ตอนที่ 13 : [Rewrite] ห้ะ! ผมท้อง? 100%
อีกฝ่ายใช้มือตัวเองปัดป้องร่างกายของผมที่เข้าไปประชิด ความโกรธมันยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเขาผลักไส ไม่ต่างกับพี่ชายของเขาที่เอาแต่หนีผม จริงอยู่ที่พี่ชายของเขาจะหนีผมไปได้ จะผลักไสผมไปไกลแสนไกลจนเอื้อมไม่ถึง แต่กับแบมแบมผมไม่มีทางปล่อย
เขาต้องรับแทนพี่ชายของเขาที่ทำให้ผมเสียใจ
“คุณมาร์ค! ไม่นะครับ”
ร่างทั้งร่างของแบมแบมโดนผมเหวี่ยงลงเตียงสีน้ำตาลก่อนที่ร่างของผมจะทาบลงไปติดๆ มือไม้ของอีกฝ่ายปัดป้องตัวเองไม่หยุด ผมรำคาญเกินทนเลยรวบข้อมือทั้งสองข้างของแบมแบมเอาไว้เหนือหัวและซุกไซ้ตามซอกคอขาว
“ไม่นะครับ ช่วยด้วย อื้อ อ่วยอ้วย!!”
มืออีกข้างยกขึ้นมาปิดปากแบมแบมเอาไว้ ความชื้นจากปลายหางตาของเด็กนี่ก็คือหยาดน้ำตาที่ไหลริน แต่ขอโทษที่ครั้งนี้ผมจะไม่หยุด เพราะเขาเป็นน้องชายของยองแจ น้องชายคนที่ทำให้ผมเสียใจและเสียน้ำตา ผมจะนำทุกอย่างมาลงที่เด็กนี่ให้สาสมกับความเจ็บ
“เงียบสักทีได้ไหม แต่ถ้าอยากเจ็บตัวก็ดิ้นต่อไป!”
ผมขึ้นเสียงใส่คนที่นอนร้องไห้บนเตียง ปากบวมเจ่อสั่นระริกเพราะต้องกลั้นร้องไห้และความเจ็บปวด หากใครมาเห็นสภาพของเจ้าเด็กนี่สาบานเลยว่าอยากย่ำยีขนาดไหน เสื้อผ้าชุดนักศึกษายับยู่ยี่และหลุดลุ่ย ใบหน้าหวานแก้มแดงระเรื่อ
“ความจริงตอนนายร้องไห้และหวาดกลัวก็น่ารักดีนะ แถมยังหอมเหมือนเพิ่งอาบน้ำมา”
ผมหัวเราะในลำคอ มันเป็นอย่างที่ผมพูดทุกอย่าง แบมแบมตอนนี้น่ะน่าย่ำยีที่สุด
“คุณอย่าทำผมเลยนะครับ ให้ผมช่วยอย่างอื่นคุณก็ได้แต่อย่าทำผมเลยนะครับ ผมไม่เคย”
คนปากดีเมื่อกี้ยอมอ่อนข้อให้ผมอย่างง่ายดายเมื่อมือหนาสอดเข้าไปลูบตามช่วงท้องของแบมแบม ความนุ่มตามเนื้อผิวทำให้ผมร่างกายอุ่นร้อนขึ้นมา อย่างน้อยสิ่งที่เหมือนกันของแบมแบมกับยองแจก็คือรสอ่อนหวาน น่าลิ้มลอง
“อย่าต่อรองอะไรที่ฉันไม่สามารถให้นายได้นะแบม”
“ฮึก! ผมไม่พร้อมจริงๆคุณมาร์ค”
“ชู่ อย่าสะอื้นเพราะมันกระตุ้นอารมณ์ฉันนะแบมแบม”
ไม่ว่าเปล่า ท่าทางสงบนิ่งของแบมแบมทำให้ผมสามารถคว้ามือของเขามาจับกลางกายใต้ร่มผ้าของผมได้ ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำใสเบิกโพลงพยายามดิ้นอีกครั้ง
“มันมีอารมณ์สุดๆ ไปเลยล่ะแบมแบม ไหนๆ พี่ชายคงไม่ได้ในเร็ววันนี้ น้องชายก็คงไม่เป็นไรแก้ขัดได้ว่าไหม?”
