ตอนที่ 12 : [Rewrite] ศึกชิงนาง 100%
“แม่อยากให้ลูกเลิกมีอคติในหัว เลิกบ้างานบ้าง มากินข้าวกับแม่บ่อยๆ พายองแจมานั่งเล่นที่บ้านนั่งหัวเราะกันเหมือนอย่างวันนี้”
หน่วยน้ำตาของเธอเริ่มซึมออกมาจนแจ็คสันอดมองไม่ได้ เธอดูจะคาดหวังกับเรื่องของเขาและยองแจมากกว่าที่ตั้งใจเอาไว้ซะแล้ว เหมือนเขากำลังหลอกให้แม่ตัวเองดีใจและมีความสุขกับเรื่องที่ปั้นแต่งขึ้นมา
แจ็คสันกำลังทำบาป แต่จะให้ถอยตอนนี้มันก็ไม่ได้เหมือนกัน
“ผมสัญญาว่าจะพายองแจมาหาแม่บ่อยๆ นะครับ ส่วนเรื่องแต่งงานเราสองคนยังไม่คิดไปถึงขั้นนั้นหรอก แค่ทุกวันนี้ก็เอาให้รอด เอ้ย แค่ศึกษากันไปก่อนดีกว่า”
แจ็คสันเกือบหลุดออกมาแล้วไหมล่ะ
“อ๋อเหรอ ศึกษากันไปก่อนแต่ไปจิ้มเขาแล้วเนี่ยนะไอ้ลูกไม่รักดี”
อ้าวไหนแม่วนมาเรื่องนี้ซะได้ แจ็คสันนี่หลบมือแม่ตัวเองที่ไล่ตีเนื้อตัวจนแทบไม่ทัน
“โอ้ยแม่ผมเจ็บนะ ก็คนรักกันมันก็ต้องมีบ้างผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ได้เริ่ม ยองแจยั่วเองต่างหาก”
“ยังจะมาพูดอีก ถ้าฉันเป็นหนูยองแจนะจะเอาเลือดจากหัวลูกเลยให้ตายเถอะ”
แม่ของแจ็คสันพ่นลมหายใจแรงและเลิกทุบตีแจ็คสันสักที แจ็คสันเหลือบตาขึ้นมามองแม่ตัวเองและเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะโอบรัดเอวเธอกอดหลวมๆ
“แม่ก็...ว่าแต่ยองแจไปไหนเนี่ย ล้างจานนานไปแล้วนะที่บ้านก็มีคนใช้นี่ไม่น่าจะนานขนาดนี้”
“อื้อ!”
ดวงตาของยองแจเบิกกว้างเมื่อมือใครไม่รู้เอื้อมจากด้านหลังมาปิดปากของเขาไว้ขณะที่กำลังเดินกลับไปที่ห้องรับแขกที่มีแจ็คสันมองหาอยู่ ร่างเล็กดิ้นให้พ้นการเกาะกุมซึ่งแน่นอนว่าคนข้างหลังมีแรงมหาศาลเกินว่าที่ยองแจจะหลุดออกมาได้
“อ่อย!”
เสียงกระแทกกระทั้นในลำคอมันไม่ได้ช่วยให้ใครได้ยินเสียนอกจากร่างจะถูกลากไปห้องแคบๆ มืดๆ สักห้องแถวนั้น ซึ่งมันทำให้ยองแจรู้อย่างหนึ่งว่าคนที่กำลังจู่โจมเขาอยู่คือคนที่รู้จักบ้านนี้ดี
“คุณมาร์ค!”
