ชะตากรรม - ชะตากรรม นิยาย ชะตากรรม : Dek-D.com - Writer

    ชะตากรรม

    เมื่อเด็กสาวคนหนึ่ง มีชะตากรรมที่ต้องพลัดพราก พรากจากทุกอย่าง จนอาจพูดได้ว่าสวรรค์กลั่นแกล้งเธออย่างแน่นอน เด็กสาวผู้โชคร้ายที่สุดก็ว่าได้

    ผู้เข้าชมรวม

    172

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    172

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  24 พ.ค. 50 / 22:56 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ในวันที่อากาศแจ่มใสของฤดูใบไม้ผลิ ลมพัดโบกโบยทำให้ใบไม้ปลิวไสวไปมาราวกับกำลังเริงระบำยอกล้อกับสายลมที่พัดมาเป็น ทุกอย่างดูมีสีสันและร่าเริงกันไปหมด แต่ถ้าลองมองไปอีกด้านหนึ่งในสนามเด็กเล่นซึ่งมีเด็กๆมากมายหยอกล้อเล่นกันสนุกสนานเฮฮา มีเพียงมุมเดียวเท่านั้นที่ดูเศร้าถนัดตา เด็กหญิงตัวน้อยที่หน้าตาโศกเศร้า ดูทุกข์ระทม ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตาที่ยังไม่แห้งดี ในขณะที่เด็กคนนั้นกำลังเช็ดคราบน้ำตาด้วยผ้าเช็ดหน้าสีหวาน อยู่ก็มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเธอ เด็กผู้ชายคนนี้ดูจากการแต่งตัวรวมกับใบหน้าและแววตาอันงดงามนั้นแล้ว ดูท่าทางที่บ้านจะมีฐานะพอควร ก็เข้ามาถามเด็กหญิงผู้นั่งอยู่บนชิงช้าอย่างเบาๆ

      "นี่ เธอทำไมมาร้องไห้อยู่ตรงนี้ละ ไม่ไปเล่นกับคนอื่นหรอหน้าสนุกจะตายไป" เด็กชายผู้ไม่เรื่องราวถามมาได้อย่างประหลาด ทำให้อีกฝ่ายเริ่มเงยหน้าขึ้นมาสบตา อย่างไม่สบอารมณ์ แล้วตอบกลับว่า "แล้วนี่เธอมายุ่งอะไรกับฉันละ เรารู้จักกันด้วยหรอ" คำพูดของคนพูดทำเอาคนฟังอึ้งไปอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจาตอบกลับไปว่า "ก็ฉันจะมาดูเธอ ก็เห็นเธอนั่งร้องไห้อยู่ตั้งนานแล้ว มีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้หรือเปล่า" น้ำเสียงที่ดูอ่อนโยนที่พูดออกมาทำเอาอีกฝ่ายนั้นดูหน้าตาดีขึ้น แล้วจึงมองงท้องฟ้าใส แล้วตอบไปอย่างเปรยๆว่า "วันนี้เป็นวันเกิดของฉัน คุณพ่อ คุณแม่สัญญากับฉันไว้ว่าจะมาฉลองวันเกิดให้กับฉัน แต่เมื่อเช้าท่านโทรมาบอกว่าติดธุระสำคัญ เลยมาไม่ได้" หลังจากที่เธอตอบออกมาด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น ก่อนจะร้องไห้ออกมาอีกระลอก จนฝ่ายชายต้องเข้ามาปลอบเธอและขออาสาพาไปเลี้ยงไอศกรีมเป็นการฉลองให้เธอในวันเกิด

                  อยู่ๆเด็กสาววัยรุ่นก็สะดุ้งตัวขึ้นเมื่อครูสอนวิชาเลขเรียกเธอขึ้นยืนตอบคำถามที่คุณเธอถามมาอย่างตั้งใจ หลังจากที่เธอนั้นดูเหม่อลอยในสายตาเพื่อนๆมานานแสนนานทำให้เพื่อนๆแอบอมยิ้มกันไปทุกคน