นิ้วเรียวกวาดไปทั่วแก้มชมพูลากไล้มาถึงคอสวยจนถึงเนินไหล่ สาบเสื้อทั้งหมดของแบมแบมเริ่มหลุดจากรังกระดุมเมื่อผมค่อยๆ แกะมันออก ตัวแบมแบมทั้งสั่นและไม่กล้าขยับไปไหน ไม่แม้แต่ดิ้นเพียงแต่หลับตาร้องไห้
คงเป็นเพราะคำว่าพี่น้องที่ทั้งคู่รักกันมากสินะ แบมแบมยอมได้ทุกอย่างเพื่อยองแจจริงๆ และตอนนี้เขาคงจะรู้แล้วว่าถ้าไม่อยากให้ผมยุ่งกับยองแจเขาต้องยอมผมเท่านั้น
“ถ้าผมยอมคุณ คุณจะไม่ยุ่งกับพี่ยองแจได้หรือเปล่า ฮึก ผมรู้นะว่าที่คุณมาทำกับผมแบบนี้เพราะพี่ยองแจทำร้ายจิตใจคุณมา”
เสียงสั่นเครือของแบมแบมถามผมทั้งๆ ที่หลับตาอยู่ ผมชะงักครู่หนึ่งและยื่นหน้าไปใกล้ริมฝีปากอวบ ลูบแก้มให้เขาลืมตาขึ้นมามองผม
“นายพูดถูกเด็กดี แต่ที่นายขอฉันมันก็ต้องดูว่านายทำให้ฉันพอใจมากพอที่จะมาลงที่นายคนเดียวโดยไม่ยุ่งกับพี่ชายนายหรือเปล่า”
ผมจูบไปที่หน้าผากของแบมแบมและแสยะยิ้มในขณะที่แบมแบมตัวสั่นยิ่งกว่าเดิม มันทำให้ผมสะใจกับดวงตาที่มองมายังผมแบบลังเลนั่น
“อย่ายุ่งกับพี่ยองแจเลยนะครับ ผมจะทำให้คุณพอใจและทำกับผมเพียงคนเดียว ฮึก ผมยอมแล้ว”
ริมฝีปากอวบสั่นยกขึ้นมาจูบที่ปลายคางสากของผมและร้องไห้ตัวโยน มันน่าสงสารมากถ้าหากวันนี้ผมไม่โดนยองแจทำร้ายจิตใจมา จู่ๆ ภาพที่เป็นแบมแบมจูบผมด้วยความกลัวกลับกลายเป็นใบหน้าของยองแจ
“นายพูดเองนะว่าจะทำให้ฉันพอใจ อย่าลืมซะล่ะ”
มือเรียวของแบมแบมยกขึ้นมาคล้องคอผมเอาไว้และประกบปากขึ้นจูบ ไม่น่าเชื่อว่าเป็นถึงเด็กมหาวิทยาลัยแต่ว่าสกิลการจูบไม่ได้เรื่องและอ่อนประสบการณ์ ก็ดีของใหม่ๆ มันน่าจะมีอะไรน่าตื่นเต้นดี
“อ่า คุณมาร์ค”
End Mark’s Part
มือสากหนากวาดไปทั่วเอวคอดตัวเอสช้าๆ และปลดกระดุมเสื้อของแบมแบมออกไม่มีเหลือสักเม็ดและหันมาพลิกตัวของอีกคนบนเตียงให้คว่ำหน้าลง เสื้อแสนเกะกะถูกถอดออกไปง่ายดายตามด้วยกางเกง
สแลคสีดำ
“อื้อ อย่ากัดครับผมเจ็บ”
รู้ว่าต้องสมยอมแต่การที่มาร์คเอาปากมาขบกัดท้ายทอยของเขามันแสบเกินทนจริงๆ อกแกร่งเปล่าเปลือยตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้โน้มตัวแนบทับแผ่นหลังเกลี้ยงของแบมแบมและเลียไปที่กกหูเล็ก กลับกลายเป็นว่าคนปั่นอารมณ์กามต่างหากที่ยากจะหยุดยั้งเอาไว้ได้
“คุณ!”
แบมแบมเงยหน้าเชิดขึ้นมองหัวเตียงไม่กล้าหันหลังไปมองสภาพของตัวเองหรอกว่าตอนนี้มาร์คซ้อนหลังตัวเองและกำลังทำอะไรอยู่ แต่สัมผัสอุ่นวนเวียนอยู่ตรงบั้นท้ายเขาก็ทำเอาจิตใจยุ่งเหยิง
“ที่เรียกนี่ไม่มีความอ่อนหวานเลยนะจะให้ฉันพอใจหรือเปล่า”
นั่นสินะเขาลืมไปเสียสนิทว่าต่อรองอะไรกับคนข้างหลังเอาไว้ แบบนี้ถ้าเขาทำให้ไม่พอใจพี่ยองแจของเขาก็โดนตามไม่หยุด หากเลือกความกระดากอายกับพี่ยองแจ
แบมเลือกที่จะทิ้งความอายไปซะให้หมด
“ต้องอย่างนี้สิเด็กดี”
มาร์คแอบแปลกใจอยู่บ้างที่จู่ๆ เด็กขี้กลัวขี้อายกลับรุกเขาซะแล้ว ร่างเล็กพลิกตัวเองมาทางด้านหลังและเอาหน้าหันมาทางเป้ากางเกงของมาร์ค น้ำตาหยดใสไหลแล้วไหลเล่าเพื่อดึงความกล้าออกมา
...ครืด...
