คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ศัตรูหรือมิตร??!!
ตอนที่ 6
โอ๊กกกกกกก ฉันอยากจะสวยตาย แง ทุกอย่างมันเป็นความผิดของไอ้ลูกครึ่งทั้งหมด เขาทำให้ฉันมีสภาพเป็นแบบนี้ ส่วนเรื่องเป็นมายังไงน่ะหรอ เรื่องมันมีอยู่ว่า....
เมื่อ 3 วันก่อน
“เอาล่ะนักเรียนทุกคนอย่างที่ผอ.บอกตอนเช้านะ อีกสามวันจะมีงานสุนทรภู่ ซึ่งห้องเราต้องไปจัดซุ้มและจัดการแสดงร่วมกับรุ่นพี่ห้องม.6/1นะ”อาจารย์นิจกล่าวเสียงดังอยู่ที่หน้าห้องม.5/1ซึ่งมันก็คือห้องของฉันเองนั่นแหละ คุณผู้อ่านบางคนอาจจะสงสัยว่าทำไมต้องไปร่วมกับห้องม.6/1 เพราะ มันเป็นกฎของโรงเรียนเลยล่ะที่ต้องให้รุ่นน้องชั้นม.5ต้องทำกิจกรรมร่วมกับรุ่นพี่ม.6ที่กำลังจะจบไปในปีนั้นๆ ส่วนงานแสดงก็เป็นงานแสดงเล็กๆที่ต้องร่วมมือกับรุ่นพี่แล้วนำเข้าแข่งขันกับพวกห้องอื่นๆและชั้นอื่นๆ”เหรัญญิกช่วยรวบรวมเงินห้องจากเพื่อนๆแล้วเอามารวมกับเงินห้องของอาทิตย์ก่อนๆนะ กรรมการห้องก็ช่วยกันดูแลสถานที่และแบ่งงานให้เพื่อนๆในห้องนะ ส่วนหัวหน้าและรองหัวหน้าห้องก็ช่วยประสานงานและประชุมกับรุ่นพี่แล้วนำมาบอกเพื่อนๆในห้องทุกคนด้วยนะ ครูมีสอนต่อครูไปก่อนนะ”ครูนิจพูด และตามด้วยเสียงสั่งทำความเคารพจากนายเซฟและเสียงบอกทำความเคารพอาจารย์จากทุกคนในห้อง เฮ้อ งานใหม่มาอีกแล้ว= = ทำไมกิจกรรมโรงเรียนนี้มันถึงได้เยอะขนาดนี้นะ เปิดเทอมได้ไม่นานนอกจากฉันจะต้องปรับตัว ทำการบ้านกองมหึมา แถมหน้าที่รองหัวหน้าห้องอีกซึ่งดูเหมือนว่ามันน่าจะเป็นตำแหน่งที่ต้องคอยรองรับไอ้หัวหน้าห้องมากกว่า นอกจากเขาจะไม่ยอมทำเวรห้องที่คอยอ้างว่ามีธุระตลอดและบอกให้ฉันทำแทนตลอดแถมยังคอยแกล้งให้ฉันต้องอับอายประชานักเรียนไม่เว้นวันอีก และนี่ยังไม่รวมกับเรื่องเล็กๆน้อยๆอีกมากมายนะที่เขาเอาตำแหน่งรองหัวหน้าห้องของฉันมาอ้างและเอาตำแหน่งหัวหน้าห้องของตนเองเป็นใหญ่ไว้ใช้งานฉัน แต่แน่นอนฉันไม่มีทางยอมเขาไปแบบนี้ทุกวันหรอก เพราะตอนนี้ฉันวางแผนเตรียมแก้แค้นเขาเอาไว้แล้ว และมันกำลังจะเริ่มในช่วงพักทานอาหารกลางวันแล้ว หึหึๆ นายได้เจอดีแน่
