ตอนที่ 4 : [Rewrite] จูบและข่มขู่ 100%
ผมก้มหน้าก้มตาพยักหน้าเหมือนรู้เรื่องไปนั่นแหละ ไม่นานนักความเงียบก็ปกคลุมเราจนกระทั่งอาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะ และก็มีบอดี้การ์ดของแจ็คสันเดินเข้ามากระซิบที่ข้างหูของคนตรงข้าม
“อืม มาแล้วเหรอ?”
บอดี้การ์ดคนนั้นพยักหน้าและเดินกลับไป ทำไมแจ็คสันต้องทำเหมือนรอใครบางคนมาที่นี่อยู่อย่างไงอย่างนั้น แต่ช่างเถอะผมไม่มีสิทธิ์ไปรับรู้ด้วยสักหน่อย
“คนที่ฉันอยากแนะนำให้รู้จักเขากำลังมาแล้ว หวังว่านายจะมืออาชีพพอนะยองแจ อย่าให้แผนหลุดเด็ดขาด”
“ครับ เชื่อใจผมเถอะ”
ผมพยักหน้าและยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มเพื่อเรียกขวัญกำลังใจ ดูท่าคนที่กำลังมาคงสำคัญพอตัวที่ต้องลงทุนจ้างผมมาขนาดนี้ สาวที่ไหนตามตื๊อหรือไง
“นั่น...”
ดวงตารีของผมเบิกออกกว้างเมื่อคนที่เดินเข้ามาคุ้นตาไปหมด ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหรือหน้าตาทุกคนที่เป็นลูกน้องของแจ็คสันกำลังก้มหัวให้เขา ให้คนที่ชื่อมาร์ค...ผู้ชายที่ตามจีบผมเป็นแรมปี
เขามาที่นี่ทำไม?
“สวัสดีมาร์ค ไม่คิดว่านายจะมาทานอาหารที่นี่นะ นี่ยองแจแฟนของฉันและนี่มาร์คพี่ชายแมงดา เอ้ย พี่ชายคนละแม่ของฉัน ทำความรู้จักกันไว้นะ”
แจ็คสันหันไปทักทายมาร์คที่เดินเข้ามาเหมือนว่าไม่ได้นัดแนะแจ็คสันมาก่อน ช่างเป็นความบังเอิญแต่แววตาของแจ็คสันมันกลับไม่ได้เป็นเรื่องน่าแปลกใจ ใช่แล้วเขาต้องเตรียมการมาอย่างดีก่อนหน้านี้แล้วจริงๆ
“ยองแจ...?”
มาร์คกลืนน้ำลายลงคอดังเอือกใหญ่และจ้องมองมาที่ผม นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยคำถามมากมาย ผมเองก็เช่นกันผมหันไปมองแจ็คสันที่มองมาทางผมไม่ต่างที่มาร์คมองมา รอยยิ้มร้ายกระตุกขึ้นเพื่อหวังให้ผมทำเรื่องน่าอึดอัดใจ
“นายมาที่นี่ได้ยังไงยองแจ? นายกับมันคบกันหรอกเหรอ อย่าบอกนะว่าคนที่นายคบด้วยคือมัน?”
เสียงของมาร์คแข็งกร้าว ถ้าผมเรียงเรื่องราวถูกต้องคือมาร์คเป็นพี่ชายของหมอนี่หรอกเหรอ แต่ทำไมพวกเขาหน้าตาถึงไม่มีความเหมือนกันสักนิด แถมดูท่าจะจงเกลียดจงชังกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน
“เอ่อ ครับ พี่แจ็คสันแฟนของผมเอง ถ้าคุณรู้แล้วก็เลิกยุ่งกับผมเสียที ผมมีเจ้าของแล้ว”
เอาวะ เล่นไปตามเรื่องให้มันจบๆ เรื่องสำมะโนครัวใครผมเอาไว้อยากรู้ทีหลัง ตอนนี้น้ำขึ้นก็รีบตักเอาไว้ก่อน ดีเหมือนกันใช้
แจ็คสันเป็นไม้กันหมา
“นี่รู้จักกันก่อนหรอกเหรอยองแจ ทำไมพี่ไม่รู้มาก่อนเลยว่าน้องรู้จักกับพี่ชายของพี่”
แสลงหูชะมัดแต่ก็ต้องหันมายิ้มและเอามือแตะไปที่มือของแจ็คสันเพื่อทำการอธิบาย
“ขอโทษนะครับพี่เองก็ไม่เคยบอกนี่นาว่ามีพี่ชาย ยองแจเลยไม่รู้ว่าพี่สองคนรู้จักกัน พอดีมาร์คเขาตามจีบผมมานานแล้ว ก่อนหน้าที่ยองแจจะรู้จักพี่ซะอีก”
“อ๋อ นี่นายตามจีบแฟนฉันอยู่เหรอวะ ถ้าอย่างนั้นเสียใจด้วยนะที่เขาเป็นแฟนของฉัน”
อะไรกัน ภายใต้รอยยิ้มที่เคลือบไปด้วยชัยชนะ ถ้าหากผมเดาถูกสองคนนี้ไม่ชอบกันและแจ็คสันเองก็รู้อยู่ก่อนหน้านี้แล้วด้วยว่ามาร์คกำลังชอบผมอยู่ และที่จ้างผมมานี่มันก็....
