ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Day Month Year [KrisYeol, HunHan, LayMin]

    ลำดับตอนที่ #8 : LayMin Chapter 7 December (End)

    • อัปเดตล่าสุด 10 ธ.ค. 59



    December  

    และแล้วก็เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปีในแบบที่ไม่ทันตั้งตัว ขณะที่ชีวิตกำลังวุ่นวายไปกับการต้องเดินทางเทียวไปเทียวมาระหว่างประเทศเกาหลีกับประเทศจีนอยู่บ่อยครั้ง เพื่อวางรากฐานของธุรกิจค่ายเพลงใหม่อย่างจริงจัง แม้จะแทบไม่เหลือเวลาแต่จางอี้ชิงก็ยังคงคิดถึงคนตัวเล็กที่เคยอยู่ข้างๆ เสมอ ระหว่างที่เริ่มธุรกิจใหม่ ทำให้เขาได้พบกับผู้คนมากมายแต่ไม่ว่าจะอย่างไร ในหัวใจของเขาก็ยังรู้สึกเงียบเหงาและเปล่าเปลี่ยวอยู่ดี ในวันที่หิมะตกโปรยปราย จางอี้ชิงกลับมาเก็บของที่เกาหลีเป็นครั้งสุดท้ายพร้อมกับคริสและปาร์คชานยอล ทันทีที่มาถึงสนามบินคริสก็ขอตัวแยกออกไปทันทีในขณะที่ชานยอลทำท่าเหมือนโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงกับอะไรบางอย่าง ซึ่งอี้ชิงก็มองเห็นเป็นเรื่องธรรมดาเสียแล้วเพราะสองคนนี้ชอบหาเรื่องทะเลาะกันอยู่เป็นประจำ สักพักชานยอลก็รีบกดโทรศัพท์หาใครคนหนึ่ง  

    ฉันกลับมาถึงเกาหลีแล้วนะลู่หาน ทำความสะอาดห้องด้วย” ชานยอลพูดแค่นั้นแล้วก็กดวางสายทันทีอย่างอารมณ์เสีย อี้ชิงจำได้ว่าชื่อลู่หานนี่คือเพื่อนคนจีนของปาร์คชานยอลที่แอบหนีออกจากบ้านมาเกาหลีและขออาศัยนอนที่ห้องของเพื่อนตัวยักษ์มาได้เกือบเดือนแล้วจึงไม่นึกแปลกใจอะไร  

    กลับไปที่หอกันเลยไหมอี้ชิง” ชานยอลหันมาถาม ในขณะที่สายตาของหนุ่มชาวจีนกำลังหันไปสะดุดอยู่กับใครคนหนึ่งพอดี  

    มินซอก!” อี้ชิงร้องเรียกและออกวิ่งตามไปด้วยความใจร้อน  

    โอ๊ยอะไรอีกเนี่ย…” นายปาร์คชานยอลเริ่มโอดครวญอย่างหงุดหงิดก่อนจะวิ่งตามไป อี้ชิงวิ่งไปได้ซักพักก็เริ่มมองไม่เห็นเป้าหมาย   

    คุณหนูจางครับ คุณชานยอล รถรออยู่ทางนี้แล้วครับ” บอดี้การ์ดคนหนึ่งวิ่งตามมาเชื้อเชิญ  

    รีบไปกันเถอะอี้ชิง หิมะตกหนักแบบนี้ ฉันอยากนอนจะแย่อยู่แล้ว” ชานยอลเอ่ยขึ้นและเดินนำไปพร้อมๆ กับบอดี้การ์ด ถึงเวลาต้องตัดใจอีกแล้ว ชายหนุ่มชาวจีนทำได้แค่ทอดถอนใจและเดินตามไปอย่างยอมจำนน  

