ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    my boy maid นายรับใช้(หัวใจ)ของฉัน (1D Zarry Fic)

    ลำดับตอนที่ #16 : ความรักกับเงิน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 166
      0
      22 พ.ค. 59

     

     

    ว่ากันว่าอนุภาพของความรักนั้นสามารถทำลายอุปสรรคได้ทุกสิ่ง ไม่ว่าปัญหานั้นจะเล็กน้อยตลอดจนเป็นเรื่องที่ใหญ่มากก็ตาม ของอย่างนี้มันขึ้นอยู่กับใจของเจ้าของความรัก แล้วแฮร์รี่ก็กำลังพิสูจน์ความคิดที่หลายๆคนได้คิดเอาไว้

     

    “อนุภาพของความรัก.... จะเป็นจริงไหมเซน มันทำให้เราผ่านตรงนี้ไปได้จริงไหม?” นี่คือสิ่งที่แฮร์รี่คิดระหว่างนั่งหน้ามาร์เก็ต

     

    ด้านเลียม

     

    “แฮซลงไปข้างล่างนานแล้วยังไม่ขึ้นมาอีก เป็นอะไรหรือเปล่า” เซนเดินไปมาเพราะกำลังอยู่ในช่วงวิตก

    จากนั้นเซนก็เดินไปที่ประตูห้องเพื่อจะลงไปดูแฮร์รี่  แต่ว่าเขาก็ต้องชะงักเมื่อเจอเพื่อนที่ยืนหน้าประตูพอดี

     

    “อ้าว ไอ้เลียมเป็นไงบ้างว่ะ?” เซนรีบถามออกไป จนลืมเรื่องที่ต้องการจะทำก่อนหน้านี้

     

    “ก็เครียดแหละ บริษัทเกือบล้มละลาย” เลียมพูดระหว่างเดินเข้าห้อง

     

    “คือเรื่องทั้งหมด ฉัน เอ่อ ..” เซนก้มหน้ารู้สึกผิดข้างๆเลียมที่เดินไปนั่งโซฟา

     

    “หุบปากของนายเหอะน่า ฉันไม่โทษนายหรอก ถ้านายรู้สึกผิดมาก ก็ช่วยกันจับมือน้องแฮซเดินให้ตลอดรอดฝั่ง ฉันจะดีใจมาก อย่าให้พ่อนายทำตามใจตัวเองสำเร็จ”

     

    “เลียม คือว่ายังไงฉันก็ต้องขอโทษที่นายต้องเดือดร้อนไปด้วยอยู่ดี”

     

    “อืม ฉันเข้าใจ ว่าแต่ไอ้ลูกับไอ้ไนล์ล่ะ เห็นมันบอกว่ามาหานายนี่?” เลียมชะเง้อมองไปรอบห้อง

     

    “อยู่ที่ระเบียงน่ะ ไอ้ลูมันสูบบุหรี่อยู่”

    “อ๋อ เออเซน เมื่อกี้ฉันเห็นน้องแฮซนั่งอยู่ที่มาร์เก็ตน่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง” เลียมพูดอย่างรู้ใจ

     

    “นายนี่สมเป็นเพื่อนรักฉันจริงๆเลย รู้ว่าฉันกำลังคิดอะไร ฮ่าๆๆ” เซนหายวิตกบ้างเลยส่งเสียงหัวเราะออกมา

     

    “หัวเราะแล้วเหรอแก” ไนออลที่เดินมาจากระเบียงพร้อมๆกับลูอิสทักขึ้น

     

    “อย่าเครียดไปเลย พวกฉันยังไงก็อยู่ข้างแกอยู่แล้ว แกยังมีเพื่อนอย่างพวกฉันนะเว้ย” ลูอิสตบบ่าเซน

     

    “อืม ขอบใจพวกนายมาก” เซนว่าแล้วมองไปที่เพื่อนทั้งสามคนของเขา

     

    “เออไอ้เลียม แล้วเรื่องบริษัทครอบครัวนาย แกจะจัดการยังไงกันว่ะ?” ลูอิสถาม

     

    “คงต้องเปลี่ยนประธานบริษัทว่ะ คือให้คนที่พ่อมีบุญคุณด้วยขึ้นมารักษาตำแหน่งแทนไปก่อน คนนี้ถือหุ้นรายใหญ่อยู่” เลียมว่า

     

