คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : แล้ว...
“อ่านะ เรื่องมันก็เป็นแบบนี้” ผมเริ่มเล่าตั้งแต่ตอนที่ผมตื่นขึ้นมาจนถึงข้อตกลงที่ทำไว้กับพี่เขา ผู้ฟังทั้งสาม เอ่อ ทั้งสองนั่งฟังตาปริบๆ พยักหน้าเป็นระยะๆ แต่เจ้าตัวต้นเรื่องที่นั่งเป็นเจ้าชายอยู่ด้านหลังก็เอาแต่นั่งยิ้มมองหน้าผมอย่างเดียว ยิ้มทำไมวะ ไม่เข้าใจรึไงว่ากูเขิน ผมบ่นในใจ ก่อนจะระลึกตัวเองได้ว่า แล้วกูจะเขินทำไมวะ รึกูเบี่ยงเบนไปแล้ว (เรื่องนี้ต้องโทษไอ้พวกเพื่อนซี้ทั้งหลายแหล่ที่ขยันทำให้ผมกลายเป็นคนเบี่ยงเบน!!)
“มึงไปสั่งของไปไอ้นนท์” ไอ้ปลายหันไปสั่งพระสวามีมันที่ลุกขึ้นรับทราบทันทีที่ภรรยามันหันมา
“ครับท่าน เดี๋ยวสามีกลับมานะจ๊ะ” มันส่งจูบมาอีกรอบก่อนเดินจากทำให้มันไม่เห็นใบหน้าเขินๆน่ารักๆจากไอ้ปลายที่ถึงแม้ปากจะด่าไล่หลังว่าบ้าแต่ตากลับยิ้ม ฮู้ย รู้แล้วว่าทำไมไอ้นนท์ถึงหวงมันนัก มันน่ารักแบบนี้นี่เอง ถ้าไม่ติดว่ามันมีแฟนแล้วเดี๋ยวผมจะจีบมันเองเลยนะเนี่ย ฮ่าๆๆ (แล้วในวงเล็บผมด่ามันทำไมอ่ะ)
“พี่ทานของพวกนี้ได้แน่นะ” ผมนั่งเคลิ้มกับใบหน้าแดงๆของไอ้ปลายชั่วครู่ก่อนหันมาถามเจ้าชายที่นั่งเปล่งประกายอยู่ในร้านอาหารซอมซ่อ
“ได้ครับ ถ้าเดย์ทานได้พี่ก็ต้องทานได้” ผมทำหน้ายี้กับมุกของพี่เขาก่อนถามขึ้นอีกเรื่อง
“ทำไมถึงยึดติดที่จะรับผิดชอบผมนักล่ะ ผมเป็นผู้ชายนะ ไม่เห็นมีอะไรเสียหายเลย” พี่เขาทำหน้ายิ้มๆก่อนกระซิบที่ข้างหู
“เดี๋ยวพี่บอกที่บ้านดีกว่า” พี่เยียร์ผละออกไป
“วู้ๆๆ สวีทกันไม่เกรงใจชาวบ้านชาวช่องตาดำๆที่ไม่มีคู่บ้างเล๊ยยย” ผมคิ้วกระตุก เสียงกวนอวัยวะเบื่องล่างกับเสียงแซวๆที่ผ่านออกมาจากปากหมาๆของไอ้คนที่ผมเพิ่งชมมันไปว่าน่ารักเมื้อกี้ ผมขอถอนคำพูด!!
