมและทำหน้าล้อเลียนผ่านหน้าเย็นชานั่น
“เออ ผมใส่ไซส์แค่นี้จะทำไม? ไม่รู้จักไซส์คนซ่อนรูปเหรอไง”
ผมรีบคว้ากางเกงในมาใส่ในมือทันที คนอะไรเดินถือกางเกงในของคนอื่นมาหน้าตาเฉย ดีนะที่กางเกงในสีขาวตัวนี้มันเพิ่งซื้อมายังไม่ได้ใส่ ไม่อย่างนั้นขอบยางย้วยๆ อายเขาพอดี
“อะไรของคุณ เอาของมาให้แล้วก็กลับห้องไปสิ นี่คุณ...บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้ผมมาอยู่ที่นี่แต่จะไม่เข้ามาในห้องของผม!”
“เปลี่ยนใจแล้วล่ะ ที่นี่มันก็คอนโดของฉันทำไมจะเข้ามาที่ห้องนายไม่ได้ ยองแจ...”
เป็นเพราะผมไม่ทันตั้งตัวและแจ็คสันเองก็เร็วกว่าผมมาก เพราะไม่ทันไรร่างหนาของเขาก็เข้ามาในห้องผมแล้ว ผมเบิกตาโตเพราะเขาเข้ามาใกล้...ใกล้ไอ้ซูดัล
“ฮ่าๆ นี่อะไรของนายเนี่ย โตป่านนี้แล้วยังกอดตุ๊กตานอนอีกเหรอ และนี่อะไร...ตัวนาก? ฮ่าๆๆ”
ผมรีบคว้าตุ๊กตานากที่แบมแบมซื้อให้จากมือแจ็คสันเข้าหาตัวทันที เขาน่าจะสะใจและตลกมากสินะถึงได้หัวเราะท้องคัดท้องแข็งขนาดนี้ ว่าแต่คนอย่างหมอนี่หัวเราะเป็นด้วยเหรอ นึกว่าจะทำได้แต่ขมวดคิ้วทำหน้ายุ่งๆ
“นี่คุณรู้จักคำว่ามารยาทไหมเนี่ย เข้ามาในห้องคนอื่นพลการแบบนี้ยังมายุ่งกับของๆ คนอื่นอีก”
ผมนี่ฉุนเลยนะ เกิดมาไม่เคยเจอคนไร้มารยาทขนาดนี้มาก่อน นอกจากจะเข้าห้องมาโดยไม่ขอแล้วยังทำแบบนี้อีก
“ขอโทษนะที่นี่คอนโดฉัน”
“อ๋อครับ ถ้าอย่างนั้นให้ผมไปนอนคอนโดตัวเองได้ไหมล่ะจะได้เป็นคอนโดของคุณคนเดียว”
ผมรำคาญจริงๆ นะที่เอะอะก็คอนโดเขาๆ ทั้งที่ตัวเองบังคับให้มาที่นี่แท้ๆ ถามว่าอยากมาไหมก็ไม่ยังจะมาพูดอยู่ได้ว่าที่นี่ของเขา งั้นก็อยู่ไปคนเดียวสิผมจะกลับ
“แล้วแต่นาย อยากกลับก็ได้เพราะฉันมีคนมาอยู่แทนนายแน่ๆ”
มือที่กำลังเก็บเสื้อผ้าในตู้รวบกำแน่นเมื่อฟังเขาพูดจบ มันจะเป็นใครไปได้คนที่จะมาอยู่แทนผมน่ะ ถ้าไม่ใช่แบมแบม เขายกเรื่องนี้มาขู่อีกแล้ว
“นี่คุณ โอเค คุณต้องการแบบนี้ใช่ไหม? ถ้าคุณอยากให้ผมอยู่ใต้อาณัติของคุณละก็ออกไปจากห้องผมซะ ไม่อย่างนั้นผมจะจูบคุณ”
ผมสาวเท้าเข้าไปใกล้แจ็คสันมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่ใจของตัวเองก็เต้นไม่เป็นจังหวะ เกิดมาไม่เคยต้องมาขู่บ้าๆ แบบนี้ แต่ดูท่าว่ามันจะได้ผลไม่น้อยเพราะผมก้าวขาข้างหนึ่ง แจ็คสันก็ถอยหลังก้าวหนึ่งเหมือนกัน
“ถ้าคุณกลัวก็กลับไปซะนะ ไม่อย่างนั้น...ผมจูบคุณแน่”
ผมหรี่ตาเล็กน้อยและดันร่างของแจ็คสันไปจนถึงผนังด้านหลัง แขนข้างหนึ่งของผมใช้ยันตัวเองกับผนังนั่นและเอาหน้าเฉียดเข้าไปใกล้ข้างหูของแจ็คสันพร้อมส่งเสียงกระซิบไปใกล้ใบหูอีกฝ่าย
“ถ้าคุณยังไม่กลับไป ผมอาจไม่หยุดที่จูบ”
รอยยิ้มของผมแสยะใส่แจ็คสันเหมือนคนถือไพ่เหนือกว่าและถอยหลังเอาตัวเองออกมา แค่นี้ความสะใจก็เพิ่มไปถึงร้อยแล้ว ดูหน้าของแจ็คสันสิ คงจะกลัวผมไปถึงไหนต่อไหน