ใช่คนที่ลากยองแจมาคือมาร์คพี่ชายคนโตของบ้านหวังนั่นเอง แสงที่รอดมาจากประตูเพียงเล็กน้อยมันก็ทำให้ยองแจพอมองเห็นว่าใครเป็นใคร แต่ที่มองไม่เห็นคือเจตนาของมาร์คที่พาเขามาที่นี่ทำไม
“ใช่ฉันเอง จำฉันได้ด้วยเหรอนึกว่าคบอยู่กับมันและจะลืมคนที่คอยตามจีบนายมาเป็นปีๆ ไปแล้ว”
“ไร้สาระ หลีกทางด้วยผมจะไปหาแม่กับพี่แจ็คสัน”
“ไม่น่าเชื่อนะว่าแมนๆ อย่างนายจะไปเป็นเมียแจ็คสันมันแล้ว”
มือของมาร์คเชยคางยองแจขึ้นมาเล็กน้อยแต่ใบหน้ารั้นสะบัดหนีและจ้องกลับด้วยสายตาเย่อหยิ่ง เขาชักจะรำคาญมาร์คจริงๆ แล้วนะ
“คุณมาร์คคุณเป็นบ้าอะไร เนี่ยผมเป็นแฟนน้องชายคุณนะ”
“ฉันไม่เคยนับมันเป็นน้องและไม่อยากได้นายเป็นน้องสะใภ้ด้วย ถึงร่างกายนายจะเป็นของมันแล้วแต่ฉันก็ไม่ถือ”
นิ้วของมาร์คลากไล้ไปทั่วกรอบหน้าของยองแจก่อนจะเกลี่ยที่พวงแก้มใส ใบหน้าผู้ชายที่เขาหลงใหลมาตลอดหลายปี เพียงแต่ไม่มีสิทธิ์ครอบครองเหมือนคนที่มาทีหลังอย่างแจ็คสัน
ราวกับเรื่องทุกอย่างเป็นเรื่องที่ตั้งใจเสียจริงที่พี่น้องต่างสายเลือดมารักผู้ชายคนเดียวกัน เหมือนเป็นเรื่องที่ไม่ใช่แค่ความบังเอิญ
“ปล่อยผม คุณจะมาทำแบบนี้ไม่ได้ ปล่อย”
ยองแจดิ้นเป็นพัลวันเมื่อมาร์คดันร่างทั้งร่างชิดกำแพง หนำซ้ำยังรวบแขนยองแจเหนือหัว ไม่เท่านั้นเสียงที่เคยตะโกนโหวกเหวกก็ถูกมาร์คใช้มือปิดปากแน่น
ซอกคอขาวกลายเป็นจุดน่าสนใจที่ใหม่ให้มาร์คได้ดูดดึงสร้างความเจ็บปวดและน้ำตาให้ยองแจ มันเจ็บและทารุณมากกว่าจะเสียใจ มันเจ็บเหมือนโดนกัดคอจนน้ำตาซึม จะร้องก็ร้องไม่ได้
“อื้อ อ่อย!!”
ดวงตารีเบิกกว้างกว่าเดิมเมื่อเสื้อที่สวมใส่ถูกเลิกขึ้นจากขอบกางเกงเพื่อมือร้อนจะสอดแทรกเข้าไปด้านในง่ายๆ ความอุ่นร้อนลากไปทั่วแผ่นหลังของยองแจก่อนจะลามมาด้านหน้าบ้าง
“หึ ตรงไหนที่ไอ้แจ็คสันมันได้ไปฉันจะซ้ำให้หมด นายจะเป็นของคนอื่นฉันไม่สน! ฉันมาก่อนมันฉันควรมีสิทธิ์สิ”
“ไอ่อะ!!”
ยอดอกของยองแจหดเกร็งด้วยความกลัว ความรู้สึกมันไม่เหมือนตอนที่เจ้านายว่าจ้างแฟนกำมะลอของเขาสัมผัสสักนิด ไม่เหมือนเลย
“อั่ก!”
ร่างของมาร์คงอตัวพร้อมกับปล่อยเสียงจุกออกมาเมื่อโดนขาของยองแจกระทุ้งเข้าที่เป้าเต็มๆ เขาไม่ใช่สาวน้อยอ่อนแอไร้ทางสู้ เพราะฉะนั้นมาร์คกำลังมองยองแจผิดไปมากจริงๆ
“ผมเกลียดคุณ อย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่าคุณกับพี่แจ็คสันไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆ ด้วย เพราะคุณมันใจร้าย”
“นายมองฉันร้ายขนาดนั้นเลยเหรอยองแจ นายไม่เห็นความดีที่พยายามทำให้นายเห็นบ้างเลยเหรอ?”
