คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : คุณพ่อ กับ คุณพ่อ
Rrrrrrr
ทันทีที่ผมก้าวขาออกจากห้องน้ำเสียงโทรศัพท์ด้านล่างก็ดังขึ้น ผมเดินลงบันไดไปรับ ดีนะที่ผมใส่เสื้อเรียบร้อยแล้ว ความทรงจำอันน่าอับอายเมื่อเช้าผมจะจำไว้เป็นบทเรียนที่ไม่มีวันลืมเลยเด็ดขาด
“ครับ” ผมยกหูโทรศัพท์บ้านขึ้นพลางเช็ดศีรษะที่ยังไม่แห้งไปด้วย
“เดย์ นี่พ่อนะครับ มารับพ่อที่สนามบินหน่อยได้ไหม” เสียงปลายสายคือพ่อของผมเองครับ บอกให้ไปรับแน่ะผมเงยหน้ามองนาฬิกาเหนือหัว ใกล้จะสองทุ่มแล้ว “ครับ เดี๋ยวเดย์ออกไป”
ผมวางหูโทรศัพท์เดินขึ้นไปบนห้องได้เสื้อแขนยาวมาตัวหนึ่งกับกุญแจรถคันเก่ง ที่ผมไม่คิดจะเอามันไปมหาลัยเพราะหวงรถคันนี้มาจากเงินโบนัสของพ่อปีที่แล้วซื้อให้ผมเป็นของขวัญเข้ามหาลัย
ใช้เวลาไม่นานผมก็เดินทางมาถึงสนามบินโดยสวัสดิภาพ คนก็ยังคับคั่งเหมือนเดิมก็สนามบินนี่เนอะ
อากาศข้างนอกวันนี้ค่อนข้างหนาวคงเป็นเพราะช่วงนี้เป็นหน้าหนาวด้วยละมั้ง
ผมชะเง้อคอหาคนที่ต้องมารับอยู่พักใหญ่แต่พ่อดันเป็นคนมาทักผมเองซะงั้น ฮุ้ย แล้วผมจะชะเง้อทำไมเนี่ย
พ่อวิกส์ของผมเดินมากับผู้ชายอีกคนที่ทั้งสูงกว่า หล่อกว่า แมนกว่า คมกว่า เหมือนจะเป็นคนต่างชาติหรือลูกครึ่งตัวเขาเลยใหญ่ๆเกินไซต์คนไทยเล่นเอาพ่อผมกลายเป็นคนน่ารักไปเลย อ่ะๆ แต่ความจริงพ่อวิกส์สุดที่รักของผมก็น่ารักแบบนี้อยู่แล้วนะ หน้านี่เหมือนเด็กมหาลัยเลยเฮอะ
ผู้ชายคนที่ว่ามองผมสลับกับพ่ออยู่สามสี่รอบก่อนถามคำถามที่เล่นเอาผมกับพ่อหัวเราะพรืด
“น้องชายนายเหรอ วิกส์” เขาทำหน้าเหลอหลา
“ฮะ ฮะ เปล่าหรอกเซน นี่ลูกเราเอง” ผู้ชายที่ทำหน้าเหลอหลาในตอนแรกเบิกตากว้างด้วยความตกใจถามอย่างสงสัยทันทีว่า
“นายมีลูกแล้ว?? แล้วภรรยานายล่ะ” คำถามนี้เล่นเอาพ่อผมสะอึก ทำหน้าเลิ่กลักมองซ้ายมองขวาไม่อยากตอบ และผมก็รู้ดีว่าพ่อไม่อยากตอบคำถามนี้สักเท่าไหร่
“แม่เขาหนีไปแล้วน่ะครับ ตอนนี้พ่อวิกส์ก็เหมือนคนโสดนะ ฮ่าๆ” ทันทีที่ผมพูดจบรู้สึกว่าผมจะเห็นเขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“งั้นเหรอ อืม เธอชื่ออะไรเหรอ” เขาส่งยิ้มให้ผม บ๊ะ ช่วงนี้เจอแต่คนยิ้มเก่งๆแฮะรึว่าความซวยของผมหายไปตั้งแต่ตกเป็นเมียผู้ชายด้วยกัน เอิ่ม ความคิดนี้เล่นเอาผมสะอึกไปไม่น้อยๆเลยแฮะ ยิ่งคิดยิ่งตอกย้ำ งั้นผมไม่คิดให้มันช้ำจิตช้ำใจดีกว่า
“เดย์ครับ” ผมตอบ เขายิ้มให้ผมอีกรอบ