“โอ๊ย!”
“ตามฉันมานี่ยองแจ ฉันไม่ฟังหมามันเห่า!”
ร่างทั้งร่างของผมถูกมาร์คกระชากให้ลุกขึ้นและกึ่งจูงกึ่งลากไปที่ข้างนอก ผมตกใจจนยั้งตัวเองไม่ทันเพราะว่าตั้งแต่เห็นมาร์คมา เขาไม่เคยแสดงอาการโกรธจนตัวสั่นขนาดนี้มาก่อน
...พลั่ก!...
“ยองแจ อธิบายฉันมาเดี๋ยวนี้นะ ที่นายไม่รับรักฉันเพราะนายคบกับมันอย่างนั้นเหรอ? ฉันมันไม่ดีตรงไหนถึงคว้าอสรพิษนั่นเป็นแฟน”
แผ่นหลังของผมกระทบเข้ากับผนังในมุมข้างๆ ห้องอาหารอย่างแรง นั่นเป็นเพราะคนตรงหน้ากำลังโกรธและคาดคั้นคำตอบผมให้ได้ ไม่ใช่เพียงแค่หลังที่กำลังเจ็บ บ่าของผมที่ถูกมาร์คบีบทั้งสองข้างเพื่อยันให้ติดกำแพงก็กำลังเจ็บเหมือนกัน
“ผมเจ็บนะคุณมาร์ค ทำไมผมต้องตอบคุณด้วย เราสนิทกันอย่างนั้นเหรอ มันก็มีแต่คุณที่ตามจีบผม แล้วยังไงผมจะคบกับใครมันก็เรื่องของผม”
เขาไม่สมควรมาแสดงอาการแบบนี้กับผมจริงๆ แม้ว่ากำลังตกใจหรือโกรธอยู่ก็ตาม แต่อย่าลืมว่าผมไม่เคยเลยสักครั้งที่จะทำให้เขาคิดว่าผมชอบเขาและเล่นด้วย
“มันเป็นน้องชายที่เกลียดฉัน และฉันเองก็เกลียดมันเต็มทน ทำไมเหรอ ห้ะ? หรือว่าฉันดูง่อยกว่ามันตรงไหน มันลีลาดีเหรอไง”
“มันจะไม่ใช่แล้วนะคุณ เลิกหยาบคายกับผมเสียที ผมไม่ใช่คนของคุณ ปล่อย!”
“ฉันชอบนายมากยองแจ ฉันสามารถให้นายได้ทุกอย่าง ทำไมต้องเป็นมัน ทำไม?”
เสียงของคนตรงหน้ากำลังเค้นสุดเสียงเพื่อสกัดกั้นอารมณ์ร้ายเอาไว้ ตลอดมาผมมองว่าเขาเป็นคนใจเย็นและอารมณ์ดีมาตลอด แต่ไม่ใช่เลยเพราะเขาเองก็คงไม่ต่างจากน้องชายของเขา เอาแต่ใจเหมือนกัน
“นั่นมันเป็นเพราะผมไม่ได้ชอบ...อื้อ!”
ไม่ทันพูดหมดคำ กลีบปากหยักก็ทาบลงมาที่กลีบปากของผมก่อนที่จะบดขยี้มันราวกับให้แหลกเป็นผุยผง ความตกใจทำให้เผลออ้าปากออกเพื่อท้วงและผลักไสคนข้างหน้า แต่เปล่าเลยมันคือโอกาสของมาร์คที่จะสอดลิ้นเข้ามากวาดต้อนลิ้นของผมให้จนมุม
“อ่อย!”
ตะโกนออกไปอย่างสุดเสียงแม้ว่ามันจะก้องในลำคอของผมก็ตามที แต่ได้โปรดเถอะ ได้โปรดออกไปสักที มันขยะแขยง มันน่ารังเกียจเพราะผมไม่เคยจูบกับผู้ชายมาก่อน
“ทำไมไม่ใช่ฉันยองแจ!”
มาร์คยอมปล่อยปากของผมให้เป็นอิสระยกเว้นมือทั้งสองข้างของผมที่เขากำรวบมันเอาไว้ด้วยกันแน่นจนไม่สามารถยกขึ้นมาผลักไสได้อีก ทำเพียงแค่ดิ้นทุรนทุรายด้วยอารมณ์เดือดพล่านในอ้อมกอดของเขา ปากหยัดทำท่าจะโน้มมาจูบผมอีกรอบ แม้ใบหน้าจะเอียงเท่าไหร่ก็ตามผมก็หลุดพ้นไม่ได้จริงๆ
“อื้อ!”
