ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักหน่อย Yaoi

    ลำดับตอนที่ #4 : แล้ว...

    • อัปเดตล่าสุด 11 พ.ค. 55


      

     




    “อ่านะ เรื่องมันก็เป็นแบบนี้” ผมเริ่มเล่าตั้งแต่ตอนที่ผมตื่นขึ้นมาจนถึงข้อตกลงที่ทำไว้กับพี่เขา ผู้ฟังทั้งสาม เอ่อ ทั้งสองนั่งฟังตาปริบๆ พยักหน้าเป็นระยะๆ  แต่เจ้าตัวต้นเรื่องที่นั่งเป็นเจ้าชายอยู่ด้านหลังก็เอาแต่นั่งยิ้มมองหน้าผมอย่างเดียว ยิ้มทำไมวะ ไม่เข้าใจรึไงว่ากูเขิน  ผมบ่นในใจ ก่อนจะระลึกตัวเองได้ว่า แล้วกูจะเขินทำไมวะ รึกูเบี่ยงเบนไปแล้ว (เรื่องนี้ต้องโทษไอ้พวกเพื่อนซี้ทั้งหลายแหล่ที่ขยันทำให้ผมกลายเป็นคนเบี่ยงเบน!!)

     

    “มึงไปสั่งของไปไอ้นนท์”  ไอ้ปลายหันไปสั่งพระสวามีมันที่ลุกขึ้นรับทราบทันทีที่ภรรยามันหันมา

     

    “ครับท่าน เดี๋ยวสามีกลับมานะจ๊ะ” มันส่งจูบมาอีกรอบก่อนเดินจากทำให้มันไม่เห็นใบหน้าเขินๆน่ารักๆจากไอ้ปลายที่ถึงแม้ปากจะด่าไล่หลังว่าบ้าแต่ตากลับยิ้ม ฮู้ย รู้แล้วว่าทำไมไอ้นนท์ถึงหวงมันนัก  มันน่ารักแบบนี้นี่เอง ถ้าไม่ติดว่ามันมีแฟนแล้วเดี๋ยวผมจะจีบมันเองเลยนะเนี่ย ฮ่าๆๆ (แล้วในวงเล็บผมด่ามันทำไมอ่ะ)

     

    “พี่ทานของพวกนี้ได้แน่นะ”  ผมนั่งเคลิ้มกับใบหน้าแดงๆของไอ้ปลายชั่วครู่ก่อนหันมาถามเจ้าชายที่นั่งเปล่งประกายอยู่ในร้านอาหารซอมซ่อ

     

    “ได้ครับ ถ้าเดย์ทานได้พี่ก็ต้องทานได้”  ผมทำหน้ายี้กับมุกของพี่เขาก่อนถามขึ้นอีกเรื่อง

     

    “ทำไมถึงยึดติดที่จะรับผิดชอบผมนักล่ะ ผมเป็นผู้ชายนะ ไม่เห็นมีอะไรเสียหายเลย”  พี่เขาทำหน้ายิ้มๆก่อนกระซิบที่ข้างหู

    “เดี๋ยวพี่บอกที่บ้านดีกว่า” พี่เยียร์ผละออกไป

     

    “วู้ๆๆ สวีทกันไม่เกรงใจชาวบ้านชาวช่องตาดำๆที่ไม่มีคู่บ้างเล๊ยยย”  ผมคิ้วกระตุก เสียงกวนอวัยวะเบื่องล่างกับเสียงแซวๆที่ผ่านออกมาจากปากหมาๆของไอ้คนที่ผมเพิ่งชมมันไปว่าน่ารักเมื้อกี้  ผมขอถอนคำพูด!!

