ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักหน่อย Yaoi

    ลำดับตอนที่ #5 : ลังเล ไม่มีสิทธิ์

    • อัปเดตล่าสุด 12 พ.ค. 55


     



     

    ผมกำลังลังเล

     

    ลังเลว่าจะรอกลับกับพี่เขาหรือว่ากลับไปก่อนดี  ผมควรจะเลือกอันไหน  ผมยืนมองซ้ายมองขวาอยู่หน้ามหาลัยเลือกไม่ถูกเลยว่าจะทำยังไง

    ให้ตาย  ผมกลายเป็นคนลังเลแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

    หลังจากที่ผมได้ยินคำพูดของกลุ่นสาวๆที่เดินผ่านผมไป หัวใจผมแทบหยุดเต้น ผมยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นนาน นานเสียจนมีคนเข้ามาทักว่าผมเป็นอะไรรึเปล่า

    นี่ก็ใกล้จะเย็นแล้ว  พี่เขาโทรมาหาผมหลายครั้ง หลายต่อหลายครั้งแต่ผมดันไม่รับ นี่ผมกลัวอะไรอยู่

    ผมไม่รู้เลย

     

    ผมไม่เคยมีอาการแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ คงตั้งแต่ผมมีความรักครั้งแรกนั่นละมั้ง

    เอาวะ ผมตัดสินใจแล้วไหนๆก็ตกลงว่าจะให้เวลาพี่เขาหนึ่งอาทิตย์ แค่อาทิตย์เดียว แค่อาทิตย์เดียว  ถ้าเราไม่รับรักพี่เขา เขาก็จะไป

    ผมกดโทรศัพท์ โทรหาคนปลายสายที่ผมกระวานกระวายเพราะเขา

    “เดย์!! เดย์อยู่ไหนครับ ทำไมไม่รับโทรศัพท์พี่!!”  โทรไปไม่ถึงสามวิพี่เขาแทบจะกดรับทันที แถมตามมาด้วยน้ำเสียงกระวนกระวายอีก

    “เดย์ครับ โกรธอะไรพี่รึเปล่า พี่หาเดย์ทั้งมหาลัยแล้วนะ ไม่เจอเลยอยู่ไหนเหรอครับ”  หาทั้งหมด ผมอยู่แค่หน้ามหาลัยทำไมพี่เขาหาไม่เจอล่ะ

    “หน้ามหาลัยครับ” ผมตอบ

    “โอเค เดี๋ยวพี่ไปหา รอแป๊บนะครับ”เขาตัดสาย ผมมองหาที่นั่งก่อนทรุดตัวลงนั่งซบหน้าลงกับเข่ารอเขา

    เสียงรถดังขึ้นข้างๆ ผมเงยหน้าขึ้น พี่เยียร์เดินออกมาจากตัวรถตรงเข้ามาหาผมที่นั่งอยู่

    “เดย์เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ” พี่เยียร์ถามด้วยสีหน้าจริงจังมืออุ่นทาบลงบนหน้าผากผม ความอบอุ่นอ่อนโยนที่ได้รับจากฝ่ามือใหย่นั่นทำเอาผมแทบน้ำตาร่วง

    ผมเบือนหน้าหนี  “ไม่เป็นไรครับ เรากลับกันดีกว่า เดย์ไม่อยากกลับบ้านค่ำเท่าไหร่”

    พี่เขาหน้าเสีย มองผมด้วยสายตาละห้อยถอนหายใจก่อนพยักหน้าตกลงแต่พี่เขาก็ยังไม่วายบอกให้ผมไปกินข้าวเย็นกับเขาก่อน ผมตอบตกลง ผมไม่อยากทำให้พี่เขารำคาญใจเท่าไหร่นัก

     

    “ไปขึ้นรถเถอะ” ผมลุกขึ้นตามแรงพยุงของพี่เยียร์ เดินตามหลังไปที่รถคันหรูที่นั่งมาเมื่อเช้า

    พี่เขายังคงเป็นสุภาพบุรุษเหมือนเมื่อเช้าที่ผ่านมา เปิดประตูรถให้ผม เชื้อเชิญด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

    “เชิญเลยครับ” พี่เขายิ้ม ยิ้มอีกแล้ว ผมยิ้มตอบแล้วเดินเขาไปในตัวรถ กลิ่นน้ำหอมผู้หญิงฉุนจนรู้สึกได้

    “ขอโทษนะ เพื่อนพี่เขาทำน้ำหอมแตกในรถน่ะ” พี่เยียร์ปิดประตูฝั่งผมแล้วอ้อมไปขึ้นทางด้านคนขับ เขาหันมายิ้มให้ผมอีกครั้งก่อนออกรถ 

