คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ลังเล ไม่มีสิทธิ์
ผมกำลังลังเล
ลังเลว่าจะรอกลับกับพี่เขาหรือว่ากลับไปก่อนดี ผมควรจะเลือกอันไหน ผมยืนมองซ้ายมองขวาอยู่หน้ามหาลัยเลือกไม่ถูกเลยว่าจะทำยังไง
ให้ตาย ผมกลายเป็นคนลังเลแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
หลังจากที่ผมได้ยินคำพูดของกลุ่นสาวๆที่เดินผ่านผมไป หัวใจผมแทบหยุดเต้น ผมยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นนาน นานเสียจนมีคนเข้ามาทักว่าผมเป็นอะไรรึเปล่า
นี่ก็ใกล้จะเย็นแล้ว พี่เขาโทรมาหาผมหลายครั้ง หลายต่อหลายครั้งแต่ผมดันไม่รับ นี่ผมกลัวอะไรอยู่
ผมไม่รู้เลย
ผมไม่เคยมีอาการแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ คงตั้งแต่ผมมีความรักครั้งแรกนั่นละมั้ง
เอาวะ ผมตัดสินใจแล้วไหนๆก็ตกลงว่าจะให้เวลาพี่เขาหนึ่งอาทิตย์ แค่อาทิตย์เดียว แค่อาทิตย์เดียว ถ้าเราไม่รับรักพี่เขา เขาก็จะไป
ผมกดโทรศัพท์ โทรหาคนปลายสายที่ผมกระวานกระวายเพราะเขา
“เดย์!! เดย์อยู่ไหนครับ ทำไมไม่รับโทรศัพท์พี่!!” โทรไปไม่ถึงสามวิพี่เขาแทบจะกดรับทันที แถมตามมาด้วยน้ำเสียงกระวนกระวายอีก
“เดย์ครับ โกรธอะไรพี่รึเปล่า พี่หาเดย์ทั้งมหาลัยแล้วนะ ไม่เจอเลยอยู่ไหนเหรอครับ” หาทั้งหมด ผมอยู่แค่หน้ามหาลัยทำไมพี่เขาหาไม่เจอล่ะ
“หน้ามหาลัยครับ” ผมตอบ
“โอเค เดี๋ยวพี่ไปหา รอแป๊บนะครับ”เขาตัดสาย ผมมองหาที่นั่งก่อนทรุดตัวลงนั่งซบหน้าลงกับเข่ารอเขา
เสียงรถดังขึ้นข้างๆ ผมเงยหน้าขึ้น พี่เยียร์เดินออกมาจากตัวรถตรงเข้ามาหาผมที่นั่งอยู่
“เดย์เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ” พี่เยียร์ถามด้วยสีหน้าจริงจังมืออุ่นทาบลงบนหน้าผากผม ความอบอุ่นอ่อนโยนที่ได้รับจากฝ่ามือใหย่นั่นทำเอาผมแทบน้ำตาร่วง
ผมเบือนหน้าหนี “ไม่เป็นไรครับ เรากลับกันดีกว่า เดย์ไม่อยากกลับบ้านค่ำเท่าไหร่”
พี่เขาหน้าเสีย มองผมด้วยสายตาละห้อยถอนหายใจก่อนพยักหน้าตกลงแต่พี่เขาก็ยังไม่วายบอกให้ผมไปกินข้าวเย็นกับเขาก่อน ผมตอบตกลง ผมไม่อยากทำให้พี่เขารำคาญใจเท่าไหร่นัก
“ไปขึ้นรถเถอะ” ผมลุกขึ้นตามแรงพยุงของพี่เยียร์ เดินตามหลังไปที่รถคันหรูที่นั่งมาเมื่อเช้า
พี่เขายังคงเป็นสุภาพบุรุษเหมือนเมื่อเช้าที่ผ่านมา เปิดประตูรถให้ผม เชื้อเชิญด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“เชิญเลยครับ” พี่เขายิ้ม ยิ้มอีกแล้ว ผมยิ้มตอบแล้วเดินเขาไปในตัวรถ กลิ่นน้ำหอมผู้หญิงฉุนจนรู้สึกได้