     

    “ไอ้บ้า”  แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้เนื่องจากซะมีมันเดินลั้นลามานู่นแล้ว

     

    “วันนี้คนเยอะว่ะ” ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับมัน ไม่ใช่ว่าทุกวันคนน้อยหรอกนะครับมันก็เต็มร้านเหมือนกันแต่วันนี้มาแปลกโต๊ะแทบทุกโต๊ะคนเกือบล้นออกมานอกเก้าอี้อยู่แล้ว แถมยังมีต่อโต๊ะออกด้านนอกอีกแน่ะ

     

    เยอะกันจริงๆ มันเพราะอะไรนะ คงไม่ใช่ว่าอยู่ๆ กับข้าวในร้านก็อร่อยขึ้นจนคนในมหาลัยอยากจะชิมสักครั้งอะไรประมาณนั้นหรอกนะ ผมว่ามันไม่ใช่

     

    “คนเยอะมากๆเลยนะครับ ร้านนี้อาหารอร่อยเหรอ” พี่เยียร์ถามผม พอผมมองหน้าพี่เขาความจริงก็กระจ่าง

     

    คนพวกนี้มานั่งดูเจ้าชายผู้แสนเลอเลิศนี่เอง ว่าแต่มันจะหล่อไปเพื่อใครวะครับ

     

    ผมถอนหายใจอย่างหมั่นไส้นิดๆ เหอะ ชาติที่แล้วทำบุญด้วยอะไรวะ จะไปทำมั่งเผื่อจะได้เกิดมาหล่อ สูง รูปร่างดี สาวติดตรึม ขรึม แบบนี้มั่ง

     

    ผมนั่งมองหน้าพี่เขาด้วยอิจฉาอยู่สักพักอาหารก็มาเสิร์ฟถึงที่ พนักงานวางจานด้วยท่าทางขวยเขิน เงยหน้ามองทางพวกผมเป็นระยะๆ พลางยิ้มหวานให้ส่วนคุณพี่คนข้างๆก็อารมณ์ดีมีการยิ้มตอบด้วย ชิ อารมณ์เสียว้อย

     

    ผมสะบัดก้นออกจากที่นั่งแล้วย้ายไปนั่งข้างๆไอ้ปลายที่นั่งกระหนุงกระหนิงกับคุณนนท์แบบไม่อายสายตาประชาชี

     

    มันหันมามองหน้าผมก่อนจะหัวเราะ เออ หัวเราะกันเข้าไป

     

    “หึงเหรอมึง” มันกระซิบถามผมและก็ได้รางวัลเป็นการโบกมันรอบนึงกับสายตามองค้อน

     

    “ชิ ไอ้ปากแข็งไม่ตรงกับใจ ไอ้ซึน”  มันด่าเสร็จไม่หันไปกระหนุงกระหนิงกับแฟนมันต่อ เฮ้อ นี่ผมมีเพื่อนรึไม่มีกันวะครับ

    ผมหันหน้ากลบเข้าหาโต๊ะอย่างเซ็งๆ ก่อนปะทะเข้ากับสายตาน้อยใจของรุ่นพี่เดือน

    “อะไรครับ” ผมถามอย่างหวาดๆ มาแสดงดราม่าอะไรแถวนี้ครับ สาวๆโต๊ะข้างๆกัดผ้าเช็ดหน้ากันระนาวคาดว่าอีกสิบนาทีถ้าพี่เขายังทำหน้าแบบนี้ต่อรับรองว่าสาวๆพวกนั้นต้องรุมมากระทืบพวกผมถึงที่แหง

     

    “ทำไมย้ายไปนั่งตรงนั้นละครับ โกรธอะไรพี่เหรอ” ถามผมเสียงอ่อยแถมด้วยสายตาแบบคนน้อยใจส่งมาให้ผมที่นั่งอึ้งอยู่ แม่เจ้าโว้ยย พี่ครับ ใจผมเต้นตึกตักแล้วครับพี่

     

    ผมอายหน้าแดงก่อนก้มหน้าก้มตาลุกขึ้นกลับไปนั่งที่เดิม ก็ข้างๆพี่เขาน่ะแหละครับ

     

    “รีบๆทานละกัน” ผมบอกแค่นั้นก่อนรีบซ่นใบหน้าแดงๆก้มหน้ากินข้าวแล้วทำเป็นว่าพี่เขาไม่มีตัวตน

     

    แล้ว   ผมจะเขินทำซากอะไรล่ะครับ!!

     

     

    “แค่ก” เสียงไอค่อกแค่กจากคนข้างๆทำให้ผมหันหน้าไปมองก่อนจะพบคนที่นั่งหน้าดำหน้าแดงอยู่

     

    ไม่กินเผ็ดแล้วทำไมไม่บอกละคร้าบบบ    ถึงในใจจะคิดอย่างนั้นก็เหอะ ผมรีบดึงกระดาษทิชชู่ก่อนไอ้นนท์ที่กำลังเอื้อมไปหยิบมาส่งให้พี่เขาตามด้วยน้ำเปล่าที่ผมยังไม่ได้แตะกับของปลายที่ยื่นให้

     

    “เป็นอะไรไหม” ผมลูบหลังพี่เขาเบาๆ ถามอย่างเป็นห่วง พี่เขาเงยหน้าขึ้นบอกขอบคุณผมก่อนรับน้ำในมือผมไปดื่ม

     

    พวกเราถอนหายใจอย่างโล่งอกทันทีที่เห็นว่าคุณพ่ออนามัยไม่กินเผ็ดอาการดีขึ้น รอดพ้นจากแววฆาตกรรมของสาวๆรอบโต๊ะ

     

    “ทีหลังถ้ากินอะไรไม่ได้ก็บอกสิครับ” ผมบอกพี่เขา พี่เยียร์ยิ้มให้ก่อนเอ่ยขอโทษอีกรอบ

     

    “ไม่เป็นไรครับ เพราะผมก็ลืมถามพี่เหมือนกัน” ผมยกอาหารถ้วยเจ้าปัญหาออกไปก่อนยกอย่างอื่นในโต๊ะให้แทน

    “อันนี้ไม่เผ็ดครับ พี่กินได้แน่นอน” พี่เขายิ้มอีกแล้ว  ยิ้มบ่อยชะมัด

     

    “ขอบคุณครับ” ผมพยักหน้าเบาๆแล้วหันไปกินข้าวต่อ พี่เข้านี่อนามัยสุดๆไปเลยแฮะเพราะตอนที่พี่เขากินผมเห็นพี่เค้าเช็ดช้อนด้วย  สะอาดสุดๆ

     

     

    ใช้เวลาไม่นานนักพวกเราทั้งห้าคนก็ทานข้าวจนอิ่มเปล้  เรียกได้ว่าถ้าพวกปมกินกันมากว่านี้อาจนอนกลิ้งเข้าห้องได้เลยก็เป็นไปได้ เอิ่ม แต่ต้องยกไว้คนหนึ่งเพราะพี่ท่านกินแบบพอดีพองาม อิ่มตั้งแต่จานแรกแล้วล่ะครับ

     

    พี่เขาลากลับไปที่คณะ ก่อนไปยังไม่วายบอกผมว่าให้รอพี่เขาด้วย เพราะดูเหมือนพี่เขาจะมีเรียนมากกว่าผมแค่สิบนาทีกว่าเรียกได้ว่าเกือบเลิกพร้อมๆกันน่ะแหละ

    ผมยืนไล่พี่เขาที่แม้ตอนจะขึ้นรถก็ยังหันมายิ้มให้ผม ไปได้แล้วชิ่วๆ

    ฮึ่ย อายว่ะ

     

     

    ผมลากไอ้ปลายที่ยืนหัวเราะคิกคักล้อเลียนผมขึ้นห้องอย่างอายๆ ทำไมมันชอบแซวผมนักนะไม่เข้าใจจริงๆทีมันผมยังไม่เคยแซวมันเลย

     

     

    ผมนั่งเรียนแบบไม่รู้เรื่อง มือจดความรู้ที่อาจารย์พูดเป็นน้ำไหลไฟดับก็จริงแต่ในใจของผมกำลังคิดถึงคนอีกคน

    รึว่าผมจะชอบพี่เขาเข้าแล้วนะ มันจะเร็วไปไหมเนี่ย นี่เพิ่งวันเดียวเอง

     