“นี่นาย เที่ยงนี้ฉันจะนัดประชุมกับพวกม.6นะ”ฉันกระซิบบอกนายเซฟขณะที่อาจารย์สอนคณิตเพิ่มหัวล้านนิดๆกำลังสอนอยู่ที่หน้าห้อง
“งั้นเธอก็ประชุมเองไปเลยนะ ฉันขี้เกียจ ฉันมอบให้เธอตัดสินใจเต็มที่”นายนั่นพูดก่อนจะอ้าปากหาว กรี๊ดได้ไงย่ะฉันวางแผนแกล้งนายไว้แล้ว เพราะยังไงฉันก็ไม่มีทางจัดการประชุมวันนี้หรอกย่ะ
“ไม่ได้ย่ะ!!!”ฉันตะโกนเสียงลั่นจนทำเอาทุกคนในห้องมุ่งจุดสนใจมาทางฉัน กรี๊ด นายบ้านี่เอาอีกแล้ว ฮือ ฉันเกลียดแก
“คุณพิชญา สนใจในบทเรียนหน่อยนะครับเพราะเท่าที่ผมดูจากผลการสอบก่อนเรียนของคุณแล้วผมคิดว่าคุณน่าจะทำได้ดีกว่านั้นถ้าคุณตั้งใจเรียนวิชานี้ตั้งแต่ตอนนี้จนกว่าจะจบการศึกษา”อาจารย์ล้านพูด หึ่ย กับแค่ผลสอบก่อนเรียนของฉันมันไม่ค่อยดีเท่าที่ควร อาจารย์ต้องพูดถึงขนาดนี้เลยหรอ แง มันเป็นเพราะนายอีกแล้วนะ ฉันคิดพร้อมหันไปมองนายเซฟอย่างโกรธแค้น
“อย่างที่ฉันพูดไปนั่นแหละ งานนี้ห้ามขาดห้ามสายเด็ดขาด”ฉันพูด เป็นอันจบการสนทนา ดีล่ะฉันจะคิดบัญชีกับนายทั้งหมดในเที่ยงนี้แหละ ฉันคิดก่อนจะฟุบหน้าหลับไปทั้งที่อาจารย์ยังสอนอยู่หน้าห้อง ฉันไม่สนแล้วล่ะ ฉันขอพักหน่อยแล้วกัน เพราะเมื่อคืนฉันคิดแผนและเตรียมอุปกรณ์จนดึกแทบไม่ได้นอนเลย หาววว ZZzz…
แทรกกลางบทของเซฟเองครับ
ถึงช่วง;;Zephyrus Talk;;
หลังจากจบบทสนทนากับยัยบ๊องนั่นที่อยู่ๆก็ลุกขึ้นตะโกนลั่นห้องเล่นเอาผมอึ้งไปเลย ผมก็หันไปสนใจบรรยกาศในห้องเรียนอย่างตั้งใจโดยการนั่งนับขนจมูกที่แพรมออกมาของอาจารย์หัวล้านสอนคณิตเพิ่ม แต่พอผมหันหน้ามาเพื่อจะคุยเรื่องการประชุมกับยัยบ๊องอย่างตั้งใจผมก็เห็นแต่หน้าของยัยบ๊องที่กำลังนอนหลับตาพริ้มสบายใจแล้ว เฮ้อ อะไรจะหลับง่ายปานนี้นะ จะว่าไปยัยนี่ตอนหลับดูไม่บ๊องอย่างที่คิดแหะ ปากเรียวบาง จมูกที่โด่งอย่างพองามอย่างที่เขาบอกว่า ปากนิดจมูกหน่อย ขนตาสีดำยาวที่ติดอยู่กับหนังตาที่ปิดบังดวงตากลมสีน้ำตาลเข้มที่น่าหลงใหล แล้วนี่ผมจะมานั่งชมยัยบ้านี่ทำไมกันเนี่ย เอ๊ะ ยัยนั่นกำลังพูดอะไรอยู่น่ะ ขณะที่ผมกำลังยื่นหน้าไปใกล้ๆเพื่อฟังเธอให้ถนัดๆ
“พัดลม...พัดลม”ยัยนี่ร้อนหรอ= =^ แต่ว่าห้องนี้ติดแอร์นะแล้วแอร์ก็เย็นเฉียบเหมือนห้องดับจิตขนาดนี้ จะร้องหาพัดลมทำไม ในขณะที่ผมกำลังคิดอยู่ ก็มีเสียงดังมาจากหน้าห้อง