    จนกระทั่งผ่านไปอีกหลายวันในเกาหลี ใกล้จะถึงสิ้นปีเข้ามาเรื่อยๆ จางอี้ชิงจึงตัดสินใจอยู่ส่งท้ายปีเก่ากับครอบครัวของซองอึนนูน่าก่อนที่จะกลับประเทศจีนในวันขึ้นปีใหม่เพื่อที่จะเริ่มต้นทำค่ายเพลงอย่างจริงจัง และอีกสาเหตุหนึ่งที่เขาประวิงเวลาก็เพราะว่าอยากจะเจอกับคิมมินซอก บางทีหากยังอยู่ในเกาหลี โอกาสที่จะได้เจอกันก็ย่อมมีมากกว่าอยู่ในประเทศจีนอยู่แล้ว แม้จะรู้ว่าคนตัวเล็กคงไม่ยอมให้เขาได้เจอแน่ แต่ถึงอย่างไรอี้ชิงก็ยังคงหวัง  

      

    30 December  

       

    เสียงน้ำแข็งในแก้วกระทบกันดังก๊องๆแก๊งๆ จางอี้ชิงยกแล้วก็วาง ยก... แล้วก็วางมาเป็นสิบๆครั้งโดยที่เขาก็ไม่ได้ดื่มแบบเป็นจริงเป็นจังซักที  

                “เฮ้ย! น้ำแข็งละลายหมดแล้ว” เสียงเพื่อนตัวดีดังขึ้นเป็นการขัดจังหวะครุ่นคิด อี้ชิงวางแก้วในมือลงแล้วหันไปมองเพื่อนตัวสูงเก้งก้างที่เริ่มจะดูตาเยิ้มๆ ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์สายตาเรียบนิ่งก่อนที่แก้วตรงหน้าจะถูกฉกฉวยเอาไปอย่าง รวดเร็วชนิดที่ทำให้น้ำในแก้วหกกระจายเรี่ยราดไปหมด  

    ไม่ดื่มก็บอก... เดี๋ยวพี่ชานจะจัดการให้เอง” ปาร์คชานยอลที่กำลังเริ่มเมาไม่รู้เรื่องทำท่าจะกระดกแก้วดื่มรวดเดียวให้ หมดแต่โชคดีที่มีคนคว้าแก้วออกมาจากมือของเขาได้ทัน  

    หยุดๆๆ พอได้แล้วชานยอล นายน่ะเมาแล้วนะรู้ตัวรึเปล่า” คนหน้าหวานที่สุดในโต๊ะยึดแก้วมาได้ก็เทลงคอทันที   

                “อะไรกันเนี่ยลู่หาน แก้วนั้นฉันแย่งอี้ชิงมาได้นะ” ชานยอลเริ่มโวยวาย  

                “ก็นายเมาแล้วนี่นา จะดื่มอะไรกันนักหนาล่ะ” ลู่หานพูดไปก็ชงแก้วใหม่ไปพลางๆก่อนจะส่งคืนให้อี้ชิงเอาไปยกแล้วก็วาง ยกแล้วก็วางอย่างเดิม  

                กระแสลมหายใจที่พรั่งพรูออกมาทางปลายจมูกของอี้ชิง หนักหน่วง ในขณะที่ชานยอลก็บ่นอุบอยู่ในลำคอ ให้ตายสิ... จะถึงวันสิ้นปีอยู่รอมร่อ ทำไมบรรยากาศแห่งความสุขและการเฉลิมฉลองถึงไม่บังเกิดขึ้นในโต๊ะๆ นี้เลย ต่างคนต่างก็มีเรื่องค้างคาใจเหมือนกันสินะแม้แต่ลู่หานที่เหมือนจะไม่มี อะไรก็ดื่มมากจนผิดปกติเช่นกัน  

                เฮ้อ... มินซอก”  

                “เฮ้อ... โอเซฮุน  

                “เฮ้อ... ไอ้พี่คริส  

    สามเสียงสอดประสานพร้อมเพรียงกันพอดี คงเป็นเพราะชื่อพวกนี้แน่ๆ ที่ทำให้คนทั้งสามต้องประสบปัญหาค้างคาใจและไม่อาจทำตัวให้สนุกสนานได้แม้จะอยู่ท่ามกลางสีสันแห่งเทศกาลพิเศษในช่วงปลายเดือนธันวาคม  

                “เฮ้อออ...” ทั้งจางอี้ชิง ลู่หาน แล้วก็ปาร์คชานยอลถอนหายใจพร้อมกันอีกครั้ง  

    คงต้องทำอะไรซักอย่าง ดีกว่าปล่อยให้มันคาราคาซังแบบนี้” ลู่หานเอ่ยขึ้นในขณะที่มือก็คว้าแก้วของตัวเองขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมด  

    ใช่... ต้องทำอะไรซักอย่าง” ชานยอลกระแทกแก้วของตัวเองลงบนโต๊ะก่อนจะลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว  

                “เดี๋ยวๆๆ ชานยอล นั่นนายจะไปไหน” อี้ชิงรีบลุกขึ้นยืนตาม  

                “จะไปต่อยไอ้พี่คริส!  