และความกล้าทั้งหมดก็เริ่มขึ้นสักที แบมแบมใช้ปากตัวเองคาบซิปกางเกงของมาร์คให้รูดลงมาและถอดกางเกงชั้นนอกชั้นในของมาร์คออก คนแก่กว่าอยากจะรู้ว่าจะเป็นไงต่อไปเลยนั่งคุกเข่านิ่งๆ ให้เด็กได้ปล่อยของ
“อืม”
(ฉากคัทสามารถหาอ่านได้ในเล่ม)
Youngjae’s Part
ความจริงมันก็เป็นข่าวดีแหละที่ผมได้กลับมาใช้ชีวิตที่ค่อนข้างอิสระ...มั้ง
ที่บอกว่ามั้งก็เพราะว่าตอนนี้ผมกำลังอยู่ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยบีทส์หนักๆ อัดใส่หูกับแก้วเหล้าบรั่นดีในมือ แต่ว่ารอบข้างผมกลับมีแต่ชายชุดดำที่ติดตามตัวเกือบเดือนแล้ว
ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะคุณแจ็คสันอะไรนั่นไปดูงานที่ฮ่องกงนั่นแหละ ซึ่งบอกตรงๆ ว่ามันก็เหงานิดนึงที่ไม่มีใครให้กัดด้วย แต่ว่าส่งคนติดตามทุกฝีก้าวมันก็โคตรน่าเบื่อ
“น่าเบื่อว้อย”
ผมพูดใส่แก้วเหล้าและกระดกหมดเป็นแก้วที่หกและกวักมือให้บาร์เทนเดอร์ชงมาอีกแก้ว อารมณ์แบบจะอะไรกันนักกันหนา ผมไม่ใช่ทาสซะหน่อยแต่ทำเหมือนเป็นทาสเลย ดีนะที่เท้าไม่มีแซ่ตรวนติดไว้ให้
“คุณยองแจครับ ตอนนี้ดึกแล้วคุณแจ็คสันให้กลับคอนโดได้แล้ว”
เสียงกระซิบอันน่าเบื่อรอบที่ร้อยของหนึ่งเดือนนี้ก็คือเสียงจากบอดี้การ์ดของแจ็คสันนั่นแหละที่บอกว่าหมดเวลาสนุกแล้วสิ ทั้งที่ผมมีสาวยักคิ้วให้แต่ไปไหนไม่ได้ หึ ถ้าลองไปสิมือถือผมดังแน่
คนอะไรจับผิดเก่ง...
“นายไม่บอกฉันไม่บอก คุณแจ็คสันของนายไม่รู้หรอกหน่า ดูสาวโต๊ะนั้นสิแจ่มๆ ทั้งนั้น นายไม่สนใจไปชนแก้วพวกเธอกับฉันเหรอ?”
ผมลองสะกิดไปที่เสื้อสีดำของเขาเบาๆ และหันหน้าไปทางโต๊ะนั้น ชายหนุ่มวัยกำลังล่าเหยื่ออย่างเขาเนี่ยน่าจะสนใจบ้างแหละหน่าจะได้เลิกทำหน้าตายสักที
“มันจะดีเหรอครับคุณยองแจ?”