      "นี่ คุณมีส ช่วยมีสมาธิในการเรียนบ้างได้ไหม" ครูนั้นคิ้วเริ่มผูกกันเป็นปม ก่อนถามต่อว่า "อ้าว คราวนี่ยกโทษให้ แต่คราวหน้าอย่าหวังแล้วกัน งั้นมาทำโจทย์ข้อนี่ให้เพื่อนดูสิ คุณมีส" เจ้ากรรมนั้นเริ่มบ่นในใจไปๆมาๆ ก่อนลุกขึ้นตอบแบบเอ๋อเล็กน้อย ก็เธอนั่งเหม่ออยู่ตอนครูสอนนี่ ทำไงได้ ก็คนมันช่างจินตนาการล้ำเลิศอะนะ หลังจากเธอตอบคำถามไปเพียงนิดเดียว เน้นว่าอาจไม่ถึงสองประโยคซะด้วย                                           ก็มีเสียงของใครบางคน คนที่เธอรู้สึกเบื่อขี้หน้าเป็นที่สุด คนที่ชอบแกล้งเธอได้ทุกเวลา คุณชายเวฟแห่งตระกูลชื่อดังนี่เอง ทำเป็นเก่งไปได้

      "ครูครับผมว่า ถ้าให้เธอตอบแบบนี่ สู้คุณครูไม่ต้องไปถามเธอดีกว่าหรือถามคนอื่นแทนก็ดีนะครับ เสียเวลาหมดครับ" อ้าวตาบ้านี่พูดเข้าไปได้ อยากเจอดีแบบคราวก่อนหรือไง กวนจริงๆ น่าจะจับยัดใส่ห้องน้ำในโรงเรียนให้อดข้าวทั้งคืนไปเลยดีกว่า ไม่ๆ ต้องจับกรอกยาโพแทสเซียมไซยาไนต์ตายไปเลย ชอบมาออกความเห็นแย่อยู่ได้

      "ไม่ต้องประชดประชันกันแล้ว เอาเป็นว่าเราถามคุณเฟียร์ดีกว่า ว่าไงค่ะ ลองตอบให้ครูฟังจนชื่นใจบ้างสิค่ะ" อ้าว ครูดันไปทำตามที่มันบอกทำไมเนี่ย ทำเราเป็นตัวตลกของเพื่อนไปเลย อะไรกันพระเจ้าช่างกลั่นแกล้งเราจริง เออแต่ก็ดีเฟียร์มันตอบได้ชัวร์ ก็ดันเก่งขนาดนั้นนิ ดีที่เรามีเพื่อนอย่างนี่ ไม่งั้น ตอนสอบตกระนาวแน่ หลังจากชั่วโมงที่เธอโดนครู กับนายเวฟร่วมมือกันประชดเธอ ที่เธอแอบเหม่อและตอบคำถามทั้งชั่วโมง จนโดนเพื่อนมาแอบกระซิบเรื่องเธอมากมาย 

      หลายวันต่อมมาเธอ เฟียร์และอีส ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทและเข้าใจชีวิตเธอมากที่สุด เดินไปทานอาหารกลางวันที่โรงอาหาร ซึ่งอยู่ถัดจากตึกที่เธอเรียนไปเล็กน้อย ระหว่างก่อนเดินทางที่ร้อนระอุจากไอแดดที่แผดเผาลงมา จะว่าบังเอิญหรือสวรรค์กลั่นแกล้งเช่นเคยกันแน่ ดันไปเจอกลุ่มของคุณชายเวฟ ซึ่งประกอบด้วยนายนั้น กับนายไซค์ สองคนนี้เห็นดูจากภายนอกแล้ว ก็งั้นๆ แต่ถ้าดูท่าแท้แล้วพวกนี้แหย่คนเก่งมาก แถมยังพูดจาตรงๆไม่ไว้หน้าใครด้วย อาจเนื่องมาจากที่ สองคนนั้นพ่อแม่มีตังมากละมั้ง อีกอย่างก็ชอบวางท่าเท่อีก สาวๆก็รุมจีบกันตรึม แต่ทั้งสองก็ไม่เคยสนใจสาวหน้าไหนทั้งสิ้น มัวแต่มาวุ่นอยู่กับพวกเธอ จนมีคนจับกลุ่มคุยกันพูดไปต่างๆนานาเกี่ยวกับเธอและยังมีเพื่อนคนอื่นๆจ้องมาที่เธอแบบแปลกด้วย