                ร่างสูงทำท่าจะเดินดุ่มๆออกจากร้านไปทั้งๆที่ยังไม่ได้จ่ายเงินซักบาท  

                “เฮ้ย... ใจเย็นๆ” ลู่หานรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งมาขวางเจ้าเพื่อนตัวยักษ์เอาไว้ “จะไปต่อยไอ้พี่คริส แล้วนายรู้เหรอว่าตอนนี้ไอ้พี่คริสของนายมันอยู่ที่ไหน”   

                “มันอยู่ร้านข้างๆ พึ่งเช็คอินเมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้ว...” ชานยอลตอบพร้อมกับยกโทรศัพท์มือถือขึ้นให้ดูแล้วก็ผลักร่างบางของลู่หานปลิวไปทางหนึ่งก่อนจะรีบย่ำเท้าออกไปจากร้านนั้นทันที  

    ชิบ...” ลู่หานสบถพลางหันมาจ้องหน้าอี้ชิงกำลังจะถามว่าเอายังไงกันดีก็มีเสียงข้อความเข้าดังขึ้นเป็นการขัดจังหวะซะก่อน  

                “โทษที ของฉันเอง...” จางอี้ชิงล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาสไลด์หน้าจอดูเล็กน้อย แล้วสีหน้าก็เครียดขรึมลงไปในทันที  

                “มีอะไรรึเปล่าอี้ชิง”  

                “ไม่มี...”  

                “งั้นรีบไปเก็บไอ้ยักษ์กันเถอะ...”  

                “ไม่มีเวลาแล้ว! ฝากจ่ายด้วยนะลู่หาน” อี้ชิงทำท่าจะลนลานออกจากร้านไปอีกคน  

                “เฮ้ย... เดี๋ยวก่อน” ลู่หานต้องการคำอธิบาย  

                “ขอโทษจริงๆลู่หาน หนึ่งปีของฉันกับมินซอกจะไม่มีความหมายอะไรเลยถ้าฉันไม่รีบไปตอนนี้”  

    ยังไงก็ปล่อยให้ข้ามปีไปแบบนี้ไม่ได้สินะ!   

      

      

    Day-Month-Year  

      

    ที่สนามบินอินชอน จางอี้ชิงวิ่งตามหาใครคนหนึ่งไปทั่ว ในที่สุดก็เจอตัวจนได้  

    มินซอก…” เขาร้องเรียกคนตัวเล็กที่กำลังยืนเช็คอินอยู่หน้าเคาน์เตอร์ด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น มินซอกรีบจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยและเดินออกมา  

    นายมาได้ยังไงอี้ชิง”  

    ซองอึนนูน่าคงสงสารฉันที่คิดถึงนายแทบบ้า ก็เลยบอกฉันว่านายกำลังจะไปอังกฤษ มินซอก… ทำไมนายถึงได้ใจแข็งนัก” 

    ใจแข็งอย่างงั้นเหรอ แข็งใจล่ะไม่ว่า มินซอกเงยหน้าขึ้นเพื่อเลี้ยงหยดน้ำตาที่คลอขังขึ้นมาเอาไว้ไม่ให้เอ่อท่วมทะลักออกมาอาบแก้ม 

    นายไม่รู้หรอก ว่ากว่าจะถึงวันนี้ ฉันต้องผ่านอะไรมาบ้าง 

    มินซอก นายก็พูดกับฉันสิ  

    แล้วถ้าตอนนั้นฉันอกให้นายละทิ้งความฝันของนายไปซะ เลิกทำเพลงอย่างเด็ดขาดแล้วไปอยู่กับฉันที่ยุโรป ปช่วยขยายกิจการของแม่นายที่นั่น นายก็จะทำตามที่ฉันขออย่างนั้นเหรอ 