“ไอ้บ้า” แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้เนื่องจากซะมีมันเดินลั้นลามานู่นแล้ว
“วันนี้คนเยอะว่ะ” ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับมัน ไม่ใช่ว่าทุกวันคนน้อยหรอกนะครับมันก็เต็มร้านเหมือนกันแต่วันนี้มาแปลกโต๊ะแทบทุกโต๊ะคนเกือบล้นออกมานอกเก้าอี้อยู่แล้ว แถมยังมีต่อโต๊ะออกด้านนอกอีกแน่ะ
เยอะกันจริงๆ มันเพราะอะไรนะ คงไม่ใช่ว่าอยู่ๆ กับข้าวในร้านก็อร่อยขึ้นจนคนในมหาลัยอยากจะชิมสักครั้งอะไรประมาณนั้นหรอกนะ ผมว่ามันไม่ใช่
“คนเยอะมากๆเลยนะครับ ร้านนี้อาหารอร่อยเหรอ” พี่เยียร์ถามผม พอผมมองหน้าพี่เขาความจริงก็กระจ่าง
คนพวกนี้มานั่งดูเจ้าชายผู้แสนเลอเลิศนี่เอง ว่าแต่มันจะหล่อไปเพื่อใครวะครับ
ผมถอนหายใจอย่างหมั่นไส้นิดๆ เหอะ ชาติที่แล้วทำบุญด้วยอะไรวะ จะไปทำมั่งเผื่อจะได้เกิดมาหล่อ สูง รูปร่างดี สาวติดตรึม ขรึม แบบนี้มั่ง
ผมนั่งมองหน้าพี่เขาด้วยอิจฉาอยู่สักพักอาหารก็มาเสิร์ฟถึงที่ พนักงานวางจานด้วยท่าทางขวยเขิน เงยหน้ามองทางพวกผมเป็นระยะๆ พลางยิ้มหวานให้ส่วนคุณพี่คนข้างๆก็อารมณ์ดีมีการยิ้มตอบด้วย ชิ อารมณ์เสียว้อย
ผมสะบัดก้นออกจากที่นั่งแล้วย้ายไปนั่งข้างๆไอ้ปลายที่นั่งกระหนุงกระหนิงกับคุณนนท์แบบไม่อายสายตาประชาชี
มันหันมามองหน้าผมก่อนจะหัวเราะ เออ หัวเราะกันเข้าไป
“หึงเหรอมึง” มันกระซิบถามผมและก็ได้รางวัลเป็นการโบกมันรอบนึงกับสายตามองค้อน
“ชิ ไอ้ปากแข็งไม่ตรงกับใจ ไอ้ซึน” มันด่าเสร็จไม่หันไปกระหนุงกระหนิงกับแฟนมันต่อ เฮ้อ นี่ผมมีเพื่อนรึไม่มีกันวะครับ
ผมหันหน้ากลบเข้าหาโต๊ะอย่างเซ็งๆ ก่อนปะทะเข้ากับสายตาน้อยใจของรุ่นพี่เดือน
“อะไรครับ” ผมถามอย่างหวาดๆ มาแสดงดราม่าอะไรแถวนี้ครับ สาวๆโต๊ะข้างๆกัดผ้าเช็ดหน้ากันระนาวคาดว่าอีกสิบนาทีถ้าพี่เขายังทำหน้าแบบนี้ต่อรับรองว่าสาวๆพวกนั้นต้องรุมมากระทืบพวกผมถึงที่แหง
“ทำไมย้ายไปนั่งตรงนั้นละครับ โกรธอะไรพี่เหรอ” ถามผมเสียงอ่อยแถมด้วยสายตาแบบคนน้อยใจส่งมาให้ผมที่นั่งอึ้งอยู่ แม่เจ้าโว้ยย พี่ครับ ใจผมเต้นตึกตักแล้วครับพี่
ผมอายหน้าแดงก่อนก้มหน้าก้มตาลุกขึ้นกลับไปนั่งที่เดิม ก็ข้างๆพี่เขาน่ะแหละครับ
“รีบๆทานละกัน” ผมบอกแค่นั้นก่อนรีบซ่นใบหน้าแดงๆก้มหน้ากินข้าวแล้วทำเป็นว่าพี่เขาไม่มีตัวตน
แล้ว ผมจะเขินทำซากอะไรล่ะครับ!!