“เดย์สินะ ชื่อคล้องกันเลย ชื่อวิกส์ก็แปลว่าสัปดาห์ ชื่อน้องเธอก็แปลว่าวัน ชื่อของฉันก็แปลว่าศตวรรษ ชื่อของไอ้หลานตัวแสบก็แปลว่าปี อ๊ะ ยินดีที่รู้จักนะ ฉันชื่อ ซานาท เซนทิวรี่” [ Century = ศตวรรษ ]
ผมรู้สึกคุ้นๆกับนามสกุลของเขานิดหน่อย ผมว่าผมเคยได้ยินจากที่ไหนนะ
“ไปกินมื้อดึกกันเถอะ เดย์ เซน” อยู่ๆเสียงของพ่อวิกส์ก็ดังขึ้น พ่อพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงหันไปยิ้มกับคุณเซนที่ผมเพิ่งรู้จัก ผมไม่เคยเห็นรอยยิ้มแบบนี้ของพ่อมานานแล้วแฮะ รอยยิ้มที่เหมือนเด็กๆ คุณเซนยิ้มอย่างเอ็นดูอ่อนโยนยกมือลูบหัวพ่อนิดหน่อยก่อนพยักหน้าเห็นด้วย
รอยยิ้มอ่อนโยนอันแสนคุ้นเคยแบบนั้น ผมเคยเห็นที่ไหนกัน
“ไปกันเถอะ เดย์”
ผมเดินตามเขาสองคนออกมา
“เดย์ รีบๆมาเปิดรถสิ อย่างชักช้า พ่อหิวแล้วนะครับ” ผมหัวเราะกับท่าทางอารมณ์เสียของพ่อ มันน่ารักเหมือนเด็กจริงๆ นี่ตกลงผมมีพ่อรึว่ามีน้องชายกันหว่า
“ครับๆ”
พวกเราสามคนเดินเข้ามาในภัตตาคารหรู ที่คุณเซนแนะนำมา แล้วที่พ่อกับผมยอมมากินที่ร้านนี้ได้นั่นก็เพราะหลังจากที่คุณเซนเขาบอกว่าจะจ่ายเองนั่นแหละ ถ้าให้พวกเราหารสามจ่ายละก็ผมคงพาเขาเลี้ยวเข้าร้านข้างทางแล้ว
แล้วนั่น คุณคนไหนบอกว่าผมกับพ่องก ถอนคำพูดนะ
พนักงานสาวสวยเดินมาต้อนรับเราอย่างดีแต่พอเห็นหน้าของคุณเซนเท่านั้นแหละ เจ้าหล่อนก็รีบขอโทษขอโพยแล้วบอกว่าจะรีบไปตามผู้จัดการลงมา
เอ๋ นี่พวกผมไปทำอะไรไว้กันหน๋อ
คำตอบคือพวกผมน่ะไม่ได้ทำอะไรสักนิดแต่คนที่มากับเราต่างหากล่ะที่ทำ ทันทีที่ผู้จัดการกระวีกระวายลงมาต้อนรับแถมยังเรียกคุณเซนซะเสียดังว่าท่านประธาน ใครมันจะไม่รู้ละครับ
คุณเซนสั่งงานกับผู้จัดการเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งผมกับพ่อที่ไม่ค่อยถูกกับภาษาต่างประเทศฟังออกบ้างไม่ออกบ้างได้แต่ทำหน้างง
พวกผมได้ห้องทานอาหารแบบส่วนตัว ส่วนตัวแบบไหนน่ะเหรอ ส่วนตัวแบบที่ว่าถ้าพวกเรามาครั้งหน้าต่อให้จ่ายแพงแค่ไหนก็คงไม่มีโอกาสได้นั่งอีก และผมกับพ่อก็ไม่คิดจะมาและไม่คิดแม้กระทั่งจะจ่ายด้วย
“เซน ขี้โกงนี่นา มาร้านของตัวเองแบบนี้ก็ไม่ต้องจ่ายน่ะสิ” ทันทีที่ก้นแนบลงกับโต๊ะพ่อผมก็บ่นกระปอดกระแปดทันที ขี้โกงบ้างล่ะ ไม่ใจปล้ำบ้างล่ะ ส่วนคนที่โดนว่าก็เอาแต่นั่งยิ้มเท้าคางมองหน้าพ่อวิกส์ของผมแล้วหัวเราะอย่างเดียว
อืม การโดนว่านี่มันมีความสุขมากเหรอครับ ทำไมผมไม่รู้สึกแบบนั้นบ้างล่ะ