    “…” อี้ชิงได้ยินแล้วก็ถึงกับนิ่งอึ้งและพูดอะไรไม่ออก 

    ว่ายังไงล่ะ นายจะทิ้งฝันของนายเพื่อฉันได้ไหม เด็กหนุ่มร่างเล็กเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าแววตาที่จริงจังในแบบที่อี้ชิงยังไม่เคยได้เห็นมาก่อน ชายหนุ่มชาวจีนแท้จึงนิ่งคิดต่อไปอีกเป็นครู่ใหญ่ก่อนจะตัดสินใจตอบออกมาโดยไม่คิดอะไรอีกแล้วว่า 

    นายสำคัญับฉันมากนะรู้ไหม นายไม่คิดเลยหรือไงว่าบางทีฉันอาจจะยอมทำเพื่อนายก็ได้ 

    วามฝันของนาย ที่ฉันพยายามอยู่เพื่อปกป้องมันมาโดยตลอดจนแม้กระทั่งตอนนี้นาเหรอ ความฝันของนาย ความฝันของพ่อนาย ความรักความหลังแล้วก็ความทรงจำของแม่นา ทั้งหมดนี้นายจะทิ้งมันได้จริงๆ เหรอ 

     

    ฉันว่านายทิ้งมันไม่ได้หรอกอี้ชิง ละฉันก็ทิ้งความฝันของฉันเพื่อใครไม่ได้เหมือนกัน 

    ฟังมาถึงตรงนี้จางอี้ชิงก็ยิ่งรู้สึกทั้งเจ็บทั้งจุกจนพูดไม่ออก ที่ผ่านมาเขาคงเห็นแก่ตัวเกินไปใช่ไหมที่คอยแต่จะสนใจเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเอง ไม่เคยคิดเผื่อเลยว่าคนที่อยู่ข้างกายจะต้องลำบากหรือเผชิญกับความรู้สึกสับสนอย่างไรบ้างในฐานะของคนที่มีความฝันเช่นกันแต่ไม่ได้ทำตามฝันของตัวเองอย่างเต็มที่เลยเพราะจะต้องมัวแต่มาคอยปกป้องความฝันให้กับใครอีกคน 

    มินซอกฉันขอโทษ คยคิดเหมือนกันว่านายจะรักฉันโดยไม่ละทิ้งความฝันและตัวตนของตัวเองได้ไหม แต่สุดท้าย พอนายเลือกฝันของตัวเองจริงๆ ทำไมฉันถึงได้เจ็บปวดแบบนี้  

    ี้ชิงเอ่ยขึ้นในขณะที่เริ่มนัยน์ตาชื้นๆ เพราะอยู่ด้วยกันก็ต้องเลือกระหว่างความฝันของใครคนใดคนหนึ่ง อี้ชิงรู้ว่มินซอกเดิมพันกับคุณนายจางเอาไว้ค่อนข้างสูง คุณตาเล่าให้ฟังว่าก่อนหน้าที่เขาจะกลับไปตามหามินซอกที่จีน ด็กหนุ่มร่างเล็กชาวเกาหลีแท้ๆ คนนั้นได้ตัดสินใจอย่างกล้าหาญที่จะบุกไปหาคุณนายจางถึงที่และตกลงเจรจากับเธอเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต มินซอกเก่งมากที่ขุดเอาความรักความหลังที่ฝังลึกอยู่ในหัวใจของคุณนายจางขึ้นมาจนได้ว่าที่ไม่ยอมให้อี้ชิงเล่นดนตรีและทำเพลง ก็เพราะว่าครั้งหนึ่งเสียงเพลงเคยเป็นความฝันที่วาดเอาไว้ร่วมกันกับพ่อของจางอี้ชิง ่อนที่เขาจะจากไปด้วยอาการป่วยเพราะความเครียดที่ทำค่ายเพลงไม่สำเร็จ  