    “อ่อ งั้นแสดงว่าทางออกของนายก็ยังมีอยู่สินะ ค่อยโล่งใจหน่อย แต่ว่าถ้าแกมีอะไรให้ช่วย บอกกันนะเว้ย”                     ไนออลว่าอีกคน

     

    “แน่นอนเพื่อน” เลียมบีบไหล่ไนออลเบาๆ

     

    “ฉันไม่คิดเลยว่าพ่อฉันจะเล่นแรงกับเราแบบนี้ แค่เรื่องความรักของคนสองคนต้องดึงคนมากมายมาเดือดร้อนไปด้วย” เซนว่าเสียงเครียด

     

    “ก็เพราะพ่อนายเขาไม่ได้เห็นว่าเรื่องความรักของแกสองคนเป็นเรื่องเล็กๆไง ความรักของพวกนายมันทำให้เม็ดเงินทางธุรกิจมหาศาลมันหายไปกับตา ถ้าเกิดแกไม่ไปดองกับครอบครัวเจด” ลูอิสว่า

     

    “คงงั้น เรื่องเงินกับอำนาจ พ่อฉันทำได้หมดแหละ” เซนกล่าว

    “แต่ยังไงพวกฉันก็คิดแค่ว่าคนที่ทำให้พวกฉันตกที่นั่งลำบากคือพ่อนายไม่ใช่นายหรือว่าแฮร์รี่เลย แกสบายใจได้” เลียมตบบ่าเซนอีกครั้ง

     

    “แต่ฉันว่าตอนนี้เราทุกคนกำลังจะลำบากแล้วว่ะเพื่อน” ไนออลว่าด้วยสายตาตกตะลึง

     

    ดวงตาสีน้ำตาลของเซนสะท้อนเงาของบุคคลตรงหน้า ซึ่งมายืนฟังการสนทนาของพวกเขาสามคนไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ เรื่องที่ไม่สมควรให้เธอรับรู้ ป่านนี้เรื่องทุกอย่างคงเข้าหูทั้งสองข้างของแอนน์ไปจนหมด เพราะอาการของแอนน์มันบ่งบอกว่าเธอเสียใจ พร้อมๆกับผิดหวังที่สุดท้ายเป็นเธอคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย

     

    “แอนน์” เสียงเรียกที่แผ่วเบาของเซนที่ส่งไปยังร่างหญิงกลางคนตรงหน้า

     

    “คือเรื่องทั้งหมดนี้คุณแอนน์อย่าวิตกไปเลยนะครับ คือว่า..” ไม่ทันที่ลูอิสจะได้อธิบายอะไรต่อแอนน์ก็พูดขัดขึ้นมา

     

    “พวกเธอหยุดพูดเถอะ จากที่ได้ยินฉันพอรู้ถึงสาเหตุเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นแล้ว มันเป็นเพราะแฮซ ลูกชายของฉัน ทั้งบ้านตัวเองและเลียมต้องมาเดือดร้อน” แอนน์พูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดปนผิดหวัง

    “เซน นายรักลูกแม่จริงๆ แม่รู้ แต่ว่าทางครอบครัวเธอเขาไม่ได้เห็นชอบ เรื่องจะไปกันใหญ่นะ อย่าให้ทุกคนเดือดร้อนไปมากกว่านี้เลย แม่รู้สึกผิด” แอนน์ยังคงว่าต่อ

     

    “ไม่นะครับแม่ เดี๋ยวยังไงเรื่องนี้ผมกับแฮซจะจัดการเอง ผมไม่เลิกกับแฮซนะแม่” เซนรีบลุกขึ้นเดินมาหาเธอ

               

    “คือคุณแอนน์อย่างวิตกไปครับ พวกผมไม่ได้เดือดร้อนอะไร ถ้าปล่อยให้พ่อเซนทำสำเร็จ ใครมีความสุขล่ะครับ ทั้งเซน แฮซมีแต่จะเจ็บโดยที่ไม่ได้อะไร” เลียมเข้ามาพูดอีกคน

     

    “แต่ทุกคนเชื่อฉันเถอะ ถ้าทั้งสองคนยังฝืนกันต่อเรื่องนี้ไม่จบ อีกอย่างพ่อเซนทำได้ถึงขนาดนี้แล้วคงไม่หยุดเท่านี้หรอก” แอนน์พูดด้วยเหตุผล

     

    “แต่ว่าถ้าไม่ให้ผมได้ทำอะไรเลยแล้วยอมแพ้ง่ายๆ มันก็ไม่ใช่เซน มาลิคเหมือนกัน” เซนพูดสายตาแน่วแน่

    “ฉันต้องการจบปัญหาทุกอย่าง ดังนั้นฉันตัดสินใจแล้วว่ายังไงแฮซก็ต้องออกไปจากที่นี่ และเลิกคบกับเซน” แอนน์ประกาศออกมา

     

    ปัง!!....