แววตาและน้ำเสียงของมาร์คทำเอายองแจไม่กล้าเปิดประตูออกไปด้านนอกชั่วขณะ การอ้อนวอนร้องขอในสิ่งที่ตัวเองก็ทำเพื่อ
ยองแจมากมายกำลังส่งผ่านแววตานี้
และยองแจเองก็รู้ว่าสิ่งที่มาร์คพูดคือเรื่องจริง มาร์คพิสูจน์และพยายามมามากแต่มันกลับไม่ได้มีค่ากับยองแจ เพราะว่ามาร์คไม่ใช่คนที่เขารัก และไม่มีทางรัก มาร์คเป็นผู้ชาย
“นายก็รู้ว่าทั้งหมดที่ฉันทำไปมันเป็นเพราะฉันชอบ...ไม่ใช่สิ ฉันรักนาย”
ลำตัวของยองแจแข็งทื่อทั้งที่เขาสามารถเดินไปจากห้องนี้ได้อย่างง่ายดาย แต่ยองแจกลับยืนนิ่งให้มาร์คเข้ามาสวมกอดทางด้านหลัง มันเป็นเพราะเขาเป็นคนใจอ่อนเกินไป
กำลังใจอ่อนให้คนที่จะปลุกปล้ำเขาเมื่อกี้หมาดๆ
...ปัง!!...
แต่แล้วเสียงถีบประตูที่ดังลั่นกลับดังขึ้นมาทำลายความใจอ่อนนั่นให้พังลงและผลักไสคนที่บังอาจมาทำเรื่องต่ำๆ กับเขาไม่พอ ยังมาสร้างความกระอักกระอ่วนใจให้อีก
“ออกไป!”
ยองแจตวาดเสียงดังลั่นใส่คนที่กำลังจุกกลางกายนั่นและผลักร่างของมาร์คให้ล้มลงกับพื้นก่อนที่เขาจะกระชากลูกบิดประตูซึ่งล็อกจากด้านในให้เปิดออก
“ยองแจ นายกับมัน! ไอ้มาร์คนายทำอะไรแฟนฉัน!!”
แจ็คสันปรี่ตรงเข้าไปกระชากคอมาร์คขึ้นมาประชันหน้ากับตัวเอง นอกจากมาร์คจะไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับอาการจุกของตัวเองแล้วเขายังยิ้มเยาะเย้ยใส่คนที่กำลังโมโหเป็นฟืนเป็นไฟอีกต่างหาก
“ยังจะมายิ้มอีกเหรอ ไอ้หมาหิวโซชอบลักกินขโมยกิน!”
“แจ็คสัน แม่ว่าเกินไปแล้วนะพี่มาร์คเขาเป็นพี่ของลูกนะ!!”
แต่ยองแจเพิ่งจะรู้ว่าตรงนี้ไม่ได้มีแค่เขาสามคน แต่คนที่สี่คือแม่ของแจ็คสันรวมอยู่ด้วย และเธอก็เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดว่าสองพี่น้องต่างสายเลือดจงเกลียดจงชังกันแค่ไหน
“แม่ไม่เห็นเหรอครับว่ามันตั้งใจทำอะไรแฟนผม ถ้ามันเห็นผมเป็นน้องมันคงไม่ตีท้ายครัวผม”
“แม่ว่าเราไปคุยกันดีๆ เถอะลูก”
และยองแจเองก็ทนเห็นสายตาผิดหวังเสียใจของคนเป็นแม่ไม่ได้จริงๆ หากทว่าเขาไม่เคยได้รับความรักจากแม่สักครั้งเขาเลยอิจฉาแจ็คสันจนล้นอก เขาไม่ควรทำให้ผู้หญิงคนนี้เสียใจ ถ้าเขาเป็นลูกของเธอจะไม่ทำให้เธอผิดหวัง
ดังนั้นยองแจไม่ควรให้เรื่องมันแย่ไปกว่านี้
“พี่แจ็คสันครับใจเย็นก่อนนะ พี่มาร์คไม่ได้ทำอะไรยองแจ พี่มาร์คเขามาช่วยยองแจหยิบไม้กวาดแล้วเราสองคนออกจากห้องนี้ไม่ได้เท่านั้นเอง”
และแล้วยองแจก็โกหกออกไปเพียงเพราะต้องการให้ผู้หญิงกลางคนรุ่นราวคราวเดียวกับแม่เขาสบายใจ เพราะเขารู้ดีว่าแจ็คสันไม่มีทางเชื่อคำโกหกของยองแจอยู่แล้ว
เขาเลยตั้งใจจะพูดให้แม่ได้ยินต่างหาก
“นั่นไงไม่มีอะไรเลยลูก อย่าโมโหกันเลย”
“จริงครับพี่แจ็คสัน มันไม่มีอะไรหรอกนะอย่าทำให้คุณแม่ไม่สบายใจสิ”