ปากของผมถูกมาร์คครอบครองอีกรอบ แต่คราวนี้มันฝาดไปด้วยกลิ่นเลือด ป่านนี้ปากที่ค่อนข้างบอบบางและแตกง่ายคงเป็นแผลไปแล้วแน่ๆ ใครก็ได้เอาคนบ้าเลือดนี้ออกไปจากผมที ขอล่ะ เอาเขาออกไป
“มาร์ค เห้ย ทำไรวะ!”
...พลั่ก!!...
เสียงกระชากมาร์คไปจากร่างของผมเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาก่อนที่ผมจะเห็นใบหน้าคมหันไปตามแรงต่อยจากคนที่ผมเพิ่งตกลงเป็นผู้ว่าจ้างหมาดๆ แจ็คสันพุ่งตรงเข้ามากระชากมาร์คออกไปและต่อยเข้าเต็มแรง ร่างของมาร์คเซไปอีกทาง
“ฉันถามว่าทำบ้าอะไรของนายวะมาร์ค นายทำแบบนี้กับแฟนฉันได้ยังไง!”
ตัวของผมถูกแจ็คสันดึงเข้าไปกอดแนบร่างแกร่ง มือไม้ของผมสั่นไปหมดด้วยความโกรธปนความตกใจ เกิดมายี่สิบกว่าปีผมไม่เคยโดนผู้ชายทำแบบนี้มาก่อน มือเล็กเกาะเกี่ยวสูทหนาของแจ็คสันเอาไว้แน่นไม่ปล่อยและมันกำลังสั่นเทารวมถึงร่างของผมกับเขาไม่ต่างกัน
“ทำไมจะทำไม่ได้ในเมื่อฉันเล็งเขามาก่อนหน้านายเสียอีก แจ็คสันนายรู้ใช่ไหมว่าฉันชอบยองแจนายเลยแย่งเขาไปจากฉัน ไอ้เลว!”
“เลิกพล่ามไร้สาระสักที แต่ก็เถอะยังไงฉันก็ตัดหน้านายได้ละกัน ยองแจเป็นของฉันนายไม่มีสิทธิ์”
เสียงแข็งกร้าวและคำพูดของเขามันหนักแน่น รวมถึงมันช่างแนบเนียนเสียจนผมคิดว่าเขาเป็นแฟนหนุ่มของผมจริงๆ ทั้งสีหน้าท่าทางดูเหมือนเขารักใคร่และหวงแหนผมแบบนั้น บางทีผมก็แอบทึ่งในฝีมือของเขา
เป็นนักธุรกิจหรือนักแสดงเนี่ย
“ฉันจะมาทวงสิทธิ์ของฉันคืนนะแจ็คสัน และฉันขอบอกไว้เลยว่าจูบเมื่อกี้ของยองแจหวานตรึงใจฉันมากว่ะ”
ร้ายกาจ ผู้ชายตรงหน้าของผมร้ายกาจมากกว่าที่ผมรู้สึกกับแจ็คสันเสียอีก คนอะไรอยากได้แม้กระทั่งแฟนของน้องชาย ดูท่าแล้วคราวนี้ผมคงมีปัญหาเพิ่มขึ้นมาในอนาคตแน่นอน ต่างฝ่ายต่างเล็งจะแย่งผมเหมือนสาวน้อยเทือกนั้น
หรือผมควรคืนเงินให้แจ็คสันซะ หึ คิดไปอย่างนั้นแหละเพราะมันคงไม่มีทางที่แจ็คสันจะยอม จับผมขึ้นมาบนหลังเสือแล้วจะให้ผมลงไปง่ายๆ โดยไม่ขย้ำเหยื่อหรอก
“พี่แจ็คสัน อย่า!”
ผมรีบห้ามแจ็คสันแทบไม่ทัน จริงอยู่ที่มาร์คเขาพูดออกมากวนอารมณ์เหลือเกิน กวนเสียจนแจ็คสันยั้งอารมณ์ไม่ไหวง้างหมัดขึ้นเหนือหัวและทำท่าจะเดินเข้าไปต่อยมาร์คให้หน้าหงายอีกครั้ง ดีที่ผมห้ามเขาไว้ได้ทันซะก่อน ไม่อย่างนั้นคงเกิดเรื่องอีกแน่ๆ
“นายจะห้ามพี่ทำไม นายก็เห็นว่ามันจูบนาย พี่จะต่อยมัน”
แนบเนียนยิ่งกว่ารางวัลออสการ์ คนอะไรแม้กระทั่งตอนโมโหยังสวมบทบาทแฟนหนุ่มได้ไม่มีตกขนาดนี้ เรียกพี่เรียกน้องชัดถ้อยชัดคำแถมยังทำเป็นปกป้องผมอีก
“คนมองเยอะแล้วครับ พี่ช่างเขาเถอะเรากลับกันดีกว่า พี่จะเสียชื่อหมดนะ”
เอาจริงๆ คือผมเนี่ยแหละอายเขา เป็นผู้ชายแท้ๆ กลับมาโดนผู้ชายด้วยกันจูบ สายตาคนที่เดินผ่านไปมายิ่งมองพวกเราด้วยสายตาเหยียดหยาม ผมล่ะไม่ชอบเลย
“ทำไมเหรอยองแจ? ทำไมไม่เป็นพี่ล่ะที่จะได้อยู่ข้างๆ ยองแจ”
มาร์คส่งสายตามาให้ผมสลับกับมองแจ็คสัน เขาคงกำลังจับจ้องมาที่แขนของแจ็คสันที่มีผมจับประคองเขาอยู่ไม่ให้โน้มร่างไปต่อยมาร์คอีกครั้ง บอดี้การ์ดของทั้งสองคนก็จ้องกันไปมาไม่มีใครกล้าทำอะไรเพราะคนที่กำลังทะเลาะกันอยู่เป็นพี่น้องกันสินะ
“ก็เพราะเขาเป็นของฉันไงมาร์ค จำเอาไว้ด้วยล่ะ”
แจ็คสันกำชับเขาอีกครั้งก่อนที่จะเดินจูงมือผมออกมาจากตรงนั้น ร่างของผมเดินตามเขาแทบไม่ทันด้วยซ้ำ คนอะไรขาสั้นแต่เดินไว้ยิ่งกว่าคนขายาวอีก
“ปล่อย ปล่อยผมก่อน นี่จะรีบเดินไปตามควายที่ไหนเหรอครับ?”