    พี่เขาไม่บอกผมเลยว่าแท้จริงแล้วเขามีนิสัยเป็นยังไง ทั้งๆที่บอกว่าจะรับผิดชอบผม

    แต่ผมก็ไม่อยากจะโทษพี่เยียร์เท่าไหร่ เพราะเรารู้จักกันไม่นาน ไม่นานพอที่ผมและเขาจะรู้ว่าตัวตนที่ซ่อนอยู่ภายในใจของอีกฝ่ายนั้น แท้จริงแล้วมันเป็นอย่างไร

    มันไม่ใช่ทั้งความผิดของผม และทั้งไม่ใช่ความผิดของพี่เยียร์

    มันไม่ใช่ความผิดของใครสักคน

     

     




    หลังจากออกรถไปได้ไม่นานความเงียบภายในตัวรถก็ทำให้ผมแทบทนไม่ไหว


    “พี่เยียร์ อีกไกลไหม” ผมถามโดยไม่หันหน้าไปหา ผมมองภาพข้างทางราวกับว่ามันเป็นภาพที่หาดูไม่ได้อีกแล้วในชีวิต ผมไม่อยากจะสบตากับพี่เขาในตอนนี้


    “ไกลอยู่นิดหน่อย แต่พี่อยากให้เดย์ไปที่นั่น เดย์จะหลับไปก่อนก็ได้นะครับ” เขายิ้ม ยิ้มด้วยความจริงใจ ผมมองเห็นรอยยิ้มนั้นจากกระจกรถ ผมอยากจะยิ้มตอบเหมือนกัน แต่ดูเหมือนตอนนี้จะไม่ไหว

    “งั้นถึงแล้วปลุกผมด้วยนะ” ผมเอนเบาะลงปรับกำลังจะหลับเสียงพี่เยียร์ก็ดังขึ้นมาก่อน

    “เบาะหลังมีผ้าห่มครับ” ผมพยักหน้าเอื้อมไปหยิบแล้วสะบัดคลุมตัว ก่อนทุกอย่างจะวูบไป

     

    ผมฝัน

    ฝันว่าใครคนหนึ่งกำลังกระซิบบอกรักข้างหู

    กระซิบขอโทษด้วยน้ำเสียงอบอุ่นอ่อนหวาน

    กระซิบด้วยความรักที่มีมากจนเหลือล้น

     

    “เดย์

    อืม

    “เดย์ครับ ถึงแล้วนะ”

    ถึงอะไร สวรรค์เหรอ

    “เดย์ ตื่นได้แล้วนะ”

    “เดย์”  เออ ๆ ยุ่งยากจริง ตื่นแล้วตื่นแล้ว

    “อ๊ะ”  ใบหน้าที่อยู่ห่างจากผมเพียงแค่คืบนี่มัน

     

    “เดย์ ไปกันเถอะครับ” เขายิ้มให้ผมแล้วช่วยพยุงผมที่นอนราบไปกับเบาะรถให้ลุกขึ้น ผมเวียนหัวจวนจะเซล้ม เขาก็เดินมาคว้าผมไว้ก่อนที่ผมจะลงไปทำความคุ้นเคยกับที่ราบ แล้วนี่ ผมต้องบอกเขาไหมนะ

    ว่าความจริงผมต้องนั่งจูนสมองก่อน

     

     

     

    เขาเดินจับมือผมที่เดินเอ๋อตามหลังเขาไปต้อยๆ ที่นี่มันที่ไหนกันนะ แล้วคนที่จูงมือผมอยู่นี่มันใครกันนะ ทำไมผมคุ้นๆหน้าล่ะ เขาพาผมเดินเข้าไปในร้านที่ตกแต่งด้วยวัสดุแบบโมเดิลขาวเทาทั่วทั้งร้าน เป็นร้านที่สวยมากๆ ผมชักชอบแล้วสิ

     

    ทันทีที่เดินเข้าไปคนในร้านก็เดินออกมาต้อนรับ

    “กี่ที่คะ”

    “สองครับ” พี่เขาตอบพลางจูงมือผมเดินตามคนในร้านสาว เขาจัดแจงให้ผมลงนั่ง ผมนั่งตามอย่างว่าง่ายแล้วมองหน้าคนทั้งสองที่คุยกันเรื่องอะไรสักอย่าง

    “เดย์อยากทานอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าครับ” เขาหันกลับมาถามผม ผมเอียงคอ ทำไมเขารู้ชื่อผมล่ะ

    “อ่า งั้นเอาแค่นี้ก่อนละกันครับ” เขายิ้มสดใสให้คนที่ยืนอยู่ ผู้หญิงคนนั้นทำไมหน้าแดงล่ะ

    “เดย์ พี่ถามหน่อยได้ไหม”  ผมพยักหน้า

    “เดย์เป็น โรคความดันหลังตื่นนอนรึเปล่า”  เอ๊ะ ทำไมเขารู้ล่ะ ถึงในใจจะถามอยากนั้นแต่ผมก็พยักหน้าตอบอย่างว่าง่าย