ผมที่นั่งเหมือนเป็นคนนอกมองพ่อทีมองคุณเซนทีอย่างสงสัย นี่เพื่อนกันจริงๆอ่ะ มันเป็นแค่นั้นจริงๆเหรอ และผมก็ยิ่งสับสนกว่าเดิมหลังจากเห็นภาพตรงหน้า พ่อวิกส์ที่บ่นน้ำไหลไฟดับไอค่อกแค่กคุณเซนก็ยื่นน้ำให้ พอพ่อสำลักน้ำก็ตกใจกระวนกระวายยื่นกระดาษทิชชู่เช็ดให้ ถามด้วยเสียงอ่อนโยนว่าเป็นยังไงบ้าง แถมยังมีลูบหลังอีกแหน่ะ
งืม หรือว่าผมกำลังมีพ่อใหม่อีกคน
ขณะที่ผมกำลังสับสนงุนงงในชีวิตพนักงานก็เคาะประตูขออนุญาตเข้ามาเสิร์ฟอาหารที่น่าทานไปทั้งโต๊ะ แอบกระซิบบอกอีกนิด ถึงแม้ตอนเย็นผมจะกินไปแล้วรอบนึงกับพี่เยียร์ แต่ผมก็สามารถจัดการอาหารโต๊ะนี้ทั้งหมดได้นะเออ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่
ยิ่งมีสกิลการกินแบบกระเพาะหลุมดำของพ่อผมร่วมวงด้วยแล้วอาหารแค่นี้ไม่คณามือแน่นอน คาดว่าคุณเซนคงจะรู้สกิลข้อนี้ของพ่อดีถึงได้สั่งมาเยอะขนาดนี้
“เอ่อ คุณซานาทครับ” พนักงานคนหนึ่งเดินเข้ามาหาคุณเซนที่กำลังมองพ่อกับผมกวาดทุกสิ่งทุกอย่างลงกระเพาะด้วยรอยยิ้มแล้วเอ่ยเบาๆ
“อะไร” คุณเซนถามกลับโดยไม่หันไปมอง ยังคงจ้องพ่อวิกส์สู้รบตบมือกับผมบนโต๊ะอาหารต่อ พอเห็นอาหารที่พร่องลงอย่างรวดเร็วก็หันไปพูดกับพนักงานอีกรอบว่า
“รีบๆพูดมาสิ แล้วก็เอาอาหารมาเพิ่มด้วย” เขาสั่ง พนักงานสั่งลูกน้องด้านหลังอีกทีก่อนหันมาบอกสิ่งที่เขาตั้งใจจะพูดตั้งแต่แรก
“คุณหนูฝากมาบอกว่า ผมพาลูกสาวคุณศัตรามาทานอาหารตามที่น้าบอกแล้ว อีกอย่างผมก็มีคนรักแล้วอย่าเรียกมาทำอะไรแบบนี้อีก ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย น่ะครับ” พนักงานบอกเกร็งๆ
คุณเซนขมวดคิ้ว พูดอย่างอดไม่ได้ว่า “ไอ้หลานหน้าสุภาพบุรุษนั่น มีคนที่รักแล้ว มันรักใครเป็นด้วยรึไง ช่างเถอะ ฝากบอกมันด้วยว่า ขอให้รักกันนานๆอย่าเลิกกับหล่อนเร็วนักล่ะ ไปยกอาหารมาได้แล้ว” เขาบอกปัดก่อนหันหน้ามามองพ่อวิกส์ของผมแล้วอมยิ้มต่อ
“ครับ” ผมจิ้มเส้นสปาเก็ตตี้เข้าปากเงยหน้าขึ้นมองพนักงานที่รับคำแล้วเดินออกไป
“อือ อร่อยจัง” เสียงพูดอย่างมีความสุขของพ่อดังขึ้น พ่อวิกส์ยกมือขึ้นลูบพุงตัวเองเบาๆด้วยสีหน้าพออกพอใจ
“อิ่มรึยังน่ะเรา” พ่อพยักหน้าหงึกๆแต่ทันทีที่เขายกอาหารมาเสิร์ฟอีกพ่อผมก็ลุยต่ออีก เอิ่ม โกหกไม่ดีนะครับ คุณเซนเห็นแบบนั้นก็หัวเราะฮ่าๆส่ายหน้าด้วยความเหลือเชื่อ
“กินแล้วเอาไปเก็บไว้ไหนหมดน่ะ ตัวถึงไม่โตขึ้นสักที” ผมขอกดไลค์กับคำพูดของคุณครับ ผมสงสัยเหมือนกันว่าพ่อผมที่ตัวเล็กๆเหมือนผมกินขนาดนี้แล้วเอาไปเก็บไว้ไหนหมด (พูดเหมือนตัวเองกินไม่เยอะเลยเหอะ)
พ่อวิกส์มองค้อนคุณเซนทั้งๆที่คาบสลัดทูน่าเต็มปาก