ผมสะบัดข้อมือแจ็คสันออกให้หลุดจากกันเสียที เดินจ้ำๆ ไม่ได้สนใจคนเดินตามเลยสักนิด แต่ว่าทำไมผมถึงเดินมาถึงลานจอดรถแล้วล่ะ แถมยังเป็นชั้นที่ผมไม่ได้จอดเอาไว้ด้วย
“นี่นายจะแหกปากให้ความแตกเหรอไง ห้ะ?”
เขายืนเท้าเอวตัวเองและจ้องมาที่ผมอย่างหาเรื่อง พอลับสายตามาร์คสถานะเจ้านายและลูกจ้างก็กลับคืนมาแล้วสินะ เล่นเอาตั้งตัวแทบไม่ทัน
“ก็คุณจะเดินไวอะไรขนาดนั้น เห็นข้อมือผมไหมมันแดงเทือกไปหมดแล้ว”
ผมไม่ได้โกหกแต่อย่างใด เลยชูข้อมือที่เพิ่งสะบัดให้หลุดออกหมาดๆ ให้เขาดู เขาจะได้เห็นว่าผลงานแรงบีบนั่นมันทำให้ผมเจ็บตัวแค่ไหน
“แล้วไง หรือว่านายจะกลับไปให้มันจูบอีกก็ได้นะ”
ยังจะมาตอกย้ำผมอีก รู้ทั้งรู้ว่าผมไม่ชอบมันยิ่งกว่าอะไร พูดถึงแล้วยังเจ็บปากไม่หาย นี่ผมไม่สมควรเกิดเป็นผู้ชายสินะแรงถึงไม่มีให้ต่อสู้มาร์คได้เลย
“เป็นไง จูบของมันหวานไหม ผู้ชายเสียเปล่าแต่ยืนให้มันจูบอยู่ได้”
“คงหวานมั้งครับ ไม่รู้สิไม่เคยจูบกับผู้ชาย”
ผมโมโหขึ้นมามากกว่าเดิมเลยพูดจาประชดประชันเขาไป แต่ก็ไม่คิดว่านั่นจะทำให้สายตาของแจ็คสันจ้องมาที่ผมราวกับจะกินเลือดกินเนื้อขนาดนี้ คงแค้นสินะที่มีคนมาปาดหน้าเค้กต่อหน้าต่อตา หยามเกียรติอะไรพวกนั้น
“เสียใจนะเพราะฉันจะทำให้นายลืมจูบของมัน มานี่!”
ร่างของผมถูกแจ็คสันจับให้แผ่นหลังกระแทกกับตัวรถข้างๆ เขาไม่สนว่านั่นจะเป็นรถของใครด้วยซ้ำก่อนที่ผมจะเอามือดันอกเขาแต่ไม่วายโดนผู้ชายตัวโตจับข้อมือรวบติดกับตัวรถอยู่ดี
“นี่คุณจะทำอะไรของคุณเนี่ย บ้าไปแล้วหรือไง!”
จริง เขาคงบ้าไปแล้ว ต่อให้โกรธมาร์คแค่ไหนแต่เขาไม่สมควรทำกับผมขนาดนี้ มือทั้งสองถูกรวบด้วยมือแกร่งเพียงข้างเดียว ส่วนมือที่เหลือของเขาเชยคางผมขึ้นมามองหน้าเขาเต็มตา นิ้วเรียวบดริมฝีปากที่ช้ำนั่นจนเจ็บแสบ
“เออ บ้า บ้ามากๆ ด้วย จะบอกไว้นะว่าต่อให้นายเป็นแฟนปลอมๆ แต่ว่านายเป็นของผูกขาดของฉัน ดังนั้นหมาตัวไหนมันก็มาทำแบบนั้นกับนายไม่ได้”
“ผมแค่รับเงินไม่ได้เป็นของๆ คุณนะ จำใหม่ซะ...อื้อ!”