    เสียงประตูห้องดังขึ้นจากทางด้านหลังของพวกเขาทั้งห้าคน จนทั้งหมดต้องหันไปดูต้นเสียงนั้น

     

    “ไม่นะครับแม่ ผมลองคิดดูแล้ว ยังไงผมกับเซนจะไม่เลิกกันเด็ดขาด เราสองคนจะสู้ข้ามผ่านไปให้ได้ครับแม่”

    เสียงแฮร์รี่ตะโกนออกมาปนเสียงเหนื่อยหอบ

     

    “แฮซ ลูกก็รู้ว่าเรื่องมันบานปลายนะ” แอนน์แย้งออกมา

     

    “ไม่หรอกครับแม่ พวกผมสองคนจะพยายามทำให้ดีที่สุดครับ” เซนเดินเข้ามาจับมือแฮร์รี่เอาไว้แน่น

     

    “ในเมื่อยืนยันกันซะขนาดนี้ ฉันจะไปห้ามอะไรได้ เอาเถอะ ยังไงก็จัดการปัญหาอย่างรอบคอบละกัน ไม่งั้นเดี๋ยวจะเกิดผลเสียตามมาทีหลังได้” แอนน์ยิ้มบางๆ แล้วเดินเข้าห้องไป

     

    “เยส!

    เสียงตบฝ่ามือของไนออลและลูอิสดังขึ้นกลางห้อง เพื่อแสดงความดีใจที่ทั้งหมดสามารถคลายปัญหาการไม่เห็นด้วยของแอนน์ได้ บนใบหน้าของทุกคนก็ปรากฏรอยยิ้มออกมา

     

    “ดีใจดวยนะเซน น้องแฮซ เท่านี้ก็ปลดปัญหาๆไปหนึ่งเปราะละ” ลูอิสว่า

     

    “จากนี้ยังไงก็จะมีฉัน เลียม และลู คอยช่วยพวกนายสองคนให้สมหวังนะ เพื่อน” ไนออลเดินไปโอบไหล่เซน แล้วเขย่าแรงๆ

     

    “เออ ขอบใจพวกนายมากนะที่คอยอยู่ข้างฉันมาตลอด แม้ว่าฉันเนี่ยจะสร้างเรื่องให้พวกนายเดือดร้อนก็ตามที”

    เซนว่า

    “เฮ้ย ไม่เอาน่า เดือดร้อนอะไรกัน เอาเวลามาว่าตัวเองมาคิดกันดีกว่าว่าจะทำยังไงต่อไป” เลียมพูด

     

    เวลาผ่านไปยี่สิบนาที.....

               

    “โอ๊ย ให้ตายเถอะ ฉันคิดไม่ออกว่ะเพื่อน เราจะทำยังไงดี” ไนออลยีหัวตัวเองอย่างแรง กลางห้องรับแขก

               

    “นั่นสิ ยิ่งคิดวิธีมากเท่าไร ก็มีผลตามมาทุกวิธีเลย” ลูอิสบ่นอีกคน

               

    “เราจะทำยังไงดี วางแผนมาหลายแผนล่ะ” เซนว่า

               

    “ในเมื่อคิดแผนแล้วกลัวทำไม่ได้บ้าง กลัวผลเสียที่จะตามมาบ้าง งั้นทำไมเราไม่เข้าไปบอกพ่อนายตรงๆเลยละเซน จับมือกันเดินเข้าไปเลย” เลียมเสนอ ซึ่งทุกคนต่างมองมาที่ความคิดเขา

               

    “ความคิดเลียมเข้าท่าว่ะเพื่อน บอกเขาไปเลยว่ารักกันขนาดไหน ถ้าเขาไม่ฟังก็ต่อรองไปเลย” ลูอิสพูด

               

    “ต่อรองอะไรว่ะ?” ไนออลถามลูอิส

               

    “เออ ต่อรองอะไรดีว่ะ ลืมคิด รู้อย่างเดียวว่าท้าทายอำนาจแล้วพิสูจน์ให้เห็น ฮ่าๆๆ” ลูอิสลูบหัวไปมาแล้วหัวเราะร่วน