    นานเกือบเท่าอายุของอี้ชิงแล้ว จางชิงฮวายังคงรู้สึกขัดเคืองอยู่เสมอว่าทำไมพ่อของจางอี้ชิงจึงไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากตระกูลจาง หากเขายอมรับการซัปพอร์ตจากเธอสักนิด ไม่แน่ว่าทุกอย่างอาจจะไม่กลายมาเป็นแบบนี้ก็ได้ ตอนนั้น เพราะคิดว่าพ่อของจางอี้ชิงเห็นความฝันสำคัญกว่าครอบครัวและปล่อยให้ความเครียดจากการวิ่งไล่ไขว่คว้าหาความฝันมาทำลายตัวเองในที่สุดคุณนายจางจึงเกลียดความฝันชิ้นนั้นมากยิ่งกว่ากระดูกดำ เธอไม่อยากให้อดีตวนซ้ำกลับไปเป็นเหมือนเช่นรอยเดิมอีกจึงขัดขวางี้ชิงทุกอย่างไม่ให้ยุ่งกับเสียงเพลง แต่แล้วการมาของมินซอกในวันนั้นก็ทำให้คุณนายจางคิดอะไรได้หนึ่งอย่าง เพราะเชื่อมั่นในความสามารถและหวังจะได้รับความรู้สึกภาคภูมิใจอย่างเต็มที่กับงานชิ้นสำคัญ พ่อของจางอี้ชิงจึงปฏิเสธการซัปพอร์ตทุกอย่างจากเธอผู้เป็นภรรยา แต่กับอี้ชิงนั้นต่างกันลิบลับ เขายังคงเป็นเด็กหนุ่มที่ไม่มีประสบการณ์และต้องการจะได้รับการซับพอร์ตจากเธอผู้เป็นแม่ รวมไปถึงตระกูลจางที่เขาเองก็เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลนี้เช่นกัน อี้ชิงไม่ใช่คนนอกที่ต้องกลัวจะถูกกล่าวหาว่าเกาะบ้านตระกูลจางหากินไปวันๆ แต่เขาคือจางอี้ชิง ทำไมเธอถึงไม่ซัปพอร์ตเขา 

    คุณกำลังจะทำให้ทุกอย่างกลับไปซ้ำตามรอยเดิมทั้งๆ ที่บริบทมันต่างกันลิบลับ มินซอกเอ่ยขึ้นในขณะที่คุณนายยังคงยึดมั่นถือมั่นในทิฐิส่วนตัว จึงยอมตกลงที่จะวางเฉยให้โอกาสอี้ชิงอีกเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น ถ้าไม่สำเร็จ ทุกอย่างก็คือจบ คุณหนูจางก็ต้องกลับมาเป็นคุณหนูจางของแม่และแต่งงานเพื่อสืบทอดวงศ์ตระกูลต่อไป  

    มินซอก ฉันรู้ว่าความฝันนายก็สำคัญแต่สิ่งที่ฉันจะต้องทำต่อจากนี้ ถ้าไม่สำเร็จนั่นหมายความว่าเรื่องระหว่างเราก็ต้องจบลงด้วยนะ…” อี้ชิงเอ่ยขึ้นเหมือนอ้อนวอน 

    ฉันเชื่อใจนายไงอี้ชิง มินซอกน้ำตาไหล ที่เลือกแบบนี้ไม่ใช่เพราะไม่รักหรือว่ารักไม่มากพอแต่ คนตัวเล็กทำผิดกับตัวเอง ผิดกับแม่ ผิดกับครอบครัวของเขามามากนักแล้ว และอีกอย่าง การไป work and study ครั้งนี้ก็ไปเพื่ออนาคต ไปเพื่อความฝัน อีกไม่นานมินซอกคงจะหาที่เรียนต่อปริญญาโทในอังกฤษได้ 

    ฉันจะรอฟังเพลงของนาย ที่อังกฤษนะ 

    คนตัวเล็กยิ้มให้ทั้งน้ำตาก่อนจะทำท่าถอยห่างออกมาเหมือนกับว่าจะต้องไปแล้วแต่ร่างสูงกว่ากลับดื้อรั้นดึงเขามากอดเอาไว้แน่นและปล่อยให้น้ำตาของตัวเองไหลยังไม่สนใจต่อสายตาของใครทั้งนั้น 

    มินซอก ฉัน…” มีบางคำที่อยากจะพูด 

    เก็บไว้พูดปีหน้า หรือไม่ก็บอกฉันในเพลงของนายก็แล้วกันนะ ฉันต้องไปแล้ว ชายหนุ่มร่างเล็กขยับตัวออกจากอ้อมแขนของอีกฝ่ายก่อนจะยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาเบาๆ 