ดวงตารีผมเบิกกว้างเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมมันไม่เคยคาดคิดมาก่อน เรียวปากหยักจูบลงมาที่ตำแหน่งเดิม ตำแหน่งปากของผมที่เพิ่งถูกมาร์คจูบไปไม่ถึงยี่สิบนาที ไม่เลย มันรุนแรงมากกว่ามาร์คทำด้วยซ้ำ
“อื้อ อ่อย!”
แรงดิ้นของผมกับเสียงหัวใจเต้นโครมครามนั่นมันไม่ได้ช่วยให้แจ็คสันหยุดจูบผมได้สักนิด ริมฝีปากผมเผยอเพื่อท้วงให้เขาปล่อยผม แต่กลับเป็นโอกาสให้แจ็คสันสอดลิ้นเข้ามาข้างในและทำเหมือนที่มาร์คทำทุกอย่าง ไล่ต้อนลิ้นผมให้จนมุม ขบริมฝีปากของผมเล็กน้อย แต่จู่ๆ แรงดิ้นของผมกลับหายไปในทันทีเมื่อแจ็คสันครางฮืมพอใจออกมา
“อืม”
เกลียดเสียงนี่ชะมัด เสียงของแจ็คสันที่กำลังพอใจกับจูบของเรา มันไม่ได้เรียกว่าจูบโดยสมบูรณ์เท่าไหร่นักเพราะมันเต็มไปด้วยแรงเอาชนะ เขากำลังเอาชนะมาร์ค
“หึ! จำไว้ว่าระหว่างที่ทำงานกับฉันอยู่ ไม่ว่าจะปากหรือร่างกายของนายใครก็มาแตะต้องไม่ได้”
“คุณมันบ้า แฮ่ก บ้าที่สุด”
...พลั่ก!...
ผมไม่ใช่ผู้ชายที่จะยอมให้ใครมาหยามกันขนาดนี้ หมัดของผมปะทะไปที่สันกรามของแจ็คสันอย่างแรง ไม่รู้ว่าทำไมคราวนี้ผมอยากจะร้องไห้ออกมาทั้งที่ผมไม่เคยอ่อนแอมาก่อน แต่รู้เพียงว่าผมไม่ชอบเลย ไม่ชอบที่แจ็คสันทำกับผมเป็นเครื่องเอาชนะกัน
“นี่นายต่อยฉันเหรอ?”
เขาดูอึ้งๆ ไป ทายว่าชาตินี้คงไม่เคยมีใครทำกับเขาอย่างที่ผมทำ ไม่ว่าเขาจะใช้ปากจูบใครมาบ้าง แต่สาบานได้เลยว่าเขาไม่มีสิทธิ์มาทำกับผม
“เออ ผมต่อยคุณ งานของเราไม่ได้รวมว่าผมต้องมาเปลืองตัวขนาดนี้ และเงินของคุณผมจะเอามาคืน ขอโทษนะไปหาคนใหม่เหอะ ผมเลิกสัญญารับจ้างจากคุณ!”
“เอาสิยองแจ ฉันไม่ได้ง้อนะเพราะฉันมีแบมแบมน้องชายของนาย”
ใบหน้าของผมหันขวับมาทางข้างหลังทันที ผมเดินออกมาจากเขาได้ไม่ถึงก้าวกลับได้ยินเขาเอาเรื่องน้องชายมาขู่ผมอีกแล้ว จุดอ่อนของผมคือแบมแบม
“นี่คุณ! คุณมันเลวจริงๆ”
ใช้แบมแบมมาขู่ เขาไม่ได้มีไพ่เหนือแล้วล่ะ แต่เขาเรียกว่าเลว
“ใช่ ฉันเลวได้มากกว่าที่นายรู้ เด็กหนุ่มยองแจนายคงไม่รู้ว่าฉันสามารถทำอะไรได้บ้าง”
“คุณสามารถทำอะไรได้บ้างอย่างนั้นเหรอครับ?”