                “ลูอิสคือลูอิสจริงๆ” เลียมผลักไหล่ลูอิสอย่างหมันไส้

               

    “เรื่องต่อรองกับคำพูด ฉันกับแฮซจะคิดเอาเองล่ะกัน วันนี้ก็เย็นละ หาอะไรกินกันดีกว่า พวกนายเหนื่อยกับเรื่องเราสองคนมามากล่ะ” เซนว่า

               

    “อืม งั้นเดี๋ยวฉันไปทำอะไรมาให้กินก็แล้วกัน พวกนายก็นั่งคุยกันไปก่อนนะ” แฮร์รี่ว่าแล้วลุกขึ้น

               

    “แฮซ เดี๋ยวฉันช่วย” เซนพูดแล้วกำลังลุกขึ้น แต่ก็ต้องชะงักตัว

                “ไม่ต้องเลยเซน ฉันทำได้ ฉันคือคนรับใช้ของนายนะ จำไม่ได้เหรอ” แฮร์รี่ว่ายิ้มๆ

               

    “ก็ตอนนี้นายเป็นเมียฉันแล้วนะ ไม่ได้เป็นคนรับใช้แล้วสักหน่อย” เซนยิ้มกรุ้มกริ่ม

               

    “มะ เมีย!” แฮร์รี่หันขวับมามองหน้าทุกคนที่กลังมองไปที่เซน เพราะคำพูดที่ไม่น่าเชื่อว่าจะออกมาจากปากผู้ชายคนนี้

               

    “เซน ไอ้บ้า ไม่อายเขาหรือยังไง” แฮร์รี่พูดเพียงแค่นั้นก็ต้องรีบเดินจ้ำอ้าวเข้าไปในครัวทันที

               

    “โอ้พระเจ้า เมื่อกี้พวกนายเห็นหน้าน้องแฮซของฉันไหมว่ะ แดงยังกะลูกตำลึง น่ารักชะมัด” ลูอิสพูด

               

    “น้องแฮซของแกอะไรกันไอ้ลู นั่นของฉันอย่ามาเนียน” เซนรีบโวยขึ้นมา       

               

    “ดูไอ้เซนสิ เดี๋ยวนี้กับเพื่อนก็ยังหวง แถมพูดคำว่าเมียออกมาได้เต็มปาก ไม่มียางอาย อ่าๆๆ” เลียมหัวเราะ

               

    “ไอ้เซนนี่มันเปลี่ยนไปมากจริงๆ” ไนออลยิ้มแล้วเอานิ้วชี้ไปจิ้มที่แก้มเซนไปมา

               

    “พอเลย พวกนายนี่ ทำไมว่ะ ก็ฉันรักของฉันนี่หว่า” เซนยิ้ม

               

    “ถามจริง นายสองคน...กี่รอบละวะ?” ลูอิสเอามือป้องปากพูดออกมาเบาๆ เพราะกลัวแอนน์ได้ยิน

               

    “ไอ้ลู แกถามอะไรอย่างนั้นว่ะ?” เลียมผลักหน้าลูอิสที่ยื่นออกมา

               

    “ว่าแต่กี่รอบแล้วว่ะเซน?” เลียมถามและยื่นหน้ามาใกล้เซน

               

    “แหม ไอ้เลียม ว่าไอ้ลูมันแต่ถามซะเองนะ เออเซนได้น้องกี่รอบละ อยากรู้ตอบหน่อย” ไนออลยื่นหน้ามาอีกคน

               

    “พวกแกนี่มันทะลึ่งจริงๆ” เซนยิ้มอายๆ

               

    “เร็วๆพวกฉันหน้าด้านถามล่ะเนี่ย” ไนออลว่า แล้วกระพริบตาอย่างอ้อนๆ

               

    “สองครั้ง อารมณ์มันแบบฟินสุดๆ” เซนหัวเราะแล้วพูดออกมา

               

    “เห้ย จริงดิ ไอ้เซนแกมันร้าย” เลียมว่า แล้วถองไหล่เซนหนึ่งที

               

    “เห้ยไอ้เซน น้องเขาครางไหมว่ะ?” ลูอิสยังถามต่อ

               

    “มันไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะบอกพวกแกเลยนะเนี่ย แต่ก็นะพวกแกเพื่อนฉันมานาน แฮซครางได้อารมณ์มาก คิดแล้วมีอารมณ์เลย” เซนยิ้ม

               

    “ฉันอิจฉาแกจัง มันคงเป็นกิจกรรมบนเตียงที่แบบสุดยอดไปเลย” ลูอิสเพ้อ

               