ยองแจพยายามเดินเข้าไปเกาะแขนของแจ็คสันให้ใจเย็น ทั้งน้ำเสียงและเจตนาของยองแจนั้นแจ็คสันรับรู้ได้ไม่ยากว่าเขาต้องการให้แจ็คสันน่ะใส่ใจความรู้สึกแม่ของตัวเองก่อนที่จะมาทะเลาะกันในบ้าน แถมต่อหน้าท่านอีก
“อืม ถ้ายองแจว่าอย่างนั้นพี่จะไม่โกรธแล้ว”
แจ็คสันสบสายตายองแจและพยักหน้า ที่ว่าจะไม่โกรธยองแจเองก็รู้ว่าแจ็คสันกำลังแสดงละครต่อหน้าแม่ของตัวเองเหมือนอย่างที่
ยองแจทำอยู่นั่นแหละ
“งั้นแม่ไปรอห้องรับแขกนะ แจ็คสันก็พาพี่เขาออกมาด้วยละกันพี่เขาน่าจะหายใจไม่ออกเลยไปนั่งกับพื้น”
“ครับ เดี๋ยวผมพาพี่เขาออกไปหานะครับ”
แผ่นหลังบางของเธอเดินออกไปจากบริเวณนี้แล้ว ทั้งสามคนมองหน้ากันก่อนที่ยองแจจะกำหมัดแน่นอยากเข้าไปต่อยมาร์คอีกครั้ง ทั้งเรื่องตัวเองโดนย่ำยีไหนจะก่อเรื่องให้ผู้มีบุญคุณต่อมาร์คอย่างเธอเสียใจด้วยฝีมือของมาร์คเอง
เขาเป็นคนไม่มีพ่อแม่ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่มีครอบครัวอยู่ตรงหน้าถึงไม่รักษาความรู้สึก ความรัก และความห่วงใยพวกนี้เอาไว้
“ไม่มีปัญญาหาของตัวเองหรือไงวะถึงต้องมายุ่งกับของคนอื่น!”
พอพ้นสายตาแม่ไปแจ็คสันก็เข้าไปกระชากคอมาร์คขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้มันทั้งดุดันและเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธอย่างเห็นได้ชัด
“พี่แจ็คสันใจเย็นก่อนนี่มันบ้านพี่นะ ยองแจไม่เป็นอะไรแล้ว”
ยองแจโกรธอยู่เต็มอกแต่จะให้ทำยังไงได้ในเมื่อเขายังอยู่ในบ้านหลังนี้มีผู้ใหญ่อยู่ทั้งคน อีกอย่างยองแจไม่ได้เป็นอะไรมากแล้วและถือว่าเมื่อกี้ที่เอาคืนมาร์คไปสาสมเหมือนกัน เขาควรยุติอารมณ์เหมือนโดนเหยียบหน้าของแจ็คสันก่อนที่เรื่องจะบานปลาย
“มันจะทำระยำกับนายนะยองแจ จะให้ฉัน...จะให้พี่ยอมได้ยังไง?”
เกือบหลุดไปแล้ว โชคดีที่แจ็คสันไหวตัวกลับคำทันเสียก่อน
“แต่นี่บ้านพี่ เรากลับบ้านเราเถอะนะครับยองแจไม่อยากอยู่ที่นี่ ไม่อยากเห็นหน้าผู้ชายคนนี้”
ไม่อยากเห็นหน้าผู้ชายคนนี้?
คำสั้นๆ ไม่กี่คำแต่มันช่างบาดลึกไปที่หัวใจของมาร์คเหลือเกิน
“กลับกันเถอะนะครับเดี๋ยวแม่ไม่สบายใจ”
เขาไม่อยากเป็นต้นเหตุทำให้อะไรมันเลวร้ายไปมากกว่านี้
“อืม”
แจ็คสันตอบรับเพียงสั้นๆ และเดินออกมาจากห้องแคบๆ โดยไม่ลืมแสดงละครระดับตุ๊กตาทองคำด้วยการประคองยองแจออกมาด้วย เขาลาแม่ตัวเองไม่นานกับใบหน้ายิ้มแย้มของยองแจที่แสร้งว่าไม่ได้มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นสักนิด
และแม่ของแจ็คสันเองก็ไม่ได้ติดใจอะไรแถมยังให้แม่บ้านเอากับข้าวในครัวจัดแจงให้ยองแจเอากลับคอนโดไปอีกเยอะแยะไปหมด
Mark’s Part
“แบมแบมอยู่ไหน กลับมาจากมหาวิทยาลัยหรือยัง?”