ผมท้าทาย อารมณ์ตอนนี้ของผมกู่ไม่กลับแล้ว ไม่ว่าผู้ชายตรงหน้าจะใช้กลยุทธ์ความรวยและใช้อำนาจแค่ไหน ผมไม่กลัวอีกแล้ว เขาหยามผมเกินไป
“พรุ่งนี้นายก็คอยดูละกัน และฉันมั่นใจว่านายต้องซมซานกลับมาหาฉัน อ้อ! เรื่องเงินน่ะไม่ต้องเอามาคืนนะ เพราะยังไงนายก็ต้องมาหาฉันอยู่ดี”
“อย่ามั่นใจไปเลยครับคุณ คุณจะใช้แบมแบมมาข่มผมไม่ได้อีก”
พอกันที งานบ้าๆ กับคนบ้าๆ ทั้งแจ็คสันทั้งมาร์ค เชิญไปทะเลาะกันต่อและหาคนใหม่มายั่วบาทาเอาเองละกัน งานนี้ผมพอแล้ว
End Youngjae’s Part
“ครับนาย แบมแบมน้องชายของคุณยองแจออกมาแล้วครับ”
ชายร่างใหญ่อายุประมาณเกือบสามสิบขยี้ก้นบุหรี่ลงพื้นและต่อสายหาเจ้านายของตัวเอง พอเห็นว่าคนที่ปลายสายสั่งให้มาเฝ้าหน้ามหาวิทยาลัยออกมา ก็รีบรายงานทันที
“อืม จับตัว เอ้ย ไม่ใช่สิ เชิญเขามาพบฉันหน่อยนะ”
คนฟังโง่ๆ ยังรู้เลยว่าปลายสายจงใจพูดผิดขนาดไหน มีเพียงรอยยิ้มร้ายกาจที่ส่งกลับหาคนที่กำลังรายงานอยู่เท่านั้น และชายร่างใหญ่ก็รับคำก่อนวางสายไป
“ยูคยอม วันนี้พี่ชายเราจะมารับ นายจะกลับพร้อมกันไหม?”
เพื่อนตัวบางกำลังถามเพื่อนตัวโตที่เดินมาด้วยกันหน้ามหาวิทยาลัย มันเป็นคำถามปกติที่ยูคยอมได้ยินบ่อยๆ แต่น้อยครั้งที่เพื่อนตัวสูงจะปฏิเสธแบมแบม เพราะคราวนี้ยูคยอมส่ายหน้า
“ไม่ล่ะแบมแบม วันนี้เรามีนัดกับสายรหัส นายกลับกับพี่ยองแจเลย หรือจะให้ฉันรอเป็นเพื่อน?”
“เห้ยๆ ไม่ต้องเลยฉันไม่ใช่หนูน้อยสาวใสที่นายต้องสละเวลามาเฝ้านะ ไปเลยมีนัดก็ไป เดี๋ยวนั่งรอคนเดียว”
แบมแบมพัดมือเป็นพัลวัน แค่เดินมาส่งก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้วยูคยอมมีธุระก็ให้รีบไปเถอะ
“อื้อ งั้นกลับดีๆ นะแบม”
“โอเค ถึงแล้วบอกเราด้วยนะยูคยอม”
ยูคยอมส่งมือกลับมาเป็นท่าโบกลาก่อนที่จะรีบเดินไปอีกทาง แบมแบมหยิบมือถือตัวเองขึ้นมากะว่าจะโทร.หายองแจเพื่อถามว่าอยู่ไหนแล้ว แต่กลับเหมือนมีเงาบางอย่างมาซ้อนทับมือถือของเขาเนี่ยสิ
“สวัสดีครับคุณแบมแบม ทางเจ้านายของเราให้มาเชิญคุณไปพบครับ”
เสียงที่ดังมาตรงหน้าของแบมแบมทำเอาชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าไปมอง ร่างสูงใหญ่คุ้นตาเขาเมื่อสองวันก่อนปรากฏมาให้เห็นอีกแล้ว และแบมแบมก็กลัวเหลือเกิน
“คะ คุณเป็นใคร ผมไม่รู้จัก”
แบมแบมทำท่าจะเดินหนีไปอีกทาง แต่เหมือนชายร่างโตจะรู้ทันเลยเดินไปดักหน้าแบมแบมได้เสียก่อน ร่างเล็กเซไปทางด้านหลังก็กระทบเข้ากับอกแกร่งของใครอีกคน
“ไปกับพวกเราดีๆ เถอะนะครับ ถ้าคุณอ้าปากร้องเมื่อไหร่พี่ชายคุณไม่ปลอดภัยแน่”
“พี่...พี่ยองแจ พวกคุณทำอะไรเขา?”