      "นี่ๆเวฟ พวกมีสเดินมาแล้วละ เอาเลย ไปเลยสิ" คนพูดดันเพื่อนไปอย่างแรงจนกระเด็นไปหน้าพวกมีสที่กำลังเดินอยู่

      "ว๊าย นี่นายทำบ้าอะไรเนี่ย ฉันตกใจแทบคว่ำแน่ะ" กลุ่มผู้เกือบถูกชนหวีดร้องออกมาอย่างรุนแรง

      "เออ... เออ..." ผู้พูด พูดไปมาไม่ยอมเอยปากสักที "นี่เวฟจะพูดอะไรกับมีสก็พูไปสิ มาเออๆออๆอยู่ได้"ไซค์รีบเข้ามาพูดกับเพื่อนอย่างร้อนรนแทน

      "เออ คือว่าเรื่องเมื่อหลายวันก่อน ที่แกล้งเธอในห้อง ฉัน...ขอโทษนะ" อ้าวอะไรกันนายนี่มาแนวไหนกันเนี่ย เมื่อก่อนไม่เห็นเคยเป็นแบบนี้เลยนี่หว่า หรือว่าหัวกระแทกพื้นสมองกลับกันแน่

      "มาขอโทษฉันทำไมละ"มีสพูดเป็นการลองเชิงของอีกฝ่าย

      "เออก็เพราะว่าเธอโดนเพื่อนพูดกันไปต่างๆนานานิ ไม่รู้จริงๆเหรอ" คนฟังเอ๋อไปชั่วขณะเช่นเคย อะไรกัน เรื่องอะไรกันไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย มีสเริ่มจ้องหน้าด้วยนัยน์ตาสีฟ้าดั่งน้ำทะเลที่ปกติน่าจะดูนุ่มนวลแต่นี่สายตาอันเฉียบขาด มองไปที่ทั้งสองซึ่งเป็นเพื่อนเป็นเชิงถามอีกฝ่ายว่ามีข่าวอะไร ที่ปิดบังฉันไว้หรือเปล่า ทำไมฉันถึงไม่รู้

      "อย่ามองอย่างนั้นสิมีสมันหน้ากลัว พวกฉันแค่ไม่อยากให้เธอรู้กลัวเธอเครียดเปล่าๆ เราไม่มีเจตนาจะปิดบังเธอนะ" อีสพูดอย่างรวดเร็วไม่ติดขัดตามสไตล์ของเธอ 

      "ก็ได้ ฉันไม่โกรธพวกเธอแต่เล่ามาซะดีๆนะ" พอหญิงสาวพูดจบ เฟียร์ก็รีบพูดต่อทันที "เออ เรื่องวันนั้นที่เธอเหม่อลอยในห้องเรียนนะ ทุกคนคิดว่าเธอนะเป็นบ้าบ้าง เรียกร้องความสนใจบ้าง ที่ร้ายที่สุดคือ เธอคิดถึงแฟนของเธอ พวกนั้นเลยเดาส่งเดชเพราะเห็นเธอดูสนิสนมกัน ทะเลาะกันออกจะบ่อย เลยคิดว่าต้องเป็น คุณเวฟแน่นอ…" ยังพูดไม่ทันขาดคำ อีกเสียงก็แทรกขึ้นมาอย่างกะทันหัน