“ดีสิ พวกที่เหลืออยู่ข้างนอกใช่ไหมล่ะก็มีแค่เราสองคน เอาน่าอย่าลังเลเลย ไม่มีใครรู้หรอก”
ผมพยายามหลอกล่อเขาด้วยน้ำเสียงขี้เล่น จิตใจก็ลุ้นตุ้มๆ ต่อมๆว่าจะได้ผลไหม ขอให้ได้ผลเถอะผมแห้งแล้งเป็นผักขาดการรดน้ำมาจะเดือนแล้วนะ อีกไม่นานหมอนั่นก็กลับมาแล้วผมคงไม่มีโอกาสทองแบบนี้แน่ๆ
“ก็ได้ครับ แต่แป๊บเดียวนะครับเดี๋ยวพวกที่เหลือรู้”
“เยส แบบนี้สิถึงเรียกว่าชายหนุ่มผู้ห้าวหาญ”
ผมชูกำปั้นร้องเยสเสียงดังลั่นและคว้าแก้วเหล้าหนึ่งแก้วให้เขาไป ส่วนตัวเองก็สั่งเพิ่มก่อนจะเดินไปที่โต๊ะนั้นตามสาวๆ เรียกร้อง
“สวัสดีครับสุดสวย มาเที่ยวกลางคืนแบบนี้แฟนไม่ว่าเอาเหรอครับ”
คำถามเบสิกครับว่าเราจะหลอกถามสาวๆ ยังไงให้เธอตอบมาว่าไม่มีแฟน มันก็เหมือนคำถามที่มีคำตอบนั่นแหละครับว่าเธอก็ต้องยิ้มและบอกว่าไม่มีแฟน
“ไม่มีแฟนให้โดนว่าน่ะสิคะ เนี่ยก็ว่าอยากจะมีแฟนอยู่ก็ไม่รู้ว่าคุณหน้าหวานมีแฟนหรือยัง?”
“ถ้าหมายถึงเราสองคนมั่นใจเลยครับว่ายังไม่มี”
ผมยิ้มหวานส่งไปให้และเอาข้อศอกกระทุ้งเอวให้คนติดตามข้างๆ ยกแก้วไปชนกับเธอด้วย สาวๆ พากันยิ้มและเอาตัวเบียดผมกับอีกคนใหญ่ หน้าอกหน้าใจก็ติดแขนไปหมด นี่สิสิ่งที่ผมพร่ำหามาตลอดแต่แปลกที่จู่ๆ ผมก็เอาขาถอยหลังหนีช้าๆ
“ตามมาหลอกหลอนทำไมวะ”
พอจะเอาอกกระแทกกับคัพซีหน้าตาของคนที่คอยดุผมเรื่องใส่เสื้อกล้ามออกมาข้างนอก พาดเสื้อผ้าไว้ที่โซฟาก็ลอยเข้าหัวมาซะงั้น มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ยกินเหล้าไม่อร่อยเลย ขมคอชะมัด
“คุณมากันสองคนเหรอคะ เราชื่อนินา...แล้วพวกคุณล่ะ?”
“ผมยองแจครับ ส่วนเพื่อนผมชื่อชินฮวา”
ผมเอามือไปคล้องคอคนที่ติดตามผมข้างๆ ลูกน้องของแจ็คสันตัวเกร็งทื่อเพราะจู่ๆ ผมก็ตั้งชื่อให้ เอาจริงผมไม่รู้หรอกว่าเขาชื่ออะไรน่ะ แต่กลัวไม่เนียน
“แหม ชื่อเพราะทั้งคู่เลยนะคะ น่าสนใจจัง เนี่ยอีกไม่นานผับก็ปิดแล้วพวกคุณมีที่ต่อไหมคะ?”
“ก็ไม่มีนะครับ สาวๆ มีที่ไหมล่ะ?”
แบบนี้เรียกว่าให้ท่า ผมรู้ดีแต่มันก็เป็นโอกาสที่หาได้ยากควรค่าแก่การเก็บไว้ เพราะเธอไม่ใช่ลูกค้าที่ผมต้องรักษาจรรยาบรรณ
“คงต้องไปกับคุณ...”
...ครืดๆๆ...
ยังพูดไม่ทันจบประโยคจู่ๆ แรงสั่นตรงกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้นเรื่อยๆ จนผมรำคาญเลยต้องเอาขึ้นมาดู แต่ยังไม่ทันเห็นหน้าจอชายข้างๆ ก็เริ่มวางแก้วเหล้าลงและขยับเท้าถอยหลังพลางมองไปที่หน้าประตู
“ซวยละ”
ผมพูดออกมาแบบไม่ต้องดูมือถือเลยด้วยซ้ำว่าใครโทร.มา บอดี้การ์ดข้างนอกเข้ามาในผับขนาดนี้ไม่ต้องสืบเลยว่า
...คุณแจ็คสัน...
ใช่ครับ คนที่โทร.เข้ามาหาผมคือคุณแจ็คสันนั่นแหละ
“ฮัลโหล...ว่าไงคุณ นี่เป็นคนหรือนักสืบเนี่ยรู้ไวจริง”
“กลับ-คอน-โด-เดี๋ยวนี้!”