“ขอโทษนะ เพื่อนพี่เขาทำน้ำหอมแตกในรถน่ะ” พี่เยียร์ปิดประตูฝั่งผมแล้วอ้อมไปขึ้นทางด้านคนขับ เขาหันมายิ้มให้ผมอีกครั้งก่อนออกรถ
พี่เขาไม่บอกผมเลยว่าแท้จริงแล้วเขามีนิสัยเป็นยังไง ทั้งๆที่บอกว่าจะรับผิดชอบผม
แต่ผมก็ไม่อยากจะโทษพี่เยียร์เท่าไหร่ เพราะเรารู้จักกันไม่นาน ไม่นานพอที่ผมและเขาจะรู้ว่าตัวตนที่ซ่อนอยู่ภายในใจของอีกฝ่ายนั้น แท้จริงแล้วมันเป็นอย่างไร
มันไม่ใช่ทั้งความผิดของผม และทั้งไม่ใช่ความผิดของพี่เยียร์
มันไม่ใช่ความผิดของใครสักคน
หลังจากออกรถไปได้ไม่นานความเงียบภายในตัวรถก็ทำให้ผมแทบทนไม่ไหว
“พี่เยียร์ อีกไกลไหม” ผมถามโดยไม่หันหน้าไปหา ผมมองภาพข้างทางราวกับว่ามันเป็นภาพที่หาดูไม่ได้อีกแล้วในชีวิต ผมไม่อยากจะสบตากับพี่เขาในตอนนี้
“ไกลอยู่นิดหน่อย แต่พี่อยากให้เดย์ไปที่นั่น เดย์จะหลับไปก่อนก็ได้นะครับ” เขายิ้ม ยิ้มด้วยความจริงใจ ผมมองเห็นรอยยิ้มนั้นจากกระจกรถ ผมอยากจะยิ้มตอบเหมือนกัน แต่ดูเหมือนตอนนี้จะไม่ไหว
“งั้นถึงแล้วปลุกผมด้วยนะ” ผมเอนเบาะลงปรับกำลังจะหลับเสียงพี่เยียร์ก็ดังขึ้นมาก่อน
“เบาะหลังมีผ้าห่มครับ” ผมพยักหน้าเอื้อมไปหยิบแล้วสะบัดคลุมตัว ก่อนทุกอย่างจะวูบไป
ผมฝัน
ฝันว่าใครคนหนึ่งกำลังกระซิบบอกรักข้างหู
กระซิบขอโทษด้วยน้ำเสียงอบอุ่นอ่อนหวาน
กระซิบด้วยความรักที่มีมากจนเหลือล้น
“เดย์
”
อืม
“เดย์ครับ ถึงแล้วนะ”
ถึงอะไร สวรรค์เหรอ
“เดย์ ตื่นได้แล้วนะ”
“เดย์” เออ ๆ ยุ่งยากจริง ตื่นแล้วตื่นแล้ว
“อ๊ะ” ใบหน้าที่อยู่ห่างจากผมเพียงแค่คืบนี่มัน
“เดย์ ไปกันเถอะครับ” เขายิ้มให้ผมแล้วช่วยพยุงผมที่นอนราบไปกับเบาะรถให้ลุกขึ้น ผมเวียนหัวจวนจะเซล้ม เขาก็เดินมาคว้าผมไว้ก่อนที่ผมจะลงไปทำความคุ้นเคยกับที่ราบ แล้วนี่ ผมต้องบอกเขาไหมนะ
ว่าความจริงผมต้องนั่งจูนสมองก่อน
เขาเดินจับมือผมที่เดินเอ๋อตามหลังเขาไปต้อยๆ ที่นี่มันที่ไหนกันนะ แล้วคนที่จูงมือผมอยู่นี่มันใครกันนะ ทำไมผมคุ้นๆหน้าล่ะ เขาพาผมเดินเข้าไปในร้านที่ตกแต่งด้วยวัสดุแบบโมเดิลขาวเทาทั่วทั้งร้าน เป็นร้านที่สวยมากๆ ผมชักชอบแล้วสิ
ทันทีที่เดินเข้าไปคนในร้านก็เดินออกมาต้อนรับ
“กี่ที่คะ”
“สองครับ” พี่เขาตอบพลางจูงมือผมเดินตามคนในร้านสาว เขาจัดแจงให้ผมลงนั่ง ผมนั่งตามอย่างว่าง่ายแล้วมองหน้าคนทั้งสองที่คุยกันเรื่องอะไรสักอย่าง
“เดย์อยากทานอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าครับ” เขาหันกลับมาถามผม ผมเอียงคอ ทำไมเขารู้ชื่อผมล่ะ
“อ่า งั้นเอาแค่นี้ก่อนละกันครับ” เขายิ้มสดใสให้คนที่ยืนอยู่ ผู้หญิงคนนั้นทำไมหน้าแดงล่ะ