“เฮ้ สองคนนั้นน่ะ คิดจะทำอะไรกันในห้องเรียน หา!!!”เสียงอาจารย์ล้านตะโกนลั่นห้องจนทำเอาเพื่อนๆในห้องหันมาทางผมที่หน้าเหมือนจะชิดกับยัยสายพิณที่เมื่อคนอื่นเห็นอาจจะคิดว่าเรากำลังจะจูบกันเพราะความที่อยากจะฟังเสียงละเมอของยัยนั่นชัดๆ และตอนนี้ยัยนี่ก็ลืมตาโพลงขึ้นมาซะเฉยๆ เอาเข้าไปทีนี้ทุกคนในห้องรวมทั้งยัยนี่ต้องคิดว่าผมกำลังจะทำอะไรเธอแน่เลย ให้ตายสิ ผมไม่น่าอยากรู้ว่ายัยนี่ละเมออะไรเลย
“กรี๊ด นี่นายจะทำอะไรฉันเนี่ย!!!”ยัยนั่นตะโกนแผดเสียงแปร๊นๆของเธอดังลั่นตึกเอาเข้าไปเธออยากให้ชาวบ้านชาวเมืองทุกคนเขารู้เรื่องของเธอหรือไง โธ่ ไม่น่าหาเรื่องเลย
“ส่งเสียงเอะอะโวยวายอะไรหา ห้องนี้!!!”อยู่ๆอาจารย์กนกวรรณที่มีห้องพักครูอยู่ชั้นหนึ่ง(ห้องนี้อยู่ชั้นสอง)ก็กระแทกประตูเปิดเข้ามาอย่างเร่งรีบ ก่อนจะหันไปคุยอะไรบางอย่างกับอาจารย์ล้าน แล้วหันมาเรียกให้ผมกับยัยบ๊องที่หาแต่เรื่องให้ผมไปพบที่ห้องพักครู แต่โทษก็คงไม่ร้ายแรงมากนักหรอก เพราะยังซะผมก็เป็น....
;;End Zephyrys Talk;;
ณ.เวลาปัจจุบัน
ทีนี้คุณผู้อ่านก็พอรู้เรื่องแล้วใช่ไหม ว่าเรื่องเป็นมายังไง แผนชั่วร้ายฉันถูกเลื่อนออกไปจนไม่รู้ว่าจะได้ใช้อีกเมื่อไร การประชุมเรื่องวันงานกับพวกม.หกก็ให้ฝ่ายกิจกรรมทำแทนหมด ส่วนเรื่องทำโทษที่นายเซฟโรคจิตจะแอบลักหลับหญิงสาวแสนสวยอย่างฉันตอนหลับก็ถูกกระจายไปทั่วโรงเรียน(พึ่งรู้นะเนี่ยว่านายนี่ดังใช้ได้เลยในโรงเรียน) ส่วนการทำโทษอาจารย์กนกวรรณบอกว่าถึงจะเป็นการเข้าใจผิดแต่ฉันและนายนั่นต้องถูกทำโทษเหมือนกัน โดยในวันสุนทรภู่ฉันและนายโรคจิตต้องไปเล่นละครพระอภัยมณีอินเตอร์ที่ฝ่ายศิลป์-ภาษาที่อาจารย์กนกวรรณดูแลอยู่เป็นฝ่ายจัดแสดงโดยบททั้งเรื่องเป็นภาษาอังกฤษล้วนๆ และถ้าให้คุณผู้ชมเดาบทบาทของเราสองคนอาจคิดว่าเราคงได้เป็นแค่คนในหมู่บ้านที่ไม่มีบทพูด แต่มันผิดถนัด โดยนายเซฟโรคจิตขวัญใจผู้หญิงทุกคนบนโลกได้เป็นพระอภัยมณี ส่วนฉันน่ะหรอ ฉันต้องมารับบทเป็น นางยักษ์น่ะสิT^T พระเจ้าทำร้ายฉันชัดๆ สาวสวยไม่ค่อยหมวยแต่อึ๋มนิดๆอย่างฉันต้องมารับบทเป็นนางยักษ์งั้นหรอแต่ถ้าให้เป็นนางเงือกก็ไม่เอานะเพราะฉันคนนี้อยากเป็นนางละเวงนี่นา แง แต่ฉันก็ได้แต่ทำใจและนำคำว่า ปลง เป็นใหญ่เพราะนี่เป็นการทำโทษเพราะฉะนั้นฉันเลือกบทไม่ได้ แต่ละครเรื่องนี้ก็ดูเหมือนจะดึงพวกผู้ชมได้นะเพราะนักแสดงหลักรวมทั้งฉันด้วยหน้าตาดีกันทุกคน นางเงือกเป็นรุ่นน้องม.สี่ที่น่ารักใช้ได้แต่เป็นสำหรับคนอื่นยกเว้นฉันนะเพราะฉันรู้สึกเหมือนมีจิตสังหาร(ดูการ์ตูนมากไป)มาจากรุ่นน้องคนนั้นแถมเวลาฉันคุยกับน้องเขาแบบไม่มีใครเห็นมันก็แตกต่างจากตอนที่มีคนอยู่ด้วยเยอะๆแต่น้องที่เป็นนางละเวงก็ดูสวยเหมาะกับบทจริงๆนั่นแหละ ส่วนสุวรรณมาลีก็คือยัยโคแคระเหอะฉันไม่นึกว่ายัยนั่นจะเรียนศิลป์-ภาษาแต่ก็ดูเหมาะกับเธอดี
“พี่สายพิณคะ เชิญไปแต่งตัวที่ห้องแต่งตัวได้แล้วค่ะ”จู่ๆก็มีเสียงแหลมๆของรุ่นน้องหน้าปลาหมึกที่เป็นสตาฟมาอัญเชิญฉันไปที่ห้องแต่งตัวเพื่อแต่งองทรงเครื่องให้เรียบร้อยก่อนการซ้อมบทครั้งสุดท้ายอีกครั้ง แง ไม่อยากนึกถึงคนดูเลย ให้ตาย
ผ่านไป 1ชั่วโมงครึ่ง
ตอนนี้เป็นตอนที่ฉันมีสภาพที่ไม่อยากให้ใครเห็นและไม่อยากพบใครมากที่สุด เพราะตอนนี้ใบหน้าเรียบเนียนขาวใสของฉันถูกตกแต่งด้วยลิปสติกสีแดงที่วาดเป็นปากยักษ์เบี้ยวๆและสีที่ถูกนำมาวาดเป็นคิ้วอันใหญ่เกินมนุษย์ ซึ่งเรายังไม่พูดเรื่องชุดนะTT เพราะชุดฉันมีลูกโป่งลูกใหญ่ๆที่ได้จากซุ้มแถวนี้ยัดเข้าไปสามลูก เสื้อคอกระเช้าสีแดงผ้าถุงสีขี้หมา เอ๊ย ขี้ม้า แถมไอ้เข็มขัดทองแดงที่เอวฉันซึ่งมันพยายามยึดลูกโป่งกับตัวฉันให้ติดกันไว้เพื่อไม่ให้ลูกโป่งนั้นลอยไปขณะแสดง พูดง่ายๆสภาพของสายพิณผู้นี้ไม่เรียกว่าคนแล้ว เพราะถ้าแถวนี้มีเด็ก พวกเด็กๆคงหาว่าฉันเป็นสัปหลาดแหงๆ ในขณะที่ฉันกำลังพรรณาถึงชุดอันแสนสวยงามของฉันก็มีเสียงหมาจากนรกดังขึ้นมา
“ว่ะฮ่าฮา!! แน่ใจหรอว่านี่คือคนน่ะ”กรี๊ด มันก็เพราะแกไม่ใช่หรอนังทริปเปิ้ลซีที่ทำให้ฉันต้องตกมาอยู่ในสภาพนี้น่ะ
“ไม่ต้องมาหัวเราะเลย ทุกอย่างมันเป็นความผิดของนาย”ฉันพูด แง ฉันอยากจะร้องไห้