    แต่ก็ต้องยอมรับว่าพี่เขามีเสน่ห์น่าหลงใหลจริงๆ ทั้งรอยยิ้มแสนอบอุ่นนั่น ทั้งการกระทำที่อ่อนโยนนั่น

     

    มันทำให้ผมราวกับกลายเป็นเด็กน้อยผู้ใสซื่อที่ไม่รู้จักกับความรักมาก่อน

     

    ผมใจเต้นแรงเมื่ออยู่ต่อหน้าพี่เขา  ผมเขินเมื่อพี่เขาส่งยิ้มที่แสนมีความหมายมาให้ ผมยอมรับว่าผมตกหลุมเสน่ห์ของพี่เขาเข้าจังๆ ผมหลงรักทั้งการกระทำที่อบอุ่นกระทั่งรอยยิ้มที่แสนอ่อนโยน ผมหลงรักพี่เขาแล้วจริงๆ

     

    แม้จะแค่รู้จักกันเพียงแค่วันเดียว

     

    ผมถอนหายใจกับความใจง่ายของตัวผมเองถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่รักครั้งแรกแต่มันช่างแตกต่างรักก่อนๆมากมายนัก

    แต่ก่อนนั้นถึงแม้ผมรักคนมามากมายและอกหักเสียหลายครั้งมากมายจนผมนึกว่าการอกหักจากความรักมันช่างไม่เจ็บปวดเสียเลย ผมเฮิร์ทแค่วันเดียวหลังจากนั้นก็ลั้นล้าต่อ

     

    แต่กับพี่เขามันไม่ใช่

    ผมรู้ตัวผมดี  และรู้สึกถึงความแตกต่างที่มากมายเหลือคณา

    แล้ว ผมจะทำยังไงต่อไปดีละเนี่ย

     

    ผมนั่งคิดมือจดไปจนเกือบหมดชั่วโมง จู่ๆเสียงโทรศัพท์ของอาจารย์ที่สอนอยู่ก็ดังขึ้น อาจารย์หยิบขึ้นมามองหน้าจอสักพักก่อนปล่อยเลิกก่อนเวลา

     

    ผมเก็บของเงียบๆ ในใจพลางคิดว่าจะทำยังไงกับความรักที่ช่างเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว พวกเราเดินไปถึงลานจอดรถพวกไอ้นนท์โบกมือลาผม ผมโบกลากลับก่อนกลับนั่งลงคิดถึงปัญหาเดิม

     

    ผมมองนาฬิกา ใกล้เวลาที่พี่เขาจะเลิกแล้ว ผมน่าจะไปรอพี่เขาที่คณะ อืม พูดถึงคณะผมยังไม่รู้เลยแฮะว่าพี่เขาเรียนคณะไหน ซื่อบื้อจริงๆ

    ผมเดินตรงไปเรื่อยๆ คิดเอาว่าเดี๋ยวค่อยโทรหาพี่เขาก็คงได้มั้ง

     

    สาวๆกลุ่มหนึ่งเดินผ่านหน้าผมไป แต่บทสนทนาของพวกหล่อนกลับดังก้องอยู่ในหัว

     

    “ นี่ๆ รู้จักพี่เยียร์ที่เป็นเดือนคณะรึเปล่า”

    “หือ รู้จักสิ พี่เขาหล่อจริงๆเลย อยากได้มาเป็นแฟนจัง”

    “เป็นแฟนน่ะเป็นได้ย่ะ แต่รู้ไหมพี่เขาคาสโนว่าตัวพ่อเลยนะ”

    “เอ๋ จริงเหรอ คนสุภาพแบบนั้นน่ะนะ”

    “อือ แบบส่าเปลี่ยนคู่ควงไม่ซ้ำหน้าเลย แต่คะแนนพี่เขาก็ยังไม่ตกเพราะบุคลิกท่าทางสุภาพและหน้าตาที่ทั้งหล่อทั้งอ่อนโยนของพี่เขาทำให้ที่ถึงแม่จะคบแล้วเลิกก็ไม่มีใครว่าพี่เขาสักคน”

    “ว้าว สุดยอดจัง”

     

     

    แล้วผมล่ะ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×