    “นายคงหลงน้องเขาสุดๆเลยสินะ” ไนออลว่า

               

    “บ้า ใครหลง ทุกวันนี้แฮร์รี่ต้องเดินตามก้นฉัน ฉันสั่งอะไรก็ทำ กลัวฉันจะตาย นี่ถ้าไม่เกรงใจพวกแกนะ แฮซเถียงฉันปกติตบหัวหลุดไปล่ะ โถ่”

               

    “เซนนี่มันเทพจริงๆ” ลูอิสยื่นมือไปจับอย่างนับถือ

               

    “ซะ เซน น้องแฮซเขาอยู่หลังนายน่ะ” เลียมเห็นแฮร์รี่ยืนกอดอก พร้อมๆกับรัศมีแห่งพลังบางอย่างปกคลุม จึงพูดเสียงตะกุกตะกัก

               

    “อย่ามาอำฉันดีกว่าไอ้เลียม แฮซมาเมื่อไร จะตบโชว์เลย” เซนทำท่าทางตบกับอากาศ

               

    “เอ่อ เซน ไอ้เลียมไม่ได้พูดเล่นๆนะ น้องเขา ยะ อยู่ด้านหลังนาย” ลูอิสเสียงสั่นเครือไปอีกคน

                ใบหน้าของเซนและไนออลค่อยๆหันไปตามที่เลียมและลูอิสบอกช้าๆ จนพบกับร่างแฮร์รี่ที่ถือจานอยู่

               

    “ซะ ซวยแล้วไง” เซนหน้าถอดสี

               

    “เอ่อ ฉันว่าพวกราสามคนกลับบ้านกันไหม เดี๋ยววันนี้พาไปกินหูฉลามน้ำแดง สูตรภัตตาคารห้าดาวเลย” เลียมพูดแล้วรีบยกตัวขึ้นจากโซฟา

               

    “จริงเหรอเลียม ดีเลยฉันอยากกินขนมจีบพอดี” ไนออลว่า

               

    “เห้ แต่ฉันอยากกินสเต็กที่น้องแฮซถือมาอยู่นะ นั่นเนื้ออย่างดีเลยนะเว้ย น่ากินสุดๆ” ลูอิสมองไปที่มือแฮร์รี่ที่ถือจานสเต็กอยู่

               

    “ถ้าแกจะอยู่กินแล้วเป็นศพอยู่ที่นี่ก็ตามใจ งั้นเราสองคนรีบไปกันเถอะ” เลียมคว้ามือไนออลรีบเดินออกไป

               

    “ไอ้ไนล์ ไอ้เลียม รอฉันด้วย พอดีคิดได้ว่าอยากกินซาลาเปาฮ่องเต้” ลูอิสรีบลุกขึ้นเดินตามพวกเขาสองคนไป

               

    “พวกฉันไปก่อนนะไอ้เซน ยังไงก็ สู้ๆนะเพื่อน” ไนออลหันหน้ามาพูดกับเซน

               

    “ไอ้เพื่อนเวร กลับมาอยู่ด้วยกันก่อน ฉันไม่อยากตายคนเดียว” เซนเสียงสั่นเมื่อมองไปในดวงตาสีเขียวมรกตของคนตรงหน้าที่มันเรื่อมกลายเป็นสีแดงทีละนิดๆ

               

    “หึ! ฉันครางเร้าอารมณ์ ได้ฉันถึงสองครั้ง ยังไม่พอกล้าตบฉันด้วยเหรอ ไหนเอาสิ ตบให้ดูหน่อย”

     

    แฮร์รี่ค่อยๆวางจานที่อยู่ในมือลงกับโต๊ะข้างๆ แล้วเดินเข้ามาใกล้เซน ในขณะที่อีกฝ่ายที่นั่งบนโซฟา ค่อยๆถอยตัวออกห่างแฮร์รี่เรื่อยๆ

     

    “เอ้า หนีทำไมล่ะ มาตบฉันสิ เมื่อกี้คุยกับเพื่อนนี่เก่งไม่ใช่เหรอ?”