“เดย์ พี่ถามหน่อยได้ไหม” ผมพยักหน้า
“เดย์เป็น โรคความดันหลังตื่นนอนรึเปล่า” เอ๊ะ ทำไมเขารู้ล่ะ ถึงในใจจะถามอยากนั้นแต่ผมก็พยักหน้าตอบอย่างว่าง่าย
คนที่เรียกตัวเองว่าพี่ ยิ้มให้ผมแล้วบอกให้ผมนั่งจูนสมองกลับมาให้เต็มร้อยซะก่อน ผมทำตาม
แต่ก็อดมองใบหน้าที่แย้มยิ้มให้ผมอย่างอดไม่อยู่ ทำไมพอเขายิ้ม หัวใจผมถึงเต้นแรงล่ะ แล้ว
ทำไมผมรู้สึกเหมือนอยากสับสน
ผ่านไปราวๆสิบนาทีอาหารถูกเสิร์ฟเต็มโต๊ะ
“พี่ไม่รู้ว่าเดย์ชอบทานอะไร เลยสั่งมาซะเยอะ แล้วนี่เดย์กลับมาเป็นปกติรึยัง ยังเวียนหัวอยู่รึเปล่า” พี่เยียร์ส่งยิ้มให้ผม
“อือ” ผมมองอาหารเต็มโต๊ะ น่ากินทั้งนั้น น้ำในกระเพาะผมเริ่มสงเสียงรบกวนซะแล้ว
ผมได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆจากพี่เยียร์ แต่ผมกลับไม่เงยหน้าขึ้น ใครจะกล้เงยหน้าเมื่อท้องผมร้องซะดังขนาดนั้น ยังดีที่โต๊ะตัวนี้มันไกลจากคนแล้วก็อยู่มุมค่อนข้างเป็นส่วนตัวพอสมควร
“ทานให้เยอะๆนะ ตัวเราน่ะจะปลิวตามลมได้อยู่แล้ว” ผมพยักหน้ารับแล้วเริ่มลุยอาหารตรงหน้า
เอาเถอะ ถึงจะอยากหลบหน้าพี่เขาเท่าไหร่แต่แค่อาทิตย์เดียวมันก็ไม่นานอะไรนักหรอกนะ
ผมเดินตัวปลิวออกจากร้าน หัวเราะฮ่าๆอย่างสบายใจ แทบเรออกมาเป็นคำว่า อิ่มจัง ตังค์อยู่ครบ
หารที่นี่อร่อยจริงๆ แต่ก็แพงจริงๆด้วย กินแต่ละที คาดว่าผมอาจต้องกินแกลบไปทั้งเดือนเลยแฮะ
พี่เยียร์เดินยิ้มตามหลังผมมา ผมกวักมือเรียกให้พี่เขามาไวไว ผมอยากลับบ้านไปอาบน้ำนอนอยูแล้ว ถึงอาหารจะอร่อย มีคนเลี้ยงแต่ใสชุดนักศึกษาตั้งแต่เช้ามันก็ต้องมีเหงื่อมีอาการร้อนอบอ้าวกันบ้าง
พี่เขายังเดินมาเปิดประตูให้ผมเหมือนเดิม
และก่อนจะออกรถ ก็ยังคงหันมายิ้มให้ผมเหมือนเดิม
ผมชักจะหลงรอยยิ้มนี่เข้าทุกๆครั้งที่มองซะแล้วสิ
คราวนี้ภายในรถไม่เงียบ พบเปิดเพลงให้พ่เขาฟังซะเสียงดังคับรถแต่พี่เยียร์ก็ยังไม่ว่าผมสักคำ ผมจริงปฎิบัติหน้าที่เปิดเพลงต่อไป น่าแปลกแฮะ รสนิยมการฟังเพลงของพี่เยียร์เหมือนผมเป๊ะเลย มีแต่เพลงโปรดผมทั้งนั้น
ผมนั่งฟังเพลงมองหน้าต่างอยู่สักพักรั้วบ้านของผมก็ปรากฏสู่สายตา เอ่อ เหมือใช้คำโอเวอร์ไปสักหน่อยแต่มันก็ปรากฏเหมือนกันนะ
รถสีดำสนิทเคลื่อนตัวเข้าหารั้วบ้านผมอย่างช้าๆก่อนจะนิ่งสนิท
“พรุ้งนี้เจอกันนะครับ” ผมบอกลาคนที่ขับรถมาส่ง
“ครับ แล้วเจอกันนะ” พี่เขายิ้มส่งผม ผมเปิดประตูก้าวลงจากรถ มองรถสีดำสนิทเคลื่อนตัวจากไป
อืม ตกลงว่าผมเป็นบ้าอะไรนะตอนต้นๆเรื่องนะ
ผมไม่มีสิทธิที่จะหวง หึง หรืออะไรๆเขาสักหน่อย
คุณว่าไหมล่ะ
ความคิดเห็น