เสียงฝีเท้าของแจ็คสันขยับแล้ว ป่านนี้คงคิดได้ว่าต้องออกไปจากห้องผมสินะ
“นะ นี่คุณจะทำอะไร ออกไปนะ”
แต่ไม่ใช่เลยตอนนี้เขาสาวเท้าเข้ามาใกล้ผมต่างหากและกำลังไล่ต้อนผมไปที่เตียง ซวยแล้วเมื่อขาของผมชนกับขาเตียงและล้มลงไป เขาไม่หยุดสาวเท้าเข้ามานั่นทำให้ผมต้องเขยิบถอยห่างใช้หลังถูกกับเตียงเพื่อหนีเขา
“เอ้า เมื่อกี้ยังปากเก่งเลยว่าถ้าไม่ออกไปจะจูบไม่ใช่เหรอ เอาสิจูบสิ”
ไม่พอแค่นั้นเขาเอาตัวเองคร่อมร่างของผมที่นอนอยู่บนเตียง ถ้าเขาแค่นอนคร่อมจะไม่อะไรแต่นี่หน้าของเขาเคลื่อนมาใกล้หน้าผมจนต้องเอียงหนี
สุดท้ายผมติดกับดักที่ตัวเองสร้างเอาไว้ เขาไม่ตกหลุมพรางแต่เป็นผมเองนี่แหละที่ตกหลุมพรางที่ตัวเองขุดเอาไว้เอง
“หันหน้ามาคุยดีๆ สิคนเก่ง ทำไมไม่จูบล่ะ หรือว่าจะให้ฉันเริ่มก่อน”
“ออกไปได้แล้วไม่จูบอะไรทั้งนั้น ออกไปให้ห่างเลยนะ อื้อ”
ตารีเบิกกว้างเมื่อเขาจับหน้าของผมให้หันมาดีๆ และบดริมฝีปากลงมาแนบชิดจนความอุ่นชื้นของสองริมฝีปากบรรจบกันแนบแน่น มือที่เคยกุมผืนเตียงยกขึ้นมาดันอกของแจ็คสันให้ออกห่างก่อนจะขยุมเสื้อของเขาจนยับ
“อืม”
จะมาส่งเสียงพอใจอะไรแถวนี้ บ้าไปแล้วหรือไงผมเป็นผู้ชายนะเขาจะมาพอใจและเกลี่ยริมฝีปากของผมด้วยลิ้นไม่ได้ บ้าจริงเหมือนเป็นแม่เหล็กอะไรสักอย่างดึงดูดให้ผมติดไปกับจูบนั้น
“หึ แบบนี้ต่างหากที่เรียกว่าคนจริงไม่ใช่ปากเก่งเอาแต่ขู่ว่าจะจูบ”
ผมกัดริมฝีปากตัวเองแน่นเมื่อคนแพ้คือผมเอง เขาตอกย้ำผมด้วยริมฝีปากขยับห่างจากริมฝีปากของผมไม่ถึงคืบ ไหนจะแสยะยิ้มเยาะเย้ยนั่นอีก
“คุณนี่มันเป็นคนยังไงกันวะ ห้ะ!”
ผมขว้างหมอนที่อยู่ใกล้ตัวตามแผ่นหลังนายจ้างของผมอย่างอวดดี นาทีนี้ไม่ต้องคิดถึงเรื่องนายจ้างลูกจ้างอะไรแล้ว เพราะเมื่อกี้ผมไม่ต่อยปากแตกก็บุญแค่ไหน โถ่เว้ย แผนขู่ว่าจะจูบมันใช้ไม่ได้ผลแล้ว นอกจากเขาไม่กลัวสุดท้ายผมเองนี่แหละโดนเอง
“คอยดูนะว่าคุณกับผมต้องเจออะไรที่มากกว่านี้”
คำว่าทำงานโดยไม่เปลืองตัวถูกตัดออกไปจากสมองหมดแล้ว ต่อจากนี้ไม่เขาก็ผมที่ต้องมีใครสักคนที่แพ้ ผมจะทำทุกอย่างให้น้องชายและตัวเองพ้นจากเรื่องบ้าๆ นี่
End Youngjae’s Part
นักอ่านสามารถซื้อเป็นหนังสือแบบ E-Book อ่านได้แล้ววันนี้
ในราคาเพียง 200 บาทให้อ่านกันจุใจ
E-Book ประกอบด้วย เนื้อหาตั้งแต่แรกจนจบและตอนพิเศษในเล่มโดยเฉพาะ
ลิ้งค์ซื้อ #แฟนกำมะลอจจ คลิกที่นี่
ลิ้งค์วิธีซื้อ #แฟนกำมะลอจจ คลิกที่นี่
สามารถแสดงความคิดเห็นผ่านทวิต #แฟนกำมะลอจจ
AUTHOR: SNOOKY
FANS PAGE : SECRET SNOOKY FICTION
TWITTER @SKadsakul
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ยองแจก็ด้วย พากันหนีไปให้หมดดด พี่น้องบ้านนี้มันร้าย5555555555