      "อะไรนะ กับตานี่เนี่ยนะเป็นไปไม่ได้หรอก ฉันเบื่อขี้หน้ามันจะตาย หน้าก็เฉยชอบกันเข้าไปได้ไง แถมถ้าเป็นจริง..." ทุกคนมองมาที่เธอด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็นมาก "สมมุตินะ เข้าใจคำว่าสมมุติปะ" ทุกคนก็พยักหน้าแล้วยืนฟังอย่างเคย "ถ้าสมมุติเป็นแฟนคุณชายห่วยแตกอย่างนี้ มีหวังโดนพวกแฟนคลับนายนี้ดักตบเป็นแน่"

      "นี่เธอว่า อะไรนะฉันห่วยแตก แล้วฉันไปทำให้ใครเดือดร้อนหรือไง เหอผู้หญิงนี้ก็ปากจัดตามนิสัยของผู้หญิงประเภทเธอละน่า คนอุตส่าห์มาขอโทษยังมาถูกว่าอีก" ชิ มาทำเป็นวางมาดตลอดต่อหน้าสาธารณะชน มาว่าคนอื่นปากจัดไม่ดูตัวเองซะเลย อย่างนี้ต้องสั่งสอน "เพลี๊ย" เสียงดังก้องไปทั่วหน้าโรงอาหาร อยากมาว่าเราปากจัดดีนักโดนตบสั่งสอนซะหน่อยจะได้สำนึก ทุกคนต่างหันมาดู บรรดาแฟนคลับที่ตอนนี้เกลียดขี้หน้า  มีสมากอยู่แล้ว ขณะนี้ได้โกรธเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ดังนั้นกลุ่มมีสจึงหมดอารมณืกินข้าวเดินหนีขึ้นอาคารเรียนไปเลย พร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคักของพวกเธอ ขณะที่ฝ่ายชายคราวนี้เป็นฝ่ายยืนอึ้งอยู่ชั่วขณะ ไม่สิอาจหลายขณะเสียด้วย จากนั้นจึงเรียกไซค์พร้อมกลับเดินหายจากไปจากที่เกิดเหตุทันที

        เสียงบนท้องถนนดังเป็นเสียงเครื่องยนต์มากมายที่เรียงรายติดอยู่ตามสี่แยกไฟแดง ไอพิษที่เกิดจากรถเหล่านั้นทำให้คนที่เดินอยู่ใกล้นั้นหายใจไม่สะดวกนัก

      "เอี๊ยด... ตูม!"

      อยู่ๆเสียงๆหนึ่งก็ดังขึ้นกะทันหัน ทุกคนที่อยู่ในละแวกนั้นหัน ควับกันมาแบบไม่มีการนัดหมาย สายตาทุกคู่มองไปในทิศทางเดียวกัน ภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้าคือ สภาพของผู้หญิงคนหนึ่งกับผู้ชายนอนอยู่บนท้องถนนอย่างไร้ความรู้สึก คนบางคนที่อยู่แถวนั้นบางคนตกใจกรี๊ดออกมา บางคนรีบโทรแจ้งตำรวจ บ้างก็เรียกรถพยาบาลมา

      "มีเหตุด่วนค่ะ คุณตำรวจมีคนถูกรถชนสองคนที่หัวมุมถนน ใกล้ห้างสรรพสินค้าค่ะ รีบมาด้วยนะค่ะ" ผู้หญิงคนที่เห็นเหตุการณ์อยู่โทรหาตำรวจ ขณะที่ตนยังตกใจ มือสั่นอยู่เลย ในไม่ช้าเสียงรถพยาบาลก็ตามมาพร้อมกับเสียงของรถตำรวจที่เห็นริบรี่มาแต่ไกล

                  ในห้องเรียนอันอึมครึม ทุกข์ต่างเงียบ ขณะที่ครูกำลังเช็ครายชื่อนักเรียนที่มาเรียนอยู่