“แค่ก” เสียงไอค่อกแค่กจากคนข้างๆทำให้ผมหันหน้าไปมองก่อนจะพบคนที่นั่งหน้าดำหน้าแดงอยู่
ไม่กินเผ็ดแล้วทำไมไม่บอกละคร้าบบบ ถึงในใจจะคิดอย่างนั้นก็เหอะ ผมรีบดึงกระดาษทิชชู่ก่อนไอ้นนท์ที่กำลังเอื้อมไปหยิบมาส่งให้พี่เขาตามด้วยน้ำเปล่าที่ผมยังไม่ได้แตะกับของปลายที่ยื่นให้
“เป็นอะไรไหม” ผมลูบหลังพี่เขาเบาๆ ถามอย่างเป็นห่วง พี่เขาเงยหน้าขึ้นบอกขอบคุณผมก่อนรับน้ำในมือผมไปดื่ม
พวกเราถอนหายใจอย่างโล่งอกทันทีที่เห็นว่าคุณพ่ออนามัยไม่กินเผ็ดอาการดีขึ้น รอดพ้นจากแววฆาตกรรมของสาวๆรอบโต๊ะ
“ทีหลังถ้ากินอะไรไม่ได้ก็บอกสิครับ” ผมบอกพี่เขา พี่เยียร์ยิ้มให้ก่อนเอ่ยขอโทษอีกรอบ
“ไม่เป็นไรครับ เพราะผมก็ลืมถามพี่เหมือนกัน” ผมยกอาหารถ้วยเจ้าปัญหาออกไปก่อนยกอย่างอื่นในโต๊ะให้แทน
“อันนี้ไม่เผ็ดครับ พี่กินได้แน่นอน” พี่เขายิ้มอีกแล้ว ยิ้มบ่อยชะมัด
“ขอบคุณครับ” ผมพยักหน้าเบาๆแล้วหันไปกินข้าวต่อ พี่เข้านี่อนามัยสุดๆไปเลยแฮะเพราะตอนที่พี่เขากินผมเห็นพี่เค้าเช็ดช้อนด้วย สะอาดสุดๆ
ใช้เวลาไม่นานนักพวกเราทั้งห้าคนก็ทานข้าวจนอิ่มเปล้ เรียกได้ว่าถ้าพวกปมกินกันมากว่านี้อาจนอนกลิ้งเข้าห้องได้เลยก็เป็นไปได้ เอิ่ม แต่ต้องยกไว้คนหนึ่งเพราะพี่ท่านกินแบบพอดีพองาม อิ่มตั้งแต่จานแรกแล้วล่ะครับ
พี่เขาลากลับไปที่คณะ ก่อนไปยังไม่วายบอกผมว่าให้รอพี่เขาด้วย เพราะดูเหมือนพี่เขาจะมีเรียนมากกว่าผมแค่สิบนาทีกว่าเรียกได้ว่าเกือบเลิกพร้อมๆกันน่ะแหละ
ผมยืนไล่พี่เขาที่แม้ตอนจะขึ้นรถก็ยังหันมายิ้มให้ผม ไปได้แล้วชิ่วๆ
ฮึ่ย อายว่ะ
ผมลากไอ้ปลายที่ยืนหัวเราะคิกคักล้อเลียนผมขึ้นห้องอย่างอายๆ ทำไมมันชอบแซวผมนักนะไม่เข้าใจจริงๆทีมันผมยังไม่เคยแซวมันเลย
ผมนั่งเรียนแบบไม่รู้เรื่อง มือจดความรู้ที่อาจารย์พูดเป็นน้ำไหลไฟดับก็จริงแต่ในใจของผมกำลังคิดถึงคนอีกคน
รึว่าผมจะชอบพี่เขาเข้าแล้วนะ มันจะเร็วไปไหมเนี่ย นี่เพิ่งวันเดียวเอง
แต่ก็ต้องยอมรับว่าพี่เขามีเสน่ห์น่าหลงใหลจริงๆ ทั้งรอยยิ้มแสนอบอุ่นนั่น ทั้งการกระทำที่อ่อนโยนนั่น