เสียงเกรี้ยวกราดของผมไล่ถามบอดี้การ์ดของตัวเองรายตัวทันทีที่กลับมาจากบ้านใหญ่ รู้อย่างนี้ผมไม่น่าไปบ้านนั้นให้สิ้นเรื่อง ถ้ารู้ว่าต้องไปเจอแจ็คสันและยองแจควงคู่หน้าชื่นกันมาอย่างนั้น
“ครับ เห็นว่ามีคนของเราไปรับถึงมหาวิทยาลัยตามคำสั่งท่านเรียบร้อย ตอนนี้คุณแบมแบมน่าจะอยู่ที่คอนโดท่าน”
“อืม”
ผมพยักหน้าและเดินลงจากรถตัวเองไปยังล็อบบี้คอนโดก่อนจะขึ้นห้องของตัวเอง ภายในลิฟต์มีเพียงแต่ความเงียบและน้ำตาคลอดวงตาราวเหยี่ยวล่าเหยื่อได้ทุกเมื่อของผม มันทั้งเจ็บใจและรู้สึกเจ็บปวดเมื่อเห็นว่ายองแจรังเกียจผมมากแค่ไหน
เมื่อต้องเห็นว่าคนที่ตัวเองรักมาตั้งนานเป็นของคนที่ผมเกลียดเข้าไส้อีก มันน่าเจ็บใจไปหมด ความรักที่ผมส่งให้ยองแจไม่เคยจะถึงนั่นก็ทำให้ผมเจ็บปวดไปทั้งหัวใจ
...ติ๊ด...
เสียงสแกนนิ้วหน้าห้องของผมทำให้กิจกรรมที่ว่าจะเอาสูทไปเก็บก็พับลงชั่วความคิดทันทีและเปลี่ยนเป็นจับจ้องคนที่อยู่ตรงหน้าห้อง รอเขาจนกว่าจะเปิดประตูเข้ามา
“คุณ...คุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เป็นเสียงของแบมแบมนั่นแหละที่พอเปิดประตูเข้ามาหาผมแล้วก็ถามเสียงสั่น ดวงตาพริ้วไหวราวกับลูกนกนั่นทำให้ผมแอบสะใจอยู่นิดหน่อยว่าอย่างน้อยเขาก็กลัวผม ไม่เหมือนกับพี่ชายของเขาที่ไม่มีวันไหนเลยที่ผมจะเอาชนะของเขาได้
แม้แต่จะเป็นเรื่องของหัวใจเองก็ตามที เรื่องแบบนั้นน่ะไม่มีวันชนะได้เลยด้วยซ้ำ
“นี่มันห้องของฉัน ฉันจะกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้ ว่าแต่นายเถอะทำไมเพิ่งกลับเอาป่านนี้ เห็นว่าเลิกเรียนตั้งแต่บ่าย”
“คุณรู้ได้ยังไง?”
ดวงตารีสั่นกึกกัก ให้ทายน่าจะเป็นเพราะว่าเขากลัวผมที่ล่วงรู้เรื่องของเขาขนาดนั้นนั่นแหละ แต่อย่างว่าเด็กในปกครองจะทำอะไรผมต้องรู้ทุกอย่าง แม้กระทั่งที่อยู่บ้านของเพื่อนของแบมแบมทุกคน เพราะเหยื่อน่ะปล่อยให้คลาดสายตาไม่ได้ โดยเฉพาะเหยื่อที่ยังไม่เคยโดนสัตว์ตัวไหนแทะมาก่อน
ไหนจะเป็นเหยื่อที่ผูกเกี่ยวกับเรื่องสำคัญๆ อย่างยองแจ ยิ่งปล่อยไม่ได้
“ไม่มีเรื่องไหนของนายที่ฉันจะไม่รู้นะแบมแบม”
“คุณมันโรคจิต”
“นายว่ายังไงนะแบมแบม?”