“เป็นพ่อหรือไงมาสั่งอยู่ได้ ผมเพิ่งมาได้ไม่นานและก็มันเป็นสิทธิ์ของผมที่จะเข้าหาพวกเธอนะ”
ก็จริงนี่ครับ ทำไมผมต้องเชื่อฟังเขาด้วย พ่อก็ไม่ใช่มาสั่งให้ทำนู่นทำนี่ โดยเฉพาะสั่งให้ผมเลิกยุ่งกับพวกเธอและให้กลับบ้าน มันไม่ใช่ตั้งแต่ให้คนตามผมเยอะขนาดนี้แล้ว
“ฉันไม่ได้เป็นพ่อนายแต่เป็นผัว ถ้าไม่กลับฉันจะให้คนหิ้วนาย
กลับเดี๋ยวนี้”
“นี่คุณอย่ามามั่วนะใครเป็นผัวผม พูดให้มันดีๆ และก็ไม่ต้องให้ใครมาหิ้ว เพราะผมไม่กลับ”
“ชเว ยอง แจ!”
...ติ๊ด...
ผมตัดปลายสายทิ้งไปแล้วเพราะมันน่ารำคาญ ใบหน้าของผมหันมามองชายที่เคยรวมหัวกันตอนนี้ส่ายหน้าลูกเดียวว่าจะไม่เอาด้วยแล้ว สาวๆ ก็มองหน้าผมแบบหวาดๆ เออไม่หวาดสิแปลกก็ชายชุดดำล้อมผมอยู่เนี่ย
“เออได้ โอเคกลับก็กลับ”
กลับก็ได้ไม่เห็นต้องมายืนขู่กันขนาดนี้เลยนี่หว่า คุณแจ็คสันนะคุณแจ็คสัน กลับมาก่อนเถอะจะเร่งให้ฉีกสัญญาทิ้ง ไม่ทนมันแล้วว้อย
End Youngjae’s Part
“คุณแจ็คสันครับ ลายเซ็นเมื่อกี้ไม่ใช่ของท่านนะครับ”
“เห้ย นี่ฉันเขียนชื่อยองแจทำไมวะเนี่ย!”
ตั้งแต่เช้ามาแจ็คสันก็ไม่ค่อยมีกะจิตกะใจอยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไหร่ ไม่ว่าเลขาจะสรุปงานประชุมเมื่อกี้นี้เข้าหูยังไงเหมือนสมองไม่ไปตามสักนิด จนร้ายแรงสุดก็เซ็นเอกสารต่อหน้าพนักงานผิดเนี่ยแหละ
“ท่านเขียนเป็นชื่อใครครับเนี่ยพอดีผมฟังชื่อไม่ออก”
ที่พนักงานฟังไม่ออกเพราะชื่อที่แจ็คสันเอ่ยมามันไม่ใช่ภาษากวางตุ้งที่ใช้กันทุกวันในฮ่องกงนั่นแหละ
“ช่างเถอะ นายไปปริ๊นต์มาใหม่และเอามาให้ฉันละกัน”
“ตั้งแต่คุณแจ็คสันมาดูงานฮ่องกงเดือนนึงดูใจลอยๆ นะครับ”
ไม่ใช่เพียงแค่พนักงานคนนี้คิดหรอก ช่วงนี้แจ็คสันเองก็รู้ตัวเหมือนกันว่าผิดแปลกไป ปกติเขาใส่ใจงานมากกว่านี้ แต่นี่ไม่ใช่เลย เขาดูไม่ค่อยมีสมาธิกับงาน ยิ่งเรื่องเมื่อคืนนะ...
“นายเคยคิดถึงเรื่องของใครจนกังวลไหม?”
“หืม ท่านหมายความว่ายังไงเหรอครับเนี่ย? หรือว่าท่านคิดถึงแฟนที่เกาหลีครับ”
...พรวด...
กาแฟที่เริ่มไม่เย็นแล้วพ่นออกจากปากทันที เลอะเอกสารไปหมดจนแจ็คสันต้องคว้าทิชชู่มาซับกันพัลวัน
“นายพูดไรเนี่ย...ไม่ใช่ ฉันหมายถึงลูกจ้างที่ชอบสร้างเรื่องน่ะ”
“อ๋อ ก็ท่านมีอาการเหมือนคนคิดถึงแฟนมาตลอดนี่ครับ ใครๆ ก็บอกมาอย่างนี้ผมเห็นยังแอบคิดว่าท่านห่วงแฟนอยู่ แต่ถ้าไม่ใช่แสดงว่าคนนั้นต้องสำคัญกับท่านมากแน่ๆ ท่านถึงใจลอยขนาดนี้”
“นี่ฉันอาการออกขนาดนั้นเลยเหรอ?”