     

    “ปะ เปล่านะที่รัก เมื่อกี้ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลย ใครมันจะไปกล้าตบเมียสุดที่รักได้ลงคอละ” เซนยิ้มกว้างออกมา แต่ว่าดวงตาสีน้ำตาลกลับส่ายไปมาอย่างหวาดกลัว

     

    “อ๋อเหรอครับพี่เซน หูฉันไม่ฝาด ไม่ตบฉันใช่ไหม ดีล่ะ งั้นฉันตบเอง ไอ้ผู้ชายปากเสีย!” แฮร์รี่เงื้อมือสูง เซนมองมือนั้นแล้วหลับตาสนิท

     

    “แฮซ พี่ขอโทษ โอ๊ยยยยย!!” เซนแผดเสียงร้องดังลั่นห้อง เมื่อฝ่ามือของแฮร์รี่ประกบลงใบหน้าคมๆของเขาอย่างแรง

     

    “ไอ้เซนจะตายไหมว่ะพวกแก เสียงร้องลั่นขนาดนั้น” ลูอิสพูดขึ้นมา เมื่อพวกเขายังยืนกันอยู่ที่หน้าห้องเซน

    “มันจะเป็นตายร้ายดียังไงก็เรื่องของมันก่อน เรื่องผัวๆเมียๆเราอย่าไปยุ่งเลย เรารีบหนีก่อนที่จะโดนเหมือนไอ้เซนเถอะ” เลียมว่าแล้วเดินไปที่ลิฟต์

    “เซน พวกเราจะเป็นกำลังใจให้ เอาชีวิตรอดกลับมาให้ได้นะเพื่อน” ไนออลพูดใส่ประตูห้องแล้วรีบวิ่งตามลูอิสกับเลียมไปทันที

    วันต่อมา ณ ห้องประชุม

     

    “สำหรับเดือนนี้กำไรพุ่งขึ้นมา 2% นั่นคิดว่าเพียงพอแล้วเหรอ ห้ะ! ทำไมรายได้มันตกลงมาขนาดนี้ ท่านรองประธาน ผมหวังว่าภายในอาทิตย์นี้ จะได้แผนงานทั้งหมดมากระตุ้นรายได้ให้กับบริษัทนะครับ” เสียงเข้มจากประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ดังขึ้นหน้าห้องประชุม

     

    “เอ่อ ท่านประธานครับ ภายในหนึ่งอาทิตย์เองเหรอครับ ผมเกรงว่า...” รองประธานพูด

     

    “ถ้าเกรงว่าจะทำไม่เสร็จ ผมมีซองขาวเตรียมไว้ให้ ท่านรองอยากได้ไหมละครับ?” เขาเค้นเสียงให้ออกมาจากลำคอ

     

    “เอ่อ ผมคิดว่าภายในหนึ่งอาทิตย์ จะมีเอกสารแผนงานทั้งหมดไปวางบนโต๊ะท่านประธานแน่นอนครับท่าน” รองประธานรีบพูดเสียงตะกุกตะกัก

     

    “เอ่อ ประทานโทษครับท่านประธาน อีกสามสิบนาทีท่านมีนัดรับประทานอาหารกับท่านทูตจากอเมริกาคุยเรื่องบ่อน้ำมันครับ” เลขาส่วนตัวของเขากระซิบลงที่ข้างหูคนที่อยู่หน้าห้อง

     

    “อืม ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ” เขาหันไปพูดกับเลขาส่วนตัว

     

    “เอาเป็นว่าวันนี้ขอหยุดการประชุมก่อน แล้วอีกหนึ่งอาทิตย์ ผมต้องได้แผนงานทั้งหมด”

     

    “ครับ ท่านประธาน” คนที่อยู่ในห้องประชุมนับห้าสิบชีวิตลุกขึ้นยืนทำความเคารพผู้ทรงอิทธิพลที่กำลังเดินออกไป

     

    “ท่านประธานมาลิคนี่โหดเกินไปไหมนะ ใครจะบ้าทำแผนงานทั้งหมดนั่นได้ภายในหนึ่งอาทิตย์กัน” เหล่าพนักงานต่างพากันซุบซิบ

     

    “หึ ก็ฉันไงละที่ต้องรวบรวมงานทั้งหมด ซวยชิบ” รองประธานบ่น

     

    “ฉันได้ยินข่าวลือมานะ ขนาดลูกชายตัวเองแท้ๆยังทำกับเขาราวกับไม่ใช่ลูก” พนักงานสาวคนนหนึ่งพูด

     

    “จริงเหรอครับ ผมก็ได้ยินมาในทำนองนั้น สงสารคุณมาลิค ตอนนี้เห็นว่ากำลังต้อนลูกชายเพียงคนเดียวให้หมั้นกับลูกสาวนายพลที่มีอิทธิพลในอังกฤษ” อีกคนเสริม

     