ผมชักเสียงดุใส่เขาเมื่อคำพูดของอีกฝ่ายเริ่มใส่อารมณ์กับผมก่อน เด็กคนนี้นี่มันยังไงถึงไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในฐานะไหนถึงได้กล้าขึ้นเสียงใส่ขนาดนี้
“คุณมันโรคจิต ชีวิตของผมมันควรเป็นของผมไม่ใช่การที่คุณจะใช้อำนาจเพื่อรู้ทุกอย่างในชีวิตผมไม่ได้ คุณมันขี้แพ้แถมยังโรคจิต!”
...กรอด...
“ฉันให้โอกาสนายแก้คำพูด นายว่าฉันขี้แพ้กับโรคจิตใช่ไหม ฉันให้นายแก้ตัว”
หมัดของผมกำรวบเข้าหากันและสาวเท้าเข้าไปใกล้ใบหน้าที่แสนจะเย่อหยิ่งของแบมแบม ดวงตาของอีกฝ่ายแม้ว่ามันจะสั่นระริกแต่มันกลับเต็มไปด้วยความทะนงตัวเองมากกว่าความกลัว
แบมแบมคงโกรธผมที่วุ่นวายกับชีวิตเขาเกินไป แต่ขอโทษเพราะผมเป็นเจ้าของชีวิตของเขา ไม่ใช่ให้เขามายืนด่าผมแบบนี้
“ผมไม่ได้พูดอะไรผิด ผมไม่แก้ตัวทั้งนั้น หลบไปครับ ผมจะไปอาบน้ำนอน”
แบมแบมกระแทกไหล่มายังอกของผมทำให้เซเล็กน้อย มันไม่สำคัญเท่ากับอารมณ์ของผมที่พุ่งสูงปรี๊ด เขากับพี่ชายก็คงไม่ต่างกัน ไม่ต่างกันสักนิด
“นี่คุณเข้ามาในห้องผมได้ยังไง ออกไปนะครับ!”
ดวงตาของแบมแบมเบิกกว้างเมื่อเห็นผมเดินตามเขาเข้ามาในห้องติดๆ และหลบตัวหนีเข้าไปในห้องเพราะว่าผมดันประตูให้เปิดออกแล้วแทรกตัวเองเข้าไปข้างใน
“คะ คุณไม่มีสิทธิ์มาโกรธผมนะครับ ในเมื่อคุณเริ่มก่อน”
มือเรียวเริ่มปัดป่ายไปทั่วห้องมากขึ้นในขณะที่ผมเองก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะลดจังหวะการเดินสักนิด ผมเดินเข้าไปเรื่อยๆ เพื่อต้อนแบมแบมให้จนมุม
“นายคิดว่านายเป็นใครแบมแบม? นายกับพี่ชายนายไม่ต่างกันสักนิด ปากเก่งทั้งคู่ ผิดตรงที่ปากของพี่ชายนายมันทำให้ฉันเจ็บเจียนตาย แต่ว่านายมันไม่ใช่”
“เพราะว่ายิ่งฟังนายพูดฉันยิ่งโมโห และคิดว่าถ้าฉันไม่ได้พี่ชายของนาย นายเองก็ควรทำหน้าที่ของนายได้แล้ว”
“ไม่นะครับอย่าเข้ามา”
นักอ่านสามารถซื้อเป็นหนังสือแบบ E-Book อ่านได้แล้ววันนี้
ในราคาเพียง 200 บาทให้อ่านกันจุใจ
E-Book ประกอบด้วย เนื้อหาตั้งแต่แรกจนจบและตอนพิเศษในเล่มโดยเฉพาะ
ลิ้งค์ซื้อ #แฟนกำมะลอจจ คลิกที่นี่
ลิ้งค์วิธีซื้อ #แฟนกำมะลอจจ คลิกที่นี่
สามารถแสดงความคิดเห็นผ่านทวิต #แฟนกำมะลอจจ
AUTHOR: SNOOKY
FANS PAGE : SECRET SNOOKY FICTION
TWITTER @SKadsakul
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

น้องแบม ฮรื้ออออออ
พี่มาร์ค ร้ายอ่ะ. ทำไมไม่อ่อนโยน
มาร์คใจรว้ายยยอะ สงสารแบม ถ้ายองแจรู้เอาคืนมาร์คเลย มาร์คใจร้ายเกินไป