“โหย โอเคๆ ฉันผิดก็ฉันผิด”นายเซฟยอมรับและก้มหัวขอโทษอย่างขอไปทีตาแบบฉบับหนุ่มหล่อขี้เล่น แล้วทำไมฉันต้องมาชมว่าเขาหล่อเนี่ย
“เฮ้ เอาอีกแล้วนะยัยบ๊อง จ้องฉันนานๆแบบนี้ ตกหลุมรักฉันแล้วล่ะซิ”นายนั่นพูดพร้อมส่งยิ้มแพรวพราวมาให้
“บ้าหรอ สายพิณสุดสวยคนนี้เนี่ยนะ จะตกหลุมรักผู้ชายที่ทำให้ฉันต้องเจอกับเรื่องซวยๆแบบนี้น่ะหรอ เมาขลุ่ยหรือเปล่าจร๊ะ พระอภัยมณี ฮ่าฮาๆ”ฉันตรอกกลับ เหอะ อย่ามาพูดให้ฉันอยากจะอ้วกหน่อยเลยนะ เหอะ
“โห ยัยยักษ์ปากเสียมิน่าละฉันถึงไม่เอา และอีกอย่างพระอภัยมณีเป่าปี่นะยัยบ๊อง ฮ่าๆ”กรี๊ด อีตาบ้าเอ๊ย เล่นซะฉันหาคำตรอกนายกลับไม่ได้เลยนะ แล้วฉันจะไปรู้ได้ไงละว่าพระอภัยมณีเป่าอะไรฉันไม่ใช่ปี่นี่ย่ะ แต่ก็ที่จะมีการพ่นคำพูดร้ายๆใส่กันต่อก็มีเสียงสวรรค์หรือมารไม่แน่ใจแหกปากตะโกนดังลั่นเหมือนมีคนเหยียบกิ้งกือตาย(?)
“นักแสดงทุกคนเตรียมซ้อมบทครั้งสุดท้ายนะ!!!”เสียงน้องผู้กำกับเพศชายหน้าปลาหมอตะโกนใส่โทรโข่ง เออ จะตะโกนทำไมละนั่นพูดธรรมดาก็หูจะแตกแล้วนะเว้ย หึ่ยๆ
การซ้อมบทครั้งสุดท้ายผ่านไปได้ด้วยดี ยกเว้นก็แต่ที่ฉันเดินเหยียบผ้าถุงจนมันเหมือนจะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่นั่นแหละ แต่ช่างมันเหอะ รีบๆแสดงรีบๆจบวันนี้ไปซะ แค่นั้นก็พอ
“นักแสดงทุกคนเริ่มแสตนบายนะค่ะ”น้องสาวหน้าปลาหมึกตะโกนบอกเบาๆเพราะคนดูเริ่มมาออกันหน้าเวทีแล้ว ฉันลุกขึ้นยืนพร้อมดึงผ้าถุงที่หลุดไปถึงสะโพกให้กลับมาอยู่ที่เอวเหมือนเดิมก่อนจะเดินออกไปแต่ขณะเดินออกไปฉันก็ได้ยินเสียงผู้หญิงสองคนเถียงกัน
“พี่น่ะ ไม่เหมาะกับพี่พัดลมหรอก พี่พัดลมคบกับพี่ไปก็มีแต่บ่อนทำลายชีวิตที่ดีของพี่พัดลม”เสียงยัยน้องนางเงือกพูดเสียงแข็ง(จำชื่อไม่ได้เรียกน้องเงือกไปก่อนนะ)กับผู้หญิงตัวเล็กๆอีกคน เอ๊ะนั่นมันนินิวนี่ กำลังจะทำอะไรกันน่ะ
“ไม่ได้นะ พี่รักพัดลมและพี่เชื่อว่าพัดลมก็รักพี่ พี่ไม่มีทางเลิกกับพัดลมแน่”ยัยโคแคระตอบกลับ กรี๊ด ฉันเข้าข้างยัยน้องเงือกเต็มที่ เอ๊ะ ไม่ใช่ฉันต้องดูเหตุการณ์ไปก่อนสิ