เอาเถอะ ปล่อยเขาไป ว่าแล้ว ผมก็จัดการอาหารตรงหน้าเป็นเพื่อนพ่อทันที
หลังจากอาหารตรงหน้าหายไปอย่างกับพายุเข้าทั้งผมทั้งพ่อก็แผ่ราบบนเก้าอี้ลูบพุงอย่างขี้เกียจ คุณเซนมองภาพตรงหน้าอย่างยิ้มๆ เขากินไปนิดเดียวเอง
“อิ่มกันหมดแล้วใช่ไหม เอาของหวานเพิ่มไหม” ยังเอ่ยเชิญชวนอีกนะครับคุณ ทั้งๆที่ต้นประโยคยังพูดอยู่เลยว่าพวกผมอิ่มกันแล้ว พอแล้วครับผมคงอิ่มมื้อนี้ไปอีกนาน
“อ่า เซน เดย์ ขอเข้าห้องน้ำเดี๋ยวนะ” สงสัยข้าศึกบุก พูดจบเจ้าตัวก็วิ่งจู้ดไปทันที
“เดย์ ฉันขอพูดอะไรกับเธอหน่อยได้ไหม” จู่ๆคุณเซนก็หันควับมาทำหน้าจริงจังกับผม ผมเอียงคอเชิงถามว่ามีอะไร อาจดูไม่มีมารยาท แต่ขอเวลานี้เถอะครับ มันอิ่มขนาดที่ว่าถ้าพูดออกมาคำเดียวมันต้องกระฉุดออกมาแหง
“คือ เธอจะอนุญาตไหมถ้าฉันจะบอกว่าฉันจะขอจีบพ่อของเธอ” อ้อ นึกว่าเรื่องอะไร เรื่องนี้น่ะเอง
ผมยิ้มแล้วพูดออกมาช้าๆ ที่ช้าไม่ใช่อะไรหรอกครับ ระวังอาหารออกมาทางเดิมน่ะ
“ถ้าคุณสัญญาว่าจะไม่ทำให้คุณพ่อเขาร้องไห้ ผมก็อนุญาตครับ” สิ้นเสียง คุณเซนทำหน้าอึ้งๆ
“เธอ รับเรื่องนี้ได้งั้นเหรอ”
“อือ ได้สิครับ ตราบใดที่คุณมีปัญญาเลี้ยงพ่อผมอ่ะนะ ฮะ ๆ” และหวังว่าจะเลี้ยงผมได้ด้วย
คุณเซน อ๊ะ ตอนนี้คงต้องเรียกว่า ว่าที่คุณพ่อเซนหรือเปล่าน้ออ หัวเราะกับเหตุผลของผม
“คุยอะไรกันน่ะ” เสียงคุณพ่อวิกส์เดินมานั่งที่เดิมด้วยหน้าตางงๆมึนๆ ว่าที่คุณพ่อเซน ฮึ่ย เรียกยาวไป เอาเป็นว่าเรียกคุณพ่อเซนไปเลยละกัน หันไปยิ้มให้แล้วบอกสิ่งที่เราคุยกันไปเมื่อกี้
“ลูกชายนายบอกว่าบอกว่าอนุญาตให้ฉันจีบนายล่ะ”
“ห๊ะ ว่าไงนะ” พ่อวิกส์หันมามองหน้าผมอย่างไม่เชื่อสายตา อย่าทำหน้าแบบนั้นครับพ่อ ผมยกพ่อให้เขาไปแล้วล่ะ ไม่ต้องสงสัย
“ตานนั้นฮะ”
“เอาล่ะ กลับกันดีกว่านะ” คุณพ่อเซน(หมาดๆ) ของผมปิดปากจอมวุ่นวายอย่างคุณพ่อวิกส์แล้วลากออกไปนอกห้อง ผมเดินตามอย่างอารมณ์ดี วุ้ย พ่อผมเป็นฝั่งเป็นฝา(??)แล้ว
ผมกวาดสายตาไปรอบๆภัตตาคารหรูลูกค้ายังคงเนื่องแน่น ดึกขนาดนี้แล้วยังมีคนมาดินเนอร์กันเยอะแยะคงเพราะอาหารของที่นี่อร่อยมาก ผมรับประกันเลยครับ
สายตาผมยังคงมองไปเรื่อยๆทั้งบรรยากาศทั้งรสชาติอาหาร ยอมรับเลยว่ามันเป็นจุดขายของที่นี่เลย
คุณพ่อเซนหัวเราะฮ่าๆทันทีที่พ่อวิกส์สะบัดมือเขาทิ้งแล้วเดินหน้างอออกไปนอกร้าน ผมรีบเดินตามเพราะกลัวเดินตามไปไม่ทันคนอายุมากกว่ายี่สิบกว่าปีทั้งสอง
พลันสายตาของผมดันเหลือบไปเห็น
พี่เยียร์??