อาการออกจนใครๆ พากันคิดว่าคิดถึงแฟนนี่ก็คงไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้วล่ะ เขาแปลกไปจริงๆ
“ครับ เอ่อ...ท่านชอบใครอยู่หรือเปล่า ผมจะได้ให้คำแนะนำถูก”
“เห้อ...ไม่มีอะไรหรอก ไปปริ๊นต์เอกสารมาใหม่ได้แล้ว”
แจ็คสันมองแผ่นหลังพนักงานคนนั้นจนกระทั่งเดินออกไปจากห้องทำงานก่อนจะหันมามองมือถือตัวเองที่สายโทร.ออกล่าสุดตลอดทั้งเดือนนี้ก็มีแต่ยองแจ ข้อความล่าสุดที่ไม่ใช่เรื่องงานก็มีแต่ยองแจ นี่เขาชักจะเป็นประสาทไปแล้วหรือไงกันที่เอาแต่ตามเรื่องของยองแจ
“ปกติอยู่คนเดียวมาตลอดละมั้งพอมีตัววุ่นวายมาอยู่ด้วยก็แค่แปลกใหม่ ไม่มีอะไรหรอก”
แต่ใบหน้าของแจ็คสันกลับอมยิ้มเมื่อคิดไปถึงตอนที่จับได้ว่ายองแจยิ้มให้ที่กระจกบ้านเขา หรือว่าวีรกรรมกวนประสาทที่เอาแต่แหกปากร้องเพลงวงนักร้องที่ชอบในห้องจนเสียงดังไปถึงห้องทำงาน ห้องนอน แรกๆ ก็หนวกหูแต่พอฟังไปฟังมาก็ขำในเสียงหลง เหมือนตอนนี้
“หึๆ นายมันแปลกนะยองแจ”
แปลกที่ว่าก็คงเป็นเรื่องที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับเขามาตลอด ปกติถ้าเป็นคนอื่นก็คงดี๊ด๊าที่ได้เข้ามาอยู่ร่วมกันกับเขา ได้เงินก้อนโตทำงานสบายๆ นั่นแหละ แต่นี่อะไรกัดกับเขาได้ทุกวี่ทุกวัน ไม่รู้ว่าคอนโดป่านนี้จะรกแค่ไหน
...ครืดๆๆ...
คิดได้อยู่ไม่นานรูปในแอปพลิเคชั่นแชทของแจ็คสันก็ดังขึ้นพร้อมข้อความของบอดี้การ์ดของเขาที่หน้าจอ ยังไม่ทันอ่านดีแจ็คสันก็ตาโตรีบคว้ามันมาดูใกล้ๆ
‘วันนี้คุณยองแจอาเจียนหนักมาก คุณแจ็คสันให้พวกผมพาเขาไปโรงพยาบาลไหมครับ เขาเป็นแบบนี้มาสักสองสามวันแล้ว’
“ไอ้พวกโง่ เขาไม่สบายก็พาไปโรงพยาบาลดิวะ”
แจ็คสันโมโหขึ้นมาไม่มีปี่มีขลุ่ยทั้งที่ปกติเขาเป็นคนเฉยชากับเรื่องพวกนี้มากแท้ๆ ปากบ่นมือก็กดสายโทร.ออกไปที่คนส่งข้อความมา
“ฮัลโหล เป็นหนักไหม?”
“ก็ไม่หนักเท่าไหร่ครับท่าน วันนี้คุณยองแจมาทานข้าวข้างนอกกับน้องชายพวกผมเลยเห็นว่าเขาอาเจียน พอถามก็บอกไม่เป็นไรเพราะเป็นมาสองสามวันแล้วและเดี๋ยวมันก็ดีขึ้น”
“พาไปหาหมอ ถ้าหมอนั่นไม่ยอมไปก็บอกฉันบังคับ”
“ครับท่าน”
แจ็คสันค่อนข้างหัวเสียน่าดู ดื้อกับเจ้านายไม่พอยังดื้อกับร่างกายตัวเองอีก ไม่สบายแทนที่จะไปหาหมอก็ฝืนตัวเองให้ป่วยเนี่ยนะ
“ต้องรีบเคลียร์งานไปคุยกันให้รู้เรื่องแล้วมั้งยองแจ”
ว่าแล้วเขาก็นั่งก้มหน้าก้มตาเคลียร์งานให้เสร็จ ดูจากแท็บเล็ตแล้วก็เห็นว่าพรุ่งนี้มีตารางไปเจอซัพพลายเออร์แค่ถึงเที่ยง ดังนั้นเขาว่าจะบินกลับเกาหลีเลย
“ฮัลโหล จองตั๋วเครื่องบินฉันกลับเกาหลีเที่ยวไฟลท์บ่ายโมงด้วยนะ”
“ค่ะท่าน”
แจ็คสันกดโทรศัพท์ไปหาเลขาหน้าห้องพอพูดเสร็จก็พิมพ์งานไปมองมือถือไปว่าบอดี้การ์ดของเขาจะมีน้ำยาพอที่จะบังคับยองแจไปหาหมอได้ไหม
“หมอนั่นเป็นอะไรหนักไหมเนี่ย เห้อ...วุ่นวายจริงๆ”
...แกร๊ก...