      "มีส รีเวกเตอร์" ครูขานชื่อนักเรียนสาวจอมป่วน แต่ไม่มีเสียงตอบการยืนยันว่ามา

      "อ้าว คุณเฟียร์ คุณมีสไม่มาหรือวันนี้"เสียงผู้เป็นครูถามอย่างสงสัย

      "เออ คือว่าเมื่อวานนี้ คุณพ่อกับคุณแม่ของมีสเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถชนแล้วค่ะ" ทุกคนในห้องต่างเงียบกับข่าวอันน่าเศร้านี้

      "เอาเป็นว่า วันนี้ ให้คุณ..."ครูประจำชั้นลังเลอยู่เล็กน้อยก่อนพูดว่า "เอาเป็นเวฟแล้วกันนะจ๊ะ เห็นเธอก็สนิทกับมีสพอควร ช่วยไปบอกการบ้านเพื่อนและไปปลอบใจเพื่อนด้วยนะ" บรรดาแฟนคลับในห้องต่างฉุนคุณครูของตนที่ให้พระเอกสุดหล่อของพวกเธอไปปลอบใจผู้หญิงไร้ค่า (ตามความคิดของพวกเธอเองเท่านั้น)

      "คุณครูทำไมไม่ให้คุณเฟียร์ หรือคุณอีสที่เป็นเพื่อนสนิทของคุณมีสไปละครับ ผมว่าน่าจะเหมาะกว่าผมเป็นไหนๆ" บรรดาแฟนของหนุ่มหล่อสีหน้าเริ่มดีขึ้นมาถนัดตา

      "เออพอดีว่าครูมีเรื่องให้พวกเธอทั้งสองไปทำพอดี คงจะไม่ว่างหรอกนะค่ะ"

      "ก็ได้ครับ ผมไปเอง" คราวนี่ยัยมีสกลับมาไม่รอดแน่แฟนคลับตาบ้าของเธอ ได้รุมตบเธอ หรือไม่ก็แกล้งเธอจนยับเยินก็เป็นได้ ตายละคราวนี้เพื่อนเรา ได้มีเรื่องกลุ้มยกกำลังสองเป็นแน่

      "แล้วถ้าคุณมีสยังเศร้า จนมาโรงเรียนไม่ได้ก็ให้มาบอกครูด้วยนะ" หลังจากครูพูดจบการเรียนการสอนก็เริ่มไปตามปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นในวันนี้

                  ระหว่างทางกลับบ้านวันนี้ เวฟนั้นก็นึกได้ว่าต้องไปเยี่ยมมีสจึงมุ่งหน้าไปยังบ้านอย่างเร็วที่สุด เพราะเวลานี้ก็เริ่มเย็นมากแล้ว ระหว่างทางไปบ้านของมีสจัง (ไม่ใช้สิเรียกอย่างนี้ได้ไงเราไม่ได้ไปสนิทกับเขามากนี่น่า) ก็ได้ชำเลืองมองไปเห็นสิ่งที่คุ้นเคยมาก สิ่งที่เขาไม่อยากลืม ในสวนสาธารณะที่มีสนามเด็กเล่น ในนั้นชิงช้าแห่งนั้น ตอนสมัยเขาเป็นเด็กนั้น เขายังจำได้ ในตอนนั้นเด็กผู้หญิงที่นั่งบนชิงช้า ที่กำลังร้องไห้อยู่ เด็กผู้นั้น เด็กที่น่าสงสาร น่าเศร้า แต่หน้าตาของเธอผู้นั้นยังแฝงไปด้วย ความรู้สึกดีๆ มองแล้วทำให้รู้สึกสบายใจ น่าตาหน้ารักนั้น เขายังจำได้ดี เพียงแต่ตอนนี้ไม่ใช้เด็กสาวหน้าตาเต็มที่ไปด้วยน้ำตาคนนั้นอีกแล้วแต่ตอนนี้เป็นเพียงหญิงสาวคนหนึ่งที่หน้าตาก็มีคราบน้ำตาที่ยังไหลอยู่เช่นกัน ภาพทั้งสองที่มีอารมณ์เดียวกัน เสมือนว่าภาพในตอนนี้กำลังค่อยๆประสานเข้าด้วยกัน จนเริ่มจะเป็นภาพที่ซ้อนทับกัน เป็นภาพเดียวกัน ภาแห่งความทรงจำของมิตรภาพครั้งแรก มิตรภาพที่คนตระกูลดัง (ผู้มีหน้าตาหล่อเหลาอะนะ) ไม่เคยจะมีมาก่อน 'มิตรภาพที่แท้จริง' ถ้าลองมองดีๆหญิงสาวคนนั้นที่อยู่บนชิงช้าใบหน้าที่ฉาบไปด้วยสีของดวงอาทิตย์ยามเย็น ใบหน้าอันงดงามนี้ คือเธอเพียงคนเดียว