ผู้หญิงที่นั่งตรงข้ามเขาเป็นใคร ทำไมดูมีความสุขขนาดนั้น รอยยิ้มอบอุ่นนั่นไม่ได้มีแค่ผมหรอกเหรอที่ได้รับ
ไม่สิ ผมว่าผมน่าจะรู้ตั้งแต่เมื่อตอนกลางวันแล้ว ว่าเขาไม่ได้ทำดีกับผมแค่คนเดียว
สายตาของผมค้างอยู่ที่คู่รักที่สวีทหวานคู่นั้นอยู่เนิ่นนาน
“เดย์ เดย์ครับ เป็นอะไรหรือเปล่า” ผมสะดุ้งเฮือก พ่อวิกส์เดินย้อนกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ถามผมด้วยสีหน้าเป็นห่วง
ผมละสายตาจากภาพบาดตาแล้วลากพ่อวิกส์ออกจากตรงนั้น
“ไม่เป็นอะไรครับ เรารีบกันดีกว่า ผมอยากกลับไปนอนแล้ว” ผมกลั้นน้ำตาที่เกือบจะไหลออกมาแล้ว
“ไม่เป็นอะไรจริงๆนะ” พ่อถามผมอีกรอบ ผมส่ายหน้าพยายามยิ้มให้ร่าเริง แต่ทำไมแค่ยิ้มถึงยิ้มได้ไม่เต็มที่ล่ะ
“ครับ ไปเถอะนะ” ผมเปิดประตูรถฝั่งคนขับแล้วแทรกตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว ผมไม่อยากให้พ่อเขาเห็นน้ำตานี่เลย
Rrrrrr
“อ๊ะ ขอโทษนะ” เสียงโทรศัพท์ของคุณเซนดังขึ้นขัดพ่อวิกส์ที่กำลังถามผมอีกรอบ
“อืม เข้าใจแล้วเดี๋ยวฉันรีบไป” คุณเซนเดินเข้ามาพูดอะไรบางอย่างกับพ่อผมไม่คิดที่จะฟัง ในหูผมตอนนี้มันอื้อไปหมด ผมซบหน้าลงกับพวงมาลัย อยากจะไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
“ผมไม่อยากให้เดย์อยู่คนเดียว” วิกส์เอ่ยด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ฉันรู้ แต่ว่า ”
“ขอแค่ครั้งเดียวนะ แล้วผมจะยอมทำทุกอย่างรวมทั้งยอมรับข้อเสนอของคุณด้วย” เขาอ้อนอีกครั้ง เขาเห็นงานที่ทำสำคัญจริงๆแต่ว่าตอนนี้ไม่รู้ว่าลูกชายของเขาเป็นอะไรไป คนเป็นพ่ออย่างเขาต้องอยู่ข้างๆเดย์สิ
“อ่า โอเค แล้วฉันจะโทรบอกให้ ให้ฉันไปส่งไหม” เซนยอมแพ้ ยังไงซะบริษัทนั่นก็ไม่ใช่ของเขา เขาไปทำงานที่นั่นก็เพราะคนตรงหน้านี้ต่างหาก
“ไม่เป็นไร ขอบคุณนะ แล้วเจอกัน” วิกส์โอบรอบคอคนตัวสูงกว่าลงมาดีฟคิสอย่างที่ไม่เคยทำเรียกสีหน้าตกตะลึงจากอีกฝ่ายเป็นรอบที่สามของวัน
“ไปนะ” ร่างเล็กถอนริมฝีปากออกแล้วก้าวขึ้นรถ ทิ้งร่างสูงที่ตนเองเพิ่งจะทำให้เขาแทบล้มทั้งยืนไว้นอกตัวรถ
“เดย์ เป็นอะไรรึเปล่าครับ” เสียงของพ่อวิกส์เรียกผมออกจากวังวนที่สับสนในหัว ผมสะบัดหน้าเรียกสติแล้วบอกว่าไม่เป็นไร
“เดี๋ยวพ่อขับเองนะ เดย์นอนเถอะ” ผมพยักหน้า วันนี้ผมเหนื่อยเหลือเกิน
เหนื่อยจนไม่รู้ว่าทำไม
ความคิดเห็น