เสียงปิดประตูห้องของชายชุดกาวน์ดังขึ้นท่ามกลางสีหน้าตึงเครียดของตัวเองที่มองมายังยองแจซึ่งไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวอะไรหลังจากถูกบรรดาชายชุดดำลากมาที่โรงพยาบาลแม้แต่น้อย
“อ้าวคุณหมอมิโนมาแล้วเหรอครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรมากใช่ไหม เนี่ยก็บอกพวกเขาแล้วว่าไม่ได้เป็นอะไรก็ยังบังคับพามา”
ยองแจหันไปพูดกับคนที่เพิ่งเข้ามาในห้อง น้ำเสียงรำคาญปนหงุดหงิดหน่อยๆ ตามสไตล์คนโดนบังคับมา
“คุณยองแจรู้ได้ไงครับว่าไม่มีอะไร นี่มันเรื่องใหญ่มากเลยนะครับ ตั้งแต่ทำงานเป็นหมอมา หรือแม้กระทั่งอาจารย์หมอของผมก็ยังตกใจจนลมจะจับ”
“คุณหมอบอกว่าผม...เป็นโรคร้ายแรงเหรอครับ? หมอ! บอกผมมานะว่าผมเป็นอะไร ผมใกล้ตายเหรอครับ ไม่ได้นะผมยังส่งน้องชายเรียนไม่จบเลย”
มือของยองแจถือวิสาสะจับไปที่ข้อแขนของหมอตรงหน้า อาการชิลๆ ของเขาเริ่มหายไปตั้งแต่เห็นสีหน้าของหมอที่จริงจังเอาการ
“ไม่ใช่โรคร้ายแรงหรอกครับวางใจได้ เพียงแต่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและต้องปิดเป็นความลับ หมอของถามเรื่องนึงว่าพ่อแม่ของคุณได้บอกอะไรไว้หรือเปล่า ผมหมายถึงตอนที่คุณเกิดมาน่ะ”
“ไม่นี่ครับ พ่อแม่พวกผมจากผมไปตั้งแต่ตอนไหนยังไม่รู้เลย”
เสียงเทาหม่นของยองแจทำเอามิโนไม่กล้าซักถามอะไรต่ออีก ดูท่าจะไม่ใช่เรื่องสมควรถามอีกเลยได้แต่ถอนหายใจและนำผลตรวจให้ยองแจดู
“นี่ไอ้แจ็คสันแฟนคุณยองแจไม่มาด้วยเหรอครับ เรื่องใหญ่เอาการแท้ๆ น่าจะมาฟังข่าวดีด้วยกัน”
ยองแจคว้าเอกสารตรงหน้ามาอ่านช้าๆ พอหมอมิโนพูดขึ้นมาก็ชำเลืองตามองกระดาษทีมองหน้าที ว่าแต่มันเกี่ยวอะไรกับคุณแจ็คสันด้วยเล่า
“ทำไมต้องมาด้วยกันเหรอครับ?”
“ถ้าคุณอ่านเอกสารตรงหน้าเดี๋ยวก็รู้ครับ”
“อืม...ให้ตายสินี่มันอะไรวะเนี่ย อ่านไม่ออกไม่เข้าใจ!”
ให้ตายจริงๆ นั่นแหละ สงสัยหมอมิโนคงจะช็อกมากไปหน่อยเลยลืมว่าศัพท์ทางแพทย์พวกนี้ใครอ่านก็คงไม่เข้าใจ
“ขอโทษทีครับผมตกใจมากไปหน่อย เดี๋ยวผมบอกคุณยองแจช้าๆ ชัดๆ นะครับ ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีก่อนว่าคุณกับเจ้า
แจ็คสันกำลังจะมีตัวน้อยๆ ด้วยกันแล้ว ตอนนี้อายุครรภ์ประมานเกือบสี่สัปดาห์”
“อ๋อ ผมท้องนี่เอง ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรถึงตายซะหน่อย หมอก็เล่นใหญ่ซะน่าตกใจ”
ยองแจหัวเราะอย่างโล่งอกออกมาในขณะที่หมอมิโนเนี่ยสิงงเป็นไก่ตาแตก ยองแจไม่ตกใจเลยเหรอไงกัน ผู้ชายท้องได้มีที่ไหน…
“ห้ะ!! ผมท้อง! ผมเป็นผู้ชายนะครับ!!!”