      "มีส"

                  เสียงดังกังวานไปรอบสวน คนที่เป็นเจ้าของนามเงยหน้าขึ้นมามองชายคนหน้าชายผู้ที่ปกติแล้วจะแกล้งเธอตลอด บัดนี้กับมาสนใจเธอผู้ที่ไม่น่าจะเป็นที่สนใจได้ ในสนามเด็กเล่นแห่งน้อยนี้

      "นี่นายมาทำอะไร" หญิงสาวพูดพลางเช็ดน้ำตาบนใบหน้า ด้วยเสื้อนักเรียนของเธอ ดูแล้วท่าทางตั้งแต่เมื่อวานที่พ่อแม่เธอตายจะยังไม่ได้อาบน้ำ อาบท่า มัวแต่มานั่งร้องไห้เป็นแน่

      "ก็เออ... คือว่า... คุณครูให้มาดูเธอว่าเธอเป็นไงบ้าง ก็แค่นั้น"

      "จริงๆอะ แน่นะว่าไม่ใช่อยากจะมาเอง" คนโดนถามหน้าแดงก่ำขึ้นพลางพูดปัดไป

      "ก็จริงสิ ว่าแต่เธอนะ ฉันว่าเธอเหมือนเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มานั่งชิงช้าร้องไห้ที่นี่มากเลย" มีสอยู่ๆก็เงียบไปทันที อะไรกันทำไมนายนั้นถึง... หรือว่าเด็กคนนั้นคือนายนั้น ไม่จริงๆนิสัยก็ต่างกันลิบลับ คงไม่ใช่หรอกมั้ง

      "เด็กคนนั้นนั่งอยู่ที่นี้ ในวันนี้เมื่อหลายปีก่อน เด็กคนนั้นบอกว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเธอ แต่ที่เศร้าก็คือว่าพ่อแม่ มาฉลองวันเกิดให้ไม่ได้ จึงมานั่งร้องไห้อยู่คนเดียว"

      "ตอนนั้นฉันเข้าไปปลอบแต่ก็ไม่ยอมหยุด คนอื่นๆต่างพากันมองว่าฉันไปแกล้งเธอคนนั้นแน่ๆ ดังนั้นฉันจึงจำใจเลยพาเธอผู้นั้นไปเลี้ยงไอศกรีม เธอถึงจะยอมหยุดร้อง แต่ก็หม่ำไปมากเหมือนกัน ท่าทางว่าจะชอบรสเชอร์เบทผลไม้ด้วยแหละ" เด็กคนนั้นหรือว่าจะเป็นเรา งั้นคนที่เข้ามาปลอมก็ต้องเป็นนาย นายเวฟ นายเองหรือ ใช่แน่นอนทั้งเรื่องวันเกิด กับเรื่องรสไอศกรีมที่ชอบ ก็ไม่มีคนรู้นี่ เราไม่เคยบอกใครเลย จะมีที่รู้เรื่องวันเกิดก็แค่ญาติเท่านั้น แต่มันก็ไม่ใช่ญาตินิ นามสกุลก็ไม่เหมือนกัน งั้นแสดงว่า

