ข้อมูลเบื้องต้น
ณ หมู่บ้านหลังเขาแห่งหนึ่งตั้งอยู่ที่ราบลุ่มแม่น้ำปิง เมื่อยี่สิบกว่าปีมาแล้วความเจริญยังไม่เข้ามาทำให้วิถีชีวิตผู้คนที่นี่ยังคงเป็นแบบดั้งเดิม
ผู้คนในชุมชน รักใคร่กลมเกลียวเสมือนญาติมิตร กระท่อมเล็กๆหลังหนึ่งอยู่เกือบท้ายหมู่บ้านมีลูกชายสองคน และลูกสาวคนสุดท้อง1คน
อาชีพของชาวบ้านที่นี่ประกอบด้วยการทำนา และเลี้ยงสัตว์ครอบครัวนี้ก็เช่นกัน พ่อกับแม่ทำนาหมดจากหน้านาพ่อก็รับจ้างเลื่อยไม้ซึ่งเมื่อยี่สิบกว่าปีมาแล้วป่ายังอุดมสมบูรณ์ส่วนแม่รับจ้างทอผ้า เด็กๆได้เข้าโรงเรียนแล้วพี่ชายคนโตอยู่ชั้นปอสี่ คนรองชั้นปอสามส่วนลูกสาวคนเล็กเพิ่งเข้าชั้นปอเพิ่งขึ้นชั้นปอหนึ่ง ถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่ในชุมชนแห่งนี้จะยากจนเกือบทั้งหมู่บ้าน และบ้านนี้ด้วยก็ตามบากจนมากๆกว่าเพื่อนบ้านรอบๆแต่ในความรู้สึกของเด็กน้อยในขณะนั้นก็ไม่ได้รู้สึกว่าแตกต่าง เด็กๆมีความสุขตามอัตภาพ มีพ่อแม่และความอบอุ่นมากมาย ถึงแม้บางครั้งแทบจะไม่มีข้าวกินแต่ไม่ได้ทำให้เด็กน้อยรู้สึกน้อยใจหรืออาจเป็นเพราะยังเด็กมากไม่รู้ความ ชีวิตดำเนินด้วยความเรียบง่าย แม้จะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก ของเล่นสมัยใหม่ แต่เด็กก็หาวิธีเล่นกันได้อย่างสนุกสนานเด็กโตก็ต้องชาวพ่อแม่ทำนา ไม่มีใครจะขี้เกียจทุกคนรู้หน้าที่ลูกสาวก็ต้องหัดช่วยแม่ทอผ้า หรือช่วยแม่ปั่นด้ายเล็กๆน้อยตามกำลัง ตกเย็นสิ่งบันเทิงที่เด็กๆชอบมากคือการได้ฟังนิทาน จากพ่อเฒ่าที่พ่อแม่นับถือ เพราะปู่ย่าตายายตายจากหมดแล้ว เสียงพ่อเฒ่าเล่านิทานด้วยเสียงอันไพเราะ และสอดแทรกด้วยการขับลำนำเป็นภาษาพื้นบ้านที่เด็กๆฟังไม่เข้าใจแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรู้สึกว่าไพเราะมากพาให้เด็กน้อยจิตนาการไปไกล เด็กๆตั้งใจฟังมากแม้จะง่วงนอนก็ตามบางคืนได้ฟังแค่เรื่องเดียวแต่ถ้าคืนไหนผู้เฒ่าไม่เหนื่อยก็จะเล่าใฟ้ฟังสองสามเรื่องนั้นก็ทำให้เด็กๆดีใจมาก
มานั่งนึกกลับไปแทบใจหาย วันคืนเคลื่อนไปไวดั่งฝัน
คิดถึงกระท่อมกลางไพรวัลย์ จากมาเนิ่นนานเป็นอย่างไร
พ่อแก่แม่เฒ่าได้ลาลับ ลำนำที่เคยขับก็ลาล่วง
เหลือไว้เพียงความทรงจำที่คิดถึง
ความคิดเห็น