    หนึ่งปี ก็แค่วูบหนึ่งในกาลเวลาเท่านั้น อี้ชิงยืนมองคนตัวเล็กเดินจากไปพลางนึกถึงวันแรกที่ได้เจอกันในร้าน Good friends เขายังจำภาพดวงตาเฉี่ยวคมคู่หนึ่งที่แอบมองเขาในตอนนั้นได้ เวลานี้แม้จะเห็นแต่เพียงเบื้องหลังและต้องมองผ่านม่านน้ำตาคิมมินซอกก็ยังคงน่ารักเสมอ และจะเป็นที่รักของจางอี้ชิงเช่นนี้ตลอดไป 


    Day-Month-Year 

    Next year 

    December 

    ท่ามกลางไออากาศที่ค่อนข้างจะหนาวเย็นในกรุงลอนดอน เสียงเพลงที่ลื่นไหลไปด้วยท่วงทำนองสบายๆ ดังขึ้นในห้องพักแห่งหนึ่งที่ถูกจัดแต่งเอาไว้เป็นอย่างดีด้วยบรรยากาศที่แสนอบอุ่น  

    กว่าครึ่งปีแล้วที่คิมมินซอก เด็กหนุ่มนักศึกษาปริญญาโทชาวเกาหลีใต้ในลอนดอนได้ย้ายมาเช่าพักอยู่ในที่แห่งนี้ภายหลังจากที่ได้รับทุนการศึกษาห้เข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยดังย่านใกล้เคียงเมื่อเทอมปลายที่ผ่านมา ช่วงวันหยุดเทศกาลคริสต์มาสต์และวันขึ้นปีใหม่กำลังคืบคลานใกล้เข้ามามากขึ้นทุกทีแล้ว ป่านนี้ที่เกาหลีคงจะหนาวแย่ ไม่รู้เหมือนกันสินะว่าที่ประเทศจีนจะเป็นยังไงบ้าง มินซอกนั่งคิดในใจขณะที่เปิดเพลงฟังไปด้วยและเคลียร์งานไปด้วย 

    รสชาติของความฝันที่เพียรเฝ้าไขว่คว้าในอังกฤษดูเหมือนจะเหนื่อยพิลึกแต่ก็สนุกดี ไม่รู้ว่ารสชาติความฝันที่อีกคนเพียรเฝ้าไขว่คว้าในจีนและเกาหลีจะเป็นยังไงบ้าง คนตัวเล็กนั่งนึกอยู่ไม่นาน หมดรายการเพลงที่เปิดค้างไว้ในยูทูปมันก็รันเล่นไปยังเพลงอื่นเรื่อยๆ ซึ่งก็ดูเหมือนจะไม่ถูกใจมินซอกเท่าไหร่จึงรีบขยับเม้าส์ให้หน้าจอสว่างขึ้นก่อนจะกดรีเฟรชหน้าแรกของยูทูปขึ้นมาใหม่ ในรายการที่น่าสนใจมีคลิปเพลงใหม่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอที่เห็นเพียงวูบเดียวคิมมินซอกก็ต้องใจสั่น 

    อี้ชิง!  

    เขาหลุดเสียงร้องขึ้นในขณะที่มือไม้เย็นเฉียบและหัวใจเต้นแรงขึ้นมาจนแทบช็อค มือสั่นไหวขยับเม้าส์คลิกเข้าไปดูอย่างรวดเร็วแต่ก็ยังไม่ทันใจอยู่ดี ทันทีที่โน้ตตัวแรกเปล่งเสียงขึ้นผ่านลำโพงของแลปท็อปมินซอกก็น้ำตาไหล 


    ในความมืดที่อยู่ตรงหน้า ผมมองเห็นเพียงแค่คุณที่ก้าวเข้ามา 

    ในสายตาของผม คุณคงเสียน้ำตาเพราะผมมาไม่น้อยเลย 

    แม้จะเป็นวันที่พายุโถเข้าใส่ คุณก็ยังเลือกก้าวาหาผมโดยไร้เหตุผลใดๆ แล้วุกอย่างจะต้องดีขึ้นนะ 