      "เธอ... นายเวฟ เธอคือเด็กผู้ชายคนนั้น ส่วนที่นายเล่าเด็กหญิงที่เศร้าคนนั้นก็ต้องเป็นฉันแน่นอนเลย" คำพูดของสาวป่วนทำเอาหนุ่มมาดเท่ตกใจ จนทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว

      "เธอพูดจริงใช่ไหม เด็กหญิงคนนั้น คือเธอแน่จริงหรือ"

      "ก็ดูจากที่เธอพูดมาเรื่องวันเกิดกับรสไอศกรีม ก็น่าจะเป็นฉัน ดูแล้วน่าจะใช่นะ" ขณะนี้การพูดของฝ่ายหญิงดูท่าทางแล้วนุ่มนวลขึ้นถนัดตา ผิดกับตอนแรกที่พบกัน

                  ทั้งสองพูดจากันยาวนานมาก จนตะวันตกดินไปแล้ว ท้องฟ้ามืดครืม ไฟทางเริ่มส่องสว่างไสว แต่ทั้งสองก็ยังคุยกันอย่างมีความสุข จนทั้งสองเห็นว่าไฟร้านค้าข้างทางเริ่มดับลง จึงรู้ตัวและขอแยกย้ายกันกลับบ้านไป

      "บายนะ เวฟคุง" สาวน้อยเปลี่ยนสรรพนามของชายหนุ่มใหม่ ทำให้อีกฝ่ายงงไปเล็กน้อย ก่อนหันกลับมาลาฝ่ายหญิง

      "บายจ้า มีส พรุ่งนี้เจอกันที่โรงเรียนนะ" พูดจบทั้งสองก็โบกมือลากลับบ้านของตนไป        มิตรภาพของทั้งคู่นั้นดูแล้วมีอิทธิพลกับทั้งคู่มาก มันสามารถทำให้ความโศกเศร้าอันใหญ่หลวงของหญิงสาวหายไปได้อย่างน่าอัศจรรย์ มิตรภาพนี้จะมีนานแค่ไหนไม่มีแค่ไหน มันจะมีวันจางหายไปหรือเปล่า ถ้ามันเลือนหายไปหญิงสาวผู้โชคไม่ค่อยจะดีคนนี้จะเป็นอย่างไรกันแน่

                  วันที่สดใสอีกวันของฤดูใบไม้ผลิ เป็นเวลาหลายปีมาแล้วที่หญิงสาวจอมป่วนประจำโรงเรียนกับหนุ่มมาดหล่อมาสนิทสนมกัน ทำเอาเพื่อนของทั้งคู่งงเป็นไก่ตาแตกไปหลายวันเชียว อีกทั้งบรรดาแฟนคลับทั้งหลายต่างวางแผนแกล้งมีสมาหลายครั้งคราในหลายปีที่ผ่านมา แต่ก็ไม่สำเร็จเนื่องจากเวฟนั้นเข้ามาช่วยได้บางหลายครั้งคราว บางก็ได้เฟียร์กีบอีสช่วยไว้ได้ ก็อย่างว่ายัยมีสเนี่ยออกจะซุ่มซ่าม ประมาท ไม่ระมัดระวังจะตาย เกือบโดนเล่นงานแล้วไหมละ

                  วันนี้เป็นวันจบการศึกษาแล้วทั่วทั้งโรงเรียนนักเรียนต่างพากันมาเพื่อรับใบประกาศนียบัตร วันนี้จึงถือเป็นวันสำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ หลังจากเสร็จพิธีการทุกคนก็แตกแยกย้ายกันกลับไป บ้างก็ระลึกถึงความหลังที่อยู่ในโรงเรียน ในขณะที่มีสกับเพื่อนจะกลับบ้านไป เวฟก็เดินเข้ามาหาพอดี