มันทำให้ผมราวกับกลายเป็นเด็กน้อยผู้ใสซื่อที่ไม่รู้จักกับความรักมาก่อน
ผมใจเต้นแรงเมื่ออยู่ต่อหน้าพี่เขา ผมเขินเมื่อพี่เขาส่งยิ้มที่แสนมีความหมายมาให้ ผมยอมรับว่าผมตกหลุมเสน่ห์ของพี่เขาเข้าจังๆ ผมหลงรักทั้งการกระทำที่อบอุ่นกระทั่งรอยยิ้มที่แสนอ่อนโยน ผมหลงรักพี่เขาแล้วจริงๆ
แม้จะแค่รู้จักกันเพียงแค่วันเดียว
ผมถอนหายใจกับความใจง่ายของตัวผมเองถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่รักครั้งแรกแต่มันช่างแตกต่างรักก่อนๆมากมายนัก
แต่ก่อนนั้นถึงแม้ผมรักคนมามากมายและอกหักเสียหลายครั้งมากมายจนผมนึกว่าการอกหักจากความรักมันช่างไม่เจ็บปวดเสียเลย ผมเฮิร์ทแค่วันเดียวหลังจากนั้นก็ลั้นล้าต่อ
แต่กับพี่เขามันไม่ใช่
ผมรู้ตัวผมดี และรู้สึกถึงความแตกต่างที่มากมายเหลือคณา
แล้ว ผมจะทำยังไงต่อไปดีละเนี่ย
ผมนั่งคิดมือจดไปจนเกือบหมดชั่วโมง จู่ๆเสียงโทรศัพท์ของอาจารย์ที่สอนอยู่ก็ดังขึ้น อาจารย์หยิบขึ้นมามองหน้าจอสักพักก่อนปล่อยเลิกก่อนเวลา
ผมเก็บของเงียบๆ ในใจพลางคิดว่าจะทำยังไงกับความรักที่ช่างเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว พวกเราเดินไปถึงลานจอดรถพวกไอ้นนท์โบกมือลาผม ผมโบกลากลับก่อนกลับนั่งลงคิดถึงปัญหาเดิม
ผมมองนาฬิกา ใกล้เวลาที่พี่เขาจะเลิกแล้ว ผมน่าจะไปรอพี่เขาที่คณะ อืม พูดถึงคณะผมยังไม่รู้เลยแฮะว่าพี่เขาเรียนคณะไหน ซื่อบื้อจริงๆ
ผมเดินตรงไปเรื่อยๆ คิดเอาว่าเดี๋ยวค่อยโทรหาพี่เขาก็คงได้มั้ง
สาวๆกลุ่มหนึ่งเดินผ่านหน้าผมไป แต่บทสนทนาของพวกหล่อนกลับดังก้องอยู่ในหัว
“ นี่ๆ รู้จักพี่เยียร์ที่เป็นเดือนคณะรึเปล่า”
“หือ รู้จักสิ พี่เขาหล่อจริงๆเลย อยากได้มาเป็นแฟนจัง”
“เป็นแฟนน่ะเป็นได้ย่ะ แต่รู้ไหมพี่เขาคาสโนว่าตัวพ่อเลยนะ”
“เอ๋ จริงเหรอ คนสุภาพแบบนั้นน่ะนะ”
“อือ แบบส่าเปลี่ยนคู่ควงไม่ซ้ำหน้าเลย แต่คะแนนพี่เขาก็ยังไม่ตกเพราะบุคลิกท่าทางสุภาพและหน้าตาที่ทั้งหล่อทั้งอ่อนโยนของพี่เขาทำให้ที่ถึงแม่จะคบแล้วเลิกก็ไม่มีใครว่าพี่เขาสักคน”
“ว้าว สุดยอดจัง”
แล้ว ผมล่ะ
ความคิดเห็น