    คุณมักจะคอยอยู่เคียงข้างผมเสมอ อยจับมือผมไว้ไม่ไปไหน 

    ทุกครั้งที่ผมอ่อนแอ ุกคราวที่ผมผิดหวัง จะมีคุณคอยมอบพลังใจให้เสมอ ทำให้ผมเข้มแข็ง 

    แทบทุกครั้งที่ผมหวาดกลัว ุกคราวที่ผมพ่ายแพ้ คุณเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ผมเติบโตมาได้ขาดนี้ 

    รู้สึกแข็งแกร่งยิ่งขึ้น หนักแน่นกว่าเคย คุณช่วยขจัดวามมืดมิดให้เลือนหายไปราวกับแสงอาทิตย์ 

    พวกเราต่างก็แข็งแกร่งขึ้นทั้งผมและคุณ 

    ยามที่ใจของผมเหนื่อยล้า มีคุณคอยสนับสนุนเป็นแรงผลักดันให้ผม 

    เมื่อสิ้นสุดการเดินทางที่แสนยาวนาน ุณยังคงอยู่ตรงนี้  

    ผมพยายามต่อสู้กับทุกสิ่งเพื่อรักษาคุณไว้ แล้วทุกอย่างจะต้องดีขึ้นนะ 

    คุณโอบกอดรักษาทุกสิ่งเอาไว้ แม้กระทั่งตอนที่ผมไร้ความมั่นคง 

    ทุกครั้งที่ผมอ่อนแอ ทุกคราวที่ผมผิดหวัง จะมีคุณคอยมอบพลังใจให้เสมอ ทำให้ผมเข้มแข็ง 

    แทบทุกครั้งที่ผมหวาดกลัว ทุกคราวที่ผมพ่ายแพ้ คุณเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ผมเติบโตมาได้ขนาดนี้ 

    ทุกถ้อย ทุกคำในเนื้อเพลงที่ดูเหมือนจะพูดถึงมินซอกทั้งหมดทำให้คนตัวเล็กถึงกับร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาไม่หยุด  

    คิดถึงเหลือเกิน และนี่ก็กำลังจะครบหนึ่งปีอีกแล้วสินะ ถึงเวลารึยังที่คิมมินซอกจะต้องกลับไปฟังคำๆ นั้นจากปากของจางี้ชิงสักที 

    ยังไงก็ปล่อยให้ข้ามปีไปแบบนี้ไม่ได้สินะ! 

     

    ปรดติดตามต่อใน Special year

    ----------------------------------------------------------------------

    ตอนนี้จบพาร์ทเลย์หมินแล้วนะคะ ขอบคุณซับสวยๆ ของเพลง Stronger เครดิต : newkkn ไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ สเปเชียลรอไปก่อนนะ ฮุนฮานกำลังจะมาแล้วค่ะ หนาวแล้ว ระหว่างรอ winter album เปิดฟังเพลงเก่าๆ แล้วมันได้ฟีลอยากแต่งเรื่องนี้ต่ออยู่ๆ ก็เลยโผล่มาซะงั้น ยังไม่มีแท็ก ไม่มีอะไรทั้งนั้นแต่คิดว่าเดี๋ยวจะมีละ พาร์ทต่อไปความยาวในแต่ละตอนอาจจะไม่เท่าพาร์ทนี้ แต่จำนวนตอนเท่ากันค่ะ ยังไงก็อย่าลืมมาติดตามกันด้วยนะคะ รอฟิคเรื่องไหนไม่อัพก็ลองไปอ่านเรื่องอื่นเปลี่ยนรสชาติดูก็ได้เนาะ สุดท้ายก็ต้องขอขอบคุณที่ยังคงติดตามค่ะ

    #ficdaymonthyear

    #yearlm #monthhh #dayky

    @sangnamja007 เอาไว้ทวงฟิคได้นะคะ ช่วงนี้หลายใจเป็นพิเศษ แต่งเรื่องละนิดละหน่อยแล้วก็ทยอยอัพไปพร้อมๆ กัน อยากอ่านเรื่องไหนเป็นพิเศษแล้วไม่อัพก็ตามไปจิกหัวได้ค่าาา ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×