      "นี่ มีสรอก่อน ผมมีเรื่องจะคุยด้วย" มีสหันกลับ พร้อมกับสบหน้าอีกฝ่าย

      "คือว่าฉันต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ เราคงไม่ได้เจอกันนานแน่ ว่าไปแล้วผมไม่อยากจะแยกจากเธอไปเลยนะ" มีสถึงกับทำหน้าตาไม่ถูก น้ำตาเริ่มเล็ดออกมาทันใด

      "เอาเป็นว่าอย่างนี้แล้วกัน อีกสี่ปีข้างหน้า ในวันเกิดเธอฉันจะมาฉลองวันเกิดให้เธอแล้วกัน เจอกันที่เดิมที่แห่งมิตรภาพของเรา เวลาเดิม ตอนเย็นนะ" ฝ่ายชายจับมืออีกฝ่ายมาแล้วจึงพูดต่อไป "สัญญานะ" ทั้งคู่ยิ้มให้กันก่อนเดินจากไป

                  สี่ปีผ่านไปไวราวกับสายลมพัดผ่าน ลำธารไหลรินก็ว่าได้ ในขณะนี้สาวน้อยวัยรุ่นในอดีตบัดนี้ก็ได้กลายเป็นหญิงสาวที่เติบใหญ่ขึ้นมาก หญิงสาวที่ใส่ชุดอันงดงามใส่เครื่องประดับอันสวย กำลังเดินอย่างรวดเร็วด้วยความที่เธอมีนิสัยที่แก้ยังไงก็ไม่มีวันหายไปได้ ก็คือความที่สายเป็นประจำ เด็กสาวเดินอย่างรวดเร็วมุ่งหน้าไปยังที่แห่งหนึ่ง ที่ๆเธอเรียกว่า  'สถานที่แห่งมิตรภาพ' เธอเดินมาเรื่อยๆจนถึงชิงช้า สภาพของมันยังคงเหมือนเดิม เธอนั่งบนชิงช้าอย่างระมัดระวัง แกว่งชิงช้าไปมา เวลาผ่านไปเรื่อยๆ

                  เวฟขณะนี้อยู่บนเครื่องบินซึ่งมันดีเลย์ไป1ชั่วโมง ทำให้ตอนนี้เขาสายมากแล้ว

                  การรอของเธอนั้นเป็นเวลานานมากแล้ว เธอเริ่มรอซึ่งตอนนี้เธอกระสับกระส่ายเนื่องจากเวลานี้เป็นฤดูใบไม้ผลิ ดังนั้นอากาศในขณะนี้จึงร้อนมาก แต่ก็ยังดีที่มีลมพัดโบกโบยเบาๆพัดมาเป็นระลอกคลื่น ตอนนี้ผ่านไปร่วมชั่วโมงแล้ว เธอรู้สึกสิ้นหวัง "สงสัยนายเวฟ เพียงสี่ปีนี้นายคงลืมไปแล้วละมั้ง นายก็หน้าตาดี อย่างว่าไปแล้วก็คงจะมีคนจีบอยู่แหละ ช่างเหอะใครก็ต่างจากฉันไป ทั้งเฟียร์และอีสหลังจากไปเรียนก็ขาดการติดต่อมานานมาก ไปดีกว่าไปฉลองให้ตัวเองดีกว่า" น้ำตาของเธอเริ่มไหลรินออกมา ขณะที่เธอเดินออกไป ขณะที่เวฟนั้นก็เดินเข้ามาอีกทางหนึ่ง โดยที่ทั้งสองนั้นไม่เห็นกัน

                  เธอนั้นอยู่แต่ในบ้าน รำลึกถึงความโศกเศร้า เป็นความโชคชะตาของเธอหรือสวรรค์บันดาล เธอถึงต้องพรากจากทุกอย่างไป ทั้งพ่อแม่ เพื่อน และมิตรภาพ ถ้าในตอนนั้น เธอมองกลับไปสักนิด เธอก็ต้องไม่ต้องมาเสียใจไปชีวิตอย่างแน่นอน

      - จบบริบูรณ์ -

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×