    คนที่เรียกตัวเองว่าพี่ ยิ้มให้ผมแล้วบอกให้ผมนั่งจูนสมองกลับมาให้เต็มร้อยซะก่อน ผมทำตาม

    แต่ก็อดมองใบหน้าที่แย้มยิ้มให้ผมอย่างอดไม่อยู่  ทำไมพอเขายิ้ม หัวใจผมถึงเต้นแรงล่ะ แล้ว

    ทำไมผมรู้สึกเหมือนอยากสับสน

     

     

    ผ่านไปราวๆสิบนาทีอาหารถูกเสิร์ฟเต็มโต๊ะ 

    “พี่ไม่รู้ว่าเดย์ชอบทานอะไร เลยสั่งมาซะเยอะ แล้วนี่เดย์กลับมาเป็นปกติรึยัง ยังเวียนหัวอยู่รึเปล่า” พี่เยียร์ส่งยิ้มให้ผม

    “อือ” ผมมองอาหารเต็มโต๊ะ น่ากินทั้งนั้น น้ำในกระเพาะผมเริ่มสงเสียงรบกวนซะแล้ว

    ผมได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆจากพี่เยียร์ แต่ผมกลับไม่เงยหน้าขึ้น ใครจะกล้เงยหน้าเมื่อท้องผมร้องซะดังขนาดนั้น ยังดีที่โต๊ะตัวนี้มันไกลจากคนแล้วก็อยู่มุมค่อนข้างเป็นส่วนตัวพอสมควร

     

    “ทานให้เยอะๆนะ ตัวเราน่ะจะปลิวตามลมได้อยู่แล้ว” ผมพยักหน้ารับแล้วเริ่มลุยอาหารตรงหน้า

     

    เอาเถอะ ถึงจะอยากหลบหน้าพี่เขาเท่าไหร่แต่แค่อาทิตย์เดียวมันก็ไม่นานอะไรนักหรอกนะ

     

     

    ผมเดินตัวปลิวออกจากร้าน หัวเราะฮ่าๆอย่างสบายใจ แทบเรออกมาเป็นคำว่า อิ่มจัง ตังค์อยู่ครบ

    หารที่นี่อร่อยจริงๆ แต่ก็แพงจริงๆด้วย กินแต่ละที คาดว่าผมอาจต้องกินแกลบไปทั้งเดือนเลยแฮะ

    พี่เยียร์เดินยิ้มตามหลังผมมา ผมกวักมือเรียกให้พี่เขามาไวไว ผมอยากลับบ้านไปอาบน้ำนอนอยูแล้ว ถึงอาหารจะอร่อย มีคนเลี้ยงแต่ใสชุดนักศึกษาตั้งแต่เช้ามันก็ต้องมีเหงื่อมีอาการร้อนอบอ้าวกันบ้าง

    พี่เขายังเดินมาเปิดประตูให้ผมเหมือนเดิม

    และก่อนจะออกรถ ก็ยังคงหันมายิ้มให้ผมเหมือนเดิม

    ผมชักจะหลงรอยยิ้มนี่เข้าทุกๆครั้งที่มองซะแล้วสิ

     

    คราวนี้ภายในรถไม่เงียบ พบเปิดเพลงให้พ่เขาฟังซะเสียงดังคับรถแต่พี่เยียร์ก็ยังไม่ว่าผมสักคำ ผมจริงปฎิบัติหน้าที่เปิดเพลงต่อไป น่าแปลกแฮะ รสนิยมการฟังเพลงของพี่เยียร์เหมือนผมเป๊ะเลย มีแต่เพลงโปรดผมทั้งนั้น

     

    ผมนั่งฟังเพลงมองหน้าต่างอยู่สักพักรั้วบ้านของผมก็ปรากฏสู่สายตา เอ่อ เหมือใช้คำโอเวอร์ไปสักหน่อยแต่มันก็ปรากฏเหมือนกันนะ

    รถสีดำสนิทเคลื่อนตัวเข้าหารั้วบ้านผมอย่างช้าๆก่อนจะนิ่งสนิท

     

    “พรุ้งนี้เจอกันนะครับ”  ผมบอกลาคนที่ขับรถมาส่ง

    “ครับ แล้วเจอกันนะ” พี่เขายิ้มส่งผม ผมเปิดประตูก้าวลงจากรถ มองรถสีดำสนิทเคลื่อนตัวจากไป

     

    อืม ตกลงว่าผมเป็นบ้าอะไรนะตอนต้นๆเรื่องนะ

    ผมไม่มีสิทธิที่จะหวง หึง หรืออะไรๆเขาสักหน่อย


     

    คุณว่าไหมล่ะ












    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×