ได้ผลเกินคาด สองพี่น้องคู่นี้ดูท่าจะรักกันมากเหลือเกิน พูดชื่อใครสักคนโดนทำร้ายไม่ได้หรอกนะ
“เอาไว้คุณไปพบเขาเองดีไหมครับ ถ้าไปช้าเจ้านายผมอาจไม่รอ”
“ไปครับไป แต่อย่าทำร้ายพี่ชายผมเลยนะ ผมขอ”
แกะซื่อๆ ยังไงซะก็ต้องตกเป็นเหยื่อของราชสีห์อยู่วันยังค่ำ ไม่มีวันที่แกะมันจะฉลาดเหมือนนกอินทรีได้หรอก แบมแบมเองก็กำลังเป็นอย่างนั้น เขาตามชายร่างโตสองคนไปอย่างว่าง่าย
ไม่นานนักรถคันสีดำที่แบมแบมนั่งมาก็มาถึงหน้าบ้านของใครสักคน ไม่สินี่คงไม่ใช่บ้านเพราะมันใหญ่โตเกินจะเรียกมันว่าบ้านได้ แบมแบมปล่อยให้มือถือแบตหมดเกลี้ยงนั่นนอนตายในกระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินตามชายสองคนเข้าไป
“นายครับผมพาคุณแบมแบมมาพบแล้วครับ”
ชายร่างโตคนแรกเดินเข้าไปหาชายที่นั่งหันหลังให้และก้มหัวทำความเคารพ แบมแบมหรี่ตามองจากแผ่นหลังทำไมเขารู้สึกว่ามันคุ้นหูคุ้นตาจริงๆ คุ้นเกินไป
“เหรอ พาเขาไปนั่งที่โซฟานะและพวกนายก็ออกไป เพราะฉันมีเรื่องจะคุยกับเขาตามลำพัง”
ชายปริศนาที่พาให้แบมแบมงุนงงยังไม่ยอมหันหน้ามา คร้านจะให้แบมแบมพูดว่าเป็นใครจากไหนก็ไม่กล้าหรอก เพราะคิดว่าพี่ยองแจของเขาอยู่ในเงื้อมมือก็ไม่กล้าแม้แต่ขัดขืนเสียด้วยซ้ำ
“ครับท่าน”
“โอเคครับผมจะไปนั่งเอง พวกคุณไปเถอะ”
แบมแบมรู้ดีว่าขัดขืนหรือทำตัวลีลาไปก็มีแต่จะให้ใครต่อใครโกรธ และมันคงไม่ดีแน่ๆ ลูกไก่ในกำมือตัวเล็กๆ อย่างเขาน่ะกำลังตกที่นั่งลำบาก
“สวัสดีครับแบมแบม จำฉันได้ไหม?”
แบมแบมนั่งมองมือถือตัวเองที่ตายมาเกือบชั่วโมงด้วยความนึกได้ว่าเขาน่าจะได้ใช้มันบอกยูคยอมให้มาช่วย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จนกระทั่งเสียงของเจ้านายของชายสองคนนั่นจะเดินมาตรงหน้าและดังขึ้นมา
“เอ้ะ คุณคนนั้น”
แบมแบมไม่มีทางจำผิดแน่ คนที่เขาเดินชนทำเอาโกโก้รดเสื้อสูทดูท่าจะแพงโขคนนั้นคือคนที่ให้คนไปพาตัวเขามา คนเดียวกันแน่นอน
“ทำหน้าแบบนี้จำฉันได้สินะ พี่ชายของนายทำฉันเจ็บมากนะ
รู้ไหม? และนายเองก็ต้องเจ็บไม่ต่างจากพี่นายเช่นกัน”
“หมายความว่ายังไงครับ? ผมไม่เข้าใจเลย”
คนอย่างชเวยองแจ พี่ชายที่แสนดีและอบอุ่นของแบมแบมน่ะเหรอจะไปทำอะไรให้ใครดือดร้อน ไม่มีทาง ผู้ชายตรงหน้ากำลังเอาเรื่องอะไรมาพ่นใส่กัน แบมแบมไม่เข้าใจสักนิด
“เอาน่า นายนั่งก่อนสิ อยากดื่มอะไรไหมจะได้ให้คนไปเอาให้”
มาร์คทำเป็นใจเย็นใส่ร่างผอมบางตรงหน้า ซึ่งดูแวบเดียวก็รู้ว่าแบมแบมกำลังวิตกกังวลแค่ไหน แค่เหงื่อที่มือก็รู้แล้วว่ามันเปียกชื้นน่าดูจนโผล่พ้นมาตามไรผมปรกหน้าของเด็กคนนี้ด้วยซ้ำ
“ไม่ครับ คุณมีอะไรรีบว่ามาเถอะ ผมรู้ว่าพี่ชายของผมไม่มีทางไปทำให้ใครเดือดร้อนแน่ๆ นอกจากคุณไปทำอะไรเขาก่อน”
“ฉันเหรอ? ฉันเหรอที่ไปทำร้ายเขา ฉันหลงรักพี่ชายของนายมาตั้งนาน ฉันมากกว่าที่รักพี่ชายของนายคนเดียวแต่เขาทำร้ายจิตใจของฉัน ซึ่งมันก็สมควรที่นายต้องมารับชะตากรรมของพี่ชายนาย”
นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย แบมแบมไม่เข้าใจสักนิด
“ว่าไปนายคงไม่เข้าใจ งั้นเรามาเข้าเรื่องกันไหมล่ะ?”
“ครับ ว่ามาเลย”
แบมแบมอยากกลับบ้านจะแย่ ยิ่งมือถือแบตหมดแบบนี้ พี่ชายคนเดียวในครอบครัวของเขาคงเป็นห่วง ป่านนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้างด้วยซ้ำ
“มาเป็นคนของฉัน ซึ่งมันก็แล้วแต่ว่านายจะทนได้แค่ไหน ฉันไม่ปากโป้งบอกพี่ชายของนายแน่นอน นายแหละจะทำเพื่อพี่ชายของนายได้นานไหมก็ขึ้นอยู่กับนาย”
“ว่ายังไงนะครับ! คนของคุณ คุณบ้าไปแล้วเหรอ? ผมเป็นแค่นักศึกษานะครับและอีกอย่างผมไม่รู้เลยว่าเรื่องเป็นมายังไง ทำไมผมต้องมาทำอะไรแบบนั้นด้วย ขอตัว!”