    “ผมล่ะไม่อยากจะพูด ไอ้ที่บริษัทตระกูลเพย์นที่ออกข่าวนั้นว่ากำลังล้มละลาย ก็เป็นฝีมือของท่านประธานเนี่ยละ” รองประธานพูดขึ้นมาบ้าง

     

    “ลูกชายเจ้าของบริษัทนั้นเป็นเพื่อนลูกชายเขาไม่ใช่เหรอ ฉันว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำแปลกๆ แต่ฉันไม่เข้าไปยุ่งมากกว่านี้หรอก กลัวโดนเด้ง ท่านมาลิคอำนาจเหนือฟ้าจะตาย”

    กริก...

    เสียงปิดประตูดังขึ้นในห้องทำงานกว้างใหญ่และหรูหราของท่านประธานมาลิค พร้อมกับเลขาส่วนตัวที่ตามมาในห้องด้วย

     

    “วันนี้นอกจากนัดกินข้าวแล้ว ฉันต้องไปไหนอีก” เขาหันไปถามเลขาข้างๆ

     

    “วันนี้ท่านประธานมีนัดตีกอล์ฟกับท่านนายพลและคุณหนูเจดครับ”

     

    “อืม นั่นสินะ แต่ลูกชายตัวดีมันยังไม่ยอมมาสยบแทบเท้าฉันเลย อวดดีจริงๆ” เขาขบกรามแน่น

     

    “ท่านประธานครับ ผมว่าตอนนี้ท่านรีบเดินทางดีกว่านะครับ เดี๋ยวสาย”

     

    “อืม”

    เขากำลังลุกขึ้น แต่ทว่ามีสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาจากบนโต๊ะทำงานเสียก่อน

    กริ๊ง...

     

    “ว่าไงเบลล่า” มาลิคกดปุ่มโทรศัพท์ติดต่อกับปลายสายที่เป็นเลขาจากนอกห้อง

     

    “เอ่อ ท่านประธานค่ะ คุณหนูเซนมาขอเข้าพบค่ะ แล้วก็มีผู้ชายอีกคนที่มากับคุณหนูด้วย ให้เข้าไปไหมค่ะ?”

    ปลายสายเอ่ยถาม

               

    “ไอ้ลูกเวรมันคงพาไอ้เด็กเหลือขอนั่นมาสินะ หึ สงสัยจะยอมสยบแทบเท้าฉันละมั้ง แดนน์ไปพามันสองคนเข้ามา” มาลิคสั่ง

               

    “ครับท่าน”

               

    เมื่อแดนน์เดินไปเปิดประตูห้อง สายตาของมาลิคก็ไม่ได้แปลกใจอะไรมากมาย เพราะคาดเอาไว้แล้วว่าคนที่มาเยือนคือใคร

               

    “กล้ามาถึงที่นี่ ฉันหวังว่าคงจะได้ฟังอะไรที่มันรื่นหูนะ”มาลิคนั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้ แล้วมองไปที่ทั้งสอง

               

    “คุณหนูกับอีกคน เชิญนั่งที่โซฟาดีกว่าไหมครับ?” แดนน์หันไปพูดกับเซน

               

    “ไม่ล่ะครับ วันนี้เราสองคนมาพูดกับท่านประธานของพวกคุณไม่นาน” เซนว่าด้วยสายตาโกรธแค้น

               

    “หึ มีอะไรก็ว่ามา พอดีฉันมีธุระต่อ”

               

    “ผมกับแฮซได้ลองไปคิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากฝีมือคุณแล้วนะครับ” เซนว่า

               

    “ใช่ครับ เพราะพวกเราสองคน เพื่อนๆของเซนเลยต้องมาเดือดร้อน แล้วถ้าเราไม่หยุดคบกัน ท่านคงทำมากกว่านี้แน่ๆ” แฮร์รี่ว่า

               

    “ฉันไปทำอะไรให้เหรอ ฮ่าๆ” เขาหัวเราะแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง

               

    “ผมว่าเรื่องนั้นคุณรู้ดีครับว่ามันคืออะไร” เซนว่า

               

    “ใช่ เรื่องทั้งหมดมันฝีมือฉันเองล่ะ ถ้างั้นที่พวกแกมา คงจะรู้สินะว่าถ้ายังไม่หยุดความรักงี่เง่าเอาไว้แค่นี้ มันจะเกิดอะไรต่อไป” มาลิคลุกขึ้นเอามือล้วงกระเป๋า

               