“ครับ คุณยองแจเป็นเพศชายตั้งแต่เกิดเพียงแต่มีฮอร์โมนเพศหญิงสร้างมดลูกขึ้นมาแฝงในร่างกายของคุณ และตอนนี้คุณก็ตั้งครรภ์อยู่ เพื่อนผมกำลังเป็นพ่อคนแล้ว”
หมอมิโนตกใจได้ไม่นานคนฟังก็ได้สติสักทีว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องปกติสักหน่อย
“บางทีหมออาจจะตรวจผิด ตรวจใหม่ไหมครับอย่ามาเล่นตลกกับผมเลยหน่า”
“คุณยองแจครับ ผมเป็นหมอไม่ใช่แก๊งสามช่า ผมก็ตกใจเหมือนกัน คิดว่าผมตลกเหรอครับตอนนี้”
แต่พอได้สติขึ้นมาก็ไม่เชื่อซะงั้น ทำเอามิโนพูดปนขำออกมาเพราะบางทียองแจก็น่าเอ็นดูเกินไป สีหน้าซีดขาวของยองแจที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มิโนเลยต้องกลับมาเป็นหมออีกครั้งไม่ใช่ฐานะเพื่อนแฟน(กำมะลอ) ของยองแจ
“มันเกิดขึ้นได้ยังไง ถึงคุณหมอจะบอกก็เหอะว่าผมมีฮอร์โมนเพศหญิงมาตอนเกิด แต่เรื่องแบบนี้มันไม่มีในโลก คุณหมอผม...ผมจะทำยังไง?”
“สิ่งที่ผมตอบได้คือเจ้าตัวน้อยของขวัญของคุณกับเจ้าแจ็คสันกำลังเกิดมานะครับ หากไม่นับว่ามันเป็นเรื่องแปลกก็คือเรื่องที่ล้ำค่าที่สุด ผมอยากให้คุณดีใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นและผมจะรับผิดชอบเคสนี้เอง จะไม่มีใครรู้เรื่องคุณ”
“เขาจะปลอดภัยใช่ไหม ที่เขาเกิดมาอยู่ในท้องของผม ผม...”
“ต้องปลอดภัยสิครับ ผมสัญญาว่าจะดูแลคุณและเจ้าตัวเล็กให้ดีที่สุด ผมเป็นเพื่อนเจ้าแจ็คสันมันนะ ขืนลูกมันเป็นอะไรไปผมตายพอดี”
พอได้ยินหมอว่าอย่างนั้นความกังวลที่มาหลังความตกใจของยองแจก็ซาลง เพียงแต่ว่าพอเขาคิดถึงแจ็คสันจู่ๆ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
“หมอมิโนครับ ผมมีเรื่องจะขอร้อง...หมออย่าเพิ่งบอกพี่แจ็คสันได้ไหมครับ ผมอยากบอกพี่เขาเอง”
ความจริงคือยองแจไม่มีทางจะบอกแจ็คสันด้วยซ้ำ แค่เขามาฟังเรื่องนี้ก็ยังตกใจแทบช็อก แล้วแจ็คสันล่ะ...ถ้ารู้เรื่องคงไม่ไล่ไปทำแท้งหรอกเหรอ ถ้าหากแจ็คสันรู้และไล่เขาไปเขาจะทำยังไง เลี้ยงลูกคนเดียวเรื่องใหญ่จะตาย ไหนจะค่าเรียนแบมแบมอีก
สมองมืดแปดด้านไปหมด
“ผม...เอ่อ บอกไปแล้ว”
“ห้ะ ว่าไงนะหมอ?”
นักอ่านสามารถซื้อเป็นหนังสือแบบ E-Book อ่านได้แล้ววันนี้
ในราคาเพียง 200 บาทให้อ่านกันจุใจ
E-Book ประกอบด้วย เนื้อหาตั้งแต่แรกจนจบและตอนพิเศษในเล่มโดยเฉพาะ
ลิ้งค์ซื้อ #แฟนกำมะลอจจ คลิกที่นี่
ลิ้งค์วิธีซื้อ #แฟนกำมะลอจจ คลิกที่นี่
สามารถแสดงความคิดเห็นผ่านทวิต #แฟนกำมะลอจจ
AUTHOR: SNOOKY
FANS PAGE : SECRET SNOOKY FICTION
TWITTER @SKadsakul
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ตื่นเต้นกับตอนหน้า กรี้ดดด