“ถ้าพี่คิดว่าพี่พัดลมจะรักพี่เพราะว่าพี่รักเขาล่ะก็คิดผิดไปเลยล่ะ พี่ก็รู้ว่าพี่พัดลมรักใคร แล้วตอนนี้คนที่พี่พัดลมรักก็กลับมาแล้วทำไมไม่ปล่อยพี่พัดลมให้เขามีความสุขล่ะ”ยัยเงือกตอบ เอ๊ะ นี่ใครคือคนที่พัดลมรักน่ะ ฉันหรอ ไม่ไม่เข้าข้างตัวเองมากไปแหละฉัน
“ไม่จริง เธอเอาอะไรมาพูด พัดลมรักพี่ แถมยัยนั่นน่ะเรียกว่าคนที่พัดลมเคยรักต่างหาก แล้วตอนนี้ยัยนั่นก็กำลังเริงรื่นกับคนอื่นแล้ว”หึ่ย ถ้าคนที่ยัยพวกนั้นพูดถึงเป็นฉันล่ะก็ฉันจะออกไปตบทั้งสองคนตอนนี้เลย แต่ก่อนที่จะได้ออกไปแสดงตัว ฉันก็ถูกมือมืดดึงตัวเข้าไปในมุมมืดที่ไม่มีใครใส่ใจมอง ฉันเตรียมตัวจะกรี๊ดแต่ก็ต้องชะงักไว้เพราะกลิ่นโคโลนชายจากตัวไอ้มือมืดนั่นมันเหมือนกลิ่นโคโลนของนายเซฟน่ะสิ เฮ้อ แลนายนี่จะชอบขโมยและทำลายฉันได้เรื่อยๆเลยนะ
“นี่ อีตาบ้า นายมาปิดปากฉันทำไมเนี่ย”ฉันโวยลั่นเมื่อมือนั่นหลุดจากการปิดปากฉัน
“โหย ก็มีผู้หญิงฉลาดน้อยที่เอาแต่ทำตัวสวยทั้งที่ไม่ได้สวยเลยไปวันๆแถวนี้น่ะสิจะออกไปให้คนอื่นเขาตบเอาง่ายๆน่ะ”กรี๊ด นี่อีตาเซฟแอบด่าฉันหรอเนี่ย
“ฉันเนี่ยนะโง่ นี่คนโง่บ้านไหน สอบชิงทุนไปต่อนอกได้ตั้งปีย่ะ”ฉันพูด
“คนโง่ที่ดันฟลุคน่ะสิ”กรี๊ด เถียงได้นะย่ะ
“สรุปแล้วพัดลมนี่เป็นชื่อคนสินะ”อยู่ๆนายนั่นก็มาเข้าเรื่องได้หักมุมสุดๆ
“มันก็เหมือนเซฟฟีรัสนั่นแหละ ใช่ชื่อคนแน่หรอ”หึหึๆขอสักหน่อย
“อย่าย้อนน่ายัยบ๊อง ชื่อฉันออกจะเมพว่างๆเปิดอากู๋บ้างนะ= =^”นายนั่นไม่พูดเปล่าแต่ดันเอานิ้วมาจิ้มหัวฉันจนหงายเงิ้บ เกลียดนาย แง
“กรี๊ด นาย พ่อแม่ฉันยังไม่กล้าเอานิ้วมาผลักหัวฉันเลยนะ”แต่ที่จริงแล้วฉันโดนแม่ผลักบ่อยๆพร้อมกับคำพูดของแม่ที่ว่า ‘เธอไม่ใช่ลูกฉัน’ แล้วก็เสียงหัวเราะเสียงดังลั่นเมื่อเห็นฉันทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“โอ๋ๆ ก็ย้อนฉันก่อนเองนิ”เอ๊ะ ทำไมนายนี่แลใจดีขึ้นฟ่ะ แต่ก่อนที่ฉันจะดีใจไป นายนั่นก็เอาปี่ที่ยืมมาจากห้องดนตรีไทยมาเขกศรีษะอันได้รูปของฉัน และเดินหนีไปโดยไม่รอให้ฉันได้วีนสักนิด กรี๊ด ไอ้บ้าเซฟ เกลียดแก แง่ง
แต่ถ้าทั้งสองคนนั้นคิดจะเป็นศัตรูกับฉัน ฉันก็คงต้องหาเพื่อนพ้องมาหนุนหลังฉันซะแล้วสิและวิธีการหานั้นคงต้องเอาประสบการณ์ที่ได้มาจากเมกามาใช้ซะแล้วล่ะ หึหึๆ
ความคิดเห็น