แบมแบมเข้าขั้นฉุนจัดมากที่สุดในชีวิตก็ว่าได้ ถ้าไม่นับเรื่องพ่อแม่ของเขาที่เอาแต่ทำร้ายยองแจและตัวเองมาตลอด นี่คงเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อที่สุดเหมือนกัน
เขารักพี่ชายมากพอๆ กับที่พี่ชายรักเขานั่นแหละ พร้อมทำให้ทุกอย่าง แต่จู่ๆ จะให้ไปเป็นของๆ ใคร ซึ่งแบมแบมก็รู้ดีว่าคำพูดของมาร์คไม่ต่างกับให้เขาอยู่ใต้อาณัติ หรือร้ายแรงถึงขั้นเป็นเมียระบายอะไรให้เขา ร่างผอมบางรู้ดี
“เอาสิ นายเดินออกไปจากห้องนี้ก็ได้ไม่มีใครห้าม แต่ถ้าฉันจับพี่ชายของนายมาเป็นของฉัน ฉันรับรองเลยว่าคนที่ทรมานที่สุดคือพี่ชายของนาย”
มาร์คเดินเข้ามาขนาบข้างร่างกายของแบมแบม พาเอาขนลุกเกรียวไปทั้งร่างได้ไม่ยากพร้อมโน้มใบหน้าลงมาที่ข้างหูของแบมแบม เสียงทุ้มนิ่มแต่เต็มไปด้วยความร้ายกาจพ่นใส่หูจนดวงตาโตเบิกกว้าง
“นายไม่รักพี่ชายของนายก็ตามใจ เพราะฉันทำอะไรตามที่พูดแน่นอน นายจะสงบสุขดีแต่พี่ชายของนายต้องทรมานเจียนตายแน่นอน”
“คุณ!”
ใจจริงก็อยากสรรหาคำหยาบมาด่าคนสูงส่งคนนี้เหลือเกินถ้าไม่ติดว่าเขาอยู่ในกรงของเสือที่มีหอกนับร้อยอยู่ด้านนอกล่ะก็ เขาอยากจะต่อยผู้ชายคนนี้ให้คว่ำไปตรงหน้าจริงๆ
แม้แบมแบมจะไม่เข้าใจเรื่องราวอะไรเลยด้วยซ้ำ จริงอยู่ที่ผู้ชายคนนี้อาจรักพี่ชายของเขามาตลอด ดูจากรูปที่ตั้งบนโต๊ะทำงานก็เป็นรูปของพี่ชายเขา แต่ทำไมยองแจไม่ปริปากบอกเขาเลยว่ามีคนมาตามจีบอยู่
“ผมขอเวลาคิดหน่อย”
จับจุดได้อย่างแม่นยำ นอกเหนือจากมาร์คเป็นคนฉลาดแล้วเขายังมีจิตวิทยาที่หลักแหลม เขามองไม่เท่าไหร่ก็รู้ว่าควรเอาเรื่องไหนมาพูดให้แบมแบมยอมสิโรราบกับเขาได้อย่างง่ายดาย
นั่นคือความรักของสองพี่น้องนี่ยังไงล่ะ! ความรักที่แน่นแฟ้นไม่ควรเอามาดูถูก นี่แหละจุดอ่อน
“ได้สิ แต่แค่วันเดียวเท่านั้นฉันจะไปเอาคำตอบด้วยตัวเอง จะได้จัดการพี่ชายของนายซะถ้าเกิดว่านายไม่อยากมาเป็นคนของฉัน”
มือกร้านเชิดหน้าแบมแบมขึ้นมามองให้เต็มตา เด็กผู้ชายคนนี้ยอมรับเลยว่าไม่เลวเท่าไหร่นัก ไม่สิออกจะสวยหวานเกินเพศบุรุษด้วยซ้ำ จมูกโด่ง กรอบหน้าเรียว ขนตาเป็นแพเรียงสวยรับกับดวงตาอ่อนหวาน และที่สำคัญคือเรียวปากอวบอิ่ม
น่าบดจูบสักครั้ง
“อื้อ!”
นักอ่านสามารถซื้อเป็นหนังสือแบบ E-Book อ่านได้แล้ววันนี้
ในราคาเพียง 200 บาทให้อ่านกันจุใจ
E-Book ประกอบด้วย เนื้อหาตั้งแต่แรกจนจบและตอนพิเศษในเล่มโดยเฉพาะ
ลิ้งค์ซื้อ #แฟนกำมะลอจจ คลิกที่นี่
ลิ้งค์วิธีซื้อ #แฟนกำมะลอจจ คลิกที่นี่
สามารถแสดงความคิดเห็นผ่านทวิต #แฟนกำมะลอจจ
AUTHOR: SNOOKY
FANS PAGE : SECRET SNOOKY FICTION
TWITTER @SKadsakul
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

งานนี้มีศึกหนักใหญ่หลวงเเน่ๆรอนะคะไรท์^^