    “รู้ครับ แต่ที่เรามา เราแค่จะบอกว่าผมจะไม่เลิกกับเซนแน่นอนครับ แล้วผมจะพิสูจน์ว่าเราก็ทำได้ทุกอย่างให้ได้รักกัน” แฮร์รี่พูดขึ้นอย่างไร้ความเกรงกลัว

               

    “ใช่ ดังนั้นสิ่งที่คุณพยายามให้ผมไปหมั้นกับเจด ก็ต้องยากหน่อย เพราะผมจะไม่ไปดองกับคนที่มันจะมากอบโกยอะไรจากครอบครัวเราเด็ดขาด ซึ่งคุณก็รู้ดีว่าพวกเขาหวังอะไร” เซนพูดขึ้นแล้วยื่นหน้าไปใกล้คนที่เดินเข้ามาหา

               

    “ฉันไม่ได้โง่พอให้พวกมันมากอบโกย แกน่ะอย่ามาอวดดี ในเมื่อแกมาถึงที่นี่เพื่อประกาศท้าทายอำนาจฉัน ก็ดี เตรียมตัวรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับคนรอบข้างแกได้เลย!” มาลิคฉุนจัด

               

    “ครับ ผมจะรอ คุณเองก็เถอะระวังไว้บ้างก็ดี หอกข้างแคร่อย่างนายพลนั่นคงไม่ปล่อยคุณไว้นานหรอก อ้อ แล้วก็ระวังด้วย ถ้ามันมีหลักฐานมากพอ คุณเองอาจจะไม่ได้เสวยสุขแบบนี้ก็ได้ ผมเตือนด้วยความหวังดี คิดซะว่ามีเลือดของคุณอยู่ในตัวผม” เซนยิ้มเย้ยหยัน

               

    “แกไอ้เซน ไอ้ลูกไม่รักดี จะไปดันทุรังคบกันต่อก็เชิญเลย อย่าซมซานกลับมาหาฉันล่ะกัน ดูสิว่าถ้าแกไม่มีเงินแล้ว ไอ้เด็กเหลือขอนี่ยังจะอยู่กับแกไหม” มาลิคประกาศกร้าว

               

    “อยากทำอะไรก็เชิญท่านเลยครับ เพราะต่อให้เซนเป็นอย่างไง ผมก็รักของผมครับ” ดวงตาสีเขียวมรกตจับจ้องไปที่มาลิค

               

    “ได้ แดนน์ ฉันฝากอายัตบัตรทุกบัตรของเซน รวมถึงรถไม่ให้มันมีขับอีกด้วย ริบมาให้หมด” มาลิคโกรธหนักกว่าเดิม

               

    “ไม่ต้องอายัตให้เสียเวลาครับ นี่กระเป๋าเงินผมกับกุญแจรถ เชิญเอาไปให้หมดเลยครับ แล้วผมขอเพียง อย่ามายุ่งกับเรา รวมถึงคนรอบข้างผมด้วย!” เซนเป็นฝ่ายประกาศกร้าวบ้าง

               

    “ได้ ฉันจะพักการทำร้ายคนรอบข้างแกสองคน เอาชีวิตให้อยู่รอดละกัน ไอ้โอหัง” มาลิคกำมือและขบกรามแน่น

               

    “ทำตามที่พูดด้วยละกันครับ เราสองคนขอตัวก่อน ลาล่ะครับ” เซนคว้ามือแฮร์รี่ออกไป โดยไม่ทำความเคารพผู้ที่เป็นบิดาสักนิด

               

    “แดนน์ แกเห็นแล้วใช่ไหม ว่าลูกฉันมันอวดดีแค่ไหน ฉันจะคอยดูว่ามันจะซมซานมาหาฉันเมื่อไร โถ่เว้ย!” เขาหันไปพูดกับเลขาส่วนตัวอย่างเคืองแค้น

               

    ++++++++++++++++++

    โปรดติดตามตอนต่อไป

    ความรักกับเงิน ทั้งสองจะเลือกอะไร เมื่อความรักไม่ได้ปูทางด้วยคอนกรีต พวกเขาจะทำอย่างไร แล้วความรักของทั้งสองจะยังมีให้กันอยู่ หรือยอมแพ้กับมาลิค จนจะต้องทิ้งความรักไปเพื่อเลือกอีกอย่าง

     FOLLOW ME : 

    FANPAGE : Secret Snooky Fiction

    TWITTER: @Skadsakul

               

            

     

               

     

     

               

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×